Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เศรษฐกิจพอเพียง ทช21001 ม.ต้น

เศรษฐกิจพอเพียง ทช21001 ม.ต้น

Published by gunlayawong, 2018-12-19 02:15:58

Description: เศรษฐกิจพอเพียง ทช21001
ม.ต้น

Search

Read the Text Version

43 ในปี พ.ศ. จึงหนั มาศึกษาป่ าธรรมชาติบทเทือกเขาภูพานใกลบ้ า้ นบวั บา้ นเกิดและบา้ นทีอยู่ในปัจจุบนั โดยมีผเู้ ฒ่าผแู้ ก่เป็ นผใู้ หค้ วามรู้ จากนันจึงจดั ระบบชีวิตของตนเองและครอบครัวเสียใหม่โดยใชแ้ นวคิด “ยกป่ าภูพานมาไวท้ ีบา้ น” และความคิด “ปลูกทุกอย่างทีกิน กินทุกอยา่ งทีปลกู ” นาํ พืชพนื บา้ นประมาณ ชนิดมาปลกู ในดินของตนเองประมาณ ไร่ ไมใ่ ชส้ ารเคมี ยาฆ่าแมลง ถือเป็ นการ“สร้างป่ าใหม่ใหช้ ีวติ ” และไดข้ ดุ สระนาํ บ่อ เพอื เป็น “แม่นาํ สายใหม่ใหค้ รอบครัว” เมือทดลองไดผ้ ลจึงขยายพืนทีเป็น ไร่เพอื ใหพ้ อเลยี งครอบครัว ซึงมีสมาชิก คน ในพืนทีปลกู ทงั ไมผ้ ล ไมใ้ ชส้ อย ไม้ยนื ตน้ หลายชนิด และเลียงทงั ววั ควาย ไก่พนื บา้ น ในทีสุดก็สามารถปลดหนีสินลกู หลานไม่ตอ้ งออกไปทาํ งานนอกบา้ น “พ่อฝึกใหล้ กู ๆ ทุกคนเป็นคนประหยดั ใหข้ จดั วตั ถนุ ิยม ใหช้ ืนชมความเป็นไท ไมใ่ ฝ่ ใจในการเป็นทาส ใหส้ ามารถพงึ พาตนเอง พงึ พาธรรมชาติดว้ ยความเคารพเพือชีวติ และสิงแวดลอ้ ม”ชีวติ คอื การศึกษา การศึกษาเพอื ชีวติ ในช่วงปี พ.ศ. – ศนู ยข์ อ้ มลู ทอ้ งถนิ วิทยาลยั ครูสกลนคร (ปัจจุบนั คือ สถาบนั ราชภฏัสกลนคร) ร่วมกบั สถาบนั พฒั นาชนบทอีสาน ไดร้ ่วมกนั ศึกษาวิจยั กลุ่มชนชาติพนั ธุ์เผ่ากะเลิงบา้ นบัวตาํ บลกุดบาก โดยส่ง นายธวชั ชัย กุณวงษ์ บณั ฑิต อาสาสมคั รเข้ามาศึกษาอย่ใู นชุมชนเป็ นเวลา ปีนายธวชั ชยั กุณวงษ์ ไดต้ ระหนักถึงภูมิปัญญาในหมู่ผนู้ ําชาวบ้านหลายคน เช่น พ่อเลก็ กุดวงค์แก้ว,พ่อเสริม อุดมนา, นายประหยดั โททุมพล, นายคา กดุ วงคแ์ กว้ จากการตงั กลุ่มพดู คุยวิเคราะห์ปัญหาในวง“โส” หรือสนทนากนั อยา่ งเป็นทางการ ก่อใหเ้ กิดแนวความคิดร่วมกนั ในการแกป้ ัญหาทีเกิดขนึ กบั ตนเองและชุมชน จึงไดร้ วมกลุ่มกนั ในปี พ.ศ. โดยตงั ชือกลุ่มว่า “กลุ่มกองทุนพนั ธุ์ไมพ้ ืนบา้ น” ซึงในช่วงแรกไดร้ ่วมกนั ไปศกึ ษาดูงานการเพาะพนั ธุ์หวายทีอาํ เภอวาริชภูมิ จงั หวดั สกลนคร จาํ นวน คนส่วนใหญ่เป็ นคนบา้ นบวั หลงั จากกลบั มาจากการศึกษาดูงานแลว้ นายเลก็ เป็ น ใน คนจากกลุ่มทีเริมทาํ การเพาะขยายพนั ธุห์ วายพืนบา้ นเอง โดยไดร้ ับทุนสนับสนุนจากมลู นิธิหม่บู า้ น จาํ นวน ,บาททางกลมุ่ ไดน้ าํ ไปซือถงุ ดาํ เพือใชเ้ พาะกลา้ ไมพ้ นื บา้ นมาแจกจ่ายใหก้ บั สมาชิกกลุ่ม โดยสมาชิกกลุ่มจะเพาะขยายพนั ธุ์ไมพ้ ืนบา้ นแลว้ ส่งให้กองทุนกลางร้อยละ จากการดาํ เนินงานมา ปี ก่อให้เกิดกองทุนกลางเพมิ ขึนเป็น , บาท ในปี พ.ศ. เปลียนชือจาก “กลุ่มกองทุนพนั ธุไ์ มพ้ ืนบา้ น” เป็ น “กลุ่มอินแปง” ซึงพ่อบวั ศรีศรีสูง ปราชญช์ าวบา้ นจงั หวดั มหาสารคามเป็ นผตู้ งั ให้ เนืองจากเห็นว่าทีบา้ นบวั มีพืชพนั ธุ์ธญั ญาหารผลหมากรากไมแ้ ละนาํ ท่าอดุ มสมบูรณ์ หากแปลตามหลกั พุทธศาสนา คาํ ว่า “อิน” แปลว่า ผใู้ หญ่ คาํ ว่า“แปง” แปลว่า สร้าง “เราเป็นผใู้ หญ่ก็ควรสร้างสิงต่างๆ ไวเ้ พือลกู หลานทงั เรืองการพึงตนเอง การสร้างแนวคิด การกระทาํ เพือใหช้ ีวิตมีความสุข ถา้ แปลตามภาษาทอ้ งถินก็คือ พระอินทร์ หรือ เทวดาเป็ นผสู้ ร้างสิงต่างๆ ไวใ้ หก้ บั พวกเราไดอ้ ยไู่ ดก้ ิน” ปี พ.ศ. กลุม่ กองทุนพนั ธุไ์ มพ้ นื บา้ นไดน้ าํ กองทุนไปซือทีดินเพือเป็นสถานทีในการติดต่อประสานงาน แลกเปลียนภูมิปัญญา ศึกษาทดลองทาํ กิจกรรมต่างๆ

44เพือสนับสนุนการพฒั นาชุมชนและหมู่บา้ นของตนจาํ นวน ไร่ งาน และได้ทาํ โครงการเลียงหมูพนื บา้ นเพอื สร้างรายไดเ้ สริมใหส้ มาชิกของกลุม่ ต่อมาในปี พ.ศ. - กลุ่มอินแปงไดด้ าํ เนินการตามวตั ถุประสงคห์ ลกั ในการพฒั นาชนบทอย่างยงั ยนื ในพืนทีรอบป่ าเทือกภูพาน และได้มีคนรุ่นใหม่ทีอย่ใู นชุมชนเขา้ มาทาํ หน้าทีประสานงานให้กับกลุ่มอินแปง และประสานความร่ วมมือกับหน่วยงานของรัฐในท้องถินมากขึน โดยเริ มประสานงานกบั สาํ นักงานปฏิรูปทีดินเพือการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ศูนยศ์ ึกษาและพฒั นาวนศาสตร์ชุมชนที , สถาบนั วจิ ยั และฝึกอบรมการเกษตรสกลนคร และไดป้ ระสานความร่วมมือกนั เป็ นเครือข่ายเกษตรกรรมนิเวศภูพาน โดยมีชุมชนเขา้ ร่วมเครือข่าย คน จาํ นวน คน โดยการส่งเสริมการเกษตรแบบยงั ยนื การศกึ ษาและวจิ ยั การขยายพนั ธุไ์ มพ้ นื บา้ นทีมีอย่รู อบเทือกเขาภูพาน และการแปรรูปพืชผกัผลไมพ้ นื บา้ น ปลายปี พ.ศ. เครือข่ายอินแปงไดร้ ับการจัดการจดั สรรกองทุนจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิงแวดลอ้ ม กระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละสิงแวดลอ้ ม ภายใต้ “โครงการอนุรักษ์ป่ าภูพานดว้ ยเครือข่ายเกษตรกรรมนิเวศ” จาํ นวน , บาท ปี พ.ศ. ไดร้ ับการสนบั สนุนจากกองทุนสิงแวดลอ้ ม (UNDP) ให้ทุนส่งเสริมพลงั งานและเทคโนโลยที ีเหมาะสมในระบบเกษตรกรรมนิเวศ จาํ นวน , บาท ปลายปี พ.ศ. ไดท้ าํ การขยายเครือข่าย โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กรมวิเทศสหการและ UNDP ภายใต้ “โครงการเพิมขีดความสามารถในการพฒั นาการเกษตรแบบยงั ยนื ” ในพืนที ตาํ บล อาํ เภอ ในจงั หวดั สกลนคร ปี พ.ศ. ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนทางสังคม (SIF-MENU) หรื อโครงการจัดสวสั ดิการชุมชนเร่งด่วนเพือผยู้ ากลาํ บาก จาํ นวน ลา้ นบาท โดยแยกบริหารตามเครือข่าย ปัจจุบนั เครือข่ายอินแปงมีการขยายเครือข่ายเพิมขึนทุกปี ในช่วงปี พ.ศ. มีสมาชิกในเครือข่ายในพืนทีรอบป่ าเทือกเขาภูพาน จงั หวดั คือ สกลนคร กาฬสินธุ์ และอุดรธานี ซึงอย่ใู นพืนทีจงั หวดั สกลนคร อาํ เภอ คือ อาํ เภอกดุ บาก อาํ เภอภพู าน อาํ เภอนิคมนาํ อูน อาํ เภอพรรณนิคมและอาํ เภอวาริชภูมิ ในพืนทีจังหวดั กาฬสินธุ์ อาํ เภอ คือ อาํ เภอคาํ ม่วง และพืนทีจังหวดั อุดรธานี อาํ เภอ คืออาํ เภอวงั สามหมอ จาํ นวนสมาชิกในครอบครัว ครอบครัว และยงั มีการขยายเครือข่ายต่อไปเรือยๆสร้างกระบวนการเรียนรู้ สู่การปฏบิ ตั ิ นายเล็ก ให้ความสําคัญต่อการเรี ยนรู้ สู่การปฏิบัติจริ ง โดยใช้วิธีการรวมกลุ่ม เพือจัดกระบวนการเรียนรู้ ปลกู จิตสาํ นึก พร้อมขยายเครือข่ายการเรียนรู้ ดงั คาํ กล่าวของนายเลก็ ทีว่า “อยากได้ชา้ งป่ า ก็เอาชา้ งไปต่อ ถา้ อยากไดค้ นชนิดเดียวกนั กต็ อ้ งเอาคนไปต่อ คนแบบเดียวกบั เรามีอยดู่ ว้ ยกนั ทุกชุมชน เพียงแต่เราตอ้ งไปคน้ หาเขาทงั นนั ”

45 ปัจจุบนั กลุ่มอนิ แปงอยใู่ นสมาชิกเครือข่ายภมู ิปัญญาไท ซึงถือเป็ นเครือข่ายระดบั ชาติ มีสมาชิกเป็นเครือข่ายองคก์ รชุมชน ระดบั อาํ เภอ และจงั หวดั อยทู่ ุกภาคของประเทศ มีการเดินทางไปศึกษาดูงานแลกเปลียนความรู้ และในปี พ.ศ. เครือข่ายภูมิปัญญาไทไดร้ ่วมกนั พฒั นา “แผนแม่แบบชุมชน”ขึนมาจากประสบการณ์ของชุมชนเพือเป็นกรอบและทิศทางในการพฒั นาชุมชน โดยแบ่งเป็น ประเด็นคือ การเกษตร สิงแวดลอ้ ม สุขภาพชุมชน อุตสาหกรรม ธุรกิจชุมชน กองทุนและสวสั ดิการชุมชนและการเรียนรู้ นายเล็ก กุดวงค์แกว้ นับเป็ นบุคคลทีสมควรได้รับการยกย่องในฐานะทีท่านเป็ น “ปราชญ์ชาวบา้ น” และเป็นผนู้ าํ ตามธรรมชาติของชุมชน ผลงานทีโดดเด่นของนายเลก็ คือการเผยแพร่ความคิดในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยประยุกต์ภูมิปัญญาท้องถินผสานกับแนวคิดทางพุทธศาสนาแนวความคิดของนายเลก็ สามารถนาํ ไปปฏิบตั ิและก่อใหเ้ กิดผล อีกทงั ยงั สัมพนั ธก์ ับวิถีเศรษฐกิจของชาวบา้ น บนพนื ฐานของการใชช้ ีวิตอยา่ งพออยู่ พอกิน คาํ ดงั กล่าวของผเู้ ฒ่าผแู้ ก่ชาวกะเลิงทีว่า “ภูพานคือชีวิต วงและมิตรคือพลงั พึงตนเองคือความหวงั ธรรมชาติยงั เพือชีวิตและชุมชน” (ผลงานรางวลัลกู โลกสีเขียว ครังที ปี http://pttinternet.pttplc.com) ปัจจุบนั บทบาทหลกั ของนายเลก็ กุดวงคแ์ กว้ ในขณะนี คือ การขยายแนวความคิดและสร้างเครือข่าย ส่วนงานภายในกลุ่มอินแปง สามารถดาํ เนินงานละกาํ หนดแนวความคิดของตนเอง รวมทงั กลุ่มเยาวชน “เด็กกะเลิงรักป่ า” ทีมีกิจกรรมหลกั เพือให้เยาวชนไดส้ ืบทอดแนวคิด วิถีชีวิต วฒั นธรรมของชุมชน นบั เป็นการเผยแพร่ ถา่ ยทอด ผลงานทีประสบผลสาํ เร็จจากรุ่นสู่รุ่น . ชุมชนทีประสบผลสาํ เร็จและได้รับการเผยแพร่ ผลงานการปฏิบัติตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งชุมชนบ้านจาํ รุง ต้นแบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง

46 บา้ นจาํ รุง ตงั อยหู่ มู่ ที 7 ตาํ บลเนินฆอ้ อาํ เภอแกลง จงั หวดั ระยอง ภาคตะวนั ออกของประเทศไทยดว้ ยสภาพความเป็นอยใู่ นชุมชน เนน้ การพงึ พาตนเอง จนเป็ นทียอมรับและเป็ นตวั อย่างทีดี มีผมู้ าศึกษาดงู าน แลกเปลียนเรียนรู้ตลอดทงั ปี หม่บู า้ นจาํ รุงส่งเสริมให้ประชาชน ไดน้ าํ ผกั พืนบา้ นมารับประทานอาทิ ดอกอญั ชนั ยอดมะระ ขมินชนั ชะอม ใบชะพลู ใบบวั บก ยอดเสมด็ แดง ฯลฯ ใชป้ ระกอบเป็ นอาหารหลกั รวมถึงชวนเชิญนักท่องเทียวทีเขา้ มาเป็ นลูกค้าของร้านสม้ ตาํ จาํ รุง ได้บริโภคผกั พืนบา้ นเหล่านี จนกระทงั ไดเ้ ป็ นสัญลกั ษณ์ของชุมชน ทีนักท่องเทียวรู้จกั และคุน้ เคย กลุ่มผสู้ ูงอายุบ้านจาํ รุงเป็นตวั อยา่ งของการรวมกลุ่ม เพอื สร้างสรรค์ผลิตภณั ฑ์คุณภาพมากมาย อาทิ ผลิตขา้ วซอ้ มมือบรรจุถุงจาํ หน่ายในร้านคา้ ของชุมชน เพอื ส่งเสริมใหป้ ระชาชนมีสุขภาพทีดี โดยมีโรงสีขา้ วชุมชนเองมีการผลิตขา้ วซอ้ มมืออยา่ งต่อเนือง และนาํ เศษแกลบราํ ส่งใหก้ บั กลุ่มเกษตรกรพนื บา้ นทาํ ป๋ ุยชีวภาพ และนาํ ปลายขา้ วขายใหก้ บั กล่มุ ผเู้ ลยี งตะพาบนาํ นอกจากนี บา้ นจาํ รุงยงั ก่อตงั กลุ่มธนาคารขยะ ผคู้ นในชุมชนไดเ้ ห็นคุณค่าของเศษของทีเหลอื ใช้แมแ้ ต่ขยะมกี ารรวมกลมุ่ กนั จดั ตงั กลมุ่ ธนาคารขยะและสิงแวดลอ้ มรับซือขยะทุกประเภทมีการคดั แยกขยะแต่ละประเภท สามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ ทาํ ใหเ้ ดก็ เยาวชนไดร้ ับรู้ถงึ ขยะสิงของเหลือใชป้ ลกู ฝังค่านิยม ทศั นคติในการรักษส์ ิงแวดลอ้ ม เมือมคี นมาศึกษาดูงาน กลมุ่ ผใู้ ชน้ าํ จะรวมตวั กนั ทาํ อาหารเลยี งรับรอง โดยใชผ้ กั พืนบา้ นเป็นอาหารหลกั ใหร้ ับประทาน รายไดน้ าํ ไปเป็นกองทุนพฒั นาหม่บู า้ นนอกจากนีบา้ นจาํ รุงยงั มกี ารบริการทีพกั ชุมชนโฮมสเตย์ ใหก้ บั นกั ท่องเทียว ผสู้ นใจในวิถชี ีวติ ทีเนน้ การพงึ พาตนเอง ไดม้ าสมั ผสั และแลกเปลียนเรียนรู้ซึงกนั และกนั ทงั นีการบริหารจดั การชุมชน โดยมแี กนนาํทีมศี กั ยภาพ สามารถพฒั นาสงั คมชุมชนทีพร้อมต่อการเรียนรู้ นาํ ภมู ิปัญญาทอ้ งถนิ มาผสมผสานกบัเทคโนโลยใี หม่ ๆ นาํ มาปรับใชใ้ นปี 2548 ไดน้ าํ ชุมชน เครือข่ายชุมชน ผนู้ าํ ชุมชน เขา้ สู่โครงการมาตรฐานชุมชน (มชช.) และสามารถผา่ นการประเมนิ จากคณะกรรมการ ติดตามประเมินผล ระดบั อาํ เภอระดบั จงั หวดั เป็นจุดนาํ ร่องตน้ แบบ เผยแพร่ แนะนาํ ชุมชน อนื ๆ เพือเขา้ สู่การประเมินมาตรฐานชุมชนในปี ต่อ ๆ ไป จุดเริมตน้ ของการพฒั นาหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพียง เริมจากการจดั ตงั ร้านคา้ ชุมชน จากการระดมหุน้ กนั ครังแรกเพอื จดั ตงั ร้านคา้ ชุมชนขึน กองทุนพฒั นาหมบู่ า้ นไดเ้ งินทงั สิน , บาท และมีสมาชิกเป็นคนในชุมชน คน ร้านคา้ หม่บู า้ นดาํ เนินการในลกั ษณะสหกรณ์ชุมชน เพอื จาํ หน่ายสินคา้ อปุ โภคบริโภคต่าง ๆ ทงั จากภายนอก และสินคา้ การเกษตร ผลผลิต สินคา้ แปรรูปทีผลติ ไดใ้ นชุมชนเอง ร้านคา้ชุมชนจึงเป็นช่องทางในการจาํ หน่ายสินคา้ จากผผู้ ลติ ถึงผบู้ ริโภคโดยตรง ผใู้ หญ่ชาติชายบอกว่าบา้ นจาํ รุงมวี งจรการผลติ จาํ หน่าย และบริโภคกนั ในชุมชน ถา้ ชาวบา้ นในชุมชนเขา้ ใจถงึ ความสาํ คญั ของระบบเศรษฐกิจชุมชน บา้ นจาํ รุงกจ็ ะสามารถพงึ ตนเองได้ ไมต่ อ้ งกงั วลวา่ เมอื ผลิตมาแลว้ จะขายใหใ้ คร หรือเราตอ้ งไปซือสินคา้ จากใคร เพราะบา้ นจาํ รุงสามารถสร้างผลติ ขาย และบริโภคไดเ้ อง ผลกาํ ไรทีไดก้ ็ไหลเวยี นอยใู่ นชุมชน เป็นเงินทีจะใชพ้ ฒั นาชุมชนต่อไป ร้านคา้ ชุมชนตงั อยบู่ นพนื ทีเดียวกบั ศนู ยก์ ารเรียนรู้ของชุมชนและผสุ้ ูงอายบุ า้ นจาํ รุง สถานทีแรกทีเราไดพ้ บกบั ผใู้ หญ่บา้ นชาติชาย เป็นทงั สถานที

47ทาํ งานและพกั ผอ่ นหยอ่ นใจของชาวบา้ นจาํ รุง และเป็นทีทีเราไดเ้ ห็นรอยยมิ ไดย้ นิ เสียงหวั เราะดงั อยเู่ ป็นระยะ ๆ จนเราอดอมยมิ ตามไปดว้ ยไม่ได้ ร้านคา้ ชุมชนเลก็ แห่งนีมีกาํ ไรเพมิ ขึนทุกปี มยี อดขายปี ละหลายลา้ นบาท เมอื ถึงเวลาปันผลประจาํ ปี ผลกาํ ไรทีไดจ้ ะถกู แบ่งออกเป็น ส่วน ส่วนแรกร้อยละ จะเกบ็เป็นกองทุนพฒั นาหมบู่ า้ น ร้อยละ จ่ายคืนใหแ้ ก่ผถู้ ือหุน้ ตามจาํ นวนหุน้ และอกี ร้อยละ จ่ายคืนใหแ้ ก่ผซู้ ือสินคา้ ตามสดั ส่วนการซือ ซือมากไดม้ าก ซือนอ้ ยไดพ้ อประมาณ พอไดย้ นิ เรืองจาํ นวนเงินปันผลแลว้ เราก็กระซิบถามผใู้ หญ่บ้านว่าคนนอกเข้าหุ้นด้วยได้หรือไม่ ผูใ้ หญ่ชาติชายตอบทันควนั ว่าได้แน่นอน ทีผา่ นมาก็มชี าวบา้ นหมอู่ ืนมาเขา้ หุน้ ดว้ ย แลว้ ถึงแมว้ า่ จะมีร้านคา้ ชุมชนแลว้ แต่บางครอบครัวก็อาจจะเปิ ดร้านคา้ อยา่ งเดียวกนั นีอกี กไ็ ด้ ไม่ไดม้ ีการบงั คบั หรือจะเป็ นการขดั ใจกนั อยา่ งไรเพียงแต่ให้ระบบเศรษฐกิจชุมชนนียงั คงอยู่ และเติบโตขึนเรือย ๆ อยา่ งนอ้ ยก็เป็ นการแบ่งกนั ปันกนั ในชุมชน และกระตุน้ ใหเ้ กิดวงจรการพฒั นาอืน ๆ ตามมาอีกมากมายจากผลกาํ ไรของร้านคา้ ชุมชนทีอยใู่ นกองทุนพฒั นาหมบู่ า้ น เพราะชุมชน มกี องทุน มเี งินทีจะลงทุนทาํ กิจกรรมต่าง ๆ ใหเ้ กิดเป็ นผลผลิตทีสอดคลอ้ งกบั เหตุและผลตามแนวทางวิถชี ีวิตของตนเอง เราจะไดพ้ บเห็นลกั ษณะการดาํ เนินงานแบบร่วมมือร่วมใจรู้เก็บ รู้แบ่งปันอยา่ งเดียวกบั ร้านคา้ ชุมชนนีในกลุ่มกิจกรรมอืน ๆ อีกมากมายมากกว่า กลุ่มกิจกรรมในชุมชนบา้ นจาํ รุง นอกจากนนั ยงั มีการจดั ตงั กลุม่ กิจกรรมการผลติ เช่น การรวมกลมุ่ เกษตรกร เพอื สร้างเครือข่ายความเขม้ แขง็ กล่มุ กิจกรรมการผลติ กล่มุ แรก และคาดว่าจะเป็นกลุ่มทีใหญ่ทีสุดกค็ ือการกลมุ่ ต่าง ๆ ของเกษตรและชาวสวน ในชุมชนบา้ นจาํ รุงมีการรวมกลุ่มของเกษตรกร ชาวสวน กล่มุ ต่างมากมายตามกลุ่มอาชีพของแต่ละคน อยา่ งทีกลา่ วไปแลว้ วา่ บางคนอาจสงั กดั มากกวา่ 1 กลมุ่ เพือสร้างเครือข่าย สร้างความเขม้ แข็งใหก้ บั เกษตรกรชาวสวนในชุมชน มกี ารแลกเปลียนเรียนรู้ระหวา่ งกนั และยงั เป็นเครือข่ายกบักลุ่มกิจกรรมอืน ๆ ไดอ้ ีก อยา่ งทีผใู้ หญ่บา้ นบอกเราวา่ ทีบา้ นจาํ รุงไมม่ ีสิงใดเหลือใชห้ รือสูญเปลา่ ถา้ เกบ็นาํ มาใชใ้ นกระบวนการใดไดก้ จ็ ะถกู ส่งต่อใหก้ บั กลุ่มกิจกรรมทีจะสามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้อยา่ งเช่น เศษแกลบ เศษรําจากโรงสีขา้ วชุมชนของกลุ่มผสู้ ูงอายกุ ็จะถกู ส่งต่อใหก้ ลมุ่ เกษตรพืนบา้ นนาํ มาทาํ ป๋ ุยอนิ ทรีย์ และนาํ หมกั ชีวภาพ กลุม่ เกษตรกรชาวสวนกจ็ ะนาํ ป๋ ุยอินทรียแ์ ละนาํ หมกั ชีวภาพจากกลุ่มเกษตรพืนบา้ นทีขายในร้านคา้ ชุมชนมาใช้ ส่วนปลายขา้ วทีเหลอื จากกลมุ่ ผสู้ ูงอายกุ ถ็ กู ส่งต่อใหก้ ลมุ่ ผใู้ ช้ตะพาบนาํ เช่นกนั ทงั เกษตรกรชาวสวนและกลมุ่ ผเู้ ลยี งตะพาบนาํ ร่วมถึงชาวบา้ นจาํ รุงทุกคนก็จะไดท้ านขา้ วจากกลุ่มผสู้ ูงอายทุ ีขายในร้านคา้ ชุมชน เราตืนเตน้ และทึงกบั วงจรความสมั พนั ธน์ ีไปชวั ขณะ ก่อนทีจะนึกขึนไดว้ า่ ยงั ไม่จบเพยี งนนั เพราะเมอื ถงึ เวลาทีร้านคา้ ชุมชนจะปันผลทุกคนกจ็ ะไดร้ ับเงินปันผลจากยอดการซือของตวั เองอกี ดว้ ย ผใู้ หญ่บอกว่า ถา้ เป็นนกั วชิ าการอาจเรียกว่าห่วงโซ่แห่งคุณค่ากว็ ่าได้ ต่อมา กม็ ีการจดั ตงั กลมุ่ เกษตรพนื บา้ นเพือสุขภาพชุมชน ผใู้ หญ่ชาติชายบอกวา่ บทเรียนทีไดร้ ับจากการปลกู พชื เชิงเดียว ประกอบกบั ขอ้ มลู ทีไดจ้ ากการเกบ็ ขอ้ มลู ในชุมชน ทาํ ใหช้ ุมชนบา้ นจาํ รุงเลิกการใชส้ ารเคมหี นั กลบั มาหาองคค์ วามรู้และภูมปิ ัญญาทีมีอยใู่ นชุมชน เรียนรู้ทีจะพงึ พาทรัพยากรธรรมชาติของตนเอง มรี ะบบทนุ นิยมของตนเอง ทุนทางสงั คมนิยมกบั ทุนวฒั นธรรมนิยม

48บทเรียนจากพชื เชิงเดียวและสารเคมเี ป็นจุดเปลยี นทีสาํ คญั ครังหนึงของบา้ นจาํ รุง ชุมชนเริมทาํ ความเขา้ ใจกบั การทาํ การเกษตรแบบผสมผสาน เพือปรับสมดุลใหก้ บั ระบบนิเวศน์และสุขภาพชุมชน กล่มุ เกษตรพืนบา้ นจึงถือกาํ เนิดขึนในวนั ที 10 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2543 จาํ นวนสมาชิกแรกก่อตงั10 คนเพอื ดาํ เนินการส่งเสริมการทาํ เกษตรแบบปลอดสารพิษในชุมชน ทาํ ป๋ ุยหมกั สกดั สารชีวภาพเพือไลแ่ มลง รวมทงั ทาํ นาํ หมกั ชีวภาพไวใ้ ชใ้ นกลุ่มและจาํ หน่ายให้ผสู้ นใจ และทีสาํ คญั ทีสุดคือกลุ่มเกษตรพนื บา้ นเป็นกล่มุ ทีปลกู ผกั พืนบา้ นปลอดสารพิษจากแปลงเกษตรสาธิตแลว้ นาํ ไปขายใหก้ บั ร้านสม้ ตาํจาํ รุง เอาไวบ้ ริการให้ชาวบา้ นในชุมชนและนกั ท่องเทียวได้ทานคู่กบั ส้มตาํ บางส่วนกระจายขายในชุมชนโดยคุณป้ าหน่วง พนักงานขายผกั พืนบา้ นในชุมชน และทาํ นาํ ดอกอญั ชนั สีสวยใสไวใ้ หแ้ ก่นักเดินทางอยา่ งเราดืมให้ชืนใจ กลุ่มเกษตรพืนบา้ นเป็ นเจา้ ของรายการวิทยชุ ุมชนรายการหนึง เพือใช้ประชาสมั พนั ธเ์ ผยแพร่ความรู้และรณรงค์เกียวกบั การทาํ เกษตรปลอดสารพิษในบา้ นจาํ รุง คุณยายอุทยัประธานกลุ่มและนักจดั รายการวิทยุของกลุ่มเป็ นตวั อย่างทีทาํ ให้เราเชือว่าผกั ปลอดสารพิษและผกัพนื บา้ นตอ้ งทาํ ใหท้ งั ชาวบา้ นในชุมชน และระบบนิเวศของบา้ นจาํ รุงมีสุขภาพทีทงั กายและใจไม่แพค้ ุณยายแน่นอน กล่มุ เกษตรพนื บา้ นแมจ้ ะเป็นกลุม่ เลก็ ๆ แต่กม็ กี ารประชุมแลกเปลียนความคิดเห็น รายงานผลการดาํ เนินงานร่วมกนั ระหวา่ งสมาชิกและผนู้ าํ ชุมชนเช่นเดยี วกบั กลุ่มกิจกรรมอนื ในบา้ นจาํ รุง คุณยายอทุ ยั บอกว่าทุกวนั พุธ สปั ดาห์ที 2 ของเดือน สมาชิกในกลมุ่ จะมาประชุมร่วมกนั และประชุมร่วมกบั กลมุ่ อืนในวนั ที 15 ของทุกเดือน คุณยายอุทยั และสมาชิกในกลุ่มเกษตรพืนบา้ นเรียกไดว้ ่าเป็ นผชู้ าํ นาญการดา้ นการทาํ เกษตรชีวภาพ ขอ้ มลู เกียวกบั เกษตรชีวภาพของคุณยายลว้ น แต่เป็นสิงใหม่ทีเรายงั ไม่เคยรู้มาก่อนคุณยายบอกว่าถา้ ไม่รู้ก็ตอ้ งอา่ น หมนั แสวงหาความรู้อยเู่ สมอ เป็นการฝึกสมองไม่ใหอ้ ่อนลา้ ไปตามวยั นอกจากนี ทุนนิยมกบั แปรรูปผลผลิตในชุมชน ก็เป็นปัจจยั หนึงทีใหป้ ระสบความสาํ เร็จหากถามคนเมืองอยา่ งพวกเราว่ามสี ินคา้ อปุ โภคบริโภคชนิดใดบา้ งทีเราผลิตเองและใชเ้ องไดใ้ นบา้ นกว่าผถู้ ามจะไดค้ าํ ตอบก็คงใชเ้ วลานานพอควร แลว้ สุดทา้ ยคาํ ตอบส่วนใหญ่คงคลา้ ยกนั คือ ไม่มีเลย เราตอ้ งซือทุกอยา่ งจากหา้ งสรรพสินคา้ จากตลาด หรือจากแหล่งกระจายสินคา้ ใดกต็ าม เพราะเราเป็นส่วนหนึงของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม กระแสทุนนิยมเขา้ ช่วงชิงความสามารถในการพงึ ตนเองของมนุษย์มานานหลายทศวรรษ ไมเ่ ฉพาะในเขตเมืองเท่านนั แต่ยงั รุกรานมาถึงชุมชนในชนบททีเคยมีความสามารถในการพงึ ตนเองจากทรัพยากรภายในชุมชน เมอื ราคาผลผลติ ในชุมชนถกู กาํ หนดจากพ่อคา้และระบบเศรษฐกิจ วนั ใดทีราคาพืชผลตกตาํ เกษตรผผู้ ลติ กจ็ ะประสบปัญหาขายพชื ผลไม่ไดร้ าคาทีเหมาะสมทนั ที ผใู้ หญ่ชาติชายบอกวา่ นนั เพราะชุมชนพงึ พาภายนอกมากเกินไป ระบบเศรษฐกิจ สงั คมภายนอกจึงเป็นตวั กาํ หนดความเป็นไปในชุมชน แทนทีชาวบา้ นในชุมชนทีเป็นเจา้ ของจะกาํ หนดวิถีชีวิตของตนเอง ความไม่มนั คงในชีวติ จึงเกิดขึน ในปี พ.ศ. 2526 เมือบา้ นจาํ รุงประสบกบั ภาวะราคาพืชผลทางการเกษตรตกตาํ ทงั ยงั มโี รคมแี มลงทาํ ลายสวนผลไมข้ องชาวบา้ น เป็นประสบการณ์ทีทาํ ใหค้ วามไมม่ นั คงในชีวิตอนั เกิดจากการพงึ พาภายนอกมากกว่าตนเองปรากฏเด่นชดั ขึนภายในชุมชน จึงมีการตงั กล่มุ สตรีอาสา แม่บา้ นเกษตรกร

49จาํ รุงขึน เพือรวมตวั กนั แปรรูปผลผลติ ตามฤดูกาลใหข้ ายราคาดีขึนและเก็บไวไ้ ดน้ านขึน เป็นกา้ วแรกของการทาํ กิจกรรมกลุ่มในชุมชน เพอื การพึงตนเอง และเขา้ ไปเป็นส่วนหนึงในการกาํ หนดราคาสินคา้แปรรูปทางการเกษตรในชุมชน โดยเริมจากการทาํ ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน ขนุนทอด กลว้ ยกรอบแกว้จากของหวานจนกระทงั มาถึงของคาว ทงั กะปิ นาํ ปลารสชาติดี สะอาด และทีสาํ คญั ปลอดสารปนเปื อนนอกจากการแปรรูปสินคา้ บริโภคแลว้ กลุ่มแม่บา้ นเกษตรกรจาํ รุงยงั ช่วยกนั ผลิตสินคา้ อุปโภค เช่นแชมพสู ระผมจากดอกอญั ชนั นาํ ยาลา้ งจาน นาํ ยาซกั ผา้ เพอื การพึงตนเองและลดรายจ่ายในครอบครัวสินคา้ อุปโภคบริโภคทีไดจ้ ากการแปรรูปทงั หมดมจี าํ หน่ายใหแ้ ก่ชุมชนและบุคคลภายนอกผา่ นร้านคา้ชุมชน ปัจจุบนั บา้ นจาํ รุงมที ุนทางสงั คมทีไดจ้ ากการเรียนรู้เรืองของการพึงพาตนเองมากวา่ 20 ปี เตม็มกี ลุ่มกิจกรรมมากกวา่ 20 กล่มุ มีประสบการณ์ต่าง ๆ มีบุคลากรทีมีความเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มภี ูมิปัญญาทอ้ งถนิ มีประเพณีวฒั นธรรมชุมชนบา้ นจาํ รุง จึงเป็นอกีหนึงหมบู่ า้ นเศรษฐกิจพอเพยี งทีน่าชืนชมอยา่ งยงิ (หนงั สือพมิ พเ์ ดลินิวส์ 10 กุมภาพนั ธ์ 2552)ชุมชนไม้เรียง ชุมชนไมเ้ รียง เป็นตาํ บลเลก็ ๆ แห่งหนึง ขนาดพืนทีประมาณ 45 ตารางกิโลเมตร อยใู่ นอาํ เภอฉวาง จงั หวดั นครศรีธรรมราช มปี ระชากรจาํ นวนประมาณ 1,382 ครัวเรือน และประกอบอาชีพทาํ สวนยางพาราเป็นหลกั มาตงั แต่บรรพบุรุษ โดยเฉพาะหลงั จากทีรัฐมนี โยบายส่งเสริมการเกษตรเชิงพาณิชย์ดว้ ยการปลกู ยางพาราเป็นพืชเดียว และทาํ ใหว้ ถิ ชี ีวิตของชาวไมเ้ รียงขึน อยกู่ บั ยางพาราตงั แต่นนั เป็นตน้ มาความหวงั และชีวิตของชาวบา้ นยงิ ผกู ติดกบั ยางพาราอยา่ งแนบแน่นมากขึน หลงั จากทีชุมชนไมเ้ รียงประสบวาตภยั แหลมตะลมุ พกุ ในปี พ.ศ. 2505 วาตภยั ครังนนั ไดท้ าํ ใหพ้ นื ทีป่ าไมแ้ ละสวนยางเดิมรวมทงั พนื ทีเพาะปลกู ของชุมชนไมเ้ รียงถกู ทาํ ลายราบเรียบ ชาวบา้ นจึงไดข้ ยายพืนทีการทาํ สวนยางพารามากขึน เพือทดแทนพนื ทีการเกษตรและพนื ทีป่ าไมท้ ีถกู ทาํ ลาย โดยปลกู ยางขึนมาใหมจ่ ากการสนบั สนุนดา้ นทุนและพนั ธุย์ าง ของกองทุนสงเคราะหก์ ารทาํ สวนยาง

50 ชีวิตทีขึนอยกู่ บั ยางพารา เมือถงึ เวลาทีราคายางตกตาํ มาก ชาวชุมชนไมเ้ รียงซึงเป็นชาวสวนยางขนาดเลก็ ทีไมค่ ่อยจะพอกินอยแู่ ลว้ ยงิ เดือนร้อนอยา่ งหนกั หนีสินลน้ พน้ ตวั บางคนถึงขนาดลม้ ละลายตอ้ งขายสวนยาง ชาวชุมชนไมเ้ รียงนาํ โดยประยงค์ รณรงค์ จึงไดพ้ ดู คุยและร่วมกนั วิเคราะหว์ ่าปัญหาคืออะไร สาเหตุของปัญหามาจากอะไร แนวทางแกไ้ ขปัญหาควรเป็นเช่นใด และใครควรเป็นผมู้ ีส่วนร่วมในการแกป้ ัญหา จากการวเิ คราะหส์ ภาพปัญหาและหาทางออก ร่วมกนั ของชาวชุมชนไมเ้ รียง พบว่า ปัญหาทีเกิดขึนของเกษตรกรชาวสวนยาง คือ ทาํ ไมชาวสวนยางจึงมีแต่ความยากจน ขณะทีพ่อคา้ ยางไมว่ า่เจา้ ของโรงรมยาง หรือผคู้ า้ ยางต่างกร็ ํารวยจากการประกอบธุรกิจยางพารา ซึงจากการวเิ คราะห์ปัญหาโดยอาศยั ประสบการณ์ทีผา่ นมาของชาวบา้ น พบว่า การทีเกษตรกรขายยางในราคาถกู นนั เนืองจากถกู กดราคาจากพอ่ คา้ คนกลางหลายชนั อีกทงั ปัญหาหลกั คือการทีชาวสวนยางขาดความรู้ทงั ดา้ นการจดั การและดา้ นขอ้ มลู ข่าวสาร ไมร่ ู้ภาวะตลาด โดยเกษตรกรเป็นเพียงผผู้ ลิตเท่านนั และอกี ส่วนหนึงมาจากการผลิตยางแผน่ ของชาวบา้ น ยงั ไม่มคี ุณภาพและไม่มมี าตรฐานเพียงพอ ดงั นนั แนวทางการแกป้ ัญหา จึงตอ้ งมกี ารรวมกล่มุ เกษตรกรเพอื ร่วมกนั ปรับปรุงคุณภาพยางแผน่ ทีมีการควบคุมคุณภาพ และใชเ้ ทคโนโลยีในการผลติ เพือใหข้ ายยางปริมาณมากๆ ใหไ้ ดร้ าคาและมคี ุณภาพ เป็นทีตอ้ งการของตลาด ในเวลาต่อมาประยงค์ รณรงค์ และชาวบา้ นกลมุ่ หนึง จึงไปศกึ ษาดูงานโรงงานยางแผน่ อบแหง้ขององคก์ ารสวนยางนาบอน และโรงงานของเอกชนเมือปี พ.ศ.2525 และเกิดความมนั ใจว่าการประกอบกิจการโรงงาน เพอื แปรรูปยางน่าจะเป็นคาํ ตอบของการแกไ้ ขปัญหาทงั ดา้ น การควบคุมการผลติ และการตดั ปัญหาพอ่ คา้ คนกลาง หลงั จากนนั พวกเขาจึงไดร้ วมกลมุ่ ประชุมปรึกษาหารืออกี หลายครัง เพอื หาขอ้ สรุปเรียนรู้จากการศึกษาดงู าน และวางแผนดาํ เนินการเพอื จดั ตงั โรงงานแปรรูปยาง โดยกาํ หนดขนาดของโรงงานและกาํ ลงั การผลิตภายใตท้ ุนและกาํ ลงั ทีมีอยู่ พร้อมกบั การทาํ งานดา้ นความคิดกบั ชาวบา้ นดว้ ยการพดู คุยทาํ ความเขา้ ใจเพอื สร้างแนวร่วมและระดมทุนจนในทีสุด “กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางไมเ้ รียง”คุณภาพและปริมาณนาํ ยาง ทีขึนอยกู่ บั ดินฟ้ าอากาศ หรือปัญหาดา้ นนโยบายของรัฐ เป็นตน้ จากการจึงก่อเกิดขนึ มา เมอื วนั ที 1 มถิ นุ ายน 2527 และเริมทาํ การผลิตเป็นครังแรก เมือวนั ที 20 ตุลาคม 2527ดว้ ยสมาชิกก่อตงั จาํ นวน 37 คน มกี าํ ลงั การผลิตยางอบแหง้ วนั ละ 500 กิโลกรัม จนปัจจุบนั สามารถขยายสมาชิกเป็น 179 คน และมกี าํ ลงั การผลติ สูงสุดไดถ้ ึงวนั ละ 5 ตนั เรียนรู้ประสบการณ์การบริหารธุรกจิ ชุมชน โครงสร้างของ “กล่มุ เกษตรกรชาวสวนยางไมเ้ รียง” ประกอบดว้ ย คณะกรรมการบริหารทีมาจากการเลือกตงั จากสมาชิก และสมาชิกของกล่มุ และจา้ งผจู้ ดั การ พนกั งานประจาํ และแรงงานในโรงงานเพอื ทาํ หนา้ ทีดาํ เนินการธุรกิจของกลมุ่ ภายใตก้ ารกาํ กบั ติดตามของกรรมการบริหาร และประชุมใหญ่สมาชิกทุกปี เพือชีแจงผลงานและแสดงบญั ชี สาํ หรับดา้ นการจดั การนนั ทางกลุม่ ฯ จะรับซือนาํ ยางจากสมาชิก และนาํ มาแปรรูปเป็นยางแผน่ ส่งขายใหก้ บั พอ่ คา้ ทงั นีมีการทาํ บญั ชีดา้ นการเงินอยา่ งชดั เจนอีกทงั เงินหมนุ เวยี นทีใชใ้ นการซือขาย ค่าตอบแทน และรายไดจ้ ากการขายสินคา้ ไดใ้ ชก้ ลไกผา่ นธนาคารเพือสร้างเครดิตและสร้างความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนียงั มกี ารติดตาม ราคา

51ยางพาราและขอ้ มลู ข่าวสารเกียวกบั ความตอ้ งการ ยางพาราของตลาดโลก และติดตามดา้ นนโยบายของรัฐทีเกียวขอ้ ง ทาํ ใหท้ างกลุ่มฯ รู้เท่ากนั ต่อขอ้ มลู ข่าวสารและการเปลียนแปลง ตลอดเวลาทีดาํ เนินธุรกิจ ทางกลุม่ ฯ ไมเ่ คยผดิ พลาดหรือมีปัญหาดา้ นคุณภาพสินคา้ และการส่งมอบแมว้ ่าบางครังจะมีปัญหาปริมาณการผลิตไม่เพยี งพอก็พยายามจดั การแกไ้ ขปัญหา เพอื ไมใ่ หผ้ ดิ สญั ญาและเสียเครดิต โดยก่อนหนา้ ทีจะมวี กิ ฤตเศรษฐกิจ ทางกลมุ่ ฯ ไดข้ ายสินคา้ ใหก้ บั บริษทั ผสู้ ่งออกโดยตรงมาโดยตลอด ดว้ ยการเสนอสินคา้ ตวั อยา่ งใหก้ บั ผสู้ ่งออกและคดั เลือกผสู้ ่งออกทีเสนอตวั มา ขณะนีแมว้ า่จะไม่ไดค้ า้ ขายกบั ผคู้ า้ ส่งออก กข็ ายใหก้ บั บริษทั ผคู้ า้ รายใหญ่ของภาคใต้ จากโรงงานยางแปรรูปสู่การผลติ เพอื การพงึ ตนเอง การดาํ เนินการต่างๆ ของกล่มุ เกษตรกรชาวสวนยางไมเ้ รียงตงั แต่ ปี 2527 ไมใ่ ช่สูตรสาํ เร็จ แต่เกิดขนึ จากกระบวนการเรียนรู้ของชาวชุมชนไมเ้ รียงเอง ทีมีจิตใจมงุ่ การเรียนรู้อยา่ งไม่รูจ้ บเพือสรุปบทเรียนและแกป้ ัญหาทีเกิดขึนพร้อมทงั เตรียมรับมือต่อปัญหาใหมๆ่ ลองผดิ ลองถกู เพอื หาขอ้ สรุปร่วมกนั ประกอบกบั การมีผนู้ าํ ซือสตั ยส์ ุจริต รับผดิ ชอบต่อส่วนรวม ทาํ ใหก้ ลุม่ ฯ สามารถดาํ เนินธุรกิจอยา่ งต่อเนืองมาถงึ 16 ปี (พ.ศ.2527-2543) อยา่ งไรกต็ ามแมว้ ่าทางกลุม่ เกษตรกรชาวสวนยางไมเ้ รียงจะสามารถ แกป้ ัญหาดา้ นคุณภาพยาง การขาย และการลดตน้ ทุนการผลิต แต่ปัญหาอืนๆ ทีนอกเหนือจากความสามารถในการจดั การภายในยงั มีอยไู่ ม่สินสุด เช่น ปัญหาความตอ้ งการของตลาดโลก ปัญหาพดู คุยปรึกษาหารือกนั อยา่ งสมาํ เสมอ พวกเขาจึงไดค้ าํ ตอบใหม่วา่ ยางพาราไมส่ ามารถเป็นคาํ ตอบเดียวสาํ หรับการดาํ รงชีวิต ประกอบกบั ขอ้ จาํ กดั ของการดาํ เนินการธุรกิจเฉพาะสมาชิกของกลมุ่ เกษตร ทียงั ไมส่ ามารถขยายสมาชิกเพิมเติมไดเ้ นืองจาก กาํ ลงั รับซือยงั มีไมเ่ พยี งพอ แตส่ ิงสาํ คญั ทีสุด คือ ความสุข ความอยดู่ กี ินดีและความสามารถในการพงึ ตนเองของชาวชุมชนไมเ้ รียง “ศูนย์ศึกษาและพฒั นาชุมชนไม้เรียง” จึงเกิดขึนมา เพือเป็นเวทีการแลกเปลียนเรียนรูข้ องชาวชุมชนไมเ้ รียง ในดา้ นต่างๆ ไดแ้ ก่ ดา้ นการศกึ ษาดา้ นเกษตรกรรมยงั ยนื และสิงแวดลอ้ ม ดา้ นสาธารณสุขชุมชน ดา้ นธุรกิจและอตุ สาหกรรมชุมชน และดา้ นกองทุนชุมชน ทงั นี มี \"สภาผนู้ าํ ชุมชนไมเ้ รียง\" ทีมาจากตวั แทนของหมบู่ า้ นต่างๆ หมบู่ า้ นละ 5 คนรวมเป็น 40 คน ประกอบดว้ ย ทงั หญิงและชาย และคนรุ่นหนุ่มสาว รุ่นผใู้ หญ่วยั กลางคน และรุ่นอาวโุ สทาํ หนา้ ทีบริหารและร่วมกนั จดั ทาํ แผนพฒั นาชุมชนขึน โดยกิจกรรมหนึงของแผนพฒั นาชุมชนไมเ้ รียงทีเป็นการเปลียนทิศทาง ของเกษตรกรรมแผนใหม่ทีมุง่ เนน้ การปลกู พืชเชิงเดียว และฝากชีวติ ไวก้ บั ยางพารา มาเป็นการแสวงหาความหลากหลายของการประกอบอาชีพการเกษตร และมุ่งเนน้ การพงึ ตนเองไดภ้ ายในชุมชนเป็นหลกั คือ การพฒั นาความสามารถของเกษตรกรและเสริมสร้างเศรษฐกจิ ชุมชน ประกอบดว้ ย กิจกรรมการเกษตร 8 กิจกรรมไดแ้ ก่ กลุ่มเพาะเลียงปลา กลุ่มผกั ปลอดสารพษิ กลุ่มแปรรูปขา้ ว กลมุ่ เพาะเลยี งไกพ่ นื เมอื ง กล่มุ ผลติอาหารสตั ว์ กลุม่ เพาะเลยี งสุกร กลมุ่ สมนุ ไพร และกลุ่มเพาะเลยี งเห็ด

52 กลมุ่ กิจกรรมต่างๆ เหล่านี มีวตั ถปุ ระสงคช์ ดั เจนในการผลติ เพือการพึงตนเองของชุมชนและเชือมโยงกบั ตลาดภายนอก โดยผา่ นการจดั การของแต่ละกล่มุ ทีมีองคก์ รบริหารของตน โดยแต่ละกิจกรรมมกี ารวิเคราะห์ความตอ้ งการและความเป็นไปไดข้ องการผลิตและการตลาด ตลอดจนการประมาณการส่วนแบ่งของตลาดภายใน ของชุมชนไมเ้ รียงทีมีจาํ นวนหนึงพนั กว่าครอบครวั รวมไปถึงการเชือมโยงสู่เครือข่ายต่างๆ ในระดบั อาํ เภอ ระดบั จงั หวดั ระดบั ภาค และระดบั ประเทศ นอกจากนีแต่ละกลุ่มยงั มกี ารสอดประสาน ของกิจกรรมและปัจจยั นาํ เขา้ ทีมีอยภู่ ายในชุมชนอยา่ งเป็นระบบ เช่นกลุ่มผลติ อาหารสตั วท์ าํ หนา้ ทีส่งอาหารคุณภาพดี ราคาถกู ว่าทอ้ งตลาดใหก้ บั กลมุ่ เลยี งสตั วป์ ระเภทต่างๆกลุ่มเพาะเลยี งเห็ด ไดข้ ีเลอื ยจากไมย้ างพารา หรือการมุง่ ผลติ ไก่สามสายเลอื ดไมเ้ รียง ทีเป็นพนั ธุผ์ สมจากไก่พนั ธุไ์ ข่ พนั ธุเ์ นือ และไก่พนื บา้ น เพอื เป็นการลดตน้ ทุนใหไ้ ดม้ ากทีสุด นอกจากนี ต่อไปสินคา้ทุกประเภทต่อไปจะอยภู่ ายใต้ ชือ \"ไมเ้ รียง\" อนั เป็นการเปิดตวั สินคา้ ต่อตลาดภายนอก สาํ หรับดา้ นแหล่งเงินทุนนนั ในเบืองตน้ ชาวชุมชนไมเ้ รียงไดร้ ับการสนบั สนุนจากกองทุนชุมชน (SIF) และมีการระดมทุนจากการขายหุน้ ใหก้ บั สมาชิกกลมุ่ โดยต่อไปจะมกี ารสนบั สนุนดา้ นเงินทุนจากธนาคารหม่บู า้ น และกลุม่ ออมทรัพยต์ ่างๆ ทีไดจ้ ดั ตงั ขึนมาแลว้ ทงั นี ในอนาคตผนู้ าํ ชุมชนคาดหวงั ว่า กลมุ่ กิจกรรมแต่ละกิจกรรมนีอาจส่งผลใหม้ กี ารตงั บริษทั ชุมชนไมเ้ รียงทีมีชาวบา้ นร่วมเป็นเจา้ ของ ร่วมบริหาร และร่วมรับผลประโยชนข์ ึนอกี 8 บริษทั ก็เป็นไปได้ เครือข่ายการเรียนรู้และมวลมติ ร ปัจจุบนั ชุมชนไมเ้ รียง มเี ครือข่ายต่างๆ มากมาย ตงั แต่ระดบั ตาํ บล อาํ เภอ จงั หวดั จนถงึระดบั ประเทศ โดยเครือข่ายดงั กลา่ ว ไดแ้ ก่ เครือข่ายยางพารา เครือข่ายยมนา (ชาวสวนยางพารา-ชาวสวนไมผ้ ล-ชาวนา) เครือข่ายภมู ปิ ัญญาไท เครือข่ายสาธารณสุขชุมชน นอกจากนีชุมชนไมเ้ รียงยงั เป็นแหล่งศกึ ษาดงู านชุมชนเขม้ แข็งใหก้ บั ชุมชนต่างๆ ทวั ประเทศ อกี ทงั การดาํ รงอยขู่ องชุมชนนนั ไม่ไดม้ คี วามโดดเดียวหรือต่อสูแ้ ต่เพียงลาํ พงั แต่ไดร้ ับการสนบั สนุนทงั ดา้ นเงินทุน ดา้ นคาํ ปรึกษา ดา้ นการประสานงาน และดา้ นการอาํ นวยความสะดวกใหเ้ กิดกระบวนการเรียนรู้ ทงั จากองคก์ รพฒั นาเอกชนไดแ้ ก่ มลู นิธิหมบู่ า้ น ทีไดท้ าํ งานในพนื ทีตงั แต่ปี พ.ศ.2532 และจากองคก์ รภาครัฐ อยา่ งเช่น องคก์ รบริหารส่วนจงั หวดั ทีจดั สรรงบประมาณในการก่อสร้างโรงงานยางแห่งใหม่ เกษตรจงั หวดั -อาํ เภอ-ตาํ บลกองทุนชุมชน ฯลฯ การถ่ายทอด เผยแพร่ สิงทีเกิดขึนจากกระบวนการเรียนรู้อนั ยาวนาน ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีของชุมชนไมเ้ รียง แมจ้ ะไมค่ รบถว้ นสมบูรณ์ แต่สิงทีคน้ พบจากการศึกษาครังนีคือ การสร้างกระบวนการเรียนรู้ และความใส่ใจ ความตนื ตวั ทจี ะเรียนรู้ของชุมชนอยา่ งยนื หยดั และต่อสูก้ บั ปัญหาร่วมกนั อนั เป็นปัจจยั สาํ คญั ทีสุดของการดาํ เนินงานธุรกิจชุมชน โดยมสี ่วนต่างๆ ทงั ภาครัฐและภาคเอกชนหนุนช่วยใหก้ ระบวนการเรียนรู้บงั เกิดผล ขณะทีผลกาํ ไรจากการประกอบการซึงเป็นเรืองรองลงมา แต่กม็ ีความสาํ คญั เพราะเป็นตวั ขบั เคลือนใหก้ ลมุ่ อยรู่ อด และทีสาํ คญั อกี ประการหนึงคือ การมีจิตสาธารณะแยกแยะ ประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวมของผนู้ าํ ทงั นี ปัจจยั ต่างๆ เหลา่ นีแมว้ า่

53ไม่อาจเป็นสูตรสาํ เร็จ แต่อยา่ งนอ้ ยทีสุดบทเรียนจากไมเ้ รียงก็สามารถเป็นแนวทาง ในการสนบั สนุนธุรกิจชุมชนในพนื ทีอืนๆ ต่อไป (สถาบนั ชุมชนทอ้ งถนิ พฒั นา (สทพ.) http://www.ldinet.org/2008/)เรืองที การสร้างเครือข่ายการประกอบอาชีพและการดําเนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เครือข่าย (Network) เป็นรูปแบบทางสงั คมทีเปิ ดโอกาสใหเ้ กิดปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างองคก์ ารเพือการแลกเปลียน การสร้างความเป็นอนั หนึงอนั เดียวกนั และการร่วมกนั ทาํ งานโดยมีฐานะเท่าเทียมกนั การสร้างเครือข่ายการทาํ งานเป็นวธิ ีการทาํ งานทีไดร้ ับความนิยมทงั ในภาคธุรกิจและในการทาํ งานเชิงพฒั นาสงั คม นอกเหนือจากคาํ วา่ \"เครือข่าย\" หรือ \"Network\" ในทางดา้ นธุรกิจ เราจะไดย้ นิ คาํ เรียกชือต่าง ๆ ทีมีความหมายใกลเ้ คียง เช่น คาํ วา่ แนวร่วมในเชิงกลยทุ ธ์ หรือ Strategic Alliance หุน้ ส่วนในการทาํ งานหรือ Partner เป็นตน้ ลกั ษณะของเครือข่าย โดยทวั ไปมีลกั ษณะ ดงั นี เครือข่ายมลี กั ษณะเป็ นโครงสร้างทางความคดิ (Cognitive structures) ไม่วา่ จะพฒั นาไปถงึระดบั ใด บุคคลทีเกียวขอ้ งในองคก์ รเครือข่ายจะมีกรอบความคิดเกียวกบั องคก์ รเครือข่ายใกลเ้ คียงกนัในดา้ นความรู้ความสามารถและความตอ้ งการ องค์กรเครือข่ายไม่มลี าํ ดบั ขัน (Hierarchy) การเชือมโยงระหวา่ งองคก์ รเครือข่ายเป็นไปในลกั ษณะแนวราบ แต่ละองคก์ รเป็นอิสระต่อกนั แต่ระดบั ความเป็นอสิ ระของแต่ละองคก์ รอาจไม่เท่ากนั องค์กรเครือข่ายมกี ารแบ่งงานกนั ทํา (Division of labour) การทีองคก์ รเขา้ มาร่วมเป็นเครือข่ายกนัเพราะส่วนหนึงคาดหวงั การพึงพงิ แลกเปลยี นความสามารถระหว่างกนั ดงั นนั หากองคก์ รใดไมส่ ามารถแสดงความสามารถใหเ้ ป็นทีประจกั ษ์ ก็อาจหลุดออกจากเครือข่ายได้ ในทางตรงกนั ขา้ มหากไดแ้ สดงความสามารถ ก็จะนาํ ไปสู่การพึงพิงและขึนต่อกนั การแบ่งงานกนั ทาํ ทงั ยงั เป็นการลดโอกาสทีองคก์ รใดองคก์ รหนึงจะแสดงอาํ นาจเหนือเครือข่ายดว้ ย ความเข้มแข็งขององค์กรทรี ่วมกนั เป็ นเครือข่าย จะนาํ ไปสู่ความเขม้ แขง็ โดยรวมของเครือข่ายดงั นนั การพฒั นาของแต่ละองคก์ รเครือข่าย จึงเป็นสิงสาํ คญั องค์กรเครือข่ายกาํ หนดการบริหารจดั การกนั เอง (Self-regulating) ในการทาํ งานร่วมกนั ในลกั ษณะแนวราบ จาํ เป็นตอ้ งมีความสมานฉนั ท์ โดยผา่ นกระบวนการทางประชาธิปไตย ซึงหมายถึงการต่อรอง ตกลงระหวา่ งองคก์ รเครือข่ายเกียวกบั การบริหารจดั การภายใน เพือใหเ้ ครือข่ายสามารถบรรลุวตั ถุประสงคไ์ ด้ ความสําเร็จขององค์กรเครือข่ายมใิ ช่จะได้มาเพยี งชัวข้ามคนื แต่ตอ้ งอาศยั ระยะเวลา ในการบ่มเพาะความสมั พนั ธ์ ความศรัทธา และความไวเ้ นือเชือใจ ตลอดจนการสร้างกรอบทางความคิด เพอื ให้เกิดการแลกเปลยี นขอ้ มลู ข่าวสาร การแกไ้ ขปัญหาร่วมกนั อยา่ งสร้างสรรค์ รวมทงั การดาํ เนินการร่วมกนัระหวา่ งองคก์ ร

54การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ของชุมชนอย่างเป็ นระบบ (1) สนบั สนุนการถา่ ยทอดและแลกเปลยี นประสบการณ์การเรียนรู้ระหว่างคนในชุมชนเดียวกนั และระหวา่ งองคก์ รชุมชนดว้ ยกนั ในทุกรูปแบบโดยเนน้ การใชป้ ระโยชน์จากภมู ิปัญญาทอ้ งถนิหรือปราชญช์ าวบา้ นทีมอี ยู่ และมีการรับรองวิทยฐานะของการเรียนรู้ ดงั กลา่ ว (2) ส่งเสริมการดาํ เนินงานในลกั ษณะวิทยาลยั ประชาคม ทีทาํ หนา้ ทีจดั การศึกษาและฝึกอาชีพแก่ประชาชนและเจา้ หนา้ ทีผปู้ ฏิบตั ิงานในชุมชนในรูปแบบทีหลากหลายตามความสนใจและความถนดัโดยไมจ่ าํ กดั พืนฐานความรู้ (3) ส่งเสริมใหอ้ งคก์ รทางสงั คมทุกฝ่ าย เช่น สถาบนั ครอบครัว สถาบนั ทางศาสนา สือมวลชนสถาบนั การศึกษาทงั ส่วนกลางและภมู ภิ าค ฯลฯ เขา้ มามสี ่วนร่วมในการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ของชุมชน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ บทบาทของบา้ น วดั โรงเรียนการสร้างเครือข่ายการประกอบอาชีพและการดาํ เนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช (รัชกาลที ) ไดพ้ ระราชทานพระราชดาํ ริเกียวกบั เศรษฐกิจพอเพียง และทรงยดึ มนั หลกั การนีมาโดยตลอด แต่นโยบายเกียวกบั เกษตรทีผา่ นมาของรัฐบาลเนน้ การ ผลิตสินคา้ เพอื ส่งออกเป็นเชิงพาณิชย์ คือ เมือปลกู ขา้ วกน็ าํ ไปขาย และก็นาํ เงินไปซือขา้ ว เมอื เงินหมดก็จะไปกู้ เป็นอยา่ งนีมาโดยตลอดจนชาวนาไทยตกอยใู่ นภาวะหนีสิน พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที ) ทรงตระหนกั ถงึ ปัญหาดา้ นนี จึงไดพ้ ระราชทานพระราชดาํ ริใหจ้ ดั ตงั ธนาคารขา้ ว ธนาคารโค-กระบือ เพอื ช่วยเหลอื ราษฎร นบั เป็นจุดเริมตน้ แห่งทีมาของ “เศรษฐกิจพอเพียง” นบั ตงั แต่อดีตกาล แมก้ ระทงั โครงการแรก ๆ แถวจงั หวดั เพชรบุรี กท็ รงกาํ ชบัหน่วยราชการมใิ หน้ าํ เครืองกลหนกั เขา้ ไปทาํ งาน รับสงั วา่ หากนาํ เขา้ ไปเร็วนกั ชาวบา้ นจะละทิงจอบเสียม และในอนาคตจะช่วยตวั เองไม่ได้ ซึงก็เป็นจริงในปัจจุบนั จากนนั ไดท้ รงคิดคน้ วธิ ีการทีจะช่วยเหลือราษฎรดา้ นการเกษตร จึงไดท้ รงคิด“ทฤษฎีใหม”่ขึนเมือปี 2535 ณ โครงการพฒั นาพืนทีบริเวณวดั มงคลชยั พฒั นาอนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริจงั หวดัสระบุรี เพอื เป็นตวั อยา่ งสาํ หรับการทาํ การเกษตรใหแ้ ก่ราษฎร ในการจดั การดา้ นทีดินและแหลง่ นาํ ในลกั ษณะ 30 : 30 : 30 : 10 คือ ขุดสระและเลยี งปลา 30 ปลกู ขา้ ว 30 ปลกู พืชไร่พชื สวน 30 และสาํ หรับเป็นทีอยอู่ าศยั ปลกู พชื สวนและเลยี งสตั วใ์ น 10 สุดทา้ ย ต่อมาไดพ้ ระราชทานพระราชดาํ ริเพมิ เติมมาโดยตลอด เพือใหเ้ กษตรกร ซึงเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีความแขง็ แรงพอก่อนทีจะไปผลิตเพอื การคา้ หรือเชิงพาณิชย์ โดยยดึ หลกั การ“ทฤษฎีใหม”่ 3 ขนั คือ ขันที 1 มคี วามพอเพยี ง เลียงตวั เองได้ ขันที 2 รวมพลงั กนั ในรูปกลุม่ เพือการผลติ การตลาด การจดั การ รวมทงั ดา้ นสวสั ดิการ การศกึ ษา การพฒั นาสงั คม ขันที 3 สร้างเครือข่าย กลมุ่ อาชีพและขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจทีหลากหลาย จากแนวทางหลกั การ “ทฤษฎีใหม”่สามารถนาํ สู่แนวคิดระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง ทีนาํ ไปใชไ้ ดก้ บั ทุกภาคส่วนในสงั คมชุมชน ดงั นี

55 ขันทีหนึง มคี วามพอเพยี ง เลียงตวั เองไดบ้ นพนื ฐานของความประหยดั ขจดั การใชจ้ ่ายเป็นระบบเศรษฐกิจทียดึ ถือหลกั การทีว่า “ตนเป็นทีพงึ แห่งตน” โดยมุ่งเนน้ การผลิตพืชผลใหเ้ พียงพอกบัความตอ้ งการบริโภคในครัวเรือนเป็นอนั ดบั แรกเมอื เหลอื พอจากการบริโภคแลว้ จึงคาํ นึงถึงการผลิตเพือการคา้ เป็นอนั ดบั รองลงมา ผลผลติ ส่วนเกินทีออกสู่ตลาดกจ็ ะเป็นกาํ ไรของเกษตรกร ในสภาพการณ์เช่นนีเกษตรกรจะกลายสถานะเป็นผกู้ าํ หนดหรือเป็นผกู้ ระทาํ ต่อตลาด แทนทีว่าตลาดจะเป็นตวั กระทาํหรือเป็นตวั กาํ หนดเกษตรกรดงั เช่นทีเป็นอยใู่ นขณะนี และหลกั ใหญ่สาํ คญั ยงิ คือ การลดค่าใชจ้ ่ายโดยการสร้างสิงอปุ โภคบริโภคในทีดินของตนเอง เช่น ขา้ ว นาํ ปลา ไก่ ไมผ้ ล พชื ผกั ฯลฯ ขันทีสอง รวมพลงั กนั ในรูปกลมุ่ เพือทาํ การผลิต การตลาด การจดั การ รวมทงั ดา้ นสวสั ดิการการศึกษา การพฒั นาสงั คม ฯลฯ ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงใหค้ วามสาํ คญั กบั การรวมกลุ่มของชาวบา้ น ทงั นี กลมุ่ ชาวบา้ นหรือองคก์ รชาวบา้ นจะทาํ หนา้ ทีเป็นผดู้ าํ เนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆใหห้ ลากหลาย ครอบคลมุ ทงั การเกษตรแบบผสมผสาน หตั ถกรรมการแปรรูปอาหาร การทาํ ธุรกิจคา้ ขายและการท่องเทียวระดบั ชุมชน ฯลฯ เมอื องคก์ รชาวบา้ นเหลา่ นีไดร้ ับการพฒั นาใหเ้ ขม้ แขง็ และมีเครือข่ายทีกวา้ งขวางมากขึนแลว้ เกษตรกรทงั หมดในชุมชนก็จะไดร้ ับการดูแลใหม้ รี ายไดเ้ พมิ ขึน รวมทงัไดร้ ับการแกไ้ ขปัญหาในทุก ๆ ดา้ น เมอื เป็นเช่นนี เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศกจ็ ะสามารถเติบโตไปไดอ้ ยา่ งมเี สถียรภาพ ซึงหมายความวา่ เศรษฐกิจสามารถขยายตวั ไปพร้อม ๆ กบั สภาวการณ์ดา้ นการกระจายรายไดท้ ีดีขึน ขันทีสาม สร้างเครือข่ายกลุม่ อาชีพและขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหห้ ลากหลาย โดยประสานความร่วมมอื กบั ภาคธุรกิจ ภาคองคก์ รพฒั นาเอกชน และภาคราชการ ในดา้ นเงินทุน การตลาด การผลิตการจดั การ และข่าวสารขอ้ มลู ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพยี งตงั อยบู่ นพนื ฐานของการมีความเมตตาความเออื อาทร และความสามคั คีของสมาชิกในชุมชนในการร่วมแรงร่วมใจเพือประกอบอาชีพต่าง ๆใหบ้ รรลผุ ลสาํ เร็จ ประโยชนท์ ีเกิดขึน จึงมิไดห้ มายถึงรายไดแ้ ต่เพียงมิติเดียว หากแต่ยงั รวมถึงประโยชน์ในมติ ิอนื ๆ ดว้ ย ไดแ้ ก่ การสร้างความมนั คงใหก้ บั สถาบนั ครอบครัว สถาบนั ชุมชน ความสามารถในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิงแวดลอ้ ม การพฒั นากระบวนการเรียนรู้ของชุมชนบนพืนฐานของภูมิปัญญาทอ้ งถนิ รวมทงั การรักษาไวซ้ ึงขนบธรรมเนียมประเพณีทีดีงามของไทยใหค้ งอยตู่ ลอดไป นอกจากนี การสร้างเครือข่ายใหป้ ระสบผลสาํ เร็จ จาํ เป็นตอ้ งมกี ารสร้างความผกู พนั และความรับผดิ ชอบต่อการสร้างเครือข่ายร่วมกนั เองใชเ้ วลา ตอ้ งเคารพและความไวว้ างใจซึงกนั และกนั เป็นสิงสาํ คญั และตอ้ งพึงระลกึ ไวเ้ สมอว่าในภาพรวม องคก์ รทีร่วมเครือข่ายจะตอ้ งไดร้ ับประโยชน์จากการสร้างเครือข่าย ตอ้ งหมนั สรุปบทเรียนการทาํ งาน วเิ คราะห์จุดแขง็ จุดออ่ นต่างๆ และตอ้ งจาํ ไวเ้ สมอวา่ในช่วงการร่วมเป็นเครือข่ายหรือประสานงานกนั สถานการณ์อาจมีการเปลียนแปลง เราตอ้ งตระหนกั ถงึปัญหา และมีความยดึ หยนุ่ พอสมควร ทีสาํ คญั ทีสุดคือ ตอ้ งมคี วามรับผดิ ชอบในความสาํ เร็จ หรือความลม้ เหลวร่วมกนั

56เรืองที กระบวนการขับเคลอื นเศรษฐกิจพอเพยี ง “...ในการพฒั นาประเทศนนั จาํ เป็นตอ้ งทาํ ตามลาํ ดบั ขนั เริมดว้ ยการสร้างพนื ฐาน คือ ความพอมีพอกิน พอใชข้ องประชาชนก่อนดว้ ยวธิ ีการทีประหยดั ระมดั ระวงั แต่ถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ า เมอื พนื ฐานเกิดขึนมนั คงพอควรแลว้ จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญขนั สูงขึนตามลาํ ดบั ต่อไป ...การถอื หลกั ทีจะส่งเสริมความเจริญใหค้ ่อยเป็นไปตามลาํ ดบั ดว้ ยความรอบคอบ ระมดั ระวงั และประหยดั นนั ก็เพือป้ องกนั ความผดิ พลาดลม้ เหลว และเพือใหบ้ รรลผุ ลสาํ เร็จไดแ้ น่นอนบริบรู ณ์” พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช (รัชกาลที )ในพิธีพระราชทานปริญญาบตั รของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ กรกฎาคม จากพระบรมราโชวาทและพระราชดาํ รัสของพระองค์ นบั ตงั แต่ปี เป็ นตน้ มา จะพบว่า พระองคท์ ่านไดท้ รงเน้นยาํ แนวทางการพฒั นาทีอยบู่ นพนื ฐานของการพึงตนเอง ความพอมพี อกิน พอมีพอใช้ การรู้จกั ความพอประมาณการคาํ นึงถงึ ความมีเหตุผล การสร้างภูมคิ ุม้ กนั ทีดีในตวั และทรงเตือนสติประชาชนคนไทยไม่ให้ประมาทตระหนกั ถึงการพฒั นาตามลาํ ดบั ขนั ตอนทีถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ ตลอดจนมคี ุณธรรมเป็นกรอบในการดาํ รงชีวิตซึงทงั หมดนีเป็นทีรู้กนั ภายใตช้ ือว่า เศรษฐกิจพอเพยี ง การขบั เคลือนเศรษฐกิจพอเพียง มเี ป้ าหมายหลกั เพอื สร้างเครือข่ายเรียนรู้ ใหม้ กี ารนาํ หลกัเศรษฐกิจพอเพียงไปใชเ้ ป็นกรอบความคิด เป็นแนวทางในการปฏิบตั ิ ตลอดจนเป็นส่วนหนึงของวิถชี ีวติของคนไทยในทุกภาคส่วน วตั ถุประสงคข์ องการขบั เคลือนเพือสร้างความรู้ความเขา้ ใจทีถกู ตอ้ ง เกียวกบั หลกั เศรษฐกิจพอเพยี งใหป้ ระชาชนทุกคนสามารถนาํ หลกั ปรัชญาฯ ไปประยกุ ตใ์ หไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม และปลกู ฝังปรับเปลียนกระบวนทศั น์ในการดาํ รงชีวิตใหอ้ ยบู่ นพนื ฐานของเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนนาํ ไปสู่การปรับแนวทางการพฒั นาใหอ้ ยบู่ นพนื ฐานของเศรษฐกิจพอเพียง การขบั เคลอื นเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นการเสริมพลงัใหป้ ระเทศไทยสามารถพฒั นาไปไดอ้ ยา่ งมนั คงภายใตก้ ระแสโลกาภิวฒั น์ โดยใหค้ วามสาํ คญั กบั การสร้างฐานรากทางเศรษฐกิจและสงั คมใหเ้ ขม้ แขง็ รักษาความสมดุลของทุนและทรัพยากรในมิติต่างๆ ตลอดจนสามารถปรับตวั พร้อมรับต่อการเปลียนแปลงต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งเท่าทนั และนาํ ไปสู่ความอยเู่ ยน็ เป็นสุขของประชาชนชาวไทย การดาํ เนินการตามแนวทางหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนนั นอกเหนือจากทีทรงทดลองและปฏิบตั ิจริงในสวนจิตรลดาฯ และโครงการพระราชดาํ ริต่าง ๆ แลว้ ไดม้ ีผสู้ นใจนาํ มาใชเ้ ป็นหลกั ในการดาํ เนินชีวิตทงั ในประเทศและต่างประเทศแลว้ มากมาย ซึงเราจาํ เป็นทีจะตอ้ งเขา้ ไปศึกษาหาวา่ ในแต่ละพนื ทีไดม้ ีผนู้ าํ เอาปรัชญานีไปใชอ้ ยา่ งไรบา้ ง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ ทีนาํ ไปใชแ้ ลว้ ประสบความสาํ เร็จ

57การขบั เคลอื นเศรษฐกจิ พอเพยี งด้านการศึกษา ในการขบั เคลอื นปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในภาคการศกึ ษานนั จะตอ้ งมงุ่ พฒั นาทีตวั ครูก่อนเป็นอนั ดบั แรก เพราะครูถือว่าเป็นทรัพยากรทีสาํ คญั ในการถา่ ยทอดความรู้ และปลกู ฝังสิงต่างๆ ใหแ้ ก่เด็กดงั นนั จึงควรส่งเสริมครูใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจเกียวกบั หลกั เศรษฐกิจพอเพียงอยา่ งถ่องแทก้ ่อน เพราะเมอื ครูเขา้ ใจ ครูก็จะไดเ้ ป็นแบบอยา่ งทีดีใหแ้ ก่เด็กได้ ครูจะสอนใหเ้ ด็กรู้จกั พอ ครูจะตอ้ งรู้จกั พอก่อนโดยอยอู่ ยา่ งพอเพยี งและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กบั เด็ก โดยเฉพาะอยา่ งยงิ ตอ้ งมสี ติในการเลือกรับขอ้ มลู ต่างๆทีเขา้ มา รู้จกั เลือกรับและรู้จกั ต่อยอดองคค์ วามรู้ทีมอี ยู่ หมนั ศึกษา เพมิ พนู ความรู้ อยา่ งเป็นขนั เป็นตอนไมก่ า้ วกระโดด ในการเลือกรับขอ้ มลู นนั ตอ้ งรู้จกั พจิ ารณารับอยา่ งเป็นขนั เป็นตอน รู้จกั แกไ้ ขปัญหาอยา่ งเป็นขนั เป็นตอน ประเมินความรู้และสถานการณ์อยตู่ ลอดเวลา จะไดร้ ู้จกั และเตรียมพร้อมทีจะรับมือกบั สภาพ และผลจากการเปลียนแปลงในมติต่างๆไดอ้ ยา่ งรอบคอบและระมดั ระวงั เป้ าหมายสาํ คญั ของการขบั เคลอื น คือ การทาํ ใหเ้ ดก็ รู้จกั ความพอเพยี ง ปลกู ฝัง อบรม บ่มเพาะใหเ้ ดก็ มีความสมดุลทางเศรษฐกิจ สงั คม สิงแวดลอ้ มและวฒั นธรรม โดยสอดแทรกแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใหเ้ ขา้ เป็นส่วนหนึงของหลกั สูตร สาระเรียนรู้ต่างๆเพือสอนใหเ้ ดก็ รู้จกั การใชช้ ีวติ ได้อยา่ งสมดุล ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยี ง เห็นคุณค่าของทรัพยากรต่างๆ รู้จกั อยรู่ ่วมกบั ผอู้ ืน รู้จกัเออื เฟื อเผอื แผแ่ ละแบ่งปัน มีจิตสาํ นึกรักษส์ ิงแวดลอ้ ม และเห็นคุณค่าของวฒั นธรรมค่านิยม ความเป็นไทยท่ามกลางการเปลยี นแปลงต่างๆ รู้วา่ ตนเองเป็นองคป์ ระกอบหนึงในสิงแวดลอ้ มและวฒั นธรรมของโลกการกระทาํ ของตนยอ่ มมีผลและเชือมโยงกบั สภาพแวดลอ้ มในโลกทีตนเองเป็นสมาชิกอยดู่ ว้ ย ซึงการจะบรรลุเป้ าหมายดงั กลา่ วขา้ งตน้ สาํ คญั คือครูจะตอ้ งรู้จกั บูรณาการการเรียนการสอนใหเ้ ด็กและเยาวชนเห็นถงึ ความเชือมโยงในมิติต่างๆ ทงั ดา้ นสิงแวดลอ้ ม วฒั นธรรม สงั คม และเศรษฐกิจ ซึงความเป็นองค์รวมนีจะเกิดขึนได้ ครูตอ้ งโดยใชค้ วามรู้และคุณธรรมเป็นปัจจยั ในการขบั เคลือน นอกจากนี ในการส่งเสริมใหน้ าํ หลกั ปรัชญาฯไปใชใ้ นสถานศกึ ษาต่างๆ นนั อาจจะใชว้ ธิ ี“เขา้ ใจ เขา้ ถึง และพฒั นา” ตามหลกั การของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช(รัชกาลที ) ว่า สาํ คญั ทีสุดครูตอ้ งเขา้ ใจเรืองปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงก่อน โดยเขา้ ใจว่าแนวคดิปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งนนั เป็นแนวคิดทีสามารถเริมตน้ และปลกู ฝังไดผ้ า่ นการทาํ กิจกรรมต่างๆในโรงเรียน เช่น กิจกรรมการรักษาสิงแวดลอ้ มในโรงเรียนการกาํ จดั ขยะในโรงเรียนการสาํ รวจทรัพยากรของชุมชนฯลฯ ก่อนอืน ครูตอ้ งเขา้ ใจเรืองเศรษฐกิจพอเพยี ง ทาํ ตวั เป็นแบบอยา่ งทีดี โดยกลบั มาพจิ ารณาและวเิ คราะห์ดูว่า ในตวั ครูนนั มีความไมพ่ อเพียงในดา้ นใดบา้ ง เพราะการวิเคราะห์ปัญหาจะทาํ ใหร้ ู้และเขา้ ใจปัญหา ทีเกิดจากความไม่พอเพียง รวมทงั ควรใหเ้ ด็กมีส่วนร่วมในการวเิ คราะหป์ ัญหาดว้ ย โดยการวเิ คราะห์นีตอ้ งดาํ เนินไปบนพนื ฐานของความรู้และคุณธรรม โดยเฉพาะคุณธรรมนนั เป็นสิงทีควรปลกู ฝังใหเ้ กิดขึนในใจเดก็ ใหไ้ ดก้ ่อน ผา่ นกิจกรรมทีครูเป็นผคู้ ิดขึนมา โดยครูในแต่ละโรงเรียนจะตอ้ งมานงัพจิ ารณาก่อนวา่ จะเริมตน้ ปลกู ฝัง แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจากจดุ ไหน ทุกคนควรมาร่วมกนั

58คิดร่วมกนั ทาํ สามคั คีกนั ในกระบวนการหารือ หลงั จากทีครูไดค้ น้ หากิจกรรมทีจะปลกู ฝังแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแลว้ ครูควรจะตอ้ งตงั เป้ าหมายการสอนก่อนวา่ ครูจะสอนเดก็ ใหร้ ู้จกั พฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งไรโดยอาจเริมตน้ สอนจากกิจกรรมเลก็ ๆนอ้ ยๆ ทีสามารถเริมตน้ จากตวั เดก็ แต่ละคนใหไ้ ดก้ ่อน เช่น การเก็บขยะ การประหยดัพลงั งาน ฯลฯ เพือใหเ้ ด็กไดเ้ รียนรู้ถงึ ความเชือมโยงระหวา่ งปัจจยั ทีตนเองมตี ่อสิงแวดลอ้ มภายนอกในดา้ นต่างๆ 4 มติ ิ ในส่วนของการเขา้ ถึงนนั เมือครูเขา้ ใจแลว้ ครูตอ้ งคิดหาวธิ ีทีจะเขา้ ถึงเด็ก พจิ ารณาดกู ่อนวา่ จะสอดแทรกกิจกรรมการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เขา้ ไปในวธิ ีคิดและในวิชาการต่างๆ ไดอ้ ยา่ งไรทงั นีอาจจดั กิจกรรมกลุม่ ใหน้ กั เรียนไดร้ ่วมกนั คิด ร่วมกนั ทาํ รู้จกั แบ่งหนา้ ทีกนั ตามความสามารถของเดก็ ในแต่ละช่วงชนั เช่น ในกิจกรรมการเก็บขยะเพอื รักษาความสะอาดของโรงเรียนนนั ครูอาจจดั กิจกรรมสาํ หรับเดก็ ในแต่ละช่วงชนั คือ ช่วงชนั ที 1 สร้างกิจกรรมทีสนบั สนุนใหเ้ ดก็ ช่วยกนั เกบ็ ขยะ (ใหเ้ ดก็ รู้หนา้ ทีของตน ในระดบับุคคล) ช่วงชนั ที 2 สร้างกิจกรรมทีสนบั สนุนใหเ้ ดก็ ช่วยกนั เก็บขยะและนบั ขยะ (ใหร้ ู้จกั การวเิ คราะห์และรู้ถึงความเชือมโยงของตนเองกบั สมาชิกคนอืนๆ ในโรงเรียน) ช่วงชนั ที 3 สร้างกิจกรรมทีสอนใหเ้ ด็กรู้จกั เชือมโยงกบั ชุมชนภายนอกรอบๆ โรงเรียน เช่นสร้างกิจกรรมทีสอนใหเ้ ด็กรู้จกั แบ่งแยกขยะ ร่วมมือกบั ชุมชนในการรักษาสิงแวดลอ้ มในพืนทีทีโรงเรียนและชุมชนของเขาตงั อยดู่ ว้ ย กิจกรรมทงั หมดนีสาํ คญั คือ ตอ้ งเนน้ กระบวนการมสี ่วนร่วมของทุกฝ่ าย โดยสถานศึกษาควรตงั เป้ าใหเ้ กิดการจดั การศึกษาตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพยี ง สอดแทรกเขา้ ไปในกระบวนการเรียนรู้สอนใหเ้ ด็กพึงตนเองใหไ้ ดก้ ่อนจนสามารถเป็นทีพงึ ของคนอนื ๆในสงั คมไดต้ ่อไป การจดั การศกึ ษาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง สามารถดาํ เนินการไดใ้ น 2 ส่วน ไดแ้ ก่ ส่วนทีเกียวขอ้ งกบั การบริหารสถานศึกษา ส่วนที เป็นการจดั การเรียนรู้ของผเู้ รียน ซึงส่วนที 2 นีประกอบดว้ ยการสอดแทรกสาระเศรษฐกิจพอเพยี ง ในหลกั สูตรและสาระการเรียนรู้ในหอ้ งเรียนและประยกุ ตห์ ลกัเศรษฐกิจพอเพยี งในการจดั กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน การขบั เคลือนเศรษฐกิจพอเพยี งดา้ นการศกึ ษาในระยะแรก ไดเ้ ริมจากการไปคน้ หากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนทีมคี ุณลกั ษณะ และการจดั การทีสอดคลอ้ งกบั หลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง คือพอประมาณกบัศกั ยภาพของนกั เรียน พอประมาณกบั ภมู สิ งั คมของโรงเรียนและชุมชนทีตงั เช่น เดก็ ช่วงชนั ที 2ทาํ สหกรณ์ได้ เดก็ ช่วงชนั ที 4 ดแู ลสิงแวดลอ้ ม มีการส่งเสริมใหใ้ ชค้ วามรู้อยา่ งรอบคอบระมดั ระวงั ฝึกให้เดก็ คิดเป็นทาํ เป็นอยา่ งมีเหตุผล และมีภมู ิคุม้ กนั ส่งเสริมใหเ้ ดก็ ทาํ งานร่วมกบั ผอู้ นื มคี วามซือสตั ย์ สุจริตรับผดิ ชอบ ไมเ่ อารัดเอาเปรียบผอู้ ืน มวี นิ ยั มสี มั มาคารวะ ปลกู ฝังจิตสาํ นึกรักษส์ ิงแวดลอ้ ม สืบสานวฒั นธรรมไทย กลา่ วคือ สอนใหผ้ เู้ รียน ยดึ มนั ในหลกั ศีลธรรม พฒั นาคนใหเ้ ขารู้จกั ทาํ ประโยชนใ์ หก้ บั

59สงั คมและช่วยดูแลรักษาสิงแวดลอ้ ม และตวั กิจกรรมเองก็ตอ้ งยงั ยนื โดยมภี มู ิคุม้ กนั ในดา้ นต่าง ๆ ถงึ จะเปลยี นผอู้ าํ นวยการแต่กิจกรรมกย็ งั ดาํ เนินอยอู่ ยา่ งนีเรียกว่ามีภูมคิ ุม้ กนั การคน้ หาตวั อยา่ งกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน กเ็ พือใหม้ ตี วั อยา่ งรูปธรรม ในการสร้างความเขา้ ใจภายในวงการศึกษาวา่ หลกั เศรษฐกิจพอเพียงหมายความว่าอยา่ งไร และสามารถนาํ ไปใชใ้ นกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง หลงั จากนนั ก็ส่งเสริมใหบ้ ูรณาการการเรียนรู้ผา่ นกิจกรรมเหลา่ นี เขา้ ไปในการเรียนรู้สาระต่าง ๆ บูรณาการเขา้ กบั ทุกสาระเรียนรู้ เช่น วิทยาศาสตร์ เพือทาํ ใหเ้ กิดสมดุลทางสิงแวดลอ้ ม บรู ณาการเขา้ กบั วิชาคณิตศาสตร์ ในการสอนการคาํ นวณทีมีความหมายในการดาํ รงชีวิตอยา่ งพอเพยี ง หรือบรู ณาการเขา้ กบั สาระภาษาไทย ภาษาองั กฤษ สุขศกึ ษา พลศกึ ษา การงานอาชีพเทคโนโลยตี ่าง ๆ ไดห้ มด นอกเหนือจากการสอนในสาระหลกั คือ ในกล่มุ สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนาวฒั นธรรมเท่านนั สาํ หรับมาตรฐานการเรียนรู้ มีวตั ถุประสงคใ์ หท้ ุกช่วงชนั เขา้ ใจหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ แต่ถา้ มาตรฐานเรียนรู้ของทุกช่วงชนั เหมือนกนั หมดกจ็ ะมปี ัญหาทางปฏิบตั ิ จึงตอ้ งกาํ หนดขอบเขตทีชดั เจนในการเรียนการสอนของแต่ละช่วงชนั และแต่ละชนั ปี ดงั นี ช่วงชนั ที 1เนน้ ใหเ้ดก็ พงึ ตนเองได้ หรือใชช้ ีวิตพอเพยี งระดบั บุคคลและครอบครัว เช่นประถม1ช่วยเหลอื คุณพ่อคุณแม่ลา้ งจานชาม เก็บขยะไปทิง กวาดบา้ น จดั หนงั สือไปเรียนเอง แบ่งปันสิงของให้เพอื น กินอาหารใหห้ มดจาน ประถม 2 วิเคราะห์รายจ่ายของครอบครัว จะมตี ารางกรอกค่าใชจ้ ่ายต่างๆของครอบครัวคุณแม่ซืออะไรบา้ ง คุณพ่อซืออะไรบา้ งเด็กจะไดร้ ู้พ่อแมห่ าเงินมายากแค่ไหนเช่นยาสีฟันหลอดละ46 บาท จะตอ้ งไมเ่ อามาบีบเลน่ จะตอ้ งสอนใหเ้ ด็กเห็นคุณค่าของสิงของ ใหเ้ ด็กตระหนกั ถงึ คุณค่าของเงินทอง จะไดฝ้ ึกนิสยั ประหยดั ครอบครัวมรี ายไดแ้ ละรายจ่ายเท่าไร เดก็ จะไดฝ้ ึกจิตสาํ นึกและนิสยัพอเพียง มีหลายโรงเรียนทาํ แลว้ ประถม 3 สอนใหร้ ู้จกั ช่วยเหลือครอบครัวอยา่ งพอเพียงและรู้จกั แบ่งปันช่วยเหลอื ผอู้ นื มสี ่วนร่วมสร้างครอบครัวพอเพยี ง ช่วงชนั ที 2 ฝึกใหเ้ ด็กรู้จกั ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ความพอเพยี งในโรงเรียน สามารถวิเคราะห์ วางแผนและจดั ทาํ บนั ทึกรายรับ - รายจ่ายของตนเองและครอบครัวอยา่ งมีประสิทธิภาพ มีส่วนร่วมในการสร้างความพอเพียงระดบั โรงเรียน และชุมชนใกลต้ วั โดยเริมจากการสาํ รวจทรัพยากรต่าง ๆ ในโรงเรียนและชุมชน มีส่วนร่วมในการดูแลบาํ รุงรักษาทรัพยากรต่าง ๆ ทงั ดา้ นวตั ถุ สิงแวดลอ้ ม ภูมปิ ัญญา วฒั นธรรมและรวบรวมองคค์ วามรู้ต่าง ๆ มาเป็นขอ้ มลู ในการเรียนรู้วถิ ีชีวิตของชุมชนและเห็นคุณค่าของการใชช้ ีวติอยา่ งพอเพยี ง ช่วงชนั ที 3 ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั เศรษฐกิจพอเพยี งกบั ชุมชน มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของชุมชนสามารถสาํ รวจและวิเคราะหค์ วามพอเพียงในระดบั ต่าง ๆ และในมิติต่าง ๆ ทงั ทางวตั ถุ สงั คม สิงแวดลอ้ มและวฒั นธรรมในชุมชนใกลต้ วั เห็นคุณค่าของการใชห้ ลกั พอเพียงในการจดั การชุมชน และในทีสุดแลว้สามารถนาํ หลกั การพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั ของแต่ละคน จนนาํ ไปสู่การปรับเปลียนพฤติกรรมสู่ความพอเพียงไดใ้ นทีสุด

60 ช่วงชนั ที 4 เตรียมคนใหเ้ ป็นคนทีดีต่อประเทศชาติ สามารถทาํ ประโยชนใ์ หก้ บั สงั คมได้ ตอ้ งเริมเขา้ ใจความพอเพยี งระดบั ประเทศ และการพฒั นาประเทศภายใตก้ ระแสโลกาภิวฒั น์ เช่น การวิเคราะห์สถานการณ์การคา้ ระหวา่ งประเทศ หรือการศกึ ษาสถานการณ์สิงแวดลอ้ มสภาพปัญหาดา้ นสงั คมเป็นอยา่ งไรแตกแยกหรือสามคั คี เป็นตน้ ขณะนีคณะทาํ งานขบั เคลอื นดา้ นการศกึ ษาและเยาวชน ทาํ งานร่วมกบั กระทรวงศึกษาธิการ และอกี หลายหน่วยงาน วสิ ยั ทศั นข์ องการขบั เคลอื น คือ สานเครือข่าย ขยายความรู้ ควบคู่ประชาสมั พนั ธ์ เพอืส่งเสริมความรู้ความเขา้ ใจในหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และใหบ้ ุคลากรดา้ นการศกึ ษา สามารถนาํ หลกั คิดหลกั ปฏิบตั ิเศรษฐกิจพอเพยี ง มาบูรณาการสู่การเรียนการสอนในทุกกลมุ่ สาระการเรียนรู้ของทุกระดบั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ชดั เจน และเป็นรูปธรรม ตลอดจนผบู้ ริหารสามารถนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใชใ้ นการบริหารสถานศกึ ษา เพือใหเ้ กิดประโยชนแ์ ละความสุขการขับเคลอื นเศรษฐกจิ พอเพยี งในองค์กรธุรกจิ เมอื องคก์ รธุรกิจตระหนกั ถึงความจาํ เป็นและมคี วามเชือมนั ต่อการดาํ เนินธุรกิจดว้ ยหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การจะขบั เคลอื นปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งภายในองคก์ ร ใหม้ คี วามชดั เจนเป็นรูปธรรมไดน้ นั ผนู้ าํ ธุรกิจตอ้ งมคี วามมงุ่ มนั และยดึ ถือเป็นแนวปฏิบตั ิ ซึงการพฒั นาองคก์ รและกลไกต่าง ๆ เริมจากกาํ หนดนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง นาํ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาผสมผสานกบั กลยทุ ธข์ ององคก์ ร โดยใชห้ ลกั ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุม้ กนั ทีดี บนพนื ฐานความรู้และคุณธรรม พร้อมทงั ถา่ ยทอดเป็นแผนงาน และผลกั ดนั ไปสู่การปฏิบตั ิอยา่ งจริงจงั และต่อเนือง เพือใหก้ ารดาํ เนินกิจการขององคก์ รมีความสมดุลและเจริญเติบโตในระยะยาว อยา่ งไรกต็ าม แมว้ า่ ปรัชญาเศรษฐกิจของพอเพียงจะมีแนวคิดในกรอบเดียวกนั แต่การนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นองคก์ รธุรกิจ สามารถปรับใชไ้ ด้หลายรูปแบบ โดยไม่มสี ูตรสาํ เร็จตายตวั ดงั นนั ผนู้ าํ ธุรกิจจึงตอ้ งพจิ ารณาถึงความเหมาะสมกบั เงือนไขและสภาวะทีองคก์ รกาํ ลงั เผชิญอยู่ โดยประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเขา้ กบัการบริหารธุรกิจดา้ นต่าง ๆ ดงั ต่อไปนี ด้านการผลติ ผนู้ าํ ธุรกิจกาํ หนดขนาดการผลติ ทีเหมาะสม ตามกาํ ลงั ความสามารถในการผลิตขององคก์ รโดยไม่รับคาํ สงั ซือสินคา้ หากความสามารถในการผลติ ไม่เพียงพอ วางแผนการใชท้ รัพยากร โดยยดึ หลกัความคุม้ ค่าและมปี ระสิทธิภาพสูงสุด ใชเ้ ทคโนโลยที ีเหมาะสมและถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ โดยเฉพาะสนบั สนุนการใชว้ ตั ถดุ ิบที มอี ยู่ ในประเทศ และเทคโนโลยใี นการผลิตจากภมู ปิ ัญญาไทย มุง่ เนน้ คุณภาพการผลิตตามมาตรฐาน ไม่เอารัดเอาเปรียบคู่คา้ วางระบบการจดั การวตั ถดุ ิบและสินคา้ คงคลงั อยา่ งมีประสิทธิภาพ กระจายความเสียงโดยมผี ลผลติ ที หลากหลาย มนี โยบายการจา้ งงานเพอื กระจาย

61รายได้ โดยไม่นาํ เครืองจกั รมาทดแทนแรงงานโดยไม่จาํ เป็น และจดั ระบบบาํ บดั ของเสียโดยไม่สร้างมลพิษต่อสิงแวดลอ้ มดา้ นการตลาด ผนู้ าํ ธุรกิจตอ้ งมีความรอบรู้ในธุรกิจทีดาํ เนินการอยู่ และนาํ ความรู้ในขอ้ เทจ็ จริงมาใช้ ในการกาํ หนดนโยบายการตลาด วางแผน และบริหารจดั การอยา่ งมีเหตุผลและเป็นธรรม เพอื ประโยชนแ์ ก่องคก์ รธุรกิจอยา่ งแทจ้ ริง ยดึ หลกั การรักษาความสมดุลในการแบ่งปัน ผลประโยชน์ของธุรกิจระหว่างผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียอยา่ งสมเหตุสมผล ตงั แต่ผบู้ ริโภค พนกั งาน บริษทั คู่คา้ สงั คม และสิงแวดลอ้ ม ไดแ้ ก่การตงั ราคาสินคา้ ในราคายตุ ิธรรม หลีกเลยี งการโฆษณาชวนเชือเกินจริง เพือม่งุ หวงั ยอดขาย ในระยะสนั ใชก้ ลยทุ ธด์ า้ นการวจิ ยั เพือสร้างนวตั กรรมในสินคา้ ทงั ดา้ นการออกแบบและพฒั นาสินคา้ ใหม่ รวมถึงการแกไ้ ขและปรับปรุงสินคา้ เดิมใหม้ ีคุณสมบตั ิ คุณประโยชน์ และคุณภาพเพมิ ขึนรักษาความลบั ของผบู้ ริโภค ซึงจะช่วยใหเ้ กิดความสมั พนั ธท์ างธุรกิจ มุ่งดาํ เนินธุรกิจ โดยไมเ่ อาเปรียบผอู้ ืน ซือสตั ย์ และมคี ุณธรรมต่อค่คู า้ เพอื สร้างคุณค่าใหแ้ ก่องคก์ รธุรกิจ ในระยะยาวส่วนการขยายธุรกิจขององคก์ ร ผนู้ าํ ธุรกิจตอ้ งพจิ ารณาถงึ ความพร้อมทุกดา้ นอยา่ งรอบคอบ เนน้ ธุรกิจทีมีความถนดั และขยายธุรกิจอยา่ งค่อยเป็นค่อยไป โดยตอบสนองตลาดทอ้ งถนิก่อนขยายไปสู่ส่วนภมู ภิ าคและต่างประเทศ มีมาตรการกระจายความเสียง โดยเพมิ ช่องทางการกระจายสินคา้ ใหม่ ๆ อยเู่ สมอ มคี วามรอบคอบและระมดั ระวงั ในการคิดพิจารณาตดั สินใจเรืองต่าง ๆ ใหก้ ระจ่างแจง้ ในทุกแง่มุม เพือป้ องกนั ความผดิ พลาดหรือความเสียหายทีอาจจะเกิดขึน นอกจากนี ผนู้ าํ ธุรกิจควรตรวจสอบและติดตามสภาวะทางการตลาดอยา่ งต่อเนือง รู้เท่าทนัการเปลียนแปลง คาดการณ์ไดถ้ ึงโอกาสและอปุ สรรคทีจะเกิดขึนในอนาคต เพือเพมิ โอกาสในการแข่งขนั สร้างความพร้อมและปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์ปัจจุบนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ดว้ ยการวเิ คราะหจ์ ุดแข็งและจุดออ่ นภายในองคก์ ร ประเมินสถานการณ์ความเสียงล่วงหนา้ เพือวางแผนรับมอื ไดท้ นั ท่วงที เนน้ การกระจายความเสียงจากการมผี ลิตภณั ฑท์ ีหลากหลาย และแปรสภาพไดง้ ่ายเพือลดผลกระทบจากวฏั จกั รทางเศรษฐกิจ ด้านการเงิน ผนู้ าํ ธุรกิจวางแผนการลงทุนในธุรกิจทีสุจริตไม่ ก่อใหเ้ กิดผลเสียต่อสงั คม วเิ คราะห์ถึงความคุ้มค่าในการลงทุนอย่างรอบคอบด้วยเหตุผล และลงทุนในธุรกิจทีหลากหลาย เพือลดความเสียงดา้ นการเงิน หลกี เลยี งการลงทุนบนพืนฐานของเงินกทู้ ี เกินขีดความสามารถในการชาํ ระหนี รักษาอตั ราส่วนหนีสินต่อทุนใหเ้ หมาะสม และกาํ หนดนโยบายการลงทุน โดยไมห่ วงั ผลกาํ ไรในระยะสนัควรเนน้ ความมนั คงในระยะยาว ทาํ กาํ ไรแต่ พอประมาณ โดยไมม่ ากเกินไป จนธุรกิจตอ้ งประสบภาวะเสียงหรือขาดภมู ิคุม้ กนั ในธุรกิจ และทาํ กาํ ไรไม่นอ้ ยเกินไป จนธุรกิจไม่ สามารถอยู่ รอดได้ จดั ระบบการสะสมเงินออมและเงินทุนหมุนเวียนอยา่ งเหมาะสม

62 ผนู้ าํ ธุรกิจควรสนบั สนุนการกระจายอาํ นาจและการตดั สินใจไปยงั ส่วนงานต่างๆ ในองคก์ รโดยใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใหก้ วา้ งขวางและครอบคลุมทุกส่วนงาน ม่งุ เนน้ การใช้งบประมาณอยา่ งสร้างสรรค์ โดยกาํ หนดกรอบแนวทางในการตดั สินใจอนุมตั ิและดาํ เนินงานโครงการต่างๆ ขององคก์ รใหเ้ ป็นไปตามหลกั ธรรมาภิบาลทีดี มีระบบกลไกการตรวจสอบและติดตามผลการใช้งบประมาณ การจดั ซือจดั จา้ ง และการดาํ เนินงานต่างๆ อยา่ งโปร่งใส ด้านทรัพยากรบุคคล ผนู้ าํ ธุรกิจเห็นคุณค่าและใหค้ วามสาํ คญั กบั การพฒั นาพนกั งานอยา่ งต่อเนือง โดยนาํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการบริหารทรัพยากรบุคคลดา้ นต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การคดั เลอื กพนกั งานดว้ ยหลกั ยตุ ิธรรม โดยเนน้ คนดีทีซือสตั ยแ์ ละคนเก่งทีมคี ุณภาพ เนน้ การทาํ งานเป็นทีม ฝึกอบรมการใชห้ ลกัปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใหแ้ ก่พนกั งานทุกระดบั ในองคก์ ร ส่งเสริมการศกึ ษาและวิจยั เพือพฒั นาองคค์ วามรู้และนวตั กรรม ในดา้ นผนู้ าํ ธุรกิจกบั การขบั เคลอื นเศรษฐกิจพอเพียงในองคก์ รต่าง ๆ ใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดแก่ผบู้ ริโภคและองคก์ ร วางแผนการเตรียมความพร้อมของพนกั งานในอนาคต กาํ หนดตวั ชีวดั การประเมินผลงานดว้ ยความโปร่งใสและเป็นธรรม เปลยี นแปลงระบบการเลอื นตาํ แหน่งจากหลกั ความอาวุโสหรือหลกั อุปถมั ภ์ เป็นยดึ หลกั ความสามารถของบุคคล กาํ หนดระดบั ค่าจา้ งพอประมาณแก่ฐานะขององคก์ รและสอดคลอ้ งกบั ตลาดแรงงาน กาํ หนดนโยบายการดแู ลพนกั งานอยา่ งทวั ถึง โดยส่งเสริมใหพ้ นกั งานมีคุณภาพชีวติ และสุขอนามยั ทีดีในการทาํ งาน นอกจากนี ผนู้ าํ ธุรกิจตอ้ งปลกู จิตสาํ นึกความพอเพยี งใหแ้ ก่พนกั งาน ส่งเสริมการมคี ่านิยมสร้างสรรค์ และสร้างจรรยาบรรณการทาํ งานดว้ ยความสุจริต ขยนั อดทน มีความมงุ่ มนั และใชค้ วามเพยี รในการฟันฝ่ าอปุ สรรคต่าง ๆ เพือใหเ้ กิดความกา้ วหนา้ อยา่ งต่อเนือง ตลอดจนกระตุน้ ใหเ้ กิดวฒั นธรรมองคก์ รทีเชิดชูคุณธรรม ส่งเสริมความเกือกลู กนั ในองคก์ ร และความรับผดิ ชอบต่อสงั คม ไดแ้ ก่ จดั ทาํแผนการประชาสมั พนั ธห์ รือรณรงคก์ ารใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง การปฏบิ ตั ิตาม กฎระเบียบดา้ นทรัพยส์ ินทางปัญญา การยอมรับพนกั งานในองคก์ รทีประพฤติตนเป็นแบบอยา่ งทีดีตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นตน้ ด้านสังคมและสิงแวดล้อม ผนู้ าํ ธุรกิจผลกั ดนั การยดึ มนั ในระบบคุณธรรมกบั ทุกฝ่ ายทีเกียวขอ้ ง ไมเ่ บียดบงั ผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่ทาํ ลายสิงแวดลอ้ มหรือส่งผลกระทบเชิงลบต่อสงั คมโดยรวม นอกจากนี ผนู้ าํ ธุรกิจกระตุน้ใหพ้ นกั งานเห็นคุณค่าในการแบ่งปันสู่สงั คม ไดแ้ ก่ การแบ่งปันองคค์ วามรู้ โดยสร้างเครือข่ายแห่งการเรียนรู้เกียวกบั เศรษฐกิจพอเพียงและเผยแพร่ไปยงั สงั คมใหก้ วา้ งขวางยงิ ขึน ดว้ ยการนาํ เสนอตวั อยา่ งผา่ นช่องทางต่าง ๆ เพอื ใหม้ ีโอกาสแลกเปลียนประสบการณ์และความรู้ร่วมกนั รวมถงึ การแบ่งปัน ทรัพยากรระหว่างพนั ธมิตรในธุรกิจ เพอื ช่วยเหลอื กนั ในเรืองวตั ถุดิบ เทคโนโลยี และองคค์ วามรู้ดา้ นต่าง ๆ

63 กรณตี วั อย่าง บริษัท ไทยโตชิบาอุตสาหกรรม จาํ กดั ผปู้ ระกอบการธุรกิจเครืองใชไ้ ฟฟ้ าและอิเลก็ ทรอนิกส์ ถือเป็นองคก์ รตวั อยา่ งทีไดร้ ับรางวลัรองชนะเลิศ การดาํ เนินธุรกิจตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยบริษทั ไดน้ าํ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชป้ ระโยชนใ์ นกิจการสาํ คญั ไดแ้ ก่ ดา้ นการผลติ กระบวนการผลิตจะใชว้ ตั ถุดิบทีมีอยใู่ นประเทศ เพอื ลดปัญหาการขาดดุลทางการคา้ ปรับปรุงเทคโนโลยแี ละการพฒั นาสินคา้ อยเู่ สมอโดยคาํ นึงถงึ คุณภาพของสินคา้ และความปลอดภยั ในการใชส้ ินคา้ จดั โครงการ MIC ทีเปิ ดโอกาสให้พนกั งานไดร้ ิเริมและประดิษฐส์ ิงต่าง ๆ โดยใชภ้ มู ิปัญญาไทย เป็นตน้ ด้านการตลาด เขา้ ใจฐานลกู คา้ ของตนเอง จดั นโยบายดา้ นการส่งเสริมการตลาดและการขายทีสอดคลอ้ งและเหมาะสมกบั สญั ญาและขอ้ กฎหมายของแต่ละประเทศ เพอื ใหด้ าํ เนินธุรกิจถกู ตอ้ งและเป็นธรรม ดา้ นการเงิน นบั ตงั แต่บริษทั เริมดาํ เนินกิจการ เมอื ปี บริษทั ไดข้ ยายกิจการอยา่ งต่อเนืองโดยขยายกิจการอยา่ งค่อยเป็นค่อยไป ยดึ หลกั การลงทุนอยา่ งรอบคอบและมีเหตุผล จดั ทาํ รายงานการเงินบนพืนฐานของความเป็นจริงและส่งมอบในเวลาทีกาํ หนด โดยไม่มกี ารแต่งรายงานการเงินทีไม่ถกู ตอ้ ง บริหารการเงินโดยใชห้ ลกั ธรรมาภิบาล เนน้ ความโปร่งใส และตรวจสอบได้ ด้านทรัพยากรบุคคล กาํ หนดนโยบายสนบั สนุนใหม้ กี ารจา้ งแรงงานไทย การรักษาระดบั ค่าจา้ งและสวสั ดิการใหอ้ ยใู่ นเกณฑม์ าตรฐานตามทีกฎหมายกาํ หนด การสนบั สนุนใหพ้ นกั งานเขา้ รับการฝึกอบรมและศกึ ษาดูงานทงั ในประเทศและต่างประเทศ จดั ตงั สหกรณ์ออมทรัพยใ์ นหน่วยงานเพือส่งเสริมใหพ้ นกั งานวางแผนการใชจ้ ่ายเงิน ลดปัญหาหนีสิน สร้างวนิ ยั การออม และพฒั นาคุณภาพชีวติ ของพนกั งาน นอกจากนี พนกั งานทุกคนจะไดร้ ับการปลกู ฝังใหใ้ ชช้ ีวติ แบบเรียบง่าย มีคุณธรรมซือสตั ย์ และมีจิตสาํ นึกทีดีต่อตนเองและสงั คม ด้านสังคมและสิงแวดล้อม บริษทั สร้างระบบบาํ บดั นาํ เสีย โดยนาํ นาํ ทีไดร้ ับการบาํ บดั แลว้กลบั ไปใชเ้ ป็นนาํ ชกั โครกในหอ้ งสุขา การนาํ ความร้อนทีปลอ่ ยทิงมาใชป้ ระโยชน์ในการอบโฟม รณรงค์การประหยดั พลงั งาน โดยใชโ้ ซล่าเซลลใ์ นการผลิตนาํ ร้อน ใชก้ ๊าซ LPG แทนนาํ มนั เบนซิน รณรงคก์ ารจดั การขยะรีไซเคิล เพือลดจาํ นวนขยะ บริษทั จดั โครงการและกิจกรรมเพอื ช่วยสงั คมมากมายและต่อเนือง เช่น สร้างเครือข่ายทางสงั คม โดยเปิ ดโอกาสใหห้ น่วยงานภายนอกเขา้ มาศกึ ษาดูงานจดั โครงการอาสาสมคั รเพือสงั คม ไดแ้ ก่ การจดั แพทยเ์ คลอื นที เพือช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั การบริจาคสิงของ การมอบทุนการศกึ ษาแก่ บุตรพนกั งานและบุคคลภายนอก การบริจาคโลหิต และจดั กิจกรรมช่วยเหลือเดก็ กาํ พร้า เป็นตน้ (สาํ นกั งานคณะกรรมการขบั เคลือนเศรษฐกิจพอเพียง, : - ) ในปัจจุบนั บริษทั ไทยโตชิบาอตุ สาหกรรม จาํ กดั มุ่งทาํ ธุรกิจดว้ ยกลยทุ ธ์ “Green” หรือ“นวตั กรรมสีเขียวเพือโลกสีขาว” ในทุกส่วนงานขององคก์ ร ซึงประกอบดว้ ย ส่วน คือ(นงคน์ าถ ห่านวไิ ล, : )

64 . Green Product หมายถงึ สินคา้ ทุกชนิดของบริษทั จะตอ้ งประหยดั พลงั งานและเป็นมิตรต่อสิงแวดลอ้ ม เพือสนบั สนุนการลดภาวะโลกร้อน 2 Green Factory หมายถงึ โรงงานของบริษทั ปรับเปลียนกระบวนการผลติ ทีเนน้ การรักษาสิงแวดลอ้ ม โดยสินคา้ เกือบทุกชนิดสามารถนาํ มารีไซเคิลได้ และใชว้ ตั ถุดิบทีไม่ก่อใหเ้ กิดมลพิษต่อสิงแวดลอ้ ม 3. Green Office หมายถึง สภาพแวดลอ้ มภายในองคก์ ร รวมถึงพนกั งานทงั หมด ร่วมกนัปรับเปลยี นใหเ้ ป็นองคก์ รสีเขียวที ทุกฝ่ ายร่วมรักษาสิงแวดลอ้ ม เช่น การรณรงคใ์ หพ้ นกั งานช่วยกนัประหยดั ไฟและประหยดั นาํ 4. Green Purchasing หมายถงึ การซือใชว้ ตั ถุดิบทีรักษาสิงแวดลอ้ ม เช่น การใชก้ ระดาษรีไซเคิล . Green CSR หมายถงึ การทาํ ประโยชน์สูงสุดเพือสงั คม จากการวิจยั ของผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สุขสรรค์ กนั ตะบุตร ( : ) เรือง “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกบั การบริหารองคก์ รและทรัพยากรมนุษยเ์ พือความยงั ยนื ” โดยศึกษาจากองคก์ รธุรกิจขนาดยอ่ มจาํ นวน แห่งของประเทศไทย และองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่จากกลุ่มประเทศตะวนั ตกจาํ นวน องคก์ ร ซึงใช้ระยะเวลาในการวิจัยทังสิน ปี พบว่า องค์กรธุรกิจทีทาํ การวิจยั ทุกองค์กรสามารถประสบความสาํ เร็จอย่างยงั ยืนได้ โดยผนู้ าํ องค์กรดาํ เนินธุรกิจสอดคลอ้ งกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กระบวนการขบั เคลือนเศรษฐกิจพอเพียง มงุ่ เนน้ เพอื สร้างความรู้ ความเขา้ ใจ ปลกู ฝังปรับเปลียนกระบวนทศั นใ์ นการดาํ รงชีวติ เกียวกบั หลกั เศรษฐกิจพอเพยี งใหป้ ระชาชนทุกคน จนสามารถนาํ หลกัปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ตนเอง ครอบครัว องคก์ ร ชุมชนตลอดจนนาํ ไปสู่การปรับแนวทางการพฒั นาใหอ้ ยบู่ นพนื ฐานของเศรษฐกิจพอเพยี งกจิ กรรม 1. ใหผ้ เู้ รียนรวมกลุ่มกนั กลมุ่ ละ - คน 2. ใหผ้ เู้ รียนไปคน้ หาภูมิปัญญาดา้ นเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน หรือพนื ทีใกลเ้ คียง 3. บนั ทึกการเรียนรู้ การดาํ เนินงานของภมู ิปัญญา 4. สรุปมานาํ เสนอในการพบกลมุ่ และส่งเป็นเอกสารรายงาน บรรณานุกรม

65คณะอนุกรรมการขบั เคลีอนเศรษฐกจิ พอเพียง. เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร. กรุงเทพฯ : สาํ นกั งาน คณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ, .คณะอนุกรรมการขบั เคลอี นเศรษฐกิจพอเพยี ง. การสร้างขบวนการขบั เคลือนเศรษฐกิจพอเพียง. (พมิ พ์ ครังที ). กรุงเทพฯ : สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ, .โครงการพฒั นาแห่งสหประชาชาชาติประจาํ ประเทศไทย. รายงานการพฒั นาคนของประเทศไทยปี : เศรษฐกิจพอเพียงกบั การพฒั นาคน. กรุงเทพฯ : โดยการพฒั นาแห่งสหประชาชนาคิ ประจาํ ประเทศไทย , .สาํ นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอื ประงานโครงการอนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริ. เศรษฐกิจพอเพียง. กรุงเทพฯ : สาํ นกั งานคณะกรรมการพิเศษเพือประสานงานฯ , .ปรียานุช พิบลู สราวุธ. คลงั หลวงกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพเพียง. กรุงเทพ ฯ : บริษทั พิมพส์ วย จาํ กดั , .ปิ ญานุช หวงั จิและคณะ.รายงานการวิจยั ศกึ ษาการประกอบอาชีพตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งของ ชุมชนบา้ นโงกนาํ . มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ ,การแสวงหาความรู้. [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=6ba266b15de3d75f (วนั ทคี น้ ขอ้ มลู พฤศจิกายน )พฒั นาทกั ษะการแสวงหาความรู้ใหก้ บั ตนเอง. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.bangkapi.ac.th/MediaOnLine/weerawanWMD/unit7_part17.htm (วนั ทีคน้ ขอ้ มลู พฤศจิกายน )เศรษฐกิจแบบพอเพียง. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.prdnorth.in.th/The_King/justeconomic.php (วนั ทีคน้ ขอ้ มลู พฤศจิกายน )

66 คณะผู้จัดทาํทีปรึกษา บุญเรือง เลขาธิการ กศน.1. นายประเสริฐ อมิ สุวรรณ์ รองเลขาธิการ กศน.2. ดร.ชยั ยศ จาํ ปี รองเลขาธิการ กศน.3. นายวชั รินทร์ แกว้ ไทรฮะ ทีปรึกษาดา้ นการพฒั นาหลกั สูตร กศน.4. ดร.ทองอยู่ ตณั ฑวฑุ โฒ ผอู้ าํ นวยการกลุม่ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน5. นางรักขณาผ้เู ขียนและเรียบเรียง บรู ณ์เจริญ ผอ.กศน.อาํ เภอจอมพระ จงั หวดั สุรินทร์1. นายศรายทุ ธ์ หนูนิล กศน. อาํ เภอเมอื ง จงั หวดั นครศรีธรรมราช2. นายจาํ นง สอนซือ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน3. นางพฒั น์สุดาผ้บู รรณาธิการ และพฒั นาปรับปรุง1. นางพฒั น์สุดา สอนซือ กลมุ่ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน กศน. อาํ เภอหลงั สวน จงั หวดั ชุมพร2. นายอุชุ เชือบ่อคา สาํ นกั งาน กศน. จงั หวดั กระบี สาํ นกั งาน กศน. จงั หวดั พงั งา3. นางสาวพชั รา ศิริพงษาโรจน์ กศน. อาํ เภอเมือง จงั หวดั นครศรีธรรมราช4. นายวทิ ยา บรู ณะหิรัญ5. นายจาํ นง หนูนิลคณะทํางาน กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน. นายสุรพงษ์ มนั มะโน กลุม่ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน. นายศภุ โชค ศรีรัตนศลิ ป์ กลมุ่ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน. นางสาววรรณพร ปัทมานนท์ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน4. นางสาวศริญญา กุลประดษิ ฐ์ กล่มุ พฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน. นางสาวเพชรินทร์ เหลืองจิตวฒั นาผ้พู มิ พ์ต้นฉบบั กล่มุ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน นางสาวเพชรินทร์ เหลอื งจิตวฒั นาผ้อู อกแบบปก ศรีรัตนศลิ ป์ กล่มุ พฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน นายศุภโชค

67 คณะผ้พู ฒั นาและปรับปรุง ครังทีทีปรึกษา บุญเรือง เลขาธิการ กศน.1. นายประเสริฐ อมิ สุวรรณ รองเลขาธิการ กศน.2. ดร.ชยั ยศ จาํ ปี รองเลขาธิการ กศน.3. นายวชั รินทร์ จนั ทร์โอกุล ผเู้ ชียวชาญเฉพาะดา้ นการพฒั นาสือการเรียนการสอน4. นางวทั นี ผาตินินนาท ผเู้ ชียวชาญเฉพาะดา้ นเผยแพร่ทางการศกึ ษา5. นางชุลพี ร ธรรมวธิ ีกุล หวั หนา้ หน่วยศกึ ษานิเทศก์6. นางอญั ชลี งามเขตต์ ผอู้ าํ นวยการกล่มุ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน. นางศทุ ธินีผ้พู ฒั นาและปรับปรุง ครังที. นางผกาพนั ธ์ วฒั นปาณี ขา้ ราชการบาํ นาญ ผอ. กศน. อาํ เภอบางสะพานน้อย จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์. ส.อ.อวยพร ศิริวรรณ ผอ. กศน. อาํ เภอบางบวั ทอง จงั หวดั นนทบุรี สถาบนั กศน.ภาคตะวนั ออก. นางฤดี ศริ ิภา กลมุ่ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน กลมุ่ พฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน. นางสาวสุรัตนา บูรณะวทิ ย์. นางสาวธนสรวง ชยั ชาญทิพยทุ ธ. นางสาวเยาวรัตน์ คาํ ตรง

68คณะผู้ปรับปรุงข้อมูลเกยี วกับสถาบันพระมหากษตั ริย์ปี พ.ศ.ทปี รึกษา จาํ จด เลขาธิการ กศน.1. นายสุรพงษ์ หอมดี ผตู้ รวจราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ2. นายประเสริฐ สุขสุเดช ปฏิบตั ิหนา้ ทีรองเลขาธิการ กศน. ผอู้ าํ นวยการกลุม่ พฒั นาการศกึ ษานอกระบบ3. นางตรีนุช ตนั ติถาวร และการศึกษาตามอธั ยาศยัผ้ปู รับปรุงข้อมลู กศน.บางกอกใหญ่นางสาวจิราภรณ์คณะทํางาน. นายสุรพงษ์ มนั มะโน กลมุ่ พฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั. นายศภุ โชค ศรีรัตนศิลป์ กลุม่ พฒั นาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั. นางสาวเบญ็ จวรรณ อาํ ไพศรี กลุม่ พฒั นาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั. นางเยาวรัตน์ ปิ นมณีวงศ์ กลุม่ พฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั. นางสาวสุลาง เพช็ รสวา่ ง กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั. นางสาวทิพวรรณ วงคเ์ รือน กลมุ่ พฒั นาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั. นางสาวนภาพร อมรเดชาวฒั น์ กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั. นางสาวชมพนู ท สงั ขพ์ ชิ ยั กลมุ่ พฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook