วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 2 เลือดและ ส่ วนประกอบของเลือด โดย ครูวาสนา ถาวโิ ร
นกั เรียนทราบหรือไม่วา่ ในร่างกาย คนเรามีเลือดอยปู่ ระมาณกี่ลติ ร ? นอ้ งๆ มาทายกนั ครบั วา่ ในรา่ งกาย ของพมี่ เี ลอื ดอยู่ ประมาณกลี่ ติ ร ร่างกายของคนเราประกอบไปดว้ ยเลือดประมาณ 5 ลิตร หรือ 7-8 เปอร์เซ็นตข์ องน้าหนกั ตวั นนั่ หมายถึง คนท่ีมีน้าหนกั ตวั 50 กิโลกรัม จะมีเลือดอยู่ 3-4 กิโลกรัมเลยทีเดียว
ส่วนประกอบของเลือด เลือดประกอบดว้ ยส่วนที่เป็นของเหลว เราเรียกวา่ น้าเลือดหรือพลาสมา (Plasma) และของแขง็ ซ่ึงเป็นส่วนของเซลลเ์ มด็ เลือดและเกลด็ เลือด
นา้ เลอื ดหรอื พลาสมา (Plasma) ในเลือดประกอบไปด้วยนา้ เลือดหรือพลาสมา 55 เปอร์เซ็นต์ และใน 55 เปอร์เซ็นต์นกี้ ป็ ระกอบไปด้วย นา้ เป็ นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลืออ่ืน ๆ เป็ นโปรตนี วติ ามนิ เกลือแร่ เอนไซม์ ฮอร์โมน ซึ่งสิ่งเหล่านีจ้ ะถูก ลาเลยี งไปยงั เซลล์และอวยั วะเป้าหมาย จากน้นั พลาสมาจะรับของเสียจากเซลล์ เช่น ยเู รีย เพ่ือนาไป กาจดั ออกนอกร่างกายต่อไป
เซลลเ์ มด็ เลือดแดง (Red Blood Cells, RBCs หรือ เซลลเ์ มด็ เลือด Erythrocytes) เซลลเ์ มด็ เลือดแดง (Red Blood Cells, RBCs หรือ Erythrocytes) มีหนา้ ท่ีขนส่งออกซิเจนจากปอด ไปสู่เซลลต์ า่ ง ๆ และนาก๊าซคาร์บอนไดออกไซดก์ ลบั มาท่ีปอด เซลลเ์ มด็ เลือดแดงมีลกั ษณะกลม แบน แต่มีรอยบุ๋มตรงกลางเพื่อเพิ่มพ้ืนที่ในการขนส่งออกซิเจน ไม่มีนิวเคลียสและไมโทคอนเดรีย ใชพ้ ลงั งานจากการหายใจแบบไม่ใชอ้ อกซิเจน (Anaerobic Respiration) เส้นผา่ นศูนยก์ ลางของ เซลลเ์ มด็ เลือดแดงมีขนาด 7 ไมครอน หนา 2.2 ไมครอน ประกอบดว้ ย ฮีโมโกลบิน ซ่ึงเป็นโปรตีน ที่มีธาตุเหลก็ เป็นองคป์ ระกอบ ในเลือดจะมีเซลลเ์ มด็ เลือดแดงอยู่ 45 เปอร์เซ็นตข์ องเลือดท้งั หมด โดยสร้างจากไขกระดูก และมีอายุ 120 วนั หลงั จากน้นั จะถกู ส่งไปทาลายที่ตบั มา้ ม และไขกระดูก
เซลล์เมด็ เลือดขาว (White Blood Cells, WBCs หรือ Leucocytes) เซลล์เมด็ เลือดขาวมเี ส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 ไมครอน มนี ิวเคลยี สขนาด ใหญ่ มอี ายุ 2-14 วนั ทาหน้าทตี่ ่อสู้กบั เชื้อโรคด้วยวธิ ีต่าง ๆ กนั แบ่งเป็ น 2 กล่มุ ได้แก่ เซลลเ์ มด็ เลือดขาวที่มีแกรนูล (Granules) อยใู่ นไซโตพลาซึม สร้างจากไขกระดูก - นิวโทรฟิ ล (Neutrophil) เป็นเซลลท์ ่ียอ้ มแลว้ จะเห็นเป็นสีเทา ๆ มีจานวน 60-70 เปอร์เซ็นตข์ องเมด็ เลือดขาวท้งั หมด ทาหนา้ ที่ต่อสูก้ บั แบคทีเรียและเช้ือรา โดยการกินและ ปล่อยเอนไซมอ์ อกมายอ่ ยสลายแบคทีเรียหรือที่เรียกวา่ วธิ ีฟาโกไซโทซิส จากน้นั จะตายไป พร้อมกบั แบคทีเรียและกลายสภาพเป็นหนอง - อีโอซิโนฟิ ล (Eosinophil) เป็นเซลลท์ ่ียอ้ มติดสีชมพู มีหนา้ ท่ีป้องกนั การแพพ้ ิษ และตอ่ สูก้ บั ปรสิตโดยวธิ ีฟาโกไซโทซิสเช่นเดียวกบั นิวโทรฟิ ล - เบโซฟิ ล (Basophil) เป็นเซลลท์ ่ียอ้ มติดสีน้าเงิน มีหนา้ ที่ป้องกนั เช้ือโรคโดยการ หลง่ั สารฮิสตามีน ซ่ึงเป็นสาเหตขุ องอาการอกั เสบ
เซลลเ์ มด็ เลือดขาวประเภทท่ีไมม่ ีแกรนูลอยใู่ นไซโตพลาซึม สร้างจากมา้ ม ตอ่ มไทมสั และต่อมน้าเหลือง - ลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) มี 2 ชนิดคือ T-cell เจริญและพฒั นาท่ีตอ่ มไทมสั ป้องกนั ส่ิงแปลกปลอม หรือเช้ือโรคโดยการเขา้ ปะทะโดยตรง และ B-cell เจริญและพฒั นาที่ไขกระดูก ป้องกนั ส่ิงแปลกปลอมหรือ เช้ือโรคโดยการสร้างแอนติบอด้ีข้ึนมาตอ่ ตา้ น - โมโนไซต์ (Monocyte) เป็นเซลลเ์ มด็ เลือดขาวท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสุด รูปร่างของนิวเคลียสมีลกั ษณะคลา้ ย ไต กาจดั ไดท้ ้งั แบคทีเรีย เช้ือรา ไวรัส และปรสิต โดยวธิ ีฟาโกไซโทซิส
เกลด็ เลือดหรือเพลตเลต (Platelet) เกลด็ เลือดหรือเพลตเลต (Platelet) มาจากเศษของ Megakaryocytes ทีพ่ บในไขกระดกู ไม่มนี วิ เคลยี ส อายขุ องเกลด็ เลือดประมาณ 5-9 วนั หลงั จากน้ันจะถูกทาลายที่ตบั และม้าม เกลด็ เลือดทาหน้าทช่ี ่วยให้เลือดแขง็ ตวั โดยการ ปล่อยสารทรอมโบพลาสตนิ ซ่ึงเป็ นเอนไซม์ชนดิ หนง่ึ ออกมา ทรอมโบพลาสตนิ จะไปกระต้นุ โพ รทรอมบินให้กลายเป็ นทรอมบิน ทรอมบินกระต้นุ ไฟบริโนเจนให้กลายเป็ นไฟบริน ซึ่งจะ รวมตวั สานกนั ในลกั ษณะตาข่ายเพ่ือปิ ดบาดแผลไว้
อยา่ ลืมทบทวนบทเรียนเร่ืองอ่ืน ๆดว้ ยนะคะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: