วชิ าภาษาไทย เรื่อง การใช้สานวนโวหาร ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 5 ครูผู้สอน : องั คณา ประมงค์
การใช้สานวนโวหาร โวหาร คือ ถอ้ ยคำ กลุ่มคำ ประโยค ขอ้ ควำม สำนวนท่ี นำมำเรียบเรียง เขียนและพูดอย่ำงมีศิลปะ เพื่อถ่ำยทอดเร่ืองรำว ให้ผู้อ่ำนหรื อผู้ฟังเกิดควำมเข้ำใจ และควำมรู้สึกคล้อยตำม ในเร่ืองรำวท่ีนำเสนอ บำงคร้ังเรียกวำ่ สานวนโวหาร
ประเภทของสานวนโวหาร 1. บรรยายโวหาร คือ โวหำรที่ใชถ้ อ้ ยคำกระชบั ตรงไปตรงมำ เพ่อื ช้ีแจง บอกเล่ำหรืออธิบำยเรื่องรำว เหตุกำรณ์ ควำมรู้ ใหเ้ ขำ้ ใจเน้ือหำไดก้ ระจ่ำงชดั เจน และไดส้ ำระตรงประเดน็ อยำ่ งรวดเร็ว นิยมบรรยำยขอ้ มูล ขำ่ วสำร เหตุกำรณ์ ควำมรู้ และสำรคดี
ตัวอย่างการเขียนบรรยายโวหาร พรำยไมก้ บั พรำยน้ำเป็นภูตจำพวกหน่ึง ภูตน้นั คือ อมนุษย์ มิใช่คนหรือสัตว์ แต่อำจ สำแดงใหเ้ รำเห็นเป็ นตวั เป็ นรูปคนได้ ภูตที่เป็นพรำยไมห้ รือพรำยน้ำ กลำ่ วกนั ว่ำมีตวั เลก็ จ๋ิว สวยงำม สำมำรถสำแดงใหเ้ ห็นเป็นรูปคน หรือเป็นรูปอะไรกไ็ ด้ ท้งั ใหด้ ีและใหร้ ้ำยแก่มนุษย์ ไดด้ ว้ ย มีนิสยั ชอบสนุก ประชุมร้องรำทำเพลงกนั (กระเชำ้ สีดำ ของ พระสำรประเสริฐ)
ประเภทของสานวนโวหาร 2. พรรณนาโวหาร คือ โวหำรท่ีใชถ้ อ้ ยคำประณีต ไพเรำะ เพ่อื ใหเ้ กิดจินตภำพ บรรยำกำศ สะเทือนอำรมณ์ และเกิด อำรมณ์คลอ้ ยตำมได้ นิยมพรรณนำอำรมณ์ ควำมรู้สึก บรรยำกำศ และสถำนท่ี รวมท้งั ควำมงำม
ตวั อย่างการเขียนพรรณนาโวหาร ...หยาดฝนโปรยปรายปะทะผืนดนิ อนั ร้อนระอุ ไอละอองแห่งความแห้งแล้ง โรยระรินมาต้องจมูก ทส่ี ูดได้ในอากาศ...
ประเภทของสานวนโวหาร 3. อุปมาโวหาร คือ โวหำรท่ีมีถอ้ ยคำเปรียบเทียบสิ่งหน่ึงกบั อีกส่ิงหน่ึง เพ่อื ใหเ้ ขำ้ ใจ หรือมองเห็นภำพไดช้ ดั เจนยงิ่ ข้ึน มกั มีคำแสดงควำมเปรียบเทียบปรำกฏอยู่ เช่นคำวำ่ ดุจ ประดุจ เหมือน ดงั คลำ้ ย เท่ำ เพียง ประหน่ึง เฉก ฯลฯ เช่น ตวั อย่างการเขยี นอุปมาโวหาร ❖ เดก็ น้อยแก้มแดงดงั สีลูกตาลงึ สุก ❖ กระต่ายตัวอ้วนขนขาวเหมือนปยุ นุ่น
แบบฝึ กหัด คาชี้แจง : ให้นักเรียนนาภาพพจน์ทกี่ าหนดให้ไปเตมิ ลงในข้อความให้ถูกต้อง บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร อปุ มาโวหาร ..บ..ร...ร..ย..ำ.ย...โ..ว..ห...ำ.ร... 1. เวลำค่ำเดือนหงำย ถิ่นของพรำยไมส้ วำ่ งกระจ่ำงแจง้ พวกพรำยไม่ไดม้ ำประชุมกนั คร้ันไดเ้ วลำเลน่ สนุก นำงพรำยน้ำแจกกระเชำ้ แก่พวกพรำยไมต้ วั ละใบ... ..พ...ร..ร..ณ...น...ำ..โ..ว..ห...ำ.ร. 2. สำยลมโบกเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ มำปะทะยอดหญำ้ ใหพ้ ลิ้วไหวโอนเอนไปตำมลม
..บ...ร..ร..ย..ำ..ย..โ..ว..ห...ำ..ร.. 3. โดยปกติแลว้ ร่ำงกำยของคนเรำตอ้ งกำรวติ ำมินหลำยชนิด เพ่อื สร้ำงควำมแขง็ แรงแก่ ร่ำงกำย แหลง่ วติ ำมินตำมธรรมชำติน้นั กม็ ีมำกมำย ท้งั ในพชื ผกั และผลไม้ ...อ..ุป...ม...ำ.โ...ว..ห...ำ.ร..... 4. เสียงสนน่ั คร่ันคร้ืนโพยมหน มืดมนทว่ั ทิศำศำล ปำนดง่ั ฤดูเหมนั ต์ เยอื กเยน็ ไปท้งั บำดำล ....อ..ุป...ม...ำ.โ..ว...ห..ำ..ร.... 5. ขำ้ วเป็นธญั พืชที่อยคู่ ู่วถิ ีชีวติ คนไทย เสมือนสำยเลือดหลอ่ เล้ียงชีวติ ทุกชีวิตใหอ้ ยรู่ อด
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: