Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดวิชาลูกเสือ กศน. สค22021

ชุดวิชาลูกเสือ กศน. สค22021

Published by gunlayawong, 2018-12-21 01:40:24

Description: ชุดวิชาลูกเสือ กศน. สค22021

Search

Read the Text Version

137แพ้มากทาให้อาการหายใจลาบาก หัวใจเต้นผิดปกติ หอบ คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บหน้าอก มีไข้และชกั ความรนุ แรงขึ้นอยกู่ ับภูมิไวของแตล่ ะคน และจานวนคร้งั ทถ่ี กู ต่อย ขัน้ ตอนการช่วยเหลอื เบอื้ งต้น 1) รีบเอาเหล็กในออกโดยระวังไม่ให้ถุงน้าพิษที่อยู่ในเหล็กในแตกอาจทาโดยใชใ้ บมดี ขูดออก หรือใช้สก๊อตเทปปดิ ทาบบรเิ วณท่ีถกู ต่อย แลว้ ดงึ ออกเหล็กในจะติดออกมาดว้ ย 2) ประคบบรเิ วณท่ถี กู ต่อยด้วยความเยน็ เพอ่ื ลดอาการปวด 3) ทาครีมลดอาการบวมแดง หรือน้ายาท่ีมีฤทธ์ิเป็นด่างอ่อน ๆ ปิดแผลเช่น แอมโมเนีย นา้ ปนู ใส 4) ถ้ามอี าการแพเ้ ฉพาะท่ี เช่น บวม คัน หรือเป็นลมพษิ ใหย้ าแกแ้ พ้ 5) ในกรณที มี่ ีบวมตามหนา้ และคอ ซึ่งทาให้หายใจไม่สะดวก ต้องรีบนาส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาขนั้ ต่อไป 2.4 ถูกทาร้าย การหมดสติ เป็นภาวะที่ร่างกายไม่มีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น สาเหตุเนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนจากการถูกทาร้ายร่างกายบริเวณศีรษะ ซึ่งเป็นบริเวณท่ีมีเส้นเลือดใกล้ผิวช้ันนอกมา ทาให้เลือดไหลออกมาก แต่มีบางกรณีไม่มีเลือดไหลออกมาภายนอก ทาให้ผู้บาดเจ็บหมดสติ หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออาจทาให้เสียชีวิต จึงต้องประเมินสถานการณ์และการบาดเจ็บ เพ่ือให้การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นและนาส่งโรงพยาบาลเพื่อรบั การรกั ษา ขนั้ ตอนการช่วยเหลอื ผู้หมดสติ 1. สารวจสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ถ้าสถานการณ์ปลอดภัยให้ตะโกนเรยี กผหู้ มดสติ 2. หากไม่มีการตอบสนอง ใช้มือทั้ง 2 ข้างตบไหล่ เรียกพร้อมสังเกตการตอบสนอง (การลืมตา ขยับตัว และพูด) และดูการเคลื่อนไหวของทรวงอก หน้าท้องถา้ พบว่า ยงั หายใจอยู่ให้รีบให้การช่วยเหลือ และขอความช่วยเหลือโดยการโทรศัพท์แจ้งสายด่วนรถพยาบาล 1669 แต่หากไม่ตอบสนอง หน้าอกหน้าท้องไม่กระเพื่อมขึ้นลง แสดงว่า ผู้ถูกทาร้ายหมดสติและไม่หายใจ ต้องช่วยเหลือผู้หมดสติ โดยการทา CPR (CardiopulmonaryResuscitation) โดยเรว็ ทนั ทีใหแ้ ก่ผู้บาดเจบ็ ซึ่งจะช่วยให้เลือดได้รับออกซิเจนเพ่ิมมากขึ้นและมีการไหลเวียนเข้าสู่สมองและอวัยวะสาคัญอ่ืน ๆ ก่อนที่จะถึงมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ท้ังน้ี ในกรณีท่ี

138ศรี ษะ ลาคอหรอื หลงั ของผบู้ าดเจบ็ ไดร้ ับการบาดเจ็บด้วย ผู้ให้การปฐมพยาบาล จะต้องระมัดระวังไม่ใหศ้ ีรษะ ลาคอหรอื หลงั ของผบู้ าดเจบ็ มกี ารเคล่ือนไหว ซง่ึ ทาไดโ้ ดยดงึ ขากรรไกรล่างหรือคางของผู้บาดเจบ็ ไปข้างหนา้ เพื่อเปดิ ทางให้อากาศเดนิ ทางเขา้ ไดส้ ะดวกกิจกรรมทา้ ยเรอื่ งท่ี 2 วธิ กี ารปฐมพยาบาลกรณีต่าง ๆ(ใหผ้ ู้เรยี นไปทากิจกรรมท้ายเรือ่ งที่ 2 ทส่ี มดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชดุ วชิ า)เร่อื งที่ 3 การวดั สัญญาณชพี และการประเมนิ เบ้อื งตน้ สัญญาณชีพเปน็ สง่ิ ที่บ่งบอกความมีชีวิตของบุคคล ถ้าสัญญาณชีพปกติ จะบ่งบอกถึงภาวะร่างกายปกติ ถ้าสัญญาณชีพมีการเปล่ียนแปลง สามารถบอกได้ถึงการเปล่ียนแปลงในการทาหน้าทีข่ องรา่ งกาย ความรุนแรงของการเจบ็ ป่วย และความรบี ด่วนที่ต้องการรักษา สัญญาณชีพ หมายถึง ส่ิงท่ีแสดงให้ทราบถึงการมีชีวิต สามารถสังเกตและตรวจพบได้จากท่ชี ีพจร อัตราการหายใจ อณุ หภูมิร่างกาย และความดนั โลหติ ซง่ึ เกดิ จากการทางานของอวัยวะของรา่ งกายทส่ี าคญั มากต่อชวี ติ ไดแ้ ก่ หัวใจ ปอด และสมอง รวมถึงการทางานของระบบไหลเวยี นโลหติ และระบบหายใจ วัตถุประสงคข์ องการวัดสญั ญาณชพี 1.-เพื่อประเมินระดับอุณหภูมิของร่างกาย อัตราการเต้น ลักษณะชีพจรการหายใจและความดันโลหิต 2. เพอื่ สังเกตอาการทวั่ ไปของผปู้ ว่ ย และเปน็ การประเมินสภาพผู้ปว่ ยเบือ้ งต้น ข้อบง่ ช้ขี องการวดั สัญญาณชีพ 1. เม่อื แรกรับผปู้ ว่ ยไว้ในโรงพยาบาล 2. วดั ตามระเบยี บแบบแผนทป่ี ฏบิ ตั ขิ องโรงพยาบาลหรือตามแผนการรักษาของแพทย์ 3. กอ่ นและหลังการผา่ ตดั 4. กอ่ นและหลังการตรวจวินิจฉยั โรคทตี่ ้องใส่เครอื่ งมือตรวจเข้าไปภายในรา่ งกาย 5. กอ่ นและหลังใช้ยาบางชนดิ ท่มี ีผลตอ่ หวั ใจและหลอดเลือด 6. เมื่อสภาวะท่วั ไปของร่างกายผูป้ ่วยมีการเปล่ยี นแปลง เช่น ความรู้สึกตัวลดลงหรอื ความรุนแรงของอาการปวดเพิม่ ข้นึ

139 7. ก่อนและหลงั การให้การพยาบาลที่มผี ลต่อสัญญาณชพี สัญญาณชีพประกอบด้วยชีพจร อตั ราการหายใจ อุณหภูมริ ่างกายและความดันโลหิต มีรายละเอียดดังน้ี 7.1 ชพี จรเป็นการหดและขยายตวั ของผนังหลอดเลือด ซึ่งเกิดจากการบีบตัวของหัวใจ จังหวะการเต้นของเส้นเลือดจะสัมพันธ์กับการเต้นของหัวใจ การวัดอัตราการเต้นของหวั ใจ วดั นบั จากการใชน้ ว้ิ กลางและน้ิวชี้คลาการเต้นของหลอดเลือดแดง ตรงด้านหน้าของขอ้ มอื (ด้านหัวแม่มือ) ที่อยู่ต่ากว่าฐานของนวิ้ หวั แม่มอื ประมาณ 60 - 100 ครงั้ ตอ่ นาที 7.2 อตั ราการหายใจ การหายใจเป็นการนาเอาออกซิเจนเขา้ สู่รา่ งกายและนาคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย การวัดอัตราการหายใจ ดูจากการขยายตัวของช่องอกประมาณ 12 - 20 ครั้งตอ่ นาที 7.3 อุณหภมู ริ ่างกายเปน็ ระดบั ความรอ้ นของรา่ งกาย ซ่งึ เกดิ จากความสมดุลของการสร้างความร้อนของร่างกายและการสูญเสียความร้อนของร่างกาย มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส(°C) หรอื องศาฟาเรนไฮต์ (°F) ซงึ่ จะไม่ค่อยเปลีย่ นแปลงมากนักถึงแม้อุณหภูมิภายนอกอาจจะเปลย่ี นแปลง คา่ ปกติ ประมาณ 37 องศาเซลเซยี ส +/- 0.5 องศาเซลเซยี ส 7.4 ความดันโลหิต เป็นแรงดันของเลือดท่ีไปกระทบกับผนังเส้นเลือดแดงมหี น่วยเปน็ มลิ ลเิ มตรปรอท (มม.ปรอท หรือ mm.Hg.) ความดันโลหิตใช้ตรวจวัดจากเคร่ืองวัดคนปกตจิ ะมคี วามดันโลหติ ประมาณ 90/60 - 120/80 มลิ ลเิ มตรปรอทกิจกรรมทา้ ยเรือ่ งที่ 3 การวดั สญั ญาณชีพและการประเมนิ เบอ้ื งตน้(ใหผ้ เู้ รียนไปทากจิ กรรมท้ายเรอ่ื งที่ 3 ทส่ี มดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรู้ประกอบชดุ วชิ า)เรือ่ งที่ 4 วิธีการชว่ ยชวี ิตขั้นพนื้ ฐาน การช่วยชีวิตข้ันพื้นฐาน (Cardiopulmonary Resuscitation : CPR) เป็นการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เมื่อเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน เพื่อนาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและช่วยให้โลหิตมีการไหลเวียนไปเล้ียงเนื้อเย่ือต่าง ๆ ของร่างกาย จนกระท่ังระบบต่าง ๆกลบั มาทาหน้าทไ่ี ด้เปน็ ปกติ สาเหตุที่ทาให้เกิดภาวะหยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ได้แก่ หัวใจขาดเลือด ไฟฟา้ ดดู ได้รับสารพิษ จมนา้ อุบัตเิ หตุตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ อาการของผทู้ ต่ี ้องได้รบั การชว่ ยเหลือ โดยการทา CPR คือ หมดสติ หยุดหายใจหรอื มกี ารหายใจผิดปกติ (Gasping)

140 ข้นั ตอนการชว่ ยชีวิตขั้นพื้นฐาน (Cardiopulmonary Resuscitation : CPR) 1. สารวจสถานการณ์ สารวจสถานการณ์บริเวณท่ีเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ถ้าสถานการณ์ปลอดภัยใหต้ ะโกนเรยี กผบู้ าดเจ็บ 2. หากไม่มีการตอบสนอง ใช้มือท้ัง 2 ขา้ ง ตบไหล่ เรียกพร้อมสังเกตการตอบสนอง(การลืมตาขยับตัว และพูด) และดูการเคลื่อนไหวของทรวงอก หน้าท้อง พบว่า หน้าซีดไม่มีการตอบสนอง หน้าอก หน้าท้องไม่เคล่ือนไหว แสดงว่าหมดสติ ไม่หายใจ ให้ตะโกนขอความช่วยเหลือ 3. ขอความชว่ ยเหลอื * ถ้าผู้บาดเจ็บหมดสตไิ ม่หายใจ ให้ขอความช่วยเหลือ โทรศัพท์แจ้งสายด่วน1669 (ศนู ย์นเรนทร) 4. การกระตุน้ หวั ใจ โดยการกดหนา้ อก ยกละประมาณ 30 คร้ัง * ตาแหน่ง : ก่งึ กลางหน้าอก * กดดว้ ย : สนั มือ 2 ข้างซ้อนกัน * กดลึก : ประมาณ 5 - 6 เซนตเิ มตร * กดเร็ว : ประมาณ 100 - 120 ครง้ั /นาที และต้องผ่อนมือให้ทรวงอกคืนตัวก่อนกดคร้ังต่อไป * จานวน : 30 คร้งั * ออกแรงกดจากลาตัวโดยมีสะโพกเป็นจุดหมุน กดในแนวตั้งฉากกับพ้ืนข้อศอกเหยียดตรง เวลาในการกดและผ่อนต้องเท่ากัน กดแรงและกดเร็วเป็นจังหวะ (PushHard - Push Fast) 5. การผายปอด และการช่วยหายใจ 5.1 การช่วยหายใจโดยวิธีเป่าปาก ให้ผู้ป่วยนอนหงาย วางศีรษะให้ต่ากว่าไหล่เล็กน้อย และให้แหงนศีรษะไปข้างหลังเท่าที่จะทาได้ เพื่อให้ทางเดินหายใจของผู้ป่วยโล่งลิ้นมาจุกท่ีคอหอย ใช้มือหน่ึงบีบจมูกของผู้ป่วย ใช้นิ้วหัวแม่มือของอีกมือหนึ่งแหย่เข้าไปในปากผู้ป่วยเพ่ือดึงคางให้อ้าออก หายใจเข้าลึก ๆ อ้าปากให้กว้าง ๆ เอาปากประกบกับปากผู้ป่วยให้แน่นแล้วเป่าลมเข้าไปในปากผู้ป่วย ดูว่าหน้าอกผู้ป่วยพองข้ึนหรือไม่ ถ้าพองขึ้นแสดงว่าลมเข้าไปในปอดได้ดี ถอนปากที่ประกบออกเพื่อให้ผู้ป่วยได้หายใจออกเอง เมื่อผู้ป่วยหน้าอกยุบลง

141ก็เป่าลมเข้าไปในปากผู้ป่วยอีก ทาเช่นน้ีไปเร่ือย ๆ ประมาณ 15 - 20 ครั้งต่อนาที จนกว่าผู้ป่วยจะหายใจได้เอง ระหว่างปฏิบัติให้ศีรษะผู้ป่วยแหงนไปข้างหลังตลอดเวลา 5.2 การช่วยหายใจโดยวิธีเป่าจมูก ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเช่นเดียวกับวิธีช่วยหายใจด้วยวิธีเป่าปาก แต่ใช้มือข้างหนึ่งดันคางผู้ป่วยให้ปากปิดสนิท หายใจเข้าลึก ๆ เอาปากประกบลงไปบนจมูกผู้ป่วยให้แนบสนิท แล้วเป่าลมเข้าไป ดูว่าหน้าอกผู้ป่วยพองข้ึนหรือไม่ ถ้าพองข้ึนแสดงว่าลมเข้าไปในปอดได้ดี ถอนปากออกแล้วให้มือจับคางผู้ป่วยให้อ้าออก เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจออกได้ทางปาก เม่ือผู้ป่วยหน้าอกยุบลง ก็เป่าลมไปทางจมูกเช่นเดิมอีก ทาเช่นน้ีไปเร่ือย ๆจนกวา่ ผูป้ ่วยจะหายใจได้เอง 5.3 การชว่ ยหายใจโดยการยกแขนและกดทรวงอก ให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าเช่นเดียวกับสองวิธีแรก พับแขนผู้ป่วยเข้าหากันไว้บนอก นั่งคุกเข่าอยู่เหนือศีรษะผู้ป่วย จับข้อมือผู้ป่วยทั้ง2 ข้าง ข้างละมือ โย้ตัวไปข้างหน้าเหยียดแขนตรงกดลงไปตรงมือของผู้ป่วย ซ่ึงจะเท่ากับกดทรวงอกของผู้ป่วยให้หายใจออกขับเอาน้าออกมา แล้วโย้ตัวไปข้างหลังพร้อมกับจับแขนผู้ป่วยท้ัง 2 ข้าง ดึงแยกขึ้นไปข้างบนให้มากท่ีสุดเท่าที่จะทาได้ จะทาให้ปอดผู้ป่วยขยายตัว ทาให้อากาศไหลเขา้ ไปได้ ทาเช่นนไี้ ปเรอ่ื ย ๆ จนกวา่ ผปู้ ว่ ยจะหายใจไดเ้ อง

142 5.4 การช่วยหายใจโดยการแยกแขนและกดหลัง ให้ผู้ป่วยนอนคว่า ให้แขนของผู้ป่วยท้ัง 2 ข้าง พับเข้าหากัน หนุนอยู่ใต้คาง นั่งคุกเข่าอยู่เหนือศีรษะผู้ป่วย วางฝ่ามือลงบนหลังของผ้ปู ว่ ยใต้ต่อกระดูกสะบัก ข้างละมือ โดยให้หัวแม่มือมาจดกัน กางนิ้วมือทั้ง 2 ข้างออกโน้มตัวไปข้างหน้า แขนเหยียดตรงใช้น้าหนักตัวกดลงบนแผ่นหลังของผู้ป่วย ซึ่งจะเท่ากับกดทรวงอกของผปู้ ่วยใหห้ ายใจออก ขับเอาน้า (ถา้ ม)ี ออกมาจากน้ยี า้ ยมือท้ัง 2 ข้าง มาจับต้นแขนผู้ป่วยแล้วโย้ตัวกลับพร้อมกับดึงข้อศอกของผู้ป่วยมาด้วย จะทาให้ปอดผู้ป่วยขยายตัว ทาให้อากาศไหลเข้าไปได้ ทาเช่นน้ีเร่ือย ๆ ไปจนกว่าผู้ป่วยจะหายใจได้เอง ถ้าการช่วยหายใจกระทาได้ถูกต้องดังกล่าว และหัวใจของผู้ป่วยยังเต้นอยู่ตลอดเวลา ผู้ป่วยจะดูแดงขึ้น และอาจกลับมาหายใจได้เป็นปกติอกี ขอ้ สังเกต 1. การกดหนา้ อกให้กดตอ่ เน่ือง ระวังอยา่ หยดุ กดหรืออย่าใหม้ กี ารเว้นระยะการกด 2. การกดหน้าอกแต่ละคร้ังต้องมีการปล่อยให้ทรวงอกกลับคืนสู่สภาพเดิมก่อน(แต่ไม่ยกสันมอื ขึน้ พน้ จากทรวงอก) แล้วจึงกดคร้งั ตอ่ ไป เม่ือหัวใจถูกกดด้วยความลึก 5 - 6 เซนติเมตร ความดันในช่องอกจะเพ่ิมขึ้นทาใหม้ ีเลอื ดสบู ฉดี ออกจากหัวใจ และไหลเวยี นไปเลี้ยงสมองและอวยั วะอน่ื ๆ เมือ่ หวั ใจคลายตวั กลับสู่สภาพเดิมในระหว่างการกดหน้าอก และความดันในชอ่ งอกลดลงเลอื ดจะไหลกลับสู่หัวใจและปอด เพ่ือรับออกซิเจนท่ีเป่าเข้าไปจากการช่วยหายใจและพรอ้ มท่จี ะสูบฉดี ครง้ั ใหมต่ อ่ ไปกจิ กรรมทา้ ยเรอื่ งท่ี 4 วธิ ีการช่วยชีวติ ขน้ั พน้ื ฐาน(ใหผ้ ู้เรียนไปทากจิ กรรมท้ายเร่อื งท่ี 4 ทสี่ มดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ า)

143 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 12 การเดนิ ทางไกล อยู่คา่ ยพักแรม และชีวิตชาวค่ายสาระสาคญั การเดินทางไกล เป็นการเดินทางของลูกเสือ จากกองลูกเสือ หรือกลุ่มลูกเสือไปทากิจกรรมต่าง ๆ ในสถานท่ีใดที่หนึ่ง ซึ่งนายหมู่ลูกเสือ และผู้กากับลูกเสือร่วมกันกาหนดเพอื่ ใหส้ มาชกิ ได้เกดิ การเรยี นรูร้ ่วมกนั ปฏบิ ตั ิกิจกรรมร่วมกนั ใช้ชวี ิตร่วมกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกัน โดยมีระบบหมู่ลกู เสือเปน็ หลักในการทากิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม และอุดมการณ์ลูกเสือ มีความเป็นพี่น้องกัน และพัฒนาความเป็นพลเมืองดี ตามทักษะของลูกเสือทั้งนี้ เพ่ือฝึกความอดทน ความสามัคคี ความมีวินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตลอดจนรู้จักการเตรยี มความพรอ้ มในการใช้ชีวติ กลางแจ้ง การอยู่ค่ายพักแรม เป็นการไปพักแรมคืนในสถานที่ต่าง ๆ และนาสิ่งท่ีได้จากการเรยี นรทู้ ้งั ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบตั ิ โดยมีกระบวนการถ่ายทอดความรู้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตลอดจนการเสริมสร้างพัฒนาทักษะลูกเสือ รวมทั้งการฝึกกระบวนการคิดวเิ คราะห์ และสร้างสรรค์สิ่งทีเ่ ป็นประโยชน์ และสัมพันธ์กบั วิถีชีวติ ชีวิตชาวค่าย เป็นกิจกรรมเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่ดีในการใช้ชีวิตร่วมกันทากิจกรรมร่วมกัน มีความเอื้ออาทรซึ้งกันและกัน มีการพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะการประกอบอาชีพแบบชาวค่าย ทักษะการใช้อุปกรณ์ เครื่องมือเคร่ืองใช้ที่จาเป็นในการอยู่ค่ายพักแรมรวมท้ังการเสริมสร้างคุณธรรมในตนเอง โดยมีคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เป็นหลักในการดารงชีวิตชาวคา่ ย การจดั การค่ายพักแรม เปน็ การกาหนดตาแหน่งท่จี ะสร้างเต็นท์ ครัว สุขาภิบาลราวตากผ้า ให้เหมาะสมกับสถานทีต่ ้งั คา่ ยพักแรม ดงั นน้ั ตอ้ งศึกษาสภาพภมู ิประเทศ คาดคะเนความเหมาะสมของพน้ื ที่ แหล่งน้า เส้นทางคมนาคม และความปลอดภยั จากผูก้ ่อการรา้ ย

144ตัวช้ีวัด 1. อธบิ ายความหมายของการเดินทางไกล 2. อธบิ ายความหมายของการอยู่ค่ายพักแรม 3. อธิบายการใช้เครือ่ งมือสาหรับชีวติ ชาวคา่ ย 4. อธิบายวิธีการจัดการคา่ ยพกั แรมขอบขา่ ยเนอ้ื หา เรอ่ื งท่ี 1 การเดินทางไกล 1.1 ความหมายของการเดนิ ทางไกล 1.2 วัตถุประสงค์ของการเดนิ ทางไกล 1.3 หลักการของการเดินทางไกล 1.4 การบรรจุเคร่อื งหลงั สาหรับการเดนิ ทางไกล เรื่องท่ี 2 การอย่คู ่ายพักแรม 2.1 ความหมายของการอยู่ค่ายพักแรม 2.2 วัตถุประสงคข์ องการอยู่ค่ายพักแรม 2.3 หลกั การของการอยู่คา่ ยพกั แรม เรือ่ งที่ 3 ชวี ติ ชาวค่าย 3.1 เครื่องมือ เครอื่ งใช้ ทจี่ าเปน็ สาหรับชวี ติ ชาวค่าย 3.2 การสร้างครัวชาวคา่ ย 3.3 การสร้างเตาประเภทตา่ ง ๆ 3.4 การประกอบอาหารแบบชาวคา่ ย 3.5 การกางเต็นท์ และการเกบ็ เตน็ ท์ชนดิ ตา่ ง ๆ เรอ่ื งท่ี 4 วิธกี ารจัดการคา่ ยพกั แรม 4.1 การวางผังคา่ ยพักแรม 4.2 การสุขาภบิ าลในคา่ ยพกั แรมเวลาท่ีใช้ในการศึกษา 6 ช่วั โมง

145สอ่ื การเรียนรู้ 1. ชุดวิชา ลูกเสอื กศน. รหสั รายวิชา สค22021 2. สมดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรียนรปู้ ระกอบชุดวิชา 3. สื่อเสรมิ การเรียนรอู้ น่ื ๆ

146เรอ่ื งท่ี 1 การเดนิ ทางไกล 1.1 ความหมายของการเดินทางไกล การเดนิ ทางไกล หมายถึง การเดินทางของลูกเสือจากกอง หรือกลุ่มลูกเสือเพือ่ ไปทากิจกรรมท่ีใดที่หน่ึง โดยมีผู้กากับและนายหมู่ลูกเสือเป็นผู้กาหนดร่วมกัน เพื่อนาลูกเสือไปฝึกทักษะวิชาการลูกเสือเพ่ิมเติม ให้รู้จักการใช้ชีวิตกลางแจ้งและสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด โดยลูกเสือได้ใช้ความสามารถของตนเอง การเดินทางไกลของลูกเสือสามารถเดินทางด้วยเท้า เรอื หรือจกั รยานสองลอ้ รวมถึงรถยนตอ์ ีกดว้ ย 1.2 วตั ถุประสงค์ของการเดินทางไกล มีดังนี้ 1) เพอื่ ฝึกความอดทนความมรี ะเบียบวินัย และเสริมสร้างสุขภาพอนามัยให้แก่ลูกเสอื 2) เพ่ือให้ลูกเสือมีเจตนารมณ์ และเจตคติที่ดีรู้จักช่วยตนเองและรู้จักทางานร่วมกับผู้อ่ืน 3) เพ่ือให้มีโอกาสปฏิบัติตามคติพจน์ของลูกเสือ และมีโอกาสบริการต่อชุมชนท่ไี ปอยคู่ ่ายพักแรม 4) เพ่ือเปน็ การฝกึ และปฏบิ ัติตามกฎของลูกเสือ 1.3 หลักการของการเดนิ ทางไกล การเดินทางไกล ใช้ระบบหมู่ เพื่อฝกึ ความอดทน ความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รู้จักการระมัดระวังตัวจากอุบัติเหตุขณะเดินทาง และการเตรียมตวั ในการเดนิ ทางให้ได้ใช้ชีวติ กลางแจง้ 1.4 การบรรจุเครอ่ื งหลงั สาหรับการเดินทางไกล เป็นกิจกรรมหน่ึงของลูกเสือ ซ่ึงลูกเสือจะต้องมีการเตรียมการเร่ืองเคร่ืองหลังให้พร้อมเหมาะสมกับเดินทางไกลไปแรมคืน ซ่ึงอุปกรณ์ที่จะจัดเตรียม คือ อุปกรณ์เฉพาะบุคคลหรืออุปกรณ์ประจาตัวที่จาเป็นจะต้องเตรียมพร้อมก่อนกาหนดเดินทางควรมีน้าหนักไม่มากนักมดี ังนี้ 1) เคร่ืองแต่งกาย ได้แก่ เคร่ืองแบบลูกเสือและเคร่ืองหมายประกอบเครื่องแบบ คือ หมวก ผ้าผูกคอ เส้ือ กางเกงหรือกระโปรง เข็มขัด ถุงเท้า รองเท้า หรือชุดลาลองหรอื ชดุ สภุ าพ ชดุ กฬี า ชดุ นอน

147 2) เคร่ืองใช้ประจาตัว ได้แก่ สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ผ้าขาวม้าผ้าถุง ไฟฉาย ขันน้า รองเท้าแตะ จาน ชาม ช้อน ยากันยุง ยาขัดโลหะ เชือก หรือยาง สาหรับผกู หรือรดั อุปกรณเ์ ล็ก ๆ นอ้ ย ๆ ถงุ พลาสติก สาหรบั ใส่เสอ้ื ผ้าทใี่ ช้แล้วหรอื เปียกชื้น 3) ยาประจาตวั หรืออปุ กรณป์ ฐมพยาบาล 4) อุปกรณ์ประกอบการเรียนรู้ และการจดบันทึกกิจกรรม เช่น สมุด ปากกาดนิ สอ แผนที่ เข็มทศิ เปน็ ตน้ 5) อุปกรณ์ท่ีจาเป็นตามฤดูกาล เช่น เสอ้ื กันฝน เสอื้ กันหนาว 6) อปุ กรณ์เครื่องนอน เช่น ผา้ ห่ม ถุงนอน 7) อุปกรณท์ ่ปี ระจากายลูกเสือ เช่น ไม้งา่ ม กระติกน้า เชอื กลูกเสือ ขอ้ แนะนาในการบรรจุเคร่ืองหลงั เครื่องหลัง คือ ถุงหรือกระเป๋าสาหรับใส่สิ่งของต่าง ๆ และใช้สะพายหลังเพ่ือให้สามารถนาสิ่งของไปยังสถานท่ีต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก เคร่ืองหลังจึงเป็นส่ิงสาคัญ และมีความจาเป็นมากสาหรับกิจกรรมการเดินทางไกล เพราะลูกเสือต้องใช้บรรจุอุปกรณ์ประตัวอุปกรณ์ประจาหมู่ ซึ่งต้องนาไปใช้ในการอยู่ค่ายพักแรม การบรรจุส่ิงของลงในถุงเครื่องหลังหรอื กระเป๋ามีขอ้ แนะนา ดงั น้ี 1. ควรเลือกเคร่อื งหลังทีม่ ขี นาดพอเหมาะไม่เล็กหรือใหญจ่ นเกินไป 2. ควรบรรจุสิ่งของที่มีน้าหนักมากหรือสิ่งของที่ใช้ภายหลังไว้ข้างล่าง ส่วนส่ิงของที่ใช้ก่อนหรือใช้รีบด่วน เช่น ไฟฉาย เสื้อกันฝน ไม้ขีดไฟ เป็นต้น ให้ไว้ข้างบนสุดของเครอื่ งหลัง ซ่งึ สามารถนาออกมาใชไ้ ดอ้ ยา่ งสะดวก 3. ควรบรรจุส่ิงของนุ่ม ๆ เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม เสื้อผ้าใส่ในเคร่ืองหลังตรงสว่ นที่จะสมั ผัสกบั หลังของลกู เสอื เพื่อจะได้ไม่เจบ็ หลงั ขณะเดนิ ทาง 4. สิง่ ของบางประเภท เช่น ยารักษาโรค ข้าวสาร เป็นต้น ควรใส่ถุงผ้าหรือถุงพลาสตกิ กอ่ น แล้วจึงบรรจุลงเครือ่ งหลัง 5. ในกรณีที่ถุงนอน และผ้าห่มบรรจุเครื่องหลังไม่ได้ ให้ผูกถุงนอนและผ้าห่มนอนของลกู เสอื ไวน้ อกเคร่ืองหลงั คลมุ ดว้ ยพลาสตกิ ใสเพ่อื กนั เปยี กนา้ 6. เคร่ืองหลังที่ลูกเสือนาไปต้องไม่หนักจนเกินไป เพราะถ้าหนักเกินไปจะทาให้ลกู เสือเหนือ่ ยเร็ว น้าหนกั ของเครอื่ งหลังควรหนักไม่เกิน 1 ใน 5 ของน้าหนักตัวลูกเสือเช่น ถ้าลูกเสือหนัก 50 กิโลกรัม เครื่องหลังควรหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม เป็นต้น ปัจจุบัน

148เครื่องหลังท่ีใช้บรรจุส่ิงของนั้นมีหลายชนิดแล้วแต่ลูกเสือจะเลือกใช้ เช่น กระเป๋า ย่าม หรือเป้ลูกเสือควรเลือกใช้เครื่องหลงั ที่มีลักษณะคล้ายเป้ เพราะมชี ่องสาหรับบรรจสุ ่ิงของหลายประเภทกิจกรรมทา้ ยเรื่องท่ี 1 การเดนิ ทางไกล(ใหผ้ ู้เรยี นไปทากิจกรรมท้ายเร่อื งท่ี 1 ทส่ี มดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ า)เรื่องที่ 2 การอยู่ค่ายพกั แรม 2.1 ความหมายของการอย่คู ่ายพกั แรม การอยู่ค่ายพักแรมลูกเสือ คือ องค์รวมของการเรียนรู้ท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยมีนวัตกรรมและขบวนการถ่ายทอด การทดสอบ การเสริมสร้างพัฒนาการให้แก่ลูกเสือในทุกระดับ โดยการนาลูกเสือออกจากที่ต้ังปกติไปพักแรมคืนตามค่ายลูกเสือต่าง ๆรวมทั้งสถานท่ีที่มีองค์ประกอบท่ีเหมาะสมกับการจัดกิจกรรมลูกเสือ เช่น วนอุทยาน ชายทะเลเป็นต้น โดยมีแผนการอยู่ค่ายพักแรมในแต่ละคร้ังสอดคล้องกับการเรียนการสอนกิจกรรมลูกเสือในเวลาปกติ 2.2 วตั ถุประสงคข์ องการอยูค่ า่ ยพกั แรม มีดังนี้ 1) เพอื่ ใหล้ ูกเสอื ทบทวนส่งิ ทีไ่ ด้เรยี นรูจ้ ากทฤษฎี และการฝึกปฏบิ ตั ิ 2) เพอ่ื เป็นการฝกึ ทกั ษะทางลกู เสือ ให้มรี ะเบยี บวินัย มเี จตคติ มีคา่ นิยมท่ีดีงาม 3) เพอื่ ใหล้ กู เสอื ปฏบิ ตั ติ ามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสอื 2.3 หลกั การของการอยคู่ ่ายพักแรม มดี งั น้ี 1) ยดึ หลกั การมสี ว่ นรว่ ม โดยให้ผบู้ ังคบั ชาลูกเสอื ลกู เสอื และชุมชน มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม 2) ใช้กระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้นลูกเสือเป็นสาคัญ มีทักษะในการแสวงหาความรู้จากแหลง่ เรยี นรูใ้ นชมุ ชน 3) ใช้กระบวนการกลมุ่ ในการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ฝกึ ให้คิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ ทเี่ ป็นประโยชน์และสัมพนั ธก์ บั วิถีชวี ิต 4) มีกิจกรรมวิชาการ และกจิ กรรมนันทนาการทใี่ ห้ลูกเสือได้รับความรู้ และความสนุกสนาน ทางานรว่ มกันเปน็ กลุ่มเพ่ือเสรมิ สร้าง ความสามคั คี มนษุ ยสัมพันธ์ ความเปน็ ผนู้ า 5) ตอ้ งคานงึ ถงึ ความปลอดภัยในดา้ นตา่ ง ๆ ระหว่างการทากิจกรรม

149กิจกรรมทา้ ยเรอ่ื งที่ 2 การอยคู่ ่ายพักแรม(ให้ผู้เรียนไปทากิจกรรมทา้ ยเร่ืองท่ี 2 ทส่ี มดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรยี นรู้ประกอบชดุ วิชา)เรอ่ื งท่ี 3 ชวี ติ ชาวคา่ ย ชีวิตชาวค่าย เป็นกิจกรรมสร้างนิสัย การบาเพ็ญประโยชน์ รู้จักการปรับตัวเข้าหากัน และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยการฝึกปฏิบัติตนด้วยการทางานร่วมกันเป็นหมู่ รู้จักยอมรับในบทบาทหน้าท่ีซึ่งกันและกัน ฝึกการเป็นผู้นา ผู้ตาม ฝึกให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง เม่ือมีเหตุการณ์คับขัน รู้จักการดารงชีพกลางแจ้งโดยไม่น่ิงเฉย เชื่อฟังกฎกติกาอยู่ในระเบียบอยา่ งเครง่ ครัด สร้างเสรมิ คณุ ธรรม สรา้ งความมวี ินัย ชีวิตชาวคา่ ย ประกอบดว้ ย 1. เครอื่ งมอื เครื่องใช้ ที่จาเป็นสาหรับชีวิตชาวค่าย 2. การสร้างครวั ชาวคา่ ย 3. การสร้างเตาประเภทต่าง ๆ 4. การประกอบอาหารแบบชาวคา่ ย 5. การกางเตน็ ท์ และการเก็บเต็นทช์ นดิ ตา่ ง ๆ 3.1 เคร่ืองมือ เครอ่ื งใช้ ท่ีจาเปน็ สาหรบั ชวี ิตชาวคา่ ย เคร่ืองมือ เครื่องใช้ สาหรับการอยู่ค่ายพักแรมมีหลากหลายประเภทแยกตามลักษณะของการใช้งาน แบ่งออกเป็น ของมีคม ได้แก่ มีด ขวาน เล่ือย เครื่องมือที่ใช้สาหรับขุด ได้แก่ จอบ เสียม พลั่ว พล่ัวสนาม และเครื่องมือที่ใช้สาหรับตอก ได้แก่ ค้อนโดยแยกเก็บตามประเภท และลักษณะการใช้งาน เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้งาน และความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย มีด คือ เคร่ืองมือชนิดแรก ๆ ท่ีมนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ในชีวิตประจาวันมาอย่างยาวนาน เกี่ยวขอ้ งสัมพันธ์กับแทบทุกกิจกรรม ในการดาเนินชีวิต มีด เป็นเครื่องมือตัดเฉือนชนิดมีคม สาหรับใช้ สับ ห่ัน เฉือน ปาด บางชนิดอาจมีปลายแหลมสาหรับกรีดหรือแทงมกั มขี นาดเหมาะสมสาหรับจบั ถอื ด้วยมอื เดียว ขวาน เป็นเครื่องมือที่ทาด้วยเหล็ก มีสันหนาใหญ่ ใช้ในการตัดไม้ ฟันไม้ผ่าไม้ ตอกไม้ รวมไปถึงการใช้เป็นอาวุธ โดยท่ัวไปขวานจะประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ ส่วนหัวและสว่ นดา้ มจับ โดยขวานจะมีท้ังแบบทด่ี า้ มยาว และแบบด้ามสนั้ ข้ึนอยกู่ บั งานท่ใี ช้

150 การดแู ลรักษามีดและขวาน 1. ไม่ควรวางมดี หรอื ขวานไวก้ บั พืน้ เพราะจะเป็นอนั ตรายต่อผู้อื่น ถ้าเผลอไปเหยียบรวมท้งั จะทาใหค้ มมดี และขวานเป็นสนิมได้ 2. อย่าใช้มีดหรือขวานห่ัน ถากวัตถุท่ีแข็งเกินไป เพราะอาจทาให้หมดคม หรืออาจบน่ิ เสียหายได้ 3. ไมค่ วรเอามดี หรือขวานลนไฟหรือหั่น สบั สงิ่ ที่กาลังรอ้ น เพราะจะทาให้ท่ือง่าย 4. หลงั จากใช้มดี หรอื ขวานเสรจ็ แล้ว ต้องล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ทาน้ามันแล้วเก็บเข้าท่ีให้เรียบร้อย ถ้าเป็นมีดหรือขวานที่มีปลอก มีหน้ากาก ควรสวมปลอกหรือหน้ากากก่อนแล้วนาไปเก็บ 5. เม่ือคมมดี หรอื คมขวานทอ่ื ควรลับกบั หนิ ลับมีด หรอื หินกากเพชร 6. ถ้าดา้ มมีด หรอื ดา้ มขวาน แตกรา้ ว ตอ้ งรีบซ่อมแซมให้อยูใ่ นสภาพดี ก่อนนาไปเก็บหรือนาไปใชง้ าน วิธีถอื มดี และขวานใหป้ ลอดภัย 1. ตอ้ งหันด้านคมของมดี หรือขวานออกนอกตัว 2. เวลาแบกขวาน ต้องระวังอยา่ ให้คมขวานหอ้ ยลง หรอื หันเข้าหาตัว 3. ถ้าเปน็ ขวานขนาดเลก็ เวลาถือใหจ้ บั ทีต่ วั ขวาน ปลอ่ ยด้ามขวานช้ีลงพ้ืน หันคมขวานไปทางด้านหลงั วธิ สี ่งมดี และขวานใหป้ ลอดภัย 1. การส่งมดี ผู้สง่ จับสันมดี หันคมมีดออกนอกตัวหรือหันด้านคมลงพ้ืน ส่งด้านมีดให้ผจู้ ับ 2. การสง่ ขวาน ผ้สู ง่ จบั ปลายด้ามขวานห้อยตัวขวานลง ให้คมขวานหันไปด้านข้างผ้รู ับตอ้ งจบั ดา้ มขวานใต้มอื ผู้สง่ เล่ือย เป็นเล่ือยสาหรับงานไม้โดยทั่วไป ทาด้วยโลหะแผ่นบาง มีฟันเป็นซี่ ๆโดยฟนั ของซ่เี ล่อื ยมีความแตกตา่ งกันตามความเหมาะสมกบั การใชง้ าน การดูแลรักษา 1. หลงั จากการใชง้ านให้คลายใบเลื่อยออกเล็กน้อย เพ่ือยืดอายุใบเลื่อยให้ใช้งานได้ยาวนานขน้ึ 2. ใชแ้ ปรงปดั ทาความสะอาดทุกส่วน ทาดว้ ยนา้ มนั แลว้ เก็บไว้ในท่ีเก็บหลังการใชง้ าน

151 จอบ เปน็ เครอ่ื งมอื ขุดดิน ท่ีมนี ้าหนกั ปานกลางและมีความทนทานสูง จอบใช้ในการขุดดินแข็ง ๆ และขุดหลุมให้มีขนาดกว้างและลึกได้ ลักษณะเด่นของจอบ คือ มีใบท่ีแบนกว้างและคม สามารถเจาะผ่านพื้นดนิ หรือก้อนดินทแ่ี ข็ง ๆ ใหแ้ ยกขาดออกจากกันไดโ้ ดยง่าย การดแู ลรกั ษา หลังจากการใช้ทุกคร้ังควรล้างทาความสะอาดด้วยน้า เพื่อกาจัดดินท่ีติดตามใบจอบและคมจอบให้หมดเสียก่อน จากน้ันให้ใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง แล้วทาน้ามันกันสนิมและเก็บเข้าที่ให้เรียบรอ้ ย เสียม เป็นเครื่องมือขุดดิน ท่ีมีน้าหนักเบาที่สุดในบรรดาเครื่องมือขุดดินทุกชนิดด้วยรูปทรงท่ีเล็กมีน้าหนักเบา จึงไม่กินแรงผู้ใช้ เสียมจึงมีบทบาทสาคัญในงานด้านการเกษตรทุกชนิด จึงพูดได้ว่าเสียมเป็นเครื่องมือการเกษตรที่มาคู่กับจอบ เพราะส่ิงท่ีจอบทาได้ เสียมกส็ ามารถทาได้ เช่น การขุดดิน ขดุ ลอก เป็นตน้ แต่ส่ิงที่เสียมทาได้น้ันจอบไม่สามารถทาได้ก็คือการขุดหลุมท่ีลึกและแคบ และการขุดดินในท่ีแคบ ๆ ท่ีต้องใช้ความความระมัดระวังสูง เช่นการขุดล้อมตน้ ไม้ขนาดเล็ก และการขุดหนอ่ กลว้ ย เปน็ ต้น การดูแลรกั ษา หลังจากการใช้งานทุกคร้ังควรล้างทาความสะอาดด้วยน้า เพื่อกาจัดดินที่ติดปลายเสียมให้หมดเสียก่อน จากน้ันก็ใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ทาน้ามันกันสนิมแล้วหาท่ีเก็บเข้าที่ให้เรียบรอ้ ย พล่วั เปน็ เครอ่ื งมือใช้ในการตักดิน หรือตักทรายที่ความละเอียดมาก หรือเป็นก้อนท่ีไม่ใหญ่นัก พลั่วมีน้าหนักพอ ๆ กับเสียม แต่มีใบที่กว้างและบางกว่าเสียมและจอบเล็กน้อยคมของพล่ัวไม่ได้มีไว้ใช้ในการขุดหรือเจาะ แต่มีไว้ในการตักหรือโกยเศษทราย เศษดิน หรือเศษวัชพืชที่ได้ทาการกวาดรวม ๆ กันไว้เป็นกอง ๆ เรียบร้อยแล้ว เพื่อตักไปใส่ถุงปุ๋ย หรือบุ้งกี๋หรอื ถงั ขยะ เพ่อื เพม่ิ ความรวดเรว็ ในการจดั เก็บและทาความสะอาด การดูแลรกั ษา หลังจากการใช้ทุกครั้งควรล้างทาความสะอาดด้วยน้า เพ่ือกาจัดเศษดินเศษทรายที่ติดตามปลายพลว่ั ใหห้ มดเสยี ก่อน จากนั้นก็ใชผ้ า้ เชด็ ให้แห้ง ทาน้ามันกันสนิมแล้วเก็บเข้าท่ีให้เรียบรอ้ ย ค้อน คือ เคร่ืองมือสาหรับตอก หรือทุบบนวัตถุอื่น สาหรับการใช้งาน เช่นการตอกตะปู การจดั ชน้ิ สว่ นให้เขา้ รูป และการทุบทลายวัตถุ ค้อนอาจได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานเฉพาะทาง และมีรูปร่างกับโครงสร้างที่หลากหลาย แต่มีโครงสร้างพ้ืนฐานที่เหมือนกัน

152คือ ด้ามจบั และหัวคอ้ น ซงึ่ น้าหนักจะค่อนไปทางหัวค้อนมากกว่า แรงท่ีกระทบเป้าหมายจะมากเท่าใด ข้ึนอยู่กับมวลของค้อนและความเร่งของการตอก ดังน้ันเม่ือค้อนย่ิงหนักมากและหวดด้วยความเร่งมาก แรงทไ่ี ด้จากคอ้ นย่งิ มากตามไปดว้ ย การดูแลรกั ษา 1. เลือกชนิดของคอ้ นใหเ้ หมาะกับงาน 2. เมื่อใชง้ านเสร็จควรเชด็ ทาความสะอาด แล้วทาน้ามนั ท่หี ัวคอ้ นเพือ่ ปอ้ งกนั สนิม 3.2 การสร้างครวั ชาวค่าย การสร้างครัว เป็นการกาหนดพื้นท่ีสาหรับใช้ในการประกอบอาหารตลอดระยะเวลาในการอยู่ค่ายพกั แรม มีองคป์ ระกอบในการสรา้ งครวั ดงั นี้ ทท่ี าครัว ควรมีเขตทาครัวโดยเฉพาะ โดยเลือกพื้นท่ีท่ีจะเป็นเหตุให้เสียหายแกพ่ ืน้ ท่ีน้อยทส่ี ดุ ถา้ มีหญ้าขึ้นอยตู่ อ้ งแซะหญา้ ออก (ให้ติดดินประมาณ 10 เซนติเมตร) แล้วจึงค่อยต้ังเตาไฟ ส่วนหญ้าท่ีแซะออกนั้นจะต้องหม่ันรดน้าไว้ เม่ือการอยู่ค่ายพักแรมได้สิ้นสุดลงแล้วกใ็ หป้ ลูกหญา้ ไว้ที่เดิม แลว้ รดนา้ เพอื่ ใหค้ นื สูส่ ภาพเดมิ ในการจัดทาเครื่องใช้น้ัน อะไรควรจัดทาก่อน อะไรควรจัดทาภายหลัง ถือหลักว่าอนั ไหนสาคัญทส่ี ุดก็ให้จดั ทาก่อน แลว้ จึงคอ่ ย ๆ จดั ทาส่งิ ท่มี ีความสาคญั รองลงมาตามลาดบั คาแนะในการสร้างเครอ่ื งใช้ตา่ ง ๆ เตาไฟ มีหลายแบบ เช่น แบบขุดเป็นราง แบบใช้อิฐ หรือก้อนหินวางเป็นสามเสา้ แบบเตายนื เป็นแบบสะดวกในการทาครัว ก่อนตั้งเตาไฟควรทาความสะอาดบริเวณนั้นอยา่ ให้มีเชื้อไฟหรือส่งิ ทต่ี ิดไฟง่ายอยูใ่ กล้ ๆ กองฟืน ลักษณะของฟืนที่นามาใช้ควรเป็นไม้แห้ง เพื่อง่ายต่อการก่อไฟควรกองให้เป็นระเบียบ อยู่ไม่ห่างจากเตาไฟ ถ้าฝนตกจะต้องมีหลังคาคลุมดิน สาหรับเตายืนอาจเอาฟนื ไวใ้ ตเ้ ตากไ็ ด้ เครื่องใช้ต่าง ๆ หม้อ กระทะ แก้วน้ามีด เขียง ฯลฯ ที่เก็บมีด ที่เก็บกระบอกน้า เก็บจาน ท่ีเก็บถังน้า ท่ีเกบ็ อาหาร จะต้องจัดทาขน้ึ ท่ีหุงต้มและรับประทานอาหาร ควรมีหลังคามุงกันแดดกันฝน อาจใช้โต๊ะอาหารและม้าน่ังควรจัดทาขนึ้ ตามแบบง่าย ๆ

153 หลุมเปียก ขุดหลุมขนาดใหญ่ให้ลึกพอสมควร ที่ปากหลุมใช้ก่ิงไม้ ใบไม้สานเปน็ แผงปิด แล้วเอาหญ้าโรยขา้ งบน หลมุ น้าสาหรับเทน้าต่าง ๆ ที่ไม่ใช้แล้ว เช่น น้าปนไขมันซ่ึงส่ิงเหล่าน้ีเม่ือเทลงไป ไขมันและสิ่งต่าง ๆ จะติดอยู่ที่หญ้า มีแต่น้าแท้ ๆ ไหลลงไปในหลุมแผงทีป่ ากหลุมจะต้องนาไปเผา และเปล่ยี นใหมว่ ันละครง้ั เปน็ อย่างนอ้ ย หลุมแห้ง ขุดเป็นอีกหลุมหน่ึง เม่ือท้ิงเศษอาหารแล้ว จะต้องเอาดินกลบถ้าเปน็ กระปอ๋ ง กอ่ นทิ้งตอ้ งทบุ ใหแ้ บนและเผาไฟ ในกรณีที่ค่ายน้ันมีถังสาหรับเผาขยะหรือเศษอาหารโดยเฉพาะอย่แู ลว้ กใ็ ห้นาขยะและเศษอาหารไปเผา ณ ทก่ี าหนดไว้ 3.3 การสร้างเตาประเภทตา่ ง ๆ เตาสาหรบั หงุ อาหาร เตาไฟที่ใช้ในการหุงอาหารในการอยู่ค่ายพักแรมมีอยู่หลายแบบ ซึ่งจะจัดการสร้างได้ขณะอยู่ค่ายพักแรมตามสภาพของพื้นที่ เตาไฟแบบต่าง ๆ ได้แก่ เตาราง เตาใช้อิฐและหนิ เตายืน เตาแขวน ในการก่อสร้างเตาแต่ละคร้ังลูกเสือจะต้องทาความสะอาดรอบ ๆบริเวณทกี่ ่อสรา้ งเตาใหเ้ ตียนและอย่าให้มีเชอื้ ไฟหรอื วสั ดุท่ีติดไฟได้งา่ ย ๆ อยใู่ กลบ้ รเิ วณนัน้ เตาสามเส้า เปน็ การนาก้อนหนิ สามก้อนมาวางบนพื้น จัดระยะห่างให้พอดีกบั กอ้ นหม้อเปน็ สามมุมดใู ห้อากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก

154 เตาหลุม ขุดหลุมใหม้ ีขนาดกว้างพอเทา่ กับหมอ้ ลกึ พอประมาณ แล้วเจาะรูเพือ่ ใสฟ่ ืนดา้ นหนา้ แลว้ มรี รู ะบายอากาศ ดา้ นขา้ งเพ่อื ให้ควนั ออก เตาลอย ให้ขุดหลุมสี่มุม แล้วนาท่อนไม้แข็งแรงสี่ต้นทาเป็นเสาสี่มุม นาไม้มาวางพาดผูกเป็นส่ีเหลี่ยมและวางคานให้เต็มพ้ืนที่ ใช้ใบไม้ปูให้ราบ เอาดินปูพื้นให้หนาพอสมควรอีกชั้น แล้วใช้ก้อนหินทาเป็นเตาสามเส้า หรือเตารางแล้วแต่สะดวก (หากเป็นฤดูฝนสามารถสรา้ งหลังคาต่อเตมิ ได้) เตารางไม้ นาไมท้ ่ีมงี า่ มสองท่อนมาปักลงดนิ ตรงขา้ มกัน แล้วนาไม้ท่อนตรงวางพาดเป็นคานไวแ้ ขวนภาชนะ (ไม้ทีค่ วรใชพ้ าดควรเป็นไมด้ ิบ ซ่งึ จะไม่ทาให้ไหมไ้ ดง้ า่ ย)

155 เตาแขวน หรือเตาราว ใช้ไม้ท่ีมีง่ามมาปักลงดินเป็นระยะห่างให้พอดี แล้วหาไม้ยาวเปน็ คานมาพาดงา่ มไวส้ าหรับแขวนภาชนะ เตากระป๋อง นากระป๋องหรือถังขนาดเลก็ ทพี่ อดีกบั หมอ้ หรอื ภาชนะ มาผ่าข้างออกเปน็ ประตลู ม แลว้ เจาะรสู ่วนบนสรี่ เู พื่อให้อากาศถ่ายเท 3.4 การประกอบอาหารแบบชาวคา่ ย การปรุงอาหารในขณะอยู่ค่ายพักแรมหรือเดินป่า เป็นการปรุงอาหารเเบบชาวค่าย ไม่สามารถเตรียมเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ในการหุงต้มได้ครบถ้วน เช่น ใช้เตาหลุมเตาสามเส้า เตาราง ใชม้ ะพร้าวอ่อนแทนหม้อ กระบอกไม้ไผ่ ใช้ดินพอกเผาแทนการต้ม การปิ้งเป็นตน้ การปฏิบัติหรือประกอบอาหารบางอย่างท่ีจาเป็นในขณะท่ีอยู่ค่ายพักแรมควรเลอื กประกอบอาหารอย่างงา่ ย รวดเรว็ คงคณุ คา่ ทางอาหาร ดว้ ยวิธกี ารตา่ ง ๆ ดงั น้ี การหงุ ข้าวด้วยวธิ ตี า่ ง ๆ 1. การหุงข้าวด้วยหม้อหู สามารถหงุ ข้าวได้ 2 แบบ คอื แบบไม่เชด็ น้าและเชด็ นา้ - การหุงขา้ วไมเ่ ช็ดน้า ข้าว 1 ส่วน ตอ่ น้า 2 - 2.5 ส่วน

156 วธิ หี งุ 1. ซาวข้าวใหห้ มดส่ิงสกปรก รินนา้ ทิง้ 2. ตวงน้าใสน่ ้าหม้อ ปิดฝาให้สนิท ตั้งบนเตา ใส่ไฟแรงจัด 3. เมื่อน้าเดือดใช้พายกวน 1 คร้ัง พอน้าจวนแห้งปิดฝาหม้อให้สนิท เอาถ่านหรือฟนื ออกเหลือเกล่ียไว้ให้ไฟน้อยท่สี ุด (การกวนคนขา้ วนเี้ พ่อื ใหไ้ ดร้ บั ความร้อนท่ัวถงึ กัน) 4. เอียงข้าง ๆ หม้อให้รอบ ๆ ต้ังต่อไปจนน้าแห้งให้ข้าวสุกและระอุดี ใช้เวลาประมาณ 20 - 25 นาที - การหุงข้าวเช็ดนา้ ข้าว 1 ส่วน ต่อ น้า 3 สว่ น วธิ หี ุง 1. ซาวขา้ วพอหมดสิ่งสกปรก รนิ น้าทง้ิ 2. ตวงนา้ ใส่หมอ้ ปิดฝาให้สนทิ ตงั้ บนไฟใชไ้ ฟแรงจนกระทงั่ ข้าวเดอื ด 3. เมื่อน้าเดือดใช้พายกวนข้าว 1 ครั้ง หรือมากกว่า เพื่อให้ได้รับความร้อนท่ัวถงึ 4. สังเกตดูพอเม็ดข้าวบาน รินน้าข้าวทิ้ง เอาข้ึนดงบนเตา ใช้ไฟอ่อน ๆตะแคงหมอ้ หมุนให้ไดค้ วามร้อนทวั่ ๆ จนน้าแห้ง จากนัน้ ใหย้ กลงจากเตา วิธกี ารแกข้ ้าวแฉะ ข้าวแฉะ เกดิ จากปลอ่ ยท้ิงไว้จนเมด็ ข้าวบานมาก หรือใส่น้าน้อย จนน้าข้าวขน้ มากกอ่ นจะเช็ดนา้ ขา้ วให้ใส่น้าเปลา่ ลงไปให้น้าไม่ข้น คนใหท้ วั่ หมอ้ แลว้ เช็ดน้าให้แหง้ ปดิ ฝาหม้อให้สนิท แล้วหมนุ หมอ้ ไปมา และนาหมอ้ ขา้ วไปต้ังท่เี ตาไฟ โดยใชไ้ ฟอ่อน ๆ วธิ แี กข้ า้ วดบิ ให้ใช้น้าพรมข้าวพอประมาณ คุ้ยพรมให้ท่ัวหม้อแล้วจึงนาหม้อข้าวข้ึนดงใหม่หมุนให้ทั่ว ดงให้นานกว่าดงข้าวธรรมดา เมื่อยกลงห้ามเปิดฝาหม้อ ควรปิดให้สนิท เพื่อข้าวจะได้สุกระอุดี วธิ ีแกข้ า้ วไหม้ หากได้กล่ินข้าวไหม้ รีบเปิดฝาหม้อ เพ่ือให้ไอน้าออก และความร้อนในหม้อจะได้ลดลงเรว็ ขณะเดยี วกนั กลนิ่ ไหมจ้ ะไดอ้ อกไปดว้ ย คุ้ยข้าวตอนบนท่ีไม่ไหม้ให้สุก แล้วเปิดฝาทง้ิ ไว้

157 การประกอบอาหารด้วยวธิ ีต่าง ๆ การตม้ ทาได้ 2 วธิ ี คอื 1. โดยการใส่ของท่ีจะทาให้สุกลงไปพร้อมกับน้า แล้วนาไปต้ังไฟ เช่น การต้มไข่ถา้ ใส่ในนา้ เดอื ดแล้วไข่จะแตกเสียกอ่ น 2. โดยการใส่ของที่จะทาให้สุก เมื่อน้านั้นเดือดแล้ว เช่น การต้มปลากนั เหม็นคาว การผัด หมายถึง การทาวัตถุส่ิงเดียวหรือหลายสิ่ง ซึ่งต้องการให้สุกสาเร็จเป็นอาหารสิ่งเดยี ว วธิ ีการผดั โดยการใช้น้ามันหรือกะทิ ใส่ในภาชนะท่ีจะใช้ผัด แล้วนาของที่จะผัดรวมลงไปคนให้สกุ ท่วั กนั และปรงุ รสตามชอบ การทอด ใส่น้ามันลงในภาชนะที่จะใช้ในการทอด โดยประมาณให้ท่วมของที่จะทอดตั้งไฟให้น้ามันร้อนจัด จึงใส่ของลงไปทอด การสังเกตของ ที่ทอดว่าสุกหรือยังให้สังเกตตามขอบของสงิ่ ท่ีทอด การถนอมอาหาร การตากแห้ง เป็นวิธีท่ีง่ายและประหยัดมากท่ีสุด ใช้ได้กับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ผักและผลไม้ เป็นวิธีท่ีทาให้อาหารหมดความช้ืนหรือมีความช้ืนอยู่เพียงเล็กน้อย เพ่ือไม่ให้จุลินทรีย์สามารถเกาะอาศัยและเจริญเติบโตได้ ทาให้อาหารไม่เกิดการบูดเน่า โดยการนาน้าหรือความช้ืนออกจากอาหารให้มากท่ีสุด เช่น เน้ือเค็ม ปลาเค็มกลว้ ยตาก เปน็ ต้น การรวน เป็นวิธีการที่คล้ายกับการคั่ว แต่ต้องใส่น้ามัน นิยมใช้ประกอบอาหารประเภทเน้ือสัตว์ และปรุงรสให้เค็มมากข้ึน เพื่อให้สามารถเก็บไวร้ บั ประทานได้นาน เช่น ไก่รวน เป็ดรวนและปลาหมึกรวน เปน็ ต้น

158 3.5 การกางเตน็ ท์และการเก็บเต็นท์ชนิดตา่ ง ๆ การไปอยู่ค่ายพักแรมของลูกเสือ แต่ก่อนน้ันลูกเสือไปหาที่พักข้างหน้าตามแต่จะดัดแปลงได้ในภูมิประเทศ ซ่ึงเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าลูกเสือไม่พักในอาคารลกู เสอื จะตอ้ งนอนกลางแจ้ง ซึ่งจะตอ้ งหาวธิ ีสรา้ งเพิงทพี่ ักง่าย ๆ ทส่ี ามารถกันแดดกันฝนกันลมและป้องกันสัตว์เลื้อยคลานได้ โดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เท่าที่จะหาได้ ต่อมาเร่ิมมีการเตรียมอุปกรณไ์ ปด้วย เช่น เชือกหลาย ๆ เสน้ พลาสติกผืนใหญ่ เป็นต้น ทาให้ง่ายต่อการสร้างเพิงท่ีพักมากขน้ึ ปัจจุบันลูกเสือส่วนมากจะเตรียมเต็นท์สาเร็จรูปไปด้วยเพราะเต็นท์มีขายอย่างแพร่หลาย และมีให้เลือกหลายแบบหลายสีหลายขนาด มีน้าหนักเบา มีขนาดกะทัดรัดสามารถนาพกพาไปไดส้ ะดวก การกางเต็นท์กระแบะ หรือเตน็ ท์ 5 ชาย อุปกรณ์และส่วนประกอบ ในการใช้เต็นท์สาหรับอยู่ค่ายพักแรม จะใช้เต็นท์ 5 ชาย ซ่ึงเหมาะสาหรับลูกเสือ จานวน 2 คน ซึ่งจะใช้พ้ืนที่ในการกางเต็นท์ไม่มากนักและวิธีกางก็ไม่ยุ่งยากส่วนประกอบของเตน็ ท์ 5 ชาย มดี ังนี้ 1. ผ้าเตน็ ท์ 2 ผนื 2. เสาเตน็ ท์ 2 ชดุ (2 เสา) ชดุ ละ 3 ทอ่ น (3 ท่อนตอ่ กนั เปน็ 1 ชุด) 3. สมอบก 10 ตวั (หัวทา้ ย 2 ตวั ชายดา้ นล้างด้านละ 3 ตัว ประตูหน้า 1 ตัวและหลงั 1 ตวั ) 4. เชือกยึดสมอบก 10 เส้น (เชือกยาวใช้รั้งหัวท้ายเต็นท์ 2 เส้น เชือกสั้นใช้ยดึ ชายเตน็ ท์ 6 เส้น และประตหู น้า - หลัง 2 เสน้ )

159 การกางเตน็ ท์ การกางเต็นท์ 5 ชาย นัน้ มีวธิ กี ารดงั ต่อไปนี้ 1. ตดิ กระดมุ ทัง้ 2 ผืนเข้าด้วยกนั 2. ต้งั เสาเตน็ ท์ท้ัง 2 เสา 3. ผกู เชือกร้งั หัวท้ายกบั สมอบก 4. ตอกสมอบกยึดชายเตน็ ท์ การร้อื เต็นท์ท่พี ักแรม 1. แกเ้ ชอื กท่ีร้ังหวั ท้ายกับสมอบกออก 2. ล้มเสาเตน็ ทท์ ้ัง 2 เสา ลง 3. ถอนสมอบกทยี่ ดึ ชายเตน็ ทแ์ ละที่ใชร้ ง้ั หวั ทา้ ยเต็นท์ 4. แกะกระดุมเพ่อื แยกให้เต็นทเ์ ป็น 2 ผนื 5. ทาความสะอาด เก็บพับใหเ้ รียบร้อย 6. นาผ้าเตน็ ทแ์ ละอุปกรณ์เก็บรวมไว้เป็นท่ีเดยี วกนั เตน็ ท์สาเรจ็ รปู เต็นท์สาเร็จรูปจะมีลักษณะและรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งมีวางจาหน่ายโดยท่ัวไปง่ายต่อการประกอบและการเก็บ แต่ละแบบจะมีรูปแบบการประกอบไม่เหมือนกัน จึงให้ผูใ้ ชพ้ ิจารณาตามวิธีการของเต็นท์ เต็นท์สาเร็จรูปใช้เป็นท่ีพักสาหรับลูกเสือทั้งหมู่ (1 หมู่) เป็นเต็นท์ที่มีขนาดใหญ่กว่าเต็นท์กระแบะ มีน้าหนักมากกว่าเต็นท์กระแบะสามารถพกพาไปได้สะดวก พ้ืนที่ท่ีใช้กางเต็นท์จะมีบริเวณกว้างพอสมควร ส่วนวิธีกางเตน็ ทไ์ ม่ยุง่ ยากมลี กู เสอื ช่วยกนั เพยี ง 2 คน ก็สามารถกางเต็นท์ได้ ส่วนประกอบของเตน็ ท์สาเร็จรปู มีดังนี้ 1. ผ้าเต็นท์ 1 ชดุ 2. เสาเต็นท์ 2 ชดุ (2 เสา) ชุดละ 3 ท่อน (3 ทอ่ นต่อกันเป็น 1 ชดุ หรือ 1 เสา) 3. สมอบก 12 ตวั (ยึดมมุ พนื้ 4 ตัว ยึดชายหลงั คา 6 ตวั หัว 1 ตวั ทา้ ย 1 ตัว)

160 4. เชือกยึดสมอบก 8 เส้น ทุกเส้นมัดติดกับแผ่นเหล็กสาหรับปรับความตึงหยอ่ นของเชอื ก (เชือกสนั้ 6 เส้นใช้ยดึ ชายหลังคา เชอื กยาว 2 เสน้ ใช้รัง้ หวั ท้ายเต็นท)์ วิธกี างเต็นทส์ าเรจ็ รปู ปฏิบัติดังนี้ 1. ยดึ พ้ืนของเตน็ ท์ทงั้ 4 มุมดว้ ยสมอบก 4 ตวั 2. นาเสาชุดที่ 1 (ต่อ 3 ท่อนเข้าด้วยกัน) มาเสียบท่ีรูหลังคาเต็นท์ ให้คนที่ 1จบั ไว้ 3. ให้คนท่ี 2 ใช้เชือกยาว 1 เส้น ยึดจากหัวเสา (หรือห่วง) ไปยังสมอบกดา้ นหน้า (โดยผูกด้วยเง่ือนตะกรุดเบ็ด หรือผูกเง่ือนกระหวัดไม้ ไม่ต้องใช้เงื่อนผูกร้ังเพราะเป็นแผ่นปรับความตึงอยู่แล้ว) แล้วใช้เชือกส้ัน 2 เส้น ยึดชายเต็นท์เข้ากับสมอบกให้เต็นท์กางออกเป็นรปู หนา้ จั่ว 4. ให้คนที่ 2 เดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งต่อเสาท่ี 2 เสียบเข้ารูหลังคา เต็นท์อีกด้านหน่ึงแล้วจับเสาไว้ให้คนที่ 1 ปล่อยมือจากเสาท่ี 1 แล้วนาเชือกยาวเส้นท่ี 2 ยึดจากหัวเสาท่ี 2 ไปยงั สมอบกด้านหลงั 5. ให้คนที่ 2 ปล่อยมือจากเสาที่ 2 ได้ เต็นท์จะไม่ล้ม ทั้งสองคนช่วยกันใชเ้ ชือกยึดชายหลังคาเต็นท์ (จุดที่เหลือ) ให้เข้ากับสมอบกแล้วปรับความตึงหย่อนของเต็นท์ให้เรียบร้อย หมายเหตุ เต็นท์สาเร็จรูปมีหลายแบบ มีรูปทรงไม่เหมือนกัน บางแบบคลา้ ยเตน็ ทก์ ระแบะหรือเตน็ ท์ 5 ชาย เปน็ ตน้ ใชส้ ะดวกและเบามากแตบ่ อบบาง เต็นทอ์ ยา่ งงา่ ย วิธีน้ีปัจจุบันสะดวกมาก ทั้งยังราคาถูกหาซื้อง่ายใช้ประโยชน์ได้ดี สามารถใช้วัสดอุ ปุ กรณท์ ่หี าได้ในทอ้ งถิน่ โดยใช้ถุงปุ๋ยหรือเสื่อเย็บต่อกันให้ได้เป็นผืนใหญ่ ๆ สามารถใช้

161แทนผา้ เต็นทไ์ ด้ จะให้มขี นาดใหญเ่ ทา่ ใดก็ได้ตามท่ีต้องการ แต่ส่วนใหญ่มักจะทาเป็นผืนใหญ่ใช้เปน็ ทพ่ี ักของลกู เสอื ได้ทั้งหมู่ วธิ ีทา หาไม้สองท่อนมาทาเสา ปักลงในดินให้แน่น แล้วเอาไม้อีกอันหน่ึงพาดทาเป็นข่อื เสรจ็ แลว้ ใชถ้ ุงทเ่ี ย็บหรือผ้าใบ พาดกับขอ่ื นั้น ท่ปี ลายทงั้ สองข้างรง้ั เชือกกับสมอบก การนาวัสดุต่าง ๆ ท่ีหาได้ในท้องถิ่นจะง่าย สะดวกและประหยัด เพื่อเป็นการส่งเสริมและปฏิบัติตามแนวพระราชดาริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 รูปแบบเต็นท์แบบต่าง ๆ เตน็ ทแ์ บบโดม เต็นท์แบบโครง เตน็ ทแ์ บบสามเหล่ยี ม

162เตน็ ท์แบบกระโจมเต็นทแ์ บบกงึ่ ถงุ นอนเต็นท์แบบอโุ มงค์ ข้อควรระวังในการกางเต็นท์ เม่ือต้องการกางเต็นท์หลายหลังเป็นแนวเดียวกัน ข้ันแรกเล็งให้สมอบกและเสาต้นแรกของทุกเต็นทอ์ ยใู่ นแนวเดยี วกัน การกางเต็นทแ์ ต่ละหลังให้เล็งสมอบกตัวแรกเสาแรกเสาหลัง และสมอบกตวั หลังท้ัง 4 จุด อยู่ในแนวเดียวกัน เสาทุกต้นท่ียึดเต็นท์จะต้องต้ังฉากกับพ้ืนเสมอ หลังคาเต็นท์จะต้องไม่มีรอยย่น สมอบกด้านข้างของเต็นท์แต่ละหลังจะต้องเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ถ้าเต็นท์ตึงไปอาจจะขาดได้ หรือ ถ้าหย่อนเกินไปก็จะกันฝนไม่ได้ ซ่ึงจะเป็นสาเหตทุ าให้น้าซึมไดง้ ่าย และถ้าหากลมพัดแรงอาจทาให้เต็นท์ขาดได้ การผูกเต็นท์ควรใช้เง่ือนผกู รงั้ เพราะสามารถปรับให้ตึงหยอ่ นได้ตามตอ้ งการ

163 การดูแลรักษาเต็นท์ การดูแลรักษาเต็นท์ให้มีอายุการใช้งานท่ียาวนาน หลายคนอาจจะคิดว่าเปน็ เรอื่ งยาก ลองอ่านวิธกี ารเหลา่ นี้ดูแล้วคณุ จะรวู้ า่ เต็นทด์ ูแลง่ายนดิ เดียว 1. ฝึกกางเต็นท์ให้ถูกวิธี การที่คุณเรียนรู้วิธีการกางเต็นท์อย่างถูกวิธีจะทาให้เต็นท์ของคุณไม่เกิดความเสียหาย เพราะบางคร้ังการกางเต็นท์ไม่ถูกวิธี อาจทาให้อุปกรณ์บางช้ินเกิดความเสียหายได้ เช่น อาจจะใส่เสาเต็นท์ผิดอันทาให้เกิดความเสียหายเวลางอเสาเขา้ กับเตน็ ท์ เป็นต้น 2. อย่าเก็บเต็นท์ของคุณขณะที่เปียกถ้าไม่จาเป็น เพราะอาจจะทาให้เกิดกล่ินอับได้ เราควรจะนาเต็นท์มาผึ่งลมให้แห้งก่อนและนาเศษสิ่งสกปรกออกจากเต็นท์ แล้วจึงปิดซิปให้เรยี บรอ้ ย 3. ไม่ควรใช้สารเคมีในการทาความสะอาดเต็นท์ เพราะสารเคมีเหล่าน้ีจะทาลายสารท่ีเคลือบเต็นท์ไว้ ควรใช้แค่ผ้าชุบน้าเช็ดก็พอ ห้ามใช้แปรงขัดเพราะแปรงจะทาให้สารเคลอื บหลุดออกเชน่ กนั 4. ใช้ผ้าพลาสติกปูรองพ้ืน ผ้ารองพื้นจะใช้ปูรองพื้นก่อนกางเต็นท์ประโยชน์คือช่วยปกป้องตัวเต็นท์ จากหินและกิ่งไม้อันแหลมคม ซ่ึงส่ิงเหล่านี้อาจจะทาให้พื้นเตน็ ท์เกดิ ความเสียหายได้ และนอกจากน้ียังช่วยลดเวลาในการทาความสะอาด เพราะเพียงแต่ทาความสะอาดทีผ่ ้าปเู ท่านนั้ 5. ใช้สมอบกปักเต็นท์ บางคนอาจคิดว่าสมอบกไม่จาเป็นเพราะเต็นท์สามารถทรงตัวได้อยู่แล้ว แต่บางครั้งเมื่อลมแรง เต็นท์อาจจะมีการพลิกซึ่งอาจจะทาให้เต็นท์เสียหาย ถ้าช่วงที่คุณกางเต็นท์มีลมแรงควรจะนาสัมภาระเข้าไปไว้ในเต็นท์ แล้วปักสมอบกยึดไว้ซึ่งจะช่วยป้องกนั เตน็ ท์พลิกจากแรงลมได้ 6. ใช้อุปกรณ์ซ่อมแซมเต็นท์ถ้าจาเป็น หากเต็นท์เกิดการเสียหาย เช่นผนังเต็นท์มีรอยฉีกขาด ควรใช้พวกผ้าเทปปิดรอยขาดนั้นไว้ มิฉะน้ัน รอยขาดนั้นจะใหญ่ข้ึนเรื่อย ๆ (ลองคิดถึงเส้ือผ้าที่ขาดดู ถ้าเราย่ิงดึงก็จะย่ิงขาดมากขึ้น) อุปกรณ์ซ่อมแซมเต็นท์สามารถหาซือ้ ไดต้ ามร้านอุปกรณ์ทั่วไปกิจกรรมทา้ ยเรอ่ื งที่ 3 ชีวิตชาวค่าย(ให้ผู้เรยี นไปทากิจกรรมท้ายเรือ่ งที่ 3 ทีส่ มดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชดุ วิชา)

164เร่ืองที่ 4 วิธีการจัดการค่ายพกั แรม การจัดการค่ายพักแรม เป็นการจัดวางผังการอยู่ค่ายพักแรม ลูกเสือจะต้องสารวจ คาดคะเนความเหมาะสมของพนื้ ท่ี แหลง่ น้า เสน้ ทางคมนาคม เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการเลือกสถานทตี่ ั้งค่ายและกางเตน็ ท์ กอ่ นท่ีจะไปต้งั คา่ ยพักแรมน้ัน ควรจะไดม้ กี ารศึกษาลกั ษณะพื้นท่ีภูมิประเทศให้ดเี สียกอ่ น โดยพิจารณาความเหมาะสมจากส่งิ ตอ่ ไปนี้ 1. อยู่บนที่สูง หรือเชิงเขา เวลาฝนตกมีทางระบายน้าออกอย่างรวดเร็ว ทาให้ไมม่ ีนา้ ขังในบริเวณค่าย หรือมิฉะนั้น ควรต้ังค่ายบริเวณที่เน้ือดินเป็นดินปนทราย เพ่ือให้น้าดูดซมึ ไดโ้ ดยรวดเร็ว 2. ไมค่ วรอยู่ใกล้สถานทที่ ่ีมคี นพลกุ พลา่ น เช่น สถานที่ตากอากาศ 3. ไมค่ วรอยู่ใกล้ถนนหรอื ทางรถไฟ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุกับลกู เสือได้ 4. ไม่ควรอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ เพราะเมื่อเกิดลมพายุอาจหักโค่นลงมาทาให้เกิดอันตรายได้ 5. สถานที่ต้ังค่าย ควรมีน้าดื่มน้าใช้เพียงพอ แต่ไม่ควรอยู่ใกล้แม่น้า ลาคลองหนองหรอื บงึ เพราะอาจเกิดอบุ ัติเหตุกับลกู เสอื ได้ 6. สถานท่ีต้ังค่าย ไม่ควรอยู่ไกลจากตลาดมากนัก ทั้งนี้ เพื่อสะดวกแก่การไปซ้ือกับข้าว และไม่ควรอยู่ไกลจากสถานีอนามัยมากนัก เพื่อว่าเกิดการเจ็บป่วยหรือเกิดอบุ ตั เิ หตรุ า้ ยแรง จะได้ช่วยเหลอื ไดท้ ันทว่ งที 7. ควรอย่ใู นสถานท่ีทีป่ ลอดภยั จากผูก้ ่อการร้าย การวางผงั ค่ายพักแรม การวางผังค่ายพักแรม คือ การกาหนดตาแหนง่ ที่จะสรา้ งเตน็ ท์ สขุ าภิบาล ครัวราวตากผ้า ข้นึ อยกู่ บั ความต้องการ และความเหมาะสมของสถานทีน่ ั้น ๆ

165รปู แบบการจัดค่ายหมู่ลูกเสอืกิจกรรมทา้ ยเรือ่ งท่ี 4 วิธกี ารจัดการคา่ ยพักแรม(ให้ผูเ้ รยี นไปทากจิ กรรมท้ายเร่ืองที่ 4 ทส่ี มดุ บันทกึ กิจกรรมการเรยี นรู้ประกอบชดุ วิชา)

166 หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 ฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารเดนิ ทางไกล อยคู่ ่ายพกั แรม และชวี ติ ชาวคา่ ยสาระสาคญั การฝึกปฏิบัติการเดินทางไกล อยู่ค่ายพักแรม และชีวิตชาวค่าย เป็นการนาความรู้จากการได้ศึกษาบทเรียนภาคทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติ โดยมงุ่ ให้ลูกเสือ สามารถวางแผนและปฏิบัติกิจกรรมการเดินทางไกล อยู่ค่ายพักแรมและชีวิตชาวค่ายทุกกิจกรรม คือ กิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรมและอุดมการณ์ลูกเสือ กิจกรรมสร้างค่ายพักแรม กิจกรรมชีวิตชาวค่ายกิจกรรมทักษะลูกเสือ กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมนันทนาการและชุมนุมรอบกองไฟ กิจกรรมนาเสนอผลงานตามโครงการท่ีได้ดาเนินการมาก่อนการเข้าค่าย และสามารถใช้ชีวิตชาวค่ายรว่ มกบั ผอู้ ่นื ในค่ายพกั แรมไดอ้ ย่างสนกุ สนานและมคี วามสขุตวั ชวี้ ดั 1. วางแผนและปฏิบัติกิจกรรมการเดินทางไกล อยู่คา่ ยพกั แรม และชวี ติ ชาวคา่ ยทุกกิจกรรม 2. ใชช้ ีวติ ชาวค่ายร่วมกับผอู้ น่ื ในคา่ ยพักแรมไดอ้ ย่างสนุกสนานและมคี วามสขุขอบข่ายเนื้อหา เรื่องที่ 1 กจิ กรรมเสริมสร้างคุณธรรม และอุดมการณล์ ูกเสอื เรอ่ื งที่ 2 กิจกรรมสร้างคา่ ยพกั แรม เรอ่ื งที่ 3 กจิ กรรมชีวิตชาวคา่ ย เรือ่ งที่ 4 กจิ กรรมฝกึ ทักษะลูกเสอื เร่อื งท่ี 5 กจิ กรรมกลางแจ้ง เรื่องท่ี 6 กิจกรรมนนั ทนาการ และชุมนมุ รอบกองไฟ เร่อื งท่ี 7 กิจกรรมนาเสนอผลการดาเนนิ งาน ตามโครงการท่ีไดด้ าเนินการ มาก่อนการเข้าคา่ ยเวลาทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา 40 ช่วั โมง

167สอ่ื การเรียนรู้ 1. ชุดวิชา ลูกเสอื กศน. รหสั รายวิชา สค22021 2. สมดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรียนรปู้ ระกอบชุดวิชา 3. สื่อเสรมิ การเรียนรอู้ น่ื ๆ

168เรอ่ื งท่ี 1 การวางแผนและปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเดนิ ทางไกลการอยู่ค่ายพกั แรม และชีวติ ชาวคา่ ย การเดินทางไกล ลูกเสือต้องเตรียมความพร้อมทุกด้าน ท้ังทางร่างกาย จิตใจความรู้ ความสามารถทักษะท่ีจาเป็นในการให้ รวมทั้งการบรรจุเครื่องหลัง ซ่ึงประกอบด้วยเครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ประจาตัว ยาประจาตัว อุปกรณ์การเรียนรู้และการจดบันทึกกิจกรรมอปุ กรณท์ ี่จาเป็นตามฤดูกาล อุปกรณ์เครื่องนอนส่วนตัว และอุปกรณป์ ระจากายลูกเสอื ลูกเสือและผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ร่วมกันวางแผนการเดินทางไกล โดยการสารวจเส้นทางการเดินทาง ความปลอดภัยในการเข้าร่วมกิจกรรม และกาหนดวัน เวลา สถานที่ให้เหมาะสม กาหนดบทบาทให้แต่ละคนในฐานะผู้นา ผู้ตาม ผู้ประสานงาน ผู้ควบคุม ผู้รับผิดชอบร่วมกนั ประชุมซักซอ้ มความเข้าใจทีต่ รงกัน กาหนดนัดหมายทีช่ ดั เจน รดั กุม และปฏบิ ตั ติ ามแผน การอยู่ค่ายพักแรม ต้องมีกิจกรรมการแสดงรอบกองไฟ เพื่อปลุกใจ และส่งเสริมความสามคั คีของหมูค่ ณะ เปิดโอกาสใหล้ ูกเสอื ได้แสดงออก และรู้จักกันมากยิ่งข้ึน ซ่ึง บี.พี. ได้ริเร่ิมในการนาเดก็ ไปอยคู่ า่ ยพกั แรมท่ีเกาะบราวนซ์ ี ประเทศอังกฤษ การชุมนุมรอบกองไฟ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Camp Fire ในภาษาไทยเดิมมักเรียกกันว่า การเล่นหรือการแสดงรอบกองไฟ ซ่ึงความจริงการเล่นหรอื การแสดงเปน็ เพยี งสว่ นหนงึ่ ของการชุมนุมรอบกองไฟ การชมุ นุมรอบกองไฟ มีความมุ่งหมาย ดงั น้ี 1. เพื่อเป็นการฝึกอบรมในตอนกลางคืน ดังท่ี บี.พี. ได้ใช้เป็นหลักในการฝึกอบรมผ้ทู ไ่ี ปอยคู่ า่ ยพักแรม 2. เพอื่ ให้ลกู เสอื ได้ร้องเพลงร่วมกนั หรือแสดงกริ ิยาอาการอย่างเดยี วกัน 3. เพือ่ ให้ลกู เสอื แต่ละหม่ไู ด้มโี อกาสออกมาแสดงรอบกองไฟ 4. ในบางกรณี อาจใชเ้ ป็นโอกาสสาหรบั ประกอบพิธีสาคัญ 5. ในบางกรณีอาจเชญิ บุคคลสาคัญในท้องถิ่น ตลอดจนชาวบ้านให้มาร่วมการชุมนุมรอบกองไฟ เพ่ือเปน็ การประชาสัมพนั ธแ์ ละส่งเสริมกจิ การลกู เสอื การแสดงรอบกองไฟมีข้อกาหนดบางประการ เพ่ือให้เกิดความเหมาะสม ได้แก่ 1) เร่ืองท่ีจะแสดง ควรเป็นเร่ืองสนุกสนาน ขนบธรรมเนียมประเพณีประวตั ศิ าสตรเ์ รื่องทเ่ี ปน็ คตเิ ตือนใจ 2) เรื่องที่ไม่ควรนามาแสดง เช่น เรื่องไร้สาระ เรื่องผีสาง เร่ืองลามกเร่ืองอนาจาร เร่ืองเสียดสีสังคม เรื่องล้อเลียนการเมือง เรื่องหมิ่นสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

169 3) การใช้คาพูดและวาจาที่เหมาะสม คาสภุ าพ คาทไ่ี ม่หยาบคาย คาดา่ ทอ 4) ชุดการแสดง ควรเปน็ ชุดท่มี คี วามเหมาะสมกับเร่อื งทจี่ ะแสดงมีความสภุ าพสอดคล้องกับเน้ือเรอ่ื งทแี่ สดงแผนการปฏบิ ัติกจิ กรรมการเดนิ ทางไกล อยคู่ า่ ยพักแรม และชวี ิตชาวคา่ ย วัน – เวลา กิจกรรม เวลา ขอบขา่ ยเนือ้ หาวันที่ 1 (นาท)ี07.00 – 08.00 น. รายงานตัว/ลงทะเบียน08.00 – 09.00 น. ปฐมนเิ ทศ ชแ้ี จงวัตถุประสงคก์ ารเขา้ คา่ ย 60 กิจกรรมเสรมิ สร้างคุณธรรม09.00 – 10.00 น. พิธเี ปิดทางราชการ (ในหอประชุม) 60 กจิ กรรมเสรมิ สร้างอดุ มการณ์ - กลา่ วรายงาน 60 กจิ กรรมเสรมิ สร้างคุณธรรม10.00 – 10.30 น. - ประธานกลา่ วเปดิ ให้โอวาทและ ถวายราชสดุดี และอดุ มการณ์ลูกเสอื10.30 – 11.15 น. พิธเี ปิดทางการลูกเสือ (รอบเสาธง) - ผ้อู านวยการฝกึ อบรมกล่าวต้อนรับ 30 กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งอุดมการณ์11.15 – 12.00 น. - แนะนาคณะวทิ ยากร ลูกเสือ วชิ าประวัติลูกเสือไทย12.00 – 13.00 น. 45 กจิ กรรมเสริมสรา้ งอุดมการณ์13.00 – 13.30 น. วชิ าประวัตลิ กู เสอื โลก ลกู เสือ13.30 – 14.30 น. พักรบั ประทานอาหารกลางวนั 45 กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งอุดมการณ์14.30 – 17.00 น. นันทนาการ ลกู เสอื วิชาวินยั ความเป็นระเบียบเรียบร้อย สญั ญาณนกหวดี และระเบยี บแถว 60 กิจกรรมชวี ิตชาวคา่ ย วชิ าชาวค่าย 30 กจิ กรรมนนั ทนาการ 60 กิจกรรมทักษะลูกเสอื 150 กจิ กรรมสร้างค่ายพกั แรม

170วนั – เวลา กิจกรรม เวลา ขอบข่ายเนือ้ หา (นาท)ี17.00 – 18.00 น. ฐานท่ี 1 อุปกรณ์ เครอื่ งมือ เครอื่ งใช้ 60 กจิ กรรมชีวติ ชาวค่าย18.00 – 19.00 น. ฐานที่ 2 สขุ าภบิ าล ฐานที่ 3 อุปกรณค์ รวั 60 กิจกรรมชีวิตชาวคา่ ย19.00 – 19.30 น. ฐานที่ 4 เต็นท์19.30 – 21.30 น. ประกอบอาหารแบบชาวค่าย 30 กิจกรรมนนั ทนาการ21.30 น. ชักธงลง/รับประทานอาหาร 120 กิจกรรมฝกึ ทกั ษะลกู เสือวนั ท่ี 2 ภารกิจสว่ นตวั 30 กิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม05.00 – 05.30 น. นนั ทนาการ05.30 – 06.30 น. พิธีประจากองลูกเสือวสิ ามัญ 60 กจิ กรรมชีวิตชาวคา่ ย06.30 – 07.30 น. นัดหมาย สวดมนต์ เขา้ นอน 60 กจิ กรรมกลางแจง้ /ทกั ษะ07.30 – 08.00 น. ตื่นนอน ภารกจิ สว่ นตัว ลกู เสอื08.00 – 08.30 น. กายบรหิ าร/ระเบยี บแถว/ประกอบ 60 กิจกรรมชีวติ ชาวคา่ ย อาหาร 30 กิจกรรมเสรมิ สรา้ งคุณธรรม รบั ประทานอาหาร/ภารกิจสว่ นตัว ตรวจเยี่ยม 30 กิจกรรมเสริมสรา้ งอุดมการณ์ สายที่ 1 เครอื่ งแบบ ที่พกั สุขาภิบาล ลูกเสือ สายท่ี 2 เครื่องแบบ ที่พกั สุขาภบิ าล สายบรกิ าร (พิเศษ) ความสะอาด 30 กิจกรรมนันทนาการ ความเรียบร้อยรอบบริเวณ 180 กิจกรรมเสรมิ สรา้ งอดุ มการณ์ ประชุมกองรอบเสาธง ลูกเสือ08.30 – 09.00 น. นนั ทนาการ 60 กจิ กรรมชวี ิตชาวคา่ ย08.30 – 09.00 น. สารวจชมุ ชน12.00 – 13.00 น. รบั ประทานอาหารกลางวัน

171วนั – เวลา กิจกรรม เวลา ขอบข่ายเนื้อหา (นาที)13.00 – 13.30 น. นนั ทนาการ 30 กจิ กรรมนนั ทนาการ13.30 – 14.30 น. วชิ าแผนท่ี – เขม็ ทิศ14.30 – 16.00 น. กิจกรรมบุกเบิก 60 กจิ กรรมฝึกทกั ษะลกู เสือ - ผกู ประกบ16.00 – 17.00 น. - ผูกกากบาท 90 กจิ กรรมฝึกทกั ษะลกู เสือ17.00 – 18.00 น. - ผกู ทแยง18.00 – 19.00 น. การชมุ นุมรอบกองไฟ (ทฤษฎ)ี 60 กิจกรรมนนั ทนาการ ประกอบอาหารแบบชาวค่าย 60 และชุมนมุ รอบกองไฟ19.00 – 21.00 น. ชักธงลง/รับประทานอาหาร/ภารกิจ 60 กิจกรรมชีวิตชาวค่าย สว่ นตัว ชุมนมุ รอบกองไฟ (ปฏิบัติ) กจิ กรรมชีวติ ชาวคา่ ย 120 กิจกรรมนันทนาการ21.00 – 21.30 น. นดั หมาย สวดมนต์ เขา้ นอน และชมุ นมุ รอบกองไฟวนั ท่ี 3 ตน่ื นอน ภารกจิ ส่วนตัว 30 กิจกรรมเสรมิ สรา้ ง05.00 – 05.30 น. กายบริหาร/ระเบยี บแถว/ประกอบ05.30 – 06.30 น. อาหาร คณุ ธรรม รับประทานอาหาร/ภารกิจสว่ นตวั06.30 – 07.30 น. ตรวจเยย่ี ม 60 กิจกรรมชวี ติ ชาวค่าย07.30 – 08.00 น. สายที่ 1 เครอื่ งแบบ ทีพ่ ัก สขุ าภิบาล 60 กิจกรรมกลางแจง้ /ทักษะ สายท่ี 2 เคร่ืองแบบ ท่ีพกั สุขาภบิ าล08.00 – 08.30 น. สายบรกิ าร ความสะอาดบรเิ วณ ลูกเสอื ประชุมกองรอบเสาธง 60 กจิ กรรมชวี ิตชาวค่าย 30 กจิ กรรมเสรมิ สร้างคุณธรรม08.30 – 09.00 น. นันทนาการ 30 กจิ กรรมเสริมสรา้ งอดุ มการณ์ ลกู เสือ 30 กจิ กรรมนันทนาการ

172วนั – เวลา กจิ กรรม เวลา ขอบข่ายเนอื้ หา (นาท)ี09.00 – 12.00 น. วชิ าปฐมพยาบาล 180 กิจกรรมทกั ษะลูกเสือ12.00 – 13.00 น. รบั ประทานอาหารกลางวัน13.00 – 13.30 น. นนั ทนาการ 60 กิจกรรมชวี ิตชาวค่าย13.30 – 14.30 น. จิตอาสากบั การสร้างปณิธานความดี ของลกู เสอื กศน. 30 กิจกรรมนันทนาการ14.30 – 15.30 น. สรปุ บทเรยี นสะท้อนความคดิ เห็น ประเมนิ ผล 60 กจิ กรรมเสริมสรา้ งอุดมการณ์15.30 – 16.30 น. พธิ ีปดิ การอบรม - ในห้องประชมุ ลกู เสอื16.30 น. - รอบเสาธง เดินทางกลบั 60 กิจกรรมนาเสนอผลการ ดาเนินงานตามโครงการ 60 กิจกรรมเสริมสรา้ งอุดมการณ์ ลูกเสือ กิจกรรมเสริมสร้างอุดมการณ์ ลกู เสือกจิ กรรมท้ายเร่อื งที่ 1 การวางแผนและปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเดินทางไกล การอย่คู า่ ยพักแรม และชวี ติ ชาวค่าย(ให้ผู้เรยี นไปทากิจกรรมท้ายเรอ่ื งที่ 1 ที่สมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ประกอบชดุ วชิ า)เรือ่ งที่ 2 การใชช้ วี ติ ชาวค่ายรว่ มกบั ผอู้ ื่นในค่ายพักแรม กจิ กรรมในคา่ ยพกั แรมมีหลากหลายมากมาย ได้แก่ กิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรมและอุดมการณ์ลูกเสือ กิจกรรมสร้างค่ายพักแรม กิจกรรมชีวิตชาวค่าย กิจกรรมทักษะลูกเสือกิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมนันทนาการ และชุมนุมรอบกองไฟ ตลอดจนกิจกรรมนาเสนอผลการดาเนินงานตามโครงการพฒั นาชุมชนและสังคม ซ่ึงได้ดาเนินการไว้ก่อนการเข้าค่ายพักแรมซึ่งกิจกรรมท้ังหลายเหล่านไ้ี ด้กาหนดใหล้ กู เสอื ทกุ คน ทุกหมู่ ร่วมกันคิดแก้ปัญหา ร่วมกันวางแผนลองผิดลองถูกร่วมกัน ตัดสินใจปฏิบัติร่วมกันอย่างมีความสุข และมีความภาคภูมิใจร่วมกันซ่ึงกิจกรรมทุกกิจกรรมจะทาให้ลูกเสือได้สัมผัสประสบการณ์ของการผจญภัย การได้เพื่อนการได้สัมผัสกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การได้หัวเราะอย่างมีความสุข และมีความสาเร็จสุขสมรว่ มกัน

173 การใช้ชีวิตชาวค่าย และการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้อ่ืนในค่ายพักแรม เป็นการฝึกทกั ษะชีวติ ฝึกให้รู้จักความเอ้ืออาทร ความเขา้ ใจ รจู้ ักการใหอ้ ภยั รู้จักรู้รัก รู้สามัคคี รู้จักหน้าท่ีมีวินัย รู้จักการปรับตัวเข้าหากัน เพ่ือการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสถานการณ์ท่ีคับขันและมีข้อจากัดมากมาย ทาให้มีโอกาสพัฒนากระบวนความคิดจากการแลกเปล่ียนเรียนรู้การทางานเป็นหมู่ ยอมรับบทบาท หน้าท่ีของกันและกัน พัฒนาความเป็นผู้นา ผู้ตามเสริมสร้างคณุ ธรรม จริยธรรม ความมีวนิ ัย เพ่ือการเปน็ พลเมืองดีของสังคมกจิ กรรมท้ายเรอ่ื งที่ 2 การใชช้ วี ติ ชาวคา่ ยรว่ มกบั ผ้อู ่นื ในค่ายพักแรม(ให้ผู้เรียนไปทากิจกรรมทา้ ยเรือ่ งท่ี 2 ท่ีสมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดวชิ า)

174 บรรณานกุ รมกรมการแพทยก์ ระทรวงสาธารณสขุ . คู่มือปฐมพยาบาลสาหรับประชาชน ฉบบั จิตอาสา เฉพาะกิจด้านการแพทย์. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1. กรุงเพทฯ : บริษัท โอ – วิทย์ (ประเทศไทย) จากัด, 2560.กวี พันธม์ุ ีเชาว์. เง่อื นเชือก. พิมพค์ รง้ั ท่ี 7. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ สกสค., 2555.คณะอนุกรรมการลูกเสือฝ่ายฝึกอบรม สานักงานคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสือแห่งชาติ. คู่มือฝึกอบรมวชิ าผกู้ ากับลกู เสือวิสามญั ข้นั ความรเู้ บ้ืองตน้ (B.T.C.).พิมพค์ รง้ั ที่ 3. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค.ลาดพร้าว, 2550.“จรยิ ธรรม”. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/จริยธรรม. (วนั ทีค่ น้ ขอ้ มูล : 16 กุมภาพนั ธ์ 2561).ชินวรณ์ บุญยเกยี รติ. ในสารานุกรมลูกเสือ (เลม่ 1, หน้า ข). กรงุ เทพฯ : ชุมนมุ สหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2554.เทวินทร์ วารศี ร.ี “วิชาอุบัตเิ หตุและการปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตุ”. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : http://www.tawin.org. (วันที่คน้ ขอ้ มูล : 6 กุมภาพนั ธ์ 2561).นุชจรยี ์ ปดั สวน. ประเภทเขม็ ทิศซิลวา. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก : https://noppadonnie2222. wordpress.com (ส่วนประกอบของเขม็ ทิศซิลวา). (วันทค่ี ้นข้อมูล : 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2561).บญุ ไสย์ มาตย์นอก L.T..คมู่ อื ลกู เสอื วสิ ามัญ 1 หลักสตู รเครื่องหมายลกู เสอื โลก. พิมพ์ครงั้ ท่ี 4. กรุงเทพมหานคร : บี.พี.ที. บ๊คุ แอนดป์ รน้ิ , 2554.พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หู วั . [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยู่หัว. (วันที่ค้นข้อมูล : 7 กมุ ภาพันธ์ 2561).วธิ ีการผายปอด และการชว่ ยหายใจ”. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก : https://www.honestdocs.co/ artificial-respiration-methods. (วันทคี่ ้นข้อมูล : 8 กมุ ภาพันธ์ 2561).วภิ าพร วรหาญ. การปฐมพยาบาลและการพยาบาลฉุกเฉนิ . พิมพค์ รงั้ ที่ 13. ขอนแก่น : ขอนแก่น การพมิ พ์, 2552.

175ศูนยฝ์ กึ อบรมปฐมพยาบาลและสขุ ภาพอนามัย สภากาชาดไทย. คู่มือปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้ (Basic First Aid Manual). พมิ พค์ รงั้ ท่ี 6. นนทบรุ ี : บริษทั เนชั่นไฮย์ 1954 จากัด, 2559._______. คู่มอื ปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น (Basic First Aid Manual). พิมพ์คร้ังที่ 10. กรุงเทพฯ :บรษิ ัท เซเวน่ พร้นิ ตงิ้ กรุ๊ป จากัด.2552._______. “โรคลมแดด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : www.bangkokhealth.com/health/article/โรคลมแดด-638. (วนั ท่คี น้ ข้อมูล : 8 กมุ ภาพนั ธ์ 2561).สถาบันการพลศกึ ษา วทิ ยาเขตสุพรรณบุรี. “อุบตั ิเหตจุ ากการจมน้าและการป้องกัน”. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.ipesp.ac.th/learning/supitcha/html/D3-3-7.html. (วนั ทค่ี ้นขอ้ มลู : 8 กมุ ภาพันธ์ 2561).สภาลูกเสือแหง่ ชาต.ิ 90 ปี ลกู เสอื ไทย. กรุงเทพ : โรงพมิ พค์ รุ ุสภา. ลาดพรา้ ว, 2544.สมเด็จพระเจ้าอยู่หวั มหาวชิราลงกรณบดนิ ทรเทพยวรางกรู ราโชบาย แนวทางปฏบิ ตั ิ 9 ขอ้ . [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http//www.thairath. (วันทค่ี น้ ข้อมลู : 8 กุมภาพันธ์ 2561).สานักการลกู เสือยุวกาชาด และกิจกรรมนกั เรียน. กิจกรรมลูกเสือเพ่อื พฒั นา. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย, 2554.สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร. สานกั การลกู เสือ ยุวกาชาด และกจิ การนักเรียน. เกณฑ์ การประเมนิ คณุ ภาพงานลูกเสือในสถานศกึ ษา. กรุงเทพฯ : สกสค.ลาดพร้าว, 2551.สานักงานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.). คูม่ ือการจดั กจิ กรรมลกู เสอื เสริมสร้างทักษะชีวิต ประเภทลกู เสอื สามญั หลักสตู รลูกเสือโท ช้นั ประถมศกึ ษาปี ที่ 5 (ฉบับปรบั ปรุง 2559). [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : http://resource.thaihealth.or.th/library/ musthave/15683. (วนั ทค่ี น้ ขอ้ มูล : 8 กมุ ภาพันธ์ 2561).สานักงานคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง่ ชาติ ร่วมกับ ฝ่ายวิชาการ กองการลูกเสือ กรมพลศกึ ษา . “คมู่ อื การจดั การฝกึ อบรมลูกเสอื วิสามญั ”

176สานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สารานุกรมลกู เสอื ไทย 100 ปีการลกู เสอื ไทย. กรุงเทพ. : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากัด, 2554.เสถียร หมดุ ปิน. การใช้เข็มทศิ ซิลวา Silva. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://scout.bmk.in.th/ map_asimut/silva.htm (รูปเขม็ ทิศแบบซิลวา). (วันทคี่ น้ ขอ้ มลู : 5 กุมภาพันธ์ 2561).องค์การลกู เสือโลก. หลกั การลูกเสอื . [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก : http://www.Scout.org/wso/ scout.html. (วันท่ีคน้ ขอ้ มลู : 5 กุมภาพันธ์ 2561).

177 รายชอ่ื ผเู้ ขา้ รว่ มประชุมปฏบิ ตั กิ ารจัดทาตน้ ฉบบั ชดุ วิชา รายวิชาเลือกบังคับและสมุดบันทกึ กิจกรรมการเรยี นรู้ รายวชิ าลกู เสือ กศน. ท้ัง 3 ระดบั การศึกษา ระหวา่ งวนั ท่ี 5 – 9 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงแรมนนทบรุ พี าเลซ จงั หวัดนนทบรุ ี1. นายกฤตชัย อรุณรัตน์ เลขาธกิ าร กศน.2. นางสาววิเลขา ลสี ุวรรณ์ รองเลขาธิการ กศน.3. นางสรุ วี ัลย์ ลม้ิ พิพัฒนกลุ ผู้เช่ยี วชาญเฉพาะดา้ นมาตรฐานการศกึ ษา4. นางรงุ่ อรุณ ไสยโสภณ ผอู้ านวยการกล่มุ พฒั นาการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย5. นางสาววราภรณ์ ศริ ิวรรณ ข้าราชการบานาญ6. นางสาวเนาวเรศ น้อยพานิชย์ ขา้ ราชการบานาญ7. นายไพฑูรย์ ลิศนันท์ ขา้ ราชการบานาญ8. นายเจริญศักดิ์ ดีแสน ผอู้ านวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพือ่ การศกึ ษาลาปาง9. นายอนันต์ คงชมุ รองผู้อานวยการสานักงาน กศน. จงั หวัดสโุ ขทยั10. นายวรวุฒิ หุนมาตรา ผอู้ านวยการ กศน.เขตคลองสาน กทม.11. นางสาววมิ ลรตั น์ ภูริคุปต์ ผู้อานวยการ กศน.เขตบางเขน กทม.12. นางอบุ ลรตั น์ ชนุ หพันธ์ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอเมอื ง จังหวดั จนั ทบุรี13. นายไพโรจน์ กนั ทพงศ์ ผอู้ านวยการโรงเรียนลามหาเมฆ (ประชาราตรีอนุสรณ)์ จังหวดั ปทุมธานี14. ว่าที่รอ้ ยตรี สเุ มธ สจุ ริยวงศ์ รองผู้อานวยการโรงเรียนงามมานะ (แผน – ทบั อุทศิ )15. นายบวรวทิ ย์ เลศิ ไกร รองผูอ้ านวยการโรงเรยี นศุภกรณ์วทิ ยา16. นายบนั เทิง จนั ทรน์ เิ วศน์ โรงเรียนบางมดวิทยา“สีสุกหวาดจวนอุปถมั ภ์”17. นางสาวสโรชา บรุ ีศรี เลขานกุ ารฯ สานักงาน ก.ค.ศ.18. นายกฤตพัฒน์ นิชยั วรตุ มะ สานักการลกู เสือ ยุวกาชาด และกจิ การนักเรยี น19. นางกนกวรรณ น่มิ เจรญิ สานกั การลกู เสือ ยุวกาชาด และกจิ การนักเรียน20. นายเอกสิทธิ์ สวัสดิ์วงค์ สานักงานลกู เสือแห่งชาติ21. นายเอกชัย ลาเหลอื สานักงานลกู เสอื แหง่ ชาติ22. นายศรัณยพงศ์ ขัติยะนนท์ กศน.อาเภอเมอื ง จังหวัดจันทบุรี

23. นายขวัญชยั เนียมหอม 17824. นางสาววรรณพร ปัทมานนท์25. นางสาวเบญ็ จวรรณ อาไพศรี กศน.อาเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก26. นางเยาวรัตน์ ปนิ่ มณีวงศ์ กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษา27. นางสาวฐิติมา วงศ์บัณฑวรรณ ตามอัธยาศัย28. นางกมลทิพย์ ช่วยแก้ว กลมุ่ พัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษา29. นางสาวสุจรยิ า พุ่มไสล ตามอัธยาศัย30. นายจตุรงค์ ทองดารา กลมุ่ พัฒนาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษา31. นางสกุ ัญญา กุลเลิศพิทยา ตามอัธยาศัย32. นายชัยวิชติ สารัญ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย กลมุ่ พัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย กลมุ่ พฒั นาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอัธยาศัย กลุม่ พัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย กลมุ่ พัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย กลมุ่ พฒั นาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอัธยาศัย

179รายช่ือผ้เู ข้าร่วมประชมุ ปฏิบตั กิ ารบรรณาธิการต้นฉบับชุดวิชา รายวชิ าเลือกบงั คับ และสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ รายวิชาลกู เสือ กศน. ท้ัง 3 ระดบั การศึกษา คร้ังท่ี 1 วนั ท่ี 12 – 16 มนี าคม 2561 ณ หอั งประชมุ อารยี ์ กลุ ตณั ฑ์ อาคาร กศน.ชน้ั 6นางรงุ่ อรุณ ไสยโสภณ ผ้อู านวยการกลมุ่ พัฒนาการศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยนางสาววราภรณ์ ศริ วิ รรณ ข้าราชการบานาญนางสาวเนาวเรศ น้อยพานิช ข้าราชการบานาญนายเจริญศักด์ิ ดแี สน ผู้อานวยการศูนยว์ ทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื การศึกษาลาปางนายบันเทงิ จนั ทรน์ เิ วศน์ โรงเรยี นบางมดวทิ ยา “สีสกุ หวาดอปุ ถัมภ์”นายขวัญชัย เนียมหอม กศน.อาเภอบา้ นนา จงั หวัดนครนายกนายชยั วิชิต สารญั กลมุ่ พฒั นาการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศัย

180รายชอ่ื ผูเ้ ขา้ ร่วมประชมุ ปฏบิ ตั ิการบรรณาธกิ ารตน้ ฉบับชดุ วชิ า รายวิชาเลือกบงั คับ และสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรยี นรู้ รายวิชาลูกเสอื กศน. ทัง้ 3 ระดับการศกึ ษา ครัง้ ที่ 2 วนั ที่ 26 – 30 มนี าคม 2561 ณ โรงแรมชลพฤกษ์ รีสอรท์ จงั หวัดนครนายกนางรงุ่ อรุณ ไสยโสภณ ผ้อู านวยการกลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอัธยาศยันางสาววราภรณ์ ศริ ิวรรณ ขา้ ราชการบานาญนางสาวเนาวเรศ น้อยพานิช ขา้ ราชการบานาญนายเจรญิ ศกั ดิ์ ดีแสน ผู้อานวยการศนู ย์วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื การศกึ ษาลาปางนายบันเทิง จันทร์นเิ วศน์ โรงเรียนบางมดวทิ ยา “สีสุกหวาดอปุ ถมั ภ์”นายขวญั ชัย เนียมหอม กศน.อาเภอบ้านนา จงั หวัดนครนายกนายชัยวชิ ิต สารญั กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอัธยาศัย

181รายชอ่ื ผู้เข้าร่วมประชมุ ปฏิบัตกิ ารบรรณาธิการต้นฉบบั ชดุ วชิ า รายวิชาเลือกบังคับ และสมุดบนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ รายวชิ าลกู เสอื กศน. ท้งั 3 ระดับการศึกษา คร้งั ท่ี 3 วันที่ 7 – 9 พฤษภาคม 2561 ณ โรงแรมนนทบรุ ี พาเลซ นนทบุรีนางรงุ่ อรุณ ไสยโสภณ ผ้อู านวยการกลุ่มพัฒนาการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัยนางสาววราภรณ์ ศริ ิวรรณ ขา้ ราชการบานาญนางสาวเนาวเรศ นอ้ ยพานชิ ขา้ ราชการบานาญนางนพรตั น์ เวโรจน์เสรีวงศ์ ข้าราชการบานาญ

182 คณะผู้จดั ทาทีป่ รึกษา เลขาธิการ กศน.นายกฤตชยั อรุณรัตน์ รองเลขาธิการ กศน.นางสาววเิ ลขา ลสี ุวรรณ์ ขา้ ราชการบานาญนางสาววราภรณ์ ศริ วิ รรณ ผ้อู านวยการกลุ่มพฒั นาการศึกษานอกระบบนางร่งุ อรณุ ไสยโสภณ และการศกึ ษาตามอธั ยาศัยคณะทางาน หวั หน้ากลุ่มงานพัฒนาสือ่ การเรียนรู้นายศุภโชค ศรรี ัตนศลิ ป์ กลมุ่ พฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั กลมุ่ พัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยันางสาวทิพวรรณ วงค์เรอื น กลุ่มพัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยันางสาวชมพูนท สงั ขพ์ ชิ ยั กลุ่มพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยัผพู้ มิ พ์ต้นฉบบั กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยันางสาวทพิ วรรณ วงค์เรอื น กลมุ่ พัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยันางสาววิยะดา ทองดี กลมุ่ พัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยนางสาวนภาพร อมรเดชาวฒั น์ กลมุ่ พัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยนางวรรณี ศรีศริ ิวรรณกุล กลมุ่ พฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยนางสาวชาลนิ ี ธรรมธิษา กล่มุ พัฒนาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยันางสาวชมพนู ท สงั ขพ์ ิชยันางสาวขวญั ฤดี ลวิ รรโณ กลมุ่ พัฒนาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยผอู้ อกแบบปกนายศภุ โชค ศรรี ตั นศลิ ป์

183


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook