Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คลิปวิจัย

คลิปวิจัย

Published by tachinee sukrak, 2021-05-27 13:32:37

Description: คลิปวิจัย

Search

Read the Text Version

เรอ่ื ง การพฒั นาการสงเสริมสุขภาพของนักเรียนทีม่ ภี าวะโภชนาการเกิน ของนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 3

บทที่ 1 เอกสารและงานวิจัยทเ่ี กีย่ วขอ ง

ความเปน มาและความสําคญั  ภาวะนํ้าหนกั เกนิ ในเด็กเปน ปญหาท่ตี องการการแกไขท่ัวโลกรวมทง้ั ในประเทศไทยดวย ปจ จุบันแนวโนม ภาวะนาํ้ หนัก เกนิ ของเด็กตั้งแตเกินเกณฑมาตรฐาน จนถึงเปน โรคอวนมีอัตราเพ่มิ สูงข้นึ และมีการระบาด ไปทัว่ โลกอยา งรวดเรว็ ปจจบุ นั พบมากขนึ้ ในประเทศกําลังพฒั นาอ่ืนๆ สถิติของประเทศ สหรัฐอเมริกาในปีพ.ศ. 2546-2547 พบวา่ มีเดก็ มี ภาวะนํา้ หนกั เกินเพม่ิ ขนึ ้ จากเดมิ ร้อยละ 10.5 เป็น 17.4 สว นขอ มูลของประเทศไทย พบวาในปพ .ศ. 2541 เดก็ อายุ น้อยกวา่ 5 ปีมีภาวะนํา้ หนกั เกิน ร้อยละ 12 และเพิ่มขนึ ้ เป็น ร้อยละ 17.6 ในปีพ.ศ. 2554 พบวา่ ร้อยละ 5.4 ท่ีเป็น โรคอ้วน และ เดก็ ท่ีอ้วนมีโอกาสเติบโตเป็นผ้ใู หญ่ที่อ้วนถงึ ร้อยละ 25  จากขอมลู แสดงใหเห็นวาภาวะนํา้ หนกั เกินในเดก็ มแี นวโนมเพ่ิมมากขึ้น ซ่ึงสงผลกระทบตอ ดา นสุขภาพของเดก็ ดา น ครอบครวั รวมท้งั ดานสังคมจึงมีวตั ถุประสงคเ พ่ือนาํ เสนอความหมาย สาเหตผุ ลกระทบและภาวะแทรกซอน ปจ จยั ท่ี เก่ยี วของ กับพฤตกิ รรมการบรโิ ภค รวมทัง้ แนวทางในการดแู ล ควบคุมและการปองกันภาวะนาํ้ หนักเกินในเด็ก เพอื่ สง เสรมิ ใหเ ดก็ มพี ัฒนาการดานสุขภาพกายสุขภาพจติ และสตปิ ญ ญาท่สี มบรู ณ

1. เพื่อพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนระดับมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3 จํานวน 40 คน เรอื่ งการพัฒนาการสง เสรมิ สุขภาพของนักเรยี นท่ีมภี าวะโภชนาการเกิน 2. เพอื่ เปรยี บเทียบผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนกอนเรยี นและหลังเรียนในรายวชิ าดว ยรูปแบบ การสอนแบบปกตแิ ละการสอนโดยใชว ธิ ี STAD

ขอบเขตของการวจิ ยั ประชากร นกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 3 กลุม ตวั อยาง นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 จาํ นวน 40 คน ประโยชนทค่ี าดวาจะไดรบั 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใฝรู ใฝเรียน และมีทักษะทาง วชิ าการสูงข้ึนและมีความเขาใจเรอ่ื งโภชนาการท่ดี ีขึ้น 2. การเรียนแบบรวมแรงรวมใจ STAD และแบบฝกทักษะทางวิชาการ สงเสริมใหนักเรียน ใชเ วลาวางใหเปนประโยชน เปนเครื่องมือในการแสวงหาความรู เปนประโยชนตอครูผูสอน ซึ่ง สามารถนําไปใชในการพฒั นาการเรยี นการสอนใหมีคณุ ภาพไดอยา งตอ เนอ่ื ง

ตวั แปร ตวั แปรตน การเรยี นการสอนแบบรว มแรงรว มใจ โดยใชวธิ ี STAD ตวั แปรตาม ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน

ระยะเวลาการดําเนนิ งานวจิ ยั ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563



1. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 2. ความหมายของจุดประสงคการเรยี นรู 3. พฤติกรรมท่คี าดหวงั ทางดานสติปญญา 4. การสอนรูปแบบตางๆ 5. การวัดผลประเมนิ ผล 6. การเรยี นแบบรว มแรงรวมใจ STAD 7. งานวจิ ยั ท่เี ก่ียวข้อง

งานวจิ ยั ทีเ่ ก่ยี วของ นชุ นาฎ วรยศศรี (2558) ได้ศกึ ษาปัจจยั ที่มีความสมั พนั ธ์กบั ผลสมั ฤทธ์ิทางการ เรียน สกุ ัญญา จันทรแดง (2559) ได้ศกึ ษาผลการจดั การเรียนด้วยชดุ การสอนแบบร่วมมือ กิลเลตต (Gillette 2017 : 268-278) ศกึ ษาวิธีการเรียนรู้และแรงจงู ใจในการเรียน

สมมติฐานของการวิจยั การเรยี นแบบรว มแรงรว มใจ โดยใชวิธี STAD จะมี ผลตอ่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนแตกตา่ ง จากการ เรียนแบบปกตขิ องนกั เรียน

กรอบแนวคิดในการวจิ ยั ตัวแปรตน ตวั แปรตาม การเรยี นการสอน นกั เรยี นมีผลสมั ฤทธิ์ แบบรว มแรงรวมใจ ทางการเรียนทดี่ ขี ึ้น โดยใชว ิธี STAD และมคี าผานเกณฑ มาตรฐาน



วิธกี ารดาํ เนินการวจิ ัย กลุมเปา หมาย ประชากร นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 3 กลุมตัวอยาง นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี 3 จาํ นวน 40 คน

เครือ่ งมือในการวิจยั 1. รูปแบบการสอนแบบรว มแรงรวมใจ โดยวิธี STAD 2. แผนการจดั การเรียนรู้ ใบงาน แบบฝึกทกั ษะ 3. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น 4. แบบสังเกตพฤติกรรมความรับผิดชอบ



ผลการดาํ เนนิ การ จากการสังเกตนกั เรยี นกอนการใชการสอนแบบ STAD มคี า คะแนนเฉลีย่ อยทู ่ี 14.07 คะแนน แตห ลงั จากการใชก ารสอนแบบ STAD ทาํ ใหค ะแนนเฉล่ยี อยูท ี่ 15.14 คะแนน ซึ่งเพิม่ ขนึ้ 1.07 คะแนน คิดเปน รอ ยละท่เี พม่ิ ข้ึน 7.60% และมสี ว นเบ่ยี งเบนมาตรฐานเทากับ 1.82 ซ่ึงลดลงจากเดมิ 0.26 ทําใหข อมลู มกี ารกระจายทลี่ ดลงแสดงถึงคณุ ภาพของขอมลู ทด่ี ี วิเคราะหผล ตารางที่ 1 แสดงคา คะแนนและผลตางของการทดสอบของนกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 3 จํานวน 40 คน การทดสอบ คะแนนเตม็ คะแนนเฉล่ีย ( ) ร้อยละของคะแนนท่เี พ่มิ ขนึ้ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 20 14.07 - 2.08 ก่อนสอนแบบ 20 15.14 1.82 STAD 7.60 หลังสอนแบบ STAD

ตารางท่ี 3 ประสทิ ธภิ าพของการทาํ แบบฝก ทกั ษะตามเกณฑ 80/80 จากตารางที่ 3 พบวา ประสทิ ธิภาพของแบบฝกทักษะที่สรา งขึ้นมคี าเทากบั 87.81/87.62 หมายความวาแบบฝก ทกั ษะทําใหน ักเรยี นเกดิ กระบวนการเรยี นรเู ทา กบั 87.81 และมปี ระสิทธิภาพทางการเรียนรหู รือประสทิ ธิภาพของแบบฝกทักษะ ในการ เปล่ียนแปลงผลการเรียนรูของนกั เรยี นเทากบั รอยละ 87.62 แสดงวาแบบฝก ทักษะ มี ประสทิ ธภิ าพตามเกณฑ 80/80 ตามวตั ถุประสงคข องการวจิ ยั และสามารถนําไปใชใ นการ เรียนรไู ดอยา งมีประสิทธภิ าพ จาํ นวนนักเรียน คะแนนแบบฝึ กทกั ษะ (E1) คะแนนวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน (E2) คา่ คะแนนเฉล่ีย(คะแนน ร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย(คะแนน ร้อยละ เต็ม) เต็ม) 40 คน 87.81 87.81 35.05 87.62



สรปุ ผลการวจิ ยั จากการเรียนการสอนแบบรวมแรงรวมใจเพ่ือนกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรวมถึงปรับ พฤติกรรมนักเรียนท่ีชอบหลับในเวลาเรียนมีการต่ืนตัวมากขึ้นและเขาใจในเรื่องของโภชนาการมาก ข้ึนจากการสังเกตนักเรียนกอนการใชการสอนแบบ STADมีค่าคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนอย่ทู ่ี 14.07 คะแนน แตหลังจากการใชการสอนแบบ STAD ทําให้คะแนน เฉล่ียอย่ทู ี่ 15.14 คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.07 คะแนน คิดเปนรอยละท่ีเพิ่มข้ึน 7.60% และมีส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนสอบเท่ากบั 1.82 ซึ่งลดลงจากเดิม 0.26 ทําให้ข้อมลู ท่ีได้มีการ กระจายตวั ที่ลดลงแสดงถึงคณุ ภาพของข้อมลู ที่ดี ผ้เู รียนมีคะแนนเกาะกล่มุ ใกล้เคียงกนั มากขึน้ สง่ ผลตอ่ การพฒั นาการเรียนในด้านอื่นๆ ซงึ่ จะทําให้สอนทกั ษะตา่ งๆ ได้งา่ ยขนึ ้

เสนอแนะสาํ หรับการนาํ ไปใชตอ ไป 1. จากการวจิ ัยพบวา การใชการสอนแบบรวมแรงรว มใจ ในกจิ กรรมการ เรียนการสอนของนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 3 เปน สิ่งท่ีดี กลา วคอื ทําใหนักเรียนมี ผลการเรยี นรสู งู ขนึ้ ทงั้ ยังกอใหเ กดิ ความสนุกสนาน มีความรบั ผดิ ชอบมคี วาม เขาใจในเร่อื งของโภชนาการมากข้นึ 2. ในการนาํ การสอนแบบรวมแรงรว มใจ ไปใชใ นการเรียนการสอนใหก บั นักเรยี นน้ัน ครูจะตอ งมกี ารเตรยี มพรอ มในดา นตา งๆ คอนขางมาก

ขอ เสนอแนะสาํ หรบั การทาํ วิจยั ตอ ไป 1.ควรทําการวจิ ัยในนักเรียนทีม่ ภี าวะโภชนาการระดับทวม โดยใชเ กณฑน าํ้ หนัก ตามเกณฑ สวนสงู ใหไดร ับกจิ กรรมโปรแกรมการ รับรคู วามสามารถของตนเองตอ พฤติกรรมการ ควบคุมนาํ้ หนัก เพื่อเปนการปอ งกันไมใหเดก็ กลมุ น้ี เขา สภู าวะโภชนาการ ระดับอว น 2.ควรมกี ารตดิ ตามผลการวจิ ัยอยางตอ เนอื่ ง เปนระยะเวลา 3 เดอื น และ 6 เดือน เพ่ือ ประเมนิ ความคงอยขู องพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร และ การเคล่อื นไหวรางกาย และติดตามผล น้ําหนักและ สว นสงู เปน ไปตามเกณฑม าตรฐานและพัฒนาการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook