ความหมายวนั มาฆบูชา วนั มาฆบชู า หมายถึง การบูชา ใน วนั เพญ็ เดือน ๓ เนอื่ งในโอกาสคลาย วันท่ี พระพุทธเจาทรงแสดงโอวาทปาตโิ มกข แก พระภกิ ษจุ ํานวน ๑,๒๕๐ รูป
ความสําคญั วัน มาฆบชู า วันมาฆบชู า เปนวนั ข้นึ ๑๕ ค่ํา เดอื น ๓ มีเหตุการณอศั จรรยท ี่ พระสงฆส าวกของพระพทุ ธเจา จํานวน ๑,๒๕๐ รูป มาเฝา พระพุทธเจา ณ วัดเวฬุวนั เมอื งราชคฤห แควน มคธ โดยมไิ ด นัดหมายกนั พระสงฆ ท้งั หมดเปน พระอรหันต ผูไดอ ภิญญา ๖และเปน ผทู ่ีไดรับการอปุ สมบท โดยตรงจาก พระพุทธเจา ในวนั นพ้ี ระพทุ ธเจา ไดท รงแสดงโอวาทปาติโมกข ใน ท่ีประชมุ สงฆเหลา น้ัน ซ่งึ เปนทงั้ หลกั การอุดมการณแ ละวธิ กี าร ปฏบิ ัติท่ี นาํ ไปใชไ ดทกุ สังคม มีเน้ือหา โดยสรปุ คอื ใหล ะความชั่ว ทกุ ชนิด ทาํ ความดี ใหถึงพรอมและทาํ จิตใจใหผ อ งใส
ความเปนมาวัน มาฆบูชา หนึง่ สวนที่เกยี่ วกับพระพุทธเจา หลังจากพระพุทธเจา ตรสั รไู ด ๙ เดือนขณะนน้ั เม่อื เสรจ็ พุทธกจิ แสดงธรรมที่ถ้าํ สุกรขาตาแลว เสด็จมาประทับทีว่ ัดเวฬวุ ัน เมืองราชคฤห แควน มคธ ประเทศอินเดยี ในปจ จุบัน วันนนั้ ตรงกบั วันเพ็ญ เดือนมาฆะหรอื เดือน ๓ในเวลาบา ยพระอรหันตสาวกของ พระพุทธเจา มาประชุม พรอ มกนั ณ ท่ปี ระทบั ของ พระพุทธเจา นบั เปนเหตุอัศจรรย ท่ีมีองคป ระกอบสาํ คญั ๔ ประการ เรยี กวา วา วนั จาตรุ งคสันนิบาต
การประชมุ ดว ยองค ๔ 1. เปน วันที่ พระสงฆส าวกของพระพทุ ธเจา จาํ นวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชมุ พรอ มกันทีเ่ วฬุวนั วิหารในกรงุ ราชคฤห โดยมิไดน ัดหมาย 2. พระภกิ ษสุ งฆเ หลา น้ลี วนเปน \"เอหภิ กิ ขอุ ุปสมั ปทา\" คือเปนผูท ีไ่ ดรบั การอุปสมบทโดยตรงจาก พระพุทธเจาท้ังส้นิ 3. พระภิกษุสงฆทกุ องคท่ไี ดม าประชมุ ในครงั้ น้ี ลว นแต เปนผุไ ดบ รรลุพระอรหันตแ ลวทกุ ๆองค 4. เปนวันท่พี ระจันทรเ ต็มดวงกําลังเสวยมาฆฤกษ
ประวัตวิ ัน มาฆบชู า มลู เหตวุ ันมาฆะบูชา หลังจากพระสมั มาสมั พุทธเจาไดต รสั รูในวนั ขึน้ 15 คาํ่ เดือน 6 และไดท รงประกาศ พระศาสนาและสง พระอรหันตสาวกออกไปจารกิ เพอื่ เผยแพรพระพุทธศาสนายงั สถาน ท่ีตา ง ๆ ลวงแลว ได 9 เดอื น ในวันที่ใกลพ ระจันทรเสวยมาฆฤกษ (วนั ข้ึน 15 คา่ํ เดือน 3) พระอรหันตทั้งหลายเหลาน้นั ตา งไดระลกึ วา วนั นี้เปน วนั สําคญั ของศาสนา พราหมณ อนั เปน ศาสนาของตนอยเู ดมิ กอ นทจี่ ะหันมานบั ถือพระธรรมวินยั ของ พระพทุ ธเจา และในลทั ธศิ าสนาเดมิ น้นั เม่ือถงึ วนั เพญ็ เดอื นมาฆะ เหลา ผูศรัทธา พราหมณลทั ธนิ ยิ มนบั ถอื กนั วาวันนี้เปนวันศวิ าราตรี โดยจะทาํ การบูชาพระศวิ ะดว ย การลอยบาปหรือลางบาปดว ยนา้ํ แตมาบัดนตี้ นไดเลกิ ลทั ธิเดิมหนั มานับถือพระธรรม
โอวาท ปาฏิโมกข หลักคาํ สอนสาํ คัญของพระพุทธศาสน า หรอื คําสอน อันเปน หวั ใจของพระพทุ ธศาสนา ไดแก พระพทุ ธพจน ๓ คาถากึ่ง ทพี่ ระพทุ ธเจา ตรสั แกพระอรหนั ต ๑,๒๕๐ รูป ผู ไปประชมุ กันโดยมไิ ดน ดั หมาย ณ พระเวฬุวนาราม ใน วันเพ็ญเดือน ๓ ทเี่ ราเรยี กกันวาวันมาฆบูชา (ถรรถกถา กลาววา พระพทุ ธเจาทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกขน้ี แกท่ี ประชมุ สงฆตลอดมา เปน เวลา ๒๐ พรรษา กอ นท่จี ะโปรด ใหส วดปาฏิโมกขอยา งปจจบุ นั นี้แทนตอ มา)
สพพฺ ปาปสสฺ อกรณํกุสลสฺสปู สมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนเํ อตํ พุทธาน สาสนฯํ ขนฺตี ปรมํ ตโป ตตี ิกฺขา นิพพฺ านํ ปรมํ วทนตฺ ิ พทุ ธฺ า น หิ ปพพฺ ชโิ ต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโตฯ อนปู วาโท อนปู ฆาโต ปาตโิ มกฺเข จ สํวโร มตฺตฺตุ า จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตฺจ สยนาสนํ อธจิ ติ ฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทธฺ าน สาสนฯํ
สถานท่ีสาํ คัญเน่อื งดวยวัน มาฆบูชา (พุทธสงั เวชนยี สถาน) พระพทุ ธรปู ยืนกลางมณฑลมหาสังฆสันนิบาต ใน โบราณสถานวดั เวฬุวนั มหาวิหาร เมอื งราชคฤห รัฐพหิ าร อินเดยี (เปนพระพทุ ธรูปสรางใหม ปจ จุบนั เปน สถานที่จาริก แสวงบญุ สาํ คัญของชาวพุทธทั่วโลก)เหตกุ ารณส ําคญั ท่เี กดิ ในวนั มาฆบูชา เกดิ ภายในบรเิ วณทตี่ ้งั ของ \"กลุมพทุ ธสถาน โบราณวัดเวฬวุ นั มหาวหิ าร\" ภายในอาณาบริเวณของวดั เวฬุวันมหาวหิ าร ซง่ึ ลานจาตรุ งคสันนบิ าตอันเปน จุดทเ่ี กดิ เหตกุ ารณส ําคญั ในวันมาฆบชู าน้ัน ยังคงเปนท่ถี กเถียงและ หาขอ สรุปทางโบราณคดไี มไดม าจนถึงปจ จบุ นั
วดั เวฬวุ ันมหาวหิ าร
วดั เวฬวุ นั มหาวหิ าร \"วัดเวฬุวนั มหาวิหาร\" เปน อาราม (วดั ) แหง แรกในพระพทุ ธศาสนา ตั้งอยูใกลเชิงเขา เวภารบรรพต บนริมฝง แมน ้ําสรัสวดีซึง่ มตี โป ธาราม (บอนาํ้ รอ นโบราณ) คั่นอยูร ะหวางกลาง นอกเขตกาํ แพงเมืองเการาชคฤห (อดตี เมอื งหลวงของแควน มคธ) รฐั พิหาร ประเทศ อินเดียในปจจบุ ัน (หรอื แควน มคธ ชมพทู วีป ในสมัยพทุ ธกาล)
วดั เวฬุวันใน สมัยพุทธกาล เดมิ วัดเวฬุวนั เปนพระราชอทุ ยานสาํ หรบั เสด็จพระพาส ของพระเจาพมิ พสิ าร เปน สวนปา ไผรม รืน่ มรี ้วั รอบและกําแพง เขา ออก เวฬุวันมอี กี ชอื่ หนง่ึ ปรากฏในพระสตู รวา \"พระวิหาร เวฬวุ ันกลันทกนิวาปสถาน\"หรอื \"เวฬวุ ันกลันทกนิวาป\" (สวน ปาไผส ถานท่ีสาํ หรับใหเ หย่ือแกกระแต) พระเจา พมิ พิสารได ถวายพระราชอทุ ยานแหง นเี้ ปนวดั ในพระพุทธศาสนาหลังจาก ไดสดบั พระธรรมเทศนาอนปุ ุพพกิ ถาและจตรุ าริยสัจจ ณ พระราชอุทยานลฏั ฐวิ นั (พระราชอุทยานสวนตาลหนมุ ) โดย ในครงั้ นนั้ พระองคไ ดบรรลุพระโสดาบนั เปน พระอริยบุคคลใน พระพทุ ธศาสนา และหลงั จากการถวายกลนั ทกนวิ าปสถานไม
วัดเวฬุวันหลงั การ หลงั พระพทุ ธเจปาเรสินด็จพิ ปรพินพิาพนาน วดั เวฬุวนั ไดรับการดแู ลมา ตลอด โดยเฉพาะมลู คันธกุฎีท่ีมีพระสงฆเ ฝาดูแลทําการปดกวาดเชด็ ถปู ลู าดอาสนะและปฏบิ ัติตอ สถานท่ี ๆ พระพุทธเจา เคยประทับอยทู ุก ๆ แหง เหมอื นสมัยท่ีพระพุทธองคท รงพระชนมชพี อยมู ิไดขาด โดย มีการปฏิบัติเชน น้ีตดิ ตอ กนั กวาพนั ป แตจากเหตกุ ารณย าย เมืองหลวงแหง แควนมคธหลายครั้งในชว ง พ.ศ. 70 ที่เรม่ิ จาก อาํ มาตยและราษฎรพรอมใจกันถอดกษตั รยิ น าคทัสสกแ หงราชวงศ ของพระเจา พิมพสิ ารออกจากพระราชบัลลงั ก และยกสุสูนาค อาํ มาตยซ่ึงมเี ชอ้ื สายเจาลจิ ฉวีในกรุงเวสาลแี หงแควนวัชชเี กา ให เปน กษัตริยต ัง้ ราชวงศใ หมแลว พระเจา สุสนู าคจงึ ไดท าํ การยา ย
โดยปรากฏหลกั ฐานบนั ทึกของหลวงจีนฟาเหยี น (Fa-hsien) ท่ี ไดเขามาสบื ศาสนาในพุทธภมู ิในชว งป พ.ศ. 942 - 947 ในชวงรัช สมยั ของพระเจา จันทรคปุ ตท่ี ๒ (พระเจา วกิ รมาทติ ย) แหงราชวงศ คปุ ตะ ซ่ึงทานไดบ ันทึกไววา เมืองราชคฤหอยใู นสภาพปรกั หักพัง แตย ังทนั ไดเ หน็ มูลคันธกุฎวี ัดเวฬวุ นั ปรากฏอยู และยงั คงมพี ระ ภกิ ษุหลายรปู ชวยกันดูแลรักษาปดกวาดอยูเปน ประจํา แตไ ม ปรากฏวา มีการบนั ทึกถงึ สถานทเ่ี กดิ เหตุการณจาตรุ งคสนั นิบาต แตประการใด แตหลังจากนั้นประมาณ 200 ป วัดเวฬุวนั ก็ถกู ทงิ้ รา งไป ตาม บนั ทึกของพระถงั ซําจัง๋ (Chinese traveler Hiuen-Tsang) ซงึ่ ได จาริกมาเมอื งราชคฤหร าวป พ.ศ. 1300 ซึง่ ทานบนั ทึกไวแ ตเ พียง วา ทา นไดเห็นแตเพียงซากมลู คนั ธกุฎีซึ่งมกี ําแพงและอฐิ ลอ มรอบ
จดุ แสวงบญุ และสภาพ ของวัดเวฬุวันในปจ จบุ นั ปจจบุ นั หลังถกู ทอดทิง้ เปน เวลากวาพนั ป และไดรับการบูรณะโดย กองโบราณคดีอนิ เดยี ในชว งท่ีอนิ เดยี ยังเปนอาณานิคมขององั กฤษ วัดเวฬุวนั ยังคงมีเนินดินโบราณสถานทีย่ ังไมไดขุดคนอกี มาก สถานที่ สําคญั ๆ ทพ่ี ุทธศาสนกิ ชนในปจ จุบนั นยิ มไปนมสั การคอื \"พระมูล คันธกฎุ ี\" ท่ปี จ จุบันยงั ไมไ ดท าํ การขุดคน เนอื่ งจากมกี โุ บรข องชาว มสุ ลิมสรา งทบั ไวขา งบนเนินดิน, \"สระกลนั ทกนิวาป\" ซ่งึ ปจจุบนั รัฐบาลอนิ เดยี ไดท าํ การบูรณะใหมอยางสวยงาม, และ \"ลาน จาตรุ งคสันนบิ าต\" อันเปน ลานเลก็ ๆ มีซุม ประดษิ ฐานพระพทุ ธรูปยนื ปางประทานพรอยกู ลางซมุ ลานน้ีเปน จุดสาํ คัญที่ชาวพุทธนิยมมาทํา การเวียนเทียนสักการะ (ลานนีเ้ ปนลานท่กี องโบราณคดีอนิ เดีย
จดุ ท่เี กิดเหตกุ ารณส ําคัญในวนั มาฆบชู า (ลานจาตุรงคสันนบิ าต) ถึงแมว าเหตกุ ารณจ าตุรงคสนั นิบาตจะเปน เหตกุ ารณส าํ คัญยิ่งท่ี เกิดในบรเิ วณวัดเวฬุวนั มหาวิหาร แตทวา ไมป รากฏรายละเอียดใน บนั ทึกของสมณทตู ชาวจีนและในพระไตรปฎกแตอยางใดวา เหตกุ ารณใ หญน เี้ กดิ ข้ึน ณ จุดใดของวดั เวฬวุ ัน รวมทั้งจากการขุดคน ทางโบราณคดีกไ็ มป รากฏหลกั ฐานวา มกี ารทาํ เคร่ืองหมาย (เสาหนิ ) หรอื สถปู ระบุสถานทปี่ ระชมุ จาตุรงคสันนบิ าตไวแ ตอยา งใด (ตามปกติ แลว บริเวณทีเ่ กดิ เหตกุ ารณส าํ คญั ทางพระพุทธศาสนา มกั จะพบสถูป โบราณหรอื เสาหินพระเจา อโศกมหาราชสรางหรอื ปกไวเพ่ือเปน
ในปจจบุ ันกองโบราณคดีอนิ เดยี ไดแ ตเ พียงสนั นิษฐานวา \"เหตุการณดงั กลา วเกดิ ในบรเิ วณลานดานทศิ ตะวันตกของสระกลนั ท กนวิ าป\" (โดยสนั นษิ ฐานเอาจากเอกสารหลกั ฐานวาเหตกุ ารณด ัง กลาวมีพระสงฆป ระชมุ กันมากถงึ สองพนั กวา รูป และเกดิ ในชวงที่ พระพทุ ธองคพ ่งึ ไดทรงรับถวายอารามแหงนี้ การประชมุ ครงั้ น้นั คงยงั ตองนัง่ ประชุมกนั ตามลานในปาไผ เนื่องจากเสนาสนะหรือโรง ธรรมสภาขนาดใหญยงั คงไมไ ดสรา งขึ้น และโดยเฉพาะอยางยง่ิ ใน ปจจุบนั ลานดานทศิ ตะวนั ตกของสระกลันทกนิวาป เปน ลานกวา งลาน เดยี วในบรเิ วณวัดท่ีไมมโี บราณสถานอ่ืนตัง้ อยู) โดยไดนําพระพุทธรปู ยนื ปางประทานพรไปประดษิ ฐานไวบ รเิ วณซุมเลก็ ๆ กลางลาน และ เรียกวา \"ลานจาตุรงคสันนิบาต\" ซึง่ ในปจ จุบันก็ยังไมม ีขอ สรปุ แนช ดั
กจิ กรรมตางๆ ที่ควรปฏบิ ัติ ในวันมาฆบชู า การปฎิบัติตนสําหรับพทุ ธศาสนาในวันนก้ี ็คอื การทําบญุ ตักบาตรในตอนเชา หรือไมก จ็ ัดหาอาหารคาวหวานไปทาํ บญุ ฟง เทศนท ่วี ดั ตอนบา ยฟงพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอนกลางคนื จะพากนั นําดอกไม ธปู เทยี น ไปท่ีวดั เพือ่ ชมุ นุมกนั ทาํ พิธี เวยี นเทียน รอบพระอุโบสถ พรอมกบั พระภิกษุสงฆโดยเจาอาวาส จะนาํ วา นะโม ๓ จบ จากนั้นกลาวคํา ถวาย ดอกไมธ ปู เทียน ทุก คนวาตาม จบแลวเดนิ เวยี นขวา ตลอดเวลาใหร ะลึกถึง พระ พุทธคณุ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แลว นําดอกไม
จัดทาํ โดย นางสาวอลษิ า ปน สขุ ปวส.1/13 เลขที่ 19 สาขากาบญั ชี
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: