เมื่อพิจารณาความชุกของโรคความดันโลหิตสูง ในประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จ�ำแนกตามเพศ ระหว่างปี พ.ศ. 2552 และ 2557 พบวา่ เพศชายมีความชกุ สงู กวา่ เพศหญงิ (ดงั แผนภมู ทิ ่ี 20) สว่ นความชกุ ผทู้ ่ีได้รบั การบอกจากแพทย ์ ว่ามีภาวะความดนั โลหิตสงู ในประชากร อายุ 15-79 ปี ปี พ.ศ. 2558 และ 2561 พบว่าเพศหญิงมีความชกุ สูงกวา่ เพศชาย (ดงั แผนภูมทิ ่ี 21) หากพิจารณาความชุกของโรคความดันโลหติ สงู ในประชากรไทยอายุ 15 ปขี ึ้นไป ตามกล่มุ อายุ ระหว่างปี พ.ศ. 2552 และ 2557 พบความชกุ ตำ�่ สดุ ในกลมุ่ อายุ 15-24 ปี จากนนั้ เพมิ่ ขนึ้ ตามกลมุ่ อายแุ ละสงู สดุ ในกลมุ่ อายุ 80 ปขี น้ึ ไป (ดงั แผนภมู ทิ ่ี 22) สว่ นความชกุ ผทู้ ไี่ ดร้ บั การบอกจากแพทยว์ า่ มภี าวะความดนั โลหติ สงู ในประชากรอายุ 15-79 ปี พบวา่ ความชกุ ตำ�่ สดุ ในกลมุ่ อายุ 15-24 ปี จากนั้นความชุกจะเพ่ิมข้ึนในกลุ่มอายุ 45-54 ปี จนสูงสุดในกลุ่มอายุ 75-79 ปี (ดังแผนภูมิท่ี 23) จากข้อมูล ดงั แผนภมู ิท่ี 14 และ 15 จะเหน็ ได้วา่ เมอ่ื กลุ่มอายุสงู สดุ แนวโน้มของโรคจะสูงขนึ้ ตามลำ� ดบั แผนภูมทิ ่ี 20 : ความชุกของโรคความดนั โลหติ สงู ในประชากรไทยอายุ 15 ปีข้ึนไป ปี พ.ศ. 2552 และ 2557 จ�ำแนกตามเพศ ที่มา : การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย (NHES) พ.ศ. 2552 และ 2557 แผนภมู ิท่ี 21 : ความชกุ ผทู้ ไี่ ดร้ บั การบอกจากแพทยว์ า่ มภี าวะความดนั โลหติ สงู ในประชากรอายุ 15-79 ปี ปี พ.ศ. 2558 และ 2561 จำ� แนกตามเพศ ทม่ี า : การสำ� รวจพฤตกิ รรมเส่ยี งโรคไมต่ ิดต่อและการบาดเจ็บ (BRFSS) พ.ศ. 2558 และ 2561 รายงานสถานการณ์โรค NCDs 33 เบาหวาน ความดันโลหิตสงู และปัจจัยเสีย่ งท่ีเก่ียวข้อง พ.ศ. 2562
แผนภมู ิท่ี 22 : ความชกุ ของโรคความดนั โลหติ สงู ในประชากรไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป ปี พ.ศ. 2552 และ 2557 จำ� แนกตามกลมุ่ อายุ ทีม่ า : การสำ� รวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย (NHES) พ.ศ. 2552 และ 2557 แผนภมู ิท่ี 23 : ความชกุ ผทู้ ไี่ ดร้ บั การบอกจากแพทยว์ า่ มภี าวะความดนั โลหติ สงู ในประชากร อายุ 15-79 ปี ปี พ.ศ. 2558 และ 2561 จ�ำแนกตามกลมุ่ อายุ ที่มา : การส�ำรวจพฤตกิ รรมเสี่ยงโรคไมต่ ดิ ตอ่ และการบาดเจบ็ (BRFSS) พ.ศ. 2558 และ 2561 เมื่อพิจารณาเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ จากข้อมูลระบบคลังข้อมูลสุขภาพ (Health Data Center: HDC) ของกระทรวงสาธารณสขุ พบวา่ ผปู้ ว่ ยทไ่ี ดร้ บั การวนิ จิ ฉยั รายใหมม่ แี นวโนม้ เพม่ิ มากขน้ึ ในปี พ.ศ.2558 ถึงปี พ.ศ.2561 ในอัตราเพ่ิมข้ึนที่ลดลง ขณะที่ความครอบคลุมการคัดกรอง มีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2561 มคี วามครอบคลมุ การคัดกรองเท่ากบั รอ้ ยละ 86.31 (ดังแผนภมู ทิ ่ี 24) นอกจากนี้ยังพบวา่ ผู้ป่วยความดนั โลหติ สูงมาติดตามการรักษาต่อเนอ่ื งอย่างน้อย 2 คร้ังตอ่ ปี ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2558 ถงึ ปี พ.ศ. 2561 มแี นวโนม้ เพม่ิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยในกลมุ่ นมี้ ผี ทู้ คี่ วบคมุ ความดนั โลหติ ไดด้ ี ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2559 ถงึ ปี พ.ศ. 2561 มีแนวโน้มเพิ่มข้ึนเช่นเดียวกัน (ดังแผนภูมิที่ 25) ส�ำหรับรายงานผลการด�ำเนินงานการประเมินผลการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ชนดิ ที่ 2 และโรคความดนั โลหิตสงู ของโรงพยาบาลในสงั กดั กระทรวงสาธารณสขุ และสถานพยาบาลในพื้นทกี่ รุงเทพมหานคร จากเครอื ข่ายวจิ ัยกล่มุ สถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (MedResNet) พบว่า ผ้ปู ว่ ยความดนั โลหติ สงู ท่คี วบคมุ ความดัน โลหิตได้ดี ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2557 ถึงปี พ.ศ. 2561 มีแนวโน้มเพ่ิมขึ้น (ดงั แผนภมู ิท่ี 26) ซง่ึ แนวโนม้ ดงั กลา่ วสอดคลอ้ งกับผลการ ส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย (NHES) แตข่ ้อมลู การส�ำรวจในระดบั ประชากรซงึ่ ครอบคลุมสถานพยาบาล ทกุ สงั กดั โดยการสำ� รวจปลี า่ สดุ คอื ปี พ.ศ. 2557 มผี ปู้ ว่ ยทสี่ ามารถควบคมุ ความดนั โลหติ ได้ ณ วนั ทสี่ ำ� รวจเทา่ กบั รอ้ ยละ 60.37 ในขณะที่ข้อมูลจากระบบ HDC เป็นร้อยละ 37.37 ในปี พ.ศ. 2558 ซ่งึ แสดงถงึ ผปู้ ่วยทีไ่ มเ่ ขา้ รบั การรกั ษาหรอื เข้ารับการรกั ษา ไม่ตอ่ เน่ืองอาจมีแนวโน้มเป็นผ้ปู ว่ ยที่ควบคุมความดนั โลหิตไดไ้ ม่ดี 34 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงท่ีเก่ียวขอ้ ง พ.ศ. 2562
แผนภูมทิ ี่ 24 : ร้อยละของประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไปท่ไี ดร้ ับการคดั กรองความดนั โลหติ สงู และอตั ราผปู้ ว่ ยความดนั โลหิตสูง รายใหมท่ ี่ไดร้ บั การวินิจฉยั ในปงี บประมาณ 2558-2561 ทมี่ า : ระบบคลังขอ้ มลู ดา้ นการแพทยแ์ ละสขุ ภาพ (HDC) กระทรวงสาธารณสขุ ข้อมลู ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 แผนภูมทิ ่ี 25 : รอ้ ยละผปู้ ่วยความดนั โลหิตสูงที่มารับการตรวจวัดความดนั โลหติ ท่สี ถานพยาบาลอย่างนอ้ ย 2 ครงั้ ต่อปี และ รอ้ ยละผ้ปู ว่ ยความดนั โลหติ สูงทีค่ วบคุมความดนั โลหิตไดด้ ี (BP <140/90 mmHg) 2 ครั้งสุดท้ายติดต่อกัน ในปีงบประมาณ 2558-2561 ท่ีมา: ระบบคลงั ขอ้ มูลด้านการแพทย์และสุขภาพ (HDC) กระทรวงสาธารณสุข ขอ้ มลู ณ วันท่ี 2 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2562 แผนภูมิที่ 26 : รอ้ ยละผปู้ ว่ ยความดนั โลหติ สงู ทคี่ วบคมุ ความดนั โลหติ ไดด้ ี (BP <140/90 mmHg) 2 ครง้ั ตดิ ตอ่ กนั ปี พ.ศ. 2555-2561 ทมี่ า : รายงานผลการด�ำเนินงานการประเมินผลการดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดท่ี 2 และโรคความดันโลหิตสูง ของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวง สาธารณสุขและสถานพยาบาลในพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร จากเครือข่ายวิจัยกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (MedResNet) พ.ศ. 2555, 2556, 2557, 2558 และ 2561 ข้อมลู ณ วันท่ี 2 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2562 รายงานสถานการณ์โรค NCDs 35 เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง และปัจจยั เสีย่ งทเี่ กีย่ วข้อง พ.ศ. 2562
การขบั เคล่ือนนโยบายและมาตรการทเ่ี ก่ยี วข้องกับการป้องกนั ควบคมุ โรคเบาหวานและโรคความดันโลหติ สงู ประเทศไทยมีการขับเคล่ือนการด�ำเนินงานป้องกันควบคุมโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ผ่านนโยบาย และแผนยทุ ธศาสตร์ระดับชาตดิ ้านโรคไมต่ ิดต่อ ซงึ่ ครอบคลุมประเด็นการจดั การปัจจยั เสย่ี งทเ่ี กี่ยวขอ้ ง รวมถึงมมี าตรการและ กิจกรรมต่างๆ ต้ังแตด่ ้านการส่งเสริมสุขภาพ การคัดกรอง ตลอดจนการรักษา โดยเกดิ การมีสว่ นรว่ มจากหน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข สำ� นกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ส�ำนักงานหลกั ประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ไดแ้ กก่ ระทรวงศกึ ษาธกิ าร องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ รวมถงึ หนว่ ยงานภาควี ชิ าการและภาคประชา สงั คมเพอ่ื สนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานปอ้ งกนั ควบคมุ โรค และพฒั นาระบบบรกิ ารสขุ ภาพใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธผิ ลโดยมงุ่ สเู่ ปา้ หมาย ลดอัตราปว่ ย อัตราตายจากโรคไม่ติดต่อ โดยสามารถสรุปรายละเอียดได้ดงั ต่อไปน้ี นโยบายรฐั บาล (12 กันยายน 2557) นโยบายหลักดา้ นที่ 5 ยกระดับคุณภาพบริการดา้ นสาธารณสขุ และสขุ ภาพของประชาชน : ขอ้ 5.1 วางรากฐาน ให้ระบบหลักประกันสุขภาพครอบคลุมประชากร ในทุกภาคส่วนอย่างมีคุณภาพโดยไม่มีความเหล่ือมล�้ำของคุณภาพบริการ ในแต่ละระบบ และบูรณาการข้อมูลระหว่างทกุ ระบบหลกั ประกันสขุ ภาพเพอื่ เพิ่มประสิทธภิ าพในการบริหารจดั การ มติสมัชชาสขุ ภาพแหง ชาติ มติสมชั ชาสุขภาพแหง่ ชาติ ครง้ั ท่ี 1 พ.ศ. 2551 มติ 1.6 : ยทุ ธศาสตรในการจดั การปญหาจากเครอ่ื งดื่มแอลกอฮอล มติสมชั ชาสขุ ภาพแหงชาติ มติ 2.5: ยุทธศาสตรน โยบายแอลกอฮอลระดับชาติ ครัง้ ที่ 2 พ.ศ. 2552 มติ 2.8: การจดั การปญ หาภาวะนำ้ หนักเกนิ และโรคอว น มติสมชั ชาสขุ ภาพแหง ชาติ มติ 3.6 : มาตรการในการควบคุมปจจัยเสีย่ งตอสขุ ภาพดานยาสูบ คร้ังที่ 3 พ.ศ. 2553 มตสิ มชั ชาสขุ ภาพแหง ชาติ มติ 5.1 : การจดั ระบบและโครงสรา งเพอ่ื สงเสริมการเดินและ ครงั้ ที่ 5 พ.ศ. 2555 การใชจกั รยานในชีวติ ประจำวัน มติสมัชชาสุขภาพแหง ชาติ คร้งั ที่ 6 พ.ศ. 2556 มติ 8.4 : นโยบายการลดบริโภคเกลอื และโซเดยี ม มตสิ มัชชาสขุ ภาพแหงชาติ เพ่อื ลดโรคไมติดตอ (NCDs) ครัง้ ที่ 8 พ.ศ. 2558 มติ 6.2 : เปา หมายในการปอ งกนั และควบคมุ โรคไมต ดิ ตอ ของประเทศไทย มติ 6.6 : การกำกับดแู ลสอื่ และการสื่อสารการตลาดของผลิตภัณฑ ยาสบู และเครื่องดมื่ แอลกอฮอล 36 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสงู และปจั จยั เส่ียงท่เี ก่ียวข้อง พ.ศ. 2562
แผนยทุ ธศาสตรร์ ะดบั ชาตดิ ้านโรคไมต่ ดิ ตอ่ และปจั จยั เสย่ี งท่ีเก่ยี วข้อง แผนยุทธศาสตร 1. เพือ่ ลดภาระการปวยการตายและความพิการทป่ี อ งกันไดอ นั มผี ล การปอ งกันและควบคุมโรค สบื เนอื่ งจากโรคไมต ิดตอดวยวธิ ีการรวมมือระหวางภาคภี าคสวน ไมต ดิ ตอระดับชาติ 5 ป หลากหลายสาขาและการประสานงานในระดบั ชาติ ภูมิภาค และระดบั โลก (พ.ศ. 2560-2564) 2. เพ่ือใหป ระชาชนมีภาวะสขุ ภาพที่ดแี ละสรา งใหเ กิดผลผลิตตาม มาตรฐานสูงสดุ ในทกุ กลมุ อายุ และโรคตางๆ เหลานี้ไมเปน อปุ สรรค ตอการมีคณุ ภาพชีวติ ทด่ี ี และการพฒั นาทางดา นเศรษฐกิจ ภายในป พ.ศ. 2564 แผนยุทธศาสตร เพอื่ ลดปญหาโรควิถีชีวิตท่ีสำคญั 5 โรค (เบาหวาน ความดันโลหติ สงู สขุ ภาพวิถชี วี ติ ไทย หัวใจ หลอดเลอื ดสมอง และมะเรง็ ) ใน 5 ดาน (การเกดิ โรค ภาวะ พ.ศ. 2554-2563 แทรกซอน การพิการ การตาย ภาระคา ใชจ า ย) ดวยการเพ่ิมวถิ ีชวี ติ พอเพยี งใน 3 ดาน (การบรโิ ภคทเี่ หมาะสม การออกกำลังกายที่ เพยี งพอ การจดั การอารมณไ ดเหมาะสม) แผนยุทธศาสตร มกี ระบวนการและกลไกการจดั การกับปญ หาภาวะน้ำหนักเกนิ และ การจัดการปญ หาภาวะ โรคอวนอยางมสี วนรวม โปรงใส ตั้งอยบู นฐานความรู และเปนไป น้ำหนกั เกินและภาวะอว น เพ่อื ผลประโยชนสาธารณะ พ.ศ. 2553-2562 แผนยุทธศาสตร ควบคุมขนาดและความรนุ แรงของปญหาจากการบรโิ ภค นโยบายแอลกอฮอล ระดบั ชาติ พ.ศ.2554-2563 แผนยทุ ธศาสตร 1. ลดความชุกการเสพยาสูบของประชากรไทย การควบคุมยาสบู แหง ชาติ 2. คุม ครองสุขภาพของประชาชนจากอนั ตรายของควนั บุหร่ี ฉบบั ที่ 2 พ.ศ.2559–2562 ยทุ ธศาสตร ประชาชนบริโภคเกลอื และโซเดยี มลดลงรอ ยละ 30 ภายในป 2568 การลดโซเดียม ในประเทศไทย พ.ศ. 2559-2568 แผนสง เสรมิ 1. ประชาชนมีกิจกรรมทางกายเพียงพอ กิจกรรมทางกาย 2. ประเทศไทยมกี ารจัดสภาพแวดลอ มทเี่ ออ้ื ตอ การมกี ิจกรรมทางกาย พ.ศ. 2561-2573 รายงานสถานการณ์โรค NCDs 37 เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และปจั จยั เส่ยี งท่เี กีย่ วขอ้ ง พ.ศ. 2562
มาตรการ/กิจกรรม การด�ำเนนิ งานปอ้ งกนั ควบคุมโรคเบาหวานและโรคความดนั โลหติ สูง กลมุ เปา หมาย กจิ กรรม/มาตรการ ประชาชนท่วั ไป โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสงู 1. การบรกิ ารคดั กรอง 1. การบรกิ ารคดั กรอง l คดั กรองความเบาหวาน l คดั กรองความดันโลหติ สูงในประชากร ในประชากรทมี่ ีอายุ 15 ปขนึ้ ไป ทม่ี อี ายุ 15 ปขึ้นไป l โครงการเพ่ิมการเขา ถึงเครอื่ งวดั ความดัน โลหิตในทส่ี าธารณะ (Public BP) สำหรบั ประชากรทวั่ ไป 2. การเสรมิ สรา งความรูแ ละตระหนกั ถงึ ภยั สุขภาพ l การรณรงค สอื่ สารประชาสัมพนั ธ วิธกี ารปอ งกนั ควบคมุ โรคความดนั โลหิตสงู ในรูปแบบ Infographic ผา น Social media ตางๆ เชน Facebook, เว็บไซตก องวิชาการฯ l การรณรงคสอ่ื สารความรูดานการจัดการพฤตกิ รรมสขุ ภาพตามหลกั 3 อ. 2 ส. เพื่อลดความเสยี่ งตอการเกดิ โรคเบาหวานและโรคความดันโลหติ สูง 1. การใหบริการกลมุ ผปู ว ยในคลนิ กิ NCD คุณภาพ (NCD Clinic Plus) l เร่มิ ดำเนนิ การตัง้ แตป พ.ศ. 2557 เพอ่ื พัฒนาคุณภาพของระบบบริการปอ งกนั ควบคมุ โรคไมต ดิ ตอของสถานบรกิ ารสาธารณสขุ อยางตอ เนอ่ื ง และสนบั สนุน ใหเ กิดการดำเนินงานปอ งกนั ควบคมุ โรคไมต ิดตอ และภาวะแทรกซอน ผูป ว ย 2. การดำเนินงานโรคไตเรื้อรงั “คลนิ กิ ชะลอไตเสื่อม” l เริ่มดำเนนิ งานต้งั แตป พ.ศ. 2559 โดยมีวตั ถปุ ระสงคเพื่อการลดและชะลอ ความเสอื่ มของไต (อัตราการลดลงของ eGFR นอยกวา 4 ml/min/1.73 m2/ป) เปา หมาย ≥ 65% ในป 2562 มุงเนนการจดั การผูปว ยเบาหวานและความดนั โลหติ สงู ทม่ี ีไตเสื่อมระยะที่ 3-4 ในโรงพยาบาลระดบั F2, F1 และ M2 38 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหติ สงู และปัจจยั เส่ยี งที่เกีย่ วขอ้ ง พ.ศ. 2562
2.2.2 สถานการณ์ปัจจยั เสยี่ งทเ่ี กีย่ วขอ้ ง 1 สถานการณก์ ารบริโภคยาสบู ของประชากรไทย จากผลการสำ� รวจพฤตกิ รรมการสบู บหุ รแี่ ละการดม่ื สรุ า พ.ศ. 2560 ของสำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ พบวา่ ประชากร อายุ 15 ปขี น้ึ ไปทง้ั สน้ิ 55.9 ลา้ นคน เปน็ ผทู้ ส่ี บู บหุ รป่ี จั จบุ นั 10.7 ลา้ นคน (รอ้ ยละ 19.1) แยกเปน็ ผทู้ ส่ี บู เปน็ ประจำ� 9.4 ลา้ นคน (ร้อยละ 16.8) และเปน็ ผู้ทีส่ ูบนานๆ ครั้ง 1.3 ลา้ นคน (ร้อยละ 2.2) กลุ่มอายุ 25-44 ปีมีอตั ราการสบู บหุ รี่สูงสดุ (รอ้ ยละ 21.9) กลมุ่ อายุ 45-59 ปี (รอ้ ยละ 19.1) และ 20-24 ปี (รอ้ ยละ 20.7) สำ� หรบั กลมุ่ ผสู้ งู วยั (อายุ 60 ปขี น้ึ ไป) รอ้ ยละ 14.4 กลมุ่ เยาวชน (อายุ 15-19 ป)ี มอี ตั ราการสบู บหุ ร่ีต�่ำสดุ (รอ้ ยละ 9.7) ผ้ชู ายสบู บุหรี่มากกว่าผูห้ ญงิ 22 เทา่ (รอ้ ยละ 37.7 และ 1.7 ตามล�ำดบั ) อัตราการสูบบุหร่ีของประชากรที่อาศัยอยู่นอกเขตเทศบาลสูงกว่าในเขตเทศบาล (ร้อยละ 20.9 และ 17.0 ตามล�ำดับ) อัตราการสูบบุหรี่สูงสุดในภาคใต้ (ร้อยละ 24.5) รองลงมาได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 21.1) ภาคกลางและ ภาคเหนอื มอี ตั ราการสบู บหุ ร่ี ใกลเ้ คยี งกนั (รอ้ ยละ 17.6 และรอ้ ยละ 17.1 ตามลำ� ดบั ) กรงุ เทพมหานคร มอี ตั ราการสบู บหุ รต่ี ำ�่ สดุ (รอ้ ยละ 15.4)(2) (ดังตารางที่ 7) ตารางท่ี 7: อัตรารอ้ ยละของประชากรอายุตงั้ แต่ 15 ปีขน้ึ ไป ปี พ.ศ. 2560 จ�ำแนกตามพฤติกรรมการสูบบหุ รี่ กลมุ่ อายุ เพศ เขตการปกครองและภาค กลุม่ อายุ เพศ พฤตกิ รรมการสูบบุหร่ี เขตการปกครอง รวม ปจั จบุ นั และ เคยสูบ รวม ปกตสิ บู นานๆ ครั้ง อัตราการสบู และภาค อดีตไม่สบู เปน็ ประจ�ำ กลุ่มอายุ (ป)ี 100 72.4 8.5 19.1 16.9 2.2 19.1 15-19 ปี 100 89.1 1.1 9.7 7.2 2.6 9.7 20-24 100 77.3 2.0 20.7 17 3.7 20.7 25-44 100 72.9 5.2 21.9 19.6 2.4 21.9 45-59 100 68.5 10.4 21.1 19.1 2.0 21.1 60 ปีข้นึ ไป 100 67.9 17.7 14.4 12.9 1.5 14.4 เพศ ชาย 100 45.8 16.5 37.7 33.4 4.3 37.7 หญิง 100 97.3 1.0 1.7 1.4 0.3 1.7 เขตการปกครอง ในเทศบาล 100 74.9 8.2 17.0 14.9 2.0 17.0 นอกเทศบาล 100 70.3 8.8 20.9 18.4 2.4 20.9 ภาค 1.7 15.4 กรุงเทพมหานคร 100 77.5 7.1 15.4 13.7 2.1 17.6 กลาง(ไม่รวม กทม.) 100 74.8 7.5 17.6 15.5 2.3 17.1 เหนือ 100 71.0 11.8 17.1 14.9 2.5 21.1 ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 100 70 8.8 21.1 18.6 2.6 24.5 ใต้ 100 68.3 7.2 24.5 21.9 ท่ีมา : การสำ� รวจพฤตกิ รรมการสบู บุหร่แี ละดมื่ สรุ า พ.ศ. 2560 ส�ำนักงานสถติ แิ หง่ ชาติ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 39 เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และปจั จัยเสยี่ งที่เกยี่ วขอ้ ง พ.ศ. 2562
1.1 พฤติกรรมการบรโิ ภคยาสูบของประชากรไทย อตั ราการสบู บุหรี่ จ�ำแนกตามปัจจยั ส่วนบุคคล เม่ือพิจารณาตามเพศ พบว่าในช่วงปี พ.ศ. 2534 – 2560 มีอัตราการบริโภคยาสูบของประชากรเพศชาย มอี ตั ราการเปล่ยี นแปลงทลี่ ดลงน้อยกว่าเพศหญิงคอื ร้อยละ 36.42 และร้อยละ 66 ตามล�ำดบั อยา่ งไรก็ตามหากเปรียบเทียบ ระหวา่ งเพศในปเี ดยี วกัน พบว่าเพศชายมอี ัตราการบรโิ ภคยาสบู สงู กว่าเพศหญงิ ทกุ ป(ี 2) (ดังแผนภมู ทิ ี่ 27) แผนภมู ทิ ่ี 27 : อัตราการสูบบุหรีป่ จั จบุ ัน ปี พ.ศ. 2534-2560 จำ� แนกตามเพศ ที่มา : การสำ� รวจอนามัยและสวสั ดกิ าร พ.ศ.2534, 2539, 2552, 2554, 2556, และ 2558 และการส�ำรวจพฤติกรรมการสูบบหุ รี่ และด่ืมสรุ า พ.ศ.2544, 2547, 2550, 2554, 2557 และ 2560 สำ� นักงานสถติ ิแห่งชาติ เม่อื พจิ ารณาตามกลมุ่ อายุ พบวา่ ในช่วงปี พ.ศ. 2534-2560 อตั ราผูส้ บู บหุ รีม่ แี นวโนม้ ลดลงในทุกกลมุ่ อายุโดย ในกลมุ่ อายุ 25-40 ปี และกลมุ่ อายุ 41-59 ปี มอี ตั ราการสบู บหุ รที่ ใี่ กลเ้ คยี งกนั ซง่ึ สงู กวา่ ทกุ กลมุ่ อายุ และกลมุ่ ทน่ี า่ เปน็ หว่ งทส่ี ดุ คอื ในกลมุ่ นกั สบู เยาวชน (อายุ 15-24 ป)ี ทม่ี อี ตั ราการสบู บหุ รเ่ี พมิ่ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งและลดลงเลก็ นอ้ ยใน ปี พ.ศ.2560(2) (ดงั แผนภมู ทิ ่ี 28) แผนภูมทิ ่ี 28 : อัตราการสบู บหุ ร่ปี จั จบุ ัน ปี พ.ศ. 2534-2560 จำ� แนกตามกลุ่มอายุ ท่ีมา : การส�ำรวจอนามัยและสวัสดิการ พ.ศ.2534, 2539, 2552, 2554, 2556 และ 2558 และการส�ำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และ ด่ืมสรุ า พ.ศ.2544, 2547, 2550, 2554, 2557, และ 2560 ส�ำนกั งานสถิตแิ ห่งชาติ อายเุ ฉลย่ี ทเ่ี รม่ิ สบู ครง้ั แรกในภาพรวมของทงั้ ประเทศปี พ.ศ. 2560 คอื 18.1 ปี เพศชายมอี ายเุ ฉลยี่ ทเ่ี รม่ิ สบู ครงั้ แรก ต�่ำกว่าเพศหญิง (17.9 ปี และ 22.0 ปี ตามล�ำดับ) ประชากรที่อยู่ในภาคเหนือและภาค ตะวันออกเฉียงเหนือมีอายุเฉลี่ย ทเี่ ริ่มสบู ครงั้ แรกใกลเ้ คยี งกันคอื 17 ปี กรงุ เทพมหานครภาคกลาง และภาคใต้ มีอายุเฉล่ยี ทเี่ ริ่มสูบบหุ รี่ครงั้ แรกใกลเ้ คียงกันคอื 18 ป(ี 2) (ดงั แผนภมู ิท่ี 29) 40 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหติ สงู และปจั จัยเสย่ี งทเ่ี กย่ี วข้อง พ.ศ. 2562
แผนภูมทิ ่ี 29 : อายเุ ฉลี่ยทเี่ ร่ิมสูบบหุ รคี่ รัง้ แรก ปี พ.ศ. 2547-2560 ทมี่ า : การสำ� รวจอนามยั และสวสั ดกิ าร พ.ศ. 2549 และการสำ� รวจพฤตกิ รรมการสบู บหุ รแ่ี ละดม่ื สรุ า พ.ศ. 2547, 2550, 2554, 2557 และ 2560 สำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ 1.2 สถานการณ์ทีส่ ะทอ้ นถึงการบริโภคยาสูบในระดับประชากร ยอดจำ� หนา่ ยของอตุ สาหกรรมยาสบู โรงงานยาสูบกระทรวงการคลัง เป็นผู้ผลิตซิกกาแรต (บุหร่ีซองและบุหรี่ซิการ์) รายเดียวในประเทศไทย โดยผลการด�ำเนินงานในปี พ.ศ. 2561 ด้านรายได้โรงงานยาสูบ และการยาสูบแห่งประเทศไทยมีรายได้ 31,271 ล้านบาท และ 20,294 ล้านบาทตามล�ำดับ คิดเป็นรายได้รวม 51,565 ล้านบาทลดลงจาก ปี 2560 จ�ำนวน 16,610 ล้านบาท หรือ คิดเป็นรอ้ ยละ 24.52 เป็นรายได้หลกั จากการจ�ำหนา่ ยบหุ ร่ี 51,064 ลา้ นบาท จากการขายผลติ ภณั ฑ์อน่ื 91 ล้านบาท และ รายได้ท่ีไม่เก่ียวกับ การด�ำเนินงาน 410 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99.03, 0.18 และ 0.80 ของรายได้รวมตามล�ำดับ และ ดา้ นการจำ� หนา่ ยการยาสูบแห่งประเทศไทย จำ� หน่ายบหุ รที่ ั้งสิน้ จ�ำนวน 17 ยห่ี ้อ โดยต้ังแตป่ ี พ.ศ.2557 ยอดจำ� หน่ายภายใน ประเทศมแี นวโน้มลดลงจาก 30,320 ลา้ น เป็น 18,508 ลา้ นมวน ในปี พ.ศ. 2561(3) (ดงั ตารางที่ 8) และนอกนัน้ เป็นสว่ น การแบง่ การตลาดของ บรษิ ทั ขา้ มชาติ ซง่ึ มอี ยหู่ ลายบรษิ ทั เชน่ บรษิ ทั ฟลิ ลปิ มอรสิ (ไทยแลนด)์ จำ� กดั และบรษิ ทั บรติ ชิ อเมรกิ นั โทแบคโค (ประเทศไทย) จ�ำกัดเป็นต้น อย่างไรก็ตามบริษัทต่างๆ ได้มีการปรับตัวโดย “ยุติการผลิตและจ�ำหน่ายบุหร่ี” และหันมาผลิต “ผลิตภัณฑ์ยาสูบไร้ควัน” (Smoke-free Product) หรือที่รู้จักกันในรูปแบบ บุหร่ีไฟฟ้า ซึ่งถูกคิดค้นข้ึนมา ในปี พ.ศ. 2546 มาแทนทใี่ หเ้ รว็ ทส่ี ดุ อนั เปน็ การสรา้ งกลยทุ ธใ์ หมเ่ พอื่ Disrupt ธรุ กจิ ตวั เองและตอ้ งการสรา้ ง “สงั คมไรค้ วนั บหุ ร”ี่ ทางเลือกส�ำหรบั นักสูบท่ีตัดสินใจวา่ จะยงั คงสูบบุหร่ตี ่อไป(4) ตารางที่ 8: สถติ ผิ ลการดำ� เนนิ งาน–การตลาด การสง่ ออกยอดการจำ� หนา่ ยบหุ รโี่ รงงานยาสบู ยอ้ นหลงั 5 ปี ตงั้ แตป่ งี บประมาณ 2557 – 2561 ปีงบประมาณ จำ� หน่ายในประเทศ (ล้านมวน) สง่ ออก (ล้านมวน) 2557 2558 30,319.79 28.84 2559 30,836.45 69.14 2560 28,221.49 75.79 2561 28,807.87 70.56 18,508.15 55.48 ทม่ี า : รายงานประจาํ ปี 2561 (Annual Report 2018) โรงงานยาสบู กระทรวงการคลงั รายงานสถานการณ์โรค NCDs 41 เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจยั เสี่ยงที่เก่ียวข้อง พ.ศ. 2562
การจัดเกบ็ รายไดภ้ าษียาสบู ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2557 – 2561 ผลการจดั เกบ็ รายไดภ้ าษสี รรพสามติ ภาษยี าสบู โดยพบวา่ ในปี พ.ศ 2559 จดั เกบ็ ภาษรี ายได้ 65,438.27 ลา้ นบาท สงู กวา่ ปี พ.ศ. 2558 จำ� นวน 2,704.36 ลา้ นบาท เพม่ิ ขนึ้ 4.31% และสงู กวา่ ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 638.27 ลา้ นบาท หรือ 0.98% สาเหตุที่จัดเก็บภาษีได้สูงกว่าปีพ.ศ. 2558 และประมาณการเน่ืองจากการปรับเพ่ิมอัตราภาษีบุหร่ีซิกาแรต ตามมลู ค่าจากรอ้ ยละ 87 เพ่มิ เป็นรอ้ ยละ 90 และตามปรมิ าณจาก 1.0 บาท ตอ่ กรัมเป็น 1.10 บาทตอ่ กรมั ซึง่ มีผลบังคบั ใช้ ต้ังแต่วันท่ี 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ท�ำให้การช�ำระภาษีสูงกว่าปีก่อนและประมาณการอย่างไรก็ตามผลจากการขึ้นภาษ ี ดังกล่าวส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคบุหร่ีราคาถูกแทนราคาแพงในสัดส่วนที่มากข้ึน ท�ำให้ภาษีบุหร่ีเพิ่มข้ึนเพียง 4.31% และในปี พ.ศ. 2560 การจัดเกบ็ ภาษไี ด้ 68,603.09 ล้านบาทสูงกว่าปพี .ศ. 2559 3,164.82 ล้านบาท หรอื 4.84% แต่ต�ำ่ กว่า ประมาณการ ตามเอกสารงบประมาณ (78,800 ลา้ นบาท) จากจำ� นวน 10,196.91 ลา้ นบาท หรอื 12.94% สาเหตทุ จี่ ดั เกบ็ ภาษี ยาสูบได้ต่�ำประมาณการ เน่ืองจากคาดว่าหลังจากการปรับอัตราภาษีแล้วจะท�ำให้รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 15,000 ล้านบาท ต่อปหี รือ 1,250 ลา้ นบาท ต่อเดือน แต่หลงั จากปรบั อัตราท�ำให้ราคาขายปลีกสงู ขนึ้ (33%) ซ่งึ ทำ� ให้ให้ผู้บริโภคหันมาบรโิ ภค บหุ รร่ี าคาถกู แทนบหุ รร่ี าคาแพงในสดั สว่ นทสี่ งู ขน้ึ ประกอบกบั มกี ารลดปรมิ าณการบรโิ ภค ทำ� ใหจ้ ดั เกบ็ ภาษยี าสบู ตำ�่ กวา่ ประมาณการ อยา่ งไรกต็ ามในช่วง 2 เดอื นกอ่ นท่ี พ.ร.บ. ภาษสี รรพสามติ 2560 มีผลบังคับใช้วนั ท่ี 16 กันยายน พ.ศ. 2560 ผปู้ ระกอบการ เรง่ ชำ� ระภาษสี งู กวา่ ปกติ จงึ เปน็ ผลใหภ้ าพรวมการชำ� ระภาษยี าสบู ปงี บประมาณ 2560 สงู กวา่ ปพี .ศ. 2559 และในปี พ.ศ. 2561 ภาษยี าสบู จัดเก็บได้ 68,548.17 ลา้ นบาท ซง่ึ ตำ่� กว่าปี พ.ศ. 2560 54.93 ลา้ นบาท หรือ 0.08% แตส่ ูงกว่าประมาณการตาม เอกสารงบประมาณ 448.16 ล้านบาท หรือ 0.66% (ดังตารางท่ี 9) สาเหตุที่จัดเก็บภาษียาสูบได้ต�่ำ เน่ืองจากในปี 2560 ผู้ประกอบการมีการกักตุนสินค้าก่อน พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต 2560 จะมีผลบังคับใช้ สาเหตุที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ เน่ืองจากผู้ประกอบการ น�ำเข้ามีการน�ำเข้าสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ในขณะที่การยาสูบ แห่งประเทศไทยกส็ ามารถปรับกลยทุ ธ์ทางการตลาดเพอ่ื ใหส้ ามารถรกั ษาสว่ นแบง่ ทางการตลาดไว ตารางท่ี 9: สรปุ ผลการจดั เก็บรายได้ภาษสี รรพสามติ ภาษียาสบู ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2557 – 2561 เปรยี บเทียบ เปรียบเทียบ ประเภท กบั ปีทแี่ ล้ว ประมาณการ กับประมาณการทาง ปี รายได้ เกบ็ ได้จริง เกบ็ ได้ปที ีแ่ ล้ว ตามเอกสาร เอกสาร จำ� นวน รอ้ ยละ จำ� นวน ร้อยละ 2557 ภาษยี าสบู 64,654.25 52,670.73 11,983.52 22.75 62,700.00 1,954.25 3.12 2558 ภาษยี าสูบ 62,733.91 61,000.56 1,733.35 2.84 63,000.00 -266.09 -0.42 2559* ภาษยี าสบู 65,438.27 62,733.91 2,704.36 4.31 64,800.00 638.27 0.98 2560* ภาษยี าสูบ 68,603.09 65,438.27 3,164.82 4.84 78,800.00 -10,196.91 -12.94 2561 ภาษียาสบู 68,548.17 68,603.09 -54.93 -0.08 68,100.00 448.16 0.66 *2559 มกี ารปรบั เพม่ิ อตั ราภาษบี หุ รซ่ี กิ าแรตตามมลู คา่ จากรอ้ ยละ 87 เพมิ่ เปน็ รอ้ ยละ 90 และตามปรมิ าณจาก 1.0 บาท ตอ่ กรมั เปน็ 1.10 บาทตอ่ กรมั มีผลบงั คับใช้ตง้ั แตว่ ันท่ี 10 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2559* 2560 พ.ร.บ. ภาษสี รรพสามิต 2560 ครั้งท่ี 2 มผี ลบังคบั ใช้วนั ท่ี 16 กนั ยายน พ.ศ. 2560 ทีม่ า : รายงานประจ�ำปี กรมสรรพสามิต พ.ศ. 2557 - 2561 โครงสร้างราคาบหุ ร่ใี นปจั จุบัน กรมสรรพสามิต ใช้ราคาขายปลกี แนะน�ำที่ซองละ 60 บาท เปน็ เกณฑใ์ นการคำ� นวณภาษตี ามมูลคา่ ดงั ท่ีกล่าวมา ขา้ งต้น ท�ำให้ตลาดบุหรี่ในปัจจุบนั แบ่งออกเป็น 2 ส่วนตามโครงสรา้ งภาษี กลา่ วคือ 1. กลมุ่ ตลาดบน ต้งั ราคาขายปลีกถกู ทีส่ ุดซองละ 90 บาท เป็นบุหร่ยี ห่ี อ้ วันเดอร์ แพงท่สี ุดซองละ 165 บาท มี 2 ยี่หอ้ ได้แก่ มาร์ลโบโร แคปซลู กับเมเวียส แคปซูล 42 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหติ สงู และปจั จัยเส่ยี งท่ีเกี่ยวขอ้ ง พ.ศ. 2562
2. กลุ่มตลาดล่าง ต้ังราคาขายปลีกไม่เกินซองละ 60 บาท ได้แก่ บุหรี่ยี่ห้อ LINE 7.1 เดิมเคยขายซองละ 40 บาท เพิ่มเปน็ 60 บาท, LINE มวนใหญ่ เดมิ ขายซองละ 43 บาท เพิ่มเป็น 60 บาท, GOAL เดมิ ขายซองละ 45 บาท เพ่ิมเปน็ 60 บาท, SMS เดิมขายซองละ 51 บาท เพิ่มเป็น 60 บาท จะเหน็ ไดว้ ่าบหุ รขี่ องโรงงานยาสบู ทกุ ยีห่ อ้ (ปัจจบุ ันเปลี่ยน ช่ือเป็น “การยาสูบแห่งประเทศไทย”) ปรับราคาขึ้นยกแผงประมาณ 50% ขณะเดียวกันมีบุหรี่ต่างประเทศบางย่ีห้อ ปรับลดราคาลงมาแข่งในตลาดล่าง 3 ยี่หอ้ เช่น วินสตัน คอมแพค เดมิ ขายซองละ 70 บาท หลังปรับภาษีขายซองละ 60 บาท, L&M 7.1 เดมิ ขายซองละ 72 บาท ลดราคาเหลอื 60 บาท และคาเมลเดิมขายซองละ 98 บาท ลดราคาเหลอื 60 บาท และ ยงั มีบุหรีน่ อกบางยห่ี ้อตง้ั ราคาขายต่ำ� กวา่ 60 บาทอกี 2ยีห่ ้อ คอื บหุ ร่ยี ่ีห้อเพลยอ์ อฟ ตงั้ ราคาขายปลกี ทซ่ี องละ 58 บาท และ ไอสกอร์ คิงไซซ์ ซองละ 58 บาท เปน็ ต้น สว่ นบุหร่ยี ีห่ อ้ กรองทพิ ย,์ สายฝน, กรุงทอง, สามติ ราคาซองละ 95 บาท ถกู ผลกั ขน้ึ แขง่ ในตลาดบน โดยมี L&M, ไอสกอร์ แม็กซ์ ขาย ซองละ 99 บาท และ ไอสกอร์ 5.0 ซองละ 100 บาท เป็นคู่แขง่ ทีส่ ำ� คญั การปรบั โครงสรา้ งภาษคี รง้ั นี้ นอกจากจะทำ� ใหส้ ว่ นแบง่ ทางการตลาดของโรงงานยาสบู ลดลง จากเดมิ เคยครอบครองตลาด 80% ปัจจุบันลดลงเหลือ 60% คาดว่าผู้บริโภคส่วนหน่ึงหันไปสูบบุหรี่ต่างประเทศที่มีราคาใกล้เคียงหรือถูกกว่า และอีกส่วนหันไป สูบบหุ ร่ที างเลือกใหมแ่ ทน เชน่ บุหรีไ่ ฟฟา้ , บหุ รีม่ วนเอง และบุหรีเ่ ถอื่ น เป็นต้น(5) (ดงั รปู ภาพที่ 1) รปู ภาพที่ 1 โครงสรา้ งราคาบหุ รี่ ท่ีมา : กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลงั 1.3 การขบั เคลอื่ นมาตรการและนโยบายทเ่ี กี่ยวข้องกับการบริโภคยาสูบ ถึงแม้วา่ ประเทศไทยจะมีมาตรการตา่ งๆ และมีความพยายามในการควบคุมยาสบู ตลอดที่ผา่ นมา แตก่ ลบั พบวา่ อตั ราการสบู บหุ รป่ี จั จบุ นั ของประชากรไทย อายุ 15 ปขี นึ้ ไป ในชว่ ง พ.ศ. 2534-2550 มอี ตั ราการสบู บหุ รล่ี ดลงเพยี ง 34% และ ชว่ ง พ.ศ. 2550-2560 อตั ราการสบู บหุ รล่ี ดลงเพยี ง 9% ซงึ่ แสดงใหเ้ หน็ วา่ ในชว่ ง 10 ปหี ลงั อตั ราการลดลงของการสบู บหุ รี่ เรม่ิ นอ้ ยลง อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั เนอ่ื งจากมแี รงตา้ นเกดิ ขน้ึ มาตรการควบคมุ การบรโิ ภคยาสบู ในประเทศไทย เปน็ มาตรการทมี่ กี ารดำ� เนนิ การขบั เคลอ่ื น สอดคล้องกับหลกั การ MPOWER (นโยบายทม่ี ีประสทิ ธผิ ลในการควบคุมยาสบู ) และการด�ำเนนิ กจิ กรรมตามทีก่ รอบอนุสัญญา ควบคมุ ยาสบู ขององค์การอนามยั โลก (World Health Organization Framework Convention on Tobacco Control: WHO FCTC) แนะนำ� มีดังนี้ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 43 เบาหวาน ความดันโลหิตสงู และปัจจัยเสี่ยงที่เก่ยี วขอ้ ง พ.ศ. 2562
มาตรการที่ 1 หา้ มโฆษณาบุหรี่ มาตรการท่ี 2 ภาษศี ลุ กากรและการคา้ หรอื แกตต์ หรอื GATT 301 มาตรการท่ี 3 การออก พ.ร.บ. 2 ฉบบั ไดแ้ ก่ พ.ร.บ.ควบคมุ ยาสบู มผี ลหา้ มโฆษณาและสง่ เสรมิ การขายบหุ รแี่ ละ พ.ร.บ.คมุ้ ครอง สขุ ภาพผไู้ ม่สบู บุหร่ี มาตรการที่ 4 มีการด�ำเนินการจัดตั้งสถาบันสง่ เสรมิ สขุ ภาพไทย มาตรการท่ี 5 การบังคบั ใชเ้ รอ่ื งการห้ามมีฉลากบุหรท่ี าง TV มาตรการที่ 6 การดำ� เนินการจดั ตง้ั สสส.จากเงินภาษี 2% (sin taxes) มาตรการที่ 7 ขยายพื้นท่ีสาธารณะปลอดบหุ ร่ ี มาตรการที่ 8 มภี าพค�ำเตอื นบนซองบหุ รี่ 6 แบบ มาตรการที่ 9 ห้ามให้มีการแสดงบหุ ร่ี ณ จดุ ขาย และด�ำเนนิ การต้งั ศูนย์วิจัยยาสบู (ศจย.) มาตรการที่ 10 การแสดงสารพิษ สารกอ่ มะเร็ง ปรับปรุงภาพคำ� เตอื น 9 แบบ และออกประกาศขยายพื้นที่ปลอดบุหร่ี มาตรการที่ 11 ด�ำเนินการเร่ืองภาพคำ� เตอื นบนบุหร่ีซิการ์ บุหร่มี วนเอง และขยายพืน้ ทีส่ าธารณะปลอดบหุ ร่ี ผับ บาร์ ตลาด มาตรการท่ี 12 การก�ำหนดช่ือ ประเภทสถานทส่ี าธารณะปลอดบหุ รี่ มาตรการที่ 13 การก�ำหนดหลักเกณฑ์ วธิ ีการ เงื่อนไขการแสดงค�ำ หรือข้อความ 51 NC มาตรการท่ี 14 กำ� หนดหลกั เกณฑ์ วิธกี าร เงอื่ นไขการแสดงค�ำ หรือขอ้ ความเกย่ี วกับสารพษิ และสารกอ่ มะเรง็ มาตรการที่ 15 คณะรฐั มนตรีเหน็ ชอบมตสิ มชั ชาสขุ ภาพ เรื่อง มาตรการควบคุมปัจจยั เส่ยี งด้านยาสบู มาตรการที่ 16 กระทรวงสาธารณสขุ ออกประกาศกระทรวงฯ เพม่ิ ขนาดคำ� เตอื นสขุ ภาพบนซองบหุ รี่ จากรอ้ ยละ 55 เปน็ รอ้ ยละ 85 ใน พ.ศ. 2556 มาตรการท่ี 17 กฎหมายซองบุหร่ีแบบเรียบ (ณ เดือน มิถุนายน พ.ศ.2559 กฎหมาย ผ่านการพิจารณาของคณะรฐั มนตรี (ครม.) แล้ว เหลือการพจิ ารณาของสภานิตบิ ัญญัตแิ ห่งชาติ (สนช.) มาตรการที่ 17 คณะรัฐมนตรมี ีมตขิ ้นึ ภาษีบุหรี่จากร้อยละ 87 เป็นรอ้ ยละ 90 มาตรการท่ี 18 กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงฯ เรื่อง การก�ำหนดประเภทหรือชื่อของสถานที่สาธารณะ สถานทที่ ำ� งาน และยานพาหนะ ใหส้ ว่ นหนง่ึ สว่ นใดหรอื ทงั้ หมดของ สถานทแี่ ละยานพาหนะเปน็ เขตปลอดบหุ ร่ี หรอื เขตสบู บุหรีใ่ นเขตปลอดบหุ ร่ี พ.ศ. 2561 มาตรการที่ 19 กระทรวงสาธารณสขุ ออกประกาศกระทรวงฯ เรอ่ื งหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขเกยี่ วกบั หบี หอ่ ผลติ ภณั ฑ์ ยาสบู และผลิตภณั ฑย์ าสบู ประเภทบหุ รซ่ี กิ าแรต พ.ศ. 2561 มาตรการและกฎหมายทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั การข้ึนภาษีบหุ ร ี่ ในปี พ.ศ. 2560 – 2562 กระทรวงการคลังได้ขึ้นภาษียาสูบและยาเส้นเป็นระลอกโดยเร่ิมขึ้นภาษี คร้ังท่ี 1 มีผลบังคบั ใช้ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 โดยจัดเกบ็ ภาษตี ามมลู คา่ ใน 2 อัตราท่แี ตกต่างกัน ระหว่างบหุ รีท่ ม่ี รี าคาขายปลีกไมเ่ กิน 60 บาท ต่อซอง และเกิน 60 บาทต่อซอง เป็นเวลา 2 ปี ท�ำให้บุหรี่ทุกยี่ห้อต้องเสียภาษีตามปริมาณมวนละ 1.20 บาท หรอื ซองละ 24 บาท จากนั้นนำ� มารวมค่าภาษี ซ่ึงคดิ ตามมลู ค่า โดยใชร้ าคาขายปลีกท่ีซองละ 60 บาท เป็นราคามาตรฐาน หากผู้ประกอบการรายใดตั้งราคาขายปลกี ไม่เกินซองละ 60 บาท ต้องเสยี ภาษเี พิม่ อกี 20% ของราคาขายปลีกไปจนถงึ วนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2562 จากนั้นให้เกบ็ ภาษใี น อตั รา 40% ส่วนบุหรที่ ่ีตั้งราคาขายปลกี เกิน 60 บาท ต้องเสียภาษี 40% ทันทีทก่ี ฎหมาย มผี ลบงั คบั ใช้ การปรบั ขน้ึ ภาษสี รรพสามติ ยาเสน้ มีผลบังคบั ใชว้ นั ท่ี 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ส่งผลใหร้ าคาขายปลีกยาเสน้ มีการปรับข้ึนทันที โดยยาเส้นขนาดบรรจุ 20-30 กรมั ต่อซอง เพิ่มข้ึนจาก 10 บาทเป็น 13 บาท โดยยาเส้นซองเลก็ ขนาดบรรจุ 5 บาท ขนาดไม่ถงึ 10 กรมั เพิม่ ข้นึ 2 บาท เปน็ 7 บาท ซง่ึ เดิมกรมเก็บภาษีท่ีขนาด 10 กรมั เดิมเสีย 5 สตางค์ เพิ่มเป็น 1 บาท การข้ึนภาษียาเส้นอีกท�ำให้ร้านค้าได้รับผลกระทบ และท�ำให้ปัญหาการค้าขายยอดขายบุหรี่ท่ีถูก กฎหมายและยาเส้นลดลง ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั ผลสำ� รวจของนดิ ้าโพล ซง่ึ ชใี้ ห้เห็นวา่ สถานการณ์โดยทัว่ ไปค่อนข้างแย่โดย 68% กจิ การโดยภาพรวมขายของ ได้นอ้ ยลง 73% บอกว่าขายยาเส้นได้นอ้ ยลงตัง้ แต่ข้ึนภาษียาเส้น ครัง้ ท่ี 2 ทมี่ ผี ลบงั คบั ใชไ้ ปวนั ท่ี 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2562(6) 44 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหิตสงู และปัจจัยเสย่ี งทเ่ี ก่ียวข้อง พ.ศ. 2562
ภาพและคำ� เตอื นบนซองบุหร่ี การบังคับให้บรษิ ทั บุหรี่พมิ พค์ �ำเตอื นถึงพษิ ภัยของการสูบบหุ รี่ เป็นมาตรการควบคมุ การสบู บหุ รี่ มาตรการแรก ท่ีประเทศต่างๆ น�ำมาใช้ เพื่อหวังที่จะให้คนไม่สูบบุหร่ีหรือเลิกสูบบุหร่ี แต่วิวัฒนาการการออกกฎหมายค�ำเตือนเป็นไป ดว้ ยความยากลำ� บาก ทงั้ เพราะการคดั คา้ นของบรษิ ทั บหุ ร่ี และการทฝี่ า่ ยรณรงคไ์ มส่ บู บหุ รใี่ ชเ้ วลาในการเรยี นรเู้ รอ่ื งการไดม้ าซงึ่ คำ� เตือนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงธรรมชาติท่ีบุหร่ีเป็นยาเสพติดท่ีอ�ำนาจการเสพติดรุนแรง ท�ำให้ผู้ท่ีติดบุหร่ีอยู่แล้ว แม้จะรู้ถึง ค�ำเตือนบนซองบุหรี่ แต่ส่วนใหญ่ก็เลิกสูบไม่ส�ำเร็จจนถึง พ.ศ. 2543 ค�ำเตือนของประเทศไทย อยู่ในรูปแบบของข้อความ ตวั อกั ษร ซงึ่ จดุ ออ่ นคอื ผสู้ บู บหุ รสี่ ว่ นใหญเ่ ปน็ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การศกึ ษานอ้ ย ไมเ่ ขา้ ใจความหมายของขอ้ ความคำ� เตอื น โดยผลการวจิ ยั พบว่า ค�ำเตือนที่เป็นรูปภาพมีประสิทธิภาพมากกว่าค�ำเตือนที่เป็นข้อความตัวหนังสือมาก ท้ังการท�ำให้เข้าใจถึงความหมาย ของคำ� เตือน ทำ� ใหส้ บู น้อยลง(7) สรุป จากสถานการณ์เก่ียวกับพฤติกรรมการสูบบุหร่ีพบว่า แนวโน้มลดลงค่อนข้างมากในช่วงก่อนปี พ.ศ.2544 โดย หลังจากนั้นมีแนวโน้มลดลงต่อเน่ืองเพียงเล็กน้อย โดยในปี พ.ศ.2560 ความชุกของผู้สูบบุหร่ีในปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 19.1 โดยใน กลมุ่ วยั รนุ่ และเยาวชนทเ่ี คยเปน็ กลมุ่ ทมี่ แี นวโนม้ การสบู บหุ รเ่ี พม่ิ ขนึ้ ในชว่ งปี พ.ศ.2544 ถงึ 2555 กก็ ลบั มามแี นวโนม้ ลดลง เชน่ กนั อย่างไรกต็ ามอายุเฉล่ยี ของการเร่ิมสูบบุหรีค่ รัง้ แรกกย็ งั คงท่ที อ่ี ายปุ ระมาณ 17–18 ปี อยา่ งไรกต็ ามบหุ ร่ีในรปู แบบใหม่ เช่น บหุ รีไ่ ฟฟ้า เรม่ิ เปน็ ที่นิยมมากขึ้นในหม่วู ัยรุ่นและผู้ใหญต่ อนต้น แตย่ งั ไม่ได้มกี ารส�ำรวจความชกุ ของการบรโิ ภค จากสถานการณท์ ส่ี ะทอ้ นถงึ การบรโิ ภคยาสบู ในระดบั ประชากร ยอดจำ� หนา่ ยของอตุ สาหกรรมยาสบู โรงงานยาสบู มีรายได้ลดลง และยอดจ�ำหน่ายภายในประเทศมีแนวโน้มลดลงเช่นกัน ส�ำหรับการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตท้ัง 2 คร้ังคือ มีการเปลี่ยนแปลงราคาภาษียาสูบจากร้อยละ 87 เป็น 90 อย่างไรก็ตามบริษัทต่างๆ ได้มีการปรับตัวโดย “ยุติการผลิต และจ�ำหน่ายบุหรี่” และหันมาผลิต “ผลิตภัณฑ์ยาสูบไร้ควัน” (Smoke-free Product) หรือที่รู้จักกันในรูปแบบบุหรี่ไฟฟ้า ซง่ึ ถูกคิดคน้ ขนึ้ มาในปี พ.ศ. 2546 มาแทนที่ใหเ้ ร็วที่สดุ อนั เปน็ การสร้างกลยุทธ์ใหม่เพื่อ Disrupt ธรุ กิจตวั เองและตอ้ งการสร้าง “สงั คมไร้ควนั บหุ ร่ี” ทางเลือกสำ� หรบั นกั สูบที่ตัดสินใจว่าจะยังคงสบู บหุ รีต่ ่อไป 2 สถานการณ์การบริโภคเครือ่ งด่มื แอลกอฮอล์ของประชากรไทย จากผลการส�ำรวจพฤติกรรมการสูบบุหร่ีและการด่ืมสุราของประชากร ปี พ.ศ. 2560 ของส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ พบวา่ ประชากรไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป บรโิ ภคเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลป์ ระมาณ 23.9 ลา้ นคน หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 42.8 ของประชากร วัยนท้ี ่ีมีท้งั หมด 55.9 ลา้ นคน โดยมอี ายุเฉล่ยี ทเ่ี ร่มิ ดืม่ ครงั้ แรกของประเทศคือ 20.3 ปี อายุเฉล่ยี ทีเ่ ริ่มด่มื คร้งั แรกของเพศชาย นอ้ ยกวา่ หญิง (19.3 ปี และ 23.7 ปี ตามล�ำดับ) ภาพรวมความชุกของนักดื่มมคี วามแตกต่างกันอย่างชดั เจนคือ ประมาณครึ่ง หนึ่งของผู้ชายด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ใน 12 เดือนที่ผ่านมาในขณะที่ผู้หญิง ดื่มประมาณร้อยละ 10.6 ซ่ึงเปรียบเทียบได้ว่า ความชกุ ของ การดม่ื สรุ าในเพศชายสงู กวา่ เพศหญงิ ประมาณ 4 เทา่ เมอื่ พจิ ารณาตามกลมุ่ อายุ พบวา่ กลมุ่ อายุ 25-44 ปี มอี ตั รา การดื่มสุราฯ สูงสุด ร้อยละ 36.0 รองลงมาคือกลุ่มอายุ 20-24 ปี และ 45-59 ปี (ร้อยละ 33.5 และ 31.1 ตามล�ำดับ) โดยประชากรทอ่ี าศยั อยนู่ อกเขตเทศบาลมอี ตั ราการดมื่ สรุ าฯ สงู กวา่ ประชากรทอี่ ยใู่ นเขตเทศบาล (รอ้ ยละ 29.2 และรอ้ ยละ 27.4 ตามลำ� ดับ) เมอื่ จำ� แนกรายภาคพบว่า ภาคเหนอื มีความชกุ การด่มื สูงทีส่ ดุ รอ้ ยละ 35.4 รองลงมา คอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ร้อยละ 32.8 และภาคกลางท่ีมีความชุกของการด่ืมร้อยละ 27.3 ส�ำหรับภูมิภาคอ่ืนที่มีความชุกการด่ืมน้อยกว่าภาพรวม ของประเทศ รอ้ ยละ 27.3 ไดแ้ ก่ กรงุ เทพมหานครรอ้ ยละ 25.3 และภาคใต้ร้อยละ 16.1(2) (ดังตารางที่ 10) รายงานสถานการณ์โรค NCDs 45 เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง และปัจจัยเสยี่ งทีเ่ กี่ยวขอ้ ง พ.ศ. 2562
ตารางที่ 10: จำ� นวนและอตั ราร้อยละของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปจำ� แนกตามพฤตกิ รรมการด่ืมสุรา ปี พ.ศ. 2560 กลมุ่ อายุ เพศ รวม ไม่เคยดืม่ เคยดม่ื แต่ไม่ด่ืม ดม่ื ใน 12 เดอื นที่แลว้ เขตกแาลระปภกาคครอง 55,948,226 ใน 12 เดือนทแี่ ลว้ รวม สม่�ำเสมอ1/ นานๆ คร้งั 2/ ท่วั ราชอาณาจกั ร กลุ่มอายุ (ป)ี (100.0) 31,989,073 8,061,891 15,897,262 6,984,785 8,912,477 (57.2) (14.4) (28.4) (12.5) (15.9) 15 – 19 4,587,014 3,834,823 128,418 623,773 152,294 471,479 (100.0) (83.6) (2.8) (13.6) (3.3) (10.3) 20 – 24 1,658,749 1,126,445 4,958,471 2,978,459 321,263 (33.5) 532,304 (22.7) 25 – 44 (100.0) (60.1) (6.5) 7,170,896 (10.7) 3,944,256 (36.0) 3,226,640 (19.8) 45 - 59 19,921,131 10,579,631 2,170,604 2,574,087 (16.2) 2,494,611 (100.0) (53.1) (10.9) (16.9) 2,232,384 (16.4) 60 ขึน้ ไป 1,716,849 (14.7) 875,686 เพศ 15,207,135 7,906,053 4,726,995 (15.2) 841,163 (7.8) (100.0) (52.0) (31.1) (7.5) ชาย 11,274,475 6,690,107 2,867,519 หญิง (100.0) (59.3) (25.4) เขตการปกครอง 27,024,419 8,546,223 5,652,777 12,825,419 6,392,966 6,432,453 (100.0) (31.6) (20.9) (47.5) (23.7) (23.8) 591,820 28,923,810 3,442,850 2,409,114 3,071,846 (2.0) 2,480,026 (100.0) (81.1) (8.3) (10.6) (8.6) ในเขตเทศบาล 25,442,390 14,678,740 3,783,084 6,980,566 3,022,331 3,958,235 (100.0) (57.7) (14.9) (27.4) (11.9) (15.6) นอกเขตเทศบาล ภาค 30,505,840 17,310,333 4,278,807 8,916,700 3,962,455 4,954,245 กรงุ เทพมหานคร (100.0) (56.7) (14.0) (29.2) (13.0) (16.2) (ไมร่ กวมลากงทม.) 7,565,649 4,514,479 1,137,431 1,913,739 795,089 1,118,650 เหนอื (100.0) (59.7) (15.0) (25.3) (10.5) (14.8) ตะวนั ออกเฉยี ง 2,275,211 16,623,128 9,965,088 2,115,648 4,542,392 (13.7) 2,267,181 เหนอื (100.0) (59.9) (12.7) (27.3) 1,516,518 (13.6) ใต้ (16.0) 9,492,814 4,375,832 1,756,780 3,360,202 1,849,954 1,843,684 (100.0) (46.1) (18.5) (35.4) (12.4) (19.4) 548,015 14,944,135 7,676,292 2,362,783 4,905,060 (7.5) 3,055,106 (100.0) (51.4) (15.8) (32.8) (20.4) 689,248 627,858 7,322,503 5,457,382 (9.4) 1,175,873 (8.6) (100.0) (74.5) (16.1) * หมายเหตุ: 1/ ได้แก่ ดืม่ ทุกวัน (7 วนั /สัปดาห์) หรือ ด่มื เกอื บทุกวนั (5-6 วัน/สปั ดาห์) หรือ ดืม่ วันเว้นวนั (3-4 วนั /สปั ดาห)์ หรอื ดมื่ ทกุ สัปดาห์ (1-2 วนั /สปั ดาห์) 2/ ได้แก่ ดม่ื ทุกเดอื น (1-3 วัน/เดือน) หรือ ดื่ม 8-11 วนั /ปี หรอื ดืม่ 4-7 วัน/ปี หรอื ด่มื 1-3 วัน/ปี ท่ีมา : การสำ� รวจพฤตกิ รรมการสบู บุหรี่และดืม่ สุรา พ.ศ. 2560 ส�ำนักงานสถติ ิแห่งชาติ 46 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหติ สงู และปัจจยั เสย่ี งท่เี กยี่ วข้อง พ.ศ. 2562
2.1 พฤติกรรมการบรโิ ภคเครือ่ งดมื่ แอลกอฮอล์ของประชากรไทย สาเหตขุ องการดืม่ เคร่อื งดืม่ แอลกอฮอล์ ส่วนใหญ่ทั้งนักด่ืมเพศชายและนักด่ืมเพศหญิง เร่ิมดื่มสุราเพราะตามอย่างเพ่ือน/เพื่อนชวน ร้อยละ 41.6 และร้อยละ 29.6 ตามล�ำดับ รองลงมาของนักด่ืมชายท่ีเริ่มดื่มสุราเพราะอยากลองด่ืม ร้อยละ 30.5 ในขณะที่นักด่ืมหญิง ทเ่ี รมิ่ ดมื่ สรุ าเพราะเขา้ สงั คมในงานรน่ื เรงิ /งานประเพณตี า่ งๆ เชน่ งานแตง่ งาน งานทำ� บญุ ขนึ้ บา้ นใหม่ รอ้ ยละ 27.8 โดยอายเุ ฉลยี่ ทเ่ี ร่มิ ดม่ื ในเพศชายคือ 19 ปีและผู้หญิงเริม่ ดมื่ เมอื่ อายุ 24 ป(ี 2) (ดงั แผนภมู ิท่ี 30) แผนภูมิที่ 30 : สาเหตุท่เี ร่มิ ดืม่ สรุ า ปี พ.ศ. 2560 ที่มา : การสำ� รวจพฤตกิ รรมการสูบบุหรีแ่ ละด่มื สุรา พ.ศ. 2560 ส�ำนักงานสถิตแิ หง่ ชาติ ประเภทของเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลท์ ี่นิยมดื่ม ประเภทของเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลท์ น่ี กั ดมื่ ปจั จบุ นั ดมื่ บอ่ ยทส่ี ดุ ใน 12 เดอื นทผ่ี า่ นมา ไดแ้ ก่ เบยี ร์ รอ้ ยละ 47.4 สรุ าขาว/ สุรากล่ันชมุ ชน รอ้ ยละ 26.6 และสุราส/ี สุราแดง ร้อยละ 22.0 ตามล�ำดับ เมอ่ื พจิ ารณาตามเพศ พบวา่ นักดื่มเพศชายและ นักดืม่ เพศหญิงนยิ ม ดมื่ เบียรม์ ากทส่ี ดุ ร้อยละ 43.8 และ 62.6 ตามล�ำดบั (ดังแผนภมู ทิ ่ี 31) โดยกล่มุ เยาวชนอายุ 15 -19 ปี ด่ืมเบียร์บ่อยทส่ี ุดคิดเป็นร้อยละ 59.7 เช่นเดยี วกับกลมุ่ วยั ทำ� งาน ในขณะทนี่ กั ดม่ื อายุ 60 ปขี นึ้ ไป ดืม่ สรุ าขาว/สรุ ากล่ันชุมชน บ่อยทีส่ ุด(2) (ดังแผนภูมิที่ 32) แผนภูมทิ ่ี 31 : ประเภทเครือ่ งดื่มแอลกอฮอลท์ นี่ กั ดื่มปัจจบุ นั ดื่มบอ่ ยทส่ี ดุ ใน 12 เดือน ปี พ.ศ. 2560 จ�ำแนกตามเพศ ที่มา : การสำ� รวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มสุรา พ.ศ. 2560 สำ� นักงานสถิติแหง่ ชาติ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 47 เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง และปัจจยั เสย่ี งท่ีเกี่ยวขอ้ ง พ.ศ. 2562
แผนภูมิที่ 32 : ประเภทเคร่อื งด่มื แอลกอฮอล์ทีน่ ักดื่มปัจจุบันดืม่ บ่อยทส่ี ดุ ใน 12 เดอื น ปี พ.ศ. 2560 จ�ำแนกตามกลุ่มอายุ ทม่ี า : การส�ำรวจพฤติกรรมการสบู บุหรี่และดื่มสุรา พ.ศ. 2560 ส�ำนกั งานสถิตแิ ห่งชาติ ปริมาณการบรโิ ภคแอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธิ์ตอ่ หวั ประชากรตอ่ ปี ปรมิ าณการบรโิ ภคแอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธติ์ อ่ หวั ประชากรตอ่ ปี (Annual alcohol per capita consumption: APC) คือ ปรมิ าณเฉล่ียของแอลกอฮอล์บริสุทธ์ิท่ปี ระชากรไดบ้ รโิ ภคในหนงึ่ ปี มีหน่วยเป็นลติ รของแอลกอฮอล์บริสทุ ธิ์/คน/ปี ถอื เปน็ ตัวชี้วัดสถานการณ์การบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ ท่ีส�ำคัญ เน่ืองจากปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์บริสุทธิ์เป็นปัจจัยที่ม ี ความสัมพันธ์กับปัญหาจากการ ด่ืมแอลกอฮอล์ อย่างชัดเจน APC จึงถูกก�ำหนดไว้เป็นหน่ึงในส่ีของดัชนีช้ีวัดเป้าหมายหลัก ของยุทธศาสตร์ นโยบาย แอลกอฮอล์ระดับชาติควบคู่กับอีก 3 เปา้ หมาย คือ ความชกุ ของนกั ด่มื ปจั จุบันในประชากรผใู้ หญ่ ความชกุ ของนกั ดมื่ ปจั จบุ นั ในประชากร 15-19 ปี และสดั สว่ นของนกั ดม่ื ประจำ� ตอ่ นกั ดมื่ ปจั จบุ นั ทง้ั หมด โดยทคี่ า่ เปา้ หมายของ ปรมิ าณการบรโิ ภคแอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธติ์ อ่ หวั ประชากรตอ่ ปที ถี่ กู กำ� หนดไวเ้ พอ่ื บรรลใุ นปี พ.ศ. 2563 คอื 7.32 ลติ ร/คน/ปหี รอื ตำ�่ กวา่ จากแผนภูมิที่ 33 เห็นได้ว่าปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์บริสุทธ์ิต่อหัวประชากรต่อปี มีค่าต�่ำท่ีสุด ในป ี พ.ศ. 2551 ซ่งึ เปน็ ปีที่มกี ารบงั คบั ใชพ้ ระราชบญั ญัตคิ วบคมุ เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 (พ.ร.บ. ควบคุมฯ) หลงั จากนน้ั มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาเร่ือยๆ แต่ยังคงต่�ำกว่า 7 ลิตร/คน/ปี ในปี พ.ศ. 2556-2558 จนถึงปีพ.ศ. 2560 ปริมาณการบริโภค แอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธติ์ อ่ หวั ประชากรตอ่ ปี เทา่ กบั 7.33 ลติ ร/ คน/ปซี งึ่ สงู กวา่ คา่ ทถี่ กู กำ� หนดไวใ้ นยทุ ธศาสตรน์ โยบายแอลกอฮอล์ ระดบั ชาติ เพอื่ จะบรรลผุ ล ในปีพ.ศ. 2563 (7.32 ลิตร/คน/ปี) แผนภมู ทิ ่ี 33 : ปรมิ าณการบรโิ ภคเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธต์ิ อ่ หวั ประชากรตอ่ ปขี องประชากรอายุ 15 ปขี นึ้ ไป ปพี .ศ. 2549 – 2560 ท่ีมา : 1) ข้อมลู ปรมิ าณจำ� หน่าย ปริมาณผลิตสรุ าพ้ืนเมอื ง และปรมิ าณนำ� เข้าเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลจ์ ากกรมสรรพสามติ 2) ขอ้ มลู จ�ำนวนประชากรกลางปี (อายุ 15 ปขี น้ึ ไป) จากสำ� นักนโยบายและยทุ ธศาสตร์ สำ� นกั ปลดั กระทรวงสาธารณสขุ วเิ คราะหโ์ ดย : ศูนย์วจิ ยั ปญั หาสรุ า ใชว้ ธิ ีค�ำนวณจากขอ้ มูลการขาย การผลติ และการนำ� เข้าในแต่ละปี จากกรมสรรพสามติ โดยระเบยี บวิธีเดียว กบั องคก์ ารอนามัยโลก และองค์การอาหารและการเกษตรแหง่ สหประชาชาติ ซง่ึ ยังมีขอ้ จ�ำกดั สำ� คัญ ไดแ้ ก่ การไม่ได้นับรวมถึง เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์นอกระบบภาษี ไม่ได้รวมการบริโภคของชาวต่างชาติและนักท่องเท่ียวในประเทศไทยและของนักด่ืมไทย ท่ีไปบรโิ ภคในต่างประเทศ 48 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหิตสงู และปจั จยั เสยี่ งทีเ่ กยี่ วข้อง พ.ศ. 2562
2.2 ปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ พฤตกิ รรมการบริโภคเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ สาเหตุของการดืม่ เคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมการบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของประชาชนได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ท้ังปัจจัยด้านบุคคล และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมโดยในส่วนน้ีกล่าวถึงปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมของสังคม ได้แก่ ราคาและค่าใช้จ่ายส�ำหรับ เครื่องดม่ื แอลกอฮอลก์ ารเข้าถึงเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์, กลยทุ ธท์ างการตลาดและการโฆษณา โดยมีรายละเอยี ดดังนี้ ราคาและคา่ ใชจ้ า่ ยเครอื่ งดื่มแอลกอฮอลข์ องประชากรไทย จากท่มี ีการประกาศ พระราชบญั ญตั ภิ าษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ฉบับใหม่ที่มผี ลบงั คบั ใชใ้ นวนั ที่ 16 ก.ย. 2560 ทมี่ ผี ลใหก้ ลมุ่ สนิ คา้ บางกลมุ่ ปรบั เปลย่ี นราคาจากเดมิ การปรบั ภาษตี ามมลู คา่ สนิ คา้ ในสว่ นของไวนน์ ำ� เขา้ หากมรี าคาเกนิ 1,000 บาท จะมรี าคาเพมิ่ ข้นึ อย่างน้อย 110 ต่อขวด ส่วนไวนท์ ีม่ รี าคาต�่ำกวา่ 1,000 บาท จะมีราคาลดลง 25 บาทต่อขวด ขณะทีร่ าคา สรุ า หากเป็นสรุ าขาวจะปรบั ขึน้ 80 สตางค์ ถึง 3.50 บาทต่อขวด ตามขนาดดีกรี แตห่ ากเป็นสุรากล่นั ในประเทศขนาดขวด 700 มิลลลิ ิตร 28 ดีกรีจะปรับขน้ึ 8-30 บาทตอ่ ขวด สุรากล่นั ในประเทศ 40 ดีกรี ปรบั ข้นึ 30 บาทตอ่ ขวด สุรานำ� เข้าทีม่ ี ราคาสงู ราคาจะปรบั ลดลง 2-20 บาทตอ่ ขวด สว่ นเบยี รก์ ระปอ๋ ง จะปรบั เพม่ิ ขนึ้ 50 สตางค์ ตอ่ กระปอ๋ ง และแบบขวดจะปรบั ขนึ้ 2 บาทต่อขวด การปรับภาษีตามปริมาณมีการปรับเพิ่มภาษีสุรา เช่น สุรากล่ัน จากเดิมมีอัตราภาษีตามปริมาณ 400 บาท ปรบั เปน็ 1,000 บาทตอ่ ลติ รแหง่ แอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธิ์ หรอื เพม่ิ 1.5 เทา่ สรุ าแช่ ไดแ้ ก่ เบยี ร์ ไวน์ จากเดมิ เกบ็ 300 และ 2,000 บาท ตามล�ำดบั ปรับเปน็ 3,000 บาทต่อลิตรแหง่ แอลกอฮอลบ์ รสิ ุทธ์ิ หรือเพิ่ม 0.5 เท่า(6) (ดงั รูปภาพท่ี 2) รปู ภาพท่ี 2: ราคาเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลห์ ลงั จากมกี ารปรบั ภาษี ทีม่ า : กรมสรรพสามติ กระทรวงการคลงั จากผลการสำ� รวจภาวะเศรษฐกจิ และสงั คมของครวั เรอื น ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2555 ถงึ พ.ศ.2561 ของ สำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ พบว่าค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่ใช้ในการซื้อเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์มีการปรับตัวสลับขึ้นลงและคงท่ีโดยลดลงจาก 224 บาทต่อ เดอื นในปพี .ศ. 2555 มาเปน็ 140 บาทตอ่ เดอื นในปี พ.ศ.2558 และเพมิ่ ขน้ึ มาเปน็ 267 บาทในปี พ.ศ 2561(8) (ดงั แผนภมู ทิ ่ี 34) แผนภมู ทิ ี่ 34 : ค่าใชจ้ ่ายส�ำหรบั เครื่องดืม่ แอลกอฮอลต์ ่อเดอื น ปี พ.ศ. 2555 – 2561 ท่มี า : การสำ� รวจภาวะเศรษฐกจิ และสังคมของครัวเรอื นปี 2555, 2556, 2557, 2558, 2559, 2560 และ 2551, สำ� นักงานสถิตแิ ห่งชาติ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 49 เบาหวาน ความดันโลหติ สงู และปัจจัยเสีย่ งที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2562
สถานท่ีท่ซี อ้ื สรุ าหรอื เครื่องด่ืมแอลกอฮอลบ์ ่อยคร้งั ทส่ี ดุ ในรอบปที ่แี ลว้ สถานที่ที่ซ้ือสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยคร้ังท่ีสุดของนักด่ืม ซ่ึงส่วนใหญ่พบว่า ร้อยละ 84.9 ซื้อสุรา จากรา้ นขายของช�ำท่ัวไป ร้อยละ 7.3 ซอ้ื ท่ีรา้ นสะดวกซือ้ เชน่ เซเวน่ ฯ หรือแฟมลิ ี่มารท์ รอ้ ยละ 6.2 ซ้ือที่รา้ นอาหารรอ้ ยละ 0.9 ซ้ือตามผับ/บาร์/คาราโอเกะ ที่เหลือร้อยละ 0.7 ซ้ือตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า หรือห้างค้าส่ง เช่น โลตัส บ๊กิ ซี ทอ็ ปซุปเปอรม์ ารเ์ ก็ต(2) (ดังแผนภมู ิท่ี 35) แผนภมู ทิ ี่ 35 : รอ้ ยละของสถานทท่ี ซ่ี อ้ื สรุ าหรอื เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลบ์ อ่ ยครงั้ ทส่ี ดุ ในรอบปที แี่ ลว้ ทีม่ า : การส�ำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรแี่ ละดม่ื สรุ า พ.ศ. 2560 ส�ำนักงานสถติ แิ หง่ ชาติ กลยทุ ธ์ทางการตลาดและการโฆษณาเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ ธรุ กจิ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ เปน็ ธรุ กจิ อกี ประเภทหนงึ่ ทไ่ี ดช้ อื่ วา่ เปน็ ธรุ กจิ ประเภท Quick response คอื ตอบสนอง ต่อการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและปัจจัยทางสังคมอย่างรวดเร็วถึงแม้ตัวผลิตภัณฑ์จะเปล่ียนน้อยก็ตามแต่เปลี่ยนวิธีการขาย เปล่ียนวิธีการส่ือสาร เปล่ียนวิธีการน�ำเสนอสินค้าให้เข้าถึงผู้ซ้ือมากข้ึน เปลี่ยนวิธีการน�ำสินค้าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ของผู้บรโิ ภคและเปลยี่ นวิธีการ หากกลมุ่ ลกู คา้ กลมุ่ ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา พบว่าสดั สว่ นการตลาดของธุรกจิ เคร่อื งดืม่ แอลกอฮอล์ น้ันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจเครื่องด่ืม แอลกอฮอล์ยี่ห้อหนึ่ง รายงานว่าใน ปี 2560 มีก�ำไร 2.6 หมื่นล้านบาทโดยการเติบโต ดังกล่าวเป็นผลมาจากกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ ทั้งส้ินไม่ว่าจะเป็นการปรับภาพลักษณ์สินค้าให้ดูทันสมัยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพอื่ จบั กลมุ่ วยั รนุ่ การทำ� ตลาดออนไลนแ์ ละการตลาดดนตรี การปรบั กลยทุ ธข์ องธรุ กจิ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลพ์ บวา่ เรมิ่ เขม้ ขน้ ขนึ้ ตั้งแต่หลังปี 2551 เป็นต้นมาเนื่องจากต้องพบกับมาตรการควบคุมการตลาดและการโฆษณาโดยมีเส้นเวลาการเปล่ียนแปลง กลยทุ ธแ์ ละแนวทางการสอื่ สารของธรุ กจิ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลห์ ลงั พ.ร.บ. ควบคมุ เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 (ดงั รปู ภาพที่ 3) Product ad. Corporate ad. CSR Music mkt. CSRad. Sexy mkt. Customer personali ty Friend story Adventure mkt. SPORT 10:10 Party mkt. Lystyle mkt. Social media Festival mkt. Substitute product รปู ภาพท่ี 3 : เสน้ เวลาแสดงการเปลย่ี นแปลงกลยทุ ธแ์ ละแนวทางการสอ่ื สารของธรุ กจิ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ หลงั พ.ร.บ.ควบคมุ เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ประกาศใช ้ ทีม่ า : ศนู ย์วจิ ัยปัญหาสุรา (ศวส) 50 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหติ สูง และปจั จยั เสี่ยงทีเ่ กยี่ วขอ้ ง พ.ศ. 2562
จากเส้นเวลาแสดงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์และแนวทางการส่ือสารของธุรกิจเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ จะเห็นได้ว่า หลังออกประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด และ วิธีการสื่อสารตลอดมา เม่ือถูกห้ามการโฆษณาผลิตภัณฑ์ (product advertising) แต่ใน พ.ร.บ. อนุญาตให้โฆษณา แนวรับผดิ ชอบสังคมท�ำให้การสอื่ สารในยคุ แรกหลังประกาศใช้ พ.ร.บ. มีแนวทางเปน็ โฆษณา CSR ทกุ แบรนด์ และแตกยอด การส่ือสารแนว CSR มาเปน็ goodwill advertising คอื โฆษณาทีน่ ำ� เสนอในเรื่องดีๆ คนดี สังคมดี สงั คมมีนำ้� ใจ สุภาพบุรษุ รัก สงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ ความพยายามสะทอ้ นถงึ ตวั ผบู้ รโิ ภคมากขนึ้ สรา้ งภาพลกั ษณแ์ บรนดส์ รา้ งบคุ ลกิ ใหแ้ บรนด์ (brand personality) และภาพลกั ษณผ์ บู้ รโิ ภคของแบรนดน์ น้ั ๆ รวมทงั้ ยงั เปน็ การสอ่ื สารภาพลกั ษณบ์ วกใหแ้ กผ่ ดู้ มื่ ดงั นน้ั จะพบวา่ กลยทุ ธก์ ารสอ่ื สาร พฒั นามาเปน็ การใชพ้ ฤตกิ รรมการดม่ื เปน็ กลมุ่ /ความเชอ่ื เรอื่ งมติ รภาพมาจากวงดม่ื ของนกั ดมื่ ไทย เปน็ เนอ้ื หาหลกั หรอื เนอ้ื หาหลกั ในการส่อื สาร เช่น ความสำ� เรจ็ ไดม้ าจากเพ่อื นมิตรภาพอยเู่ บ้ืองหลงั ทกุ ความสำ� เรจ็ ในเวลาต่อมาพบว่ามีกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารแบบใหม่ๆ คือ adventure marketing หรือการตลาด แนวผจญภัย ซ่ึงมาพร้อมกับการชิงโชคลุ้นรางวัลได้เดินทางผจญภัยไปกับแบรนด์ รวมท้ังการตลาดแนว sexy marketing ท่ีต่อยอดมาจากการประกวดสาวเซ็กซี่มาเป็นของที่ระลึกในรูปแบบการแจกปฏิทิน และถูกผูกไปกับกิจกรรมต่าง ๆ แต่พบว่า มีแรงต่อต้านจากสังคมสูงมากในการใช้ผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยเป็นแรงจูงใจแต่พบว่ากลยุทธ์ที่ประสบความส�ำเร็จจนธุรกิจ เคร่ืองดมื่ แอลกอฮอลใ์ ช้เป็นกลยุทธ์หลักจนถงึ ปัจจุบนั คือ music marketing หรอื การตลาดดนตรที แี่ ฝงมาในรปู แบบตา่ ง ๆ เช่น คอนเสริ ต์ เบียร์ปารต์ ี้ มินิคอนเสริ ์ตในร้านเหลา้ รอบสถานศึกษาลานเบียร์ดนตรี และงานเฟสตวิ ัลดนตรีกลางแจง้ รวมไปถึง กลยุทธ์ sports marketing หรือการตลาดกีฬา ที่ถกู ใช้มาตลอดและได้ผลดมี ากกับนักดมื่ และเยาวชนไทย โฆษณาธุรกิจเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ เนื่องมาจากเนื้อหาหลักในมาตรา 32 พระราชบัญญัติควบคุมเคร่ืองดื่ม แอลกอฮอล์ ปี พ.ศ. 2551 ความโดยรวมวา่ หา้ มการโฆษณาทกุ ประเภท ยกเวน้ เนอ้ื หาสง่ เสรมิ สงั คมโดยการโฆษณาผลติ ภณั ฑน์ นั้ ถูกห้าม โดยสิ้นเชิงรวมไปถึงการห้ามใช้ตราสัญลักษณ์ใดๆ ท่ีปรากฏบนผลิตภัณฑ์เคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ในการโฆษณาและ สื่อสารการตลาดแต่การตลาดเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ส่วนหน่ึง อยู่ได้และขับเคลื่อนได้สร้างแรงจูงใจได้ เพราะโฆษณาและ สอ่ื สารการตลาด เคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล์ จงึ จ�ำเปน็ ทจี่ ะต้องหาผลติ ภัณฑ์ทดแทนและการตลาดทดแทน (surrogate marketing) ทจ่ี ะใชใ้ นการสอ่ื สาร และโฆษณาแทนผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลท์ ถี่ กู หา้ มผลติ ภณั ฑท์ ดแทนเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ จงึ มหี นา้ ทห่ี ลกั ในการสือ่ สารแบบเชอื่ มโยงไปถงึ ผลติ ภัณฑเ์ ครือ่ งดมื่ แอลกอฮอล(์ 9) 2.3 การขบั เคลอื่ นมาตรการและนโยบายที่เกย่ี วขอ้ งกับการบรโิ ภคเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ นโยบายและมาตรการควบคมุ เครอื่ งดื่มแอลกอฮอล์ มาตรการนโยบายแอลกอฮอล์ท่ีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการควบคุมปัญหาจาก เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ ประกอบไป ดวยหลายมาตรการ ทั้งการจ�ำกัดอายุผู้ซื้อ การที่รัฐเปนเจาของ รานขายสุราปลีก การจ�ำกัดเวลาในการขาย การจำ� กดั ความหนาแนน ของจดุ ขาย ระบบภาษสี รุ า การสมุ ตรวจระดบั แอลกอฮอลใ นลมหายใจของผขู้ บั ขี่ การคดั กรองผมู้ คี วามเสยี่ ง เบอ้ื งตน้ ฯลฯ ซง่ึ แตล่ ะมาตรการจะมปี ระสทิ ธผิ ลตงั้ แตร่ ะยะสนั้ ไปจนถงึ ระยะยาวแตกตา่ งกนั รวมถงึ ควบคมุ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ ในมติ ทิ แ่ี ตกตา่ งกนั สำ� หรบั ประเทศไทยมาตรการทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพและ ประสทิ ธผิ ลมากทสี่ ดุ ไดแ้ ก่ มาตรการทางภาษแี ละราคา การจ�ำกัดการเขา ถงึ เคร่อื งดม่ื การควบคมุ หรอื หามการโฆษณา และการควบคุมพฤติกรรมขับขีข่ ณะมนึ เมาอย่างจรงิ จัง แผนยุทธศาสตรน์ โยบายแอลกอฮอลร ะดับชาติ ประกอบดว ย 5 ยุทธศาสตรย์ อย โดยแตล่ ะยทุ ธศาสตรป์ ระกอบดวย มาตรการยอ่ ยหลากหลาย ซึ่งมีเปา ประสงคตา่ งกนั แตมจี ุดมงุ หมายทีส่ นบั สนนุ กนั และกนั เพือ่ บรรลเุ ปาหมายเชิงกลไกทั้ง 4(10) ซ่ึงมีรายละเอียดดงั ตารางที่ 11 รายงานสถานการณ์โรค NCDs 51 เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยเสีย่ งที่เกีย่ วข้อง พ.ศ. 2562
ตารางที่ 11: กลุม่ มาตรการใน 5 ยุทธศาสตรย์ ่อย แผนยุทธศาสตร์นโยบายแอลกอฮอล์ระดับชาติ ยุทธศาสตร์ มาตรการ 1. การควบคุมการเข้าถงึ เศรษฐศาสตร์และ ทางกายภาพ (Price and Availability) 1. มาตรการทางการภาษแี ละราคา 2. การปรับเปลี่ยน คานิยมและแรงสนบั สนุน 2. มาตรการควบคมุ สถานท่แี ละวันเวลาขายเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ ในการดืม่ (Attitude) 3. มาตรการควบคุมการเข้าถงึ สุราของเยาวชน 3. การลดอันตรายจากการบริโภค 1. มาตรการควบคมุ การตลาดและโฆษณาเครอื่ งดืม่ แอลกอฮอล์ (Risk reduction) 2. มาตรการการให้ความรู้ ปรับทัศนคติ เพ่ือเพ่มิ โอกาสในการไมด่ มื่ สรุ า 4. การจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ระดับพน้ื ที่ 1. มาตรการการควบคุมการบริโภคในเงื่อนไขและสถานการณ์ท่ีมี (Alcohol policy at every Settings) ความเสยี่ งตอ่ ปัญหาสงู 5. การพฒั นากลไกการจัดการและสนบั สนนุ 2. มาตรการการควบคมุ พฤตกิ รรมการขับขีย่ านพาหนะขณะมึนเมา ท่เี ข้มแข็ง (Support) 3. มาตรการการคัดกรองและบ�ำบัด 1. มาตรการนโยบายแอลกอฮอลร์ ะดบั ชุมชน ที่มา : ศนู ย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส), 2553 2. มาตรการนโยบายแอลกอฮอลข์ องหน่วยงานและสถานประกอบการ 1. มาตรการสรา งความมงุ มน่ั และการมสี ว นรว มของทกุ ภาคสว นทกุ ระดบั 2. มาตรการส่งเสรมิ ความโปรง ใสในกระบวนการ 3. มาตรการสงเสริมใหเ ปน กระบวนการท่ีมีรากฐานจากองคความรู และการเรียนรูร่วมกนั 4. มาตรการปกปอ้ งความเข้มแขง็ ของนโยบายแอลกอฮอล์ จากผลกระทบของขอ้ ตกลงการค้าระหว่างประเทศ 5. มาตรการรณรงคสาธารณะเพอื่ สนับสนนุ นโยบายแอลกอฮอล์ 6. มาตรการพฒั นาศกั ยภาพของระบบการจดั การปญ หาจากการบรโิ ภค เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล์ รปู ภาพท่ี 4: แผนยทุ ธศาสตรน์ โยบายแอลกอฮอลร์ ะดบั ชาติ (แผน 10 ปี : พ.ศ. 2554 - 2563) ที่มา : ศูนย์วิจยั ปัญหาสรุ า (ศวส), 2553 52 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และปจั จยั เสยี่ งที่เกีย่ วข้อง พ.ศ. 2562
มาตรการควบคุมเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์ของประเทศไทย มาตรการควบคุมเครอื่ งดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศไทย มีรายละเอยี ดดงั น(ี้ 11) 1. มาตรการดา้ นภาษีและราคา ประเทศไทยเน้นการบงั คับใช้มาตรการทางภาษเี ปน็ หลกั โดยการ จดั เก็บภาษี เครอื่ งด่มื แอลกอฮอล์มี 3 ส่วนหลกั คอื ภาษนี �ำเข้า ภาษีสรรพสามติ และภาษอี น่ื ๆ 2. มาตรการควบคมุ การเขา้ ถงึ ทางกายภาพ มาตรการในการจำ� กดั การเขา้ ถงึ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลม์ หี ลายมาตรการ ทง้ั การจ�ำกดั อายุ ผซู้ อื้ วัน เวลา และสถานท่ขี าย โดยสามารถจ�ำแนกมาตรการออกเป็น 2 ส่วนหลัก คอื การควบคมุ การขาย และการควบคมุ การผลิตและนำ� เข้า 3. มาตรการควบคุมการตลาด แบง่ เป็น 3 ส่วนหลกั ดังน้ี 3.1 การควบคมุ ฉลาก ยกตวั อยา่ งเช่น ฉลากผลิตภณั ฑ์ต้องระบรุ ายละเอียดเกย่ี วกบั สนิ ค้า คำ� เตือนแก่ผู้บรโิ ภค ฉลากเครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ต้องระบุคำ� เตือนตามทกี่ ฎหมายก�ำหนด “…(สรุ า/ เบยี ร์/ ไวน)์ …เปน็ เหตกุ ่อมะเร็งได”้ “…(สุรา/ เบยี ร/์ ไวน์)…เปน็ เหตุให้สมองเสอ่ื มได”้ “…(สรุ า/ เบยี ร์/ ไวน์)…เป็นเหตใุ ห้พิการได้” 3.2 การควบคมุ การโฆษณา ยกตัวอยา่ งเชน่ การโฆษณาเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลใ์ นโรงภาพยนตรแ์ ละปา้ ยโฆษณาตอ้ งไมม่ ลี กั ษณะเชญิ ชวนใหบ้ รโิ ภค หรืออวดอ้างสรรพคณุ คุณประโยชน์หรือคณุ ภาพของเครื่องดม่ื ทั้งทางตรงหรอื ทางออ้ ม ท้ังน้ี การโฆษณาในลกั ษณะการเสนอ ภาพลักษณ์ของบริษัทหรอื กจิ การต้องแสดงคำ� เตอื นดังนี้ “การด่ืมสุราแล้วขับขีร่ ถจะเป็นอันตรายและผิดกฎหมาย” “การจาํ หนา่ ยสรุ าแก่บคุ คลอายตุ ำ่� กวา่ 18 ปี ผดิ กฎหมาย” “การด่มื สุราเป็นอันตรายต่อสขุ ภาพและบ่ันทอนสตสิ ัมปชัญญะ” 4. มาตรการให้ความรู้และปรับทัศนคติ มาตรการการให้ความรู้เป็นมาตรการรองที่ก�ำหนดข้ึนเพ่ือป้องกัน นกั ดม่ื หน้าใหม่ ส�ำหรับ กจิ กรรมทไ่ี ดด้ �ำเนินการอยูใ่ นประเทศไทย ณ ปจั จุบันน้นั มีอยู่ 3 ประเภท ดงั นี้ 4.1 School based intervention เช่น หลักสูตรการป้องกันการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของวัยรุ่น โครงการสง่ เสริมพฤตกิ รรมปอ้ งกนั ลดละเลิกการดื่มเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลใ์ นกลมุ่ วัยรุน่ เป็นตน้ 4.2 Public campaign via mass media เช่น 6 วิธีฟ้นื ฟตู บั 4.3 มาตรการการสรา้ งความตระหนกั เรอื่ งการดม่ื ผา่ นสอ่ื สารมวลชน เชน่ ลด ละ เลกิ งดเหลา้ เขา้ พรรษา พกั ตบั ใหเ้ หลา้ เท่ากบั แชง่ เปน็ ตน้ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 53 เบาหวาน ความดันโลหติ สงู และปัจจัยเสีย่ งทีเ่ กย่ี วข้อง พ.ศ. 2562
5. มาตรการป้องกันการดื่มแล้วขับ กฎหมายป้องกันการดื่มแล้วขับสามารถจ�ำแนกตามระดับ แอลกอฮอล์ ในเลือดได้ 3 ระดับดังนี้ 5.1 กลุ่มผู้ขับข่ีท่ีห้ามมีแอลกอฮอล์ในเลือด ได้แก่ ผู้ขับข่ีรถโดยสารสาธารณะทุกประเภททั้งรถโดยสาร ขนาดใหญ่ รถยนตแ์ ละรถจักรยานยนต ์ 5.2 กลุ่มผู้ขับขี่ที่ห้ามมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ได้แก่ผู้ขับข่ีที่มีอายุ ต่�ำกว่า 20 ป ี ผขู้ บั ขที่ ไี่ ดร้ บั ใบอนญุ าตขบั รถชวั่ คราวผขู้ บั ขที่ มี่ ใี บอนญุ าตขบั ขส่ี าํ หรบั รถประเภทอนื่ ทใ่ี ชแ้ ทนกนั ไมไ่ ดแ้ ละผู้ ขบั ขที่ ไี่ มม่ ใี บอนญุ าตขบั ข่ี หรอื อย่รู ะหว่างถกู พักใชห้ รอื เพกิ ถอนใบอนญุ าตขับข ี่ 5.3 กลมุ่ ผ้ขู บั ขที่ ่หี ้ามมีแอลกอฮอล์ในเลอื ดเกนิ 50 มิลลกิ รัมเปอรเ์ ซ็นต์ได้แกผ่ ู้ขบั ขีร่ ถทว่ั ไป 6. มาตรการบำ� บดั และคดั กรอง สำ� หรบั บำ� บดั และการคดั กรองในประเทศไทยกฎหมายไดร้ ะบวุ า่ ประชาชนทม่ี ี อายุ 15-59 ปี มีสิทธิได้รับการตรวจคัดกรองความเส่ียงจากการดื่มแอลกอฮอล์และผู้ต้องการบ�ำบัด อาการติดเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์สามารถขอการสนับสนุนการบ�ำบัดฟื้นฟูได้จากส�ำนักงานคณะกรรมการควบคุม เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ โดยระบบ การคัดกรองของไทยมี 3 แบบ ดงั นี้ 6.1 การคดั กรองโดยใชแ้ บบสอบถาม เช่น แบบประเมิน AUDIT 6.2 การคัดกรองโดยใชร้ ะดบั แอลกอฮอล ์ 6.3 การบำ� บดั รกั ษาผตู้ ดิ แอลกอฮอลเ์ ชน่ การบำ� บดั ผทู้ ด่ี ม่ื แบบเสย่ี งสงู แตย่ งั ไมต่ ดิ สรุ า การรกั ษาตามมาตรฐาน ส�ำหรับผ้ทู ่ดี ืม่ แบบมีปญั หาและผูท้ ่ีตดิ สรุ าและมาตรการให้ความชว่ ยเหลอื กนั เองการรักษาด้วยยา เปน็ ต้น 7. มาตรการระดับชุมชนและองคก์ ร 7.1 มาตรการระดับชุมชน สามารถมีบทบาททั้งทางการพัฒนานโยบาย การพัฒนาความเข้มแข็งของ การนำ� นโยบาย ไปปฏิบตั ิ เช่น การเฝ้าระวงั ในชมุ ชน หม่บู ้าน ด้วยออกเป็นกฎข้อตกลงของชุมชนหรือธรรมนญู หมู่บา้ น เปน็ ต้น หรือการออกกฎระเบียบ เช่น การออกเทศบัญญัติเพ่ือควบคุมพื้นท่ี ในการห้ามจ�ำหน่ายสุรา ตาม พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องด่ืม แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 7.2 มาตรการระดับองค์กรหรือหน่วยงาน ได้มีมาตรการให้สถานประกอบการท้ังภาครัฐและภาคเอกชน มีศักยภาพในการจัดการปัญหาจากการบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ เช่น การก�ำหนดสถานที่ห้ามดื่มห้ามขายในบริเวณพื้นที่ ในสถานประกอบการ รัฐวสิ าหกจิ ของรฐั หรือหนว่ ยงานรัฐอืน่ ๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง เป็นตน้ สรปุ จากสถานการณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ พบว่า ประเภทของเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ ท่ีนักด่ืมปัจจุบันด่ืมบ่อยที่สุดคือ เบียร์ ความชุกของนักด่ืมปัจจุบันของประชากรไทยลดลงแต่สัดส่วนของนักดื่มประจ�ำกลับ เพมิ่ สงู ข้นึ ซึง่ หมายความว่า นกั ดม่ื ท่ยี งั คงด่มื อยูห่ รอื นกั ดม่ื หน้าใหม่กลบั มพี ฤติกรรมด่มื สุราบ่อยมากย่งิ ขน้ึ ซงึ่ ลกั ษณะการดืม่ เช่นนี้จะส่งผลต่อการเกิดอันตรายในระยะสั้นในปี พ.ศ. 2560 ปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์บริสุทธ์ิต่อหัวประชากรต่อปี (annual alcohol per capita consumption: APC) เทา่ กบั 7.33 ลติ ร/คน/ปี ซง่ึ สงู กวา่ คา่ ทถี่ กู กำ� หนดไวใ้ นยทุ ธศาสตรน์ โยบาย แอลกอฮอล์ระดับชาติ เพ่ือจะบรรลุผลในปี พ.ศ. 2563 (7.32 ลิตร/คน/ปี) โดยร้านขายของช�ำจะเป็นจุดจ�ำหน่ายเคร่ืองด่ืม แอลกอฮอล์ที่นิยมท่ีสุด โดยเฉพาะในกลุ่มนักด่ืมประจ�ำ และนักดื่มหนัก รองลงมาคือ ร้านสะดวกซ้ือและร้านอาหาร จากการสำ� รวจในปี พ.ศ. 2561 ส�ำหรับการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตที่กระท�ำภายหลัง พ.ร.บ. สรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ คือ มีการเปลี่ยนแปลงราคาเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ โดยพบว่าสุราราคาแพงมีราคาลดลง และสุราราคาถูกมีราคาเพิ่มขึ้น จะเห็นว่า ประเทศไทยมกี ฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การควบคมุ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลท์ เี่ ปน็ ไปตามขอ้ แนะนำ� ขององคก์ ารอนามยั โลกอยหู่ ลายฉบบั หากพนกั งานเจา้ หนา้ ทบี่ งั คบั ใชก้ ฎหมายเหลา่ นอ้ี ยา่ งเขม้ งวด และประชาชนรวมทงั้ เจา้ ของกจิ การธรุ กจิ สรุ าปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย อยา่ งเครง่ ครดั ยอ่ มเกดิ ผลดใี นดา้ นสาธารณสขุ ทงั้ ในดา้ นสขุ ภาพของผดู้ มื่ สรุ าและลดผลกระทบตอ่ บคุ คลรอบขา้ งการทำ� งานหนว่ ยงาน ภาครัฐโดยปัญหาสุราสร้างให้เกิดความตระหนักและมีเจตนารมณ์ท่ีมุ่งลดผลกระทบจากการบริโภคครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ ปกปอ้ งเด็กและเยาวชนมิให้เข้าถึงเคร่อื งดื่มแอลกอฮอล์ได้โดยง่ายประชาชนเกิดสุขภาวะที่ดี 54 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหติ สูง และปจั จยั เสี่ยงทเี่ กีย่ วขอ้ ง พ.ศ. 2562
3 สถานการณก์ ารบริโภคอาหารของประชากรไทย 3.1 พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารของประชากรไทย จากผลการสำ� รวจพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของประชาชนในปี พ.ศ. 2560 โดยสำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาตพิ บวา่ ประชาชนไทยส่วนใหญ่บรโิ ภคอาหารรสจืดเปน็ ประจ�ำมากท่ีสดุ รอ้ ยละ 38.4 รองลงมาคือ รสเผ็ด หวาน และเคม็ รอ้ ยละ 26.2 ร้อยละ 14.2 และร้อยละ 13.8 ตามล�ำดับ(11) อย่างไรก็ตาม การส�ำรวจนี้ไม่ได้มีการวัดปริมาณสารอาหารที่แท้จริง ทไี่ ด้รับผลการศึกษาทไ่ี ด้จงึ เปน็ เพยี งข้อมลู ทต่ี อบจากความรสู้ ึกของผูต้ อบแบบสอบถาม (ดงั แผนภูมทิ ่ี 36) แผนภมู ทิ ี่ 36 : รสชาตขิ องอาหารมอื้ หลกั ทบี่ รโิ ภคเปน็ ประจำ� บอ่ ยทส่ี ดุ ของประชาชนไทยใน ปี พ.ศ. 2560 ท่ีมา : การส�ำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากร พ.ศ. 2560 สำ� นักงานสถติ แิ ห่งชาติ ภาพรวมของพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารกลมุ่ ตา่ งๆ ตอ่ สปั ดาห์ พบวา่ ใน 12 กลมุ่ บรโิ ภคมี 4 กลมุ่ ทมี่ สี ดั สว่ น ของการบริโภคเกนิ กว่ารอ้ ยละ 80 คือ กลุ่มผกั และผลไมส้ ด (ร้อยละ 98.8) อาหารกล่มุ ไข่ (รอ้ ยละ 98.4) กล่มุ เน้อื ปลาและ เน้อื สัตว์ไม่ตดิ มนั (ร้อยละ 98.1) กลุม่ เนือ้ สัตว์และผลติ ภัณฑ์ (ร้อยละ 88.2) สว่ นกล่มุ อาหารอื่นๆ อีก 4 กลุม่ ท่มี ีสดั สว่ นของ การบริโภค รองลงมา ตั้งแตร่ ้อยละ 70 ขน้ึ ไป แต่ไม่ถงึ รอ้ ยละ 80 คอื กล่มุ อาหารทม่ี ไี ขมนั สูง กลุม่ อาหารทะเล (ร้อยละ 77.3) กลุ่มเคร่ืองด่ืมไม่มีแอลกอฮอล์ (ร้อยละ 76.2) กลุ่มนมและผลิตภัณฑ์จากนม (ร้อยละ 70.6) อาหารที่เหลืออีก 4 กลุ่มนั้น มสี ดั ส่วนของการกนิ น้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 คือ กล่มุ อาหารสําเรจ็ รปู (ร้อยละ 59.3) กลมุ่ ขนมสาํ หรบั ทานเล่นหรือขนมกรุบกรอบ (รอ้ ยละ 48.3) กลุ่มอาหาร ประเภทจานด่วนทาง ตะวนั ตก (ร้อยละ 20.5) และน้อยทค่ี อื กลมุ่ ผลติ ภณั ฑ์เสริมอาหารและกลุม่ แร่ ธาตวุ ติ ามนิ (รอ้ ยละ 21.6) แมว้ า่ ขอ้ มลู ดงั กลา่ วจะเปน็ เพยี งรอ้ ยละของการบรโิ ภคเปน็ ประจำ� แตก่ ม็ สี ว่ นแสดงใหเ้ หน็ วา่ ถงึ แมว้ า่ ประชาชนไทยส่วนใหญ่จะบริโภคผักและผลไม้ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีการบริโภคอาหารและเคร่ืองดื่มท่ีมีพลังงานสูงเป็นประจ�ำ และการท่ีอาหารและเครื่องดื่มในกลุ่มดังกล่าวมีปริมาณไขมันและน้�ำตาลสูง จึงเป็นอีกปัจจัยท่ีส่งเสริมวิกฤตภาวะน�้ำหนักเกิน และโรคอว้ นในสงั คมไทย(12) (ดงั แผนภมู ิท่ี 37) แผนภมู ทิ ่ี 37 : รอ้ ยละของประชากรอายุ 6 ปขี น้ึ ไป จำ� แนกตามการบรโิ ภคอาหารในแตล่ ะกลมุ่ ตอ่ สปั ดาห์ ปี พ.ศ. 2560 ที่มา : การส�ำรวจพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารของประชากร พ.ศ. 2560 สำ� นกั งานสถิตแิ หง่ ชาติ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 55 เบาหวาน ความดนั โลหิตสงู และปจั จัยเสี่ยงท่เี กี่ยวข้อง พ.ศ. 2562
เม่ือพิจารณาการบริโภคอาหารจ�ำแนกตามเพศ พบว่า เพศหญิงบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง, ขนมทานเล่น หรอื ขนมกรบุ กรอบ, ผกั และผลไม้ และอาหารสำ� เรจ็ รปู ใกลเ้ คยี งกบั เพศชาย เมอ่ื พจิ ารณาการบรโิ ภคอาหารจำ� แนกตามกลมุ่ อายุ พบวา่ กลมุ่ เดก็ และเยาวชนมกี ารบรโิ ภคอาหารทมี่ ไี ขมนั สงู ขนมทานเลน่ หรอื ขนมกรบุ กรอบ มากกวา่ กลมุ่ วยั ทำ� งานและวยั สงู อายุ แต่บรโิ ภคผกั และผลไม้นอ้ ยกวา่ (12) (ดงั ตารางที่ 12) การบริโภคอาหารมีความสัมพันธ์กับท่ีอยู่อาศัยและพ้ืนที่ความเป็นเมืองหรือชนบท เมื่อจ�ำแนกตามภูมิภาค และเขตการปกครอง พบวา่ ประชาชนทอี่ าศยั อยใู่ นภาคกลาง มกี ารบรโิ ภคอาหารทมี่ ไี ขมนั สงู ขนมทานเลน่ หรอื ขนมกรบุ กรอบ อาหารจานด่วน เครอื่ งดืม่ ทีไ่ มม่ แี อลกอฮอล์ และอาหารส�ำเร็จรปู มากกว่าประชาชนทอ่ี าศยั อยใู่ นภาคอ่ืน หากจ�ำแนกตามเขต การปกครอง พบวา่ ประชาชนทพี่ ักอาศัยอย่นู อกเขตเทศบาลมกี ารบริโภคอาหารทีม่ ีไขมันสูง ขนมทานเลน่ หรือขนมกรุบกรอบ เครอื่ งดมื่ ไมม่ ีแอลกอฮอล์ อาหารส�ำเร็จรปู ผกั และผลไม้ มากกว่าประชาชนท่พี กั อาศยั อย่ใู นเขตเทศบาล ทง้ั นอี้ าจเน่อื งมาจาก การเข้าถึงของการซื้อผลิตภัณฑ์การบริโภคเพิ่มมากขึ้น และการท�ำการตลาดมีแข่งขันทางการตลาดอย่างรุนแรงมากขึ้นเร่ือยๆ เพื่อมุ่งหวังผลก�ำไร ส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งสังเกตได้ว่ามีร้านค้าสะดวกซื้อท่ีเปิด 24 ช่ัวโมงเปิดให้บริการแทบทุกพ้ืนท่ีท�ำให้ ประชาชนสามารถเขา้ ถงึ อาหารได้มากข้นึ ดังนนั้ ประชาชนจึงบริโภคอาหารได้มากขึ้นตามไปด้วย(12) (ดงั ตารางท่ี 12) ตารางท่ี 12: รอ้ ยละของการบรโิ ภคอาหารเปน็ ประจำ� ในประชากรอายุ 6 ปขี นึ้ ไป ปี พ.ศ. 2560 จำ� แนกตาม เพศ อายุ ภมู ภิ าค และเขตการปกครอง ร้อยละของการบริโภคอาหารเปน็ ประจ�ำ ข้อมลู ทวั่ ไป อาหารทมี่ ี กลมุ่ ขนมอาหาร อาหาร เครือ่ งด่ืม อาหาร ผักและ ไขมันสงู ทานกเรลบุ ่นกหรรอือบขนม จานด่วน ทไ่ี มม่ ีแอลกอฮอล์ ส�ำเร็จรูป ผลไม้ รวม 76.9 98.8 เพศ 48.3 29.5 76.2 59.3 ชาย 48.4 หญงิ 48.1 47.3 47.4 51.6 49.6 51.6 อายุ 51.9 52.7 52.6 48.4 50.4 6 - 14 ปี 97.1 15 - 24 ปี 90.4 89.6 46.8 71.3 71.6 98.9 25 - 59 ปี 86.6 76.6 48.7 83.7 74.1 99.1 60 ปขี ึน้ ไป 77.5 42 27.4 82 59.1 98.9 ภมู ิภาค 39.3 กรงุ เทพฯ 60.8 17.4 8.7 55.1 13 12.7 28.8 13.5 14.6 19.9 13.8 31 17.1 16.9 27.7 ภาคกลาง 30.5 31 32.5 30.1 28.2 13.4 ภาคเหนือ 17 15.4 11.4 15.9 11.2 ภาคอีสาน 24.8 25.4 21.1 26.4 44.8 ภาคใต้ 14.2 13.6 15.1 13.8 45.7 55.2 เขตการปกครอง 54.3 45.9 48.9 55.1 46.1 ในเขตเทศบาล 54.1 51.1 44.9 53.9 นอกเขตเทศบาล ทม่ี า : การส�ำรวจพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารของประชากร พ.ศ. 2560 สำ� นักงานสถติ ิแหง่ ชาติ 56 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสงู และปัจจัยเสี่ยงทีเ่ ก่ียวข้อง พ.ศ. 2562
เมื่อเปรยี บเทียบการบรโิ ภคอาหารประเภทต่างๆ ระหวา่ งปี พ.ศ. 2548–2560 พบวา่ ในระยะเวลาท่ผี า่ นมาเดก็ ทีม่ ี อายุ 6-14 ปี มแี นวโนม้ ของการบรโิ ภคอาหารทม่ี ไี ขมนั สงู ลดลงจากรอ้ ยละ12.0 เปน็ รอ้ ยละ 7.9 และการบรโิ ภคอาหารจานดว่ น จาก ร้อยละ 1.5 ลดลงเป็นรอ้ ยละ 0.6 และจากการสำ� รวจระหว่างปี พ.ศ. 2556–2560 พบวา่ เคร่ืองดืม่ ทีไ่ ม่มี แอลกอฮอล์ เพมิ่ ข้นึ จากร้อยละ 7.0 เป็นร้อยละ 9.4 ร้อยละและอาหารสำ� เรจ็ รปู มีการบริโภคเพิ่มมากขนึ้ จาก ร้อยละ 0.7 เปน็ รอ้ ยละ 1.8(12) (ดงั แผนภมู ิที่ 38) แผนภมู ทิ ี่ 38 : การบรโิ ภคอาหารประเภทตา่ งๆ ทกุ วนั ของประชาชนไทยอายุ 6-14 ปี ใน พ.ศ. 2548, 2552, 2556 และ 2560 ทม่ี า : การส�ำรวจพฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร พ.ศ. 2548, 2552, 2556 และ 2560 ส�ำนักงานสถติ ิแหง่ ชาติ จากข้อมูลข้างต้น กล่าวโดยรวมได้ว่าในช่วงท่ีผ่านมา คนไทยมีการเปลี่ยนแปลงการบริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก และเยาวชน (6–25 ปี) มีการบริโภคอาหารท่ีมีพลังงานสูง กลุ่มขนมอาหารทานเล่นหรือขนมกรุบกรอบ อาหารจานด่วน และเครื่องด่ืมไม่มีแอลกอฮอล์ แต่กลับบริโภคผักและผลไม้ลดลง ในขณะท่ีกลุ่มวัยท�ำงานและกลุ่มวัยสูงอายุบริโภคผักและ ผลไมเ้ พม่ิ มากขน้ึ การเปลยี่ นแปลงของพฤตกิ รรมการบรโิ ภคดงั กลา่ วของคนไทยมผี ลโดยตรงตอ่ พฤตกิ รรมสขุ ภาพ โดยพฤตกิ รรม เหล่านี้ส่งผลท�ำให้คนไทยทั้งเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มมีน�้ำหนักตัวเกินมาตรฐานและอ้วนเพิ่มมากขึ้นซึ่งมีผลกระทบ ตอ่ สขุ ภาวะในระยะยาว เพราะภาวะอว้ นนเี้ ปน็ ปจั จยั ของการเกดิ โรคเรอื้ รงั ตา่ งๆ หลายโรค เชน่ โรคเบาหวาน ภาวะความดนั โลหติ สงู โรคหัวใจและหลอดเลือด สถานการณ์การบรโิ ภคน้ำ� ตาลในประเทศไทย การบรโิ ภคนำ้� ตาลทรายในประเทศไทยตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2560 มปี รมิ าณ 2.6 ลา้ นตนั ปี พ.ศ.2561 มปี รมิ าณ 2.5 ลา้ นตนั และปี พ.ศ. 2562 จนถงึ ปจั จบุ นั มกี ารบรโิ ภคนำ้� ตาลทรายตง้ั แตเ่ ดอื นมกราคม-กรกฎาคม 1.46 ลา้ นตนั และคาดวา่ จะมปี รมิ าณ การบริโภคปีน้ีประมาณ 2.6 ล้านตัน จะเห็นได้ว่าการบริโภคน�้ำตาลทราย 3 ปีที่ผ่านมามีปริมาณใกล้เคียงกัน ซ่ึงการบริโภค น�้ำตาลทรายภายในประเทศจะแบ่งเปน็ 2 ประเภท คอื ผบู้ รโิ ภคโดยตรงและผู้บรโิ ภคโดยอ้อม โดยปริมาณการจ�ำหน่ายน�ำ้ ตาล ให้กับผู้บริโภคโดยอ้อมเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี พ.ศ. 2561 มีปริมาณการจ�ำหน่ายอยู่ท่ี 580,000 ตัน และปี 2562 อย่ทู ่ี 570,000 ตัน(13) จะเหน็ ไดว้ า่ มีปริมาณใกลเ้ คยี งกนั โดยลดลงประมาณ 10,000 ตนั ในขณะทีก่ ารศกึ ษาผลของการด�ำเนนิ มาตรการภาษเี ครอื่ งดม่ื รสหวานตอ่ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคของประชาชน โดยสถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ปี พ.ศ. 2562 พบว่า โดยเฉล่ยี ในแต่ละวันคนไทยดืม่ เครือ่ งด่ืมทีผ่ สมน้�ำตาลเฉลี่ยกว่า 3 แก้ว (519.3 มิลลลิ ติ ร) โดยผู้ชายดม่ื มากกว่าผู้หญิง และพบว่าในกลุ่มเด็กอายุ 6-14 ปี เป็นกลุ่มท่ีด่ืมเคร่ืองด่ืมท่ีผสมน�้ำตาลเฉล่ียต่อสัปดาห์มากที่สุด เครื่องดื่ม ทีผ่ สมน�้ำตาลทีว่ างจ�ำหน่ายในไทย พบมปี ริมาณน�ำ้ ตาลสงู มากเฉลย่ี 9-19 กรัมตอ่ 100 มิลลลิ ติ ร ในขณะที่ปรมิ าณที่เหมาะสม คอื ไมค่ วรมนี ำ�้ ตาลมากกวา่ 6 กรมั ตอ่ 100 มล.เพราะจะเพม่ิ โอกาสเสยี่ งตอ่ การเกดิ โรคอว้ นและโรคไมต่ ดิ ตอ่ เรอ้ื รงั ไดใ้ นระยะยาว(14) หากเมอื่ พจิ ารณาเทรนดเ์ ครอื่ งดม่ื ทมี่ นี ำ้� ตาลสงู จากมาตรการเพมิ่ การจดั เกบ็ ภาษนี ำ้� ตาลทำ� ใหธ้ รุ กจิ เครอื่ งดมื่ มกี ารปรบั ตวั โดยปรับสูตรเคร่ืองด่ืม เช่น บริษัท เป๊ปซ่ี-โคล่า ได้เปิดตัวเครื่องด่ืมซ่าด้วยสูตรน�้ำตาลน้อยกว่า 6 กรัมต่อ 100 มล. และ บรษิ ทั ไทยนำ้� ทพิ ยไ์ ดอ้ อกผลติ ภณั ฑ์ โคก้ ซโี ร่ ไมม่ นี ำ้� ตาล อยา่ งไรกต็ าม มาตรการภาษี ดงั กลา่ วนนั้ ไมค่ รอบคลมุ ธรุ กจิ เครอ่ื งดม่ื รายยอ่ ยซง่ึ ยงั มปี รมิ าณนำ้� ตาลสงู เชน่ ชานมไขม่ กุ โดยมกี ารประเมนิ วา่ ปจั จบุ นั ตลาดชานมไขม่ กุ ทวั่ โลก มมี ลู คา่ อยทู่ ่ี 62,500 ลา้ นบาท รายงานสถานการณ์โรค NCDs 57 เบาหวาน ความดันโลหติ สูง และปัจจัยเส่ียงท่เี กยี่ วขอ้ ง พ.ศ. 2562
และมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2023 มูลค่าตลาดจะเติบโตไปอยู่ท่ี 103,000 ล้านบาท หากมองเฉพาะตลาด ชานมไข่มุก ในประเทศไทย จะพบวา่ ปที ผี่ า่ นมามมี ลู คา่ ถงึ 2,500-3,000 ลา้ นบาท โตไมต่ ำ่� กวา่ 40% ประเดน็ นมี้ ขี อ้ มลู จาก Grab Food ยนื ยนั วา่ การสัง่ ซือ้ เมนดู ังกลา่ วในปี 2561 เติบโตถึง 3,000% จากแบรนด์ท้งั หมด 1,500 แบรนด์ ทีม่ หี น้ารา้ นรวมกวา่ 4,000 สาขา ซึ่งสัดส่วนตลาดชานมไข่มุกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ Premium 10% Medium 60% Mass 30% โดยคนไทยดื่มชานมไข่มุก เฉลยี่ 6 แก้วต่อเดือน(15) จากการส�ำรวจปริมาณน้�ำตาลในชานมไข่มุก 25 ยี่ห้อ ปี พ.ศ. 2562 พบว่า ชานมไข่มุกทุกยี่ห้อมีน�้ำตาลเกินกว่า ท่อี งค์การอนามยั โลกแนะนำ� ให้บริโภคไม่เกนิ 24 กรัม (6 ชอ้ นชา) ต่อวนั เฉลย่ี 10.4 ชอ้ นชา สูงสดุ 18.5 ชอ้ นชา และจากการ วิเคราะหน์ �ำ้ ตาลตอ่ 100 กรัม ของชานมไข่มกุ 25 ตัวอยา่ ง พบวา่ มีนำ้� ตาลสูงสุดจำ� นวน 2 ตวั อยา่ ง คิดเป็นร้อยละ 8 ปรมิ าณ น้ำ� ตาลระหว่าง (7.31-9.30 กรมั ) หรือประมาณ 1.8–2.3 ชอ้ นชา(16) (ดงั รปู ภาพที่ 5) ดังน้ันจะเห็นได้ว่าการผลักดันภาษีน้�ำตาลท�ำให้บริษัทผู้ผลิตเคร่ืองดื่มต่างๆ มีการปรับตัวเพ่ือกระตุ้นการตัดสินใจ ในการซอื้ และเพ่ิมยอดขายใหม้ ากขึ้น โดยออกกลยทุ ธเ์ น้นจุดขายสตู รนำ�้ ตาลน้อย ตอบรับกระแสรกั สขุ ภาพ หรือเลอื กแนวทาง ปรับสูตรเครื่องดื่มท่ีมีอยู่เดิมด้วยการลดปริมาณ น้�ำตาล แต่หากพิจารณาในอีกมุมท่ียังไม่มีการแก้ปัญหาน้�ำตาลเกินมาตรฐาน สำ� หรับธรุ กจิ เครือ่ งด่ืมรายยอ่ ยท�ำผูบ้ รโิ ภคไดร้ บั น�้ำตาลเกนิ ตอ่ หนว่ ยบริโภคต่อวนั รูปภาพท่ี 5: ปรมิ าณนำ้� ตาลในชานมไขม่ ุก ที่มา : ศนู ยท์ ดสอบฉลาดซอ้ื มลู นิธิเพ่อื ผู้บริโภค โดยโครงการเฝา้ ระวงั สนิ คา้ และบริการเพอื่ การคุ้มครองผ้บู ริโภคด้านสขุ ภาพ สถานการณ์การบรโิ ภคไขมนั ในประเทศไทย สำ� หรับประเทศไทย พบวา่ ประชากรไทยมกี ารบรโิ ภคไขมนั เฉลี่ย 45.6 กรมั ตอ่ คนต่อวนั หรือกล่าวได้วา่ คนไทย ได้พลงั งานจากไขมนั ถึง 409.4 กโิ ลแคลอรี่ ซงึ่ ปริมาณท่ีแนะนำ� ให้บรโิ ภคควรมีสัดส่วนไมเ่ กินรอ้ ยละ 30 ของพลังงานทัง้ หมด จากผลการส�ำรวจพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของประชาชนในปี พ.ศ. 2560 พบวา่ ร้อยละ 77.4 บริโภคอาหารทีม่ ีไขมนั สงู เชน่ เบคอน แหนม กนุ เชยี ง ไสก้ รอกอสี าน ไสอ้ วั่ เปน็ ตน้ โดยอาหารเหลา่ นม้ี ที ง้ั ไขมนั อมิ่ ตวั และไขมนั คอเลสเตอรอล การสำ� รวจไขมนั ทรานส์ในอาหารจากการส�ำรวจของส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ติดตามตรวจสอบ และเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อาหารกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสใช้น�้ำมันที่ผ่านกระบวนการ เติมไฮโดรเจนบางสว่ น ได้แก่ โดนัททอด พาย พัฟ เพสทรี ครวั ซองค์ และบัตเตอรเ์ คก้ ภายหลงั ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรือ่ ง กำ� หนดอาหารทหี่ ้ามผลติ น�ำเขา้ หรือจ�ำหน่าย โดยหา้ มผลติ น�ำเข้า หรอื จ�ำหนา่ ย นำ�้ มนั ท่ีผา่ นกระบวนการเตมิ ไฮโดรเจน บางสว่ นและอาหารทม่ี นี ำ�้ มนั ทผ่ี า่ นกระบวนการเตมิ ไฮโดรเจนบางสว่ นเปน็ สว่ นประกอบ ใหม้ ผี ลบงั คบั ใชต้ งั้ แตว่ นั ท่ี 9 ม.ค. 2562 ผลการสมุ่ ตวั อยา่ งจ�ำนวน 45 ตัวอยา่ ง พบวา่ ปรมิ าณไขมันทรานส์เฉล่ยี ของทุกผลิตภณั ฑ์อยใู่ นช่วง 0.09-0.31 กรมั ต่อหนึ่ง หน่วยบริโภค ซึ่งไม่เกินปริมาณที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ� ใหบ้ รโิ ภคตอ่ วนั คอื 0.5 กรมั ตอ่ หนง่ึ หนว่ ยบรโิ ภค นอกจากนป้ี รมิ าณไขมนั ทรานสส์ งู สดุ ทพ่ี บในทกุ ผลติ ภณั ฑม์ ปี รมิ าณลดลง 58 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง และปจั จัยเสี่ยงทเ่ี ก่ยี วข้อง พ.ศ. 2562
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการส�ำรวจผลิตภัณฑ์ก่อนประกาศฯ มีผลใช้บังคับ ท้ังน้ีมีเพียงบางผลิตภัณฑ์มีปริมาณไขมันทรานส์ ตอ่ หนงึ่ หนว่ ยบรโิ ภคเกนิ จากปรมิ าณท่ี องคก์ ารอาหารและการเกษตรแหง่ สหประชาชาติ (FAO) และองคก์ ารอนามยั โลก (WHO) แนะนำ� เนื่องจากมกี ารใช้วัตถดุ ิบท่ีมไี ขมนั ทรานสต์ ามธรรมชาตเิ ปน็ สว่ นประกอบในปรมิ าณสงู เช่น เนย นม ชสี (17) สถานการณก์ ารบริโภคโซเดยี มในประเทศไทย นอกจากการบริโภคอาหารที่มีรสหวาน และความมันมากขึ้นแล้ว การบริโภคเกลือ/โซเดียมในประเทศไทยท่ีสูงขึ้น ยงั เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ของพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทเี่ หมาะสมอกี ปจั จยั หนง่ึ ทก่ี อ่ โรคไมต่ ดิ ตอ่ โดยสถานการณก์ ารบรโิ ภคเกลอื ในประเทศไทย จากขอ้ มลู การสำ� รวจปรมิ าณการบรโิ ภคเกลอื แกงของประเทศไทย โดยกองโภชนาการ กรมอนามยั ปี พ.ศ. 2552 พบว่า ประชากรไทยไดร้ ับเกลือเฉลย่ี จากการรบั ประทานอาหาร 10.8 กรมั ต่อวันตอ่ คนคดิ เป็นปริมาณเกลือโซเดยี มท่ีไดม้ ากถึง 4,351.69 มิลลิกรัมตอ่ วนั ต่อคน ซงึ่ แสดงให้เห็นว่าคนไทยได้รบั เกลือในปริมาณทม่ี ากกว่าปริมาณทแี่ นะนำ� ต่อวันเกือบ 2 เทา่ โดย 8 กรมั (ร้อยละ 74) ของปริมาณการบรโิ ภคเกลอื /โซเดียม มาจากเครอ่ื งปรุงรส 2 กรัม (รอ้ ยละ 18.5) มาจากธรรมชาต ิ ของอาหาร (2 กรมั ) และ 0.8 กรมั (รอ้ ยละ 7.4) มาจากอาหารพร้อมรบั ประทาน/ข้างทาง/หาบเร่/อาหารกินเล่น(18) เมอ่ื เปรยี บ เทยี บกบั นานาชาติ ประชากรไทยบรโิ ภคเกลอื สงู กวา่ คา่ เฉลย่ี ของโลกเลก็ นอ้ ยโดยในปี พ.ศ. 2553 ประชากรผใู้ หญท่ วั่ โลกบรโิ ภค โซเดียมเฉลย่ี 3,950 มลิ ลกิ รัมต่อวนั หรือคดิ เป็นเกลือเฉล่ยี 10.06 กรัมตอ่ วนั (19) โดยในแต่ละภมู ิภาคจะมีความแตกตา่ งกนั ออกไป (ดงั รปู ภาพท่ี 6) รูปภาพที่ 6: ข้อมูลปรมิ าณการบริโภคโซเดยี มโดยเฉลี่ยในแตล่ ะประเทศของประชากรเพศหญงิ และเพศชายท่มี ีอายุ 20 ปีขึ้น ไปใน พ.ศ. 2553 : การบริโภคโซเดยี มเฉลยี่ เป็นจ�ำนวนกรัม/วนั การส�ำรวจ “โซเดียม” ในเมนูอาหารต่างๆ จากการศึกษาปริมาณโซเดียมและโซเดียมคลอไรด์ในอาหารบทบาท วถิ ี Street Foods ซงึ่ เกบ็ ขอ้ มลู ทงั้ หาบเรแ่ ผงลอยรมิ บาทวถิ ี และในตลาด รวมถงึ ศนู ยอ์ าหารจากเขตตา่ งๆ ของ กทม. ปี พ.ศ. 2560 แบง่ เปน็ กบั ขา้ ว 27 ชนดิ อาหารจานเดยี ว 29 ชนดิ และอาหารวา่ งและ ขนม 20 ชนดิ พบวา่ อาหารสตรที ฟดู้ สว่ นใหญม่ ปี รมิ าณ โซเดียมต่อน้�ำหนักหน่วยขาย (ถุงหรือกล่อง) ในระดับเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยอาหารประเภทกับข้าวเช่น (แกงไตปลา ต้มย�ำ แกงเขยี วหวาน นำ�้ พรกิ กะปิ ฯลฯ) มปี รมิ าณโซเดยี มมากกวา่ 2,000 มลิ ลกิ รมั /ถงุ ในระดบั เสยี่ งสงู มาก ประเภทอาหารจานเดยี ว เชน่ (กว๋ ยเตย๋ี วหมตู นุ๋ ตม้ เลอื ดหมู สกุ ี้ สม้ ตำ� ปปู ลารา้ ฯลฯ) มปี รมิ าณโซเดยี มมากกวา่ 2,000 มลิ ลกิ รมั ตอ่ ถงุ ในระดบั เสย่ี งสงู มาก ประเภทอาหารว่าง เช่น (คอหมูย่าง ลูกชิ้นปิ้ง ปอเปี๊ยะทอด ฯลฯ) มีปริมาณมากกว่า 1,000 มิลลิกรัม/ถุง ในระดับเสี่ยงสูง ดงั นน้ั จากการทผี่ บู้ รโิ ภคมกี ารซอื้ อาหาร Street foods มารบั ประทาน ทำ� ใหผ้ บู้ รโิ ภคมโี อกาสไดร้ บั ปรมิ าณโซเดยี มเกนิ มาตรฐาน ต่อวัน(20) (ดงั รปู ภาพที่ 7) รายงานสถานการณ์โรค NCDs 59 เบาหวาน ความดันโลหติ สงู และปัจจยั เสย่ี งท่เี กี่ยวขอ้ ง พ.ศ. 2562
รปู ภาพที่ 7: ปรมิ าณโซเดยี มและโซเดยี มคลอไรดใ์ นอาหารบาทวถิ ี (Street food) ในกรงุ เทพมหานคร ปี พ.ศ. 2560 ที่มา : การศึกษาปรมิ าณโซเดยี มและโซเดียมคลอไรดใ์ นอาหารบาทวถิ ี (Street food) ในกรงุ เทพมหานคร ปี 2560 สถานการณ์การบริโภคผกั และผลไม้ ประชากรไทยมีการบริโภคผักและผลไม้ไม่เพียงพอ จากการส�ำรวจสุขภาพประชากรไทย ใน พ.ศ. 2557 พบว่า คนไทยมีพฤติกรรมการบริโภคผักเฉล่ียวันละ 1.7 ส่วน ซ่ึงต่�ำกว่าข้อแนะน�ำมาตรฐานท่ีให้บริโภควันละ 3 ส่วน และบริโภค ผลไมเ้ ฉล่ยี วนั ละ 1.5 ส่วน ซ่ึงต�่ำกวา่ ข้อแนะน�ำมาตรฐานทใ่ี หบ้ ริโภควนั ละ 2 ส่วน ในภาพรวมคนไทยมีการบริโภคผกั และผลไม้ เฉลี่ยวันละ 3 ส่วน ซ่ึงต่�ำกว่าข้อแนะน�ำมาตรฐานท่ีให้บริโภค 5 ส่วนต่อวัน(21) เมื่อเปรียบเทียบกับการบริโภคผักและผลไม้ ในปี พ.ศ. 2552 การบรโิ ภคผกั และผลไม้ของผ้ชู ายและผู้หญิงเท่ากบั รอ้ ยละ 16.9และรอ้ ยละ 18.5 ตามลำ� ดับ(22) พฤตกิ รรม การบรโิ ภคอาหารทไี่ มเ่ หมาะสมเปน็ ผลลพั ธจ์ ากหลากหลายปจั จยั โดยสง่ ผลกระทบตอ่ พฤตกิ รรมการปรงุ อาหารและรบั ประทานอาหาร โดยเฉพาะการรับประทานอาหารทีไ่ มด่ ีตอ่ สขุ ภาพ เช่น การบริโภคอาหารส�ำเรจ็ รูป การบรโิ ภคอาหารไมค่ รบ 5 หมู่ การบรโิ ภค อาหารมากเกินไป 3.2 ปจั จัยท่ีมีผลต่อพฤติกรรมบริโภคอาหาร พฤติกรรมการบริโภคของประชาชนได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ท้ังปัจจัยด้านบุคคลและปัจจัยด้าน สภาพแวดลอ้ มโดยเฉพาะปจั จยั ดา้ นสภาพแวดลอ้ มทางอาหาร (Food environment) เนอ่ื งจากวฒั นธรรมตะวนั ตกทแี่ พรข่ ยาย เขา้ มาในประเทศไทยการมรี า้ นอาหารจานดว่ น และรา้ นสะดวกซอ้ื จำ� นวนมากเปดิ จำ� หนา่ ยทวั่ ประเทศ นอกจากนน้ั อาหารปรงุ สกุ ท่ีสามารถรับประทานได้ทันที หรือเพียงน�ำไปอุ่น อบ น่ึง หรือเข้าเตาไมโครเวฟเพียงไม่กี่นาที เป็นท่ียอมรับของจากผู้บริโภค มากกว่าแต่ก่อน เน่ืองจากความกังวลต่อการรับประทานอาหารบรรจุกล่องที่ต้องใช้ไมโครเวฟอุ่นให้ร้อนลดลง ประกอบกับ การดำ� เนนิ ขวี ิตของคนรนุ่ ใหม่โดยเฉพาะในสงั คมเมืองซ่ึงมีข้อจำ� กดั ด้านเวลาจึงตอ้ งการความรวดเร็วและสะดวกสบายเปน็ หลัก กลุ่มคนรุ่นใหม่ นิยมอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมย่านกลางเมืองหรือหอพักใกล้กับที่ท�ำงาน ซ่ึงท่ีพักอาศัยประเภทน้ีไม่เหมาะสม กบั การปรงุ อาหาร หรอื แมแ้ ตก่ ลมุ่ ผบู้ รโิ ภคทอี่ าศยั อยคู่ นเดยี วหรอื เปน็ ครอบครวั ขนาดเลก็ กไ็ มค่ อ่ ยจะปรงุ อาหารรบั ประทานเอง ทบ่ี า้ นมากนกั ปจั จยั เหลา่ นจี้ งึ สง่ ผลใหอ้ าหารพรอ้ มรบั ประทานเปน็ ทนี่ ยิ มมากขนึ้ และมกี ารเจรญิ เตบิ โตอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จากขอ้ มลู 60 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงท่ีเกี่ยวขอ้ ง พ.ศ. 2562
ของ Euro monitor International 2559 แสดงให้เห็นถึงการเพ่ิมขึ้นของมูลค่าอาหารพร้อมรับประทานในประเทศไทย ทีเ่ พม่ิ ขน้ึ จาก 4.09 พันลา้ นบาท ในปี พ.ศ.2554 เป็น 6.73 พนั ล้านบาทในปี พ.ศ.2558(23) อย่างไรกต็ ามมลู ค่าตลาดอาหาร สำ� เรจ็ รปู เพอื่ สขุ ภาพ (ลดไขมนั หรอื ลดนำ�้ ตาล) กม็ แี นวโนม้ เพม่ิ ขนึ้ เชน่ กนั โดยเพม่ิ ขน้ึ จาก 4.52 พนั ลา้ นบาทในปี พ.ศ.2555 เปน็ 6.3 พนั ลา้ นบาทในปี พ.ศ.2559 ปจั จยั ดา้ นสภาพแวดลอ้ มทางอาหารจงึ เปน็ ปจั จยั การกำ� หนดพฤตกิ รรมการบรโิ ภค อาหาร และภาวะสุขภาพที่ส�ำคัญจากปัจจัยก�ำหนดภาวะโภชนาการดังกล่าวข้างต้น ราคาเป็นหน่ึงในปัจจัยแวดล้อมท่ีก�ำหนด ภาวะโภชนาการ เนอ่ื งจากขอ้ มลู เชงิ วชิ าการยนื ยนั ไดเ้ ปน็ อยา่ งดวี า่ ราคาของอาหารและเครอ่ื งดมื่ มคี วามสมั พนั ธก์ บั การตดั สนิ ใจ เลือกการซือ้ และการบรโิ ภคของกล่มุ วัยรุน่ และผู้ใหญ(่ 24) ราคาและก�ำลังซื้ออาหาร และเครื่องดม่ื ค่าใช้จ่ายรายเดือนของครัวเรือนไทยระหว่างปี พ.ศ. 2550-2560 พบว่า เม่ือพิจารณาครัวเรือนไทย มีคา่ ใชจ้ า่ ยในดา้ นอาหารประมาณ 1 ใน 3 ของคา่ ใช้จา่ ยทั้งหมด โดยมคี า่ ใช้จ่ายส�ำหรับซ้ืออาหารปรงุ ส�ำเรจ็ มาก ท่สี ุด รองลงมา ได้แก่ อาหารประเภทขา้ ว แปง้ อาหารทท่ี �ำจากแป้ง และเนอื้ สตั ว์ตามลำ� ดับ ในขณะที่ค่าใช้จา่ ยของเคร่อื งปรุงรส น้ำ� มนั และ ไขมนั มสี ดั สว่ นนอ้ ย จากขอ้ มลู ดงั กลา่ วสะทอ้ นใหเ้ หน็ แนวโนม้ วา่ คน ไทยบรโิ ภคอาหารทไี่ มไ่ ดป้ รงุ ดว้ ยตนเองในครวั เรอื นมากขน้ึ ซึ่งอาจจะท�ำให้ ไม่สามารถควบคุมคุณค่าทางโภชนาการและ ความสะอาดของอาหารได้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาข้อมูล ค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว อาจสามารถสะท้อน พฤติกรรมการบริโภคอาหารได้เพียงส่วนหนึ่งเท่าน้ันเน่ืองจากค่าใช้จ่ายเป็นผล จากปรมิ าณการบริโภคและราคาสินคา้ และการเพิม่ ขึ้นหรือลดลงของคา่ ใช้จ่ายอาจเป็นผลจากราคาสินคา้ ที่เปลย่ี นแปลงไป(25) แนวโนม้ ธรุ กิจร้านอาหาร แนวโน้มของธุรกิจร้านอาหารยังคงมีโอกาสเติบโตและท�ำก�ำไรได้สูง โดยมูลค่าตลาดธุรกิจร้านอาหาร ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2560-2561 มมี ลู คา่ สงู กวา่ 4 แสนลา้ นบาท และมแี นวโนม้ เตบิ โตสงู ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ผนวกกบั ความสามารถ ในการท�ำก�ำไรของธุรกิจท่ีเพิ่มข้ึนทุกปี ล้วนเป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีดึงดูดให้ผู้ประกอบการรายใหม่ เข้าสู่ตลาดธุรกิจร้านอาหาร อยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยพฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภคกบั กระแสธรุ กจิ ทเี่ ปลย่ี นแปลงจากการเตบิ โตของเมอื งและการเปลยี่ นแปลงทางเทคโนโลยี ผู้บริโภคต้องใช้ชีวิตประจ�ำวันที่เร่งรีบและ มีการเช่ือมโยงผ่านเทคโนโลยีที่มากข้ึน ท�ำให้พฤติกรรมการอุปโภคบริโภคของคน ในสังคมเปล่ียนแปลงไป เช่น การใชบ้ ริการ Food delivery เชน่ Line Man, Food Panda, Uber Eats และ Grab Food ส�ำหรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายและความรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอคิวที่ยาวนาน การใช้แอปพลิเคชั่นเพ่ืออ�ำนวย ความสะดวก เชน่ การจองโตะ๊ ลว่ งหนา้ ผา่ น Eatigo การสรา้ ง Platform ในการคน้ หารา้ นอาหาร เชน่ Wongnai และ Tripadvisor การบริโภคอาหารเพ่ือสุขภาพ (Healthy Food) อาหารก่ึงสุขภาพ และอาหารอินทรีย์ (Organic PlantBased Food) โดยการปรับปรุงรสชาติและส่วนผสมให้ตรงกับความต้องการและรสนิยมของผู้บริโภคให้มากขึ้น นอกจากนี้แต่ละรายยังใส ่ โปรโมชัน่ เพ่ือเชือ้ เชญิ ให้ผบู้ รโิ ภค มาใชบ้ ริการของตัวเอง ทด่ี เู หมือนจะเป็น ธรรมเนียมปฏิบัตกิ ค็ อื การกรอกรหสั โคด้ โปรโมชน่ั ต่างๆ เพ่อื รับสว่ นลดคา่ อาหาร, แลกรบั สทิ ธ์จิ ดั ส่งฟรี หรอื โปรโมชนั่ ซื้อ 1 แถม 1 เป็นต้น ดังนั้นจะเหน็ ไดว้ า่ ธุรกจิ ร้านอาหาร เตบิ โตผู้ประกอบการมีการปรับตัวและ หา ช่องทางและรปู แบบใหมๆ่ เพอ่ื สร้างกำ� ไรใหธ้ รุ กจิ เพิม่ ขนึ้ และการนำ� เทคโนโลยีมา ใช้ในการท�ำธุรกิจท�ำให้ ผู้บริโภค มีความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา ท�ำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปล่ียนแปลงไปจากเดิม เช่น มีการส่ังอาหารมาทานท่ีบ้านเพ่ิมมากขึ้นโดยข้อมูลจากผลส�ำรวจโดยยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนช่ันแนล ปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า ธรุ กิจเดลิเวอร่/ี เทคอะเวย์อาหารในประเทศไทยมมี ูลค่าสงู ถึง 26,000 ลา้ นบาท(26) จากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ามูลค่าการบริโภคอาหาร และเครื่องด่ืมเพื่อสุขภาพในปี พ.ศ.2562 จะมีมูลค่าประมาณ 88,731 ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัว 2.4% เม่ือเทียบจากปี พ.ศ.2561 โดยกลุ่มโปรตีนจากพืช และนมพชื จะมีมลู คา่ ประมาณ 6,725 ลา้ นบาท และมีแนวโน้มขยายตวั 6.4% ตามความนยิ มบรโิ ภคอาหารโปรตนี สงู เพ่ือสร้าง สมดุลทางโภชนาการทดแทนเนื้อสัตว์ การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงการรักษาสุขภาพเพ่ือลดความเส่ียงของโรคท่ีเกิดจาก การบรโิ ภคอาหารประเภทเน้อื สตั ว(์ 27) รายงานสถานการณ์โรค NCDs 61 เบาหวาน ความดันโลหติ สูง และปัจจัยเส่ียงทเ่ี ก่ยี วข้อง พ.ศ. 2562
3.3 การขบั เคลือ่ นมาตรการและนโยบายทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร มาตรการภาษเี พอื่ ขับเคลอื่ นการ “ลดหวาน” การเก็บภาษีความหวาน เป็นหน่ึงในกลุ่มสินค้าที่ถูกปรับภาษีตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซ่ึงมผี ลบังคับใช้ในวันท่ี 16 กนั ยายน พ.ศ. 2560 แตใ่ ห้เวลาผูป้ ระกอบการปรับตัว 2 ปี เพื่อใหผ้ ้ปู ระกอบการลดปริมาณน�้ำตาล ให้ต�ำ่ กวา่ และเสียภาษีในอัตรากา้ วหนา้ 6 ระดบั หลงั จากนั้น ตั้งแตว่ นั ที่ 1 ตุลาคม 2562 ถงึ 30 กนั ยายน 2564 เครื่องดื่มทมี่ ปี ริมาณนำ้� ตาลเกิน 14 กรมั แต่ไม่เกนิ 18 กรมั ต่อ 100 มลิ ลลิ ติ ร เสยี ภาษี 3 บาทตอ่ ลติ ร และทีม่ ีปรมิ าณน้�ำตาลเกนิ 18 กรมั ตอ่ 100 มลิ ลิลติ ร เสยี ภาษ ี 5 บาทตอ่ ลติ ร ในชว่ งตง้ั แตว่ นั ที่ 1 ตลุ าคม 2564 จนถงึ วนั ท่ี 30 กนั ยายน พ.ศ. 2566 เครอ่ื งดมื่ ทม่ี ปี ระมาณนำ�้ ตาลไมเ่ กนิ 8 กรมั แต่ไม่ถงึ 10 กรมั ตอ่ 100 มลิ ลิลติ ร เสยี ภาษี 1 บาทตอ่ ลิตร เคร่อื งด่ืมทีม่ ีปรมิ าณน้�ำตาลเกิน 100 กรัมแตไ่ มเ่ กิน 14 กรัมต่อ 100 มิลลิกรัม เสยี ภาษี 3 บาทตอ่ ลิตรและท่ีมีปริมาณเกนิ 14 กรัมต่อ 100 มลิ ลิลติ ร เสียภาษี 5 บาทตอ่ ลติ ร ขณะทต่ี งั้ แต่ 1 ต.ค. 2566 เปน็ ตน้ ไป เครอื่ งดมื่ ทม่ี ปี รมิ าณนำ�้ ตาลไมเ่ กนิ 6 กรมั แตไ่ มถ่ งึ 8 กรมั ตอ่ 100 มลิ ลลิ ติ ร เสยี ภาษี 1 บาทตอ่ ลิตร เครือ่ งดื่มทีม่ ีปริมาณนำ้� ตาลไม่เกนิ 8 กรมั แตไ่ ม่ถงึ 10 กรมั ตอ่ 100 มิลลิลิตร เสยี ภาษี 3 บาทตอ่ ลิตร และท่ีมีปรมิ าณเกนิ 10 กรมั ตอ่ 100 มิลลิลติ รเสียภาษี 5 บาทตอ่ ลติ ร(28) รปู ภาพที่ 8: การเกบ็ ภาษี “นำ�้ ตาล” ทมี่ า : กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง มาตรการภาษเี พอ่ื ขบั เคล่อื นการ “ลดเค็ม” การขบั เคล่ือนยทุ ธศาสตร์ลดเกลอื และโซเดยี ม ต้ังเปา้ คนไทยลดบรโิ ภคเค็มลง 30% ภายในปี พ.ศ. 2568 คณะกรรมการนโยบายการลดบริโภคเกลือและโซเดียมเพื่อลดโรคไม่ติดต่อระดับชาติ ประกาศเจตนารมณ์เพ่ือการลดบริโภค เกลือและโซเดยี มในประเทศไทย ขบั เคลือ่ นยทุ ธศาสตร์การลดการบริโภคเกลือและโซเดยี มในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2559-2568 ตั้งเป้าหมายให้คนไทยลดการบริโภคโซเดียมลงร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2568 จากความร่วมมือเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ภาคอตุ สาหกรรม และประชาสงั คม เมอ่ื วนั ท่ี 6 มนี าคม 2562 ไดม้ กี ารแถลงขา่ ว การประกาศเจตนารมณเ์ พอื่ รว่ มลดการบรโิ ภค เกลือและ โซเดยี มในประเทศไทย เน่ืองใน “สปั ดาห์ลดการบรโิ ภคเค็มโลก” (World Salt Awareness Week) ระหวา่ งวนั ที่ 11-17 มีนาคม 2562(29) 62 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหติ สูง และปัจจัยเสี่ยงท่ีเกย่ี วข้อง พ.ศ. 2562
มาตรการภาษเี พื่อขับเคล่ือนการ “ลดไขมนั ทรานส”์ แนวทางการดำ� เนินการของ ส�ำนกั งานคณะกรรมการอาหารและยา พ.ศ. 2550 อย. ได้รว่ มกับสถาบนั โภชนาการ มหาวิทยาลัยมหดิ ล สำ� รวจสถานการณป์ ริมาณไขมนั ทรานสท์ ี่พบในผลิตภัณฑอ์ าหารในประเทศไทย ผลการส�ำรวจ สรปุ ได้วา่ โดนทั ทอด และพายพัฟ มีสาเหตมุ าจากการใช้วตั ถดุ บิ ที่มีปรมิ าณไขมนั ทรานส์สงู โดยเฉพาะมาการนี และเนยขาว ส่วนอาหารกลุ่มอื่น พบปรมิ าณไขมันทรานสใ์ นระดับท่ีไมส่ ูงจนทำ� ให้เกิดปัญหา ปี พ.ศ. 2559 อย. ไดร้ ว่ มกับสถาบันโภชนาการ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล โดยการสนับสนนุ งบประมาณของสำ� นักงานพฒั นาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ดำ� เนินโครงการ “ประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์” การส�ำรวจข้อมูลปริมาณไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์นำ�้ มันและไขมัน และผลิตภัณฑ์อาหาร และจดั ประชมุ หารอื รว่ มกบั ผู้ประกอบการไขมนั และนำ้� มนั และผปู้ ระกอบการผลิตภัณฑอ์ าหาร เพอื่ หาแนวทางในการลดหรอื พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่ใช้น�้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ผู้ผลิตน้�ำมันและไขมันยืนยันถึงความเป็นไปได ้ ในการปรับสตู รและกระบวนการผลติ นำ้� มันและไขมนั โดยใช้กระบวนการผสมน้ำ� มัน (Oil blending) หรือกระบวนการอนื่ แทน โดยผผู้ ลติ ผลติ ภณั ฑอ์ าหารบางสว่ นไดพ้ ฒั นาและปรบั ปรงุ สตู รสว่ นประกอบของผลติ ภณั ฑอ์ าหารโดยไมใ่ ชน้ ำ�้ มนั ทผี่ า่ นกระบวนการ เติมไฮโดรเจนบางส่วนแล้ว และบางสว่ นขอระยะเวลาในการปรับตวั (17) สรปุ จากสถานการณก์ ารบรโิ ภคอาหาร หวาน มนั เคม็ ผกั และผลไม้ ของคนไทย พบวา่ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร ของประชาชนไทยมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เป็นความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพมากขึ้นเร่ืองอาหารที่บริโภคเข้าไป ทำ� ใหผ้ บู้ รโิ ภคจงึ ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคตามสภาพปจั จบุ นั เชน่ เดก็ และเยาวชน เมอื่ มอี ายทุ ส่ี งู ขนึ้ จะหนั มาดแู ลสขุ ภาพ มากขึ้นโดยเน้นเร่ืองการบริโภคอาหาร โดยอาหารท่ีรับประทานเข้าไปน้ันจะต้องมีคุณภาพและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และยงั ต้องมีคุณค่าทางอาหารทค่ี รบถว้ นสมบูรณ์ พร้อมทงั้ ยงั ต้องมใี ห้เลอื กบริโภคทีห่ ลากหลายและเพยี งพอตอ่ ความต้องการ ของผู้บรโิ ภคปัจจบุ นั สถานการณก์ ารบรโิ ภคโซเดียม พบวา่ ประชากรไทยได้รับเกลือเฉลยี่ จากการรบั ประทานอาหาร 10.8 กรมั ตอ่ วนั ตอ่ คนคดิ เปน็ ปรมิ าณเกลอื โซเดยี มทไี่ ดม้ ากถงึ 4,351.69 มลิ ลกิ รมั ตอ่ วนั ตอ่ คน ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ วา่ ประชากรไทยไดร้ บั เกลอื ในปริมาณทม่ี ากกวา่ ปริมาณท่ีแนะนำ� ต่อวันเกอื บ 2 เทา่ โดย 8 กรัม โดยมีการขบั เคลอ่ื นยุทธศาสตร์ลดเกลือและโซเดยี มโดย ตั้งเป้าหมายลดบรโิ ภคเคม็ ลง 30% ภายในปี พ.ศ. 2568 สถานการณ์การบริโภคน้�ำตาล พบว่าโดยเฉลี่ยในแต่ละวันประชากรไทยดื่มเคร่ืองด่ืมท่ีผสมน�้ำตาลเฉล่ียกว่า 3 แกว้ (519.3 มลิ ลิลติ ร) โดยผชู้ ายดื่มมากกวา่ ผหู้ ญิง และพบวา่ ในกลุ่มเดก็ อายุ 6-14 ปี เป็นกล่มุ ทีด่ ่ืมเครือ่ งด่ืมทผ่ี สมน�้ำตาล เฉลยี่ ตอ่ สปั ดาหม์ ากทส่ี ดุ เครอ่ื งดมื่ ทผ่ี สมนำ�้ ตาลทว่ี างจำ� หนา่ ยในไทย พบมปี รมิ าณนำ้� ตาลสงู มากเฉลย่ี 9-19 กรมั /100 มลิ ลลิ ติ ร ในขณะที่ปริมาณท่ีเหมาะสมคือ ไม่ควรมีน้�ำตาลมากกว่า 6 กรัม/100 มล. โดยท�ำให้มีมาตรการภาษีเพ่ือขับเคล่ือนการ “ลดหวาน” ท�ำใหก้ ารเกบ็ ภาษคี วามหวานเป็นหนงึ่ ในกลุ่มสนิ ค้าที่ถกู ปรบั ภาษตี าม พ.ร.บ. ภาษสี รรพสามติ พ.ศ. 2560 สถานการณ์การบริโภคไขมัน พบว่า ประชากรไทยมีการบริโภคไขมันเฉล่ีย 45.6 กรัมต่อคนต่อวัน หรือ กลา่ วไดว้ า่ ประชากรไทยไดพ้ ลงั งานจากไขมนั ถงึ 409.4 กโิ ลแคลอรี่ ซงึ่ ปรมิ าณทแี่ นะนำ� ใหบ้ รโิ ภคควรมสี ดั สว่ นไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 30 ของพลงั งานทงั้ หมดและไดม้ กี ารกำ� หนดมาตรการควบคมุ และกำ� กบั ดแู ลไขมนั ทรานสใ์ นผลติ ภณั ฑอ์ าหาร โดยประกาศกระทรวง สาธารณสขุ เลขที่ 388 พ.ศ.2561 เรอื่ ง กำ� หนดอาหารทห่ี า้ มผลติ นำ� เขา้ หรอื จำ� หนา่ ยมผี ลใชบ้ งั คบั ตง้ั แตว่ นั ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2562 เปน็ ตน้ ไป สถานการณก์ ารบริโภคผกั และผลไม้ พบวา่ คนไทยมีการบริโภคผกั และผลไม้ไมเ่ พยี งพอ โดยประชากรไทย มีพฤติกรรมการบริโภคผักเฉลี่ยวันละ 1.7 ส่วน ซ่ึงต่�ำกว่าข้อแนะน�ำมาตรฐานที่ให้บริโภควันละ 3 ส่วน และบริโภคผลไม ้ เฉลี่ยวันละ 1.5 ส่วน ซึ่งต่�ำกว่าข้อแนะน�ำมาตรฐานท่ีให้บริโภควันละ 2 ส่วน ในภาพรวมประชากรไทยมีการบริโภคผักและ ผลไมเ้ ฉลย่ี วันละ 3 สว่ น ซง่ึ ตำ�่ กว่าขอ้ แนะน�ำมาตรฐานท่ใี หบ้ รโิ ภค 5 ส่วนต่อวัน รายงานสถานการณ์โรค NCDs 63 เบาหวาน ความดันโลหติ สงู และปจั จยั เสย่ี งท่ีเกย่ี วขอ้ ง พ.ศ. 2562
4 สถานการณก์ ารมีกิจกรรมทางกายของประชากรไทย การส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย ให้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสุขภาพประชาชน รวมถึงการศึกษา เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ซ่ึงน�ำไปสู่การเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสังคมที่ดีของเด็ก รวมถึงการเรียนรู้และสมาธิ อกี ทัง้ ยงั ชว่ ยลดความเสีย่ งจากโรคเรื้อรังและชว่ ยพฒั นาสุขภาพจติ ของผู้ใหญ่ ช่วยใหน้ อนหลบั ได้ดขี ึ้น และเปน หนง่ึ ในประเด็น สําคญั ส�ำหรับ การบรรลุเปาหมายการควบคุมและปอ งกนั โรคไมติดตอ ระดับโลก การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุส�ำคัญของการเสียชีวิตจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (NonCommunicable Diseases: NCDs) ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และกลุ่มโรคมะเร็ง โดยพบว่าการขาดกิจกรรมทางกาย สงผล ใหเกิดการเสียชีวิต 3.2 ลานคนตอปี(30) ของทั้งโลก ทั้งท่ีสามารถป้องกันได้ และมีสวนตอการเพ่ิมอัตราโรคอวนทั้งใน เดก็ และผใู หญ สำ� หรบั ประเทศไทยนน้ั พบวา คนไทยมอี ตั ราการเสยี ชวี ติ จากโรคไมต ดิ ตอ ถงึ รอ ยละ 71 ของการเสยี ชวี ติ ทง้ั หมด โดยการมีกิจกรรมทางกายไมเพยี งพอ เปนปจ จยั เสี่ยงตอการเสยี ชวี ติ 11,129 ราย สญู เสยี การมีชวี ิตทีม่ คี ุณภาพ 788,500 ป สขุ ภาวะ (ชว งปท ี่มีชวี ิตอยา งปราศจากความพกิ ารหรือเจบ็ ปว ย) และเด็กไทยมภี าวะเร่มิ อวนและอวนทร่ี อยละ 12.58(31) ความหมายของกจิ กรรมทางกาย กจิ กรรมทางกาย หมายถงึ การขยบั เคลอ่ื นไหวรา งกายทง้ั หมด ในชวี ติ ประจาํ วนั ในอริ ยิ าบถตา งๆ ซงึ่ กอ ใหเ กดิ การใช และเผาผลาญพลังงานโดยกลามเน้ือ ท้ังในการทํางาน (Activity at Work) เชน การทํางานที่เปนอาชีพท้ังที่กอใหเกิดหรือ ไมเ กดิ รายได การทาํ งาน การทาํ งานบา น การเรยี นหนงั สอื เปน ตน การเดนิ ทาง (Travel To and From Places) โดยการเดนิ หรอื การขรี่ ถจกั รยาน เพอื่ ไปทำ� งาน ไปจา่ ยตลาด ไปวดั หรอื ไปทำ� ธรุ ะตา่ งๆ รวมถงึ การเดนิ ทางทใี่ ชแ้ รงกายเพอ่ื ไปใชร้ ะบบขนสง่ สาธารณะ และกจิ กรรมนนั ทนาการ (Recreational Activities) ทที่ าํ ในยามวา ง หลงั จากเสรจ็ สนิ้ จากภารกจิ งานประจาํ เชน การเลน /แขง กฬี า (Competitive sports) การออกกาํ ลงั กาย หรือการฝก ฝนรางกาย (Exercise/Exercise training) เป็นตน้ (28) ระดบั ความหนกั เบาของกจิ กรรมทางกาย แบง่ เปน 3 ระดบั ดงั นี้ 1. กจิ กรรมทางกายระดบั เบา (Light Intensity) ไดแ ก การยนื การเดนิ ระยะทางสน้ั ๆ การทาํ งานบา น 2. กจิ กรรมทางกายระดบั ปานกลาง (Moderate-intensity) คอื กจิ กรรมทท่ี าํ ใหร สู กึ เหนอื่ ยปานกลาง โดยระหวา่ ง ทที่ ำ� กจิ กรรมยงั สามารถพดู เปน็ ประโยคได้ อตั ราการเตน้ หวั ใจอยรู่ ะหวา่ ง 120-150 ครงั้ เชน่ การเดนิ การปน่ั จกั รยาน เปน็ ตน้ 3. กจิ กรรมทางกายระดบั หนกั (Vigorous-intensity) หมายถงึ การเคลอ่ื นไหว รา่ งกายทที่ ำ� ใหร้ สู้ กึ เหนอื่ ยมาก โดยระหวา่ งทท่ี ำ� กจิ กรรมไมส่ ามารถพดู เปน็ ประโยคได้ อตั ราการเตน้ หวั ใจอยทู่ ี่ 150 ครงั้ ขนึ้ ไป เชน่ การวง่ิ การวา่ ยนำ�้ เรว็ การเลน่ กฬี า การออกกำ� ลงั กาย นอกจากกจิ กรรมทางกายทงั้ 3 ระดบั แลว้ ยงั มกี จิ กรรมทถี่ อื วา่ ใชพ้ ลงั งานตำ่� หรอื อาจเรยี กวา่ “พฤตกิ รรมเนอื ยนงิ่ (Sedentary Behavior)” เชน่ การนง่ั เลน่ โทรศพั ทม์ อื ถอื การใชค้ อมพวิ เตอร์ การนงั่ คยุ กบั เพอ่ื นการนอนดโู ทรทศั น์ ทไี่ มร่ วมการ หลบั นอน สำ� หรบั ระดบั การมกี จิ กรรมทางกายทเี่ พยี งพอนน้ั องคก์ ารอนามยั โลก (WHO) ไดแ้ นะนำ� ระดบั การมกี จิ กรรมทางกาย ทเี่ พยี งพอสำ� หรบั ประชากรวยั ผใู้ หญ่ (อายุ 18-64 ป)ี อยา่ งนอ้ ย 75 นาทตี อ่ สปั ดาห์ สำ� หรบั กจิ กรรมทางกายระดบั หนกั และ หรอื อยา่ งนอ้ ย 150 นาทตี อ่ สปั ดาห์ สำ� หรบั กจิ กรรมทางกายระดบั ปานกลาง(32) ดงั นนั้ เปา้ หมายในการลดโรคไมต่ ดิ ตอ่ จงึ มเี รอื่ งการสง่ เสรมิ กจิ กรรมทางกายบรรจอุ ยู่ 1 ใน 9 ประเดน็ ทอ่ี งคก์ ารอนามยั โลก ไดก้ ำ� หนดเปน็ เปา้ หมายในการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคไมต่ ดิ ตอ่ ระดบั โลก เพอ่ื ลดการมกี จิ กรรมทางกายไมเ่ พยี งพอลงรอ้ ยละ 10 ภายใน ปี พ.ศ. 2568 4.1 พฤตกิ รรมการมกี จิ กรรมทางกายของประชากรไทย ส�ำหรับประเทศไทย ได้ท�ำการส�ำรวจการมีกิจกรรมทางกายในประชากรไทยซึ่งจัดท�ำโดยหลายหน่วยงาน อาทิเชน่ การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย (NHES) สำ� นักงานสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยด้วยการตรวจ รา่ งกาย, การสำ� รวจกจิ กรรมทางกายของประชากร สำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาต,ิ การสำ� รวจพฤตกิ รรมเสย่ี งโรคไมต่ ดิ ตอ่ และการบาดเจบ็ (BRFSS) กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค และรายงานการส�ำรวจการมีกิจกรรมทางกายของคนไทย สถาบันวิจัยประชากร และสังคม มหาวิทยาลยั มหิดล เพอ่ื ติดตามสถานการณก์ ารมกี จิ กรรมทางกายของประชากรไทย 64 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหติ สงู และปจั จยั เส่ียงที่เก่ียวข้อง พ.ศ. 2562
จากผลการส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ปี พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2557 พบความชุก ของการมกี ิจกรรมทางกายท่ีเพียงพอในประชากรไทยอายุ 15 ปขี ้นึ ไป มกี ิจกรรมทางกายทีเ่ พยี งพอตามคำ� แนะน�ำในภาพรวม มแี นวโนม้ ลดลงเลก็ นอ้ ย เมอื่ เปรยี บเทยี บระหวา่ งเพศ พบวา่ เพศชายมกี จิ กรรมทางทเ่ี พยี งพอสงู กวา่ เพศหญงิ เลก็ นอ้ ย (ดงั แผนภมู ทิ ี่ 39) หากพิจารณาความชุกของการมีกิจกรรมทางกายท่ีไม่เพียงพอในประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่า การมีกิจกรรมทางกายท่ีไม่เพียงพอในภาพรวม มีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเพศ พบว่าเพศหญิง มีความชุกสูงกว่าเพศชาย (ดังแผนภูมิท่ี 40) ซ่ึงสัดส่วนการมีกิจกรรมทางกายท่ีไม่เพียงพอจะพบต่�ำสุดในกลุ่มอายุระหว่าง 30-59 ปี และเพิม่ สงู ขึ้นในกลมุ่ อายุ 70 ปีขึน้ ไป (ดงั แผนภมู ทิ ี่ 41) หากพจิ ารณารายภาคพบว่า ภาคเหนอื , ภาคตะวันออกเฉียง เหนอื และกรงุ เทพมหานครมสี ดั สว่ นการมกี จิ กรรมทางทไ่ี มเ่ พยี งพอเพมิ่ ขนึ้ สว่ นภาคกลาง และภาคใต้ มสี ดั สว่ นการมกี จิ กรรมทาง ทไ่ี มเ่ พียงพอลดลง (ดังแผนภมู ทิ ่ี 42) แผนภูมิท่ี 39 : รอ้ ยละของการมกี จิ กรรมทางกายท่เี พียงพอในประชากรไทยอายุ 15 ปขี ้ึนไป ปี พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2557 จ�ำแนกตามเพศ ท่มี า : การส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย (NHES) แผนภมู ทิ ี่ 40 : รอ้ ยละของประชากรไทยอายุ 15 ปขี น้ึ ไป ทม่ี กี จิ กรรมทางกายไมเ่ พยี งพอ ปี พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2557 จำ� แนกตามเพศ ทม่ี า : การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย (NHES) รายงานสถานการณ์โรค NCDs 65 เบาหวาน ความดนั โลหติ สงู และปัจจยั เสีย่ งทเ่ี ก่ยี วข้อง พ.ศ. 2562
แผนภมู ทิ ี่ 41 : รอ้ ยละของประชากรไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป ทมี่ กี จิ กรรมทางกายไมเ่ พยี งพอ ปี พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2557 จำ� แนก ตามกลมุ่ อายุ ที่มา : การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย (NHES) แผนภมู ทิ ่ี 42 : รอ้ ยละของประชากรไทยอายุ 15 ปขี นึ้ ไป ทม่ี กี จิ กรรมทางกายไมเ่ พยี งพอ ปี พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2557 จำ� แนกตามภาค ท่มี า : การส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย (NHES) สำ� หรบั ผลการสำ� รวจกจิ กรรมทางกายของประชากร พ.ศ. 2558 สำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ พบวา่ ประชากรอายุ 15 ปีข้นึ ไปท่ีมกี จิ กรรมทางกายในแตล่ ะกลมุ่ โดยภาพรวมมีอัตราการเคล่อื นไหวนอ้ ยสงู สุด รอ้ ยละ 95.5 รองลงมาคือ อตั รา การเดินทางโดยการเดินหรือขี่จักรยาน ร้อยละ 40.3 อัตราการท�ำงานออกแรงระดับหนักหรือปานกลาง ร้อยละ 37.2 และ มอี ตั ราการเลน่ กฬี า/ออกกำ� ลงั กาย หรอื ทำ� กจิ กรรมนนั ทนาการระดบั หนกั หรอื ปานกลาง รอ้ ยละ 23.4 เมอื่ เปรยี บเทยี บระหวา่ ง เพศ พบวา่ เพศชายมอี ตั ราการทำ� งานออกแรงระดบั หนกั หรอื ปานกลาง และอตั ราการเลน่ กฬี า/ออกกำ� ลงั กาย หรอื ทำ� กจิ กรรม นันทนาการระดับหนักหรือปานกลางมากกว่าเพศหญิง ส่วนเพศหญิงมีอัตราเดินทางโดยการเดินหรือขี่จักรยานและอัตราการ เคลอื่ นไหวน้อยมากกว่า เพศชาย (ดงั แผนภมู ทิ ี่ 43) เมอ่ื พิจารณาตามกลมุ่ อายุ พบวา่ การท�ำงานออกแรงฯ และการเดินทางฯ พบสงู สดุ ในกลมุ่ อายุ 45-59 ปี รอ้ ยละ 44.1 และ 42.2 ตามลำ� ดบั สว่ นการเลน่ กฬี า/ออกกำ� ลงั กาย พบสงู สดุ ในกลมุ่ อายุ 15-24 ปี ร้อยละ 40.6 และการเคลื่อนไหวน้อย พบสูงสุดในกลุ่มอายุ 60 ปีข้ึนไป (ดังแผนภูมิท่ี 44) หากพิจารณารายภาค พบว่า การท�ำงานออกแรงฯ พบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงสุดร้อยละ 40.9 ส�ำหรับการเดินทางฯ การเล่นกีฬา/ออกก�ำลังกาย และการเคลอ่ื นไหวนอ้ ย พบในกรงุ เทพมหานครสูงสุด รอ้ ยละ 48.1, 29.9 และ 96.6 ตามล�ำดับ (ดังแผนภูมทิ ี่ 45) 66 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง และปจั จยั เสี่ยงท่เี กี่ยวขอ้ ง พ.ศ. 2562
แผนภมู ทิ ่ี 43 : อตั ราของประชากรอายุ 15 ปขี นึ้ ไปทม่ี กี จิ กรรมทางกายในแตล่ ะกลมุ่ ปี พ.ศ. 2558 จำ� แนกตามเพศ ทม่ี า : การสำ� รวจกจิ กรรมทางกายของประชากร พ.ศ. 2558 ส�ำนักงานสถติ ิแห่งชาติ แผนภมู ทิ ี่ 44 : อตั ราของประชากรอายุ 15 ปขี น้ึ ไปทม่ี กี จิ กรรมทางกายในแตล่ ะกลมุ่ ปี พ.ศ. 2558 จำ� แนกตามกลมุ่ อายุ ทมี่ า : การส�ำรวจกจิ กรรมทางกายของประชากร พ.ศ. 2558 ส�ำนักงานสถิตแิ ห่งชาติ แผนภมู ทิ ี่ 45 : อตั ราของประชากรอายุ 15 ปขี นึ้ ไปทม่ี กี จิ กรรมทางกายในแตล่ ะกลมุ่ ปี พ.ศ. 2558 จำ� แนกตามภาค ทีม่ า : การสำ� รวจกจิ กรรมทางกายของประชากร พ.ศ. 2558 สำ� นักงานสถติ แิ ห่งชาติ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 67 เบาหวาน ความดนั โลหติ สงู และปัจจยั เส่ียงที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2562
จากผลสำ� รวจการมกี จิ กรรมทางกายของคนไทย สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ระหวา่ ง ปี พ.ศ. 2555 ถงึ ปี พ.ศ. 2558 เมอ่ื เปรียบเทยี บความแตกตา่ งระหว่างกลมุ่ วัยในปี พ.ศ. เดยี วกนั พบวา่ วัยผู้ใหญ่ (18-59 ปี) มกี จิ กรรมทางกายทเี่ พยี งพอมากกวา่ ทกุ กลมุ่ วยั สว่ นวยั เดก็ และวยั รนุ่ (13-17 ป)ี มกี จิ กรรมทางกายทเ่ี พยี งพอนอ้ ยกวา่ ทกุ กลมุ่ วยั (ดงั แผนภมู ทิ ี่ 46) สําหรบั เด็กปฐมวยั (0 – 5 ป) ยังไมม ีขอ มูลสถานการณก ิจกรรมทางกาย เน่ืองจากการสํารวจยังไมค รอบคลมุ แตจ ากรายงานพฒั นาการของกลา มเนอ้ื มดั หลกั (Gross Motor) ซงึ่ เปน ผลจากการเคลอื่ นไหวของเดก็ ในการสาํ รวจการเฝา ระวงั และสง เสรมิ พฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ของกระทรวงสาธารณสขุ (DSPM) ปี พ.ศ. 2557-2560 พบวา เดก็ ปฐมวยั รอ ยละ 5.8 มปี ญ หา พัฒนาการของกลามเนือ้ มัดหลกั แผนภมู ทิ ่ี 46 : รอ้ ยละของคนไทยทมี่ กี จิ กรรมทางกายทเ่ี พยี งพอ ปี พ.ศ. 2555-2559จำ� แนกตามกลมุ่ วยั ที่มา : การสำ� รวจกิจกรรมการมีกิจกรรมทางกายของคนไทย พ.ศ. 2559 สถาบนั วจิ ัยประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลยั มหิดล ส�ำหรับระยะเวลาการมีพฤติกรรมเนือยน่ิงในแต่ละวันของประชาชนไทย ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พบวา่ สงู ถงึ เกอื บ 14 ชว่ั โมง และมแี นวโนม้ เพม่ิ มากขน้ึ ซง่ึ สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ ประชาชนไทยสว่ นใหญส่ ญู เสยี ระยะเวลาใหก้ บั การ มพี ฤตกิ รรมเนอื ยนง่ิ ในแตล่ ะวนั มากกวา่ การมกี จิ กรรมทางกาย ดงั นนั้ จงึ มคี วามจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งผลกั ดนั นโยบาย และดำ� เนนิ การ สง่ เสรมิ กจิ กรรม ทางกายจากหนว่ ยงานหลายภาคสว่ นทเี่ กย่ี วขอ้ งเพอ่ื ลดการมกี จิ กรรมทางกายทไ่ี มเ่ พยี งพอในประชาชนไทย สดั สว่ นเวลาทใี่ ชต้ ามประเภทกจิ กรรมทางกาย เมอ่ื เปรยี บเทยี บสดั สว่ นเวลาทใ่ี ชต้ ามลกั ษณะกจิ กรรมทางกายในประชากรอายุ 15 ปขี นึ้ ไป จากผลการสำ� รวจฯ ปี พ.ศ. 2552 และปี พ.ศ. 2557 พบว่า ประชากรส่วนใหญ่ใช้สัดส่วนของเวลาในการท�ำงาน และกิจกรรมยางว่างเพ่ิมขึ้น สว่ นการใช้เวลาในการเดินทางมสี ดั สว่ นลดลง โดยเพศหญงิ ใชส้ ดั ส่วนของเวลาในการท�ำงานมากกวา่ เพศชาย ในขณะทเี่ พศชาย ใช้สัดส่วนของเวลาในการท�ำกิจกรรมยามว่างมากกว่าเพศหญิง ส�ำหรับสัดส่วนของเวลาที่ใช้ในการเดินทางทั้งเพศหญิงและ เพศชายใกล้เคยี งกัน หากพิจารณาตามกลมุ่ อายุ พบว่ากล่มุ อายุ 30-59 ปี ใช้สดั ส่วนของเวลาในการท�ำงานสูงสุด และลดลง จนถึงต�่ำสุดในกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซ่ึงในขณะเดียวกันกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้สัดส่วนของเวลาในการเดินทางและ ทำ� กจิ กรรมยามวา่ งสงู สดุ และลดลงตามกลมุ่ อายทุ ่ีนอ้ ยกวา่ 60 ปี (ดังตารางท่ี 13) 68 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหติ สงู และปัจจยั เส่ยี งท่เี กี่ยวข้อง พ.ศ. 2562
ตารางท่ี 13: สัดส่วนเวลาที่ใช้ตามลักษณะกิจกรรมทางกายในประชากรอายุ 15 ปีข้ึนไป ปี พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2557 จำ� แนกตามเพศ และกลมุ่ อาย ุ สัดส่วน (ร้อยละ) เวลาที่ใช้ตามลักษณะกิจกรรมทางกาย เพศ ปี พ.ศ. 2552 ปี พ.ศ. 2557 ชาย หญงิ การท�ำงาน การเดินทาง กจิ กรรมยามว่าง การท�ำงาน การเดนิ ทาง กจิ กรรมยามวา่ ง กลมุ่ อายุ 60.5 15-29 ปี 66.1 21.2 18.3 63.8 16.9 19.3 30-44 ปี 20.6 13.2 68.8 18.2 13.0 45-59 ปี 60-69 ปี 53.3 18.3 28.4 57.3 14.6 28.2 70-79 ปี 69.2 19.1 11.7 73.4 15.9 10.7 80 ปขี ้นึ ไป 66.9 21 12.1 71.6 17.6 10.8 รวมทงั้ ประเทศ 59.6 26.6 13.8 64.2 21.8 14.0 53.1 30.7 16.2 56.7 27.9 15.4 47.3 35.5 17.1 52.4 32.0 15.6 63.4 20.9 15.7 66.4 17.6 16.1 ทีม่ า : การสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย (NHES) นอกจากนผ้ี ลการส�ำรวจกจิ กรรมทางกายของประชากร พ.ศ. 2558 ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ พบวา่ ประชากร อายุ 15 ปขี นึ้ ไป โดยภาพรวมใชร้ ะยะเวลาเฉลย่ี (นาท)ี ในการทำ� กจิ กรรมทางกายเกยี่ วกบั การเคลอ่ื นไหวนอ้ ยมากทส่ี ดุ 115.33 นาที ต่อวนั รองลงมาคอื การทำ� งานออกแรง 88.16 นาทตี อ่ วนั การเล่นกีฬา/ออกกำ� ลังกาย 35.23 นาทีต่อวนั และการเดนิ ทาง 26.68 นาทตี ่อวัน เม่ือเปรยี บเทยี บระหว่างเพศ พบว่า เพศชายใช้ระยะเวลาเฉลี่ย (นาที) ในการท�ำกิจกรรมทางกายเกี่ยวกับ การท�ำงานออกแรงฯ การเดินทาง และการเล่นกีฬา/ออกก�ำลังกายฯ มากกว่าเพศหญิง ส่วนเพศหญิงมีการเคลื่อนไหว น้อยมากกว่าเพศชาย หากพิจารณาตามกลุ่มอายุ พบว่าการท�ำงานออกแรง พบสูงสุดในกลุ่มอายุ 25-44 ปี ร้อยละ 95.09 ส่วนการเดินทาง การเล่นกีฬา/ออกก�ำลังกาย และการเคลื่อนไหวน้อย พบสูงสุดในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ร้อยละ 27.75 40.06 และ 130.41 ตามล�ำดบั (ดังตารางท่ี 14) ตารางท่ี 14: ระยะเวลาเฉลี่ย (นาที) ของผู้มกี ิจกรรมทางกายในแตล่ ะกล่มุ ต่อวนั ของประชากรอายุ 15 ปขี ้นึ ไป ปี พ.ศ. 2558 จำ� แนกตามเพศ และกลมุ่ อายุ เพศและกลุม่ อายุ ระยะเวลาเฉลี่ยของผูม้ กี ิจกรรมทางกาย การทำ� งานออกแรงฯ การเดนิ ทางฯ การเลน่ กฬี า/ออกก�ำลังกายฯ การเคลอ่ื นไหวนอ้ ย รวม 88.16 26.68 35.23 115.33 เพศ ชาย 97.46 27.94 39.36 110.11 หญงิ 76.46 25.58 28.96 120.09 กล่มุ อายุ 15-24 ปี 79.94 27.75 40.06 130.41 25-44 ปี 95.09 27.50 33.97 112.99 45-59 ปี 93.87 26.94 32.12 108.64 60 ปขี นึ้ ไป 63.80 23.27 30.65 115.58 ทมี่ า : การส�ำรวจกิจกรรมทางกายของประชากร พ.ศ. 2558 สำ� นกั งานสถิตแิ ห่งชาติ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 69 เบาหวาน ความดนั โลหิตสูง และปจั จัยเสย่ี งที่เกีย่ วข้อง พ.ศ. 2562
4.2 การขบั เคลอ่ื นมาตรการและนโยบายทีเ่ กย่ี วข้องกับการสง่ เสริมกิจกรรมทางกาย สำ� หรบั ประเทศไทย มหี นว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การสง่ เสรมิ กจิ กรรมทางกายหลายภาคสว่ น โดยมกี ารขบั เคลอื่ น นโยบายและการด�ำเนินงานท่ีหลากหลาย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายและลดพฤติกรรมเนือยนิ่งใน ระดับประชาชน โดยสามารถสรุปรายละเอียดไดด้ ังตอ่ ไปน้ี รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 55 “รัฐตอ งดำเนินการใหประชาชนไดร ับบรกิ ารสาธารณสุขที่มปี ระสทิ ธภิ าพ มาตรา 71 วรรคแรก อยางทั่วถึง เสริมสรางใหประชาชนมีความรูพ้นื ฐานทีเ่ กย่ี วกบั การสง เสริม สุขภาพและการปองกนั โรค” “รฐั พงึ เสริมสรางความเขมแข็งของครอบครัวอนั เปน องคประกอบ พ้ืนฐานท่ีสาํ คญั ของสงั คม จัดใหประชาชนมีทอ่ี ยูอาศัยอยา งเหมาะสม สง เสรมิ และพัฒนาการ สรางเสริมสขุ ภาพ เพื่อใหประชาชนมสี ขุ ภาพที่แขง็ แรงและมจี ติ ใจเขม แขง็ รวมตลอดท้งั สง เสรมิ และพัฒนาการกฬี าใหไปสูค วามเปน เลศิ และเกิดประโยชน สูงสดุ แกประชาชน” แผนยทุ ธศาสตรร์ ะดับชาติดา้ นโรคไม่ตดิ ต่อและปัจจยั เสีย่ งที่เก่ยี วขอ้ ง ยุทธศาสตรชาติ 20 ป l ยทุ ธศาสตรการพฒั นาและเสรมิ สรางศกั ยภาพ ทรพั ยากรมนุษยมุงเนน (พ.ศ. 2560 – 2579) ในการพัฒนาเพ่ือ ใหป ระชาชนทุกชวงวัยมคี ณุ ภาพชีวติ ที่ดี และไดร บั นโยบายของหวั หนา การบรกิ ารทางสังคมทม่ี คี ุณภาพ คณะรกั ษาความสงบ l เนนการปอ งกันโรคมากกวา รอใหปว ยแลวรกั ษา และมีกลไกกองทุนทองถนิ่ แหงชาติ (คสช.) ในการสรางเสรมิ สขุ ภาพ จากสำนักงานหลักประกันสขุ ภาพแหง ชาติ (สปสช.) และองคก รปกครองสวนทอ งถ่ิน l กำหนดนโยบายใหบ ุคลากรในหนวยงานราชการออกกำลงั กายทกุ วันพธุ เพ่อื ใหม กี ารตนื่ ตัวในการทำงาน การสรา งเสรมิ สขุ ภาพ การปองกันโรค นโยบายของหนว่ ยงานหลัก หนว ยงาน แผนยุทธศาสตร แผนการดำเนนิ งาน กระทรวงสาธารณสขุ แผนยทุ ธศาสตรชาติ 20 ป l เนน การมีชวี ิตที่กระฉับกระเฉง (Active Living) สํานกั งานกองทุน ดา นสาธารณสุข ของประชาชนทกุ กลุมวัยอาชีพ และสถานท่มี ี สนับสนุน (พ.ศ. 2560 – 2579) หนว ยงานหลกั ในการสงเสรมิ กจิ กรรมทางกาย ไดแ ก กองกิจกรรมทางกายเพ่อื สุขภาพ การสรางเสริม พระราชบญั ญตั ิ กรมอนามยั สุขภาพ (สสส.) กองทนุ สนับสนุน l เนน การสงเสริมกจิ กรรมทางกายของประชาชน การสรา งเสรมิ สุขภาพ ตามกลมุ วัย รวมถงึ พัฒนา องคความรกู ิจกรรม ทางกายทเ่ี หมาะสมกบั ชว งวยั การสรา งนวตั กรรม พ.ศ. 2544 ความรู และตน แบบ การรณรงคส งเสรมิ การมี กิจกรรมทางกายเพือ่ ปองกนั ภาวะน้ำหนกั เกิน และโรคอวน 70 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปจั จัยเสย่ี งท่เี ก่ยี วขอ้ ง พ.ศ. 2562
หนว ยงาน แผนยทุ ธศาสตร แผนการดำเนนิ งาน กระทรวง ยุทธศาสตรการทองเที่ยว l สงเสรมิ และพฒั นาการพลศึกษา กฬี าขน้ั พน้ื ฐาน การทองเทย่ี ว และกีฬา โดยกรมพลศึกษา และกีฬา พระราชบัญญตั ิสถาบันการพลศึกษา กฬี าเพ่อื มวลชน นนั ทนาการ และวิทยาศาสตร สถาบนั การพลศึกษา การกฬี า เพ่อื ใหเยาวชน และประชาชนมี กระทรวงมหาดไทย และยุทธศาสตร สขุ ภาพและพลานามยั ทแ่ี ข็งแรง สถาบันการพลศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2556–2561 l ผลิตและพัฒนาบุคลากรทางพลศึกษา การกฬี า วิทยาศาสตรก ารกีฬา วทิ ยาศาสตรส ขุ ภาพ กระทรวงแรงงาน นนั ทนาการ และบุคลากรใน ดา นทีเ่ กี่ยวขอ ง กระทรวงการพฒั นา ยุทธศาสตรการสงเสริม l สงเสริมและพฒั นาบรกิ ารสาธารณะของทองถ่นิ สังคมและความม่นั คง การปกครองสว นทองถน่ิ ที่มคี ุณภาพเพ่อื คุณภาพชีวิตของประชาชน ของมนุษย ผานกรมสงเสรมิ การปกครองทอ งถนิ่ แผนพัฒนาการศกึ ษา l จดั หลักสตู รพลศึกษา และการเรียน ของสาํ นกั งาน นอกหลักสูตร เชน ลูกเสือ เนตรนารี ปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร l พฒั นาโรงเรียนสงเสริมสุขภาพ ท่มี ีการสง เสริม ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ.2560 - 2564) การออกกำลังกายในโรงเรยี น รวมกับกรมพลศึกษา l นโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู ดว ยการลด กระทรวงการทอ งเท่ียว และกฬี า เวลาการนงั่ เรียนในหอง ไปเรียนรูนอกหองเรียน และกรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ยุทธศาสตรก ารพัฒนาแรงงาน l ดําเนนิ การสงเสริมและพฒั นาระบบ ความปลอดภัยอาชีวอนามยั และ สภาพแวดลอ มในการทํางาน รวมถึงสง เสริม และดําเนินการใหมกี ารจดั สวัสดกิ ารแรงงาน พระราชบญั ญัติสง เสรมิ l พฒั นาคณุ ภาพชวี ิตและศกั ยภาพของเดก็ การพัฒนาเดก็ และเยาวชนแหง ชาติ และเยาวชน พ.ศ. 2550 l พฒั นาคณุ ภาพชวี ิตและศักยภาพผสู งู อายุ พระราชบัญญตั ิผูสูงอายุ l ระบบการจัดบริการทางสังคม เพอ่ื ตอบสนอง พ.ศ. 2546 ความจําเปน ขัน้ พื้นฐานของประชาชน ใหม ี พระราชบญั ญัติสง เสรมิ คณุ ภาพชีวติ ทดี่ ีและพึง่ ตนเองไดอ ยา งทวั่ ถึง การจดั สวสั ดกิ ารสงั คม ท้งั ดานการศกึ ษา สขุ ภาพอนามัย ที่อยูอาศัย การทาํ งาน และการมรี ายได นันทนาการ พ.ศ. 2546 กระบวนการยุติธรรม และบริการทาง สงั คมท่ัวไป รายงานสถานการณ์โรค NCDs 71 เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปจั จยั เส่ียงท่เี กย่ี วข้อง พ.ศ. 2562
นอกจากนี้ยังพบว่าการดําเนินการสงเสริมกิจกรรมทางกายของหนวยงานในประเทศไทยขางตนสามารถ สรุปการดาํ เนินการท่สี าํ คัญ ตามกรอบแนวคดิ กลุมวัย สถานที่ และระบบสนบั สนุน 5 ประเดน็ ดงั น้ี กลมุ วัย การดำเนินงานสงเสรมิ กจิ กรรมทางกาย 1. เดก็ ปฐมวยั l การดาํ เนินงานสงเสริมกิจกรรมทางกายผานการกาํ หนดหลักสตู รการเรียนการสอน วัยเรยี นและวยั รนุ ทเี่ นน การเคลือ่ นไหวรางกายของเด็กในสถานศกึ ษา ในสถานศึกษา l โครงการโรงเรยี นสง เสรมิ สขุ ภาพเพ่อื พฒั นาเดก็ และเยาวชนทางดา นสุขภาพ 2. วยั ทาํ งานใน โดยมีเร่อื งการออกกาํ ลังกาย กฬี าและนนั ทนาการเปน หนง่ึ ในเกณฑ (แตไมบ งั คับ) สถานประกอบการ และยงั ไมม ีขอมูลชดั เจนวา โรงเรียนใดเลือกเกณฑก ารออกกาํ ลงั กาย จากโรงเรยี น ทเ่ี ขารวมโครงการโรงเรยี นสงเสรมิ สขุ ภาพ ทัง้ หมด 33,491 แหง l มีการดำเนนิ งานโดย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสขุ และสํานักงานสนับสนุน การสรา งเสรมิ สขุ ภาพ พบวา ผา นโครงการสถานทที าํ งานมคี วามสขุ (Happy Workplace) สถานทีท่ ํางานนาอยู นาทาํ งาน (Healthy Workplace) สถานท่ที ํางานสง เสรมิ สขุ ภาพ (CSR in Health) สถานที่ทํางานปลอดโรค ปลอดภัย กายใจเปนสุข และการเตรียม พรอ มกอ นเกษยี ณ เปน ตน เพอ่ื กระตนุ ใหว ยั ทำงานไดม กี จิ กรรมทางกายในสถานทท่ี ำงาน 3. ประชาชน l องคกรปกครองสว นทอ งถน่ิ ท่ีมีการจดั หาสถานทีอ่ อกกาํ ลังกายหลากหลายใหประชาชน ทกุ กลมุ วัย โดย มที างเลอื กในการใชเวลาวา งผา นการออกกําลังกายดวยตนเองหรือชมรม เใฉนพชาุมะชผนสู ูงวยั กีฬามวลชน l การสนบั สนุนงบประมาณผานโครงการตางๆ เชน โครงการกีฬามวลชน โครงการกฬี า แกาลระคกมารนผางัคเมมือง และนันทนาการของกลมุ นักเรยี น เยาวชน โดยการดําเนนิ การจากภาครัฐ โดยองคก ร ปกครองสวนทองถิ่น กระทรวงการทองเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข 4. ประชาชน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่นั คงของมนุษย สํานักงาน ทกุ กลุมวยั กองทนุ สนบั สนุนการสรางเสริมสุขภาพ และ กองทุนสรางเสริมสุขภาพตาํ บล ในระบบบรกิ าร จากสาํ นักงานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง ชาติ (สปสช.) รวมถึงจากเครือขายกฬี า สาธารณสขุ เพอ่ื สขุ ภาพมากมาย เชน สมาพนั ธเ ดนิ วง่ิ เพอ่ื สขุ ภาพแหง ประเทศไทย เครอื ขา ยจกั รยาน เครอื ขายสมาคมกฬี า ชมรมออกกําลงั กายตา งๆ ชมรมผูส งู อายุ โรงเรียนผูสูงอายุ 5. การพฒั นาระบบ กลุมอาชพี กลุม ภูมปิ ญญา ทองถิน่ เปน ตน ซง่ึ พบวา มปี ระชาชนใหค วามสนใจกบั การ สนับสนนุ การ มีกจิ กรรมเดนิ วิ่ง ปน จักรยาน เพ่ือสขุ ภาพมากขนึ้ เห็นไดจ ากจํานวนงานเดิน ว่งิ ปน สงเสรมิ กิจกรรม ที่เพ่มิ มากข้นึ และครอบคลุมหลายพืน้ ทใี่ นประเทศ ทางกาย l ผลกั ดนั เรอ่ื งการเดนิ และปน จกั รยาน ในชวี ติ ประจาํ วนั สนู โยบายสาธารณะของประเทศไทย ผานทางสมัชชาสุขภาพแหง ชาติ โดยมีชมรมจกั รยาน เพ่อื สขุ ภาพแหงประเทศไทย เปน องคกรท่สี นบั สนุนใหเกดิ การขบั เคล่อื น l กระทรวงสาธารณสขุ ไดด าํ เนนิ คลนิ กิ ไรพ งุ (Diet and Physical Activity Clinic : DPAC) และคลนิ กิ โรคไมต ดิ ตอ เรอ้ื รงั ในสถานพยาบาลรฐั ทว่ั ประเทศ เพอ่ื การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม ผทู ีป่ วยเปน โรค ไมตดิ ตอเรอ้ื รงั หรอื ผทู ี่เปน โรคอวน ดว ยหลักการ 3 อ. ไดแ ก อาหาร ออกกาํ ลงั กาย และอารมณ โดยมกี ารดาํ เนนิ การในระดบั โรงพยาบาลศนู ย โรงพยาบาลทว่ั ไป และโรงพยาบาลชมุ ชน จาํ นวน 782 แหง จาก 838 แหง คิดเปน รอยละ 98 และ โรงพยาบาลสง เสรมิ สขุ ภาพตาํ บล จาํ นวน 7,224 แหง จาก 9,785 แหง คดิ เปน รอ ยละ 75 การสรางองคค วามรแู ละวิจัยกจิ กรรมทางกาย l เนน ไปทางการออกกาํ ลังกาย หรอื การกฬี าเพอ่ื ความเปนเลศิ ในขณะท่อี งคความรู ดานกจิ กรรมทางกายตองไดร ับการสนบั สนนุ และพัฒนาใหม ีหลกั ฐานทางวชิ าการ ชัดเจนเพ่ิมขึ้น อาทิ องคค วามรดู านการสงเสริมกิจกรรมทางกายในกลมุ วัย หรอื ในอาชพี ตา งๆ รวมถึงการวิเคราะหเชิงเศรษฐศาสตรในแงค วามคุม คาในการลงทุน การประเมนิ ผลนโยบาย เทคโนโลยกี ารติดตามกิจกรรมทางกาย 72 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหติ สูง และปัจจยั เส่ยี งทเ่ี กย่ี วขอ้ ง พ.ศ. 2562
กลมุ วยั การดำเนินงานสง เสรมิ กิจกรรมทางกาย 5. การพฒั นาระบบ ซง่ึ หนว ยงานทเ่ี กย่ี วขอ งควรรว มกนั สรา งระบบการวจิ ยั และการสรา งองคค วามรดู า นกจิ กรรม ทางกายในมิตทิ ี่ยงั ขาด สนบั สนนุ การพัฒนาระบบเฝา ระวงั การมีกจิ กรรมทางกาย กกิาจรกสรงรเมสทรามิ งกาย l มหี ลายหนวยงานที่สํารวจระดบั กิจกรรมทางกายในประชากรไทย โดยอา งองิ แบบสอบถามขององค การอนามยั โลก (WHO Global Physical Activity Questionnaire : GPAQ)และ International Physical Activity Questionnaire: IPAQ อาทิ สาํ นกั งานสาํ รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา งกาย, กองกจิ กรรมทางกาย เพอ่ื สขุ ภาพ กรมอนามยั , กองโรคไมต ดิ ตอ กรมควบคมุ โรค, สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คม มหาวิทยาลัยมหดิ ล และสำนกั งานสถิตแิ หง ชาติ เปนตน อยางไรกต็ าม กลุมประชากร ท่ีไดร ับการสํารวจยงั ไมครอบคลุมประชาชนทกุ กลุมวยั โดยเฉพาะแรกเกดิ - 5 ป และผลการสํารวจของแตละหนวยงานยังไมสอดคลองกัน ซงึ่ หนว ยงานทเี่ ก่ยี วขอ ง ควรรว มกันสรา งและพฒั นาระบบการเฝาระวังการมีกจิ กรรมทางกายของคนไทยตอไป การพฒั นาศักยภาพบคุ ลากรที่เก่ยี วขอ งกับการสงเสรมิ กิจกรรมทางกาย l การจะนาํ องคค วามรกู ารสง เสรมิ กจิ กรรมทางกายถายทอดไปสูประชาชน บคุ ลากรใน หนว ยงานที่เกยี่ วขอ งกับการสงเสริมกิจกรรมทางกายจําเปนตอ งมกี ารทํางานรวมกนั ในการพัฒนาองคความรู รปู แบบ และวธิ ีการถายทอดการสง เสริมกจิ กรรมทางกายใหมี ความชดั เจน เปน ระบบ รวมถึงบุคลากรในหนวยงานสว นกลาง สว นภูมิภาค สถาบัน การศกึ ษาไปจนถงึ ทอ งถน่ิ ตอ งไดร บั การพฒั นาศกั ยภาพ ดา นการสง เสรมิ กจิ กรรมทางกาย เพื่อไปถงึ ประชาชนตอ ไป การสื่อสารรณรงคสปู ระชาชน l ดําเนินการโดย สาํ นักงานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา งเสริมสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการทอ งเทย่ี วและกฬี า กรงุ เทพมหานคร และหนว ยงานภาคเี ครอื ขา ย โดยการ พฒั นาขอ ความส่อื สาร อาทิ เชน “เมืองปนไดปน ดี” “ขยบั เทากับเริ่มออกกําลงั ” “กา วเดนิ ประเทศไทย 9,999 กาว” “ฆาตกรคอื เกา อี”้ “ออกมาเลน 60 นาที ทกุ วนั ” “ทอ งเทยี่ วเชิงวฒั นธรรม เกไ กสไตลลึกซึง้ ” เปนตน นโยบายการสง เสรมิ กจิ กรรมทางกาย l ประชาชนทุกกลมุ เขา ถงึ ไดย ังมีไมมาก หนว ยงานท่ีเกี่ยวของ จาํ เปน ตอ งมกี ารวางแผน การดาํ เนนิ การสง เสรมิ กจิ กรรมทางกายรวมกนั โดยผานกระบวนการจัดทาํ แผนแมบ ท การสงเสรมิ กิจกรรมทางกาย คณะกรรมการพัฒนารางแผนแมบ ทการสงเสรมิ กิจกรรม ทางกายการขบั เคล่อื น แผนแมบ ทฯ และจัดทําแผนปฏบิ ัตกิ าร เพอื่ ใหนโยบายสง เสริม กจิ กรรมทางกายมีความชดั เจนตรงเปา หมายมสี ว นรวมและไปถึงประชาชนตอไป รายงานสถานการณ์โรค NCDs 73 เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปจั จัยเสย่ี งทเ่ี กี่ยวข้อง พ.ศ. 2562
เอกสารอ้างองิ (1) กองระบาดวทิ ยา กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข. ระบบเฝ้าระวัง 5 กลุม่ โรค 5 มิต.ิ นนทบุรี: กองระบาดวทิ ยา กรมควบคุมโรค; 2559 (2) ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ. การส�ำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการด่ืมสุราของประชากร พ.ศ.2560. กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ; 2560 เข้าถึงได้จาก http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/ส�ำรวจ/ด้านสังคม/ สาขาสุขภาพ.aspx (3) การยาสูบแห่งประเทศไทย. รายงานประจาํ ปี 2557–2561 (Annual Report). [อินเทอรเ์ น็ต]. เขา้ ถงึ ได้จาก: https:// www.thaitobacco.or.th (4) โลกกำ� ลงั จะไร้ควนั ? เมอ่ื ผผู้ ลติ รายใหญ่ของโลก “ฟิลลิป มอร์รสิ ” ตัดสินใจ Disrupt ตวั เอง. [อินเทอรเ์ นต็ ]. เขา้ ถึงได้ จาก: https://www.brandbuffet.in.th/2019/07/philip-morris-disrupt-to-smorke-free-product/ (5) แกะซองราคาบุหร่ีตลาดบน ตลาดล่าง หลงั ปรบั ราคาโครงสร้างภาษที งั้ ระบบรายได้หายก�ำไรหด-บหุ ร1่ี ซองเงินภาษไี ป ไหนบา้ ง? [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: https://thaipublica.org/2018/09/tobacco-tax-restructuring-24-9-2561/ (6) กรมสรรพสามติ .พระราชบญั ญตั ภิ าษสี รรพสามติ พ.ศ.2560. [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: https://www.excise.go.th/ cs/groups/public/documents/document/dwnt/mzu1/~edisp/uatucm355005.pdf (7) ศ.นพ.ประกติ วาทสี าธกกจิ . ภาพคำ� เตอื นบนซองบหุ รี่ (ปรบั ปรงุ ครงั้ ที่ 2). กรงุ เทพมหานคร: มลู นธิ ริ ณรงคเ์ พอื่ การไมส่ บู บหุ ร;่ี 2552 (8) สำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาต.ิ การสำ� รวจภาวะเศรษฐกจิ และสงั คมของครวั เรอื น พ.ศ. 2562. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานสถติ ิ แห่งชาติ; 2562 เข้าถึงได้จาก: http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/ส�ำรวจ/ด้านสังคม/สาขารายได้และ รายจา่ ยของครวั เรือน.aspx (9) พระราชบญั ญัติควบคุมเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551. 13 กุมภาพนั ธ์ 2551, ราชกจิ จานุเบกษา: ส�ำนกั พิมพค์ ณะ รัฐมนตรเี เละราชกิจจานเุ บกษา. (10) ศนู ยว์ จิ ยั ปญั หาสรุ า. ยทุ ธศาสตรน์ โยบายแอลกอฮอลร์ ะดบั ชาต.ิ 2553, นนทบรุ :ี สำ� นกั งานพฒั นานโยบายสขุ ภาพระหวา่ งประเทศ. (11) สรุ ศกั ดิ์ ไชยสงค์ และคณะ. การพฒั นาคมู่ อื การประเมนิ การดำ� เนนิ งานควบคมุ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลร์ ะดบั จงั หวดั . 2561, นนทบรุ ี: ศนู ยว์ จิ ัยปญั หาสรุ า (ศวส.). (12) สำ� นักงานสถิตแิ ห่งชาติ. การส�ำรวจพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารของประชากร พ.ศ. 2560. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งาน สถติ แิ หง่ ชาต;ิ 2561 เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/สำ� รวจ/ดา้ นสงั คม/สาขาสขุ ภาพ.aspx (13) สำ� นกั ขา่ ว กรมประชาสมั พนั ธ.์ สำ� นกั งานออ้ ยและนำ�้ ตาลทราย ตดิ ตามสถานการณผ์ ลกระทบจากการขน้ึ ภาษคี วามหวาน [อินเทอร์เนต็ ]. เข้าถึงไดจ้ าก: http://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG190804124447948 (14) กรุงเทพุรกิจ. ห่วงเด็กไทยติดหวาน พบซดเครื่องดื่มท่ีผสมน�้ำตาลสูง. [อินเทอร์เน็ต]. เข้าถึงได้จาก: https://www. bangkokbiznews.com/news/detail/856046 (15) MARKEEETINGOOPS.ยอดขายเดอื นละ 100,000 แกว้ ! ยงั ไมใ่ ชค่ ำ� ตอบ “The Alley” ขอเปน็ มากกวา่ ชานมไขม่ กุ กบั เปา้ หมาย “Lifestyle Brand”. [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: https://www.marketingoops.com/news/the-alley-thailand/ 74 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และปจั จยั เส่ียงทีเ่ กีย่ วขอ้ ง พ.ศ. 2562
(16) ฉลาดชอ้ื นติ ยสารออนไลน.์ 2560.ฉบบั ท่ี 220 ผลทดสอบปรมิ าณพลงั งาน นำ�้ ตาล และขอ้ มลู โภชนาการอน่ื ๆ ในเครอ่ื งดมื่ “ชานมไข่มกุ ”. [อินเทอรเ์ นต็ ]. เข้าถึงได้จาก: http://www.chaladsue.com/article/3171?fbclid=IwAR2EzZXfEI- UcxDUV4iQ1Kkiwfg46ns8SRQxZdpg1y4qSS-s59pYJ6U-jIVc. (15 ตลุ าคม 2562) (17) สำ� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา. ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ เลขท่ี 388 พ.ศ.2561 เรอื่ ง กำ� หนดอาหารทหี่ า้ มผลติ น�ำเขา้ หรอื จ�ำหน่าย. [อนิ เทอร์เนต็ ]. เขา้ ถงึ ได้จาก: http://www.fda.moph.go.th/sites/food/FileNews/388_de- scription.pdf (18) กองโภชนาการ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ .รายงานการสำ� รวจปรมิ าณการบรโิ ภคโซเดยี มคลอไรดข์ อง ประชากรไทย. นนทบรุ ี: กรมอนามยั ; 2552. (19) Powles J, Fahimi S, Micha R, Khatibzadeh S, Shi P, Ezzati M, Engell RE, Lim SS, Danaei G, Mozaffarian D. Global,regional and national sodium intakes in 1990 and 2010: a systematic analysis of 24 h urinary sodium excretion anddietary surveys worldwide [Internet]. BMJ Open. 2013. 3:e003733. doi:10.1136/ bmjopen-2013-003733 (20) เนตรนภสิ วฒั นสุชาต.ิ การศึกษาปรมิ าณโซเดียมและโซเดียมคลอไรดใ์ นอาหารบาทวถิ ี (Street foods) ที่จำ� หนา่ ยในเขตกรงุ เทพมหานคร ประจ�ำปี 2560. [อินเทอรเ์ น็ต]. เข้าถงึ ไดจ้ าก: http://lowsaltthai. com/upload/uploads/6234/file/Research/โครงการการพฒั นาปรมิ าณโซเดยี มและคลอไรด์ ในอาหารบาทวถิ %ี 20 (Street%20foods).pdf. (15 ตลุ าคม 2562) (21) วชิ ยั เอกพลากร และคณะ. รายงานการสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครงั้ ท่ี 5 พ.ศ. 2557. นนทบรุ :ี สถาบนั วจิ ัยระบบสาธารณสุข; 2559 (22) วชิ ยั เอกพลากร และคณะ. รายงานการสำ� รวจสขุ ภาพประชาชนไทยโดยการตรวจรา่ งกาย ครง้ั ที่ 4 พ.ศ. 2552. นนทบรุ :ี สถาบนั วิจัยระบบสาธารณสุข; 2552 (23) ศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร. ตลาดอาหารพร้อมรับประทานในประเทศไทย. [อินเทอร์เน็ต]. เข้าถึงได้จาก: http://fic.nfi.or.th/MarketOverviewDomesticDetail.php?id=124 (24) ศนู ยอ์ จั ฉรยิ ะเพอ่ื อตุ สาหกรรมอาหาร. ตลาดอาหารสำ� เรจ็ รปู เพอ่ื สขุ ภาพ. [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: http://fic.nfi.or.th/ MarketOverviewDomesticDetail.php?id=163 (25) สำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาต.ิ การสำ� รวจภาวะเศรษฐกจิ และสงั คมของครวั เรอื น พ.ศ. 2560. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั งานสถติ ิ แห่งชาติ; 2560 เข้าถึงได้จาก: http://www.nso.go.th/sites/2014/Pages/ส�ำรวจ/ด้านสังคม/สาขารายได้และราย จา่ ยของครวั เรอื น.aspx (26) ข่าวและกิจกรรม : Industry movements. ธุรกิจออนไลน์รุกตลาดอาหารรับยุค 4.0. [อินเทอร์เน็ต]. เข้าถึงได้จาก: https://www.jasmine.com/news_event/detail_inside/2/2/535549 (27) เดลน่ี ิวส์ ปี 62. อาหารเพือ่ สุขภาพมลู คา่ กวา่ 8 หมื่นล้านบาท. [อินเทอรเ์ นต็ ]. เขา้ ถึงไดจ้ าก: https://www.dailynews. co.th/economic/728953 (21 ตุลาคม 2562) (28) คลงั รีดภาษีเครอื่ งด่มื ! น้�ำอัดลม-ชาเขยี ว ราคาพงุ่ . [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. เข้าถงึ ได้จาก: https://www2.tnnthailand.com/ content/13728 (29) ขบั เคลอื่ นยทุ ธศาสตรล์ ดเกลอื และโซเดยี ม ตง้ั เปา้ คนไทยลดบรโิ ภคเคม็ ลง 30% ภายในปี 2568. [อนิ เทอรเ์ นต็ ]. เขา้ ถงึ ได้ จาก: https://www.hfocus.org/content/2019/03/16920 (30) องคการอนามัยโลก. Global action plan for the prevention and control of NCD 2013-2020. 2556. (31) ยูนิเซฟ (UNICEF). การสาํ รวจสถานการณเด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ.2558-2559. (32) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. แผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ. 2561-2573. กรุงเทพมหานคร: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ ; 2560 รายงานสถานการณ์โรค NCDs 75 เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปจั จยั เส่ยี งท่เี ก่ยี วข้อง พ.ศ. 2562
76 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และปจั จยั เส่ยี งท่เี กี่ยวข้อง พ.ศ. 2562
ภาคผนวก ภาคผนวก ก ฐานข้อมูลส�ำหรับการเฝ้าระวังโรคไมต่ ิดต่อ l ขอ้ มูลการป่วย/เสียชีวิต l ขอ้ มลู ปัจจยั เสีย่ ง l ขอ้ มูลด้านบริการสุขภาพ ภาคผนวก ข ข้อมลู สถานการณก์ ารเฝ้าระวังการเสยี ชีวิตจากโรคไมต่ ดิ ตอ่ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 77 เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปจั จยั เสี่ยงที่เก่ยี วข้อง พ.ศ. 2562
ภาคผนวก ก ฐาน ้ขอมูลเ ้ฝาระวังโรคไม่ติด ่ตอ 78 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และปจั จยั เส่ยี งท่เี กี่ยวข้อง พ.ศ. 2562
ฐาน ้ขอมูลเ ้ฝาระวังโรคไม่ ิตด ่ตอ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 79 เบาหวาน ความดันโลหติ สงู และปัจจัยเสี่ยงที่เก่ยี วข้อง พ.ศ. 2562
ฐาน ้ขอมูลเ ้ฝาระวังโรคไม่ ิตด ่ตอ 80 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และปจั จยั เส่ยี งท่เี กี่ยวข้อง พ.ศ. 2562
ฐาน ้ขอมูลเ ้ฝาระวังโรคไม่ ิตด ่ตอ รายงานสถานการณ์โรค NCDs 81 เบาหวาน ความดันโลหติ สงู และปัจจัยเสี่ยงที่เก่ยี วข้อง พ.ศ. 2562
ฐาน ้ขอมูลเ ้ฝาระวังโรคไม่ ิตด ่ตอ 82 รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง และปจั จยั เส่ยี งท่เี กี่ยวข้อง พ.ศ. 2562
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108