Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความสำคัญของศาสนาพุทธ

ความสำคัญของศาสนาพุทธ

Published by oil019268, 2020-10-22 10:28:58

Description: ความสำคัญของศาสนาพุทธ

Search

Read the Text Version

ความสาคญั ของศาสนาพทุ ธ อาจารย์ ณฐั ณี ศรคี า โรงเรยี นเทศบาลสนั ป่ ายางหนอ่ ม

ความสาคญั ของศาสนาพทุ ธ พระพทุ ธศาสนา เป็นศาสนาท่ีสาคญั ศาสนาหนง่ึ ของโลก เเละเป็นศาสนาประจาชาติไทยมาเป็นเวลาชา้ นาน มอี ทิ ธิพลตอ่ โครงสรา้ งของ วฒั นธรรมไทยมากท่ีสดุ เเละในปัจจบุ นั ประเทศไทยนบั วา่ เป็นศนู ยก์ ลางของพระพทุ ธศาสนาใยโลก เนอื่ งจากเป็นทต่ี ัง้ ขององคก์ รการพทุ ธ ศาสนิกสมั พนั ธเ์ เหง่ โลก

เนอื้ หาสาคญั 1.ความหมายของศาสนา ศาสนา หมายถึง คาส่งั สอนของพระศาสดาท่ีมงุ่ ใหม้ นษุ ยล์ ะเวน้ ความช่วั กระทาความดีและรูจ้ กั ควบคมุ ดแู ลตนเองใหต้ งั้ ม่นั อยใู่ นความดี โดยมิตอ้ งใหผ้ อู้ ่นื คอยวา่ กลา่ วตกั เตือน 2.ความสาคญั ของศาสนา 1.ช่วยใหม้ นษุ ยอ์ ยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสนั ติสขุ 2.ช่วยใหบ้ คุ คลมหี ลกั ในการดาเนนิ ชีวติ ทีด่ ี 3.ช่วยใหบ้ คุ คลรูจ้ กั เหตผุ ลผดิ ชอบ ช่วั ดี ดว้ ยตนเอง 4.ชว่ ยใหบ้ คุ คลมชี ีวติ ทร่ี าบรน่ื และสงบสขุ 5.ช่วยใหม้ นษุ ยม์ อี ิสระสามารถควบคมุ ตนเองได้ 3.องคป์ ระกอบของศาสนา 1.ศาสดา คอื ผสู้ ่งั สอนศาสนาด่งั เดิมหรอื ผกู้ ่อตงั้ ศาสนา 2.หลกั ธรรม คอื ตวั คาส่งั สอน 3.นกั บวช คอื ผสู้ บื ตอ่ ศาสนา หรอื ผแู้ ทนเป็นทางการของศาสนา 4.พิธีกรรม คอื การประกอบพิธีตา่ งๆ ตามแนวปฏบิ ตั ขิ องศาสนา 5.ศาสนสถานหรอื วดั คอื ท่ีตงั้ ทางศาสนา หรอื ปชู นยี สถานคอื สถานทเี่ คารพทางศาสนา หรอื ปชู นียวตั ถคุ อื สง่ิ ทค่ี วรบชู าทางศาสนา 6.ศาสนกิ ชน คอื คนทนี่ บั ถือศาสนา 4.องคป์ ระกอบของพระพทุ ธศาสนา 1.พระศาสดา คือ พระพทุ ธเจา้ 2.หลกั ธรรมคาสอนหรอื พระธรรม แบง่ เป็น3ขนั้ ตอนคือ 2.1)ปรยิ ตั ธิ รรม คือ การเลา่ เรยี นศกึ ษาพระธรรม ไดแ้ ก่ พระไตรปิฎก 2.2)ปฏิบตั ิธรรม คือ การลงมอื กระทาตาม ไดแ้ ก่ การปฏบิ ตั ิ 3 ขนั้ คอื ศีล สมาธิ และปัญญา

2.3)ปฏิเวธรรม คือ ผลแหง่ การปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่ มรรค ผล นพิ พาน 3.นกั บวช ไดแ้ ก่ พระสงฆ์ 4.ปชู นยี วตั ถุ สงิ่ ที่ควรเคารพ ไดแ้ ก่ พระพทุ ธรูป พระปรางค์ พระเจดยี ์ คาจารกึ พระธรรม 5.ปชู นียสถาน สถานทคี่ วรบชู า ไดแ้ ก่ วดั โบสถ์ 6.พธิ ีกรรม การประกอบพิธีทางพระพทุ ธศาสนา เชน่ การอปุ สมบท การรบั ศลี การรว่ มกนั บชู าพระรตั นตรยั เป็นตน้ 7.ศาสนกิ ชน ไดแ้ ก่ คนทีน่ บั ถอื พระพทุ ธศาสนา

ประวตั ศิ าสดาของศาสนา ศาสดาของศาสนาพทุ ธ เจา้ ชายสทิ ธตั ถะทรงศกึ ษาเลา่ เรยี นจนจบศิลปศาสตรท์ งั้ 18 ศาสตร์ ในสานกั ครูวศิ วามิตร และเนอ่ื งจากพระบดิ าไมป่ ระสงคใ์ หเ้ จา้ ชายสทิ ธัต ถะเป็นศาสดาเอกของโลก จงึ พยายามทาใหเ้ จา้ ชายสทิ ธตั ถะพบเห็นแตค่ วามสขุ โดยการสรา้ งปราสาท 3 ฤดู ใหอ้ ยปู่ ระทบั และจดั เตรยี ม ความพรอ้ มสาหรบั การราชาภเิ ษกใหเ้ จา้ ชายขนึ้ ครองราชย์ เมอื่ มพี ระชนมายุ 16 พรรษา ทรงอภเิ ษกสมรสกบั พระนางพมิ พา หรอื ยโสธรา พระธิดาของพระเจา้ กรุงเทวทหะซงึ่ เป็นพระญาตฝิ ่ายพระมารดา จนเม่ือมพี ระชนมายุ 29 พรรษา พระนางพมิ พาไดใ้ หป้ ระสตู พิ ระราชโอรส มพี ระนามวา่ \"ราหลุ \" ซงึ่ หมายถงึ \"บว่ ง\"

เสด็จออกผนวช วนั หนง่ึ เจา้ ชายสทิ ธตั ถะทรงเบือ่ ความจาเจในปราสาท 3 ฤดู จงึ ชวนสารถีทรงรถมา้ ประพาสอทุ ยาน ครงั้ นนั้ ไดท้ อดพระเนตรเหน็ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนกั บวช โดยเทวทตู (ทตู สวรรค)์ ทแ่ี ปลงกายมา พระองคจ์ งึ ทรงคดิ ไดว้ า่ นเี่ ป็นธรรมดาของโลก ชีวติ ของทกุ คนตอ้ งตกอยใู่ นสภาพ เชน่ นนั้ ไมม่ ใี ครสามารถหลกี เลย่ี งเกดิ แก่ เจ็บ ตายได้ จงึ ทรงเหน็ วา่ ความสขุ ทางโลกเป็นเพยี งภาพมายาเทา่ นนั้ และวิถีทางท่ีจะพน้ จากความ ทกุ ข์ คอื ตอ้ งครองเรอื นเป็นสมณะ ดงั นนั้ พระองคจ์ งึ ใครจ่ ะเสดจ็ ออกบรรพชา ในขณะท่ีมีพระชนม์ 29 พรรษา ครานนั้ พระองคไ์ ดเ้ สด็จไปพรอ้ มกบั นายฉนั ทะ สารถี ซงึ่ เตรยี มมา้ พระท่นี ่งั นามวา่ กณั ฑกะ มงุ่ ตรงไปยงั แมน่ า้ อโนมานที ก่อนจะประทบั น่งั บน กองทราย ทรงตดั พระเมาลดี ว้ ยพระขรรค์ และเปลย่ี นชดุ ผา้ กาสาวพตั ร์ (ผา้ ยอ้ มดว้ ยรสฝาดแหง่ ตน้ ไม)้ และใหน้ ายฉนั ทะ นาเครอ่ื งทรงกลบั พระนคร กอ่ นทพี่ ระองคจ์ ะเสดจ็ ออกมหาภเิ นษกรมณ์ (การเสด็จออกเพื่อคณุ อนั ยงิ่ ใหญ่) ไปโดยเพยี งลาพงั เพ่อื มงุ่ พระพกั ตรไ์ ปยงั แควน้ มคธ บาเพ็ญทกุ รกิรยิ า หลงั จากทรงผนวชแลว้ พระองคม์ งุ่ ไปที่แมน่ า้ คยา แควน้ มคธ ไดพ้ ยายามเสาะแสวงทางพน้ ทกุ ข์ ดว้ ยการศกึ ษาคน้ ควา้ ทดลองใน สานกั อาฬารดาบส กาลามโครตร และอทุ กดาบส รามบตุ ร แตเ่ มอื่ เรยี นจบทงั้ 2 สานกั แลว้ ทรงเหน็ วา่ นย่ี งั ไมใ่ ช่ทางพน้ ทกุ ข์ จากนนั้ พระองคไ์ ดเ้ สด็จไปทแี่ มน่ า้ เนรญั ชรา ในตาบลอรุ ุเวลาเสนานคิ ม และทรงบาเพญ็ ทกุ รกิรยิ า ดว้ ยการขบฟันดว้ ยฟัน กลนั้ หายใจและอด อาหาร จนรา่ งกายซบู ผอม แตห่ ลงั จากทดลองได้ 6 ปี ทรงเหน็ วา่ นย่ี งั ไมใ่ ชท่ างพน้ ทกุ ข์ จงึ ทรงเลกิ บาเพญ็ ทกุ รกิรยิ า และหนั มาฉนั อาหาร ตามเดิม ดว้ ยพระราชดารติ ามทที่ า้ วสกั กเทวราชไดเ้ สดจ็ ลงมาดีดพิณถวาย 3 วาระ คือดดี พิณสายท่ี 1 ขงึ ไวต้ งึ เกินไปเมื่อดดี ก็จะขาด ดีดพิณ วาระท่ี 2 ซงึ่ ขงึ ไวห้ ยอ่ น เสยี งจะยืดยาดขาดความไพเราะ และวาระท่ี 3 ดีดพณิ สายสดุ ทา้ ยทข่ี งึ ไวพ้ อดี จงึ มเี สยี งกงั วานไพเราะ ดงั นนั้ จึงทรง พิจารณาเห็นวา่ ทางสายกลางคอื ไมต่ งึ เกินไป และไมห่ ยอ่ นเกินไป น่นั คือทางท่ีจะนาสกู่ ารพน้ ทกุ ข์ หลงั จากพระองคเ์ ลกิ บาเพญ็ ทกุ รกิรยิ า ทาใหพ้ ระปัญจวคั คยี ท์ งั้ 5 ไดแ้ ก่ โกณฑญั ญะ วปั ปะ ภทั ทิยา มหานามะ อสั สชิ ที่มาคอยรบั ใชพ้ ระองค์ ดว้ ยความคาดหวงั วา่ เม่อื พระองคค์ น้ พบทางพน้ ทกุ ข์ จะไดส้ อนพวกตนใหบ้ รรลดุ ว้ ย เกิดเสอื่ มศรทั ธาทพ่ี ระองคล์ ม้ เลกิ ความตงั้ ใจ จงึ เดนิ ทาง กลบั ไปท่ปี ่ าอิสปิ ตนมฤคทายวนั ตาบลสารนาถ เมอื งพาราณสี

ตรสั รู้ ครานนั้ พระองคท์ รงประทบั น่งั ขดั สมาธิ ใตต้ น้ พระศรมี หาโพธิ์ ณ อรุ ุเวลาเสนานคิ ม เมอื งพาราณสี หนั พระพกั ตรไ์ ปทางทศิ ตะวนั ออก และตงั้ จิตอธิษฐานดว้ ยความแนว่ แนว่ า่ ตราบใดท่ยี งั ไมบ่ รรลสุ มั มาสมั โพธิญาณ ก็จะไมล่ กุ ขนึ้ จากสมาธิบลั ลงั ก์ แมจ้ ะมหี มมู่ ารเขา้ มาขดั ขวาง แตก่ ็ พา่ ยแพพ้ ระบารมีของพระองคก์ ลบั ไป จนเวลาผา่ นไปในทส่ี ดุ พระองคท์ รงบรรลรุ ูปฌาณ คอื ครานนั้ พระองคท์ รงประทบั น่งั ขดั สมาธิ ใตต้ น้ พระ ศรมี หาโพธิ์ ณ อรุ ุเวลาเสนานคิ ม เมืองพาราณสี หนั พระพกั ตรไ์ ปทางทศิ ตะวนั ออก และตงั้ จิตอธิษฐานดว้ ยความแนว่ แนว่ า่ ตราบใดทยี่ งั ไม่ บรรลสุ มั มาสมั โพธิญาณ ก็จะไมล่ กุ ขนึ้ จากสมาธิบลั ลงั ก์ แมจ้ ะมหี มมู่ ารเขา้ มาขดั ขวาง แตก่ ็พา่ ยแพพ้ ระบารมีของพระองคก์ ลบั ไป จนเวลา ผา่ นไปในที่สดุ พระองคท์ รงบรรลรุ ูปฌาณ คอื ยามตน้ หรอื ปฐมยาม ทรงบรรลปุ พุ เพนิวาสานสุ ติญาณ คอื สามารถระลกึ ชาติได้ ยามสอง ทางบรรลจุ ตุ ปู ปาตญาณ (ทพิ ยจกั ษุญาณ) คอื รูเ้ รอื่ งการเกิดการตายของสตั วท์ งั้ หลายวา่ เป็นไปตามกรรมท่กี าหนดไว้ ยามสาม ทรงบรรลอุ าสวกั ขยญาณ คอื ความรูท้ ่ีทาใหส้ นิ้ อาสวะ หรอื กิเลส ดว้ ยอรยิ สจั 4 ไดแ้ ก่ ทกุ ข์ สมทุ ยั นิโรธ และมรรค และไดต้ รสั รูด้ ว้ ย พระองคเ์ องเป็นพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ และเป็นศาสดาเอกของโลก ซง่ึ วนั ท่พี ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ตรสั รู้ ตรงกบั วนั เพ็ญเดือน 6 ขณะทมี่ พี ระชนม์ 35 พรรษา แสดงปฐมเทศนา หลงั จากพระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ตรสั รูแ้ ลว้ ทรงพิจารณาธรรมที่พระองคต์ รสั รูม้ าเป็นเวลา 7 สปั ดาห์ และทรงเห็นวา่ พระธรรมนนั้ ยากตอ่ บคุ คล ท่วั ไปท่จี ะเขา้ ใจและปฏิบตั ไิ ด้ พระองคจ์ งึ ทรงพจิ ารณาวา่ บคุ คลในโลกนมี้ หี ลายจาพวกอยา่ ง บวั 4 เหลา่ ท่มี ีทงั้ ผทู้ ีส่ อนไดง้ า่ ย และผทู้ ี่สอนได้ ยาก พระองคจ์ งึ ทรงระลกึ ถงึ อาฬารดาบสและอทุ กดาบส ผเู้ ป็นพระอาจารย์ จึงหวงั เสดจ็ ไปโปรด แตท่ งั้ สองทา่ นเสยี ชีวิตแลว้ พระองคจ์ ึงทรง ระลกึ ถึงปัญจวคั คีย์ ทงั้ 5 ทเี่ คยมาเฝา้ รบั ใช้ จงึ ไดเ้ สดจ็ ไปโปรดปัญจวคั คยี ท์ ีป่ ่ าอสิ ปิ ตนมฤคทายวนั

ธรรมเทศนากณั ฑแ์ รกท่พี ระองคท์ รงแสดงธรรมคือ \"ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร\" แปลวา่ สตู รของการหมนุ วงลอ้ แหง่ พระธรรมใหเ้ ป็นไป ซงึ่ ถือเป็น การแสดงพระธรรมเทศนาครงั้ แรก ในวนั เพ็ญ ขนึ้ 15 ค่า เดือน 8 ซง่ึ ตรงกบั วนั อาสาฬหบชู า ในการนพี้ ระโกณฑญั ญะไดธ้ รรมจกั ษุ คอื ดวงตาเห็นธรรมเป็นคนแรก พระพทุ ธองคจ์ งึ ทรงเปลง่ วาจาวา่ \"อญั ญาสิ วตโกณฑญั โญ\" แปลวา่ โกณฑญั ญะไดร้ ูแ้ ลว้ ทา่ นโกณฑญั ญะ จงึ ไดส้ มญาวา่ อญั ญาโกณฑญั ญะ และไดร้ บั การบวชเป็นพระสงฆอ์ งคแ์ รกในพระพทุ ธศาสนา โดย เรยี กการบวชทพ่ี ระพทุ ธเจา้ บวชใหว้ า่ \"เอหิภกิ ขอุ ปุ สมั ปทา\" หลงั จากปัญจวคั คยี อ์ ปุ สมบททงั้ หมดแลว้ พทุ ธองคจ์ งึ ทรงเทศนอ์ นตั ตลกั ขณสตู ร ปัญจวคั คยี จ์ งึ สาเรจ็ เป็นอรหนั ตใ์ นเวลาตอ่ มา การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ตอ่ มาพระพทุ ธเจา้ ไดเ้ ทศนพ์ ระธรรมเทศนาโปรดแก่ยสกลุ บตุ ร รวมทงั้ เพ่อื นของยสกลุ บตุ ร จนไดส้ าเรจ็ เป็นพระอรหนั ตท์ งั้ หมด รวม 60 รูป พระพทุ ธเจา้ ทรงมพี ระราชประสงคจ์ ะใหม้ นษุ ยโ์ ลกพน้ ทกุ ข์ พน้ กิเลส จึงตรสั เรยี กสาวกทงั้ 60 รูป มาประชมุ กนั และตรสั ใหพ้ ระสาวก 60 รูป จารกิ แยกยา้ ยกนั เดินทางไปประกาศศาสนา 60 แหง่ โดยลาพงั ในเสน้ ทางท่ีไมซ่ า้ กนั เพอื่ ใหส้ ามารถเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาไดใ้ นหลายพนื้ ท่ี อยา่ งครอบคลมุ สว่ นพระองคเ์ องไดเ้ สดจ็ ไปแสดงธรรม ณ ตาบลอรุ ุเวลา เสนานิคม หลงั จากสาวกไดเ้ ดินทางไปเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในพนื้ ทต่ี า่ งๆ ทาใหม้ ผี เู้ ลอ่ื มใสพระพทุ ธศาสนาเป็นจานวนมาก พระองคจ์ ึงทรงอนญุ าตให้ สาวกสามารถดาเนนิ การบวชได้ โดยใชว้ ธิ ีการ \"ติสรณคมนปู สมั ปทา\" คือ การปฏญิ าณตนเป็นผถู้ ึงพระรตั นตรยั พระพทุ ธศาสนาจงึ หย่งั รากฝัง ลกึ และแพรห่ ลายในดินแดนแหง่ นนั้ เป็นตน้ มา

เสดจ็ ดบั ขนั ธป์ รนิ พิ พาน พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ไดเ้ สดจ็ โปรดสตั วแ์ ละแสดงพระธรรมเทศนา ตลอดระยะเวลา 45 พรรษา ทรงสดบั วา่ อกี 3 เดือนขา้ งหนา้ จะปรนิ ิพพาน จงึ ไดท้ รงปลงอายสุ งั ขาร ขณะนนั้ พระองคไ์ ดป้ ระทบั จาพรรษา ณ เวฬคุ าม ใกลเ้ มืองเวลาสี แควน้ วชั ชี โดยก่อนเสดจ็ ดบั ขนั ธป์ รนิ พิ พาน 1 วนั พระองคไ์ ดเ้ สวยสกุ รมทั ทวะที่นายจนุ ทะทาถวาย แตเ่ กิดอาพาธลง ทาใหพ้ ระอานนทโ์ กรธ แตพ่ ระองคต์ รสั วา่ \"บณิ ฑบาตทม่ี ีอานิสงสท์ ี่สดุ มี 2 ประการคือ เมอื่ ตถาคต (พทุ ธองค)์ เสวยบณิ ฑบาตแลว้ ตรสั รู้ และปรนิ พิ พาน\" และมพี ระดารสั วา่ \"โย โว อานนท ธมม จ วนิ โย มยา เทสโิ ต ปญญตโต โส โว มมจจเยน สตถา\" อนั แปลวา่ \"ดกู อ่ นอานนท์ ธรรมและวนิ ยั อนั ทเี่ ราแสดงแลว้ บญั ญตั แิ ลว้ แกเ่ ธอทงั้ หลาย ธรรมวินยั นนั้ จกั เป็นศาสด พระพทุ ธเจา้ ทรงประชวรหนกั แตท่ รงอดกลนั้ มงุ่ หนา้ ไปยงั เมอื งกสุ นิ ารา ประทบั ณ ป่ าสาละ เพ่อื เสดจ็ ดบั ขนั ธป์ รนิ พิ พาน โดยกอ่ นท่ีจะเสด็จ ดบั ขนั ธป์ รนิ พิ พานนนั้ พระองคไ์ ดอ้ ปุ สมบทแก่พระสภุ ทั ทะปรพิ าชก ซงึ่ ถือไดว้ า่ \"พระสภุ ภทั ทะ\" คือสาวกองคส์ ดุ ทา้ ยท่พี ระพทุ ธองคท์ รงบวชให้ ในทา่ มกลางคณะสงฆท์ งั้ ทีเ่ ป็นพระอรหนั ต์ และปถุ ชุ นจากแควน้ ตา่ งๆ รวมทงั้ เทวดา ทมี่ ารวมตวั กนั ในวนั นีา้ ของเธอทงั้ หลาย เมอ่ื เราลว่ งลบั ไปแลว้ \" ในครานนั้ พระองคท์ รงมีปัจฉิมโอวาทวา่ \"ดกู อ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย เราขอบอกเธอทงั้ หลาย สงั ขารทงั้ ปวงมคี วามเสอื่ มสลายไปเป็นธรรมดา พวกเธอ จึงทาประโยชนต์ นเอง และประโยชนข์ องผอู้ ื่นใหส้ มบรู ณด์ ว้ ยความไมป่ ระมาทเถิด\" (อปปมาเทน สมปาเทต)

จากนนั้ ไดเ้ สดจ็ ดบั ขนั ธป์ รนิ ิพพาน ใตต้ น้ สาละ ณ สาลวโนทยาน ของเหลา่ มลั ลกษัตรยิ ์ เมืองกสุ นิ ารา แควน้ มลั ละ ในวนั ขนึ้ 15 ค่า เดือน 6 รวมพระชนม์ 80 พรรษา และวนั นถี้ ือเป็นการเรมิ่ ตน้ ของพทุ ธศกั ราช วนั สาคญั ทางศาสนา วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา พทุ ธศาสนิกชนควรระลกึ ถงึ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ โดยควรปฏบิ ตั ติ นให้ ถกู ตอ้ งเหมาะสม ซงึ่ วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ที่สาคญั มดี งั นี้ 1. วนั มาฆบชู า มาฆบชู า แปลวา่ การบชู าในเดอื น 3 ตรงกบั วนั ขนึ้ 15 ค่าเดอื น 3 โดยมเี หตกุ ารณส์ าคญั ท่ีเกดิ ขนึ้ ในสมยั พทุ ธกาล คือ เกดิ การประชมุ อนั ประกอบดว้ ยองค์ 4 ที่เรยี กวา่ จาตรุ งคสนั นบิ าต ประกอบดว้ ย 1) เป็นวนั ขนึ้ 15 ค่า แหง่ เดือนมาฆะ (เดอื น 3) 2) เป็นวนั ทพ่ี ระสงฆส์ าวกจานวน 1,250 รูปมาประชมุ พรอ้ มกนั โดยมไิ ดห้ มาย 3) พระสงฆท์ ่ีมาประชมุ ในวนั นนั้ ลว้ นไดร้ บั เอหิภิกขอุ สุ มั ปทา คอื ไดร้ บั อปุ สมบทจากพระพทุ ธเจา้ โดยตรง 4) พระสงฆท์ งั้ 1,250 รูปลว้ นแตเ่ ป็นพระอรหนั ตท์ งั้ สนิ้ ในวาระสาคญั นี้ พระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงแสดง โอวาทปาตโิ มกข์ วางหลกั สาคญั แหง่ คาสอนของพระองคไ์ ว้ 3 ประการ คอื พงึ ละ เวน้ ช่วั ทงั้ ปวง พงึ กระทาความดี และพงึ จิตใจใหบ้ รสิ ทุ ธิ์ผอ่ งแผว้ ในวนั สาคญั นี้ พทุ ธศาสนกิ ชนควรทาบญุ ตกั บาตร ไปวดั รบั ศีล ฟังธรรม และ

รว่ มพธิ ีเวยี นเทียนตลอดจนปฏบิ ตั สิ มาธิบาเพ็ญภาวนา และประเพณีวนั มาฆบชู าในประเทศไทยเรม่ิ พืน้ ฟนู ามาปฏบิ ตั ิในสมยั รชั กาลท่ี 4 (พ.ศ. 2394) 2. วนั วิสาขบชู า วิสาขบชู า แปลวา่ การบชู าในเดอื นวิสาขะ คือ เดอื น 6 ตรงกบั วนั ขนึ้ 15 ค่าเดือน 6 ถือวา่ วนั ดงั กลา่ วนเี้ ป็นวนั สาคญั ย่งิ สาหรบั พทุ ธศาสนิกชน เพราะเป็นวนั คลา้ ยวนั ประสตู ิ ตรสั รู้ และปรนิ พิ านของพระพทุ ธเจา้ ซงึ้ สามารถอธิบายได้ ดงั นี้ คอื 1) การประสตู ิของพระพทุ ธเจา้ เปรยี บเสมอื นการเกดิ ของมหาบรุ ุษทีเ่ ลศิ กวา่ บคุ คลใด เพราะ ทรงอบุ ตั เิ พอ่ื อนเุ คราะหแ์ ละ เกือ้ กลู ประโยชน์ 2) การตรสั รูอ้ รยิ สจั 4 ดว้ ยพระองคเ์ อง และทรงบรรลพุ ระสมั มาสมั โพธิญาณอนั ทาใหพ้ ระองคท์ รงรอบรูส้ งิ่ ทงั้ ปวงในโลก และนามาส่งั สอนเผยแผต่ อ่ ไป 3) การปรนิ พิ าน นบั เป็นการสญู เสยี ครงั้ ยงิ่ ใหญ่ของโลกเปรยี บเสมือนการดบั ดวงจกั ษุของโลกในวนั ดงั กลา่ วนอี้ งคก์ าร สหประชาชาติไดม้ มี ติกาหนดใหเ้ ป็นวนั สาคญั สากล เพือ่ เป็นการนอ้ มราลกึ ถงึ พระมหากรุณาธิคณุ ที่พระพทุ ธเจา้ มีตอ่ มวลมนษุ ย์ พทุ ธศาสนิกชนจึงควรประกอบพธิ ีบชู าโดยการทาบญุ ตกั บาตร ฟังธรรม และเวยี นเทยี น เพอ่ื ตงั้ จิตม่นั ชาระจิตใจของตนใหบ้ รสิ ทุ ธิ์

3. วนั อาสาฬหบชู า อาสาฬหบชู า แปลวา่ การบชู าในเดือน 8 หรอื อาสาฬหะ ตรงกบั วนั ขนึ้ 15 ค่าเดอื น 8 โดยวนั ดงั กลา่ วมคี วามสาคญั ตอ่ พระพทุ ธศาสนา เนือ่ งดว้ ยมีปรากฎการณท์ ี่สาคญั 4 ประการเกิดขนึ้ คอื 1. เป็นวนั แรกท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงประกาศพระพทุ ธศาสนา 2. เป็นวนั แรกที่พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธรรม(ปฐมเทศนา) เรอื่ งอรยิ สจั 4 3. เป็นวนั ทพ่ี ระอรยิ สงฆอ์ งคแ์ รกไดบ้ งั เกิดขนึ้ คือ พระอญั ญาโกณฑญั ญะ ผไู้ ดฟ้ ังธรรมแลว้ บรรลพุ ระอรหนั ตแ์ ละทลู ขอ อปุ สมบทโดยวิธีเอหิภกิ ขอุ ปุ สมั ปทา 4. เป็นวนั แรกท่มี ีพระรตั นตตรยั ครบองค์ 3 คือ พระพทุ ธ พระธรรม และ พระสงฆ์ โดยพระธรรมทพี่ ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดง ปฐมเทศนา เรยี กวา่ ธมั มจกั กปั ปวตั นสตู ร เรยี กยอ่ ๆวา่ พระธรรมจกั รดงั นอี้ าจเรยี กวา่ วนั อาสาฬหบชู า ในวนั นปี้ ระชาชนควรจะทาบญุ ตงั้ บาตร ไปวดั รบั ศีล ฟังธรรม และรว่ มพิธีเวียนเทียน มขี นึ้ ครงั้ แรกในสมยั รชั กาลปัจจบุ นั เมอ่ื พ.ศ. 2501 เพอื่ ใหพ้ ทุ ธศาสนิกชนระลกึ ถึงคณุ พระ รตั นตรยั เป็นพเิ ศษ

วนั เขา้ พรรษา วนั เขา้ พรรษา เรม่ิ ตงั้ แตว่ นั แรม 1ค่าเดอื น 8 ของทกุ ปี การเขา้ พรรษา คือ การทพ่ี ระภกิ ษุอธิษฐานวา่ จะอยปู่ ระจา ณ วดั หนง่ึ ตลอดเวลา 3 เดือน การท่ีพระภกิ ษุตอ้ งปฏิบตั เิ ช่นนี้ เนื่องจากในสมยั พทุ ธกาล พระภกิ ษุมิไดอ้ ยสู่ ญั จรแมใ้ นฤดฝู น จึงทรงวางระเบยี บให้ พระภกิ ษุเขา้ อยปู่ ระจาที่ตลอดเวลา 3 เดือนในฤดฝู น ในวนั เขา้ พรรษา พทุ ธศาสนกิ ชนจะนาเครอื่ งสกั การะ เช่น ดอกไม้ ธปู เทียนเครอื่ งอปุ โภค เช่น สบู่ ยาสฟี ัน มาถวายพระภกิ ษุ มีการหลอ่ เทียนขนาดใหญเ่ พอ่ื ไวจ้ ดุ บชู าพระประธานในโบสถ์ วนั ออกพรรษา วนั ออกพรรษา เป็นวนั สนิ้ สดุ ระยะการจาพรรษา คอื วนั ขนึ้ 15 ค่า เดือน 11 ในวนั นพี้ ระภกิ ษุจะทาพธิ ีปวารณา การปฏบิ ตั ิ ตนของพทุ ธศาสนิกชนเน่อื งวนั ออกพรรษา พทุ ธศาสนิกชนไดม้ ีโอกาสทาบญุ รว่ มกนั วนั แรมขนึ้ 1 ค่า เดือน 11 มกี ารตกั บาตรเทโวโรหนะ สบื เน่ืองจากท่ีมคี วามเช่ือกนั วา่ เป็นวนั คลา้ ยวนั ท่ีพระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ลงมาจากเทวโลก




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook