Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ อสม. นักจัดการสุขภาพชุมชน 2556

คู่มือ อสม. นักจัดการสุขภาพชุมชน 2556

Published by nurse4thai, 2021-01-22 10:27:03

Description: คู่มือ อสม. นักจัดการสุขภาพชุมชน 2556

Keywords: คู่มือ อสม. นักจัดการสุขภาพชุมชน 2556

Search

Read the Text Version

คมู่ ือ อสม. นกั จัดการสุขภาพชมุ ชน สขุ ภาพดไี มม่ ขี าย ถา้ อยากได้ตอ้ งรบี ทํา “ มาดูแลสขุ ภาพกนั เถอะคะ่ ” กองสนบั สนนุ สุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสขุ ภาพ หนา 1  กระทรวงสาธารณสุข คมู ือ อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชุมชน  

คาํ นาํ อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจําหม่บู า้ น(อสม.) เปน็ ผู้มคี วามสาํ คญั ในการดาํ เนินงาน สาธารณสุขมูลฐาน เป็นผู้นาํ การเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมดา้ นสขุ ภาพอนามยั เปน็ ตน้ แบบใน การสร้างสุขภาพ โดยการส่อื สาร สร้างสขุ ภาพ เฝ้าระวงั ป้องกันและควบคมุ โรคไม่ตดิ ต่อ เร้ือรงั ในชมุ ชน นําไปส่กู ารพฒั นาการดูแลสขุ ภาพของตนเองของประชาชน ครอบครวั และ ชมุ ชน บทบาทท่ีสําคญั ของ อสม.ในตําบลจัดการสขุ ภาพเมื่อได้ผา่ นการอบรมจากครพู ่ี เลี้ยงระดบั จงั หวดั แลว้ คอื การเปน็ ผปู้ รบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมตามหลัก 3อ.2ส. และนําบคุ คลใน ครอบครัวปฏบิ ตั ิตาม เป็นบุคคลตน้ แบบและเป็นแกนนาํ ในการสร้างสขุ ภาพคนในครอบครัว และสภาวะแวดล้อมท่เี อือ้ ตอ่ การมสี ขุ ภาพดี คู่มือเลม่ นไี้ ด้รวบรวมความรเู้ ก่ียวกบั 3อ.2ส. ซง่ึ ไดแ้ ก่ อาหาร ออกกําลังกาย อารมณ์ สบู บุหรแ่ี ละสุรา ท่ี อสม.สามารถดําเนนิ การไดใ้ นชมุ ชนต่อไป กองสนบั สนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กมุ ภาพนั ธ์ 2556 คมู อื อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชุมชน หนา 2   

สารบัญ คาํ นาํ ………………………………………………………………………………..….………. 2 สารบญั ………………………………………………………………………………..………… 3 อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจําหมูบ่ ้านนักจัดการสขุ ภาพชมุ ชน …………….. 4 บทบาท อสม. นกั จัดการสขุ ภาพชมุ ชน .................................................... 4 ทําอยา่ งไรถงึ จะเป็น อสม.นักจดั การสุขภาพ ? ......................................... 5 อสม.นกั จดั การสุขภาพชมุ ชน ตอ้ งปฏิบตั ติ นและเป็นแบบอยา่ งตามหลกั 5 ๓อ. ๒ส. ……………………………………………………………………………………… 5 อ.๑ อาหาร …………………………………………………………………………… 7 อ.๒ ออกกําลังกาย …………………………………………………………………… 8 อ.๓ อารมณ์ …………………………………………………………………………….. 9 ส.๑ สูบบุหรี่ ……………………………………………………………………………… 10 ส.๒ สรุ า …………………………………………………………………………………… 10 อสม.นกั จัดการสุขภาพชุมชน ……………………………………………………………. 10 การจัดทําแผนด้านสขุ ภาพ ………………………………………………………… 11 การจดั การงบประมาณ ………………………………………………………………. 11 การจดั กจิ กรรมดา้ นสขุ ภาพ ……………………………………………………….. 12 การประเมนิ ผลการดาํ เนนิ งานแบบมสี ่วนร่วม ……………………………… 13 การส่ือสารเพอื่ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม .................................................. 15 แบบประเมนิ ตนเองของ อสม.นกั จดั การสขุ ภาพชมุ ชน .............................. 18 สญั ญาเง่อื นไขเพอ่ื แสดง เจตนารมณใ์ นการปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ ตนเอง ......................................................................................................... 19 บรรณานุกรม .............................................................................................. คมู อื อสม.นักจัดการสุขภาพชุมชน หนา 3   

อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจําหมู่บา้ นนักจัดการสุขภาพชุมชน อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจําหมู่บ้านนักจัดการสุขภาพชุมชน (อสม.นักจัดการสุขภาพชุมชน) คือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) ที่เป็นต้นแบบในการสร้างสุขภาพ และ เป็นผู้ร่วม ดําเนินการ ส่ังการ ควบคุมกํากับ ให้คําช้ีแนะ ในกระบวนการจัดการด้านสุขภาพ 4 ด้าน เพื่อให้เกิดการ สร้างเสริมสุขภาพ เฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อเร้ือรังในชุมชน นําไปสู่การพัฒนา การดูแล สขุ ภาพของตนเอง ครอบครัวและชุมชนท่พี ึ่งตนเองได้ บทบาท อสม. นักจัดการสุขภาพชมุ ชน 1. เป็นผู้ปฏบิ ตั ติ น และนําพาบคุ คลในครอบครวั ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ๓อ. ๒ส. 2. เป็นผรู้ ่วมดําเนินการส่งั การ ควบคุมกาํ กับ ให้คําชี้แนะ ในกระบวนการจดั การด้านสุขภาพ 4 ดา้ น 2.1 การจดั ทําแผนดา้ นสขุ ภาพ ระดมพลังความคิดเพ่อื ขบั เคลอื่ นใหเ้ กิดแผนสร้างเสรมิ สุขภาพสู่ การปฏิบตั ิ และแผนการแกไ้ ขปัญหาที่สอดคล้องกับบริบทของพน้ื ท่ี 2.2 การจัดการงบประมาณ เปน็ แกนนําในการระดมทนุ ด้านงบประมาณ และทรัพยากรที่จาํ เป็น ในการขบั เคลอื่ นแผนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ 2.3 การจดั กจิ กรรมด้านสขุ ภาพ เปน็ แกนนําจดั กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน เช่นการเฝ้า ระวงั โรคท่ีเกดิ จากพฤตกิ รรมเสยี่ งดา้ นสขุ ภาพ และเป็นบุคคลตวั อย่างในการนําออกกําลังกาย ด้วยรูปแบบท่ีเหมาะสมตามวยั สปั ดาหล์ ะอย่างน้อย 5 วนั เป็นตน้ 2.4 การประเมนิ ผลการดําเนนิ งานแบบมีสว่ นรว่ ม 3. เป็นแกนนําในการสร้างเสริมสุขภาพให้คนในชุมชนตื่นตัว และรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสภาวะแวดล้อมทเี่ ออ้ื ตอ่ การมีสขุ ภาพดี 4. เปน็ แกนนาํ ในการรเิ ริม่ และสนับสนุนใหเ้ กดิ มาตรการทางสงั คมดา้ นสขุ ภาพ คมู อื อสม.นักจัดการสขุ ภาพชมุ ชน หนา 4   

ทําอยา่ งไรถึงจะเปน็ อสม.นกั จดั การสุขภาพ ? อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชมุ ชน ต้องปฏิบตั ติ นและเป็นแบบอย่างตามหลกั ๓อ. ๒ส. อ.๑ อาหาร มีพฤติกรรมการกินอาหารท่ีถูกต้องตามหลักโภชนาการ โดยให้ได้รับสารอาหาร 6 ชนิด ทัง้ คาร์โบไฮเดรต โปรตนี ไขมนั วิตามนิ แร่ธาตุ และน้ํา ในปริมาณทเ่ี พียงพอกับความต้องการของรา่ งกาย ขา้ ว – แป้ง วนั ละ 8 – 12 ทพั พี ผลไม้ วันละ 3 – 5 ส่วน ผกั วนั ละ 4 – 6 ทัพพี เนือ้ สตั ว์ วันละ 6 – 12 ชอ้ นกินขา้ ว นม วนั ละ 1 – 2 แกว้ นาํ้ มนั นํา้ ตาล เกลือ วนั ละน้อยๆ “ อาหารครบ 5 หมู่ ควรกินอยู่เป็นนิจสิน ผักไข่ ไวตามิน แป้งข้าวกินให้เหมาะสม เนื้อสัตว์และ เกลือแรป่ ระโยชน์แนค่ วามนิยม เมอื งไทยใหญ่อดุ มทกุ สงั คมช่ืนชมเอย”  อาหารหมู่ที่ 1 : เนื้อสัตว์ ไข นม ถั่วเมล็ดแห้งและผลิตภัณฑ์ ซ่ึงจะให้สารอาหารโปรตีนเป็นส่วน ใหญ่ รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุ ทําให้ร่างกายเจริญเติบโตโดยการสร้างเซลล์กล้ามเนื้อ เนื้อเย่ือ กระดูก ฮอร์โมน เอนไซม์ และใช้เป็นแหล่งของพลังงานของร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับอาหาร คาร์โบไฮเดรตไมเ่ พยี งพอ  อาหารหมู่ที่ 2 : ข้าว แป้ง เผือก มัน และน้ําตาล ซ่ึงให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนใหญ่ มี หน้าท่ีหลกั ในการให้พลังงาน แตถ่ า้ รบั ประทานอาหารพวกน้ีในปริมาณมากเกินความต้องการของ ร่างกาย สารอาหารคารโ์ บไฮเดรตจะถกู เปลย่ี นไปอย่ใู นรูปไขมัน และสะสมในร่างกาย  อาหารหมูท่ ่ี 3 : ผกั ตา่ งๆ เช่น ผกั บงุ้ คะนา้ ตาํ ลงึ ถ่วั ฝกั ยาว แตงกวา ฟกั ทอง ฯลฯ  อาหารหมู่ท่ี 4 : ผลไมต้ ่างๆ เชน่ มะละกอ กล้วย สม้ มะมว่ ง สบั ปะรด ฝรัง่ ฯลฯ อาหารหมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 4 น้ีสามารถรับประทานได้มาก เพราะผักและผลไม้เป็นแหล่งของ สารอาหารจําพวกวิตามิน และแร่ธาตุช่วยให้ร่างกายปรับสมดุล ทําให้อวัยวะต่างๆในร่างกายทํางาน ได้ตามปกติ ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย และอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและสารพฤกษเคมี (photochemical) ซงึ่ ช่วยป้องกันโรคมะเรง็ บางชนดิ ได้ และชว่ ยใหร้ ะบบขบั ถา่ ยดี  อาหารหมู่ท่ี 5 : ไขมันต่างๆ ท้ังจากสัตว์และพืช ซ่ึงให้สารอาหารไขมัน มีหน้าที่หลักในการให้ พลังงาน และกรดไขมัน แต่ถ้ากินอาหารประเภทน้ีมากเกินไปจะถูกสะสมในรูปไขมันตามส่วน ตา่ งๆของร่างกาย คูมอื อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชมุ ชน หนา 5   

พฤติกรรมการรับประทานอาหารไม่เหมาะสม ทําให้เกิดโรคอ้วน เป็นภาวะท่ีร่างกายมีการสะสมของ ไขมนั มากกว่าปกติ มี 2 ประเภท คอื อ้วนลงพงุ และอว้ นทงั้ ตัว หรอื บางคนเปน็ ท้งั 2 ประเภทร่วมกัน จะมีโรค แทรกซ้อนจากการท่ีมีน้ําหนักตัวมาก ได้แก่ โรคไขข้อ ปวดข้อ ข้อเสื่อม ปวดหลัง ระบบหายใจทํางานติดขัด เป็นต้น เราสามารถวินิจฉัยโรคอ้วนทั้งตัวด้วยค่าดัชนีมวลกาย และวินิจฉัยโรคอ้วนลงพุงด้วยการวัดเส้นรอบ เอว ดังนี้ ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) คือ ค่าความหนาของร่างกาย ใช้มาตรฐานในการ ประเมินภาวะอ้วน ผอมในผู้ใหญ่ต้ังแต่ อายุ 20 ปีข้ึนไป ซ่ึงคํานวณได้จาก การใช้น้ําหนักตัวเป็นกิโลกรัมและ หารด้วยสว่ นสูงทว่ี ดั เปน็ เมตรยกกาํ ลงั สอง ซง่ึ ใชไ้ ดท้ ัง้ ผู้หญิงและผชู้ ายดังสตู รตอ่ ไปนี้ ดชั นีมวลกาย (BMI) = นํา้ หนกั ตวั (กโิ ลกรมั ) ส่วนสงู (เมตร) 2 เชน่ นํา้ หนักตัว 74 กิโลกรัม สูง 160 เซนติเมตร มีดัชนีมวลกายเทา่ ไหร่ ? ดัชนมี วลกาย (BMI) = 74 กิโลกรัม = 28.9 กโิ ลกรัม/เมตร2 1.6 เมตร × 1.6 เมตร การวินจิ ฉยั ระดบั ความอ้วนตามคา่ ดัชนมี วลกาย ค่าดัชนีมวลกาย (กิโลกรัม/เมตร2) ภาวะนํ้าหนักตัว นอ้ ยกว่า 18.5 นํา้ หนักต่ํากวา่ เกณฑ์ 18.5 – 22.9 ปกติ 23.0 – 24.9 นํา้ หนกั เกนิ 25.0 – 29.9 โรคอว้ น ต้ังแต่ 30 ขึน้ ไป โรคอ้วนอันตราย   เส้นรอบเอว คนอว้ นที่มคี วามเส่ยี งต่อสุขภาพไมด่ ี วินิจฉยั จาก ชาย ตัง้ แต่ 90 เซนติเมตร ขน้ึ ไป หญิง ต้ังแต่ 80 เซนติเมตร ขึ้นไป คมู อื อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชมุ ชน หนา 6   

วิธกี ารวัดเส้นรอบเอว วิธอี ย่างงา่ ยเพอ่ื การตดิ ตามเฝา้ ระวงั ภาวะอ้วนลงพงุ ดังนี้ 1. อยู่ในทา่ ยนื 2. ใชส้ ายวัด วดั รอบเอวโดยวดั ผ่านสะดอื 3. วัดในช่วงหายใจออก (ท้องแฟบ) โดยใช้สายวัดแนบกับลําตัว ไม่รัดแน่น และให้ระดับของ สายวดั ทว่ี ัดรอบเอว วางอยู่ในแนวขนานกบั พ้นื นอกจากโรคอว้ นแลว้ ภาวะโรคท่นี า่ สนใจอนั เป็นสาเหตุจากพฤติกรรม คอื โรคความดนั โลหิตสูง ซ่ึง ความดนั โลหิตสงู เป็นสาเหตทุ ่ีทําให้มีการเส่ือมสภาพของอวัยวะต่างๆ และมคี วามสมั พนั ธก์ ับภาวะหลอด เลือดแดงแข็ง ภาวะเร่มิ ตน้ อาจดูแลทางด้านการรกั ษาโดยไม่ใชย้ า คอื การจดั การทางด้านโภชนาการใน การป้องกันและ รกั ษาโรคความดนั โลหติ สงู และโรคแทรกซ้อนอื่นท่เี ก่ียวข้อง ทั้งนีค้ วามดนั โลหิตสูง เกดิ จากการทห่ี ลอดเลอื ดแดงแคบเลก็ ลง หรือการหดตัวของหลอดเลอื ดเล็กๆ ทัว่ รา่ งกาย การท่หี ลอดเลอื ด แดงแคบเล็กลง หรอื หดตวั นน้ั จะทาํ ให้เลือด ท่ีจะไปเลยี้ งร่างกายผา่ นหลอดเลอื ดดงั กลา่ วไดช้ ้าและน้อยลง ทําให้หัวใจต้องสบู ฉีดเลือดแรงขน้ึ เพอ่ื ท่จี ะได้มเี ลือด ไปเล้ยี งร่างกายไดเ้ พียงพอ ความดนั โลหิตสูงเป็น ตัวเร่งให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดง แข็งตวั โดยผนงั หลอดเลอื ดแดงอ่อนแอลง เนอื่ งจากแรงดนั ท่เี พ่ิมขึ้น เพอ่ื พยายามใหเ้ ลอื ดไหลผา่ น หลอดเลอื ดท่มี สี ่งิ มาเกาะตามผนงั เช่น ไขมนั และสงิ่ อ่นื ด้วยเหตผุ ลทว่ี ่า ความดนั โลหติ สูงมคี วามสัมพนั ธก์ ับภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ความดันโลหิตจึงเป็นปจั จัยเสย่ี งของโรค หลอดเลือดในสมอง โรคไตและโรคของหลอดเลอื ดของหวั ใจ ใชเ้ ครื่องวัดความดนั วดั ความดันโลหติ ไดค้ า่ เทา่ กับ 140/90 มิลลเิ มตรปรอท หรอื สูงกว่า (ค่าปกตจิ ะอยปู่ ระมาณ 120/80 มิลลิเมตรปรอท) ตวั เลขแรก แสดงถึงแรงดันในเส้นเลอื ดแดง เมือ่ หัวใจฉดี เลือดออกจากหวั ใจหอ้ งล่างซ้ายแต่ละครงั้ คอื systolic ตัวเลขท่สี อง แสดงถึงแรงดันในเสน้ เลือดแดง เมอ่ื หัวใจอยู่ในช่วงพักระหว่างการสบู ฉดี เลอื ดแต่ ละครัง้ คือ diastolic บางครั้งคนชอบเรียกว่าตวั บน กับตัวลา่ ง องค์การอนามัยโลก ใหค้ ํานยิ ามวา่ คอื การ ทีค่ วามดันสูงกวา่ 140/90 มากกวา่ 2 ครง้ั ในการวดั หา่ งกัน 1 เดือนขนึ้ ไป จึงจะถอื วา่ เปน็ ความดันโลหิต สงู ความดันตวั ลา่ ง จะถอื ว่ามคี วามสาํ คัญกว่า เช่นในผสู้ งู อายทุ ีม่ คี วามดันตวั บนสงู อย่างเดียว อาจเปน็ ปกตจิ ากเสน้ เลือดขาดความยดื หยุน่ ได้ แตถ่ า้ ตวั ล่างสูง จะมีปญั หาทนั ทีซงึ่ ส่วนใหญม่ กั ไมพ่ บสาเหตุท่ี ชัดเจน ส่วนน้อยมีสาเหตจุ ากโรคของไต ต่อมหมวกไต โรคทางระบบประสาทสว่ นกลาง โรคของหลอด เลือดแดงและอ่ืนๆ แตไ่ ม่วา่ ความดันโลหติ ของคณุ จะสูงจากสาเหตใุ ดๆ ก็ตาม ส่ิงสาํ คัญท่ีสุดคือ ต้อง พยายามควบคมุ ใหอ้ ยใู่ นเกณฑ์ปกตใิ ห้ได้ อาการ สว่ นใหญไ่ ม่มอี าการ ยกเวน้ จะมีบางคน มึน ๆ บริเวณ ท้ายทอย หรือถา้ ข้ึนสูงมาก ๆ อาจมีอาการของเสน้ เลือดตบี ในสมอง วงิ เวียน ตาลาย ออ่ นแรง อาเจยี น นนั่ หมายถงึ ต้องมาพบแพทย์ดว่ น ถ้าควบคุมความดันโลหติ ไม่ได้ จะมภี าวะแทรกซอ้ นตามมา คือ หวั ใจ ล้มเหลว (หัวใจวาย) อัมพฤกษ์ อัมพาต หรอื ไตวาย อ.๒ ออกกาํ ลงั กาย มีพฤติกรรมการออกกําลังกายท่เี หมาะสมกบั วัย อยา่ งสม่าํ เสมอสปั ดาห์ละ ๕ วัน และในแต่ละวันออกกําลังกายต่อเน่ือง อย่างน้อยคร้ังละ 30 นาที การออกกําลังกายท่ีสมบูรณ์แบบ คือการ ออกกําลังกายแบบแอโรบิก ได้แก่ ว่ายน้ํา วิ่ง ปั่นจักรยาน เดินเร็ว กระโดดเชือก แอโรบิกด๊านซ์ และโยคะ เปน็ ตน้ จะทําปอดหวั ใจ หลอดเลอื ดตลอดจนระบบไหลเวียนท่ัวร่างกายแข็งแรง ทนทาน และทําหน้าที่อย่างมี คูมอื อสม.นักจัดการสขุ ภาพชมุ ชน หนา 7   

ประสิทธิภาพ ในการป้องกันการบาดเจ็บจากการออกกําลังกายแต่ละครั้งควรปฏิบัติ 3 ขั้นตอนคือ (1) การ อบอ่นุ รา่ งกาย (2) การออกกําลังกาย และ (3) การผอ่ นคลายกลา้ มเน้อื วธิ ีการทดสอบว่าออกกําลังกายเพยี งพอในแต่ละครัง้ ทาํ ไดด้ ว้ ยการวดั อัตราเต้นของหัวใจโดยการจับ ชีพจรหลงั ออกกําลังกายเสร็จ หรืออาจดูง่ายๆจากความเหนอื่ ยของตัวผู้ออกกําลังกาย เนือ่ งจากความแตกตา่ ง ของสมรรถนะในแตล่ ะคน จงึ ไมไ่ ด้กําหนดอัตราเตน้ ของหัวใจไวต้ ายตัว แตจ่ ะกําหนดไว้กว้างๆ ที่นิยมใน ปัจจุบนั คอื ใหจ้ ับชพี จรหลังหยดุ ออกกาํ ลงั กายทนั ทีให้อยรู่ ะหวา่ ง ร้อยละ 65 – 80 ของอตั ราเตน้ สูงสุดของ หวั ใจ (Maximum heart rate) โดยวิธคี ิดดังน้ี เอาอายุตัวไปลบดว้ ย 220 ได้เท่าไหร่ กเ็ อาอัตราเต้นทเ่ี ป็นเปา้ หมาย(รอ้ ยละ 65 – 80)มาคณู ตวั อยา่ ง อายตุ วั 40 ปี ก็จะมีอตั ราเต้นหวั ใจสูงสดุ = 220 – 40 = 180 ครง้ั /นาที ถ้าตอ้ งการออกกาํ ลงั กายให้อัตราเต้นหวั ใจเปา้ หมายเป็นรอ้ ยละ 70 ชพี จรหลังหยดุ ออกกาํ ลงั กาย ทนั ทีจะอยทู่ ่ี = 180 × 0.70 = 126 คร้งั /นาที อ.๓ อารมณ์ มีพัฒนาการด้านอารมณ์ท่ีเหมาะสม ปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และสามารถ แสดงบทบาท(สอดคล้องกับบทบาท) ในการเป็นแกนนํา อารมณ์ หรือความรู้สึก ความเป็นไปแห่งจิตใจ ในขณะหรือชว่ งเวลาหนง่ึ ๆ เปน็ สงิ่ ท่มี ีอิทธิพลต่อสุขภาพมาก มักมีคําพูดท่ีกล่าวว่า “ กายและจิตสัมพันธ์กัน ” ถ้าอารมณ์เสีย ขุ่นมัว ก็จะสนับสนุนการเกิดสุขภาพท่ีทรุดโทรม แต่ถ้าอารมณ์ดี แจ่มใส ก็จะทําให้สุขภาพ สมบูรณ์ เพื่อให้เสริมสร้างภาวะอารมณ์ที่ดี จึงจําเป็นต้องมีการบริหารจิต ทั้งทางด้านป้องกันและด้านส่งเสริม หลายระดบั ดังนี้ 1. การประกอบอาชีพโดยสุจรติ กลา่ ววาจาโดยชอบ ไมเ่ บยี ดเบียนผูอ้ น่ื และไมต่ กเปน็ ทาสของเครื่อง เสพติดมึนเมาใหโ้ ทษต่างๆ 2. ขยันขนั แขง็ และความมนี ้าํ ใจในการช่วยเหลือในกจิ การงาน 3. ทาํ งานอย่างเป็นสุข การทํางานด้วยความตั้งใจเป็นเรอื่ งสาํ คัญยงิ่ โดยหวงั เก้ือกลู ผอู้ ืน่ ยอ่ มกอ่ ใหเ้ กดิ ความปติ ิ ความภูมิใจและร้สู กึ เปน็ สขุ คมู อื อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชมุ ชน หนา 8   

4. การออกกําลงั กายจนเหง่ือออกพอสมควรเป็นประจาํ ทุกวัน ทาํ ให้ระบบประสาทคลายความเครยี ด 5. อย่าวิตกกงั วลในเร่ืองต่างๆมากเกนิ ไป ผู้ทคี่ ดิ หมกม่นุ อยแู่ ตเ่ รื่องของตวั เองตลอดเวลา เช่น กลัวจะไม่ รวย กลัวจะขาดทุน กลวั จะไม่สวย กลัวคนจะไมร่ ัก กลวั จะไม่มชี อื่ เสยี ง กลัวคนนินทาว่าร้าย กลวั จะ เป็นโรคนัน้ โรคน้ี ย่อมทาํ ให้จติ ใจไมเ่ ปน็ สขุ และเกดิ ความเจบ็ ไขไ้ ด้ปว่ ยขน้ึ จริงๆ 6. การฝึกแผค่ วามรกั หรอื แผเ่ มตตาเปน็ สง่ิ ทีส่ ําคญั อย่างย่งิ เมตตาเป็นเครื่องบําบัดความโกรธและ พยาบาทได้ เราตอ้ งฝึกเมตตาใหข้ ยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆ จะทําใหใ้ จของเราสงบคลายความ หงดุ หงิดและราํ คาญ จิตของเราขณะที่แผ่เมตตานั้นจะอยู่ในภาวะทเ่ี ปน็ กศุ ล เม่ือมกี ารพูดจา ติดตอ่ กันกบั ผู้อนื่ ก็เปน็ ไปด้วยดี 7. การสวดมนตภ์ าวนา เป็นการบริหารจิตอย่างสงู มนุษยเ์ รียนรู้ความทกุ ข์จากการทีจ่ ิตฝกั ใฝ่อย่แู ต่ใน เรอ่ื งของตนเอง จงึ เกิดมกี ารสวดมนต์ขน้ึ ถ้าจิตใจจดจ่ออยใู่ นคําสวด กเ็ ปน็ การเอาจิตออกจากความ จดจอ่ ในเรือ่ งของตัวเอง ทาํ ให้จิตสงบทีเ่ รียกว่า”สมาธิ” ส.๑ สบู บุหรี่ ไมเ่ สพตดิ บหุ รี่ เปน็ บคุ คลตัวอย่างของผไู้ มส่ ูบบุหร่ี บุหรเ่ี ป็นสารเสพตดิ ชนดิ หนึ่งทถ่ี งึ แม้ว่าจะเสพได้โดยไมผ่ ิด กฎหมายแต่พษิ ภัยของบุหร่ีก็ร้ายแรง เพราะในควันบุหรม่ี ี สารพิษอยู่มากมาย คอื  นโิ คติน มีลักษณะเป็นนํา้ มนั ไมม่ ีสี มฤี ทธ์กิ ระตนุ้ ประสาท สว่ นกลาง ทําให้หวั ใจเต้นเรว็ ความดนั โลหติ สงู  ทาร์ เปน็ น้าํ มนั เหนยี วข้น สนี ้าํ ตาล จะเขา้ ไปจับอยทู่ ปี่ อดทาํ ให้ระคายเคอื ง ถงุ ลมในปอดขยายขนึ้  คารบ์ อนมอนอกไซด์ ทําใหร้ า่ งกายได้รับออกซเิ จนนอ้ ยลง  ไนโตรเจนไดออกไซด์ ทาํ ลายเยอื่ บุหลอดลม ทาํ ใหถ้ งุ ลมโปง่ พอง  ไฮโดรเจนไซยาไนด์ ทําลายเย่อื บหุ ลอดลมชนิดมีขนมสี ่ิงแปลกปลอมเขา้ ไปทาํ ลายหลอดลมได้ ง่าย ซึง่ สารเหล่าน้ีลว้ นเปน็ อนั ตรายต่อผ้สู บู บุหร่ีและผทู้ อ่ี ยใู่ กล้กับผสู้ ูบบหุ ร่ี เคลด็ ลบั ในการเลิกบหุ ร่ี ๑. ต้งั ใจจรงิ ทจี่ ะเลกิ ต้งั เปา้ หมายวา่ จะเลิกเพ่อื ใคร เพราะอะไร เลือกวนั ทีจ่ ะเลิก ทิง้ อปุ กรณท์ เี่ ก่ียวขอ้ ง กับการสบู บหุ รใ่ี ห้หมด เชน่ บหุ ร่ี และไฟแช็ค ๒. ตัง้ สติใหม้ น่ั เขม้ แขง็ เมอ่ื มอี าการหงดุ หงิด ตดั ความเคยชิน หรือกิจกรรมว่างทม่ี กั จะทําร่วมกับการ สูบบุหร่ี หาทพ่ี งึ่ ทางใจ กาํ ลงั ใจจากคนรอบขา้ ง หรือให้รางวลั ตนเองเมอื่ สามารถทาํ ได้ เตอื นตนเองอยู่ เสมอว่า “คุณไมส่ ูบบหุ รี่แลว้ ” ๓. คมุ อาหารดว้ ยการเลือกกนิ อาหารจําพวกผัก ผลไม้ใหม้ ากกวา่ เดิม ๔. อยา่ ทอ้ ถอยเมื่อทาํ ไม่สาํ เร็จให้พยายามต่อไป และปรึกษาหน่วยงานช่วยเหลอื เช่น ศนู ย์บริการเลกิ บุหรที่ างโทรศพั ท์ ๑๖๐๐ เปน็ ต้น คมู อื อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชมุ ชน หนา 9   

ส.๒ สรุ า เปน็ บุคคลทเ่ี ปน็ แบบอยา่ งไมด่ ่ืมสรุ า   สรุ าเป็นเครอ่ื งดม่ื ทีม่ ีแอลกอฮอลผ์ สมอยู่ เมื่อด่มื สรุ า แอลกอฮอลจ์ ะถูกดดู ซมึ เข้าไปสูก่ ระแสเลือดไปยังประสาทสว่ นกลาง ซ่ึงถ้าด่ืมติดตอ่ กนั เปน็ ประจํา จะทําใหต้ ดิ สรุ า ลักษณะผูท้ ดี่ ม่ื สรุ าเปน็ ประจําจนติดสรุ า จะมีนยั น์ตาแดง ใบหนา้ บวมฉมุ อื สนั่ เนื้อตัวสกปรก การแต่งกายไมเ่ รียบร้อย และถ้าไมไ่ ด้ด่ืมกจ็ ะมอี าการคลืน่ ไส้ อาเจยี น หงุดหงดิ ฝนั รา้ ย และ ประสาทหลอนการด่ืมสรุ ามโี ทษอย่หู ลายประการ ดังน้ี ๑. ทําใหเ้ ปน็ โรคตา่ ง ๆ เช่น โรคตับแข็ง โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคกระเพาะอาหาร โรคไตอักเสบ โรคหัวใจ ๒. มีพฤตกิ รรมก้าวร้าว พูดจาไม่สุภาพ เพราะบังคับตวั เองไม่ได้ ๓. ทาํ ให้เกิดอุบตั เิ หตุไดง้ า่ ย ๆ เช่น พลดั ตกหกล้ม รถชนกัน ๔. ทาํ ให้สติปัญญาและความสามารถในการทาํ งานลดลง ทํางานบกพร่องหรอื ผดิ พลาดได้ง่าย ๕. ทําใหค้ รอบครวั มีปัญหา เชน่ พ่อแม่ทะเลาะกัน ไมม่ ีเงนิ ๖. ส้ินเปลอื งเงนิ ทองในการซอื้ สรุ า ๗. เป็นทีร่ งั เกยี จของผพู้ บเห็น วธิ ีหลกี เลีย่ งจากการสบู บุหรี่และดมื่ สรุ า ๑. ถา้ มีคนมาชักชวนใหล้ องสูบบหุ รแ่ี ละดื่มสรุ า ควรปฎิเสธทนั ที ๒. อยหู่ า่ งจากผูท้ ีส่ บู บุหร่หี รือด่ืมสุรา ๓. ไม่รบั เครือ่ งดื่มหรือบหุ ร่ีจากคนแปลกหน้า ๔. ศึกษาถงึ โทษของการสบู บุหรี่และด่ืมสุราในด้านต่าง ๆ เพอื่ ใหต้ นเองและสมาชิกในครอบครัวร้ถู ึง ผลเสยี ทไ่ี ด้รับจากบหุ รี่และสรุ า ๕. ใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ เช่น เล่นกฬี า ฟงั เพลง เปน็ ต้น เพ่อื จะไดไ้ ม่หันไปพง่ึ สารเสพติด อสม.นักจดั การสุขภาพชมุ ชน เปน็ ผรู้ ว่ มดาํ เนนิ การสงั่ การ ควบคมุ กาํ กับ ให้คาํ ชแ้ี นะ ใน กระบวนการจดั การด้านสขุ ภาพ 4 ดา้ น 1. การจัดทาํ แผนดา้ นสขุ ภาพ ระดมพลังความคิดเพอ่ื ขับเคลือ่ นใหเ้ กดิ แผนสร้างเสรมิ สขุ ภาพสกู่ าร ปฏบิ ตั ิ และแผนการแก้ไขปัญหาทสี่ อดคล้องกบั บริบทของพื้นท่ี โดยมีขนั้ ตอนดงั น้ี 1) สาํ รวจและประเมินสถานการณช์ ุมชน โดยการสาํ รวจและวเิ คราะห์ ในประเดน็ ของ พฤติกรรมเส่ยี งท่ีมีผลต่อสุขภาพ สาํ รวจองค์กร / คนทเี่ ปน็ แกนนาํ มีความพรอ้ มในการ ร่วมดาํ เนินการ สาํ รวจทนุ และองคค์ วามรู้ ตลอดจนภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ ทจี่ ะนํามาใชใ้ ห้ เกิดประโยชน์ คูมอื อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชุมชน หนา 10   

2) สรา้ งเวทีการเรยี นรู้ในหมบู่ า้ น / ชุมชน ซงึ่ เป็นการนํากลุม่ คน/องค์กร และความรู้ มา ก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรูร้ ่วมกนั ในลกั ษณะประชาคมรว่ มกันของกล่มุ องค์กร ภาคี/ เครือขา่ ย รว่ มกําหนดสง่ิ ทีต่ อ้ งการพัฒนา 3) จัดทาํ แผนดา้ นสขุ ภาพ เรม่ิ จากทาํ ประชาคมหมู่บา้ นจากข้อมลู ข้อมลู ต่างๆ ที่ได้ใน ชมุ ชน/ที่ประชุม มาจัดทาํ แผนโดยใช้เครอ่ื งมือทช่ี ุมชนมคี วามพร้อม เชน่ เคร่ืองมือ แผนท่ีทางเดนิ ยุทธศาสตร์ หรอื เครอ่ื งมืออ่นื ๆ ทัง้ น้แี ผนทีไ่ ด้ควรมี 2 ดา้ นนาํ สูก่ ารสร้าง กจิ กรรม คือ ด้านสรา้ งสขุ ภาพ และ ด้านซ่อมสขุ ภาพ จากนัน้ กลุ่มองค์กร ภาคี/ เครือข่าย แกนนําชมุ ชน นําแผนสขุ ภาพทไี่ ด้ประกาศใหช้ าวบา้ นท้ังหมบู่ ้านไดร้ บั รแู้ ละมี สว่ นร่วมในกระบวนการทําแผน อาจจะใชว้ ิธกี ารประชมุ ชาวบ้าน หรือจดั เวทีกลางบ้าน เพ่อื สร้างโอกาสรบั รู้ เสนอ โตแ้ ยง้ และประชาพิจารณป์ รับแผนใหส้ มบูรณย์ งิ่ ขน้ึ 2. การจดั การงบประมาณ เปน็ แกนนําในการระดมทุนด้านงบประมาณ และทรพั ยากรท่ีจาํ เป็นใน การขับเคล่ือนแผนสุขภาพ ทงั้ ทไ่ี ดร้ ับจากภาครฐั เอกชนและจากหน่วยงานอน่ื ๆ ทั้งในและนอกชุมชน มาเพ่อื ใช้ในดา้ นการเฝ้าระวงั ป้องกนั และควบคมุ โรค ทั้งในกลุ่มปกติ กลุ่มเส่ียง/เปน็ โรค เปน็ การจดั งบประมาณให้ เหมาะสมกบั กจิ กรรม โดยมขี น้ั ตอนดังนี้ 1) สาํ รวจแหล่งทนุ ในชุมชน 2) จัดทาํ ข้อมลู นาํ เสนอแผน ฯ โครงการของงบประมาณ 3) เปดิ เวที ทําขอ้ ตกลงรว่ มกันระหว่างผู้สนบั สนนุ กบั ทมี ดําเนินงาน 4) ประชุมเครือข่าย ทีมงาน/แกนนาํ เพ่อื จัดสรรงบประมาณทไี่ ดร้ บั สนบั สนุนใชใ้ นกจิ กรรม ท้งั นเ้ี จ้าของงบประมาณต้องไดร้ ับทราบและเข้าใจในการใชง้ บประมาณดังกลา่ ว 5) จดั ทําแบบรายงานผลงาน และการใชจ้ า่ ยงบประมาณ รายงาน นาํ เสนอ ชี้แจงทีมงาน และเจ้าของงบประมาณ 3. การจัดกิจกรรมดา้ นสขุ ภาพ เปน็ แกนนําจดั กิจกรรมสขุ ภาพในชมุ ชน ทง้ั ด้านสร้างสุขภาพ และ ดา้ นซอ่ มสขุ ภาพ โดยมขี นั้ ตอนดงั นี้ 1) สํารวจ คน้ หา จัดทําทะเบยี น 2) เตรยี มชุมชนเพอ่ื รบั การตรวจสุขภาพเชิงรุก คูม ือ อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชุมชน หนา 11   

3) จดั กจิ กรรมการคัดกรองเพ่อื ประเมนิ พฤตกิ รรมสขุ ภาพเบ้อื งต้น 4) ให้คําแนะนาํ การดแู ลสขุ ภาพ 5) การจดั กจิ กรรมเพือ่ สง่ เสริมสขุ ภาพและป้องกนั โรค 6) สนบั สนนุ การจัดตั้งกลุ่ม/ชมรมผู้ป่วยโรคเรอื้ รังและมกี ิจกรรมเพอื่ นชว่ ยเพอ่ื น 7) สรา้ งความเข้มแข็งของชุมชน 8) จัดระบบและทมี ตดิ ตาม ประเมินผลกจิ กรรม และสรปุ ผล 4. การประเมนิ ผลการดาํ เนนิ งานแบบมสี ่วนรว่ ม เปน็ การประเมินผลทเ่ี กดิ ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชน ทาํ ใหช้ มุ ชนได้รับรู้สถานการณ์ และผลการทํางานทีผ่ ่านมาไดอ้ ย่างทั่วถงึ เพือ่ ใหช้ มุ ชนเห็น ความสาํ คัญและตระหนักถึงความจาํ เปน็ ท่ตี ้อประเมนิ ผลงาน ทําใหค้ น้ หาจุดอ่อนการดาํ เนนิ งาน ของชมุ ชนไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพยิง่ ขึ้น โดยมีขน้ั ตอนดงั นี้ 1) จัดทมี /คณะทาํ งานในการติดตามประเมินผล ทม่ี อี งคป์ ระกอบจากภาคเี ครือขา่ ยจาก หนว่ ยงานตา่ งๆ 2) กําหนดหัวข้อ/ประเดน็ ในการตดิ ตามประเมินผล พร้อมจดั ทําแบบตดิ ตามประเมิน 3) จัดทําแผนออกติดตามประเมนิ ผล 4) ออกติดตามประเมนิ ผล 5) นําผลจากการประเมนิ มานําเสนอแลกเปลยี่ นประสบการณ์ และวเิ คราะห์ 6) สรุปผลโดยคณะทํางาน 7) จดั เวทีเสนอผล ใหช้ มุ ชนรับทราบ แสดงความยนิ ดใี นความสําเรจ็ วางแผนแก้ไขสว่ นที่ เป็นปัญหา และหาทางพัฒนาร่วมกัน เพือ่ นําสูก่ ระบวนการจัดทําแผนฯ ต่อไป คมู ือ อสม.นกั จัดการสุขภาพชุมชน หนา 12   

การสือ่ สารเพอ่ื การปรบั เปลย่ี นพฤติกรรม การสื่อสารเพ่อื การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เปน็ การเสริมสร้างความสมั พนั ธก์ ับชมุ ชน โดยการนาํ ขอ้ มูลข่าวสาร แนวทางและวิธกี ารทํางาน ท่ีเหมาะสม สอ่ื ผ่านรปู แบบและวิธีการต่างๆ ไปสูค่ นในชุมชน เพ่ือ พัฒนาพฤติกรรมทเ่ี ปน็ บวก สนบั สนนุ การปรับเปล่ยี นพฤติกรรม และคงพฤติกรรมทเ่ี ปน็ บวกนัน้ ไว้ ทั้งนก้ี าร สื่อสารเพ่ือปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมท่ดี ี ควรจะสามารถก่อใหเ้ กิดส่งิ ตา่ งๆ ดงั น้ี ได้แก่  การเพมิ่ ความร้ดู า้ นการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมในทางบวก  กระตุน้ การพดู คุยในชุมชนใหม้ ารว่ มกันจดั กิจกรรมปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมไปในทางบวกได้  สง่ เสรมิ การปรบั เปลีย่ นทศั นคตกิ ารรบั ร้เู หตุผล ความจาํ เป็นและแนวทางเปล่ยี นพฤติกรรม  ส่งเสรมิ ให้เกดิ การสนับสนนุ จากผูน้ าํ ในชุมชน  ลดความเข้าใจคลาดเคลอ่ื นทอ่ี าจส่งผลให้เกดิ พฤติกรรมสุขภาพทไี่ ม่เหมาะสม  สนับสนุนการจดั บริการดา้ นการป้องกนั รักษาและส่งเสรมิ สขุ ภาพ  เพม่ิ ทักษะและความเชอื่ มน่ั ในตนเอง เทคนิคการสอ่ื สารเพื่อปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรม ทส่ี ําคญั คอื “การส่ือสารระหวา่ งบคุ คล” มีดงั นี้ 1. การบรรยาย ควรใช้เมือ่ เปน็ การนาํ เสนอเนื้อหา หรือหวั ข้อใหมๆ่ ให้กับผู้เขา้ ร่วมกิจกรรม ใน ลักษณะภาพรวม ข้อเทจ็ จริง สถิติ และเปน็ การนาํ เสนอเม่ือมีผู้เข้าร่วมกจิ กรรมจํานวนมาก 2. การสาธติ เป็นการนาํ เสนอวิธีการในการกระทําบางสง่ิ บางอยา่ งให้ผ้เู ขา้ รว่ มกจิ กรรมดู หรอื เรียนรู้ ควรใชเ้ มื่อเปน็ การสอนทักษะหรือเทคนิคเฉพาะอยา่ ง อยา่ งเป็นขั้นเป็นตอน 3. กรณีศึกษา เป็นการเขียนอธิบายสถานการณส์ มมติที่ตอ้ งการการวเิ คราะห์และอภปิ รายให้ผฟู้ ัง ได้รับฟงั และมสี ่วนรว่ ม เพอ่ื พัฒนาทักษะการแกป้ ัญหารว่ มกันระหว่างสมาชิกในกลุ่ม 4. บทบาทสมมติ ควรใช้เมอื่ ตอ้ งการช่วยกระตุ้นให้เกดิ การเปลย่ี นทศั นคติ ช่วยให้ ผ้เู ข้ารว่ ม กจิ กรรมเหน็ ผลทต่ี ามมาจากการกระทําหน่ึงๆ ทั้งของตนเองและของผู้อน่ื 5. การใช้สถานการณ์ท่ีใกล้เคียงกบั สถานการณ์จริง ควรใช้เม่อื ต้องการกระตุ้นให้ผู้เข้ารว่ มกิจกรรม ได้ฝึกทกั ษะการคดิ ตัดสนิ ใจและแก้ปญั หาในสถานการณท์ ใ่ี กลเ้ คยี งกบั ความเป็นจริง 6. การอภปิ รายกลมุ่ ยอ่ ย ควรใช้เมือ่ ตอ้ งการกระตนุ้ ให้เกิดการพัฒนาทกั ษะการคิด การตัดสนิ ใจ และแกป้ ญั หา กระตุน้ ใหเ้ กดิ การแลกเปลย่ี นเรียนรูร้ ะหวา่ งกนั ของผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม รูปแบบและเทคนคิ ของการสอ่ื สารเพ่อื การปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมต่างๆ ขา้ งตน้ เปน็ วธิ ที เี่ นน้ การมี ส่วนรว่ มของผ้เู ขา้ ร่วมกิจกรรม ทง้ั น้ี การจะเลือกใชร้ ปู แบบการสอื่ สารในลักษณะใด ขนึ้ อยกู่ บั สถานการณใ์ น แตล่ ะพ้นื ที่ รวมถึงความพรอ้ มของผ้เู ลอื กใช้ และลกั ษณะของผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรม เปน็ สาํ คญั อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชมุ ชน ควรมีพฤติกรรมในการจดั การกิจกรรมทง้ั เพอ่ื ตนเอง ครอบครวั และชุมชนดงั น้ี  ออกกาํ ลังกายดว้ ยรปู แบบทเ่ี หมาะสมตามวยั สปั ดาห์ละอยา่ งนอ้ ย 5 วนั ครัง้ ละไมต่ ่าํ กวา่ ๓๐ นาที  ปลกู ผักไวก้ ินอยา่ งน้อย 5 ชนิด ด้วยกรรมวิธีเกษตรอนิ ทรียป์ ลอดภยั คูมอื อสม.นกั จัดการสุขภาพชมุ ชน หนา 13   

 ดูแลส่ิงแวดล้อมใหเ้ อือ้ ต่อการมสี ขุ ภาพดี เช่น จัดบา้ นให้สะอาดถูกสุขลักษณะ กําจดั แหล่งพาหะนํา โรค กาํ จดั ขยะอย่างถูกวธิ ี เปน็ ต้น  มีสขุ นิสยั “กนิ รอ้ น ชอ้ นกลาง ลา้ งมือ”  ตรวจสุขภาพประจําปีและเฝ้าระวงั สุขภาพโดยการตรวจคัดกรองสขุ ภาพตามเกณฑ์  ชักชวนและให้บริการคัดกรองสขุ ภาพแกก่ ล่มุ เสี่ยงในชุมชน โดยการชงั่ นาํ้ หนัก วัดสว่ นสงู หาคา่ ดชั นมี วลกาย ตรวจเบาหวาน วัดความดันโลหิต แปลผลการคดั กรอง การตรวจมะเร็งเต้านม ด้วยตนเอง และการไปตรวจมะเร็งปากมดลูก  ให้คาํ ปรึกษาแนะนาํ การปรบั เปลยี่ นพฤติกรรมสุขภาพ  ชักชวนใหค้ นในชมุ ชนต่ืนตัว และรับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และสภาวะแวดล้อมทีเ่ อือ้ ตอ่ สขุ ภาพ  สรา้ งคู่หู (อสม. และ/หรือแกนนําอ่ืนๆ) อยา่ งน้อย 2 คน ในการขบั เคลอ่ื นกจิ กรรมสรา้ งสุขภาพ เพื่อ ขยายให้เกิดเครือขา่ ยร่วมมอื เสริมพลังในการปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ  จดั ตั้งกล่มุ ส่งเสริมสุขภาพ เชน่ กลุม่ ออกกาํ ลังกาย กลมุ่ อาหารปลอดภัย เปน็ ตน้  จัดทาํ แผนสขุ ภาพรว่ มกบั ภาคีเครือข่ายสุขภาพในหมู่บ้าน/ชมุ ชน / ท้องถนิ่  ขบั เคลอื่ นแผนสุขภาพส่กู ารปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมสขุ ภาพ ลดปัจจยั เสย่ี ง  เปน็ แกนนาํ ในการรเิ ร่มิ กําหนดข้อตกลงเบอื้ งตน้ กฎกตกิ าในการดแู ลสุขภาพของคนในชมุ ชนและ สนับสนนุ ใหเ้ กดิ มาตรการทางสังคมดา้ นสุขภาพ  สรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ของชมุ ชน โดยมีศนู ยก์ ลางการจดั การความรู้ดา้ นสุขภาพในชุมชน เช่น โรงเรียน อสม. โรงเรียนนวตั กรรม ศูนยป์ ราชญช์ มุ ชน เปน็ ต้น  ประเมินผลความสาํ เรจ็ การจัดการสขุ ภาพชุมชน และนาํ เสนอผล เพือ่ นาํ เข้าสแู่ ผนการพัฒนาที่ ตอ่ เน่ือง คมู อื อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชมุ ชน หนา 14   

แบบประเมนิ ตนเอง ของ อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชมุ ชน ชอ่ื ..............................นามสกลุ ............................วัน/เดอื น/ปี เกิด.........................................อายุ.............................ปี บ้านเลขท.่ี .....................ตาํ บล.............................................อาํ เภอ......................................จงั หวัด............................. หลกั เกณฑ์การประเมินตนเอง อสม.นักจัดการสขุ ภาพชุมชน เพอ่ื ให้ อสม. ตระหนกั และเรยี นรใู้ นการดูแล สขุ ภาพตนเอง โปรดใส่เครอ่ื งหมาย ในวงเลบ็ ท่ีตรงกบั ความเป็นจรงิ 1. คา่ ดัชนมี วลกาย =………………………..กิโลกรัม/ตารางเมตร ( ) ระดบั ปกติ 18.50 – 22.90 กโิ ลกรัม/ตารางเมตร ( ) ผอมเกินไป 18.50 – 22.90 กโิ ลกรัม/ตารางเมตร ( ) น้าํ หนกั เกนิ 23.00 - 30.00 กิโลกรมั /ตารางเมตร ( ) โรคอว้ น มากกวา่ 30.00 กิโลกรมั /ตารางเมตร 2. รอบเอว =………………………………เซนตเิ มตร ( ) ระดับปกติ ผหู้ ญิงนอ้ ยกว่า 80 เซนติเมตร ผชู้ ายนอ้ ยกว่า 90 เซนตเิ มตร ( ) ระดบั เสย่ี ง ผู้หญิงเกนิ กวา่ 80 เซนตเิ มตร ผชู้ ายเกนิ กวา่ 90 เซนตเิ มตร ๓. ความดนั โลหิต =………………………………มิลลิเมตรปรอท ( ) ระดบั ปกติ น้อยกว่าหรือเทา่ กับ ๑๒๐/๘๐ มลิ ลิเมตรปรอท ( ) ระดบั เสย่ี ง มากกว่าหรือเทา่ กบั ๑๔๐/๙๐ มลิ ลเิ มตรปรอท ๔. เจบ็ ป่วยจากโรคเรอื้ รัง ( หมายถงึ โรคความดนั โลหติ สงู โรคหวั ใจ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลอื ดสมอง โรคมะเรง็ โรคใดโรคหนงึ่ หรือสองโรคขนึ้ ไป ) ( ) ระดับดี ไม่มโี รคประจําตวั ( ) ระดับเสย่ี ง ป่วยดว้ ยโรคเรอ้ื รงั แต่สามารถควบคุมโรคอาการของโรคและใชช้ วี ติ ประจําวัน ได้ เช่น นัดรับยาทุก 2-3 เดือน มีการลดยาหรอื ไม่เพ่ิมยาหลายขนาน ( ) ระดับเสยี่ งมาก/ปว่ ย ปว่ ยด้วยโรคเรอ้ื รงั และไม่สามารถควบคมุ โรคและอาการของโรคได้ ไมส่ ามารถทาํ งานหรอื ใช้ชีวิตได้ปกติหรือ เชน่ นัดรบั ยาบ่อย/ทกุ เดอื น มกี าร เพิ่มขนาดยาหรอื เพม่ิ ยาหลายขนาน ๕. . การสบู บหุ รี่ ไมเ่ คยหรอื เคยแต่ปจั จบุ ันเลิกสูบบุหรเี่ ดด็ ขาด ( ) ระดับดี สบู บุหรี่ เป็นบางครั้ง (1-4 วัน/สปั ดาหห์ รอื นอ้ ยกวา่ ) และพยายามลดการสบู ( ) ระดับเสย่ี ง สูบบหุ รี่ เป็นประจาํ (5-7 วัน/สปั ดาห์) ไมส่ ามารถลดปริมาณหรอื เลกิ ได้ ( ) ระดบั เสย่ี งมาก/ปว่ ย ๖. การดืม่ สุรา ไม่เคยหรอื เคย ปัจจุบนั เลิกเด็ดขาด ( ) ระดับดี ด่ืมบ้างเปน็ บางครั้ง(1-4 วนั /สปั ดาห์หรอื น้อยกว่า) และพยายามลดการด่ืมลง ( ) ระดบั เสย่ี ง ดื่มเปน็ ประจํา(5-7 วนั /สปั ดาห)์ ไม่สามารถลดหรอื เลกิ ได้ หากหยดุ จะมอี าการ ( ) ระดับเสย่ี งมาก/ป่วย คมู ือ อสม.นกั จัดการสขุ ภาพชุมชน หนา 15   

๗. การออกกาํ ลงั กาย ออกกําลงั กายหรอื ออกแรงทํางานจนเหงอ่ื ออกอยา่ งสม่ําเสมอทกุ วัน ( ) ระดบั ดี ออกกําลงั กายหรือออกแรงทาํ งานแตไ่ ม่มเี หงอ่ื ออก ไมร่ ้สู กึ เหนอื่ ย ( ) ระดับเสย่ี ง ไมอ่ อกกําลังกายหรือออกแรงทาํ งานน้อยมาก ( ) ระดบั เสยี่ งมาก/ปว่ ย ๘. กนิ อาหารปลอดภยั (หมายถึงอาหารปรงุ สุก ครบ 5 หมู่ แหล่งที่มาปลอดภยั เช่น เมอี่ ย. หรอื ปลอดสารพิษ ) ( ) ระดบั ดี กินอาหารและนํ้าทป่ี ลอดภัย มีคณุ คา่ ทางโภชนาการ ( ) ระดบั เสย่ี ง กินอาหารและน้าํ ทีป่ ลอดภัย มคี ุณคา่ ทางโภชนาการเป็นสว่ นใหญ่ ( ) ระดับเสยี่ งมาก/ป่วย กินอาหารและน้าํ ทไ่ี ม่ปลอดภยั และ ไมม่ คี ณุ ค่าทางโภชนาการ เปน็ ประจํา ๙. การกินผกั ผลไม้ กนิ ผกั และผลไมใ้ นปริมาณทเี่ พยี งพอ ( ครง่ึ กิโลกรัม/วัน) ( ) ระดับดี กนิ ผักและผลไมบ้ ้าง แตป่ ริมาณไม่เพยี งพอ ( ) ระดบั เสยี่ ง กินผกั และผลไม้เลก็ น้อย ( ) ระดบั เสยี่ งมาก/ป่วย ๑๐. ความสุขและความพงึ พอใจในชีวิต ( ) ระดับดี มีความสขุ และมคี วามพงึ พอใจในชีวิตทีเ่ ป็นอยมู่ าก ( ) ระดับเสยี่ ง มีความสุขและมีความพึงพอใจในชีวติ อยู่บ้าง ( ) ระดบั เสย่ี งมาก/ปว่ ย ไมม่ คี วามสุขและไม่มคี วามพึงพอใจในชวี ติ 1๑.การจัดการความเครียดและปญั หาทีเ่ กดิ ขน้ึ ( ) ระดบั ดี มคี วามเครยี ดนอ้ ย และสามารถจดั การไดเ้ ป็นอยา่ งดี ( ) ระดบั เสย่ี ง สามารถจดั การได้ บา้ งไมไ่ ด้บ้าง มีความเครียดปานกลาง บางครง้ั ต้องกนิ ยา นอนหลับ แตไ่ มก่ ระทบตอ่ การใชช้ ีวิตประจําวนั ไมส่ ามารถจัดการได้ ( ) ระดบั เสย่ี งมาก/ป่วย ความเครยี ดมาก ตอ้ งรกั ษาดว้ ยยาตลอดเวลา โดยมีผลกระทบต่อการใช้ ชีวิตประจําวนั 1๒. ความสมั พันธ์และการยอมรับจากผอู้ ่ืน ( ) ระดับดี มีสมั พนั ธภาพทด่ี ีต่อบุคคลในครอบครวั และ ชมุ ชน และเป็นทย่ี อมรบั ของผ้อู น่ื ( ) ระดบั เสยี่ ง สัมพนั ธภาพต่อบคุ คลในครอบครัว และชมุ ชน อย่ใู นระดับปานกลาง มปี ญั หา ทะเลาะวิวาทบอ่ ยคร้ัง เข้ากบั ผู้อื่นไดบ้ ้าง ( ) ระดับเสยี่ งมาก/ป่วย ทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่นเป็นประจาํ ไมส่ ามารถเขา้ กับผอู้ น่ื ได้ 1๓. การตรวจสุขภาพประจาํ ปี อย่างน้อย วดั ความดนั โลหติ ตรวจนาํ้ ตาลในเลอื ด วดั รอบเอว ( ) ระดบั ดี ทุก 1 ปี เป็นประจาํ สม่ําเสมอ ( ) ระดบั เสยี่ ง เป็นบางปไี ม่สมาํ่ เสมอ ( ) ระดับเสยี่ งมาก/ปว่ ย ไม่เคยตรวจและหรอื นานๆครง้ั 1๔. การช่วยเหลอื บุคคลอืน่ ชมุ ชนและสังคม ( จติ อาสา) ระบุ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... คูมอื อสม.นักจัดการสุขภาพชุมชน หนา 16   

1๕. ปลูกพชื ผักสมุนไพรไว้กิน จํานวน..............ชนิด ได้แก่ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... สรุปผลการประเมินสุขภาพตนเอง อยใู่ นระดบั ด…ี ………........ข้อ อย่ใู นระดบั เสยี่ ง ……………….ข้อ อยใู่ นระดบั เส่ียงมาก…………….ขอ้ คูมือ อสม.นกั จัดการสุขภาพชมุ ชน หนา 17   

สัญญาเง่อื นไขเพ่อื แสดง เจตนารมณใ์ นการปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมสขุ ภาพตนเอง ข้าพเจา้ มีความตัง้ ใจและม่งุ มน่ั ปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตนเองดงั น้ี ระบุเปา้ หมายทตี่ อ้ งการปรบั เปลย่ี น ................................................................................................................. ขนั้ ตอน/กิจกรรม ท่ดี ําเนินการเพื่อใหถ้ งึ เปา้ หมายทตี่ อ้ งการปรับเปล่ียน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ภายในระยะเวลา ............เดอื น ลงชอื่ ................................................................... วัน/เดือน/ปี........................................................ ผู้รับสญั ญาและช่วยเหลอื ให้ อสม. บรรลคุ วามต้ังใจและความมงุ่ มั่นในการปรับเปลีย่ นพฤติกรรมสุขภาพ 1....................................................................................................... ( เพ่อื น อสม.) * Buddy คหู่ ู 2........................................................................................................ คมู ือ อสม.นักจัดการสขุ ภาพชุมชน หนา 18   

บรรณานกุ รม กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสุข. คูม่ อื อสม.นักจัดการสขุ ภาพชมุ ชน โรคไมต่ ดิ ตอ่ เร้อื รัง 5 โรค. พิมพค์ รัง้ ที่ ๒.กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จํากัด, 2555. กองสนับสนุนสขุ ภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสุข. คมู่ ือนกั จัดการ สขุ ภาพชุมชน อว้ นลงพงุ และโรคไมต่ ิดต่อเรอ้ื รงั . พิมพ์ครัง้ ที่ 1. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ ชนสหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2552. กรมสนบั สนนุ บรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสขุ , สุขบญั ญัตแิ หง่ ชาติ. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมชนสหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2550. http://bsris.swu.ac.th/thesis/452996009RB999.pdf สืบคน้ เม่อื 28 มกราคม 2556 http://www.trueplookpanya.com สืบค้นเมอื่ มกราคม 2556 http://www.weherb.net สบื คน้ เมื่อ มกราคม 2556 คูมอื อสม.นักจัดการสุขภาพชุมชน หนา 19   


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook