คาสนั ธาน วิชาภาษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ โรงเรยี นประสารวทิ ยา
ความหมาย คาทใ่ี ชเ้ ชอ่ื มคาหรอื ขอ้ ความใหต้ ิดต่อเปน็ เร่อื งเดยี วกนั ประโยคจะมคี วามกระชบั และสละสลวยขน้ึ เชน่ คาว่า และ แลว้ จึง แต่ หรือ เพราะ เหตเุ พราะ เป็นตน้ ตวั อย่าง พอฝนหยดุ ตกกบกร็ ้องส่งเสยี งกนั ระงม แก้มจะเรียนหนังสอื หรอื จะทางาน เขาขีเ้ กยี จทางานส่งจงึ สอบตก
ชนิดของคาสันธาน หลกั ภาษาไทยได้แบง่ คาสันธานออกเปน็ ๔ ชนิด ดังน้ี ๑. เช่ือมใจความท่ีคลอ้ ยตามกนั ๒. เชอ่ื มใจความท่ขี ัดแยง้ กนั ๓. เช่อื มใจความทเี่ ปน็ เหตเุ ปน็ ผลกนั ๔. เชื่อมใจความที่ ให้เลอื ก
๑. เชอื่ มใจความทค่ี ลอ้ ยตามกนั ได้แกค่ าวา่ กบั และ ท้ัง…และ ทงั้ …ก็ คร้นั …ก็ ครั้น…จงึ พอ…ก็ เช่น นอ้ งกบั พไี่ ปโรงเรยี น ทั้งพอ่ และแมข่ องผมเปน็ คนใต้ พอทางานเสรจ็ แล้วฉันกน็ อน
๒. เชื่อมใจความทข่ี ัดแยง้ กนั ไดแ้ กค่ าวา่ แต่ แตว่ า่ ถงึ …ก็ กว่า…ก็ เชน่ เขาว่งิ เรว็ มากแตว่ า่ ไมเ่ หนอื่ ยเลย กว่าเราจะเรยี นจบเพอ่ื นๆ ก็ทางานหมดแล้ว ถงึ เขาจะยากจนแตเ่ ขากม็ คี วามสุข
๓. เชื่อมใจความทเ่ี ปน็ เหตเุ ปน็ ผลกนั ไดแ้ กค่ าวา่ เพราะ เพราะวา่ ดังน้ัน ฉะน้นั …จงึ เพราะ…จงึ เหตุฉะน้ี เช่น เพราะเขาขยนั อา่ นหนงั สอื เขาจงึ สอบผา่ น นกั เรยี นมาโรงเรยี นสายเพราะฝนตกหนัก เล็กไมส่ บายจงึ ขาดเรียน
๔. เช่ือมใจความทใ่ี หเ้ ลือก ได้แกค่ าวา่ หรือ หรือไมก่ ็ ไม่เช่นนน้ั มฉิ ะนั้น ไม…่ ก็ เชน่ เธอตอ้ งทาเวรมฉิ ะนนั้ จะถกู ลงโทษ เธอคงไปซอ้ื ของหรือไมก่ ไ็ ปดหู นงั ตนู จะด่ืมน้าส้มหรอื ด่ืมนม
หน้าทข่ี องคาสันธาน ๑. เชอื่ มคากบั คา - ผักกาดและหัวหอมเปน็ พชื สวนครัว - เธอชอบสแี ดงหรอื สสี ม้ - ฉนั เห็นนายกรฐั มนตรีและภรยิ า - เธอจะส้ตู ่อไปหรือยอมแพ้
๒. เช่ือมข้อความกบั ขอ้ ความ - การส่งเสยี งดังในหอ้ งสมดุ เปน็ การกระทาทไี่ มด่ ี รบกวนผอู้ ืน่ เพราะฉะน้นั จงึ ตอ้ งมกี ฎห้ามสง่ เสยี งดังตดิ ประกาศไว้ - คนเราตอ้ งการอาหาร เสอ้ื ผ้า เคร่อื งน่งุ หม่ ทีอ่ ยู่ อาศัย และยารักษาโรคด้วยเหตนุ ้ีเราจึงจาเปน็ ตอ้ งประกอบ อาชีพเพอ่ื ใหไ้ ด้เงินมาซอื้ ส่ิงจาเปน็ เหล่านี้
๓. เชอ่ื มประโยคกบั ประโยค - พ่ีเปน็ คนขยนั แต่นอ้ งเกียจครา้ นมาก - เราหวงแหนแผ่นดนิ ไทยอนั เปน็ บา้ นเกดิ เมอื งนอน ของเรา - พ่อทางานหนักเพอ่ื ส่งเสียใหล้ ูกๆ ได้เรียนหนงั สือ
๔. เชื่อมความใหส้ ละสลวย - คนเรากต็ ้องมีผิดพลาดกนั บา้ งเปน็ ธรรมดา - ฉันกเ็ ปน็ คนจรงิ คนหนง่ึ เหมอื นกัน - คนเรายอ่ มเกดิ การผดิ พลาดกนั บา้ ง
ข้อสงั เกต ๑. คาสนั ธานบางคาใช้เข้าคู่กนั เชน่ ไม่…ก็ , กวา่ …ก็ , เพราะ…จงึ , ถึง…ก็ , แม้…ก็ เป็นต้น ๒. ประโยคทมี่ คี าสนั ธานนน้ั จะแยกออกเปน็ ประโยคยอ่ ยได้ ต้ังแต่ ๒ ประโยคขึ้นไป
๓. คาสนั ธานอาจอยใู่ นตาแหน่งตา่ งๆในประโยคกไ็ ด้ เชน่ อยู่ระหวา่ งคา : อฟี ชอบสีมว่ งและสขี าว อยู่หลังคา : คนกด็ ี สตั วก์ ด็ ี รักชวี ติ ดว้ ยกนั ทงั้ นนั้ อยู่ครอ่ มคา : ถงึ เปน็ เพอ่ื นกอ็ ยา่ วางใจ อยรู่ ะหวา่ งประโยค : ตนู จะดมื่ นา้ สม้ หรอื ดืม่ นม อยหู่ ลงั ประโยค : เราจะทาบุญกต็ าม บาปกต็ าม ควร คดิ ถงึ ผลกรรม อยคู่ ร่อมประโยค : แม้เตจ้ ะกนิ มากแตเ่ ตก้ ไ็ ม่อว้ น
๔. คาบางคาเปน็ ไดท้ งั้ คาสนั ธานและคาบุพบท เช่น คาว่า \"เมอื่ \" ใหพ้ ิจารณาวา่ ถ้าสามารถแยกเปน็ ๒ ประโยคได้กเ็ ปน็ คาสันธาน เช่น \"เมือ่ ๑๖ นาฬกิ า อาร์ทไดอ้ อกจากโรงเรยี นไปแล้ว\" ( เป็นคาบพุ บท ) \"เม่อื เราไดย้ นิ เสยี งระฆัง หมวยไดอ้ อกจากโรงเรยี นไปแลว้ \" ( เปน็ คาสนั ธาน )
๕. คาวา่ \"ให้\" เมอื่ นามาใช้เชื่อมประโยคก็จดั เปน็ คาสันธาน เช่น \"เขาทาทา่ ตลกใหเ้ ดก็ หยดุ รอ้ งไห้\" เปน็ ตน้ ๖. คาวา่ \"ว่า\" เมอ่ื นามาใช้เชื่อมระหวา่ งประโยคกจ็ ดั เปน็ คาสนั ธาน เช่น \"หนงั สอื พิมพล์ งขา่ วว่ามกี ารกวาดล้างพวก มจิ ฉาชพี ครัง้ ใหญ่\" เป็นตน้
๗. คาประพันธสรรพนามหรอื คาสรรพนามเช่ือมประโยค คือ คาว่า \"ผู้ ท่ี ซึง่ อนั \" จดั เปน็ คาสนั ธานดว้ ย สตรผี ู้มีความงามยอ่ มเปน็ ทส่ี นใจของคนทว่ั ไป คนท่ีกาลงั เลน่ กตี ารน์ นั่ เปน็ พี่ชายของวี ฝ้ายอยใู่ นตลาดซ่ึงมคี นพลุกพล่าน
แหลง่ อา้ งอิง ขอ้ มูลจากเวบ็ ไซต์ - http://www.digitalschool.club/digitalschool/ thai2_4_1/thai1_1/page6.php
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: