วินัยและการรักษาวินัย บุญแสง ชรี ะภากร ผอู้ านวยการสานักพฒั นาและส่งเสรมิ ธรรมาภิบาล สานักงาน ป.ป.ช.
… วินัยน้ัน เมอ่ื นามาฝกึ หดั ปฏบิ ตั ิ จะเป็นดงั ขอ้ บังคบั ท่ีควบคุมบุคคลให้ ประพฤตปิ ฏบิ ตั เิ ปน็ ระเบยี บ จงึ อาจทาใหเ้ กิดความอึดอัดลาบากใจ เพราะต้อง ฝนื กระทา แต่เมือ่ ปฏิบัติไปให้ชนิ จนรสู้ กึ วา่ เป็นไปโดยอตั โนมัติแล้ว กจ็ ะสาเรจ็ ผล ทาใหเ้ ปน็ คนมรี ะเบยี บและเปน็ ระเบยี บ คือ คดิ กเ็ ปน็ ระเบยี บ ทากเ็ ป็น ระเบยี บ ตามลาดับขนั้ ตอน ตามกาลเทศะ ตามความพอเหมาะพอควร หายสบั สน หายลังเล และหายขัดแย้ง ทงั้ ในความคิด ทง้ั ในการทางาน สามารถนาวิชาความรแู้ ละความชานาญทกุ ๆ ประการไปใช้ไดอ้ ย่างถกู ต้อง คลอ่ งแคล่ว สาเร็จผลเต็มเมด็ เต็มหนว่ ย ชว่ ยใหเ้ กิดประโยชนส์ มบรู ณ์บริบรู ณ์ ตามจดุ หมาย ทงั้ จะเกื้อกลู รักษาผูม้ วี นิ ัยให้เจรญิ สวัสดที กุ เมื่อ… พระบรมราโชวาท พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกบ่ ณั ฑิตมหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช ประจาปีการศึกษา ๒๕๒๕ ณ อาคารใหม่ สวนอมั พร วันเสาร์ท่ี ๓๑ มนี าคม ๒๕๒๗
ประเด็นการบรรยาย ความเป็นมาของวนิ ยั วินัยและการรักษาวินยั จุดมุ่งหมายของวินัย วนิ ยั ตามพระราชบัญญตั ิระเบยี บขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการ ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และทแ่ี กไ้ ขเพ่มิ เติม ผู้มหี น้าทรี่ กั ษาวินัย ท่ีมาของการดาเนนิ การทางวนิ ัย ตัวอยา่ งบางเรอ่ื งของการขาดวินัย
๏ โบราณว่าเป็นขา้ จอมกษตั ริย์ ราชสวัสดิ์ต้องเพียรเรยี นรกั ษา ท่านกาหนดจดไวใ้ นตารา มมี าแต่โบราณช้านานครนั หน่งึ วิชาสามารถมอี ยา่ งไร ไมป่ ดิ ไว้ใหท้ า่ นทราบทุกสง่ิ สรรพ์ หนึ่งกล้าหาญทาการถวายน้ัน มุ่งมนั่ จนสาเร็จเจตนา หนง่ึ มไิ ดป้ ระมาทราชกจิ ชอบผิดตรติ รึกหม่ันศึกษา หนึ่งสัตย์ซ่ือถอื ธรรมจรรยา เหมอื นสมาทานศีลไว้ม่ันคง หน่ึงเสงยี่ มเจยี มตวั ไมก่ าเริบ เอือ้ มเอิบหยิง่ เยอ่ เพอ้ หลง หนึ่งอยู่ใกลช้ ิดติดพระองค์ ไม่ทาเทียมดว้ ยทะนงพระกรณุ า หน่งึ ไซร้ไม่รว่ มราชาอาสน์ ดว้ ยอุบาทวจ์ ัญไรเปน็ หนกั หนา หนึ่งเขา้ เฝ้าสังเกตซึง่ กจิ จา ไม่ใกลไ้ กลไปกว่าสมควรการ หนง่ึ ผู้หญิงชาวในไมพ่ ันพัว เล่นหัวผูกรกั สมคั รสมาน หนึ่งสามภิ กั ดิร์ ักใคร่ในภูบาล ถึงถกู กรวิ้ ทนทานไม่ตอบแทน ฯ ขนุ ช้างขนุ แผน
เจ้าจะอย่เู ปน็ ขา้ พระทรงจักร จงพิทกั ษ์รกั ษากันอาหลาน หมนั่ เฝา้ เช้าเย็นเป็นนิจกาล อยา่ เกียจครา้ นแต่ตามอาเภอใจ ส่ิงใดพระองค์จะตรสั ถาม อย่าเบาความพิดทลู แตโ่ ดยได้ อยา่ แต่งตวั โอ่อวดพระทรงชยั ทใี่ นพระโรงรตั นา หมอบเฝา้ อย่ากม้ อยา่ เงยหงาย อยา่ เตรต่ ร่ายเหลือบแลซ้ายขวา พระทน่ี ่งั บลั ลังกอ์ ลงการ์ อย่าฝ่าฝนื ขึ้นนัง่ อิงองค์ อนั ฝูงพระสนมนางใน อย่าผูกจติ พสิ มัยใหลหลง จงภกั ดีตอ่ ใตบ้ าทบงส์ุ อย่าทะนงวา่ ทรงพระเมตตา แขกเมืองอย่าบอกความลบั อยา่ สนิทคานบั คบหา อนั รางวลั ใหป้ นั เสนา อย่ามีใจฉันทาทัดทาน แมน้ กรวิ้ โกรธลงโทษผใู้ ด อยา่ ใสใ่ จยุยงจงผลาญ อยา่ โลภลกั ราชทรพั ย์ศฤงคาร พระบรรหารส่ิงใดจงจาความ อาสาเจ้าตนจนตัวตาย จงึ่ นบั ว่าเปน็ ชายชาญสนาม เจ้าจงจาคาทาตาม กจ็ ะจาเรญิ ความสวสั ดี รามเกียรต์ิ
หลักราชการ พระราชนิพนธข์ องรัชกาลที่ 6 สาหรบั ขา้ ราชการพึงยึดถือเปน็ แนวทางประพฤติปฏิบตั ิราชการ 10 ประการ 1. ความสามารถ หมายถงึ ความชานาญในการปฎบิ ัตงิ านใน ดา้ นตา่ ง ๆ ใหเ้ ป็นผลสาเร็จไดด้ ยี ิง่ กว่าผู้มโี อกาสเทา่ ๆ กนั 2. ความเพียร หมายถึง ความกลา้ หาญไม่ย่อทอ้ ต่อความ ลาบาก และบากบ่นั เพ่ือจะข้ามความขดั ข้องให้จงได้โดยใช้ ความวิรยิ ภาพมิได้ลดหย่อน
3. ความมไี หวพริบ หมายถึง รู้จักสังเกตเห็นโดยไมม่ ใี ครมา เตอื นวา่ เมือ่ มเี หตเุ ช่นนนั้ จะต้องปฏบิ ตั กิ ารอย่างน้นั เพอ่ื ให้บงั เกิดผลดที ี่สุดแกก่ ิจการทั่วไปและรบี ทาการอนั เหน็ ควรนัน้ โดย ฉบั พลัน 4. ความรู้เท่าถงึ การณ์ หมายถึง รู้จกั ปฏบิ ัติอยา่ งไรให้ เหมาะสมแก่เวลา สมเหตสุ มผลและเปน็ ประโยชนท์ ีส่ ุด 5. ความซ่ือตรงตอ่ หนา้ ท่ี หมายถงึ ตง้ั ใจกระทากิจการซึง่ ได้รบั มอบหมายใหเ้ ปน็ หน้าท่ดี ้วยความซือ่ สตั ย์สุจรติ 6. ความซอ่ื ตรงตอ่ คนทัว่ ไป หมายถึง ใหป้ ระพฤติซ่ือตรงต่อ คนทวั่ ไป รกั ษาตนให้เปน็ คนทเ่ี ขาทั้งหลายจะเช่อื ถือ
7. ความรูจ้ กั นิสัยคน หมายถึง สาหรับผู้ทรี่ จู้ กั มหี นา้ ทตี่ ิดตอ่ กบั ผู้อน่ื ไม่วา่ จะผู้ใหญ่หรือผนู้ ้อย 8. ความรูจ้ ักผ่อนผัน หมายถงึ ตอ้ งเปน็ ผ้ทู ร่ี ้จู ักผอ่ นสนั้ ผอ่ นยาว ว่าเมอื่ ใดควรตดั ขาดและเมอื่ ใดควรโอนออ่ น หรอื ผอ่ นผันกันได้ มใิ ช่แตจ่ ะยึดถือหลักเกณฑห์ รอื ระเบียบอย่างเดยี ว ซงึ่ จะ ก่อให้เกดิ ผลเสีย ควรยืดหยุ่นได้ 9. ความมีหลกั ฐาน คือ มีบา้ นอยเู่ ปน็ ท่เี ป็นทาง มีครอบครัวอัน มน่ั คง และต้งั ตนไว้ในทีช่ อบ 10. ความจงรกั ภักดี หมายความวา่ ยอมเสียสละเพ่ือประโยชน์ แห่งชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์
คาปรารภใน พ.ร.บ.ระเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2471 โดยทมี่ ีพระราชประสงคจ์ ะทรงวางระเบียบข้าราชการพลเรอื น ให้เป็นไปในทางเลือกสรรผ้มู ีความรู้และความสามารถเข้ารบั ราชการเปน็ อาชพี ไม่มกี งั วลด้วยการแสวงหาประโยชน์ในทาง อื่น ส่วนฝา่ ยข้างราชการกใ็ ห้ได้รบั ประโยชน์ยิ่งข้ึน เนือ่ งจาก ความสะพร่ังพรอ้ มดว้ ยข้าราชการซึง่ มคี วามสามารถและรอบรู้ ในวิถแี ละอุบายของราชการ กบั ทง้ั หนา้ ท่ีและวนิ ัยอันตนรักษา เป็นนติ ยกาล
วินัยขา้ ราชการ หมายถึง ระเบียบ แบบแผนความประพฤติ ที่บัญญตั ิไว้ใหข้ า้ ราชการ ปฏบิ ัติ และห้ามมิใหข้ า้ ราชการปฏิบตั ิ เพ่อื ใหข้ ้าราชการใช้ ควบคมุ ตนเอง ผบู้ ังคบั บญั ชาใชค้ วบคุม ผใู้ ต้บงั คับบญั ชา ใหม้ ีความประพฤติดีและ ละเวน้ การประพฤตมิ ชิ อบ √ ใหท้ า × ห้ามทา
การรักษาวินัย หมายถงึ การที่ข้าราชการปฏิบัติตามวนิ ัยที่ กาหนดไว้ และหมายความรวมถึงการท่ผี ้บู ังคับบัญชาจะต้อง ส่งเสรมิ และดแู ลระมัดระวังให้ผู้อย่ใู ตบ้ งั คับบัญชาปฏบิ ัตติ าม วนิ ัย และดาเนนิ การทางวินยั แก่ผ้ทู ี่กระทาผดิ วนิ ยั ด้วย
จุดมุ่งหมายของวินัย 1. ให้ราชการดาเนนิ ไปดว้ ยดี มีประสทิ ธภิ าพ 2. ความเจรญิ ความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ 3. ความผาสุกของประชาชน 4. ภาพพจนช์ ือ่ เสียงทด่ี ีของทางราชการ
วินัยตามพระราชบัญญตั ิระเบียบขา้ ราชการครแู ละบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และทีแ่ ก้ไขเพมิ่ เตมิ วินยั ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ประกอบด้วย o หมวด ๖ วนิ ัยและการรกั ษาวินัย (ม.8๒ - ม.๙๗) o หมวด ๗ การดาเนนิ การทางวนิ ยั (ม.๙๘ - ม.๑๐๖) discipline วันนี้ เรยี นแค่นี้
วินัยและการรักษาวนิ ัย ประเทศชาติ ตนเอง วินัย ตาแหน่ง ประชาชน ผูบ้ งั คับบญั ชา ผรู้ ่วมงาน
วนิ ยั ต่อประเทศชาติ ต้องสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี พระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ ตามรฐั ธรรมนญู แห่ง ราชอาณาจกั รไทยด้วยความบรสิ ทุ ธใิ์ จและมีหน้าทว่ี างรากฐาน ใหเ้ กิดระบอบการปกครองเช่นว่านัน้ (ม.8๓)
วนิ ัยตอ่ ตาแหนง่ หน้าทร่ี าชการ ๑. ต้องปฏิบัติหนา้ ที่ราชการดว้ ยความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ เสมอภาค และเท่ยี งธรรม มีความวริ ยิ ะ อุตสาหะ ขยนั หมัน่ เพยี ร ดูแล เอาใจใส่ รกั ษาประโยชนข์ องทางราชการ และต้องปฏิบัติตน ตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวชิ าชพี อยา่ งเคร่งครดั ห้ามมใิ ห้อาศัยหรอื ยอมให้ผู้อนื่ อาศยั อานาจและหนา้ ทร่ี าชการ ของตน ไมว่ า่ จะโดยทางตรงหรือทางอ้อม หาประโยชน์ให้แก่ ตนเองหรือผู้อื่น (ม.8๔)
วินยั ตอ่ ตาแหน่งหน้าที่ราชการ ๒. ต้องปฏิบตั หิ นา้ ท่รี าชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ แบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษา มติ คณะรฐั มนตรี หรอื นโยบายของรฐั บาล โดยถอื ประโยชนส์ งู สุด ของผเู้ รยี น และไมใ่ หเ้ กดิ ความเสยี หายแกท่ างราชการ (ม.8๕)
วินัยต่อตาแหนง่ หนา้ ท่รี าชการ ๓. ตอ้ งตรงต่อเวลา อุทศิ เวลาของตนใหแ้ กท่ างราชการและ ผูเ้ รยี น จะละท้งิ หรือทอดทิง้ หน้าทรี่ าชการโดยไมม่ เี หตุผลอนั สมควรมไิ ด้ (ม.8๗) ๔. ต้องไมก่ ระทาการหรอื ยอมให้ผอู้ ืน่ กระทาการหาประโยชน์ อนั อาจทาให้เสื่อมเสยี ความเทยี่ งธรรมหรือเสอื่ มเสยี เกยี รตศิ ักด์ิ ในตาแหน่งหน้าท่รี าชการของตน (ม.๙๐)
วนิ ยั ตอ่ ตาแหน่งหนา้ ทร่ี าชการ ๕. ต้องไมเ่ ปน็ กรรมการผูจ้ ดั การ หรือผู้จดั การ หรอื ดารง ตาแหน่งอนื่ ใดท่มี ลี กั ษณะงานคล้ายคลงึ กันนั้นในห้างหนุ้ สว่ น หรอื บรษิ ทั (ม.๙๒) ๖. ตอ้ งวางตนเป็นกลางทางการเมอื งในการปฏิบัตหิ นา้ ทีแ่ ละใน การปฏิบตั กิ ารอืน่ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับประชาชน โดยต้องไม่อาศัย อานาจและหน้าทรี่ าชการของตนแสดงการฝักใฝ่ ส่งเสริม เกือ้ กลู สนับสนนุ บุคคล กลุ่มบุคคล หรอื พรรคการเมอื งใด (ม.๙๓)
วินยั ตอ่ ผบู้ งั คบั บญั ชา ต้องปฏบิ ตั ิตามคาสง่ั ของผู้บังคบั บญั ชาซ่งึ ส่ังในหนา้ ทีร่ าชการ โดยชอบดว้ ยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ โดยไม่ขัด ขืนหรือหลกี เลย่ี ง แตถ่ า้ เห็นวา่ การปฏิบัติตามคาส่ังนั้นจะทาให้ เสียหายแกร่ าชการ หรอื จะเป็นการไมร่ ักษาประโยชน์ของทาง ราชการ จะเสนอความเหน็ เปน็ หนังสอื ภายในเจด็ วนั เพ่ือให้ ผบู้ งั คบั บญั ชาทบทวนคาส่ังนั้นกไ็ ด้ และเมือ่ เสนอความเห็นแลว้ ถา้ ผ้บู ังคบั บัญชายืนยนั เป็นหนังสือใหป้ ฏบิ ัติตามคาสงั่ เดิม ผูอ้ ยู่ ใตบ้ งั คบั บัญชาจะตอ้ งปฏบิ ัติตาม (ม.8๖)
วินยั ตอ่ ผู้ร่วมงาน ๑. ตอ้ งประพฤติเป็นแบบอยา่ งที่ดี .... มีความสภุ าพเรยี บร้อย รกั ษาความสามัคคี ช่วยเหลือเกอ้ื กลู ... ระหว่างขา้ ราชการ ดว้ ยกันหรอื ผรู้ ่วมปฏบิ ตั ริ าชการ (ม.๘๘) ๒. ตอ้ งไมก่ ลนั่ แกล้ง กลา่ วหา หรอื รอ้ งเรยี น ผูอ้ นื่ โดยปราศจากความเป็นจรงิ (ม.๘๙)
วินยั ต่อประชาชน ต้องประพฤตเิ ปน็ แบบอยา่ งทดี่ ีแก่ ผู้เรยี น ชมุ ชน สังคม ... ต้อนรับ ใหค้ วามสะดวก ให้ความเป็นธรรม แกผ่ ้เู รียนและ ประชาชนผมู้ าติดต่อราชการ การกลั่นแกล้ง ดหู ม่ิน เหยียดหยาม กดขี่ หรือขม่ เหงผู้เรยี น หรือประชาชนผู้มาติดตอ่ ราชการอยา่ งรา้ ยแรง เปน็ ความผิด วินยั อย่างร้ายแรง (ม.๘๘)
วินัยตอ่ ตนเอง ๑. ต้องไมค่ ัดลอกหรือลอกเลียนผลงานทางวิชาการของผู้อ่ืน โดยมิชอบ หรอื นาเอาผลงานทางวิชาการของผู้อนื่ หรอื จ้าง วาน ใช้ ผอู้ น่ื ทาผลงานทางวิชาการเพื่อไปใชใ้ นการเสนอขอ ปรบั ปรุงการกาหนดตาแหน่ง การเลื่อนตาแหน่ง การเล่อื น วิทยฐานะหรือการให้ไดร้ บั เงินเดอื นในระดบั ทีส่ ูงข้นึ (ม.๙๑)
วินยั ตอ่ ตนเอง ๒. ตอ้ งรักษาชื่อเสียงของตนและรกั ษาเกียรติศกั ด์ิของตาแหน่ง หนา้ ทีร่ าชการของตนมิใหเ้ สือ่ มเสีย โดยไม่กระทาการใด ๆ อัน ไดช้ ่อื ว่าเป็นผู้ประพฤตชิ ่วั (ม.๙๔) o การกระทาความผดิ อาญาจนไดร้ ับโทษจาคุกหรอื หนกั กว่าจาคุก โดยคาพพิ ากษาถึงทสี่ ุด (เว้นประมาทหรอื ลหโุ ทษ) o กระทาการอันได้ชอ่ื วา่ เป็นผปู้ ระพฤตชิ ั่วอยา่ งร้ายแรง o เสพยาเสพติดหรอื สนบั สนุนใหผ้ ูอ้ น่ื เสพยาเสพตดิ o เล่นการพนันเปน็ อาจณิ o ล่วงละเมิดทางเพศตอ่ ผ้เู รยี นหรือนักศึกษา ไม่วา่ จะอยู่ในความดูแล รับผิดชอบของตนหรอื ไม่
การกระทาอย่างใดจะเปน็ การประพฤตชิ ่ัวหรือไม่ นน้ั มี องคป์ ระกอบ 3 ประการ คือ 1 เกียรติศักดข์ิ องข้าราชการ 2 ความรสู้ กึ ของสังคม 3 เจตนาที่กระทา
ผมู้ ีหนา้ ทร่ี กั ษาวินยั ผบู้ งั คบั บัญชา ข้าราชการ องค์กรกลาง ผู้ที่เกย่ี วขอ้ ง บรหิ ารงานบคุ คล
การรกั ษาวนิ ัยโดยขา้ ราชการ o เรียนรู้และเขา้ ใจวินัย o สานกึ ในหน้าทท่ี ่ีจะต้องรักษาวนิ ัย o ตระหนักในความสาคญั ของวนิ ยั o ปฏบิ ตั ิตามวนิ ยั
การรักษาวนิ ัยโดยผบู้ ังคับบญั ชา o เสรมิ สรา้ งและพฒั นาใหผ้ ้ใู ต้บังคบั บัญชามีวินัย o ป้องกนั มใิ ห้ผูใ้ ตบ้ ังคับบัญชากระทาผิดวนิ ยั o ควบคมุ ดแู ลใหผ้ อู้ ยใู่ ต้บงั คับบญั ชาอยู่ในวนิ ยั o ดาเนินการทางวินัยแกผ่ ูใ้ ต้บงั คับบัญชาทก่ี ระทาผิดวนิ ยั (ม.๙๕)
มาตรา ๙๕ ให้ผู้บังคบั บัญชามีหนา้ ท่ีเสรมิ สร้างและพัฒนาใหผ้ อู้ ยูใ่ ตบ้ งั คับบัญชามี วินัย ปอ้ งกนั มใิ ห้ผูอ้ ยู่ใตบ้ งั คบั บัญชากระทาผิดวินยั และดาเนนิ การทางวนิ ัยแก่ผ้อู ยู่ ใต้บังคับบัญชาซึง่ มกี รณีอนั มมี ลู ทค่ี วรกลา่ วหาว่ากระทาผิดวนิ ยั การเสรมิ สรา้ งและพัฒนาใหผ้ ้อู ยู่ใตบ้ ังคบั บัญชามีวินยั ให้กระทาโดยการปฏบิ ตั ิตน เป็นแบบอย่างท่ีดี การฝึกอบรม การสรา้ งขวัญและกาลังใจ การจงู ใจ หรอื การอนื่ ใด ในอันท่ีจะเสรมิ สรา้ งและพฒั นาเจตคติ จติ สานกึ และพฤตกิ รรมของผ้อู ยูใ่ ตบ้ งั คบั บัญชาให้เปน็ ไปในทางท่มี วี ินัย การป้องกนั มิให้ผ้อู ยู่ใตบ้ งั คับบัญชากระทาผดิ วินัยให้กระทาโดยการเอาใจใส่ สงั เกตการณ์และขจัดเหตทุ ี่อาจก่อใหเ้ กิดการกระทาผิดวินยั ในเร่อื งอนั อยูใ่ นวสิ ยั ทจ่ี ะ ดาเนินการปอ้ งกันตามควรแก่กรณีได้ เมอ่ื ปรากฏกรณมี ีมูลท่ีควรกลา่ วหาวา่ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาผใู้ ด กระทาผิดวินยั โดยมพี ยานหลกั ฐานในเบื้องต้นอยแู่ ลว้ ให้ผ้บู งั คับบญั ชาดาเนินการ ทางวนิ ัยทันที
เมื่อมีการกล่าวหาโดยปรากฏตัวผู้กลา่ วหาหรือกรณีเป็นทส่ี งสยั ว่าข้าราชการครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาผู้ใดกระทาผิดวนิ ัยโดยยังไมม่ ีพยานหลกั ฐาน ให้ ผู้บังคบั บญั ชารีบดาเนินการสืบสวนหรอื พจิ ารณาในเบื้องต้นว่ากรณมี ีมูลท่ีควร กล่าวหาว่าผนู้ นั้ กระทาผิดวนิ ัยหรือไม่ ถา้ เห็นว่ากรณีไม่มมี ูลท่ีควรกล่าวหาวา่ กระทาผดิ วนิ ัยจงึ จะยุติเรื่องได้ ถ้าเหน็ ว่ากรณีมีมลู ทคี่ วรกลา่ วหาวา่ กระทาผิดวนิ ัย กใ็ หด้ าเนินการทางวินยั ทนั ที การดาเนินการทางวินยั แก่ผูอ้ ยูใ่ ต้บังคับบัญชาซงึ่ มีกรณอี ันมีมูลท่ีควรกลา่ วหาวา่ กระทาผิดวนิ ยั ให้ดาเนินการตามทบ่ี ัญญัตไิ ว้ในหมวด ๗ ผู้บงั คบั บัญชาผใู้ ดละเลยไม่ปฏิบัติหนา้ ท่ีตามมาตราน้แี ละตามหมวด ๗ หรอื มี พฤติกรรม ปกปอ้ ง ชว่ ยเหลือเพื่อมิใหผ้ อู้ ยูใ่ ต้บังคบั บัญชาถูกลงโทษทางวนิ ัย หรอื ปฏิบตั ิหนา้ ท่ดี ังกล่าวโดยไม่สุจริต ใหถ้ อื วา่ ผู้น้นั กระทาผิดวินยั
การรกั ษาวินัยโดยองคก์ รกลางบริหารงานบุคคล o กาหนดนโยบายในการรกั ษาวนิ ยั ข้าราชการ o ออกระเบยี บและกฎเกณฑ์เกย่ี วกับการรักษาวนิ ัย o สง่ เสริมและสนบั สนุนใหข้ า้ ราชการมีวนิ ยั o กาชบั และวางมาตรการการลงโทษและมาตรฐานโทษ
การรักษาวนิ ยั โดยผู้ทเ่ี กีย่ วข้อง o ผมู้ าขอรบั บรกิ ารจากทางราชการจะต้องไม่สนับสนนุ ให้ ขา้ ราชการกระทาผิดวนิ ยั ด้วยการให้ผลประโยชน์ใด ๆ โดยมิชอบ o ประชาชนและสอ่ื มวลชนต้องช่วยสอดสอ่ งดแู ล ข้าราชการมใิ หก้ ระทาผดิ วนิ ัย เมอื่ พบเห็นควรแจง้ ผ้บู ังคับบัญชา
ท่มี าของการดาเนินการทางวินยั 1. มผี ู้ร้องเรียนกลา่ วหา 2. มีบัตรสนเท่ห์ระบพุ ยานหลกั ฐานหรือกรณีแวดล้อมชัดแจ้ง และระบุพยานบคุ คลชัดเจน 3. เรอ่ื งปรากฏเป็นขา่ วทางสอื่ มวลชน 4. ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรฐั แจ้งเร่ืองมา 5. ผบู้ งั คบั บัญชาพบเหน็ การกระทาผิดเอง 6. เรอ่ื งปรากฏจากการสอบสวนทางวนิ ยั (สอบสวนเรื่องหนง่ึ แลว้ พบว่าผิดเร่อื งอน่ื ดว้ ย)
โทษทางวินัย โทษวนิ ัยอย่างไม่รา้ ยแรง โทษวนิ ยั อยา่ งรา้ ยแรง โทษทางวินยั มี ๕ สถาน (ม.๙๖) ๑. ภาคทณั ฑ์ ๒. ตัดเงนิ เดอื น ๓. ลดเงินเดอื น ๔. ปลดออก ๕. ไลอ่ อก กรณีกระทาผดิ วินยั เลก็ นอ้ ยและมเี หตอุ นั ควรงดโทษ จะงดโทษใหโ้ ดย ใหท้ าทณั ฑบ์ นเปน็ หนงั สอื หรอื วา่ กลา่ วตักเตอื นกไ็ ด้
สาเหตุทว่ี ินยั เส่ือม ๑. ความจาเปน็ ในการครองชีพ 2. อบายมขุ 3. ตัวอยา่ งไมด่ ี 4. ขาดขวัญและกาลังใจ 5. งานลน้ มือ 6. โอกาสเปิด ลอ่ ใจ 7. ผ้บู งั คบั บัญชาปลอ่ ยปละละเลย
ตวั อย่างบางเรื่องของการขาดวนิ ยั
จะขอใชข้ องหลวง ต้องทาอยา่ งไร? ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าดว้ ยการจดั สวสั ดกิ ารภายใน สว่ นราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ มีวัตถุประสงคเ์ พอ่ื ให้ส่วนราชการ สามารถจัดกจิ กรรมหรอื กิจการใด ๆ ในการชว่ ยเหลอื และ อานวยความสะดวกให้แก่ข้าราชการเพือ่ ประโยชน์ในการ ดารงชีวติ นอกเหนอื จากสวสั ดกิ ารท่ที างราชการจัดใหแ้ ก่ ข้าราชการเป็นกรณีปกติ หรือเพ่อื ประโยชน์แกก่ ารสนับสนนุ การปฏิบตั ริ าชการ หรือทค่ี ณะกรรมการเหน็ สมควรให้จดั เพิม่ ขน้ึ
กรณคี วามผดิ เกย่ี วกับการเรยี กรับเงนิ นางเขยี ว ครสู งั กัดสานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ได้ หลอกลวงนางสาวดาใหว้ า่ สามารถชว่ ยเหลอื ใหโ้ อนมารบั ราชการสังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษาได้ โดย เรยี กรบั เงินจานวน ๕๐,๐๐๐ บาท เปน็ คาตอบแทน แตไ่ ม่ สามารถดาเนนิ การได้ นางสาวดาจึงร้องเรยี นต่อผบู้ งั คับบัญชา ของนางเขยี ว เป็นความผิดตาม ม.๙๔ กระทาการอันไดช้ ือ่ ว่าเปน็ ผปู้ ระพฤติ ชั่วอยา่ งรา้ ยแรง ลงโทษปลดออกจากราชการ
กรณคี วามผดิ เก่ียวกบั ความสมั พันธ์ฉันชู้สาว นายโดง่ ครโู รงเรยี นแหง่ หน่ึง มคี วามสมั พนั ธ์ฉนั ทช์ ู้สาวกบั นางสาวหวาน พนกั งานราชการ ของโรงเรยี นอกี แห่งหน่ึง ทั้งที่ มีภริยาโดยชอบดว้ ยกฎหมายอยแู่ ล้ว โดยหลอกลวงวา่ จะหย่า กับภริยาแลว้ ไปจดทะเบียนสมรสดว้ ย ทาให้นางสาวหวาน หลงเชอ่ื ยอมมเี พศสัมพนั ธจ์ นต้ังครรภ์ แตน่ ายโดง่ ก็ไม่ยอมหย่า กับภรยิ า เป็นความผิดตาม ม.๙๔ กระทาการอนั ไดช้ ื่อว่าเปน็ ผูป้ ระพฤติ ช่ัวอย่างรา้ ยแรง ลงโทษปลดออกจากราชการ
กรณคี วามผดิ เกย่ี วกบั เพศและอนาจารทางเพศ นายหนวด มพี ฤติกรรมกระทาอนาจารเด็กนักเรียนหญิงหลาย ราย ตา่ งกรรมตา่ งวาระกัน โดยเดก็ หญิงสวยถกู นายหนวดโอบ เอวและดงึ ตัวเขา้ หาเพอ่ื จะหอมแก้ม แต่เด็กหญงิ สวยผละตวั ออกกอ่ น ส่วนเดก็ หญิงอิ่มถูกนายหนวดโอบเอวและจบั หน้าอก หลายคร้ัง เป็นความผดิ ตาม ม.๙๔ กระทาการล่วงละเมดิ ทางเพศตอ่ ผูเ้ รยี น หรือนกั ศึกษา ไมว่ ่าจะอยู่ในความดแู ลรับผิดชอบของตนหรอื ไม่ ลงโทษไลอ่ อกจากราชการ
กรณคี วามผิดเก่ยี วกับการประพฤติชั่ว นางใหญ่ ผู้อานวยการโรงเรียน ถูกชาวบ้านเดินขบวนขบั ไล่ นายเลก็ รองผูอ้ านวยการ ไดอ้ อกไปเจรจากับกลมุ่ ชาวบา้ น เม่ือ นางใหญเ่ หน็ จึงเดนิ ออกไปกระชากคอเสอ้ื นายเล็กอยา่ งรุนแรง แลว้ ตบหน้านายเลก็ จนปากแตกต่อหนา้ กลมุ่ ชาวบา้ น พรอ้ มรอ้ ง ว่า มงึ น่ีแหละอยู่เบอ้ื งหลังการชมุ นมุ เป็นความผดิ ตาม ม.๙๔ ไม่รกั ษาช่ือเสียงของตนและรักษา เกียรติศักดข์ิ องตาแหนง่ หนา้ ท่รี าชการของตนมิให้เส่อื มเสีย ลงโทษลดเงินเดอื น ๑ ขั้น
กรณีความผดิ เก่ยี วกับการดมื่ และเมาสุราในเวลาราชการ นายมนึ ครโู รงเรียนแหง่ หนึง่ ด่มื สรุ ามีอาการมนึ เมาในเวลา ราชการหลายคร้งั เวลาเมาก็มกั จะพดู จาเสยี งดังท้าทายและใช้ วาจาไม่เหมาะสมกับผบู้ ังคบั บญั ชาและผ้อู ่ืนเสมอ ผู้บงั คับบญั ชา ตกั เตอื นหลายคร้งั ก็ยังคงประพฤติตัวเหมือนเดมิ เป็นความผิดตาม ม.๙๔ ไม่รักษาชือ่ เสยี งของตนและรกั ษา เกยี รติศกั ด์ิของตาแหนง่ หน้าที่ราชการของตนมิใหเ้ สื่อมเสีย ลงโทษลดเงนิ เดือน ๑ ขน้ั
กรณีความผิดเกีย่ วกบั การประพฤติชั่ว นายโต ครูโรงเรยี นแหง่ หนงึ่ ถกู ตารวจจบั กุมข้อหาครอบครอง อาวธุ ปนื ท่ีนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนญุ าตใหไ้ ด้ และถกู ศาลพิพากษาจาคุก ๖ เดอื น เปน็ ความผิดตาม ม.๙๔ ไม่รกั ษาชื่อเสียงของตนและรักษา เกยี รตศิ ักดข์ิ องตาแหน่งหนา้ ท่รี าชการของตนมิให้เส่ือมเสีย และ ต้องคาพิพากษาใหจ้ าคุก ลงโทษปลดออกจากราชการ
กฎหมายที่เก่ยี วข้องกบั วนิ ยั และการรกั ษาวินัย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชกิ สภานติ ิบัญญัติ แหง่ รัฐ สมาชิกสภาจังหวดั หรือสมาชกิ สภาเทศบาล เรยี ก รบั หรือยอมจะรับทรพั ย์สิน หรอื ประโยชน์อืน่ ใดสาหรับ ตนเองหรือผู้อื่นโดยมชิ อบ เพ่อื กระทาการหรือไมก่ ระทาการ อย่างใดในตาแหนง่ ไม่ว่าการนัน้ จะชอบหรือมชิ อบดว้ ย หน้าที่ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ตัง้ แตห่ ้าปถี งึ ยส่ี บิ ปี หรอื จาคกุ ตลอดชีวติ และปรับตัง้ แตส่ องพนั บาทถึงส่หี มนื่ บาท หรอื ประหารชีวติ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1๕๐ ผู้ใดเปน็ เจ้าพนกั งาน กระทาการ หรอื ไมก่ ระทาการอย่างใดในตาแหน่งโดยเหน็ แกท่ รัพยส์ ิน หรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใด ซ่งึ ตนไดเ้ รยี ก รับ หรือยอมจะรับไว้ กอ่ นทีต่ นได้รับแตง่ ต้งั เปน็ เจา้ พนักงานในตาแหน่งนั้น ต้อง ระวางโทษจาคกุ ตัง้ แตห่ ้าปถี งึ ย่สี ิบปี หรอื จาคกุ ตลอดชีวติ และปรับตง้ั แต่หน่ึงแสนบาทถึงสแ่ี สนบาท
พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๒๘ ห้ามมใิ หเ้ จ้าพนกั งานของรัฐผ้ใู ดรบั ทรพั ยส์ ินหรือ ประโยชน์อ่ืนใดอันอาจคานวณเป็นเงนิ ไดจ้ ากผู้ใด นอกเหนือจาก ทรพั ย์สินหรอื ประโยชน์อันควรไดต้ ามกฎหมาย กฎ หรอื ขอ้ บงั คบั ทอี่ อกโดยอาศยั อานาจตามบทบญั ญัตแิ ห่งกฎหมาย เว้นแต่การ รบั ทรัพยส์ ินหรอื ประโยชนอ์ นื่ ใด โดยธรรมจรรยาตามหลกั เกณฑ์ และจานวนทคี่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. กาหนด
ความในวรรคหนง่ึ มใิ หใ้ ช้บงั คบั กับการรบั ทรัพยส์ ินหรือประโยชน์ อื่นใดจากบุพการี ผสู้ ืบสนั ดาน หรือญาตทิ ่ใี ห้ตามประเพณหี รือ ตามธรรมจรรยาตามฐานานุรปู บทบญั ญัตใิ นวรรคหน่ึงใหใ้ ช้บังคบั กับการรบั ทรัพย์สินหรอื ประโยชน์อน่ื ใดของผู้ซงึ่ พน้ จากการเปน็ เจ้าพนกั งานของรัฐ มาแล้วยังไมถ่ งึ สองปดี ว้ ยโดยอนุโลม การฝ่าฝนื มโี ทษจาคกุ ไม่เกนิ 3 ปี ปรบั ไมเ่ กิน 60,000 บาทหรือทงั้ จา ทัง้ ปรบั และให้ถือเปน็ ความผิดฐานทจุ ริตต่อหน้าทหี่ รือกระทาความผิด ต่อตาแหนง่ หน้าที่
พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการป้อองกนั และ ปราบปรามการทุจรติ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๗๓ เจ้าพนกั งานของรฐั เจ้าหน้าทข่ี องรฐั ต่างประเทศ หรอื เจ้าหนา้ ท่ีขององค์การระหว่างประเทศ ผใู้ ด เรยี ก รบั หรอื ยอมจะรบั ทรพั ย์สินหรือประโยชน์อ่นื ใดสาหรบั ตนเองหรือผอู้ ่นื โดยมชิ อบ เพ่ือกระทาการหรือไม่กระทาการอยา่ งใดในตาแหน่ง ไมว่ า่ การนนั้ จะชอบหรือมชิ อบด้วยหนา้ ที่ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่ห้าปีถึงย่ีสบิ ปี หรือจาคกุ ตลอดชวี ิต และปรับต้งั แต่หน่ึง แสนบาทถงึ สแี่ สนบาท
พระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยการป้อองกนั และ ปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๗๔ ผูใ้ ดเป็นเจา้ พนกั งานของรัฐ เจา้ หนา้ ท่ีของรฐั ต่างประเทศ หรอื เจ้าหน้าท่ี ขององค์การระหวา่ งประเทศ กระทาการหรือไม่กระทาการอย่างใดในตาแหนง่ โดยเห็นแก่ ทรัพย์สนิ หรอื ประโยชน์อนื่ ใดซง่ึ ตนไดเ้ รยี ก รบั หรือยอมจะ รบั ไว้กอ่ นท่ีตนได้รับแต่งตง้ั ในตาแหนง่ นั้น ต้องระวางโทษ จาคกุ ตั้งแต่หา้ ปถี งึ ย่สี บิ ปี หรือจาคุกตลอดชวี ติ และปรับตั้ง แต่หนง่ึ แสนบาทถึงสแี่ สนบาท
คณุ ลักษณะของข้าราชการ ทางานด้วยความทมุ่ เท รักและผูกพนั กบั งาน 29% มุ่งมั่นกับความสาเร็จของงานและหน่วยงาน ผูกพันและมสี ่วนรว่ มกบั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของหนว่ ยงาน สจุ ริต ปกป้ององค์การ 54% ทางานไปวนั ๆ ไม่อยากใส่ใจอะไร ความสาเรจ็ ของงานคอื ทาให้เสรจ็ ทางานใหค้ รบตามเวลาและหน้าท่ี อยใู่ นระเบยี บวินยั ทาตามกฎระเบียบทุกอย่าง 17% ไม่มีความผูกพันตอ่ งานอย่างชัดเจน ใชเ้ วลาไปกบั การแสดงออกถึงการไม่มคี วามสุข ต่อต้านและคดั ค้านส่ิงทผี่ ้อู ่นื ลงมือทา ไม่ยินดกี บั ความสาเรจ็ ของเพ่อื นรว่ มงานและหนว่ ยงาน
Search