Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์สังคมยุโรปช่วง ค.ศ. 1914-1945

ประวัติศาสตร์สังคมยุโรปช่วง ค.ศ. 1914-1945

Published by I ron Van, 2019-10-16 13:38:03

Description: ประวัติศาสตร์สังคมยุโรปช่วง ค.ศ. 1914-1945 เป็นการพูดถึงสภาพของสังคมยุโรปในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 จนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

Search

Read the Text Version

มาตรการแกป้ ัญหาชาวยวิ : มาตรการท่ี 4 การสงั หารหมู่ - ความล้มเหลวของเยอรมนีในยุทธการท่ีเกาะ อังกฤษ - เยอรมนีจึงใช้แผนปฏบิ ตั ิการบารบ์ ารอสซาบกุ โจมตีสหภาพโซเวียตอย่างรวดเรว็ ซงึ่ การบุกสหภาพโซ เวียต รัฐบาลนาซีไดส้ ่งั การใหห้ น่วยสงั หารพเิ ศษเอสเอส ตดิ ตามกองทพั เยอรมันเข้าไปในสหภาพโซเวยี ตให้ ดาเนนิ การสังหารพวกท่ไี ม่พงึ ปรารถนา ให้สิน้ ซากซง่ึ ไดแ้ ก่ -ชาวยิปซี คอมมิวนิสต์ พวกรักชาติ นักโทษรัสเซีย พวกรกั ร่วมเพศ - ชาวยิวในทกุ พ้ืนที่ที่ตกอย่ใู ต้การยึดครองของนาซี เป้าหมายหลกั ของหนว่ ยสังหารพเิ ศษคอื การฆา่ ล้าง เผา่ พันธช์ุ าวยวิ

มาตรการแกป้ ญั หาชาวยวิ : มาตรการที่ 4 การสงั หารหมู่ - ในต้น ค.ศ. 1942 หน่วยสังหารพิเศษใด้ฆ่า ชาวยิวในโปแลนด์ตะวันออก ยเู คนและสหภาพโซเวียตรวมกวา่ 500,000 คน - วิธีการสังหารคือให้เหยื่อท่ีเคราะห์ร้ายขุดหลุม ขนาดใหญ่ และให้ยืนเลียงแถวกระดานตรงปากหลุม แล้วระดมยิงจนเหย่ือดบั ชีพตกลงไปสุมทบั กันในหลุม -การสังหารเกิดข้ึนเกือบทุกวันในประเทศยุโรป ตะวันออก -จานวนชาวยิวท่ีถูกประหารหมู่ท้ังหมด ค.ศ. 1942 มีประมาณ 2 ลา้ นคน

มาตรการแก้ปญั หาชาวยิว : มาตรการท่ี 4 การสงั หารหมู่  มกี ารจดั ตงั้ หนว่ ยงานใหม่ ท่ีเรยี กว่า \"สานักงานการต้ังถ่ินฐานใหมแ่ ละเชอื้ ชาติ\" ข้ึน - มหี นา้ ที่เนรเทศและกาจัดชาวยิวดว้ ย วธิ กี ารการลวงล่อ ให้ไปต้งั ถ่ินฐานใหม่ ซงึ่ เดนิ ทางโดยบวนรถไฟทใ่ี ชเ้ ดินทางเรียกวา่ \"ขบวนรถพเิ ศษในการตั้งถน่ิ ฐานใหม\"่ - วิธสี งั หารจะใชก้ ารรมแก๊สในรถไฟ - ใช้รถบรรทกุ ลาเลียงชาวยิวออกจาก ค่ายพักแรมแลว้ รมแก๊สฆา่ ในรถ - หรอื การนาไปสังหารหมูใ่ นคา่ ยกกั กันท่ี มีห้องรมแกส๊ ซึง่ มีป้ายตดิ ดา้ นหน้าไวว้ า่ หอ้ ง อาบนา้

มาตรการแก้ปัญหาชาวยวิ : มาตรการที่ 4 การสังหารหมู่ ในช่วงเวลา 15 เดือนหลังจากเริ่ม จานวนชาวยิวท่ีถูกสังหารหมู่ด้วยแก๊สพิษ ในรถ นโยบายแก้ปัญหาชาวยวิ ครั้งสุดทา้ ย - แก๊สและค่ายกักกันต่าง ๆ ท่ีตรวจสอบได้มี ชาวยิวในประเทศยุโรปตะวันออกกว่า 2 จานวน 4,000,000 คน และอีกกว่า 2,000,000 ล้านคน ถูกสงั หารด้วยแกส๊ ในคา่ ยกกั กนั ทง้ั คน ถูกหน่วยเพชฌฆาตเคล่ือนท่ีสังหารหมู่ด้วย การยิงท้ิง - ชาวยิวที่เหลือรอดก็ถูกกวาดต้อนไป เป็นแรงงานในคา่ ยกกั กนั - ค่ายกักกันโหดและมีชื่อเสียงคือค่าย กักกันเอาซ์วิทซ์ ซึ่งเป็นค่ายกักกันท่ีใหญ่ ที่สุด และบิร์เคเนา (Birkenau) หรือเรียก กนั ว่าเอาซว์ ทิ ซห์ มายเลข 2 - ค่ายกักกันทั้งสองแห่งมีการใช้ชาวยิว เป็นเหยอ่ื ทดลองทางการแพทยแ์ ละมีห้องรม แก๊สขนาดใหญก่ ว่า 10 ห้อง

ตารางแสดงคา่ ประมาณจานวนชาวยวิ ในยโุ รปที่ถกู กวาดลา้ ง

ผลกระทบท่ีเกิดจากสงครามโลกคร้งั ทีส่ อง ทส่ี ่งผลกระทบต่อสังคมยโุ รป สภาพทางสงั คมภายหลังสงครามโลกสามารถพจิ ารณาไดด้ งั น้ี 1. สภาพสงั คม สภาพภายหลงั สงครามน้ัน ถงึ แม้จะมคี วามยนิ ดีและความหวังใหม่เกดิ ขนึ้ หลงั สงคราม แต่สภาพท่ียบั เยนิ บอบช้านับเปน็ ภาระอันยิ่งใหญท่ หี่ นกั อกจะตอ้ งฟน้ื ฟูโดยเร็วท่ีสดุ และได้ส่งผล กระทบทางดา้ นสังคม ดังนคี้ อื 1.1 การอพยพโยกยา้ ยประชากร 1.2 การอพยพโยกยา้ ยประชากรในรูปแบบแรงงาน

เพื่อช่วยให้สามารถเข้าใจลักษณะของปัญหาได้ดีย่ิงขึ้นจะได้พิจารณาการ อพยพแรงงานในบางประเทศหรอื เขตที่สาคญั ดังตอ่ ไปน้ี เยอรมนั  ลกั ษณะสาคญั ของการเคล่อื นยา้ ยแรงงานในศตวรรษที่ 19 ของเยอรมนั ก็คอื การอพยพออกไปสู่โพน้ ทะเล  หลังจากเยอรมันพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งท่ี 2 ไดม้ กี ารผลักดนั คนเยอรมันมาจากเขตยุโรปตะวันออก  การอพยพเข้าเยอรมนั ตะวนั ตกในช่วงสงครามโลกครัง้ ที่ 2 สิ้นสุดลงใหม่ ๆ น้นั ก่อให้ เกิดปัญหามากเพราะผู้ เขา้ มามิใชโ่ ดยสมัครใจและไมไ่ ด้คัดเลอื ก

องั กฤษ - ในชว่ งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษได้กลับเปน็ ประเทศทมี่ ผี ูอ้ พยพออกมากอกี ครง้ั - การสญู เสียบคุ คลทมี่ ี คุณภาพสูงออกไปสปู่ ระเทศซึ่ง ใหโ้ อกาสทางเศรษฐกิจสงู กว่ามาก - การอพยพ จากอังกฤษหลงั สงครามโลกครัง้ ท่ี 2 พบวา่ การอพยพออกถูกควบคุมค่อนข้างมากโดยนโยบาย รัฐบาล

ส่วนในดา้ นการอพยพเข้าอังกฤษนนั้ หลังสงครามโลกคร้งั ท่ี 2 แยกได้เปน็ 4 ลักษณะคือ (ก) คนอังกฤษทอ่ี พยพออกแล้วกลับคนื มาประเทศ (ข) การอพยพเข้าครือจักรภพ (ค) การอพยพเขา้ จากสาธารณรัฐไอรแ์ ลนด์ (ง) ผูอ้ พยพต่างดา้ ว

โดยสรปุ แลว้ การอพยพเขา้ นัน้ มที ง้ั ผลดีและผลเสยี ต่อองั กฤษ - ผู้อพยพเขา้ ได้ชว่ ยเติม สว่ นของกาลงั คนท่อี ังกฤษขาดแคลน - กระแสการอพยพเข้าของคนผวิ สสี ่อู งั กฤษได้ก่อให้เกดิ ปัญหา สงั คมซึ่งอาจกลายเป็นเร่อื งทางการเมืองท่ีสาคญั ต่อมาได้

การลดลงของจานวนประชากร ไดม้ ีการประมาณวา่ มีผู้เสยี ชีวติ จากสงครามโลกครัง้ ท่สี องไวอ้ ย่างหลากหลาย แตส่ ว่ นใหญ่ ได้เสนอวา่ คดิ เป็นจานวนมากกวา่ 60 ล้านคน ประกอบไปด้วยทหารอยา่ งน้อย 22 ลา้ นคน และพลเรือนอย่างนอ้ ย 40 ล้านคน สาเหตุเสยี ชีวิตของพลเรอื นส่วนใหญน่ ้นั มาจากโรค ระบาด การอดอาหาร การฆา่ ฟัน และการทาลายพชื พันธุ์



แม้ยุโรปจะสูญเสียพลเมืองเกือบ 30 ล้านคนในสงครามโลกครั้งท่ีสองแต่ง ไม่ถึงสอง ทศวรรษประชากรยุโรประหว่าง ค.ศ. 1945-1960 ก็มีจานวนเพิ่มขึ้น คนและการ เพมิ่ จานวนประชากรทว่ั ทง้ั ยโุ รปเกดิ ขน้ึ ในอัตราที่ไมเ่ ทา่ กัน

 การเพ่ิมจานวนอย่างรวดเร็วของพลเมืองยุโรปโดยเฉพาะในเมืองหรือเขต อุตสาหกรรม สว่ นหนง่ึ เปน็ ผลจากการอพยพย้ายถนิ่ ฐานของประชากรในเขตชนบท เขา้ สู่เมือง  ชาวนาต้องปรับเทคนิคและวิธีการผลิต การดาเนินงานร่วมมือกันระหว่างกลุ่มเกษตรกร กับชาวนาท่ีจะควบคุมคุณภาพ การจาหน่ายและการกาหนดราคาตลอดจนการปรับปรุง เทคนคิ และวิธกี ารผลิต สอดคลอ้ งกบั ผูบ้ รโิ ภค  มกี ารจัดต้ังสหกรณ์และธนาคาร การเกษตรให้ความช่วยเหลือดา้ นการลงทุน กู้ยืมรวมท้ัง การจาหน่ายและส่งออก  ชาวนา มีเวลาว่างมากขึ้นและมีโอกาสเป็นเจ้าของรถยนต์ วิทยุ และโทรทัศน์รวมถึง เครื่องอานวย ความสะดวกสบายและความเพลิดเพลนิ อ่ืน ๆ  การอพยพของประชากรในชนบทและการผลิตจานวนมาก เพื่อตอบสนองความต้องการ ของพลเมืองท่ีเพิ่มข้ึนไม่เพียงจะทาให้จานวนกรรมกรหรือ ผู้ประกอบอาชีพด้าน อุตสาหกรรมขยายตัวอยา่ งรวดเรว็ เท่านัน้ แตย่ งั กอ่ ใหเ้ กดิ ชมุ ชนและ เมอื งใหมอ่ ีกมาก

สทิ ธมิ นษุ ยชน

ในช่วงระยะเวลาระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๑ กับคร้ังท่ี ๒ ได้เกิดระบอบ การปกครองแบบเผด็จการ ซ่ึงก่อตัวขึ้นในประเทศเยอรมนี เมื่อ ค.ศ. ๑๙๒๐ และดาเนินต่อไปจนถึงสงครามโลกครั้งท่ี ๒ ระบอบการปกครอง ดังกลา่ ว ได้มกี ารล่วงละเมดิ สิทธมิ นุษยชนอย่างรนุ แรง ในขณะที่สงครามโลกครั้งท่ี ๒ ทาให้เกิดการทาลายล้างชีวิต และศักด์ิศรี ของมนุษยชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งความพยายาม ที่จะทาลายกลุ่มชน ตา่ งๆ โดยอา้ งเหตุแหง่ เช้อื ชาตแิ ละศาสนา จาเป็นต้องมีบทบัญญัติระดับนานาชาติ เพื่อเป็นเครื่องมือ ในการคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน เพราะการเคารพสิทธิมนุษยชน นับเป็นหนทางสาคัญ ที่จะ นาไปสู่สันตภิ าพ และความสงบสขุ ของโลก

เม่ือมีการดาเนินการจัดต้ังองค์การสหประชาชาติขึ้น ในช่วงปลาย สงครามโลกคร้งั ท่ี ๒ บรรดาผนู้ าของประเทศสมาชิกดง้ั เดิม ๕๐ ประเทศ ไดร้ ่วมลงนาม ในกฎบัตรสหประชาชาติ (The Charter of the United Nations) เม่อื วันท่ี ๒๖ มถิ ุนายน ค.ศ. ๑๙๔๕ โดยประกาศเปูาหมายหลัก ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งได้ถือกาเนิด ขึ้นอย่างเปน็ ทางการ เมอ่ื วันที่ ๒๔ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ วา่ \"เพ่อื ปกปูอง คนรุ่นต่อไปจากภัยพิบัติของสงคราม และเพื่อยืนยันความศรัทธาในสิทธิ มนุษยชนข้ันพื้นฐาน ในศักดิ์ศรี และคุณค่าของมนุษย์ และในสทิ ธิอันเท่า เทยี มกนั ของบรุ ษุ และสตรี\"

กฎบตั รสหประชาชาติ มิได้มีรายละเอียดเกี่ยวกบั สิทธิมนุษยชน โดยตรง หรือกลไก ท่ีจะช่วยให้ประเทศสมาชิกปกปูองคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน ดังนั้น องคก์ ารสหประชาชาติ จึงไดจ้ ดั ตงั้ คณะกรรมาธกิ ารสิทธมิ นษุ ยชน (Committee on Human Rights) ขึ้น ใน ค.ศ. ๑๙๔๕ เพื่อร่างกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ เกี่ยวกับเร่ืองสิทธิมนุษยชน ส่งผลให้ เกิด ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) ซงึ่ สหประชาชาติไดม้ ีมติรับรอง เมือ่ วันท่ี ๑๐ ธนั วาคม ค.ศ. ๑๙๔๘

องค์กรด้านสทิ ธิมนษุ ยชน 1.องค์กรสทิ ธิมนษุ ยชนระหว่างประเทศ 1.1 คณะกรรมการสิทธมิ นุษยชนแห่งสหประชาชาติ : มีบทบาทในการกาหนด หลกั การ และส่งเสรมิ สทิ ธิมนุษยชนในประเทศตา่ งๆ 1.2 กองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) : ดูแลช่วยเหลือเด็ก ทัว่ โลก รณรงคเ์ พอ่ื สิทธิเด็ก ในดา้ นการคมุ้ ครองเดก็ ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพอนามัย

สถานภาพของผหู้ ญงิ การสนบั สนุนของรฐั ด้านโอกาสทางการศึกษาทีเ่ ทา่ เทยี มกันจงึ มีส่วนทาให้เส้น แบ่งทางชนชั้นในสังคมเริ่มหมดความหมายลง ทั้งยังทาให้ผู้หญิงเริ่มมี สถานภาพและบทบาททางสงั คมเปน็ ท่ยี อมรับมากขึน้ แต่ข้อจากัดทางกฎหมายและสังคมในด้านความไมเ่ ทา่ เทียมกันระหว่างเพศ ก็ ยังคงมีอยู่ หลักการว่าด้วยความเท่าเทียมเร่ืองรายได้ระหว่างหญิงกับชายใน งานอาชีพ เดียวกันจึงยังไม่เป็นท่ียอมรับกันท่ัวไปท้ังในประเทศยุโรปตะวันตก และยโุ รปตะวันออก ในปลายทศวรรษ 1940 ผ้หู ญงิ ซ่งึ เคยมีบทบาทสาคัญในการทางานด้านต่าง ๆ ในแนวหลังเพ่ือสนับสนุนการทาสงครามหันกลับไปทางานในครัวเรือนดังเดิม เพราะทหาร ที่ปลดประจาการได้กลับมาทางานแทน

 การกลับไป ดารงชีวิตครอบครัวท่ีเป็นแบบแผนดังเดิม แรงงานผู้หญิงจึงลดลงและอัตราการ เกิดเร่ิม สูงข้ึนจนเกิดปรากฏการณ์ท่ีเรียกว่า “เบบ้ีบูม” (Baby Boom) ท้ังระหว่าง ค.ศ. 1946-1950 ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปสนับสนุนเร่ืองการเพ่ิมจานวนประชากร ผู้หญิงจึงให้ ความสาคัญ กับการดูแลครอบครัวและการเล้ียงดูบุตรอย่างใกล้ชิดมากขึ้นและไม่สนใจเรื่อง การหารายได้  อัตราการเกิดเร่มิ ลดลงเพราะการคมุ กาเนิดเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น ถงุ ยางอนามัยที่ ประดิษฐ์ ข้ึนในคริสต์ศตวรรษท่ี 19 เร่ิมนิยมใช้กันแพร่หลายและยิ่งมีการคิดค้นยาคุม กาเนิดได้ใน ทศวรรษ 1960  ผู้หญิงสามารถควบคุมร่างกายตนเองและความสัมพันธ์ทางเพศของตนได้ และในเวลาต่อมา นาไปสู่การเคล่ือนไหวเรียกร้องสิทธิทาง การคุมกาเนิดและการทาแท้ง เสรีภาพเร่ืองเพศและ การเปิดกวา้ งเรอ่ื งเพศ  ผู้หญิงถึง เป็นอิสระจากงานบ้านและการเลี้ยงดูบุตร ในทศวรรษ 1960 แนวโน้มที่ ทางาน นอกบ้านมีมากขึ้นและผู้หญิงท่ีแต่งงานก็หางานทากันมากขึ้นด้วย เพราะเคร่ืองอานวยความ สะดวกต่าง ๆ ในบา้ น เช่น ตู้เย็น เคร่ืองซกั ผ้า  แต่ยงั ถูกเอาเปรยี บเรื่องค่าแรง ระหวา่ งแรงงานชาย กบั แรงงานหญิง และได้ทางานทตี่ ่าแหนง่ ไม่สาคญั เมอื่ ชว่ งเศรษฐกจิ ตกต่ากถ็ ูกเลกิ จา้ ง

 ปัญหาความไม่เสมอภาคดังกล่าวทาให้ผู้หญิงเร่ิมเป็นกบฏ ต่อสังคมและครอบครัวและจารีต ประเพณีซึ่งนาไปสู่การเคล่ือนไหวเพ่ือสิทธิสตรีในเวลาต่อมาในปลายทศวรรษ 1960 จนถึง ต้น ศตวรรษท่ี 20 (8 มีนาคม ค.ศ. 1910) ในวันสตรีสากล 8 มีนาคมของ ทุกปีซึ่งมีการเฉลิม ฉลองเรื่องสิทธิเสมอภาคของผู้หญิงในประเทศยุโรป ตะวันตก แต่ในสหภาพโซเวียตและยุโรปตะวันออก วันสตรีสากลคือวันท่ีผู้หญิงเป็นอิสระจากงานบ้าน โดยผ้ชู ายตอ้ งลา้ งจานและทางานบ้าน

การเปิดกว้างทางเพศ  ความนิยมแพร่หลายของยาคุมกาเนิดในกลางทศวรรษ 1960 ยังทาให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมและศีลธรรมของพลเมืองและนาไปสู่การเปิดกว้างเรื่อง เสรีภาพ ทางเพศ  สวเี ดนเปน็ ประเทศบุกเบกิ ในการเผยแพรค่ วามคดิ ที่เรียกว่าการปฏวิ ตั ิทางเพศ  ในยุโรปรวมทั้งสหรัฐอเมริกา ปฏิบัติตาม สวีเดนให้มีการสอนวิชาเพศศึกษาใน โรงเรียนและมีกฎหมายให้สิทธิทางสังคม แก่พวกรักร่วมเพศ รัฐบาลยังอนุญาตให้ ธุรกิจการพิมพ์และการบันเทิงทางเพศแบบลับ ๆ ล่อ ๆ และแบบโจ๋งครึม เช่น หนงั สอื หนัง สิง่ พิมพ์  การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานเป็นท่ียอมรับกันท่ัวไป มากขึ้นและการหย่าร้างก็มี จานวนสงู  ในทศวรรษ 1960 เยาวชนที่ต่อ ด้านสงั คมและแบบแผนประเพณีแสวงหา ทางออก ของชีวิต ด้วยยาเสพติด ดนตรี และการมีเพศสัมพันธ์อย่างเสรี และปฏิเสธคาสอน จากศาสนา ทาให้อาชญากรรมทางเพศเพิม่ สูงขนึ้

 คนหนุ่มสาวจานวนไม่น้อยเริ่มหันเข้าหายาเสพติด และกัญชา เป็นที่นิยมเสพกันมาก ความนิยมยา เสพติดส่วนหนึ่งเป็นเพราะ คนหนุ่มสาวที่เติบโตมาในช่วงหลังสงครามไม่พอใจต่อสภาพสังคมและมี ปญั หาขดั แย้งทางความคิดกับครอบครัว  ท้ังต้องการหนีจากสภาพชีวิตท่ีไม่สมปรารถนาเฉพาะหน้า ยาเสพตดิ ทาให้หายอาการเบ่ือหน่ายและ คลายความเหงาอ้างว้างใจ ทาใหเ้ กดิ อารมณ์ เคล้มิ ฝันและความบันเทิงสนุกสนาน  วัฒนธรรมยาเสพติดของคนหนุ่มสาวในทศวรรษ 1960 และเสรีภาพทางเพศจึงเป็นการต่อต้าน ค่านิยมของสังคมและการแสวงหาทางออก ของชีวติ ในความเชอ่ื ถอื ใหม่ ๆ  ในต้นทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา แบบแผน และวิถีชีวิตทางสังคมก็กลับสู่ความสมดุลและเป็นระบบ ระเบยี บมากขึน้

การฟ้นื ฟปู ระเทศหลงั สงครามโลกคร้งั ที่ 2 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงเม่ือปี 1954 ประเทศมหาอานาจ อกั ษะเปน็ ฝาุ ยแพส้ งคราม ประเทศท่ีชนะและพ่ายแพส้ งครามตา่ งต้อง ประสบ กับความยากลาบากด้วยกันท้ังสองฝุายโดยเฉพาะความเสียหายอันเกิด จาก สงครามและกินพื้นท่ีกว้างไปท่ัวโลกส่งผลให้ประเทศต่างๆต้องการฟื้นฟูและ พฒั นาประเทศของตนหลงั สงครามโลกครั้งที่ 2 ส้ินสดุ ลง

ปัญหาทางด้านสังคม หลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ทาให้ประชาชนขาดความมั่นคง ในชวี ติ รัฐบาลมนี โยบายการฟืน้ ฟูและพัฒนาประเทศ โดยใช้ นโยบายรัฐสวัสดกิ าร หลัง ค.ศ. 1945 ทุกประเทศในยุโรปใช้เป็นแนวทางนโยบายรัฐสวัสดิการนาไปสู่ การเปลย่ี นแปลงโครงสร้างสังคมและวิถชี ีวติ ของชาวยุโรป ในช่วงหลงั สงคราม ประเทศในยโุ รปไดด้ าเนนิ การจัดต้ังองค์การตา่ ง ๆข้ึนมา เช่น องค์การสนธสิ ัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) องคก์ ารสหประชาชาติ (United Nations;UN ) องค์การประชาคมยโุ รป (EC) ซึ่งกลายเป็น สหภาพยุโรป (EU) ในปจั จบุ นั

สวัสดิการสังคม คือการดาเนินเพื่อให้ประชาชนมีหลักประกันใน การดารงชีวิตต้ังแต่เกิดจนตายคือ การประกันสุขภาพ และการสาธารณสุข การศึกษา ท่พี กั อาศยั และการสงเคราะห์คนชราและคนทพุ พลภาพ อังกฤษ นับเป็นประเทศแรกที่ถูกเรียกว่าเป็นรัฐสวัสดิการ เพราะมีการดาเนนิ งานมาตง้ั แต่คริสต์ศตวรรษท่ี นโยบายรฐั สวัสดิการส่งผลดังน้ี  ชาวยุโรปมีชีวิตความเป็นอยู่ม่ันคง และดขี ้นึ  เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกจิ  ช้ันในสงั คมเริม่ เปล่ยี นแปลง  เกิดความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ การรักษาสขุ ภาพและสาธารณสขุ

ด้านทอ่ี ย่อู าศัย หลังสงครามโลกคร้ังท่ีสองแทบทุกประเทศใน ยุโรปล้วนได้รับความเสียหาย ด้านทรัพย์สินอย่างมหาศาล เมืองและนครใหญ่หลายแห่งจะพังพินาศ อาคารบ้านเรือน ถูกทาลายจากนโยบายปฏบิ ตั กิ ารทางทหาร การบูรณะสร้างบ้านพักและท่ีอยู่อาศัยจึงเป็น นโยบายหลักที่รัฐบาลแต่ละประเทศต่างรีบดาเนินการแก้ไข อยา่ งเร่งดว่ น และเงินรายไดถ้ ูกใชใ้ นการสร้างที่พกั อาศยั ใน ค.ศ. 1950 จานวนบ้านท่ีสร้างขึ้นใน ประเทศยุโรปตะวันตกสูงเป็น 3 เท่า บ้านพักที่สร้างใน เยอรมันนี มี จานวนกว่า 500,000 หลัง ในฝร่ังเศสและ อิตาลีมีประมาณ 400,000 หลัง อังกฤษเกือบ 400,000 หลัง

ด้านการศึกษา ปัจจัยสาคัญที่นาไปสู่การเปล่ียนแปลงสถานภาพทางสังคมคือ ระบบ การศึกษา เป็นการสร้างโอกาสที่จะแสวงหาความรู้ การขยายตัวทางการศึกษา พื้นฐาน ในประเทศต่าง ๆ เปิดทางให้ชนช้ันกรรมกร ชาวนาและชนช้ันกลาง มี โอกาสได้พฒั นาตนเองและฝึกฝนความชานาญเพอ่ื ประกอบอาชพี ในดา้ นต่าง ๆ การศกึ ษาระดับอุดมศกึ ษาซึง่ เปิดกวา้ งและขยายตัวอยา่ งรวดเร็วกม็ ีส่วน ช่วยพัฒนา คุณภาพพลเมืองของประเทศ จากการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ดงั กล่าวจึงสามารถไตเ่ ต้าในสงั คมและมบี ทบาทสาคัญ ในวงการรัฐบาลและแวดวง ธรุ กิจอุตสาหกรรมระดบั สูง

ดา้ นประชากร แม้ยุโรปจะสูญเสียพลเมืองเกือบ 30 ล้าน คนในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ประชากรของ ยโุ รปมีจานวนเพ่ิมถึง 35 ล้านคนซ่ึงมปี ัจจยั ดงั น้ี รัฐให้เงินช่วยเหลือคู่สมรสและมีสวัสดิการ กู้ยืม ระยะยาวสาหรับการแตง่ งาน ฝรั่งเศส นับเป็นประ เ ท ศที่ ใ ห้เงินค่ า รั ก ษ า พ ย า บ า ล แ ล ะ ค่ า อุ ด ห นุ น ช่ ว ย เ ห ลื อ ครอบครัวมากท่ีสุด โดยครอบครัวท่ีมีบุตร มากกว่าสองคนจะได้เงินช่วยเหลือประมาณ 60 เหรียญสหรัฐ ค.ศ. 1964 จานวนประชากรมีจานวนคงที่กลับทวี จานวนสงู ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ และคงท่ี

การเพิ่มจานวนของประชากร เปน็ ผลจากจานวนทารกแรกเกิดมีชวี ิตรอดมาก ขึ้นและอัตราการตายลดน้อยลง รวมถึงมีการพัฒนาขยายตัวของเขตอุตสาหกรรม และชุมชนชานเมืองในทุกประเทศของยุโรป การเพิ่มปริมาณ อย่างรวดเร็วของ พลเมืองยุโรปโดยเฉพาะในเมืองหรือเขตอุตสาหกรรมส่วนหน่ึงเป็นผลกระทบจาก การอพยพยา้ ยถน่ิ ฐานของประชากรในเขตชนบทเข้าสู่เมือง

การจดั สวสั ดกิ ารให้แก่ทหารผา่ นศกึ ในสงครามโลกคร้ังที่ 2 ของ สหรฐั อเมรกิ า  รฐั บญั ญตั ิสิทธิของทหารเกณฑ์ที่ผา่ นศึกของสหรฐั อเมรกิ า  รัฐบาลตอ้ งจ่ายเงินชดเชยให้แกท่ หารทีป่ ลดประจาการแลว้  ทหารผา่ นศกึ ท่ปี ระสงค์จะประกอบอาชีพสว่ นตวั  ประกันให้ทหารผ่านศึกที่ต้องการจะกู้เงินซื้อบ้าน ไร่นา หรือ ลงทนุ  ให้โอกาสทหารผ่านศึกได้รับการฝึกงาน หรือศึกษาต่อใน ระดับอุดมศึกษา

การฟน้ื ฟปู ระเทศญ่ีปนุ่ หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 หลังการพ่ายแพ้สงครามโลกคร้ังท่สี อง พลเอก ดกั ลาส แมกอารเ์ ธอร์ ญ่ี ปุ น ต ก อ ยู่ ภ า ย ใ ต้ ก า ร ป ก ค ร อ ง ข อ ง สหรัฐอเมริกาภายใต้การนาโดยพลเอก ชาวอเมริกัน ดักลาส แมกอาร์เธอร์ ได้รับการแต่งต้ังให้เป็นผู้บังคับบัญชา สูงสดุ ของฝาุ ยพันธมติ ร การยึดครองญี่ปุนครั้งนี้ ส่งผลให้ญ่ีปุน เกิดการเปล่ียนแปลงทางแนวความคิด แ ล ะ ค่ า นิ ย ม ข อ ง ช า ว ญี่ ปุ น ต้ั ง แ ต่ ห ลั ง ส ง ค ร า ม โ ล ก ค รั้ ง ที่ ส อ ง จ น ก ร ะ ท่ั ง ถึ ง ปจั จุบัน

คณะภารกิจการศึกษาสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้การเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจของญี่ปุนสมัยหลังสงครามพัฒนาข้ึนอย่างรวดเร็ว ด้วยปัจจัยของ แรงงานทม่ี ีแรงจูงใจการทางานสูง และสามารถฟื้นฟูประเทศได้อยา่ งรวดเรว็ สังคมญี่ปุนเป็นเสรี และการเปลี่ยน ประเทศไปสู่ปรัชญาลัทธิปัจเจก บุคคล ประชาธปิ ไตย เรียกว่า “การปลดปล่อยสตรีในญ่ีปุน”โดย การนาแนวคิดประชาธิปไตย มาใช้สิทธิ เลือกตั้งของสตรีเป็นหน่ึงในเปูาหมาย และมี การเลือกตงั้ ท่ัวไปครงั้ แรกในสมัยหลังสงคราม ในปีค.ศ. 1946 สตรีญี่ปุนกว่า 13 ล้านคนก็ ไดร้ ่วมออกเสยี ง เลือกตัง้ เป็นครัง้ แรก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook