Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการทำกิจกรรมสร้างจิตสำนึกของศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ กาญจนบุรี

คู่มือการทำกิจกรรมสร้างจิตสำนึกของศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ กาญจนบุรี

Published by Nawaphat Buddeewong, 2019-11-21 04:23:57

Description: คู่มือการทำกิจกรรมสร้างจิตสำนึกของศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ กาญจนบุรี

Keywords: สัวต์ป่า

Search

Read the Text Version

คู่มอื การทากจิ กรรมสร้างจติ สานึกของศูนย์ศึกษาธรรมชาตแิ ละสัตว์ป่ าเขานา้ พุ จงั หวดั กาญจนบุรี

กจิ กรรมนักสืบสายนา้ นกั สืบสายน้า คือ กิจกรรมท่ีไปลุยลาธาร ทาตวั เป็นนกั สืบ กม้ หนา้ พลิกดูใตก้ อ้ นหิน มองหาแมลงตวั จิ๋ว ที่ซ่อนตวั ในพ้ืนท่ีต่างๆ ของลาน้า รวมท้งั เก็บขอ้ มูลทาง กายภาพต่างๆ เพ่ือมาประเมินคุณภาพและสุขภาพของ แหล่งน้าน้นั ๆ

อปุ กรณ์ 1. แวน่ ขยาย 2. กระชอนตาข่ายละเอียด 3. ถาดลึกหรือกะละมงั แบน 4. ถว้ ยพลาสติกสีขาว 5. พกู่ นั เลก็ ๆ 6. ชอ้ นพลาสติก 7. คู่มือนกั สืบสายน้า

ข้ันตอนการทากจิ กรรม 1. สุ่มเก็บสัตว์ตัวอย่างในแหล่งน้าธรรมชาติ โดยนา กระชอนตาข่ายกวาดทวนน้า หลงั จากน้นั นาข้ึนมาดู (สุ่ม เกบ็ ประมาณ 4-5 ตวั ) 2. หากเจอสัตวต์ วั อยา่ งใชพ้ ่กู นั เขี่ยสัตวใ์ ส่ถว้ ยท่ีเตรียมไว้ โดยในถว้ ยตอ้ งใส่น้าก่อน 3. หลงั จากเก็บตวั อย่างสัตวไ์ ด้ตาที่กาหนด นามาเทใส่ ถาดที่ใส่น้าสะอาดไวอ้ ีกรอบหน่ึง 4. ทาการประเมินคุณภาพของน้า

การประเมินคุณภาพของน้า ทาดงั น้ี 1. ใชช้ อ้ นพลาสติก ตกั สัตวข์ ้ึนมาแลว้ ใชแ้ วน่ ขยายส่องดสู ัตว์ 2. ระหวา่ งน้นั จะทาประเมินลกั ษณะของสัตวจ์ ากคมู่ ือนกั สืบสายน้า 3. เมื่อรู้ชนิดของสัตวแ์ ลว้ จะทาไปเทียบคะแนนในตารางประเมินคุณภาพน้า 4. ทาการรวมคะแนนของสัตวแ์ ต่ละประเภท 5. ทาประเมินคุณภาพน้า โดยนาคะแนนรวมหารดว้ ยจานวนประเภทสัตว์ ความหมายของค่าดชั นีคุณภาพนา้ 1. คะแนน 7.6 - 10 น้าสะอาดมาก 2. คะแนน 5.1 - 7.5 น้าคอ่ นขา้ งสะอาด - สะอาด 3. คะแนน 2.6 - 5.0 น้าคอ่ นขา้ งสกปรก - พอใชไ้ ด้ 4. คะแนน 1.0 - 2.5 น้าสกปรก 5. คะแนน 0 น้าเน่า (ไม่มีสตั วอ์ ยเู่ ลย)

ประโยชน์ของกจิ กรรม 1. ไดศ้ ึกษาและเรียนรู้เก่ียวกบั การหาค่าดชั นีคุณน้าวา่ แหล่งน้าน้ีมีความสะอาดอยใู่ นระดบั ใด 2. เป็นการสร้างจิตสานึกใหแ้ ก่ผมู้ าร่วมทากิจกรรม ช่วงเวลาในการทากจิ กรรม สามารถทากิจกรรมไดท้ ้งั ช่วงเชา้ และช่วงบ่าย

กจิ กรรมป้ันและยงิ เมลด็ พนั ธ์ุ

กจิ กรรมการป้ันและยงิ เมลด็ พนั ธ์ุ เป็ นการช่วยอนุรักษแ์ ละปลูกตน้ ไมแ้ บบง่ายๆ ดว้ ยแนวคิดการนาเมลด็ พนั ธุ์และป๋ ุยหมกั ลงในดินเหนียวท่ีป้ัน เป็นกอ้ น และยงิ กอ้ นเมลด็ พนั ธุ์ออกไปในพ้ืนท่ีป่ าบริเวณกวา้ ง เมื่อกอ้ นเมลด็ พนั ธุ์เกิดการยอ่ ยสลาย เมลด็ พนั ธุ์ ในดินเหนียวจะค่อยๆ เติบโตเป็นตน้ กลา้ หยงั่ รากลึกลงในผืนดินและเติบใหญ่เป็นตน้ ไมใ้ หร้ ่มเงาต่อไป ซ่ึงเป็น วิธีท่ีสะดวกและสามารถทาไดป้ ริมาณมากในเวลาอนั รวดเร็ว แต่ตอ้ งศึกษาหาขอ้ มูล เกี่ยวกบั รูปแบบป่ าไมแ้ ละ พนั ธุ์พืชทอ้ งถิ่นให้ดีเสียก่อน เพ่ือการจดั เตรียมเมล็ดพนั ธุ์ท่ีเหมาะสม เพิ่มโอกาสรอดให้กลา้ พนั ธุ์ท่ีงอกมา มีการปรับตวั ตามสภาพภมู ิประเทศ สภาพอากาศ และคงรักษาไวซ้ ่ึงระบบนิเวศนด์ ้งั เดิม

กจิ กรรมการป้ันและยงิ เมลด็ พนั ธ์ุ วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อเพิ่มพ้นื ที่สีเขียวใหผ้ นื ป่ า 2. เพือ่ ปลกู จิตสานึกและอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติใหผ้ นื ป่ ามีความอุดมสมบรู ณ์ ผา่ นกิจกรรมเรียนรู้เกี่ยวกบั การยง่ิ เมลด็ พนั ธุพ์ ืช

กจิ กรรมการป้ันและยงิ เมลด็ พนั ธ์ุ อุปกรณ์ 1. เมลด็ พนั ธุ์ 2. ป๋ ุยชีวภาพ 3. ดินเหนียว 4. หนงั สต๊ิก

กจิ กรรมการป้ันและยงิ เมลด็ พนั ธ์ุพชื ข้นั ตอนการทากจิ กรรม 1. ป้ันดินเหนียวเป็นกอ้ นกลมและกดใหแ้ บน 2. หยบิ ป๋ ุยเลก็ นอ้ ยยดั ลงไปพร้อมกบั เมลด็ พนั ธุ์ตน้ ไมท้ ี่เราจะยงิ 3. ป้ันเป็นกอ้ นเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 3 ซม.แลว้ นามาใส่ลงั ไข่ เพื่อนาไปตากใหด้ ินแหง้ 4. นากอ้ นดินเหนียวท่ีตากแหง้ เรียบร้อยแลว้ ไปยงิ ในป่ า

กจิ กรรมการป้ันและยงิ เมลด็ พนั ธ์ุ ประโยชน์ทไี่ ด้ 1. เป็นการอนุรักษป์ ่ าไม้ 2. เพม่ิ พ้นื ท่ีป่ า สร้างความอุดมสมบรู ณ์และความสมดุลใหก้ บั พ้ืนท่ีป่ า เวลาที่ใชใ้ นการทากิจกรรม 30 – 45 นาที

กจิ กรรมฝายชะลอนา้ ลกั ษณะกจิ กรรม ฝายเป็ นส่ิงท่ีถูกสร้างข้ึนดว้ ยฝี มือมนุษย์ ทาไวส้ าหรับช่วยกกั เก็บน้าและชะลอการไหลเวยี นของน้าไดด้ ี สร้างประโยชน์ต่อส่ิงมีชีวิต พ้ืนท่ีมากมาย อย่าง แมลง สัตวป์ ่ า พนั ธุ์พืชนานาชนิดได้เป็ นอย่างดี พร้อมดว้ ยกกั เกบ็ น้าไวใ้ นใชง้ านไดฤ้ ดูแลง้ ไดเ้ ป็นอยา่ งดีอีกดว้ ย

วสั ดุอปุ กรณ์ รูปแบบของฝายต้นนา้ ลาธาร สามารถแบ่งแยกออกตามวสั ดุที่ใช้ ในการก่อสร้างเป็น 2 แบบดว้ ยกนั คือ วสั ดุที่หาไดจ้ ากธรรมชาติ 1. เศษไม้ ปลายไม้ และเศษวชั พชื หินขนาดตา่ ง ๆ ที่หาไดใ้ น พ้ืนท่ี และวสั ดุที่จะตอ้ งจดั ซ้ือ 2. ปนู ซีเมนต์ เหลก็ เสน้ กรวด ทราย

ข้ันตอนการทากจิ กรรม 1. นาเศษไม้ กระสอบทราย หินต่างๆและวชั พืชมากองรวมกนั 2. นาเสาไมม้ าปักใหล้ ึกพอสมควร ตามปริมาณน้าและดินของลาหว้ ย

ประโยชน์ที่ไดร้ ับ 1. ฝายชะลอน้าสร้างขวางทางไหลของน้าบนลาธารขนาดเลก็ ไว้ เพ่อื ชะลอการไหล 2. ลดความรุนแรงของกระแสน้า ลดการชะลา้ งพงั ทลายของตลิ่ง 3. ช่วยใหด้ ินชุ่มช้ืน ป่ ามีความอุดมสมบรู ณ์ เพิม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ 4. สัตวป์ ่ า สัตวน์ ้า ไดอ้ าศยั น้าในการดารงชีวติ คืนพชื แก่เนินเขา/ภูเขาหวั โลน้

ช่วงเวลาท่ีควรทา เวลาในการทาฝายชะลอน้าเหมาะกบั ช่วงกลางวนั เพื่อในการมองเห็นและสะดวก ในการทาฝายและปลอดภยั ในการร่วมทากิจกรรมอีกดว้ ย

กจิ กรรมชมววั แดง

พาเยยี่ มชมคอกววั แดง แนะนาววั แดงแต่ละตวั และสอนเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกบั ววั แดง ท้งั วธิ ีการสงั เกต จุดเด่น อาหาร และลกั ษณะพ้นื อาศยั

กจิ กรรมเดนิ ป่ า ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติของ น.พ.บุญส่ง เลขะกลุ

ตามเสน้ ทางศึกษาธรรมชาติของ น.พ.บุญส่ง เลขะกลุ นายแพทย์ บุญส่ง เลขะกลุ ไดจ้ ดั ต้งั “นิยมไพรสมาคม” มีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ เป็นศนู ยก์ ลางในการพบปะพดู คุย แลกเปล่ียน ติดตามสถานการณ์และทาการรณรงคด์ า้ นป่ าไมแ้ ละสตั วป์ ่ า โดย เร่ิมจากการเที่ยวป่ าเพือ่ เขียนหนงั สือเก่ียวกบั ธรรมชาติ ป่ าไม้ และ สตั วป์ ่ า ต่อมาไดจ้ ดั ทาเสน้ ทางศึกษาธรรมชาติไวใ้ หค้ นรุ่นหลงั ได้ ศึกษาหาความรู้จากธรรมชาติอยา่ งแทจ้ ริง

วสั ดุอุปกรณ์ในการเดินป่ า 1.กระเป๋ าเป้ ควรเป็นเป้ สาหรับเดินป่ า มีแผน่ รองกนั ช้าที่บ่า เอาไวใ้ ส่สมั ภาระจาเป็น 2.เส้ือเดินป่ า ควรเป็นเส้ือแขนยาวจะใชป้ ้ องกนั การขีดข่วนของ ก่ิงไม้ – หนาม 3.กางเกงเดินป่ า แหง้ ง่าย ควรหนาพอสมควร ที่จะป้ องกนั กิ่ง ไมม้ ากระทบหนา้ แขง้ 4.ถุงเทา้ เดินป่ า ควรหนาพอสมควร และสวมทุกคร้ังท่ีเดินป่ า 5.ถุงกนั ทาก เป็นผา้ สามารถฉีดยากนั ทากท่ีเน้ือผา้ ได้ 6.รองเทา้ เดินป่ า ควรเป็นรองเทา้ หุม้ ขอ้ กนั เตะหิน กนั ล่ืน 7.หมวก อาจจะมีแลว้ แต่สภาพ เช่น ปี กกวา้ ง หรือหมวกแก๊ป หรือหมวกไหมพรม 8.ไฟฉาย 9.ยารักษาประจาตวั /กล่องปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้

ข้อควรปฏบิ ัติในการทากจิ กรรมเดนิ ป่ า 1.ตอ้ งมีเจา้ หนา้ ที่เดินป่ านาทางเป็นกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 10 - 15 คน ในกลุ่ม 5.การเดินป่ าในฤดูฝนควรมีเส้ือกนั ฝนแบบเบาบางเตรียมไว้ ในบริเวณที่มีทากควร ยอ่ ยควรมีนกหวีด เขม็ ทิศ หรือปัจจุบนั มี GPS นาทาง สวมถุงเทา้ ผา้ กนั ทากสีอ่อน ฉีดยากนั ยงุ หรือยากนั ทากใหท้ ว่ั บริเวณภายนอก ร่างกายแลเส้ือผา้ 2.เครื่องแตง่ กายเหมาะสมตามฤดูกาล ทะมดั ทะแมง เส้ือและกางขายาวพอดีไม่ ส้นั เกินไปเพราะอาจโดนหญา้ บาด หลีกเล่ียงกางเกงที่ยาวเกินไปจนเกี่ยวกอ้ ย 6.อยา่ เดินแตกกลลมุ่ ไปจากเพ่ือน อาจหลงทางได้ โทรศพั ทส์ ื่อสารกอ็ าจไม่มี ร้อยเอาดอกหญา้ หรือสตั วเ์ ลก็ ติดตามชายขอบหรือรอยพบั เขา้ มาดว้ ย สญั ญาณ เมื่อถึงทางแยกที่มองไม่เห็นเจา้ หนา้ ที่นาทาง หากไมแ่ น่ใจวา่ ไปทางใด ควรส่งเสียยงตะโกนหรือเป่ านกหวีดสื่อสารกนั ใหไ้ ดย้ นิ ทิศทางของเสียง 3.รองเทา้ หุม้ สน้ ทะมดั ทะแมงแบบเดินป่ า ควรซอ้ มใส่ใหช้ ินก่อนการเดินทาง เพราะหากไม่ลองใชก้ ่อน เมื่อถึงเวลาใชจ้ ริงอาจกดั เทา้ ได้ 7.ปฏิบตั ิตามคาเตือนอยา่ งเคร่งครัด 4.เส้ือเดินป่ าที่มีกระเป๋ าหลายใบ มีท่ีใส่อุปกรณจ์ าเป็นในการเดินป่ าชุดเลก็ ๆ 8.การเดินป่ าระยะทางไกลอาจตอ้ งเตรียมร่างกายใหพ้ ร้อมก่อนออกเดินทาง หาก ประจาตวั ท่านมีปัญหาสุขภาพโปรดแจง้ เจา้ หนา้ ที่ทวั ร์วา่ ท่านมีปัญหาอะไรบา้ ง

ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากกิจกรรมเดินป่ า 1.สุขภาพท่ีแขง็ แรง การนาพาตวั เองไปยงั ป่ าเขา คือวิธีการหน่ึงที่ทดสอบสมรรถนะของ ร่างกายของแต่ละคน เรียกไดว้ า่ เป็นกิจกรรมรูปแบบหน่ึงท่ีทาใหร้ ่างกายไดก้ า้ วขา้ มความ ทา้ ทายและขีดจากดั ท่ีมี 2.มิตรภาพจากเพ่ือนร่วมทาง วา่ กนั วา่ มิตรภาพมกั เกิดข้ึนเสมอ 3.แรงบนั ดาลใจ หลายๆคนมกั มีวิธีการแสวงหาแรงบนั ดาลใจที่แตกต่างกนั เพือ่ ปรุงแต่ง สีสนั ของชีวิต 4.เรียนรู้การเอาตวั รอด แมว้ า่ การเดินป่ าในเสน้ ทางท่ีนิยมกนั ไม่ไดโ้ หดร้ายหรือตอ้ ง survival มาก แต่กม็ กั ไดเ้ รียนรู้จากไกด์ ประสบการณ์ของเพื่อนร่วมทางท่ีเล่าขานถึง วีรกรรมต่างๆ กท็ าใหเ้ ราจดจาเกบ็ ไวเ้ ป็นบทเรียนไดอ้ ยา่ งดี

ช่วงเวลาท่ีเหมาะสมในการทากิจกรรมเดินป่ า สามารถ เดินป่ า ไดท้ ุกฤดูกาล ข้ึนอยกู่ บั สภาพป่ า วา่ ช่วงไหน เหมาะสม ปลอดภยั และสวยงามที่สุด

กจิ กรรมหล่อรอยตนี สัตว์

เป็ นกิจกรรมเพื่อศึกษารอยตีนสัตว์ ที่พบในป่ าส่วนมากจะไม่สมบูรณ์ เหมือนที่เห็นอยู่ เมื่อพบรอยท่ีไม่แน่ใจวา่ เป็นของตวั อะไร ควรจะถ่ายรูป หรือวาด ภาพ เท่าขนาดจริง โดยใชแ้ ผ่นพลาสติกใสวางทาบรอย แลว้ ลอกลายดว้ ยสีเมจิก ชนิดลบไม่ออก แต่วิธีเก็บบันทึกรอยตีนสัตว์ท่ีดีที่สุด คือ หล่อรอยด้วยปูน ปลาสเตอร์ เพราะจะสามารถเก็บรายละเอียดไวไ้ ดส้ มบูรณ์ กว่าภาพถ่ายมาก แลว้ นากลบั มาใหผ้ เู้ ชี่ยวชาญดู

อุปกรณ์ ปนู ปลาสเตอร์ น้าเปล่า ภาชนะสาหรับผสมปนู ไมส้ าหรับคนส่วนผสม

วธิ ีทา 1.เลือกรอยตีนสตั วท์ ่ีตอ้ งการพิมพ์ 2.นาผงปูนปลาสเตอร์เทใส่ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ค่อยๆเทน้าลงไปแลว้ คนใหเ้ ป็ นเน้ือเดียวกนั ในข้นั ตอนการผสมปูนปลาสเตอร์น้ีตอ้ งทาอยา่ งรวดเร็วเพราะปนู ปลาสเตอร์ค่อนขา้ งแหง้ ไว 3.เทปูนปลาสเตอร์ท่ีผสมไวล้ งในรอยตีนที่เราเลือกไว้ 4.เมื่อปูนเริ่มแหง้ และแขง็ ตวั ทาการแงะรอยตีนสตั วท์ ่ีพมิ พไ์ วข้ ้ึนมา

ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ 1.ไดท้ ราบถึงชนิดของสตั วจ์ ากรอยตีนของสตั ว์ 2.ไดฝ้ ึกการสงั เกตรอยตีนสัตว์ 3.ทาใหก้ ารเดินป่ ามีความสนุกสนานมากยงิ่ ข้ึน ช่วงเวลาทากจิ กรรม ประมาณช่วงสายๆ และตอนบ่าย

BRID WATHCING

สมุดบนั ทึก การจดบนั ทึกช่วยใหน้ กั ดูนกเกบ็ รายละเอียดต่างๆ เก่ียวกบั นก อุปกรณ์ คู่มือดูนก เป็นหนงั สือท่ีใหร้ ายละเอียด กลอ้ งส่องทางไกล เป็นอุปกรณ์สาคญั ท่ีสุด และภาพประกอบของนกแต่ละชนิด ในการดูนกเพราะจะช่วยขยายภาพนกที่อยใู่ น ระยะไกลใหเ้ ห็นไดช้ ดั เจน

วธิ ีการดูนก 1. นากลอ้ งส่องทางไกล มาประกบการดวงตา แลว้ ใช้ มือ ประความชดั บริเวณตรงกลางของกลอ้ ง 2. ใชก้ ลอ้ งส่องไปยงั บริเวณท่ี สังเกตพบนก 3. เม่ือพบนกแลว้ ใหเ้ ปิ ดหนงั สือ Brid Guide เพ่อื ดลู กั ษณะ นกที่พบวา่ จะนกชนิดใด 4. ทาการจาบนั ทึกนกที่พบในสมุดจดบนั ทึก

ช่วงเวลาท่ีเหมาะสมกบั การดูนก เวลาเชา้ เป็นช่วงท่ีดีท่ีสุดสาหรับการดูนก นกส่วนใหญ่ออกหากินต้งั แต่เชา้ มืด ทนั ทีที่ดวงอาทิตยเ์ ร่ิมส่องแสง เร่ือยไปจนสาย จึงหลบพกั ผอ่ น แลว้ จะออกหากินอีกคร้ัง เม่ือแสงแดดอ่อนในยามบ่ายคลอ้ ย ช่วงเวลาท้งั สองน้ี นกค่อนขา้ งกระฉบั กระเฉง ไม่หลบซ่อนตวั ทาใหพ้ บเห็นนกไดไ้ ม่ยาก

กจิ กรรมเสริมโป่ ง...เพมิ่ ธาตุอาหารให้สัตว์ป่ า ลกั ษณะของกจิ กรรม เป็ นการให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการทาโป่ งเทียมเพื่อ ใชเ้ ป็นแหล่งอาหารและแร่ธาตุใหแ้ ก่สตั วป์ ่ า และเพื่อ ใช้เป็ นแหล่งศึกษาธรรมชาติโดยเฉพาะการศึกษา เกี่ยวกบั สัตวป์ ่ าโดยสังเกตจากรอยเทา้ หรือร่องรอยที่ ทิ้งไวบ้ ริเวณโป่ งเพื่อศึกษาสตั วช์ นิดใหม่ๆ

วสั ดุอุปกรณ์ 1. แร่ธาตุอาหารสตั วแ์ บบกอ้ น 2. เกลือแกง 3. ครก สาก 4. จอบ

ข้ันตอนการทากจิ กรรม 1. นาแร่ธาตุอาหารสตั วม์ าตาใหล้ ะเอียดหลงั จากน้นั เทเกลือแกงลงไปในครกแลว้ คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั 2. นาถุงพลาสติกมาใส่แร่ธาตอุ าหารเพือ่ นาไปโปรยใหส้ ตั ว์ 3. ขดุ เปิ ดหนา้ ดินแลว้ นาดินกองไวด้ า้ นขา้ งหลุม และปรับพ้นื หลุมใหเ้ รียบ 4. นาแร่ธาตุอาหารสตั วท์ ่ีเตรียมไวม้ าโปรยลงไวใ้ นโป่ ง 5. หลงั จากน้นั ทาการเกลี่ยหนา้ ดินใหแ้ ร่ธาตุไดซ้ ึมเขา้ สู่ดินไดด้ ีข้ึน

ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ 1. ไดม้ ีส่วนร่วมในการทาโป่ งเทียมดินเพือ่ ใหส้ ตั วป์ ่ าไดม้ ากินดินจากโป่ งเทียมหรือดื่มน้าจากโป่ ง เพ่อื ใหร้ ่างกายไดร้ ับแร่ธาตุหรือสารอาหารท่ีจาเป็นตอ่ ร่างกายไดค้ รบถว้ น 2. เป็นกิจกรรมท่ีไดท้ าร่วมกบั เพ่ือนๆ ช่วงเวลาในการทากิจกรรม 10.00 - 11.00 น.