1
2 ชุดวิชาลูกเสือ กศน. รหัสรายวชิ า สค12025 รายวิชาเลือกบังคบั ระดับประถมศึกษาตามหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั สานกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
3 คานา ชุดวิชาลูกเสือ กศน. รหัสรายวิชา สค12025 รายวิชาเลือกบังคับ ระดับประถมศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551ประกอบด้วยเนื้อหาเก่ียวกับลูกเสือกับการพัฒนา การลูกเสือไทย การลูกเสือโลก คุณธรรมจริยธรรมของลูกเสือ วินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย ลูกเสือ กศน.กับการพัฒนา ลูกเสือกศน.กับจิตอาสาและการบริการ การเขียนโครงการเพ่ือพัฒนาชุมชนและสังคม ทักษะลูกเสือความปลอดภัยในการเข้าร่วมกิจกรรมลกู เสือ การปฐมพยาบาล การเดินทางไกล อยู่ค่ายพักแรมและชวี ิตชาวคา่ ย และการฝึกปฏิบัตกิ ารเดินทางไกล อยคู่ ่ายพกั แรม และชีวิตชาวค่าย และชุดวิชาน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถนาส่ิงท่ีได้เรียนรู้เป็นเคร่ืองมือท่ีสาคัญในการพัฒนาตนเองครอบครัว ชุมชนและสังคมให้เป็นผู้ที่มีคุณภาพ เป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดี มีคุณธรรม มีระเบียบวินัยร้จู ักเสยี สละ สร้างความสามัคคี บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่ืน สามารถดารงตนอยู่ในสังคมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญเนื้อหา ที่ให้การสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อประกอบการนาเสนอเนื้อหา รวมท้ังผู้เก่ียวข้องในการจัดทาชุดวิชา หวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดวิชาน้ีจะเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน กศน.และนาไปสู่การปฏิบัตอิ ย่างเห็นคุณค่าต่อไป สานักงาน กศน. มิถนุ ายน 2561
4 คาแนะนาการใช้ชดุ วชิ า ลกู เสอื กศน. ชุดวชิ าลกู เสอื กศน. รหสั รายวิชา สค12025 รายวชิ าเลือกบังคับ ระดับประถมศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบด้วยเน้อื หา 2 ส่วนคือ สว่ นที่ 1 ชดุ วชิ า ประกอบด้วย โครงสรา้ งของชุดวิชา โครงสร้างของหน่วยการเรียนรู้เนอ้ื หา และกจิ กรรมเรยี งลาดับตามหนว่ ยการเรยี นรู้ ส่วนที่ 2 สมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียนกิจกรรมการเรียนรู้ แบบทดสอบหลังเรียน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เฉลย/แนวคาตอบกิจกรรมเรียงลาดบั ตามหนว่ ยการเรียนรู้วธิ กี ารใชช้ ดุ วชิ า ใหผ้ เู้ รียนดาเนนิ การตามข้ันตอน ดงั น้ี 1. ศึกษารายละเอียดโครงสร้างชุดวิชาโดยละเอียด เพ่ือให้ผู้เรียนทราบว่าต้องเรียนรเู้ นอ้ื หาในเร่ืองใดบา้ งในชดุ วชิ านี้ 2. วางแผนเพ่ือกาหนดระยะเวลาและจัดเวลาท่ีผู้เรียนมีความพร้อมจะศึกษาชุดวิชาเพ่ือให้สามารถศึกษารายละเอียดของเนื้อหาได้ครบทุกหน่วยการเรียนรู้ พร้อมทากิจกรรมตามที่กาหนดให้ทันก่อนสอบปลายภาค 3. ทาแบบทดสอบก่อนเรียนของชุดวิชาตามท่ีกาหนดเพ่ือทราบพ้ืนฐานความรู้เดิมของผูเ้ รียน โดยให้ทาลงในสมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวิชาลูกเสือ กศน. และตรวจสอบคาตอบจากเฉลยแบบทดสอบทา้ ยเลม่ 4. ศึกษาเน้ือหาในชุดวิชาของแต่ละหน่วยการเรียนรู้อย่างละเอียดให้เข้าใจ ทั้งในชดุ วชิ าและสื่อประกอบ (ถ้าม)ี และทากจิ กรรมทกี่ าหนดไวใ้ ห้ครบถ้วน 5. เมื่อทาแต่ละกิจกรรมเรียบร้อยแล้วผู้เรียนสามารถตรวจสอบคาตอบได้จากแนวตอบ/เฉลยท้ายเล่มของสมุดบันทึกกิจกรรมการเรียนรู้ หากผู้เรียนยังทากิจกรรมไม่ถูกต้องใหผ้ ูเ้ รยี นกลับไปทบทวนเน้อื หาสาระในเรอื่ งนนั้ ๆ ซา้ จนกวา่ จะเข้าใจ
5 6. เม่ือศึกษาเนื้อหาสาระครบทุกหน่วยการเรียนรู้แล้วให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนและตรวจสอบคาตอบจากเฉลยท้ายเล่ม ว่าผู้เรียนสามารถทาแบบทดสอบได้ถูกต้องทุกข้อหรือไม่หากข้อใดยังไม่ถูกต้องให้ผู้เรียนกลับไปทบทวนเน้ือหาสาระในเร่ืองนั้นให้เข้าใจอีกครงั้ ข้อแนะนา ผเู้ รียนควรทาแบบทดสอบหลังเรียนให้ไดค้ ะแนนมากกว่าแบบทดสอบก่อนเรียน และควรได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของแบบทดสอบทั้งหมด เพ่ือให้ม่ันใจว่าจะสามารถสอบปลายภาคผ่าน 7. หากผู้เรียนได้ศึกษาเน้ือหาและทากิจกรรมแล้วยังไม่เข้าใจ ผู้เรียนสามารถสอบถามและขอคาแนะนาไดจ้ ากครูหรือค้นควา้ จากแหลง่ การเรยี นรูอ้ ื่น ๆ เพิม่ เตมิ ได้ 8. ในการเรียนรู้ชุดวิชาลูกเสือ กศน. เล่มน้ี จะเน้นการเรียนรู้เนื้อหาและปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ส่วนการฝึกทักษะประสบการณ์จะมุ่งเน้นในการปฏิบัติกิจกรรมระหว่างเข้าค่ายลกู เสอื เพือ่ ทดสอบความถกู ตอ้ งในการปฏบิ ัติแตล่ ะกิจกรรมหมายเหตุ : การทาแบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลงั เรียน และทากิจกรรมท้ายเร่ืองในแต่ละหน่วยการเรยี นรู้ ให้ผเู้ รยี นตอบคาถาม โดยเขยี นลงในสมุดบนั ทึกกจิ กรรมการเรียนรูป้ ระกอบชุดวิชาการศึกษาค้นคว้าเพม่ิ เตมิ ผู้เรียนอาจศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่งเรียนรู้อ่ืน ๆ ท่ีเผยแพร่ความรู้ในเรอ่ื งท่ีเก่ียวขอ้ งและศึกษาจากผูร้ ู้ เป็นต้นการวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ผ้เู รียนต้องวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นดงั น้ี 1. ระหว่างภาค วัดผลจากการทากจิ กรรมหรืองานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ระหว่างเรยี น 2. ปลายภาค วดั ผลจากการทาข้อสอบวัดผลสัมฤทธปิ์ ลายภาค
6 โครงสร้างชุดวิชา ลูกเสอื กศน. สาระการพัฒนาสงั คมมาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ 1. มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์การเมืองการปกครองในท้องถิ่น ประเทศ นามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิต และการประกอบอาชีพเพอื่ ความมน่ั คงของชาติ 2. มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่า และสืบทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีของท้องถน่ิ และประเทศไทย 3. มีความรู้ ความเข้าใจ ดาเนินชีวิตตามวิถีประชาธิปไตย กฎหมายเบื้องต้นกฎระเบยี บของชุมชน สงั คม และประเทศ 4. มีความรู้ ความเขา้ ใจหลกั การพฒั นาชุมชน สังคม และวิเคราะห์ข้อมูลในการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมตัวช้ีวดั 1. อธบิ ายสาระสาคัญของการลูกเสอื 2. อธบิ ายความสาคญั ของการลูกเสือกบั การพัฒนา 3. ยกตวั อยา่ งความเป็นพลเมอื งดขี องลกู เสอื 4. อธิบายประวตั ิลูกเสอื ไทย 5. อธิบายความรู้ทัว่ ไปเกย่ี วกบั คณะลูกเสอื แหง่ ชาติ 6. อธิบายประวตั ิผู้ใหก้ าเนิดลกู เสือโลก 7. อธบิ ายความสาคญั ขององค์การลกู เสือโลก 8. อธบิ ายคาปฏญิ าณ กฎ และคตพิ จนข์ องลกู เสือ 9. อธบิ ายคุณธรรม จริยธรรมจากคาปฏิญาณและกฎของลกู เสอื 10. อธิบายความหมายและความสาคญั ของวินัยและความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย 11. อธบิ ายผลกระทบจากการขาดวนิ ยั และการขาดความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย 12. ยกตัวอยา่ งแนวทางการเสรมิ สร้างวินยั และความเป็นระเบยี บเรยี บร้อย
713. อธบิ ายความเป็นมาและความสาคัญของลูกเสือ กศน.14. อธิบายลกู เสือ กศน. กับการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม15. อธบิ ายบทบาทหน้าทีข่ องลูกเสือ กศน. ทีม่ ีตอ่ ตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสงั คม16. อธิบายความหมายและความสาคญั ของจติ อาสา และการบริการ17. อธบิ ายหลกั การของจติ อาสา และการบริการ18. อธิบายและนาเสนอวิธีการปฏบิ ัติตนในฐานะลูกเสือ กศน. เพื่อเปน็ จติ อาสา และการบริการ19. อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของโครงการ20. อธิบายลักษณะของโครงการ21. อธิบายองค์ประกอบของโครงการ22. เขียนโครงการตามขั้นตอนการเขยี นโครงการ23. อธิบายข้ันตอนการดาเนนิ งานตามโครงการ24. อภิปรายและสรุปรายงานผลการดาเนนิ งานโครงการเพ่ือการนาเสนอ25. อธิบายความหมายและความสาคัญของแผนที่ – เข็มทศิ26. อธบิ ายวิธกี ารใชเ้ ขม็ ทศิ27. อธบิ ายความหมาย และความสาคญั ของเง่อื นเชอื ก28. ผกู เงือ่ นเชือกได้ถกู ตอ้ ง29. อธิบายความหมาย และความสาคญั ของความปลอดภยั ในการเขา้ ร่วม กิจกรรมลกู เสอื30. อธิบายและยกตวั อย่างการเฝา้ ระวงั เบื้องต้นในการเข้าร่วมกจิ กรรมลกู เสือ31. สาธติ สถานการณก์ ารช่วยเหลอื เมื่อเกดิ เหตคุ วามไมป่ ลอดภยั ในการเขา้ รว่ ม32. กิจกรรมลูกเสอื33. อธิบายและยกตัวอย่างการปฏิบตั ิตนตามหลักความปลอดภัย34. อธบิ ายความหมาย และความจาเปน็ ของการปฐมพยาบาล35. อธบิ ายและยกตัวอยา่ งวิธีการปฐมพยาบาลกรณตี ่าง ๆ36. อธิบายการวัดสญั ญาณชพี และการประเมนิ เบ้อื งตน้37. อธิบายความหมาย วตั ถุประสงค์ และหลกั การของการเดนิ ทางไกล38. อธบิ ายและสาธติ การบรรจเุ คร่อื งหลงั สาหรบั การเดินทางไกล
8 39. อธิบายความหมาย วัตถปุ ระสงค์ และหลักการของการอยคู่ ่ายพกั แรม 40. อธบิ ายและยกตวั อย่างชวี ิตชาวค่าย 41. อธบิ ายและสาธติ วิธกี ารจัดการคา่ ยพกั แรม 42. วางแผนและปฏบิ ตั ิกิจกรรมการเดินทางไกล อยู่คา่ ยพกั แรม และชวี ติ ชาวคา่ ยทกุ กิจกรรม 43. ใชช้ วี ิตชาวคา่ ยรว่ มกับผู้อน่ื ในคา่ ยพกั แรมได้อย่างสนุกสนานและมีความสขุสาระสาคัญ ลูกเสือ กศน. ระดับประถมศึกษา เป็นการเรียนรู้เก่ียวกับลูกเสือกับการพัฒนาการลูกเสือไทย การลูกเสือโลก คุณธรรม จริยธรรมของลูกเสือ วินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย ลูกเสือ กศน. กับการพัฒนา ลูกเสือ กศน. กับจิตอาสา และการบริการ การเขียนโครงการเพ่ือพัฒนาชุมชนและสังคม ทักษะลูกเสือ ความปลอดภัยในการเข้าร่วมกิจกรรมลูกเสือการปฐมพยาบาล การเดินทางไกล อยคู่ า่ ยพักแรม และชีวิตชาวค่าย และการฝึกปฏิบัติการเดินทางไกล อยู่ค่ายพักแรม และชีวิตชาวค่าย เน้นการฝึกปฏิบัติให้เกิดทักษะ โดยนาหลักการและคาปฏิญาณของลูกเสือมาสร้างวินัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการบริการไปประยุกต์ใช้ในวิถีชีวติ ของตนเองและชมุ ชนต่อไปขอบขา่ ยเนอ้ื หา หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ลูกเสอื กบั การพัฒนา หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การลูกเสือไทย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 การลกู เสือโลก หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 คุณธรรม จริยธรรมของลูกเสือ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 วินัย และความเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 ลูกเสือ กศน. กับการพัฒนา หน่วยการเรียนรู้ท่ี 7 ลกู เสอื กศน. กบั จิตอาสา และการบริการ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 8 การเขยี นโครงการเพือ่ พัฒนาชุมชนและสังคม หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 ทักษะลูกเสอื หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 10 ความปลอดภยั ในการเขา้ ร่วมกิจกรรมลกู เสอื หน่วยการเรียนรู้ท่ี 11 การปฐมพยาบาล
9 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 12 การเดินทางไกล อยคู่ า่ ยพกั แรม และชวี ติ ชาวค่าย หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 13 การฝกึ ปฏบิ ัติการเดินทางไกล อยูค่ ่ายพกั แรม และชวี ิตชาวค่ายส่อื ประกอบการเรียนรู้ 1. ชุดวิชาลูกเสือ กศน. รหัสรายวชิ า สค12025 2. สมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรยี นรู้ประกอบชดุ วิชา 3. สอ่ื เสริมการเรียนรอู้ นื่ ๆจานวนหน่วยกติ จานวน 2 หน่วยกติกิจกรรมเรยี นรู้ 1. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ในสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ าและตรวจสอบคาตอบจากเฉลยทา้ ยเล่ม 2. ศกึ ษาเนื้อหาสาระในหน่วยการเรยี นรู้ทุกหน่วย 3. ทากิจกรรมตามทก่ี าหนด ในสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชดุ วิชาและตรวจสอบคาตอบจากเฉลยท้ายเล่ม 4. ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น ในสมุดบนั ทึกกจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชดุ วิชาและตรวจสอบคาตอบจากเฉลยทา้ ยเล่มการประเมินผล 1. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน และแบบทดสอบหลังเรียน 2. ทากิจกรรมในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ 3. เขา้ รว่ มกจิ กรรมการเดินทางไกล อยู่ค่ายพกั แรม และชีวิตชาวคา่ ย 4. เขา้ รบั การทดสอบปลายภาค
10 สารบัญ หนา้คานา 1คาแนะนาการใช้ชุดวิชา 3โครงสรา้ งชุดวชิ า 5หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ลูกเสอื กับการพฒั นา 7 10 เรื่องท่ี 1 สาระสาคัญของการลูกเสอื 12 เรื่องท่ี 2 ความสาคัญของการลกู เสอื กบั การพฒั นา 16 เรอ่ื งท่ี 3 ความเป็นพลเมืองดขี องลกู เสอื 20หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การลูกเสอื ไทย 22 เรื่องท่ี 1 ประวัติลกู เสือไทย 27 เรอ่ื งที่ 2 ความรู้ท่ัวไปเกย่ี วกบั คณะลกู เสือแหง่ ชาติ 29หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 การลูกเสอื โลก 30 เร่อื งท่ี 1 ประวตั ิผใู้ ห้กาเนดิ ลกู เสอื โลก 32 เรื่องที่ 2 องคก์ ารลูกเสือโลก 35หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 คณุ ธรรม จรยิ ธรรมของลูกเสือ 36 เรื่องท่ี 1 คาปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสอื 37 เรอ่ื งท่ี 2 คณุ ธรรม จริยธรรมจากคาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ 37หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 5 วินยั และความเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย 40 เรื่องท่ี 1 วนิ ัย และความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย 42 เรอ่ื งที่ 2 ผลกระทบจากการขาดวินยั และการขาดความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย 43 เรื่องที่ 3 แนวทางการเสริมสรา้ งวินยั และความเป็นระเบยี บเรียบร้อย 44หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 6 ลกู เสอื กศน. กบั การพฒั นา เรอื่ งที่ 1 ลูกเสือ กศน. เรื่องท่ี 2 ลกู เสือ กศน. กับการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชนและสงั คม เรื่องท่ี 3 บทบาทหนา้ ทีข่ องลูกเสือ กศน. ที่มตี ่อตนเอง ครอบครวั ชุมชนและสงั คม
11สารบัญ (ตอ่ ) หน้าหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 7 ลกู เสือ กศน. กับจิตอาสา และการบรกิ าร 47 เรื่องท่ี 1 จิตอาสา และการบริการ 49 เรื่องท่ี 2 หลกั การของจิตอาสา และการบริการ 49 เรอ่ื งที่ 3 วิธกี ารปฏิบตั ติ นในฐานะลูกเสอื กศน. เพื่อเป็นจติ อาสาและการบริการ 50 53หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 8 การเขยี นโครงการเพื่อพัฒนาชุมชนและสงั คม 55 เรื่องท่ี 1 โครงการเพ่อื พัฒนาชุมชนและสังคม 56 เรอ่ื งที่ 2 ลักษณะของโครงการ 57 เรื่องที่ 3 องคป์ ระกอบของโครงการ 58 เรอ่ื งที่ 4 ขน้ั ตอนการเขียนโครงการ 62 เรอ่ื งท่ี 5 การดาเนินงานตามโครงการ 62 เรอื่ งที่ 6 การสรปุ รายงานผลการดาเนินงานโครงการเพอื่ การนาเสนอ 65 67หน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 ทกั ษะลูกเสือ 71 เรอื่ งที่ 1 แผนที่ – เข็มทิศ 77 เรื่องท่ี 2 วิธกี ารใช้แผนท่ี – เขม็ ทิศ 83 เรื่องท่ี 3 เง่ือนเชือก 85 85หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 10 ความปลอดภยั ในการเข้ารว่ มกจิ กรรมลกู เสอื 86 เรอ่ื งท่ี 1 ความปลอดภยั ในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมลกู เสอื เร่ืองท่ี 2 การเฝ้าระวังเบ้ืองตน้ ในการเข้ารว่ มกจิ กรรมลูกเสือ 88 เรื่องท่ี 3 การช่วยเหลอื เม่ือเกดิ เหตคุ วามไม่ปลอดภยั 90 ในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมลกู เสือ 92 เรอ่ื งที่ 4 การปฏิบัติตนตามหลักความปลอดภยั 92 106หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 11 การปฐมพยาบาล เรอ่ื งท่ี 1 การปฐมพยาบาล เรื่องท่ี 2 วธิ กี ารปฐมพยาบาลกรณีตา่ ง ๆ เร่ืองที่ 3 การวดั สัญญาณชพี และการประเมินเบอ้ื งต้น
12 สารบญั (ตอ่ ) หน้า 108หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 12 การเดินทางไกล อยคู่ า่ ยพักแรม และชวี ิตชาวค่าย 110 เรื่องที่ 1 การเดนิ ทางไกล 112 เร่ืองที่ 2 การอยู่ค่ายพกั แรม 113 เรื่องที่ 3 ชวี ติ ชาวค่าย 127 เรือ่ งที่ 4 วธิ กี ารจัดการค่ายพักแรม 130 132หน่วยการเรยี นรู้ที่ 13 การฝึกปฏบิ ตั ิการเดนิ ทางไกล อยคู่ า่ ยพักแรม และชวี ิตชาวค่าย 137 138 เร่อื งที่ 1 การวางแผนปฏิบตั ิกจิ กรรมการเดนิ ทางไกล อยู่ค่ายพักแรม 146 และชีวิตชาวคา่ ย 1) กจิ กรรมเสริมสรา้ งคณุ ธรรม และอุดมการณล์ ูกเสือ 2) กิจกรรมสร้างค่ายพักแรม 3) กิจกรรมชีวิตชาวค่าย 4) กจิ กรรมฝึกทกั ษะลกู เสือ 5) กจิ กรรมกลางแจง้ 6) กจิ กรรมนนั ทนาการ และชุมนุมรอบกองไฟ 7) กจิ กรรมนาเสนอผลการดาเนนิ งาน ตามโครงการทไ่ี ดด้ าเนินการ มากอ่ นการเข้าค่าย เรอ่ื งที่ 2 การใชช้ ีวิตชาวค่ายรว่ มกับผู้อนื่ ในค่ายพกั แรมไดอ้ ยา่ งสนุกสนาน และมคี วามสขุบรรณานกุ รมคณะผู้จัดทา
1 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ลกู เสอื กบั การพฒั นาสาระสาคญั การลูกเสอื ท่วั โลกมีจุดประสงค์ร่วมกัน มีหลักการ วิธีการ และอุดมการณ์เดียวกันคือ การพัฒนาศักยภาพบุคคลให้เป็นพลเมืองดี มีจิตสาธารณะ มีความรับผิดชอบในการพัฒนาตนเอง ท้ังร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สติปัญญา สังคม ความรู้ อาชีพและส่ิงแวดล้อม มีความรับผิดชอบในการพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างบุคคล เพื่อทาความรู้จักกัน สามารถอยู่ร่วมกันและทางานร่วมกับผู้อื่นได้ รวมท้ังมีความรับผิดชอบในการพัฒนาสัมพันธภาพภายในชุมชนและสังคม เมื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม สุขภาพอนามัย การศึกษาการมีงานทา มีรายได้เพียงพอในการครองชีพ และมีคุณภาพชีวิตท่ีดี พร้อมท่ีจะให้ “บริการ”ตามทัศนะของการลูกเสือ ทั้งนี้ ต้องคานึงถึงสภาพแวดล้อม สถานภาพ และขีดความสามารถของตนเองตัวช้วี ัด 1. อธิบายสาระสาคัญของการลูกเสอื 2. อธิบายความสาคัญของการลกู เสอื กบั การพฒั นา 3. ยกตัวอย่างความเป็นพลเมอื งดีของลกู เสือขอบขา่ ยเนื้อหา เร่ืองท่ี 1 สาระสาคัญของการลกู เสือ 1.1 วัตถปุ ระสงค์ของการพฒั นาลูกเสือ 1.2 หลกั การสาคัญของการลกู เสอื เรอ่ื งท่ี 2 ความสาคัญของการลูกเสอื กบั การพฒั นา 2.1 การพัฒนาตนเอง 2.2 การพฒั นาสมั พันธภาพระหวา่ งบคุ คล 2.3 การพัฒนาสัมพนั ธภาพภายในชุมชนและสงั คม เร่อื งที่ 3 ความเปน็ พลเมืองดีของลกู เสอื
2เวลาที่ใช้ในการศกึ ษา 2 ช่วั โมงส่ือการเรยี นรู้ 1. ชดุ วิชาลูกเสือ กศน. รหสั รายวิชา สค12025 2. สมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรปู้ ระกอบชุดวชิ า 3. สอื่ เสริมการเรยี นร้อู น่ื ๆ
3เรือ่ งท่ี 1 สาระสาคญั ของการลกู เสอื 1.1 วตั ถปุ ระสงคข์ องการพัฒนาลูกเสอื การลูกเสือทั่วโลก มีจุดประสงค์ร่วมกัน มีหลักการเดียวกัน มีวิธีการในแนวเดียวกัน และมีอุดมการณ์เดียวกัน คือ การพัฒนาศักยภาพบุคคลให้เป็นพลเมืองดี มีจิตสาธารณะมีความรับผิดชอบในการพัฒนาตนเองให้ดีย่ิงขึ้น มีความรับผิดชอบในการพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างบุคคล เพื่อทาความรู้จักกัน มีความเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกัน เพ่ือสร้างมิตรภาพและความเข้าใจท่ีดีต่อกัน ท้ังน้ี เพ่ือให้เกิดความเป็นพวกเดียวกัน ไม่แตกแยกกัน และเป็นพลังทจ่ี ะก่อใหเ้ กิดความสงบสขุ และความสนั ตสิ ุขในฐานะของความเป็นพลเมืองดี ขบวนการลูกเสือท่ัวโลก เป็นขบวนการที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทุกเพศทกุ วัย และทุกฐานะ ให้ไดร้ ับการพฒั นาในทุกด้าน กล่าวคือ การพัฒนาทางกาย เพื่อให้มีร่างกายเจริญเติบโต แข็งแรง เพียบพร้อมด้วยสขุ ภาพอนามยั ท่สี มบูรณ์ โดยการส่งเสริมการใช้ชวี ิตกลางแจง้ การพัฒนาทางจิตใจ เพื่อให้มีคุณธรรม จริยธรรมในการดารงชีวิต โดยยึดคาปฏิญาณและกฎของลกู เสอื เป็นหลกั ประจาใจและนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน การพฒั นาทางสตปิ ญั ญา เพอ่ื ใหม้ ีสติปัญญาเฉลียวฉลาด พ่ึงตนเองได้ โดยการสง่ เสริมการเรยี นรู้ด้วยการกระทารว่ มกัน การพัฒนาทางสังคม เพ่ือให้มีจิตสาธารณะ คิดดี ทาดี และมีความเป็นพลเมืองดีสามารถปรับตวั ให้อยใู่ นสังคมได้อย่างมคี วามสขุ โดยการบาเพญ็ ประโยชนต์ อ่ ผอู้ ื่น สาหรับการลูกเสือไทย คณะลูกเสือแห่งชาติ ได้กาหนดวัตถุประสงค์ของการพัฒนาลูกเสือ เพ่ือพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย จิตใจ สติปัญญา และสังคม ให้เป็นพลเมืองดีมีความรับผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสามัคคี มีความเจริญก้าวหน้า ท้ังน้ีเพือ่ ความสงบสุขและความม่นั คงของประเทศชาติ แนวทางการพัฒนาลกู เสอื เพ่ือใหบ้ รรลวุ ตั ถุประสงค์ของคณะลกู เสอื แห่งชาติ มีดังนี้ 1) ใหม้ นี ิสัยในการสังเกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพง่ึ ตนเอง 2) ให้ซอ่ื สัตยส์ ุจริต มีระเบียบวนิ ัยและเหน็ อกเห็นใจผอู้ ่นื 3) ใหร้ จู้ ักบาเพ็ญตนเพ่ือสาธารณประโยชน์ 4) ให้ร้จู ักทาการฝีมอื และฝึกฝนใหท้ ากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5) ให้รูจ้ ักรักษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม และความม่นั คง ของประเทศชาติ
4 1.2 หลกั การสาคญั ของการลูกเสอื การลกู เสอื ท่วั โลก ยดึ หลกั การสาคัญเดียวกนั เพอ่ื การไปสู่อดุ มการณ์ของการลกู เสือซึง่ เป็นจุดหมายปลายทางเดียวกัน อุดมการณ์ของการลูกเสือ หรือจุดหมายปลายทางของการลูกเสือ คือ การพัฒนาศักยภาพของบุคคลให้เป็นพลเมืองดี มีจิตสาธารณะ มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวชุมชน สงั คม และประเทศชาติ วิธีการที่จะบรรลุถึงอุดมการณ์ หรือจุดหมายปลายทางของการลูกเสือ คือการจัดกิจกรรมท่ีสนุกสนาน ดึงดูดใจ โดยอาศัยคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เป็นหลักในการสรา้ งความเขา้ ใจ เพ่ือนาสู่การปฏิบัตทิ ี่เน้นให้เห็นว่า พลเมืองดี ต้องเป็นผู้คิดดี ทาดี มีจิตสาธารณะและบาเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นโดยไม่คานึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา ผิวพรรณ วรรณะ และไม่อยู่ภายใต้อทิ ธิพลทางการเมือง หรอื ไม่เกี่ยวข้องกบั ลัทธกิ ารเมอื งใด หลักการสาคัญของการลูกเสือ คือ การอาสาสมัครทางาน การพัฒนาศักยภาพของบุคคลใหเ้ ปน็ พลเมอื งดี ภายใตพ้ น้ื ฐาน ดังนี้ 1) มหี นา้ ทต่ี ่อศาสนาทตี่ นเคารพนับถือ 2) มคี วามจงรกั ภักดีต่อชาติบ้านเมอื ง 3) มคี วามรับผดิ ชอบในการพัฒนาตนเอง 4) เข้ารว่ มในการพัฒนาสังคมด้วยการยกยอ่ ง และเคารพในเกียรติของบคุ คลอ่ืน 5) ช่วยเสริมสรา้ งสนั ตภิ าพความเข้าใจอนั ดี เพอื่ ความมนั่ คงเป็นอันหน่ึง อันเดยี วกันท่วั โลกกจิ กรรมท้ายเรื่องที่ 1 สาระสาคญั ของการลกู เสือ(ใหผ้ เู้ รียนไปทากิจกรรมท้ายเรอ่ื งท่ี 1 ที่สมุดบนั ทึกกจิ กรรมการเรยี นรู้ประกอบชุดวิชา)
5เร่ืองท่ี 2 ความสาคัญของการลกู เสือกับการพฒั นา 2.1 การพฒั นาตนเอง การพัฒนาตนเอง หมายถึง ความต้องการของบุคคลในการพัฒนาความรู้ความสามารถของตนจากที่เป็นอยู่ให้มีความรู้ ความสามารถและพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เพมิ่ ขน้ึ ดีขึ้นในทกุ ด้าน ไดแ้ ก่ การพัฒนาทางกาย จิตใจ อารมณ์ สติปัญญา สังคม ความรู้ อาชีพและสิง่ แวดลอ้ ม โดยมรี ายละเอียด ดงั นี้ 1) การพฒั นาทางกาย หมายถงึ การพฒั นาสุขภาพ อนามัย ให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง รวมถึงการพัฒนาบุคลิกภาพ กริยาท่าทาง การแสดงออก การใช้น้าเสียง วาจา การใช้คาพูดในการสอ่ื ความหมาย และการแต่งกายท่ีสะอาด เหมาะสมกับกาลเทศะ เหมาะกับรูปร่างและผวิ พรรณ 2) การพัฒนาทางจิตใจ หมายถึง การพัฒนาเจตคติที่ดี หรือความรู้สึกท่ีดีหรือการมองโลกในแง่ดี รวมถึงการพัฒนาสุขภาพจิตของตนเองให้อยู่ในสถานการณ์ท่ีเป็นปกติและเปน็ สขุ โดยมคี ุณธรรมเป็นหลักในการพฒั นาจิตใจ 3) การพัฒนาทางอารมณ์ หมายถึง การพัฒนาความสามารถในการควบคุมความรู้สึก นกึ คดิ การควบคุมอารมณท์ ่ีเป็นโทษตอ่ ตนเองและผู้อื่น โดยมีธรรมะเป็นหลักพัฒนาทางอารมณ์ 4) การพัฒนาทางสติปัญญา หมายถึง การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้วยการชน้ี าตนเอง การพฒั นาความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การพัฒนากระบวนการทางความคดิ เชิงวเิ คราะห์ การตัดสนิ ใจดว้ ยความเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบปฏิญาณ ภูมิคุ้มกันที่ดใี นตน และมวี ิถกี ารดาเนินชีวติ อย่างพอประมาณ และมีเหตุผลท่ีดี 5) การพัฒนาทางสังคม หมายถึง การพัฒนาความเป็นพลเมืองดี คิดดี ทาดีมจี ติ สาธารณะ สามารถปรบั ตวั ใหอ้ ยู่ในสังคมไดอ้ ย่างมีความสุข 6) การพัฒนาทางความรู้ หมายถึง การพัฒนาความรอบรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยที ก่ี ้าวหนา้ สามารถนาเทคโนโลยที ม่ี อี ยู่มาใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 7) การพฒั นาทางอาชีพ หมายถงึ การพฒั นาทกั ษะฝีมือ ความรู้ ความสามารถความชานาญการทางอาชีพให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของตลาดแรงงาน โดยการฝกึ ทักษะฝมี ือ 8) การพัฒนาสิ่งแวดล้อม หมายถึง การกระตุ้น และรักษา ตลอดจนแสวงหาแนวทาง ท่ีจะทาให้ส่ิงแวดล้อม มีความย่ังยืน ด้วยการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในคุณค่า และการดแู ลรักษา
6 2.2 การพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างบคุ คล การพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างบุคคล หมายถึง ความผูกพัน ความเก่ียวข้องเป็นกระบวนการติดต่อเกี่ยวข้องระหว่างบุคคลต้ังแต่สองคนขึ้นไป เพ่ือทาความรู้จักกันโดยวัตถุประสงค์ร่วมกันด้วยความเต็มใจ มีความรู้สึกท่ีดีต่อกัน อาศัยการแสดงออกทางกายวาจา และใจ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซ่ึงอาจไม่จากัดแน่นอน สามารถอยู่ร่วมกันและทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้ โดยมีสัมพันธภาพท่ีดีต่อกันและสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ให้เกิดขึ้นโดยอาศยั ความอดทนในการอยู่รว่ มกัน การพฒั นาสมั พันธภาพระหวา่ งบคุ คล จาเป็นอยา่ งย่ิงทีจ่ ะตอ้ งเรม่ิ ท่ีตนเอง ดงั นี้ 1) รู้จักปรับตนเองให้มีอารมณ์หนักแน่น ไม่หวาดระแวง ไม่อ่อนแอหรือแขง็ กระด้าง ไม่เปลีย่ นแปลงหรอื ผันแปรงา่ ย 2) รู้จักปรับตนเองให้เข้ากับบุคคล และสถานการณ์ รวมทั้งยอมรับและปฏิบัติตามกฎ กติกา ระเบยี บตา่ ง ๆ รู้จักบทบาทของตนเอง 3) รู้จักสังเกต รู้จด และรู้จา การสังเกตจะช่วยให้เราสามารถเข้ากับทุกคน ทุกชั้นทกุ เพศ และทกุ วยั ไดด้ ี 4) รู้จักตนเองและประมาณตน ช่วยให้คนลดทิฐิ และเห็นความสาคัญของผู้อื่นซ่ึงช่วยสร้างความพึงพอใจใหแ้ ก่กัน 5) รู้จักสาเหตุและใช้เหตุผลต่อผู้อื่น ช่วยลดความวู่วาม ทาให้การคบหากันไปดว้ ยดี 6) มีความม่นั ใจในตนเอง และเป็นตวั ของตวั เอง 2.3 การพฒั นาสัมพนั ธภาพภายในชมุ ชนและสงั คม การพัฒนาสัมพันธภาพภายในชุมชนและสังคม หมายถึง กระบวนการเปล่ยี นแปลงภายในสังคม ท้ังดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง การปกครอง และวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีข้ึน ทั้งด้านที่อยู่อาศัย อาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม สุขภาพอนามัยการศึกษา การมีงานทา มีรายได้เพียงพอในการครองชีพ ประชาชนได้รับความเสมอภาคความยุติธรรม มีคุณภาพชีวิต ท้ังน้ี ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการเปล่ียนแปลงทกุ ขัน้ ตอนอยา่ งมรี ะบบ
7 การพัฒนาสัมพนั ธภาพภายในชุมชนและสงั คม จาเป็นตอ้ งเร่ิมตน้ ท่ตี นเอง โดย 1) พัฒนาบุคลิกภาพให้ผู้พบเห็นเกิดความช่ืนชมและประทับใจด้วยการพูดและกริ ิยาท่าทาง 2) พัฒนาพฤตกิ รรมการแสดงออกด้วยความจริงใจ ใจกว้าง ใจดี 3) ให้ความช่วยเหลือเอาใจใส่ในกิจกรรมและงานส่วนรวมด้วยความมีน้าใจและเสียสละ 4) ให้คาแนะนาหรือเสนอแนะสง่ิ ท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อสว่ นรวม 5) ร่วมแก้ไขปัญหาข้อขดั แย้งในสงั คมให้ดขี ้ึน 6) พดู คุยกับทุกคนด้วยความยม้ิ แยม้ แจ่มใส และเป็นมิตรกับทกุ คน 7) ยึดหลักปฏิบัติตามค่านิยมพ้ืนฐาน คือ การพึ่งตนเอง ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ ประหยัดและออม มีระเบียบวินัยและเคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามคุณธรรมของศาสนา มีความจงรกั ภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ นอกจากนี้ ยงั จาเปน็ ต้องพัฒนาสมั พันธภาพต่อทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมโดยการสารวจสภาพทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ให้ความสนใจ และร่วมมือในการทากิจกรรม รวมท้งั การบารุงรักษาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มให้เกดิ ประโยชนต์ อ่ ชนรุน่ หลงักิจกรรมท้ายเรื่องท่ี 2 ความสาคัญของการลกู เสือกับการพฒั นา(ให้ผ้เู รยี นไปทากจิ กรรมท้ายเร่ืองท่ี 2 ทีส่ มดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชดุ วชิ า)เรอ่ื งที่ 3 ความเป็นพลเมืองดีของลกู เสอื 3.1 ความหมายของพลเมอื งดี พลเมืองดี หมายถึง ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาติ คาส่ังสอนของพ่อแม่ ครู อาจารย์ มีความสามัคคี เอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่ซึ่งกันและกันรู้จักรับผิดชอบช่ัวดีตามหลักจริยธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบรู้ มีสติปัญญาขยันขันแข็ง สร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ได้ครบถ้วนทง้ั ภารกจิ ที่ตอ้ งทาและภารกจิ ที่ควรทา ภารกิจท่ีต้องทา หมายถึง ส่ิงท่ีคนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทา หรือหา้ มกระทา
8 ถา้ ทาก็จะกอ่ ให้เกิดผลดี เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว หรือสังคมส่วนรวมแลว้ แต่กรณี ถ้าไม่ทาหรือไม่ละเว้นการกระทาตามที่กาหนดจะได้รับผลเสียโดยตรง คือได้รับโทษ หรือถูกบังคับ เช่น ปรับ จาคุก หรือประหารชีวิต เป็นต้น โดยท่ัวไปส่ิงท่ีระบุภารกิจทต่ี อ้ งทา ไดแ้ ก่ กฎหมาย ข้อบงั คับ ระเบียบตา่ ง ๆ เปน็ ต้น ภารกิจท่ีควรทา หมายถึง ส่ิงท่ีคนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นหน้าที่ท่ีควรทา ถ้าไม่ทาหรือละเว้นการกระทา จะได้รับผลเสียโดยทางอ้อม เช่น ได้รับการดูหม่ินเหยียดหยาม หรือไม่คบค้าสมาคมด้วย และถ้าทาจะได้รับการยกย่อง สรรเสริญจากคนในสังคม โดยทั่วไปสิ่งที่ระบุภารกจิ ที่ควรทา ไดแ้ ก่ วัฒนธรรม ประเพณี เป็นต้น 3.2 ความเปน็ พลเมืองดีของลกู เสอื กิจกรรมลูกเสือ เป็นการจัดมวลประสบการณ์ที่มีประโยชน์ และท้าทายความสามารถ เพ่ือเปิดโอกาสให้บุคคลพัฒนาศักยภาพของตนเอง และสร้างลักษณะนิสัยไมเ่ ห็นแก่ตัว และพร้อมที่จะเสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพ่ือให้มีอาชีพและให้ “บริการ” แก่บุคคลและสังคม สามารถดาเนินชีวิตของตนเอง เป็นผู้มีความรับผิดชอบตามหน้าท่ีของตน และดารงชวี ิตในสังคมได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้ กิจกรรมลูกเสือ เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาบุคคล ท้ังทางกาย สติปัญญาศีลธรรม จิตใจ เพ่ือให้เป็นพลเมืองดี รู้จักหน้าท่ีรับผิดชอบ และบาเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชนสังคม และประเทศชาติ ในทัศนะของการลูกเสือ คาว่า “พลเมืองดี” คือ บุคคลท่ีมีเกียรติ เช่ือถือได้มีระเบียบวินัย สามารถบังคับใจตนเอง สามารถพึ่งตนเอง และสามารถท่ีจะช่วยเหลือชุมชนและบาเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น ทั้งนี้ ต้องคานึงถึงสภาวะแวดล้อม สถานภาพของตนเอง และขีดความสามารถของตนเอง เพื่อป้องกันหรือไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง และครอบครวั
9 การพัฒนาตนเองให้เปน็ พลเมอื งดใี นทัศนะของการลูกเสือ มดี ังน้ี 1. มีความจงรักภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. มเี กียรติเชื่อถือได้ 3. มีระเบียบวนิ ัย สามารถบงั คบั ใจตนเองได้ 4. สามารถพ่งึ ตนเองได้ 5. เตม็ ใจและสามารถช่วยเหลือชมุ ชน และบาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ ผู้อ่ืนได้ทกุ เมื่อกิจกรรมทา้ ยเรื่องท่ี 3 ความเป็นพลเมอื งดขี องลูกเสือ(ใหผ้ ู้เรยี นไปทากิจกรรมทา้ ยเร่อื งท่ี 3 ท่สี มดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวิชา)
10 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 การลูกเสือไทยสาระสาคัญ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวหรือพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลท่ี 6 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงได้รับการศึกษาวิชาการหลายแขนงและวิชาการทหารที่ประเทศอังกฤษ ขณะนั้นทรงทราบเรื่องการสู้รบ เพื่อรักษาเมืองมาฟิคิง (Mafeking) ของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ หรือ บี.พี. (Lord Baden Powell หรือ B.P.)ท่ไี ดต้ ั้งกองทหารเด็กเป็นหน่วยสอดแนมช่วยในการรบกับพวกบัวร์ (Boer) ซึ่งเป็นชาวฮอลันดาและฝรั่งเศส จนประสบความสาเร็จ เมือ่ วันท่ี 1 พฤษภาคม 2454 หลังจากทีพ่ ระองคท์ ่านได้เสด็จข้ึนครองราชย์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ัง “กองเสือป่า” ซ่ึงเป็นนามเรียก ผู้สอดแนมในการสงครามหลังจากน้ัน 2 เดือน คือ เม่ือวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 ได้ทรงสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติตามประกาศจัดต้ังกองลูกเสือ และตั้งกองลูกเสือสาหรับเด็กชายกองแรกของประเทศไทยที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (โรงเรียนวชิราวุธ) ได้นามว่า “กองลูกเสือกรุงเทพท่ี 1” หรือกองลูกเสือหลวงในกาลต่อมา และทรงพระราชทานคติพจน์ให้แก่คณะลูกเสือแห่งชาติว่า “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” ผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นลูกเสือคนแรก คือ นายชัพน์ บุนนาค เพราะสามารถกล่าวคาปฏิญาณของลูกเสือต่อหน้าพระพักตร์ได้เป็นคนแรก พระองค์ท่านได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทาพิธีเข้าประจากอง และพระราชทานธงประจากอง เพ่ือให้กองลูกเสือรักษาธงประจากองไว้ต่างพระองค์ และให้มีพระราชกาหนดเคร่ืองแต่งตัวลูกเสือให้เหมาะสมกับสมัยทรงเตรียมการสถาปนา “เนตรนาร”ี หรือท่ีเรยี กกันว่า “ลูกเสือหญิง” สาหรับเด็กหญิงด้วย แต่ยังไมท่ นั ประกาศใช้ พระองค์ทา่ นไดเ้ สด็จสวรรคตก่อน การลูกเสือไทย มีความเจริญก้าวหน้า นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2454ถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2561) เป็นต้นมา สามารถจาแนกได้ ต้ังแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 6 ได้พระราชทานพระราชบัญญัติลูกเสือแห่งชาติไว้หลายฉบับซ่ึงในพระราชบัญญัติลูกเสือแห่งชาติ พ.ศ. 2551 ได้กาหนดไว้ว่า คณะลูกเสือแห่งชาติประกอบด้วย บรรดาลูกเสือทงั้ ปวง และบคุ ลากรทางการลูกเสือ โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
11ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ การบริหารงานของคณะลูกเสือแห่งชาติ ประกอบด้วยสภาลูกเสือแห่งชาติมีนายกรัฐมนตรี เป็นสภานายก มีกรรมการโดยตาแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตาแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการลูกเสือจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตาแหน่ง กรรมการประเภทผแู้ ทนและกรรมการผทู้ รงคุณวุฒิ กรรมการลูกเสือเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มีผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตาแหน่ง กรรมการ ประเภทผู้แทน และกรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิตัวช้วี ัด 1. อธิบายประวัตลิ ูกเสือไทย 2. อธิบายความรู้ทัว่ ไปเกีย่ วกับคณะลกู เสอื แห่งชาติขอบข่ายเนื้อหา เรอ่ื งท่ี 1 ประวตั ิลกู เสือไทย 1.1 พระราชประวตั ขิ องพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั 1.2 กาเนดิ ลกู เสอื ไทย เร่อื งท่ี 2 ความรู้ทว่ั ไปเก่ียวกับคณะลูกเสือแห่งชาติเวลาที่ใช้ในการศกึ ษา 1 ชวั่ โมงสอื่ การเรยี นรู้ 1. ชุดวชิ าลูกเสอื กศน. รหสั รายวิชา สค12025 2. สมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรูป้ ระกอบชดุ วชิ า 3. สอ่ื เสริมการเรยี นรอู้ ่ืน ๆ
12เรอื่ งที่ 1 ประวัติลกู เสอื ไทย 1.1 พระราชประวตั ขิ องพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวหรือพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิ ราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลท่ี 6 ในราชวงศ์จักรี พระราชสมภพ เม่ือวันเสาร์ท่ี 1 มกราคม2423 ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5และสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ) เมื่อทรงพระเยาว์ทรงพระนามวา่ “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ” ในปี พ.ศ. 2437 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ดารงตาแหน่งรัชทายาท เสด็จข้ึนครองราชย์เมอ่ื วันท่ี 23 ตลุ าคม 2453 มีพระราชลัญจกรประจารัชกาล เป็นรูปวชิราวุธ ยอดมีรัศมีประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า ซึ่งตั้งอยู่เหนือตั่ง มีฉัตรกลีบบัวต้ังอยู่สองข้าง เป็นสัญลักษณ์พระนามาภิไธย“วชิราวุธ” หมายถึง อาวุธของพระอินทร์ และเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2468ประชวรดว้ ยพระโรคพระโลหิตเปน็ พิษในพระอุทร พระชนมายุ 45 พรรษา ทรงอยู่ในพระราชสมบัติ15 ปี ทรงมพี ระราชธิดาพระองค์เดยี ว ทรงพระนามว่า “เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสดุ า สริ ิโสภาพณั ณวดี” สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ทรงได้รับการศึกษาทางอักษรศาสตร์และศิลปศาสตร์ จากสมเด็จพระราชบิดา และนานาอาจารย์ผู้สันทัดแต่ละวิชา เมื่อปีพ.ศ. 2436 พระชนมายุ 13 พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชบิดาได้โปรดให้พระองค์ออกไปศึกษาวิชาการหลายแขนง ณ ประเทศอังกฤษ สาขาประวัติศาสตร์รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และวรรณคดี ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และศึกษาวิชาการทหารทโี่ รงเรียนทหารบกแซนด์ เฮสิ ต์ และได้เสดจ็ นวิ ัตพิ ระนคร เมอื่ ปี พ.ศ. 2445 1.2 กาเนดิ ลกู เสอื ไทย ปี พ.ศ. 2442 ขณะที่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ทรงศึกษาณ ประเทศอังกฤษ น้ัน ได้ทรงทราบเรื่องการสู้รบเพ่ือรักษาเมืองมาฟิคิง (Mafeking) ของลอร์ดเบเดน โพเอลล์ หรือ บี.พี. ได้ตั้งกองทหารเด็กเป็นหน่วยสอดแนมช่วยรบในการรบกับพวกบัวร์ (Boer) ซงึ่ เปน็ ชาวฮอลันดาและฝร่งั เศส จนประสบความสาเร็จ ปี พ.ศ. 2450 พระองค์ทรงทราบว่า บี.พี. ได้ตั้งกองลูกเสือท่ีประเทศอังกฤษขึ้นเป็นคร้ังแรกของโลก ปี พ.ศ. 2454 หลังจากพระองค์ท่านได้เสด็จขึ้นครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวธุ ฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงมีพระราชปรารภว่า
13“...มีพลเรือน บางคนที่เปนข้าราชการแลมิได้เปนข้าราชการ มีความปรารถนาจะได้รับความฝึกหัดอย่างทหาร แต่ยังมิได้มีโอกาสฝึกหัด เพราะติดน่าที่ราชการเสียบ้าง หรือเพราะติดธุระอ่ืนเสียบ้าง การฝึกหัดเปนทหารน้ันย่อมมีคุณ เปนประโยชน์แก่บ้านเมืองอยู่หลายอย่างท่ีเปนข้อใหญ่ ข้อสาคัญก็คือ กระทาให้บุคคล ซึ่งได้รับความฝึกฝนเช่นนั้นเปนราษฎรดีข้ึนกล่าวคือ ทาให้กาลังกายแลความคิดแก่กล้าในทางเปนประโยชน์ ด้วยเปนธรรมดาของคนถา้ ไม่มผี ใู้ ดฤๅส่ิงใดบงั คับให้ใช้กาลัง แลความคดิ ของตนแลว้ ก็มกั จะกลายเปนคนอ่อนแอไป อีกประการหนึ่ง การฝึกหัดเปนทหารนั้นทาให้คนรู้วินัย คือ ฝึกหัดตนให้อยู่ในบังคับบัญชาของผู้ท่ีเปนหัวน่า ฤๅนายเหนือตนซ่ึงจะนาประโยชน์มาให้แก่ตนเปนอันมากเพราะว่ารู้จักน้าใจผู้น้อยทั้งเปนทางส่ังสอนอย่างหนึ่ง ให้คนมีความยาเกรงตั้งอยู่ในพระราชกาหนดกฎหมายของประเทศบ้านเมือง ท้ังจะปลุกใจคนให้มีความรู้ รักพระเจ้าแผ่นดิน ชาติและศาสนา จนจะยอมสละชีวิตถวายพระเจา้ แผ่นดนิ ฤๅเพ่อื ปอ้ งกันรักษาชาตสิ าสนาของตนได้ การฝึกหัดข้าราชการพลเรือนในท่าทหารที่กล่าวน้ี ไม่ใช่เปนของที่ทรงพระราชดาริห์เริ่มจะชัดขึ้น ได้ทรงทดลองจัดนับว่าเปนการสาเร็จมาแล้ว แลได้ทรงสังเกตผู้ที่ได้รับความฝึกสอนเช่นนี้ใช้ได้ดีกว่าคนธรรมดา ด้วยเหตุที่กล่าวมาน้ี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้ตั้งกองพลสมัคขึ้นกองหนึ่งให้ช่ือว่า “กองเสือป่า” ซ่ึงเปนนามเรียกผู้สอดแนม ในการสงครามในประเทศสยามมาแต่โบราณ ภายหลังที่พระองค์ทรงตั้งกองเสือป่าได้ 2 เดือน จึงมีพระราชปรารภที่จะตั้งกองลูกเสือขึ้น ซึ่งได้ปรากฏอยู่ในคาปรารภของข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือฉบับแรกซง่ึ ประกาศ ใชเ้ ม่ือวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 ดังนี้ “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงดารงพระยศเปนนายกองใหญ่ในกองเสือป่า ทรงพระราชดาริห์ว่า กองเสือป่าได้ตั้งขึ้นเปนหลักฐานแล้ว พอจะเปนที่หวังได้ว่าจะเปนผลดีตามพระราชประสงค์ แต่ผู้ท่ีจะเปนเสือป่าต้องเปนผู้ที่นับว่าเปนผู้ใหญ่แล้ว ฝ่ายเด็กชายที่ยังอยู่ในปฐมวัย ก็เปนผู้ท่ีสมควรจะได้รับการฝึกฝน ทั้งในส่วนร่างกายและในส่วนใจให้มีความรู้ในทางเสือป่า เพื่อว่าเม่ือเติบใหญ่ข้ึนแล้วจะได้รู้จักน่าท่ี ซ่ึงผู้ชายไทยทุกคนควรจะประพฤติให้เปนประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง อันเปนที่เกิดเมืองนอนของตน และการฝึกฝนปลุกใจให้คิดถูกเช่นน้ีต้องเร่ิมฝึกฝนเสียเม่ือยังเยาว์อยู่เปรียบเสมือน ไม้ที่ยังอ่อนจะดัดไปเปนรูป อย่างไรก็เปนไปได้ง่ายและงดงาม แต่ถ้ารอไว้จนแก่เสียแลว้ เม่ือจะดดั กต็ อ้ งเข้าไฟ และมกั จะหักลิได้ ในขณะทดี่ ดั ดงั น้ีฉันใด สันดานคนก็ฉันนัน้ ”
14 พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกองลูกเสือขึ้น ตามโรงเรียนและสถานทีอ่ ันสมควร โดยปรารถนาที่จะให้เด็กไทยไดศ้ กึ ษา และจดจาขอ้ สาคัญ 3 ประการ คือ 1) เพื่อปลูกฝังความจงรักภักดีต่อผู้ทรงดารงรัฐสีมาอาณาจักร โดยต้องตามนติ ิธรรมประเพณี 2) เพอื่ ปลูกฝงั ความรักชาติบา้ นเมือง การนับถือศาสนาพทุ ธ 3) เพอ่ื ปลกู ฝังความสามคั คีในหมูค่ ณะ และไมท่ าลายซ่ึงกนั และกันโดยมพี ระราชประสงค์อย่างย่ิง เพ่ือพัฒนาเยาวชนให้เป็นกาลังสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติบ้านเมืองทรงดาริว่า “การใด ๆ ท่ีได้จัดขึ้นแล้ว และซ่ึงจะได้จัดข้ึนต่อไปก็ล้วนทาไปด้วยความมุ่งหมายทจี่ ะให้เป็นประโยชน์ นาความเจริญมาสู่ชาติ อย่างน้อยก็เพียงไม่ให้อายเพ่ือนบ้าน ในการตั้งลูกเสือกเ็ พอื่ ให้คนไทยรกั ชาติบ้านเมอื ง เป็นผู้นบั ถือศาสนาและมีความสามัคคี ไม่ทาลายซึ่งกันและกัน เป็นรากฐานแห่งความมั่นคงของประเทศชาติ ทรงให้ท่ีมาของช่ือลกู เสือไวว้ ่า “ลกู เสือ บ่ ใช่เสือสัตว์ไพร เรายมื มาใชด้ ้วยใจกลา้ หาญปานกัน ใจกล้ามิใชก่ ล้าอธรรม์ เช่นเสอื อรัญสัญชาตชิ นคนพาล ใจกล้าต้องกล้าอยา่ งทหาร กล้ากอปรกจิ การแก่ชาติประเทศเขตคน” เม่ือวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาคณะลูกเสือไทยขึ้น โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราข้อบังคับคณะลูกเสือและจดั ตง้ั สภากรรมการลูกเสอื ขึ้น โดยพระองค์ทรงดารงตาแหน่งสภานายก และต้ังกองลูกเสือกองแรกของประเทศไทย ทโี่ รงเรยี นมหาดเล็กหลวง (โรงเรียนวชิราวุธ) ทรงพระราชทานคติพจน์ใหแ้ ก่คณะลูกเสือแห่งชาติว่า “เสียชีพ อย่าเสียสัตย์” พระองค์ทรงได้เอาเป็นพระราชธุระในการอบรมสง่ั สอนตลอดจนการดาเนินงานท่ัว ๆ ไปของกองลูกเสือน้ีโดยตรง ท้ังนี้ เพื่อทรงหวังจะให้เป็นแบบอย่างสาหรับโรงเรียนอื่น ๆ หรือสถานที่ต่าง ๆ ท่ีมีความประสงค์จะตั้งกองลูกเสือข้ึนจะไดย้ ดึ เปน็ แบบอย่างต่อไป กองลูกเสอื กองนีจ้ งึ ได้นามว่า “กองลกู เสือกรุงเทพท่ี 1” ซ่ึงผู้ที่ได้รับ
15 การยกย่องเป็นลูกเสือคนแรกคือ นายชัพน์ บุนนาค เพราะสามารถกล่าวคาปฏิญาณของลูกเสือ ต่อหน้าพระพักตร์ได้เป็นคนแรก จึงมีพระบรมราชโองการว่า “อ้ายชัพน์เอง็ เป็นลูกเสอื แล้ว”ซึ่งตอ่ มาไดร้ ับพระราชทานบรรดาศกั ดิเ์ ป็น นายลขิ ติ สารสนอง วันท่ี 3 สิงหาคม 2454 พระองค์ทรงให้มีพิธีเข้าประจากองลูกเสือขึ้นเป็นครั้งแรก โดยให้ลูกเสือหลวงท่ีสอบไล่ได้แล้วน้ัน เข้ากระทาพิธีประจากองต่อหน้าพระที่น่ังณ พระที่นั่งอภิเษกดุสิต ในพิธีน้ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองลูกเสือต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ในกรุงเทพฯ ในเวลานนั้ เขา้ เฝ้าทูลละอองธลุ ีพระบาท เพือ่ ฝึกพิธเี ขา้ ประจากอง วันท่ี 2 กันยายน 2454 ได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้กองลูกเสือกรงุ เทพที่ 1 เข้าเฝา้ ทูลละอองธุลพี ระบาท ณ สโมสรสนามเสือป่า และได้สอบซ้อมวิชาลูกเสือตามแบบที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้สาหรับสั่งสอนเสือป่าและลูกเสือ และได้ทรงพระราชทานนามกองลกู เสอื มหาดเลก็ หลวง ซึ่งเปน็ กองแรกในประเทศไทยนีว้ ่า “กองลกู เสอื หลวง” ในปี พ.ศ. 2457 เม่อื ลกู เสือได้ทาพิธีเข้าประจากองกันบ้างแล้ว จึงทรงพระราชทานธงประจากอง เพื่อรักษาไว้ต่างพระองค์ กองลูกเสือหลวง ได้รับพระราชทานธงประจากองเป็นกองแรก และได้ทรงพระราชทานให้กับกองลูกเสือต่าง ๆ ในโอกาสอันสมควร เช่น การเสด็จหัวเมืองต่าง ๆ เป็นต้น ธงท่ีพระราชทานให้กองลูกเสือนี้ มีรูปร่าง ลักษณะท่ีแตกต่างกันไปสดุ แต่จะทรงคดิ ข้ึนพระราชทานให้ตามความเหมาะสมของแต่ละมณฑล วนั ที่ 1 เมษายน 2457 พระองค์ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชกาหนดเครื่องแต่งตัวลูกเสือให้เหมาะสมกับสมัย และในวันท่ี 10 เมษายน 2459 ได้ทรงมีประกาศพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลูกเสือมณฑลปัตตานี ใช้หมวกกลมแบบมลายู ด้วยเหตุผลว่าเน่ืองจากลูกเสือในมณฑลปัตตานี เป็นบุตรหลานชาวมลายู ซ่ึงนับถือศาสนาอิสลาม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กองลูกเสือมณฑลปัตตานีใช้หมวกสกั หลาด หรือหมวกกามะหยสี่ ีดา ชนดิ กลม แบบหมวกมลายูเปน็ กรณีพเิ ศษ ดว้ ยพระปรชี าญาณ และพระราชดารขิ องพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวท่ีว่า พลเมืองทุกเพศ ทุกวัย ย่อมเป็นทรัพยากรสาคัญของชาติ เม่ือชาติพินาศล่มจม ใครเล่าจะอยู่ได้ ด้วยเหตุน้ีหลังจากได้ทรงสถาปนาการลูกเสือขึ้นเป็นหลักฐานแล้ว จึงได้ทรงเตรียมการท่ีจะสถาปนา “เนตรนารี” หรือที่เรียกกันว่า “ลูกเสือหญิง” สาหรับเด็กหญิงด้วย เพ่ือคู่กับ“ลูกเสือ” ซ่ึงได้ตั้งข้ึนเรียบร้อยแล้ว สาหรับเด็กชาย จึงทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้มีการฝึกฝนในแบบเดียวกันเพ่ือความสมบูรณ์แห่งทรัพยากรดังกล่าว พระองค์จึงทรงมอบให้
16พระยาไพศาลศลิ ปศาสตร์ ไปรา่ งกฎระเบียบไว้ ซ่ึงการร่างกฎระเบียบต่าง ๆ ได้ดาเนินการเสร็จเรยี บร้อย แตย่ งั ไมท่ ันประกาศใช้ พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ สวรรคตก่อนกิจกรรมทา้ ยเรื่อง 1 ประวตั ิลกู เสอื ไทย(ให้ผเู้ รยี นไปทากิจกรรมทา้ ยเรื่องท่ี 1 ที่สมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรยี นรู้ประกอบชดุ วิชา)เรือ่ งท่ี 2 ความร้ทู ่ัวไปเกยี่ วกับคณะลูกเสือแหง่ ชาติ 2.1 คณะลกู เสอื แห่งชาติ คณะลูกเสือแห่งชาติ ประกอบด้วย บรรดาลูกเสือทั้งปวงและบุคลากรทางการลกู เสือ โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ของคณะลูกเสอื แห่งชาติ ลูกเสือ หมายความว่า เด็กและเยาวชนทั้งชายและหญิง ท่ีสมัครเข้าเป็นลูกเสือทัง้ ในสถานศกึ ษาและนอกสถานศึกษา สว่ นลกู เสือทีเ่ ปน็ หญงิ ให้เรียกว่า “เนตรนารี” บรรดาลูกเสือทั้งปวง หมายถึง ลูกเสือในโรงเรียน ลูกเสือนอกโรงเรียนลูกเสือหลักสูตรพิเศษ ลกู เสอื ชาวบา้ น ลกู เสือในโรงเรียน หมายถงึ เยาวชนที่สมคั รเข้าเปน็ ลูกเสือในกองลูกเสือโรงเรียนไดแ้ ก่ ลกู เสือสารอง ลูกเสือสามญั ลูกเสอื สามญั รุน่ ใหญ่ และลกู เสือวสิ ามัญ ลูกเสอื นอกโรงเรียน หมายถึง เยาวชนทไี่ มไ่ ด้สมคั รเข้าเป็นลูกเสือในกองลูกเสอืโรงเรยี น แต่สมคั รใจเขา้ รว่ มกิจกรรมกับลกู เสือในโรงเรียน และลกู เสอื หลกั สูตรพิเศษ ลูกเสือหลักสูตรพเิ ศษ หมายถึง ลกู เสอื ท่สี มคั รเข้ารบั การอบรมในหลักสูตรพิเศษต่าง ๆ เช่น ลูกเสือช่อสะอาด ลูกเสือป่าไม้ ลูกเสือจราจร ลูกเสือป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยลูกเสืออาสา กกต. ลกู เสือไซเบอร์ ลกู เสอื อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม ฯลฯ ลูกเสือชาวบ้าน หมายถงึ กลุ่มชาวบ้านทีม่ ารวมกันเพ่อื ทาประโยชน์ใหแ้ กส่ งั คมผ่านกระบวนการลูกเสือ โดยที่มีการทางานหรือการเข้าค่ายต่าง ๆ คล้ายกับลูกเสือในโรงเรียนลูกเสือชาวบ้านเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 โดยตารวจตระเวนชายแดน ได้ฝึกอบรมให้ชาวบ้านรู้จักดูแลความปลอดภัยในหมู่บ้าน การป้องกันตนเอง ตลอดจนการสอดแนมรักษาความปลอดภยั ตามแนวชายแดน บุคลากรทางการลูกเสือ หมายความว่า ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ผู้ตรวจการลูกเสือกรรมการลกู เสือ อาสาสมัครลูกเสอื และเจา้ หน้าที่ลูกเสือ
17 2.2 การบริหารงานของคณะลูกเสอื แหง่ ชาติ ประกอบด้วย 2.2.1 สภาลูกเสือไทย ประกอบดว้ ยคณะบุคคล ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) นายกรฐั มนตรี เป็น สภานายก 2) รองนายกรฐั มนตรี เปน็ อปุ นายก 3) กรรมการโดยตาแหน่ง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลัดสานักนายกรัฐมนตรีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ เลขาธิการสภาการศึกษาเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการสภากาชาดไทย อธิบดีกรมการปกครองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้อานวยการศูนย์ปฏิบัตกิ ารลูกเสือชาวบา้ น 4) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจานวนไม่เกินแปดสิบคน ซ่ึงพระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตงั้ ตามพระราชอธั ยาศัย ให้เลขาธิการสานักงานลูกเสือแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการรองเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธกิ ารสานักงานลกู เสอื แห่งชาติ เป็นผู้ชว่ ยเลขานุการ สภาลูกเสือไทย อาจมีสภานายกกิตติมศักดิ์ อุปนายกกิตติมศักด์ิ และกรรมการกติ ติมศักด์ิ ซ่งึ จะได้ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ อกี ครงั้ 2.2.2 คณะกรรมการบริหารลกู เสือแหง่ ชาติ เปน็ องคก์ รบรหิ ารของคณะลูกเสือแหง่ ชาติ ประกอบดว้ ยคณะบุคคล ดงั ต่อไปน้ี 1) รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เป็น ประธานกรรมการ 2) กรรมการโดยตาแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธาน เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเลขาธิการสภากาชาดไทย เลขาธิการสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ผู้อานวยการสานักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และผู้อานวยการศูนยป์ ฏิบัติการลกู เสือชาวบา้ น
18 3) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจานวนไม่เกินสิบห้าคน ซึ่งสภานายกสภาลูกเสือไทยแต่งต้ังโดยคาแนะนาของกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ตาม 1 และ 2 ซ่ึงในจานวนนี้ต้องมาจากภาคเอกชนไม่นอ้ ยกว่าก่งึ หนง่ึ ให้เลขาธิการสานักงานลูกเสือแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการรองเลขาธกิ ารและผูช้ ่วยเลขาธกิ ารสานักงานลกู เสอื แหง่ ชาติ เป็นผู้ช่วยเลขานกุ าร เ ล ข า ธิ ก า ร ส า นั ก ง า น ลู ก เ สื อ แ ห่ ง ช า ติ เ ป็ น ผู้ รั บ ผิ ด ช อ บ ก า ร บ ริ ห า ร ง า นของสานักงานลูกเสือแห่งชาติ และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างในสานักงานโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่งตั้งรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนหน่ึงทาหน้าที่เลขาธิการสานักงานลูกเสือแห่งชาติ และแต่งต้ังผู้บริหารระดับสูงอ่ืนในกระทรวงศึกษาธิการทาหนา้ ทีร่ องเลขาธกิ ารและผู้ช่วยเลขาธิการตามจานวนท่ีเหมาะสม 2.2.3 คณะกรรมการลูกเสือจงั หวดั ประกอบด้วยคณะบุคคล ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) ผวู้ ่าราชการจงั หวดั เป็น ประธานกรรมการ 2) กรรมการโดยตาแหน่ง ได้แก่ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดจังหวัด นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ผู้บังคับการตารวจภูธรจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายอาเภอ นายกเทศมนตรี นายกสมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัด และผ้อู านวยการสานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา 3) กรรมการประเภทผู้แทนจานวนห้าคน ได้แก่ ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาผู้แทนสถานศึกษาอาชีวศึกษา ผู้แทนค่ายลูกเสือจังหวัด ผู้แทนสมาคมหรือสโมสรลูกเสือ และผู้แทนจากลกู เสือชาวบา้ น ซงึ่ เลือกกันเองกลมุ่ ละหนงึ่ คน 4) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจานวนไม่เกินสิบคน ซึ่งประธานกรรมการแต่งต้ังโดยคาแนะนาของกรรมการลูกเสือจังหวัดตามข้อ 2) และ 3) ในจานวนน้ีจะต้องแต่งตั้งจากภาคเอกชนไม่น้อยกวา่ กึ่งหน่งึ ให้ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเขต 1 เป็นกรรมการและเลขานกุ าร ให้ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด เป็นกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานกุ าร 2.2.4 คณะกรรมการลกู เสอื เขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา คณะกรรมการลูกเสอื เขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา ประกอบดว้ ยคณะบคุ คล ดังต่อไปน้ี 1) ผอู้ านวยการสานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา เป็นประธานกรรมการ
19 2) กรรมการโดยตาแหน่ง ได้แก่ ผู้กากับการสถานีตารวจภูธรของทุกอาเภอในเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา หรือผ้กู ากับการสถานีตารวจนครบาลของทุกสถานีในเขตพื้นท่ีการศึกษาของกรุงเทพมหานคร 3) กรรมการประเภทผู้แทน ได้แก่ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้แทนสถานศึกษาในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา ผู้แทนสถานศึกษาเอกชน ผู้แทนสถานศึกษาอาชีวศึกษา ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษา ผู้แทนศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอาเภอ ผู้แทนค่ายลกู เสอื และผ้แู ทนสมาคมหรือสโมสรลูกเสอื ซ่งึ เลอื กกนั เองกลมุ่ ละหน่งึ คน 4) กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิจานวนไม่เกนิ เจด็ คน ซึง่ ประธานกรรมการแต่งตง้ัโดยคาแนะนาของกรรมการลูกเสือเขตพ้ืนที่ตามข้อ 2) และ 3) ในจานวนน้ีจะต้องแต่งต้ังจากภาคเอกชนไมน่ ้อยกว่ากงึ่ หนึ่ง ให้รองผู้อานวยการสานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาท่ีได้รับมอบหมายเป็นกรรมการและเลขานุการและให้ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาแต่งตั้งข้าราชการในสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาอกี ไม่เกนิ สองคน เป็นผูช้ ว่ ยเลขานกุ าร แผนภูมิแสดงการบรหิ ารงานของคณะลกู เสอื แห่งชาติ คณะลกู เสอื แห่งชาติ พระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุสภาลูกเสอื ไทย คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการ คณะกรรมการลกู เสอืนายกรฐั มนตรี ลกู เสอื แหง่ ชาติ ลกู เสอื จังหวดั เขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาเปน็ สภานายก รัฐมนตรีว่าการ ผ้วู ่าราชการจงั หวดั ผู้อานวยการเขตพื้นท่ี เปน็ ประธาน การศกึ ษา เขต 1 กระทรวงศกึ ษาธิการ เป็นประธาน เป็นประธานกิจกรรมท้ายเรื่องที่ 2 ความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกบั คณะลูกเสอื แห่งชาติ(ให้ผ้เู รยี นไปทากจิ กรรมท้ายเรื่องที่ 2 ท่ีสมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ า)
20 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 การลูกเสอื โลกสาระสาคญั ผู้ให้กาเนิดลูกเสือโลก คือ โรเบิร์ด สตีเฟนสัน สมิท เบเดน โพเอลล์ (RobertStephenson Smyth Baden Powell) หรือ บี.พี. เป็นชาวอังกฤษ เกิดท่ีกรุงลอนดอน เม่ือวันท่ี22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2400 เป็นเด็กกาพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ในวัยเด็กชอบใช้ชีวิตกลางแจ้งศกึ ษาธรรมชาติ เลน่ กฬี า และชอบเปน็ ผนู้ า สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิสต์ ได้ที่ 2 และได้รับพระราชทานยศเป็นร้อยตรี เม่ืออายุ 19 ปี ปฏิบัติหน้าท่ีทหารอย่างดีเด่น ได้รับพระราชทานยศเปน็ รอ้ ยเอก เมื่ออายุ 26 ปี เปน็ นายทหารทีเ่ ฉลียวฉลาด กล้าหาญ สร้างวีรกรรมท่ีย่ิงใหญ่ทาการต่อสู้อย่างห้าวหาญ เพื่อรักษาเมืองมาฟิคิง (Mafeking) ให้รอดพ้นจากวงล้อม และการบุกรุกโจมตขี องกองทัพบวั ร์ (Boer) ท่ีแอฟริกาใต้ ได้รับการสรรเสริญว่า “วีรบุรุษผู้กล้าหาญแห่งยุค”เมื่อวันที่ 1 – 9 สิงหาคม พ.ศ. 2450 บี.พี. ได้นาเด็กชายท่ีมีอายุ 11 – 15 ปี จากครอบครัวที่มีฐานะแตกต่างกัน จานวน 20 คน ไปเข้าค่ายพักแรมท่ีเกาะบราวน์ซี นับว่าเป็นการอยู่ค่ายพักแรมของลูกเสือคร้ังแรกของโลก และถือว่าเกาะบราวน์ซีเป็นค่ายลูกเสือแห่งแรกของโลก เช่นกัน ในปีพ.ศ. 2463 สมาคมลูกเสืออังกฤษ จัดประชุมลูกเสือท่ัวโลกเป็นคร้ังแรก ท่ีประเทศอังกฤษมีลูกเสือกว่า 8,000 คน จาก 34 ประเทศ เข้าร่วมชุมนุมในการชุมนุมครั้งน้ี มีข้อตกลง และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ ลอร์ด เบเดน โพเอลล์ หรือ บี.พี. เป็นประมุขคณะลูกเสือแห่งโลกตลอดกาลและ บี.พ.ี ถึงแกอ่ นิจกรรม เม่ือวนั ท่ี 8 มกราคม 2484 สริ อิ ายุ 84 ปี องค์การลูกเสือโลก เป็นองค์การอาสาสมัครนานาชาติ มีความสาคัญในการทาหน้าที่รักษา และดารงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพของขบวนการลูกเสือแห่งโลก และทาหน้าที่สง่ เสรมิ กิจการลกู เสอื ท่ัวโลก ให้มีการพัฒนาและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีธรรมนูญลูกเสือโลกเป็นกฎหมายสาหรับยึดถือปฏิบัติ การมีองค์กรหลัก 3 องค์กร คือ สมัชชาลูกเสือโลกคณะกรรมการลูกเสือโลก และสานักงานลูกเสือโลก ปัจจุบัน (พ.ศ. 2561) มีสมาชิกกว่า40 ลา้ นคน ใน 169 ประเทศ ตามบัญญัติของธรรมนูญลูกเสือโลก ประเทศสมาชิกขององค์การลูกเสือโลกแต่ละประเทศจะมอี งคก์ ารลูกเสือแห่งชาติได้เพียง 1 องค์การเท่าน้ัน กิจการลูกเสือทุกประเทศยดึ ม่ัน ในวตั ถุประสงค์ หลักการ และวิธีการของลกู เสอื เหมอื นกนั ทวั่ โลก คือ มุ่งพัฒนาเยาวชน
21ด้วยรากฐานของอุดมการณ์ของลูกเสือ ซึ่งมีคาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือเป็นสิ่งยึดเหน่ียวจติ ใจนาส่กู ารประพฤตปิ ฏิบัตติ นของความเป็นพลเมอื งดี และความเปน็ พ่นี ้องกนั ระหว่างลูกเสือทัว่ โลกตัวชี้วัด 1. อธบิ ายประวัติผูใ้ ห้กาเนิดลูกเสือโลก 2. อธิบายความสาคัญขององคก์ ารลูกเสือโลกขอบขา่ ยเนอื้ หา เรอ่ื งที่ 1 ประวตั ผิ ู้ใหก้ าเนิดลกู เสือโลก เร่อื งที่ 2 องคก์ ารลูกเสือโลกเวลาทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา 1 ชัว่ โมงส่อื การเรียนรู้ 1. ชุดวิชาลูกเสือ กศน. รหัสรายวชิ า สค12025 2. สมุดบนั ทึกกิจกรรมการเรียนรปู้ ระกอบชุดวชิ า 3. สื่อเสรมิ การเรยี นรอู้ ื่น ๆ
22เรือ่ งท่ี 1 ประวตั ิผ้ใู ห้กาเนดิ ลูกเสอื โลก ผู้ให้กาเนิดลูกเสือโลก มีชื่อเต็มว่า Robert Stephenson Smyth BadenPowell ในภาษาไทยเขียนว่า โรเบิร์ต สตีเฟนสัน สมิท เบเดน โพเอลล์ ซึ่งโดยท่ัวไปจะเรียกท่านวา่ “บ.ี พ.ี ” บี.พี. เป็นชาวอังกฤษเกิดท่ีกรุงลอนดอน เกิดเม่ือวันท่ี 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2400เป็นเด็กกาพร้าบดิ าตั้งแต่อายุ 3 ขวบพ.ศ. 2400 - 2419 ชีวติ วยั เดก็ เมือ่ ยังเปน็ เด็กก่อนเข้าโรงเรยี น มารดาเป็นผู้สอน อ่าน เขียน ทาเลข และวาดเขียนขณะเมื่อมาพักผ่อนอยู่กับคุณตา คุณตาฝึกว่ายน้า เล่นสเกต ข่ีม้า หัดวัดปริมาณแสงแดดในเวลากลางวัน สังเกตแสงแดดในเวลากลางวัน สังเกตดวงดาวเวลากลางคืน บี.พี. ชอบร้องเลยี นเสียงสัตว์และเสยี งนกตา่ ง ๆ ชอบแสดงทา่ ขบขนั เมอื่ อายุ 11 - 12 ปี เข้าเรียนในโรงเรียนโรสฮิลล์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาใกลบ้ า้ น เมอ่ื อายุ 13 - 19 ปี เข้าเป็นนักเรียนประจา ช้ันมัธยมศึกษาที่โรงเรียนชาเตอร์เฮาส์ณ เมอื งโกคาลมิง ซึ่งรอบ ๆ บริเวณโรงเรียนเป็นป่ามีลาธาร ชอบหนีไปเท่ียวในป่าหลังโรงเรียนเข้าไปใช้ชีวิตและศึกษาธรรมชาติโดยลาพัง สังเกตรอยเท้าสัตว์ ฟังเสียงสัตว์ 4 เท้า และนกชอบเลน่ กฬี า ชอบเปน็ ผูน้ า ฝกึ กฬี าฟุตบอล ฟนั ดาบ ยิงปืน ขี่มา้ โตว้ าที วาดภาพ แสดงละคร ฯลฯ พ.ศ. 2419 บี.พี.สมัครสอบเข้าท่ีมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด 2 คร้ัง แต่สอบไม่ได้จึงสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิสต์ โดยไม่ได้คิดว่าจะสอบเข้าไปได้ เพราะ บี.พี. ไม่ใช่นักเรียนท่ีเรียนเก่ง แต่ผลการสอบคัดเลือกปรากฏว่า ในจานวนผู้เข้าสอบ 718 คน บี.พี. สอบได้ที่ 2 ในเหลา่ ทหารม้า และสอบไดท้ ี่ 5 ในเหล่าทหารราบ ตามระเบียบกระทรวงกลาโหมอังกฤษในสมัยนั้น ผู้สอบได้ที่ 1 - 6 จะได้รับการแต่งต้ังให้เป็นร้อยตรี โดยไม่ต้องไปเรียนที่โรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิสต์ บี.พี. จึงได้รับพระราชทานยศเป็นร้อยตรี เมื่ออายุ 19 ปี และได้รับคาสั่งใหไ้ ปประจากรมทหารมา้ ฮซุ ซาร์ที่ 13 อยู่ทป่ี ระเทศอินเดีย
23พ.ศ. 2419 – 2453 ชวี ิตทหาร พ.ศ. 2419 บ.ี พี. ได้เขา้ ประจาการที่กรมทหารม้า ฮสุ ซาร์ที่ 13 ในอินเดยี นานถึง8 ปี ครั้งสดุ ทา้ ยไดร้ ับพระราชทานยศร้อยเอก บี.พี. ใช้จ่ายอย่างอดออม งดการสูบบุหรี่ หาเงินจุนเจือ โดยการเขียนเร่ืองลงหนังสือพิมพ์ และเลี้ยงม้าขาย จึงพอใช้จ่าย ระหว่างเป็นทหารมีการยา้ ยไปอยู่อินเดยี และแอฟรกิ า เน่ืองจาก บี.พี. ได้ปฏิบัติหน้าที่การทหารอย่างดีเด่น จนได้รับพระราชทานยศรอ้ ยเอก เมอ่ื อายุ 26 ปี ระหว่างท่ีอย่อู ินเดีย ได้รับรางวัลในการแข่งขันกีฬาแทงหมู่ป่าบนหลังม้าโดยใช้หอกสั้นเปน็ อาวุธ ท่านมักฝึกอบรมทหารใหม่ให้มีความรู้ทางสะกดรอย การสอดแนม ซึ่งวิชาเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการฝึกอบรมลูกเสือทั้งสิ้น และในระหว่างที่รับราชการทหารอยู่ท่ีอินเดียนน้ั บ.ี พ.ี ได้ฝกึ ทหารใหม่ในเรอื่ งสาคญั ที่เนน้ เปน็ พิเศษอยา่ งหน่ึง คอื 1. การสอดแนม และการลาดตระเวน ซ่ึงประสบความสาเร็จเป็นอย่างดี และในขณะเดยี วกัน ได้คิดวธิ ีการฝึกอบรมทีส่ าคญั อย่างหนึง่ 2. ระบบหมู่ ขณะที่ บี.พี. ทาการฝึกอบรมทหารใหม่ ใช้วิธีแบ่งทหารใหม่ออกเป็นหมู่เล็ก ๆ มีหัวหน้าหมู่เป็นผู้รับผิดชอบ วิธีการฝึกอบรมโดยใช้ระบบหมู่เป็นหลักน้ีต่อมา บี.พี. ไดน้ ามาใชใ้ นการฝกึ อบรมลูกเสือจนกระทั่งทกุ วันนี้พ.ศ. 2431 บี.พี. อายุ 31 ปี ได้รับแต่งตั้งให้อยู่ในคณะนายทหารท่ีได้รับมอบหมายให้ไปปราบพวกซูลู ในแอฟริกา ซึ่งก่อความไม่สงบ โดยมี ดินิซูลู เป็นหัวหน้า บี.พี. และคณะได้ปราบพวกซลู สู าเรจ็พ.ศ. 2433 บ.ี พ.ี ได้รับพระราชทานยศเปน็ นายพันตรี มีหนา้ ท่เี ป็นผชู้ ว่ ยทูตทหารเป็นนายทหารคนสนิทของ ผู้ว่าราชการมอลต้า ซึ่งเป็นเมืองข้ึนของอังกฤษ และทาหน้าที่สืบราชการลับตามท่ีตา่ ง ๆพ.ศ. 2438 รัฐบาลอังกฤษได้จัดส่งกองทหารออกไปปราบกบฏ อะซันติ ซ่ึงเป็นชนเผ่าท่ีดุร้าย ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณชายฝ่ังทะเลแอฟริกาตะวันตก ปัจจุบันเป็นส่วนหน่ึงในดินแดนของ
24ประเทศกานา อะซันติ มีกษัตริย์ปกครองชื่อ เปรมเปห์ เคยทาสนธิสัญญาไว้กับผู้แทนรัฐบาลอังกฤษว่า จะเลิกการค้าทาส ไม่ทาการรบกวนพ่อค้าชาวอังกฤษ ต่อมาได้ละเมิดสนธิสัญญาน้ีรฐั บาลองั กฤษ จึงแต่งต้ังให้ บี.พี. เป็นหัวหน้าควบคุมกองทหารไปทาการปราบ บี.พี. ได้ทาการฝึกหัดชาวพนื้ เมอื งประมาณ 500 คน สร้างถนนยาวประมาณ 74 ไมล์ โดยเร่ิมต้นจากชายฝ่ังทะเลผา่ นปา่ บงึ และลาธาร ไปจนถึงเมืองหลวงของพวกอะซันติ คือ เมือง ดูมาลี แต่ไม่ทันทาการรบกันเพราะกษัตริย์เปรมเปห์ ได้ยอมแพ้ก่อน (เม่ือ 16 มกราคม พ.ศ. 2439) จากประสบการณ์การสร้างถนน บี.พี.ได้ความรู้อย่างกว้างขวางในเรื่องการบุกเบิก เช่น การโค่นต้นไม้ การสร้างสะพานและการสร้างทพ่ี กั แรมช่ัวคราว เปน็ ต้นพ.ศ. 2439 บี.พี. ได้รับแต่งต้ังเป็นเสนาธิการประจากองทัพ ไปปราบกบฏชาวพื้นเมืองเผ่าหน่ึงเดิมมีภูมิลาเนาอยู่ในทรานสวาล แต่ถูกพวกบัวร์ (Boer) ขับไล่ จึงได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในโรดีเซียตอนใต้ เผ่านี้ได้ก่อการกบฏขึ้น บี.พี. มีหน้าที่เก่ียวกับการสอดแนม และหาข่าว บี.พี.ปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ และได้รับประสบการณ์มากในการปฏิบัติงานสอดแนมในตอนกลางคืน ชาวเมืองกลัว บี.พี. มาก ได้ตั้งฉายาให้ บี.พี. ว่า “อิมปิซา” (Impeesa)แปลว่า “หมาปา่ ทไี่ ม่เคยนอนหลับ” การศึกครั้งน้ี พลเอกพลัมเมอร์ ผู้นากองทัพอังกฤษ กล่าวชมบี.พี. ว่า ถ้าไม่มีแผนที่ ที่ บี.พี. ได้เขียนข้ึนโดยละเอียดเช่นนี้แล้ว คงจะเป็นการยากที่จะปราบปรามพวกมาตาบลิ ี ได้สาเร็จในระยะเวลาอนั รวดเร็วพ.ศ. 2440 บี.พี. กลับมาประจาอยู่ท่ีอินเดียอีกครั้ง ได้รับพระราชทานยศเป็นพันเอก และได้รับการแต่งต้ังเป็นผู้บังคับบัญชาประจากรมทหารตรากูนการ์ดท่ี 5 ทาหน้าท่ีอบรมทหารและได้เขียนหนังสือ “Aids to Scouting” เพ่ือใช้เป็นคู่มือในการฝึกทหารของท่านและได้ประสบความสาเร็จอย่างดียิ่งในการฝึกอบรมวิชาสอดแนม (Scouting) ให้แก่ทหารโดยนาเอาวิธีการ “ระบบหมู่” มาใช้ในการฝึกอบรมอย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีการแบ่งหมู่กัน มีหัวหน้าหมู่คอยควบคุมดูแลและรับผิดชอบ มีการแจกรางวัลการปฏิบัติงานดีเด่น (เคร่ืองหมายรูปลูกศรของเข็มทิศ) จนกระท่ังได้รับการยกย่องว่า เป็นกรมทหารอังกฤษที่มีระเบียบวินัยดีท่ีสุดในอนิ เดีย
25พ.ศ. 2442 บี.พี. ได้รับคาสั่งให้ไปแอฟริกาใต้ เพ่ือเตรียมการป้องกันการรุกรานของพวกบัวร์(Boer) ซึ่งเป็นชาวฮอลันดา และฝรั่งเศส ที่อพยพไปอยู่แอฟริกาใต้แถวเมืองทรานสวาล และออเรนจ์ฟรีสเตท ต้ังตัวเป็นเอกราชเรียกว่าบัวร์รีปับลิค บี.พี. ได้รับมอบหมายให้จัดทหารม้า2 กองพัน ทาหนา้ ทรี่ ักษาชายแดนซ่งึ กาลงั เปน็ ข้อพพิ าท บ.ี พี. ส่งทหารม้าหน่ึงกองพัน ไปรักษาเมืองบูลวาโย ส่วนของ บี.-พี อีกหน่ึงกองพัน ไปรักษาเมืองมาฟิคิง ซ่ึงอยู่ติดกับชายแดนทรานสวาล เม่ือวันท่ี 11 ตุลาคม พ.ศ. 2442 พวกบัวร์ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ กองทัพของบัวร์ มีกาลังพลถึง 9,000 คน มีอาวุธครบมอื เคลื่อนพลเข้าล้อมเมืองมาฟิคิง ท้ังสี่ทิศ ซ่ึง บี.พี.มีกาลังทหารที่ได้รับการฝึกอย่างดีแล้วเพียง 750 คนเท่านั้นเอง แต่ด้วยความมีไหวพริบ ปฏิภาณความเฉลียวฉลาด การใช้เล่ห์เหล่ียม และกลยุทธ์ ตลอดจนประสบการณ์ในอดีตซ่ึงได้เผชิญกับข้าศึกทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้วิชาการสอดแนม การลาดตระเวน การข่าว การบุกเบิกซึ่งถือว่าเป็นวิชาการช้ันสุดยอดของการลูกเสือในยุคต่อมา จึงทาให้ บี.พี. รักษาเมืองมาฟิคิงไวไ้ ดน้ านถงึ 217 วนั และเมอื่ กองทัพใหญ่ของอังกฤษได้มาช่วยไว้ทันทาให้กองทัพของพวกบัวร์ต้องพ่ายกลับไป บี.พี. ได้รับฉายาว่า “วีรบุรุษแห่งเมืองมาฟิคิง” หรือ “ผู้ป้องกัน เมืองมาฟิคิง”ด้วยกลยุทธ์การฝึกอบรมเด็กในเมืองมาฟิคิง ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 9 ขวบข้ึนไป ให้เป็นนักเรียนทหารมาฟิคงิ เพอ่ื ทาหน้าท่ีตา่ ง ๆ แทนทหาร เน่ืองจากทหารของ บี.พี. มีจานวนน้อยมาก หน้าท่ีต่าง ๆที่มอบหมายให้เด็ก ๆ ปฏิบัติ เช่น เป็นผู้ส่งข่าวและส่ือสาร ผู้รับใช้ทั่วไป เป็นยามรักษาการณ์และช่วยเหลือในหน่วยพยาบาล เป็นต้น เด็ก ๆ เหล่าน้ีทางานได้ผลดีเกินคาดจึงเป็นข้อคิดท่ีบี.พี. สรุปได้ว่า เด็กชายที่ได้รับการฝึกอบรมท่ีถูกต้อง ย่อมสามารถรับผิดชอบและปฏิบัติภารกิจ ตามที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี ส่ิงนี้เองที่ทาให้บี.พี. ได้รับแนวคิดรวบยอดไปสู่การวางแผนฝึกอบรมเด็กชายในโอกาสต่อมา และเป็นแรงบันดาลใจอันสาคัญยิ่งของ บี.พี.ทาให้มีการทดลองแผนฝึกอบรมเด็ก ซ่ึงในปี พ.ศ. 2450 บี.พี. ได้นาเด็กชายจานวน 20 คน ไปอยู่ค่ายพักแรมเป็นคร้ังแรกของโลก ท่ีเกาะบราวน์ซี ซึ่งถือเป็นจุดกาเนิดของการลูกเสือแห่งโลกในปีนัน้ เองพ.ศ. 2450 อาลาชวี ติ ทหาร เม่ือเสร็จสงคราม ควีนวิคตอเรีย ได้พระราชทานยศพลตรี และเม่ือเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2450 บี.พี. มีอายุ 50 ปี จึงปลดเกษียณ เป็นทหารกองหนุน รับเงินเดือนครึ่งหนึ่งและไดเ้ ลอื่ นยศเป็นพลโท
26พ.ศ. 2450 ชวี ติ การเป็นลกู เสือ บี.พี. เห็นความสาคัญของเด็ก จึงรวบรวมเด็กชาย จานวน 20 คน (รวมหลานของท่านอีก 1 คน รวมเป็น 21 คน) จัดพาไปอยู่ค่ายพักแรมที่เกาะบราวน์ซี เป็นเวลา 9 คืน(ตัง้ แต่คืนวนั ท่ี 31 ก.ค. พ.ศ. 2450 ถงึ เชา้ วนั ที่ 9 ส.ค. พ.ศ. 2450) โดยการฝึกระบบหมู่ ในการอยู่ค่ายพักแรมคร้ังนี้ ได้ผลเกินคาด เด็ก ๆ มีความสนุกสนาน ได้ความรู้ ความสามัคคี ผู้ปกครองพอใจ เด็กพงึ่ ตนเองได้ การอย่คู ่ายพักแรมครงั้ น้ี ถอื เป็นการกาเนดิ การลกู เสอื โลกพ.ศ. 2451 กระทรวงกลาโหมของอังกฤษ ขอให้ บี.พี. กลับเข้ารับราชการอีกคร้ังหน่ึงในตาแหน่งผู้บังคับบัญชาหน่วยรักษาดินแดนประจาภาคเหนือของอังกฤษ และในปีเดียวกันบี.พี. ได้เขียนหนังสือลูกเสือสาหรับเด็กชาย (Scouting for boy) เป็นหนังสือเล่มแรกในองคก์ ารลกู เสอื อกี ท้ังกิจการลกู เสอื อังกฤษเจรญิ ก้าวหน้าอย่างมากพ.ศ. 2452 บี.พ.ี จดั ชมุ นุมลกู เสอื แหง่ ชาติข้ึนเป็นคร้ังแรกที่พระราชวังคริสตัล ในกรุงลอนดอนมีลูกเสือเข้าร่วม 11,000 คน บี.พี. ได้รับพระราชทานเหรียญตรา “Knight Commander ofthe Victorian Order” มีบรรดาศักด์ิ เป็น เซอร์ โรเบิร์ต เบเดน โพเอลล์ และกิจการลูกเสือได้แพรห่ ลายไปทว่ั โลกพ.ศ. 2453 บ.ี พี. จดั ตั้งกองลกู เสือหญิงขึ้นในอังกฤษเรียกว่า “Girl Guide”พ.ศ. 2484 บี.พี. ถึงแก่กรรม เม่ือวันท่ี 8 มกราคม พ.ศ. 2484 ณ เมืองไนโรบี ประเทศเคนยา และศพถูกฝังอยู่ท่ีน่ัน ภายหลังจาก บี.พี. ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ร่างของ บี.พี. ได้ถูกฝังณ สุสาน Mount Kenya ซ่ึงนอนสงบนงิ่ อยู่ภายใต้บรรยากาศอันสงบที่ บ.ี พี. รักและปรารถนา
27พ.ศ. 2494 นักบุญเซนต์ยอร์จ ได้ทาพิธีเปิดอนุสาวรีย์ของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ ข้ึนท่ีวัดเวสตม์ ินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน จากชีวประวตั ขิ อง บ.ี พี. ตลอดเวลาที่มีชวี ิตอยู่ บี.พี. เป็นผู้มีความเสียสละอย่างสูงทั้งทางด้านทหาร และพลเรือน ทาทุกส่ิงทุกอย่างไม่เห็นแก่ความเหน่ือยยาก เพ่ือประโยชน์ส่วนรวม มีความกล้าหาญทั้งการปฏิบัติในหน้าที่ราชการ และการผจญภัยส่วนตัว ทาให้ บี.พี.ได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าแก่ชีวิตมากมาย บี.พี. ยังได้มอบประสบการณ์อันล้าค่าแก่เด็ก ๆในการก่อตั้งให้กาเนิดลูกเสือโลกแก่เยาวชนชายหญิงทั่วโลก อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่มนุษยชาติมาจนตราบเท่าทกุ วนั นี้กจิ กรรรมท้ายเรอื่ งท่ี 1 ประวัตผิ ใู้ หก้ าเนิดลูกเสือโลก(ให้ผู้เรียนไปทากิจกรรมทา้ ยเรอื่ งที่ 1 ทสี่ มุดบันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรู้ประกอบชุดวชิ า)เรื่องท่ี 2 องคก์ ารลูกเสอื โลก องค์การลกู เสอื โลก เปน็ องค์การนานาชาติทไี่ มใ่ ชอ่ งค์การรฐั บาลใด เป็นองค์การอาสาสมัคร ท่ีมีความสาคัญในการทาหน้าที่รักษาและดารงไว้ซ่ึงความเป็นเอกภาพของขบวนการลูกเสือแห่งโลก และทาหน้าท่ีส่งเสริมกิจการลูกเสือท่ัวโลก ให้มีการพัฒนาและก้าวหน้าอย่างต่อเน่ืองตลอดไป โดยมีธรรมนูญลูกเสือโลก เป็นกฎหมายสาหรับยึดถือปฏิบัติการในการดาเนนิ กิจการลูกเสือท่วั โลก องคก์ ารลกู เสอื โลก ประกอบดว้ ย 3 องค์การหลัก คือ 1. สมัชชาลูกเสือโลก คือ ที่ประชุมใหญ่ ประกอบด้วย ผู้แทนของประเทศสมาชิกทุกประเทศมาร่วมประชุมกันทุก ๆ 3 ปีต่อคร้ัง ยกเว้นแต่ว่าปีใดที่สถานการณ์ของโลก มีความวุ่นวาย และมีเร่ืองร้ายแรงเกิดข้ึน หรือสถานการณ์ไม่อานวย ไม่สามารถจะจัดให้มีการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกได้ ก็จะเว้นการประชุมเฉพาะปีนั้น ๆ เช่น ในปี พ.ศ. 2484 ไม่ได้มีการประชุมสมัชชาลูกเสือโลกตามกาหนด เน่ืองจาก บี.พี. ผู้ให้กาเนิดลูกเสือโลกถึงแก่อนิจกรรมคณะลูกเสือทั่วโลกมีการไว้ทุกข์ ไว้อาลัย ให้แก่การล่วงลับของ บี.พี. และในช่วงเวลาระหว่างปีพ.ศ. 2484 – 2489 เป็นช่วงท่ีสถานการณ์ของโลก อยู่ในภาวะคับขัน และมีสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 เกดิ ขน้ึ จงึ ไม่ไดจ้ ดั การประชมุ สมชั ชาลกู เสอื โลกขนึ้ ในช่วงเวลาดังกลา่ ว
28 2. คณะกรรมการลูกเสือโลก คือ คณะกรรมการท่ีบริหารองค์การลูกเสือโลกมีจานวนท้ังหมด 12 คน ซ่ึงได้รับเลือกตั้งในที่ประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ตามวิธีการ เงื่อนไขและบทบญั ญัติทก่ี าหนดไว้ในธรรมนูญลกู เสอื โลก 3. สานักงานลูกเสือโลก คือ สานักงานเลขาธิการลูกเสือโลก มีเลขาธิการสานักงานลูกเสือโลก เป็นผู้บังคับบัญชา ทาหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานดาเนินงานการ และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์การลูกเสือของประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกท่ัวโลก เพ่ือรักษาและดารงไวซ้ ง่ึ ความเปน็ เอกภาพของขบวนการลูกเสอื แห่งโลก ให้อยู่ได้อยา่ งสถาพร ม่ันคงตลอดไป ปัจจุบันองค์การลูกเสือโลก มีสมาชิกกว่า 40 ล้านคน ใน 169 ประเทศมสี านกั งานใหญ่ ต้ังอยู่ท่ีกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และยังมีสานักงานลูกเสือภาคพ้ืนอยใู่ นภมู ิภาคทั่วโลก อกี 6 แห่ง คือ 1. สานักงานลูกเสือภาคพ้ืนแอฟริกา สานักงานใหญ่ ตั้งอยู่ท่ี กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา 2. สานกั งานลูกเสือภาคพน้ื อาหรับ สานักงานใหญ่ ต้งั อยู่ท่ี กรุงไคโร ประเทศอยี ิปต์ 3. สานักงานลูกเสือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก สานักงานใหญ่ตั้งอยู่ท่ี กรุงมาคาติประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์ 4. สานักงานลูกเสือภาคพ้ืนยูเรเชีย สานักงานใหญ่ ตั้งอยู่ท่ี กรุงเครฟ สาธารณรัฐยูเครน 5. สานักงานลูกเสือภาคพ้ืนยุโรป สานักงานใหญ่ ต้ังอยู่ท่ี กรุงเจนีวา ประเทศสวสิ เซอร์แลนด์ และมสี านกั งานสาขาต้งั อยูท่ ี่กรุงบรสั เซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม 6. สานักงานลูกเสือภาคพื้นอินเตอร์อเมริกา สานักงานใหญ่ตั้งอยู่ท่ี กรุงปานามาซิต้ี ประเทศปานามากจิ กรรรมทา้ ยเร่อื งที่ 2 องคก์ ารลูกเสอื โลก(ใหผ้ ู้เรยี นไปทากจิ กรรมทา้ ยเรื่องที่ 2 ท่สี มดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นรู้ประกอบชุดวิชา)
29 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 คุณธรรม จรยิ ธรรมของลูกเสอืสาระสาคญั คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ อาจเปรียบเสมือนศีลของลูกเสือและเป็นหลักสาคัญท่ีทาให้ลูกเสือประพฤติปฏิบัติตนให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีความจงรักภักดีต่อชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ รู้จักบาเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นมีระเบียบวินัย อยู่ในกรอบประเพณีอันดีงาม และไม่กอ่ ใหเ้ กิดความยุ่งยากใด ๆ ในบา้ นเมอื งตวั ชว้ี ัด 1. อธิบายคาปฏิญาณ กฎ และคติพจนข์ องลกู เสือ 2. อธิบายคุณธรรม จริยธรรมจากคาปฏญิ าณและกฎของลูกเสอืขอบข่ายเน้อื หา เรือ่ งท่ี 1 คาปฏิญาณ กฎ และคติพจนข์ องลกู เสือ เรือ่ งที่ 2 คุณธรรม จรยิ ธรรมจากคาปฏิญาณและกฎของลกู เสือเวลาท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา 2 ชัว่ โมงสื่อการเรยี นรู้ 1. ชดุ วชิ าลกู เสอื กศน. รหสั รายวิชา สค12025 2. สมดุ บันทึกกิจกรรมการเรยี นร้ปู ระกอบชดุ วชิ า 3. ส่อื เสริมการเรยี นรอู้ ่นื ๆ
30เรอ่ื งท่ี 1 คาปฏญิ าณ กฎ และคตพิ จน์ของลกู เสอื การอยู่ร่วมกันในสังคม จาเป็นต้องอาศัย กฎ ระเบียบ เพ่ือเป็นรากฐานในการดาเนินชีวิตให้เป็นปกติสุขของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศ ท่ีจะอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก และยงั่ ยนื ความหมายคาปฏิญาณของลกู เสอื คาปฏิญาณของลูกเสือ คือ คาม่ันสัญญาท่ีลูกเสือทุกคนต้องให้ไว้แก่ผู้บังคับบัญชาเป็นถ้อยคาท่ีกล่าวออกมาด้วยความจริงใจและสมัครใจ คากล่าวนี้สาคัญอย่างยิ่งในชีวิตการเป็นลูกเสือ เม่ือกล่าวแล้วต้องปฏิบัติตามให้ได้ เป็นการส่งเสริมให้ลูกเสือรักเกียรติของตน เพื่อความเปน็ พลเมอื งดขี องชาติ โดยอาศยั คาปฏญิ าณเปน็ อดุ มการณ์นาไปปฏบิ ัติในชีวติ ได้ คาปฏิญาณของลกู เสือ ด้วยเกยี รติของข้า ขา้ สัญญาวา่ ขอ้ 1 ขา้ จะจงรักภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ขอ้ 2 ขา้ จะช่วยเหลือผอู้ ืน่ ทุกเมื่อ ขอ้ 3 ขา้ จะปฏบิ ัตติ ามกฎของลูกเสือ ขอ้ 1 ขา้ จะจงรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ชาติ ประกอบด้วย แผ่นดิน น่านน้า และประชาชนพลเมืองที่อยู่รวมกัน โดยมีกฎหมาย ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมเป็นหลักปฏิบัติ ลูกเสือทุกคนต้องประพฤติปฏิบัตติ นใหเ้ ปน็ พลเมอื งดขี องชาติ ศาสนา ทุกศาสนามีความมุ่งหมายเดียวกัน คือ สอนให้ทุกคนเป็นคนดี ละเว้นความชั่ว ใหก้ ระทาแตค่ วามดี ลกู เสือทุกคนต้องมศี าสนา ลกู เสอื จะนับถือศาสนาใด ๆ ก็ได้ พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ ลูกเสือทุกคนต้องปฏบิ ตั ิตนตามรอยพระยคุ ลบาท ขอ้ 2 ข้าจะชว่ ยเหลอื ผูอ้ ่ืนทกุ เมอ่ื ลกู เสือทุกคนเป็นผมู้ ีจิตอาสา ไมน่ ่งิ ดูดาย เอาใจใสผ่ ู้อื่น มีความพรอ้ มที่จะเสียสละเพอื่ สว่ นรวมทุกโอกาสท่พี ึงกระทาได้ ซึ่งเป็นสิง่ หน่ึงท่ที าให้ลูกเสอื เปน็ ผมู้ ีเกยี รติ และไดร้ ับการยกย่องช่ืนชมจากประชาชนทัว่ ไป
31 ข้อ 3 ข้าจะปฏิบัติตามกฎของลกู เสือ กฎของลูกเสือเปรียบเสมือนศีลของลูกเสือที่เป็นหลักยึดเหนี่ยวให้ประพฤติปฏิบตั ิในส่งิ ดีงาม ความหมายกฎของลกู เสอื กฎของลูกเสือ หมายถึง ข้อปฏิบัติท่ีลูกเสือต้องยึดเป็นแนวทางการประพฤติปฏบิ ตั ติ น ในชีวติ ประจาวัน กฎของลกู เสอื มี 10 ข้อ ดงั นี้ กฎของลูกเสอื ข้อ 1 ลกู เสือมีเกียรตเิ ชือ่ ถือได้ ข้อ 2 ลูกเสอื มคี วามจงรักภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซ่อื ตรง ตอ่ ผู้มพี ระคณุ ข้อ 3 ลูกเสอื มีหนา้ ที่กระทาตนให้เป็นประโยชนแ์ ละชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ ข้อ 4 ลกู เสอื เป็นมติ รของคนทกุ คน และเปน็ พ่นี ้องกับลกู เสอื อนื่ ทั่วโลก ข้อ 5 ลูกเสือเปน็ ผสู้ ภุ าพเรยี บรอ้ ย ขอ้ 6 ลกู เสือมคี วามเมตตากรณุ าตอ่ สตั ว์ ข้อ 7 ลูกเสอื เชื่อฟงั คาสัง่ ของบิดามารดา และผ้บู งั คับบญั ชาด้วยความเคารพ ข้อ 8 ลกู เสือมีใจร่าเรงิ และไม่ย่อท้อตอ่ ความยากลาบาก ข้อ 9 ลูกเสอื เปน็ ผ้มู ธั ยัสถ์ ขอ้ 10 ลูกเสอื ประพฤตชิ อบด้วยกาย วาจา ใจ ความหมายคติพจน์ของลูกเสือ คตพิ จน์ทั่วไปของลกู เสอื เสียชีพอย่าเสยี สัตย์ หมายความว่า ใหล้ ูกเสอื รักษาความซ่ือสัตย์ มีสัจจะย่ิงชีวิตจะไม่ละความสัตย์ถึงแม้จะถูกบีบบังคับจนเป็นอันตรายถึงกับชีวิตก็ตาม ก็ไม่ยอมเสียสัจจะเพอ่ื เกยี รติภมู ิแห่งตน คติพจนข์ องลูกเสือแต่ละประเภท ลกู เสอื สารอง “ทาดที ่ีสดุ ” ลูกเสือสามญั “จงเตรียมพร้อม” ลูกเสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ “มองไกล” ลูกเสือวสิ ามัญ “บรกิ าร”
32 ความหมายคตพิ จนข์ องลูกเสอื คติพจน์ของลกู เสือ ประกอบด้วย 4 คติพจน์ เรียงลาดับตามความงา่ ยยากของการปฏิบตั ิ ทาดีทส่ี ุด หมายความวา่ ปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ของตนอยู่ใหด้ ีท่สี ุด จงเตรยี มพร้อม หมายความว่า เตรียมความพร้อมท้ังทางด้านร่างกายและจิตใจในการปฏบิ ัติหนา้ ท่ที ร่ี บั ผดิ ชอบ มองไกล หมายความว่า การมองให้กว้างและไกล ฉลาดท่ีจะมองเห็นความจริงของสิ่งตา่ ง ๆ ว่าผลจากการกระทาภารกิจของตน อาจส่งผลกระทบถงึ ภารกจิ อ่นื บุคคลอนื่ บริการ หมายความว่า การกระทาด้วยความตั้งใจที่จะให้ผู้อ่ืนมีความสะดวกหรือลดปัญหา หรือความทุกข์ หวังเพียงให้ผู้รับบริการได้รับส่ิงท่ีเหมาะสมท่ีสุดเสมอ โดยไม่หวังรางวัลหรือส่ิงตอบแทนใด ๆกิจกรรมท้ายเรอ่ื งท่ี 1 คาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสอื(ให้ผเู้ รียนไปทากจิ กรรมท้ายเรอ่ื งท่ี 1 ทีส่ มดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรู้ประกอบชดุ วชิ า)เรอื่ งที่ 2 คณุ ธรรม จริยธรรมจากคาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ กระบวนการลูกเสือ เปน็ กจิ กรรมท่สี ่งเสรมิ สนบั สนุนให้คนเป็นคนดี มพี ลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เสียสละ อดทน มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และยึดหลักท่ีว่า“ลูกเสือเป็นมิตรกับทุกคนท่ัวโลก” การอบรมบ่มนิสัยลูกเสือให้เป็นพลเมืองดีตามจารีตประเพณบี ้านเมืองและอดุ มคติ ซง่ึ กาหนดวตั ถปุ ระสงคไ์ ว้ 5 ประการ คอื 1. ใหม้ นี สิ ัยในการสงั เกต จดจา เชอื่ ฟงั และพง่ึ ตนเอง 2. ให้ซื่อสตั ยส์ จุ รติ มรี ะเบียบวินัยและเห็นอกเห็นใจผู้อ่นื 3. ใหร้ จู้ ักบาเพญ็ ตนเพอ่ื สาธารณะประโยชน์ 4. ให้รจู้ ักทาการฝีมือ 5. ให้มีการพฒั นาทางกาย จิตใจ และศีลธรรม ทงั้ น้ี โดยไมเ่ กย่ี วขอ้ งกับลัทธิ การเมืองใด ๆ
33 คุณธรรม จรยิ ธรรม “คุณธรรม” หมายถึง สิ่งท่ีมีคุณค่า มีประโยชน์ เป็นความดีงาม เป็นมโนธรรมเป็นเคร่ืองประคับประคองใจให้เกลียดความช่ัว กลัวบาป ใฝ่ความดี และเป็นเคร่ืองกระตุ้นผลกั ดนั ใหเ้ กดิ ความรู้สึกผิดชอบ เกดิ จิตสานกึ ที่ดีมีความสงบรม่ เย็นภายใน “จริยธรรม” หมายถึง ธรรมท่ีเป็นข้อประพฤติปฏิบัติ ศีลธรรม กฎศีลธรรมในการพัฒนาโดยใช้คุณธรรมเป็นพ้ืนฐานของกระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อมโยง ความร่วมมือของสถาบันครอบครัว ชุมชน สถาบนั ศาสนาและสถาบนั การศึกษา โดยมจี ุดเน้น เพื่อพัฒนาเยาวชนใหเ้ ปน็ คนดี มีความรู้ อยดู่ มี สี ขุ และสามารถนาไปสูก่ ารปฏิบตั ไิ ด้อยา่ งเปน็ รูปธรรม คุณธรรมจริยธรรม จากคาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ คณุ ธรรมจริยธรรมจากคาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือ เน้นการประพฤติ ปฏิบัติตนให้เป็นพลเมืองดี พร้อมท่ีจะนาความสุข ความเจริญ ความมั่นคงมาสู่บุคคลสังคม และประเทศชาติดังน้ี 1. ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ บุคคลสามารถปฏบิ ัติตนให้มีความซ่ือสัตย์ต่อชาติ รักและหวงแหน ยอมเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อให้ชาติเป็นเอกราชสืบไป อีกทั้งทานุบารุงศาสนาให้ม่ันคงสถาพรสืบไปและปฏิบัติตนตามรอยพระยุคลบาทแหง่ องค์พระมหากษตั ริย์ ผู้ทรงบาบัดทุกข์บารุงสขุ ให้แก่ราษฎรด้วยความเสยี สละ 2. ความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี บุคคลสามารถปฏิบัติกิจการงานของตนเองและที่ได้รับมอบหมายด้วยความมานะพยายาม อุทิศกาลังกาย กาลังใจอย่างเต็มความสามารถไมเ่ ห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย 3. ความมีระเบียบวินัย บุคคลสามารถเป็นท้ังผู้รู้และปฏิบัติตามแบบแผนที่ตนเอง ครอบครัว และสังคม กาหนดไว้ โดยจะปฏิเสธกฎเกณฑ์หรือกติกาต่าง ๆ ของสังคมไมไ่ ด้ คุณธรรมน้ีต้องใช้เวลาปลูกฝังเป็นเวลานาน และต้องปฏิบัติสม่าเสมอจนกว่าจะปฏิบัติเองได้และเกิดความเคยชนิ 4. ความซ่ือสัตย์ บุคคลสามารถปฏิบัติตนทางกาย วาจา จิตใจ ท่ีตรงไปตรงมาไม่แสดงความคดโกง ไม่หลอกลวง ไม่เอาเปรียบผู้อ่ืน ล่ันวาจาว่าจะทางานส่ิงใดก็ต้องทาให้สาเร็จ ไมก่ ลับกลอก มคี วามจรงิ ใจต่อทกุ คน จนเปน็ ท่ีไว้วางใจของคนทกุ คน
34 5. ความเสียสละ บุคคลสามารถปฏิบัติตนโดยการอุทิศกาลังกาย กาลังทรัพย์กาลังปัญญา เพ่ือช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมด้วยความต้ังใจจริง มีเจตนาท่ีบริสุทธ์ิ เป็นท่ีรักใคร่ไวว้ างใจ เปน็ ทย่ี กยอ่ งของสงั คม ผคู้ นเคารพนบั ถือ นาพาซ่ึงความสุขสมบูรณ์ในชวี ิต 6. ความอดทน บุคคลสามารถปฏิบัติตนเป็นผู้ท่ีมีจิตใจเข้มแข็ง ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคใด ๆ มุ่งม่ันที่จะทางานให้บังเกิดผลดีโดยไม่ให้ผู้อื่นเดือดร้อน มีความอดทนต่อความยากลาบาก อดทนต่อการตรากตราทางาน อดทนต่อความเจบ็ ใจ อดทนต่อกเิ ลส 7. การไม่ทาบาป บุคคลสามารถละเว้นพฤติกรรมท่ีชั่วร้ายและไม่สร้างความเดอื ดร้อนใหท้ ้ังทางกาย วาจา ใจ 8. ความสามัคคี บุคคลสร้างความสามัคคี รักใคร่ กลมเกลียวซ่ึงนาไปสู่ความสงบร่มเยน็ ของครอบครัว สงั คม ชมุ ชน และประเทศชาติกจิ กรรมท้ายเรอื่ งที่ 2 คุณธรรม จริยธรรม จากคาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื(ให้ผู้เรยี นไปทากจิ กรรมทา้ ยเรือ่ งที่ 2 ทีส่ มดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ า)
35 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 วินัย และความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อยสาระสาคัญ วินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันของทุกคนในชาติ เป็นวัฒนธรรมทางสังคมที่มีความสาคัญต่อการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติเป็นอย่างย่ิง ผู้ที่มีวินัยในตนเอง จะมีความเป็นผู้นา มีความรับผิดชอบ เคารพระเบียบ กฎ กติกาทางสังคมท้ังต่อหน้าและลับหลังผู้อื่น มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทนอดกล้ัน ต้ังใจ และเพียรพยายาม ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตนเองได้เป็นอย่างดีมกี ารส่งเสรมิ และพฒั นาวินัยในตนโดยกระบวนการลูกเสือตวั ชวี้ ดั 1. อธิบายความหมาย และความสาคัญของวินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย 2. อธบิ ายผลกระทบจากการขาดวนิ ัย และขาดความเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย 3. ยกตวั อยา่ งแนวทางการเสรมิ สร้างวนิ ัย และความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อยขอบข่ายเนอื้ หา เร่อื งท่ี 1 วนิ ยั และความเป็นระเบียบเรียบร้อย 1.1 ความหมายของวนิ ัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย 1.2 ความสาคัญของวินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย เรอื่ งที่ 2 ผลกระทบจากการขาดวนิ ัย และการขาดความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย เรอ่ื งที่ 3 แนวทางการเสริมสรา้ งวินยั และความเป็นระเบยี บเรียบร้อยเวลาทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา 2 ช่ัวโมงสือ่ การเรียนรู้ 1. ชดุ วชิ าลูกเสอื กศน. รหสั รายวชิ า สค12025 2. สมดุ บนั ทึกกจิ กรรมการเรยี นรู้ประกอบชุดวชิ า 3. ส่อื เสรมิ การเรยี นรูอ้ ่ืน ๆ
36เร่อื งที่ 1 วินยั และความเป็นระเบยี บเรียบร้อย 1.1 ความหมายของวนิ ัย และความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย วินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย หมายถึง การกระทาหรืองดเว้นการกระทาตามระเบยี บ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ สาหรับควบคุมความประพฤติทางกาย วาจา ของคนในสังคมให้เรียบร้อยดีงาม เป็นแบบแผนอันหน่ึงอันเดียวกัน เพื่อการอยู่ร่วมกันด้วยความสุขสบายไม่กระทบกระทั่งซึ่งกันและกัน วินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยช่วยให้คนในสังคมห่างไกลความช่ัวท้ังหลาย สามารถอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เหล่า ถ้าขาดวินัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยต่างคนต่างทาตามอาเภอใจ ความขัดแย้งก็จะเกิดข้ึน ยิ่งมากคนก็ยิ่งมากเรื่อง ไม่มีความสงบสุข การงานทท่ี าก็จะเกดิ ผลเสยี 1.2 ความสาคัญของวินยั และความเป็นระเบยี บเรียบร้อย ความสาคัญของวนิ ัยในตนเองมีอยา่ งน้อย 2 ประการ ประการที่หนึ่ง เหตุผลเก่ียวกับประโยชน์ส่วนตัวแต่ละบุคคล ในเรื่องการแสวงหาความรู้ เน่ืองจากปัจจุบันมีอยู่มากมาย ไม่อาจบรรจุไว้ในหลักสูตรได้หมดแต่ละคนจึงควรแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง นอกเหนือจากที่ปรากฏในหลักสูตรของสถานศึกษา ฉะน้ันจึงจาเป็นต้องฝึกให้มีการควบคุมตนเอง มีความเฉลียวฉลาด และมีความเป็นอิสระ เพ่ือจะได้แสวงหาความรเู้ พิม่ เตมิ ให้มากทสี่ ุด ประการท่ีสอง ชุมชนจะเจริญและมีความม่ันคงย่ังยืนต่อไปได้ จะต้องอาศัยพลเมืองแต่ละคนทาความดี และเสยี สละใหแ้ ก่ชมุ ชน ไมแ่ สวงหาประโยชนส์ ่วนตัวเทา่ น้ัน ลกั ษณะของผมู้ ีวินยั ในตนเอง พฤติกรรมของผูม้ วี ินยั ในตนเอง มดี ังนี้ 1 มคี วามเชอ่ื อานาจภายในตนเอง 2 มีความเป็นผู้นา 3 มีความรับผิดชอบ 4 ตรงตอ่ เวลา 5 เคารพตอ่ ระเบียบ กฎเกณฑ์ท้ังต่อหนา้ และรบั หลังผู้อนื่ 6 มคี วามซื่อสตั ย์สุจรติ 7 รู้จักหนา้ ที่และกระทาตามหน้าท่ีเปน็ อย่างดี 8 รจู้ กั เสียสละ
37 9 มีความอดทน 10 มคี วามต้งั ใจเพียรพยายาม 11 ยอมรับผลการกระทาของตนกจิ กรรมท้ายเร่ืองท่ี 1 วนิ ัย และความเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย(ใหผ้ เู้ รยี นไปทากจิ กรรมท้ายเรื่องท่ี 1 ท่ีสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวิชา)เรื่องที่ 2 ผลกระทบจากการขาดวินัย และการขาดความเป็นระเบยี บเรยี บร้อย การที่บุคคลขาดวินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยในตนเอง มีผลทาให้ขาดวินัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมไปด้วย วินัยในตนเอง เป็นพ้ืนฐานของการควบคมุ ตวั เอง ใหม้ วี ินัยทางสังคม การมวี นิ ัยในตนเองจึงเป็นส่ิงท่ีควรได้รับการส่งเสริม เพ่ือเป็นพนื้ ฐานของการควบคุมตนเอง ซึ่งจะนาไปส่กู ารสรา้ งวินัยทางสังคม การมีวินัยจึงถือเป็นพื้นฐานในการดาเนินกิจกรรมในสังคม และการรวมกันอยู่ของกลุ่ม การปลูกฝังวินัยจะทาให้บุคคลยอมรับกฎเกณฑ์ท่ีสังคมกาหนด และวินัยยังเป็นวัฒนธรรมทางสังคม ซึ่งจะทาให้เด็กเรียนรู้พฤติกรรมท่ีสังคมยอมรับ ทาให้พัฒนาตนเองสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถควบคุมตนเองได้มีมโนธรรมที่ดีและมีความมั่นคงทางอารมณ์ ด้วยเหตุน้ีการปลูกฝังความมีวินัยในตนเองให้แก่คนในชาติเพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่บ้านเมืองน้ัน ควรเริ่มต้นที่เยาวชน โดยให้ประพฤติและฝกึ ฝนจนเปน็ นสิ ยั เพ่อื จะไดเ้ ป็นผ้ใู หญท่ ม่ี ีวนิ ยั ในอนาคตกิจกรรมทา้ ยเรื่องท่ี 2 ผลกระทบจากการขาดวนิ ยั และการขาดความเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย(ใหผ้ ู้เรียนไปทากจิ กรรมทา้ ยเรอื่ งท่ี 2 ที่สมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ า)เรื่องที่ 3 แนวทางการเสรมิ สร้างวินัย และความเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย การจะพัฒนาวินัยในตนเองจะต้องเร่ิมต้นตั้งแต่เด็กในวัยทารก และให้แรงจูงใจทางจริยธรรมแก่เด็กที่โตแล้ว การพัฒนาวินัยในตนเองจะต้องอาศัยความร่วมมือจากสถาบันต่าง ๆท่ีแวดล้อมตวั เดก็ และต้องใช้วิธีการกระตุน้ หรือพัฒนาวนิ ัยในตนเองของเดก็ อย่างเหมาะสมด้วย
38 วิธีการพัฒนาวินยั ในตนเอง 1. สรา้ งวินัยด้วยการทาให้เป็นพฤติกรรมเคยชิน สร้างวินัยด้วยการทาให้เป็นพฤติกรรมเคยชิน วิธีฝึกวินัยที่ดีที่สุดต้องอาศัยธรรมชาติของมนุษยท์ ดี่ าเนินชีวติ กันดว้ ยความเคยชนิ เปน็ สว่ นใหญ่ แลว้ ก็ยดึ มั่นในความพึงพอใจในพฤติกรรมที่เคยชินน้ัน การฝึกคนต้องใช้ความสามารถและต้องมีระบบต้องสอดคล้องกับธรรมชาติใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมเคยชนิ ถือวา่ ตอ้ งสร้างวนิ ัยให้เป็นพฤติกรรมเคยชิน 2. การสรา้ งวนิ ยั โดยใชป้ จั จัยอนื่ ชว่ ยเสริม วินัยจะทาให้เกิดความสุขและประพฤติปฏิบัติด้วยความพึงพอใจ โดยใช้ปัจจัยอย่างอ่ืนมาช่วยอีกได้ เช่น มีกัลยาณมิตร วินัยก็เกิดได้ง่าย มีศรัทธาและความรักเป็นองค์ประกอบเสริม ในการสร้างวินยั จากพฤตกิ รรมที่เคยชิน คือ 2.1 เปน็ ตน้ แบบท่ีดขี องพฤติกรรม (ศลี ) 2.2 มคี วามรกั ทาใหเ้ กดิ ความอบอนุ่ มีความเปน็ กันเองพรอ้ มศรทั ธาและความสุข (จิตใจ) 2.3 มีเหตุมผี ล เข้าใจเหตผุ ลและเห็นคุณคา่ ในสิ่งทที่ า (ปัญญา) 2.4 สร้างวินัยด้วยแรงหนุนของสภาพจิตใจ คือ การต้งั เปน็ อุดมคตใิ นจิตใจทาให้ใจมีความฝักใฝ่มุ่งม่ันอย่างแรง มีเป้าหมายอย่างแรง เป็นอุดมคติ ใฝ่ต้ังใจจริง ปฏิบัติตามวนิ ัย มคี วามภมู ิใจ รกั ษาวินยั 3. สร้างวนิ ัยโดยใชก้ ฎเกณฑบ์ งั คับ การสร้างวินัยโดยใช้กฎหมาย หรือกฎเกณฑ์บังคับควบคุมโดยมีการลงโทษวิธีนี้ก็สร้างวินัยได้ บางคร้ังได้ผลแต่เมื่อกฎเกณฑ์น้ันไม่บีบบังคับรุนแรงเกินไป และมีช่วงเวลายาวพอที่จะให้คนผ่านเข้าสู่ความเคยชินจนเขาไม่รู้ตัว พอกลายเป็นความเคยชินไปแล้วก็เข้าสู่กฎธรรมชาติตามวิธีแรก คือเป็นวินัยพ้ืนฐานที่เกิดข้ึนโดยการสร้างพฤติกรรมเคยชิน จนกลายเป็นเรื่องของความเคยชินตามธรรมชาติที่รับทอดมาจากการใช้อานาจบีบบังคับ อันนั้นต่างหากทไี่ ดผ้ ล 4. การเสรมิ สรา้ งวินัยในตนเอง วนิ ัยน้นั เกี่ยวขอ้ งกับความสมั พันธ์ระหวา่ งมนุษย์กับมนษุ ย์ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สังคมมนุษย์จาเป็นต้องมีวินัยเพื่อทาให้เกิดระบบ ระเบียบ ซ่ึงเป็น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159