Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวนพฤษศาสตร์ในโรงเรียน

สวนพฤษศาสตร์ในโรงเรียน

Published by jakkaphat0986, 2020-11-06 07:52:12

Description: 1.นายจักรภัทร แรงดี เลขที่ 5
2.นางสาวมณฑิตา การเร็ว เลขที่ 17
ชั้น ม.5/2

Search

Read the Text Version

สวนพฤกษศาสตรใ์ นโรงเรยี น ประกอบรายวิชา ว32101 เทคโนโลยี 2 ครผู ูส้ อน ครรู ชั ชนก วงศเ์ ขยี ว Cross Garden

คานา หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ ล่มน้ที าข้นึ เพอ่ื ประกอบรายวิชา ว32101 เทคโนโลยี 2 ซง่ึ เน้อื หาประกอบดว้ ยความรเู้ กย่ี วกบั ตน้ ไมแ้ ละดอกไมใ้ น โรงเรยี น ผูจ้ ดั ทาหวงั ว่าหนงั สอื เล่มน้จี ะเป็ นประโยชนใ์ หก้ บั ผู้ ศกึ ษาไดเ้ ป็ นอยา่ งดี นายจกั รภทั ร แรงดี นางสาวมณฑติ า กาเรว็ ผูจ้ ดั ทา Cross Garden

ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ของแคฝรง่ั มีดงั น้!ี !

แคฝรง่ั (ช่ือวิทยาศาสตร์ Gliricidia sepium (Jacq.)Kunth ex Walp. ชื่อสามญั : Mata Raton) ในฮอนดรู สั เรยี ก Cacao de nance หรอื cacahnanance ใน ฟิ ลปิ ปิ นสเ์ รยี ก Kakawate ในกวั เตมาลาเรยี ก Madre Cacao หรอื Madre de Cacao ในนิคา รากวั เรยี ก Madero negro เป็ นพชื ตระกูลถว่ั ที่ มีเน้อื ไมข้ นาดกลาง เป็ นพชื ท่ีใชป้ ระโยชนไ์ ด้ หลากหลาย ในประเทศไทย ดอกแคฝรง่ั น้เี ป็ น ดอกไมป้ ระจามหาวิทยาลยั ราชภฎั จนั ทรเกษม

ลาตน้ แคฝรงั่ เป็นไมย้ นื ตน้ มีความสูง ตง้ั แต่ 3-15 เมตร ลาตน้ ตงั้ ตรง มี การแตกก่ิงกา้ นนอ้ ย ทาใหท้ รงพุ่ม โปรง่ เปลอื กลาตน้ มสี เี ทาอมขาว หรอื นา้ ตาลอมเทา และเมื่อลาตน้ แก่ เปลือกลาตน้ แตกสะเก็ดทวั่ ลาตน้ ใบ ใบแคฝรง่ั ออกเป็นใบรวมแบบขนนก มีกา้ นใบ หลกั แตกออกตามก่ิงกา้ น โดยกา้ นใบหลกั มีใบ ยอ่ ยเรยี งตรงขา้ มกนั 13-21 ใบ ขนาดใบยอ่ ย กวา้ ง 1-3 เซนตเิ มตร ยาว 3-6 เซนตเิ มตร โคน ใบทู่ ปลายใบแหลมคอ่ นขา้ งป้ าน แผน่ ใบ และ ขอบใบเรยี บ ไมม่ หี ยกั แผน่ ใบดา้ นหนา้ มีสเี ขยี ว เขม้ แผน่ ใบดา้ นหลงั มีสเี ขียวนวล และทงั้ สอง ดา้ นมีขนละเอยี ดนุ่มปกคลมุ และมกั พบจดุ สอี อก มว่ งบรเิ วณกลางใบ ทงั้ น้ี ใบออ่ นบรเิ วณยอดจะมี สนี า้ ตาล

ดอก แคฝรง่ั ออกดอกเป็นออกดอกเป็นชอ่ ใหญ่ ทง้ั ออกตามซอกใบที่ ปลายก่ิง และตามตากิ่งบรเิ วณลาตน้ แตล่ ะชอ่ ดอกประกอบดว้ ย ชอ่ ดอกยอ่ ย 5-10 ชอ่ ยอ่ ย และแตล่ ะชอ่ ดอกยอ่ ยประกอบดว้ ย ดอกทม่ี ีลกั ษณะคลา้ ยดอกแคบา้ นสขี าวหรอื ดอกแคบา้ นสแี ดง ทุกอยา่ ง หรอื ดอกถวั่ ใตด้ อกมีกลบี เล้ยี งสเี ขยี วมีลกั ษณะเป็น รูประฆงั หรอื รูปถว้ ย กลบี ดอกมีสขี าว หรอื ชมพูอมขาว ภายในมี เกสรตวั ผู้ 10 อนั (1 เกสร เป็น free อกี 9 อนั เป็น filament) โดยเม่ือดอกแก่ ตวั ดอกจะเปลยี่ นเป็นสขี าวอมนา้ ตาลหรอื สมี ว่ ง ซดี ทง้ั น้ี ในชว่ งออกดอก ลาตน้ จะมกี ารพลดั ใบหรอื ท้งิ ใบออก หมด เหลือเพียงชอ่ ดอกทบี่ านสะพรง่ั สวยงาม โดยจะเรม่ิ ออก ดอกเรอ่ื ยๆในชว่ งการพลดั ใบของเดอื นตุลาคม-ธนั วาคม

ผล และเมลด็ ผลแคฝรง่ั นิยมเรยี กเป็นฝัก รูปรา่ งแบนยาว ยาวประมาณ 10- 15 เซนตเิ มตร โคนฝัก และปลายฝักแหลม ฝักออ่ นมีเปลือกฝัก สเี ขียว เมื่อแกจ่ ะเปล่ียนเป็นสนี า้ ตาล และดาเมื่อแกม่ าก พรอ้ ม ปรแิ ตกออกเป็น 2 ดา้ น ซา้ ย-ขวา ภายในมีเมล็ดขนาดเล็ก รูปรา่ งกลม และแบน 3-8 เมล็ด เปลอื กเมล็ดมีสดี า เปลอื ก เมล็ดสนี า้ ตาล เน้ือเมล็ดมีสขี าวอมเหลอื ง ทงั้ น้ี ฝักจะเรม่ิ แก่ หลกั จากออกดอกแลว้ ประมาณ 40-55 วนั

การใชป้ ระโยชน์ แคฝรงั่ นามาใชป้ ระโยชนใ์ นประเทศเขตรอ้ นและเขตกึ่งรอ้ นไดห้ ลายรูปแบบ เชน่ เป็นรวั้ ตามธรรมชาติ เป็นอาหารสตั ว์ ใหร้ ม่ เงากาแฟ ทาฟืน ทาป๋ ุยพืช สด และเป็นยาเบ่ือหนู รวั้ ธรรมชาตสิ ามารถสูงตงั้ แต่ 1.5 ถึง 2.0 เมตรใน เวลาแคเ่ ดอื นเดยี ว แคฝรง่ั ยงั สามารถใชเ้ ป็นยาและมีฤทธไ์ิ ลแ่ มลง เกษตรกรในลาตนิ อเมรกิ าทาความสะอาดปศุสตั วด์ ว้ ยใบแคฝรงั่ บดเพ่ือฆา่ เช้อื โรค ในฟิลปิ ปินส์ สารสกดั ทไ่ี ดจ้ กั ใบนาไปใชก้ าจดั ปรสติ ทอ่ี ยภู่ ายนอก แคฝรงั่ เป็นพืชสายพนั ธุท์ โ่ี ตเรว็ ทใ่ี ชว้ ธิ ีทาไรเ่ ลื่อนลอยได้ เพราะแพรพ่ นั ธุง์ า่ ย และโตไว มีผแู้ นะนาวา่ สามารถปลกู พืชชนิดน้ีเพ่ือลดการพงั ทลายของหนา้ ดนิ ไดใ้ นระยะแรกของการปลูกป่ าทดแทนในบรเิ วณทไ่ี มม่ ีตน้ ไมก้ อ่ นทจ่ี ะนา พืชพนั ธุท์ ใ่ี ชเ้ วลานานกวา่ มาปลูก เมื่อเร็ว ๆ น้ี แคฝรง่ั ไดก้ ลายเป็นตวั เก็งสาคญั ของการทาเช้อื เพลิงชวี ภาพ และถือวา่ เป็นหน่ึงในวธิ ที เี่ ป็นมิตรตอ่ ระบบนิเวศมากทส่ี ุดในการผลิตชวี มวล ซง่ึ จะนามาอดั เป็นกอ้ นเพ่ือนามาใชใ้ หพ้ ลงั งานสะอาด

ลกั ษณะทาง พฤกษศาสตรข์ องตน้ ลลี าวดมี ีดงั น้ี!!

ชอ่ื พฤกษศาสตร์ : Plumeria spp. ชอื่ วงศ์ : APOCYNACEAE ช่อื ทอ้ งถนิ่ : ลนั่ ทม ชอ่ื สามญั : Frangipani , Pagoda tree, Temple tree ถนิ่ กาเนดิ : อเมริกาเขตรอ้ น แหล่งที่พบ : พบไดท้ วั่ ไปในประเทศไทย

ตน้ เป็นไมย้ ืนตน้ มีขนาดตงั้ แตพ่ ุม่ เต้ยี แคระสงู ประมาณ 0.9-1.2 เมตร จนถึงตน้ ทส่ี งู มาก อาจสูงถึง 12 เมตร ลาตน้ แตกกิ่งกา้ นสขาและพุม่ ใบสวยงาม มีนา้ ยางสขี าวขน้ เป็นไม้ ผลดั ทสี่ ลดั ใบในฤดแู ลง้ กอ่ นทจี่ ะผลิดอกและผลิใบรุน่ ใหม่ กิ่ง ทย่ี งั ไมแ่ กม่ ีสเี ขียว ออ่ นนุม่ ดูเกือบจะอวบนา้ ก่ิงแกม่ ีสเี ทามี รอยตะป่ ุมตะป่า ก่ิงไมส่ ามารถทานนา้ หนกั ได้ ก่ิงเปราะ เปลอื กลาตน้ หนา ตน้ ทโี่ ตเต็มทแี่ ลว้ จะพฒั นาจนกระทง่ั มี ความแข็งแรงมากข้นึ

ใบ เป็นใบเดยี่ ว มีการเรยี งตวั แบบสลบั และหนาแนน่ ใกลป้ ลายกิ่ง มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั ไปทงั้ รูปรา่ ง ขนาด สี และความหนาแนน่ โดยทวั่ ไป ใบจะหนา เหนียวแข็ง และมีสตี งั้ แตส่ เี ขยี วออ่ นถึงสเี ขียว เขม้ มีเสน้ กลางใบแตกสาขาออกไปคลา้ ยขนนก ขนาดใบแตกตา่ ง กนั ชอ่ ดอก ดอกจะผลิออกมาจากปลายยอดเหนือใบ เหน็ เป็นชอ่ ดอก ใหญส่ วยงาม แตก่ ็มีบางชนิดทอ่ี อกชอ่ ดอกระหวา่ งใบ หรอื ใตใ้ บ บางชนิดหอ้ ยลงบางชนิดตงั้ ข้นึ ในหน่ึงชอ่ จะมีดอกบานพรอ้ มกนั ออกดอกประมาณเดอื นกุมภาพนั ธถ์ ึงเดอื นเมษายน บางพนั ธุ์ สามารถออกดอกไดต้ ลอดทง้ั ปี

ดอก โดยทว่ั ไปจะมีขนาดใหญถ่ ึงกลาง ยกเวน้ บางพนั ธุท์ ม่ี ีขนาด เล็ก กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรตวั ผู้ เกสรตวั เมีย อยลู่ กึ เขา้ ไปขา้ ง ใน ดอกมลี กั ษณะคลา้ ยทอ่ ทาใหม้ องไมเ่ หน็ เกสรตวั ผแู้ ละเกสร ตวั เมีย โดยจะมีเกสรตวั ผู้ 5 อนั อยูท่ โี่ คนกา้ นดอก สว่ นเกสรตวั เมยี อยลู่ กึ ลงไปในกา้ นดอก เกสรตวั ผแู้ ละเกสรตวั เมียบานไม่ พรอ้ มกนั ยากตอ่ การผสมตวั เอง ฝัก/ผล มลี กั ษณะคลา้ ยกบั ฝักตน้ ชวนชม ฝัก ออ่ นสจี ะมีสเี ขียวเมื่อแก่ฝักจะมสี แี ดงถึงดา

การขยายพนั ธ์ุ: - การเพาะเมล็ด จะใชฝ้ ักทแี่ กจ่ ดั สว่ นใหญใ่ ชใ้ นการปรบั ปรุง พนั ธุ์ ซง่ึ เมล็ดลลี าวดงี อกไดง้ า่ ย แตล่ ะฝักของลลี าวดจี ะไดต้ น้ กลา้ ประมาณ 50 -100 ตน้ สามารถเพาะในกระถางเพาะไดเ้ ลย ขอ้ ดี ของการเพาะเมล็ดลีลาวดี คอื จะไดต้ น้ ทกี่ ลายพนั ธุ์ หรือ ตน้ ลลี าวดแี คระ ดา่ ง - การปักชา เป็นวธิ ที ง่ี า่ ย รวดเรว็ ในการขยายพนั ธุต์ น้ ลลี าวดแี ละ ยงั เป็นวธิ รี กั ษาพนั ธุเ์ ดมิ เอาไว้ - การเปลี่ยนยอด จะใชใ้ นกรณีทไ่ี ดพ้ นั ธุด์ แี ลว้ นามาเปลยี่ นยอด บนตน้ ตอทเี่ พาะกลา้ ไวแ้ ลว้ อาจ จะเสยี บขา้ งหรอื ผา่ เป็นลม่ิ วธิ นี ้ีตอ้ ง ป้ องกนั ไมใ่ หน้ า้ เขา้ ไมเ่ ชน่ นนั้ แผลจะเน่า - การตดิ ตา ใชใ้ นกรณีทไ่ี ดต้ ามีไมม่ ากนกั เป็นการขยายพนั ธุ์ แบบประหยดั กิ่งหน่ึงสามารถขยายพนั ธุไ์ ดเ้ ป็นจานวนมาก

สรรพคุณทางยา: - ตน้ ใชป้ รุงเป็นยารกั ษาโรคลาไสพ้ ิการของมา้ - ใบ ใบแหง้ ชงนา้ รอ้ นดม่ื รกั ษาโรคหอบหดื ใบสดลนไฟ ประคบรอ้ นแกป้ วด บวม - เปลอื กราก เป็นยารกั ษาโรคหนองใน ยาถ่าย แกโ้ รค ไขขอ้ อกั เสบ ขบั ลม - เปลือกตน้ ตม้ เป็นยาถา่ ย ขบั ระดู แกไ้ ข้ แกโ้ รคโกโนเรยี หรอื ผสมกบั นา้ มนั มะพรา้ ว-ขา้ ว-มนั เนยเป็นยาแกท้ อ้ งเดิน ยา ถ่าย ขบั ปัสสาวะ - ดอก ใชท้ าธูป ใชผ้ สมกบั พลูเป็นยาแกไ้ ข้ แกไ้ ขม้ าลาเรยี - เน้ือไม้ เป็นยาแกไ้ อ ยาถ่าย ขบั พยาธิ - ยางจากตน้ เป็นยาถา่ ย รกั ษาโรคไขขอ้ อกั เสบ ใชผ้ สม กบั ไมจ้ นั ทนแ์ ละการบูรเป็นยาแกค้ นั แกป้ วดฟัน

การใชป้ ระโยชน:์ -ไมป้ ระดบั -เป็ นยาสมุนไพร -เป็นไมด้ อกมงคล -ทุกสว่ นของตน้ สามารถใชเ้ ป็นยาได้

ผูจ้ ดั ทา นายจกั รภทั ร แรงดี เลขท่ี 5 ชนั้ ม.5/2 E-mail : [email protected] นางสาวมณฑติ า การเรว็ เลขที่ 17 ชนั้ ม.5/2 E-mail : [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook