Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสินค้า 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสินค้า 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า

Published by pattanee76, 2018-08-22 01:44:17

Description: ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสินค้า 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า

Search

Read the Text Version

หนว่ ยท่ี 1 ความรเู้ บ้อื งต้นเก่ียวกบั การซอ้ื ขายสนิ คา้ความรูท้ วั่ ไปเก่ยี วกบั การซ้อื ขายสนิ คา้ความหมายของสนิ คา้การซ้อื ขายสนิ คา้ และเอกสารทเ่ี ก่ยี วขอ้ งการสง่ คนื และรบั คนื สนิ คา้1 ส่วนลดในราคาสนิ คา้เงอ่ื นไขการชาระเงนิ ภาษมี ลู ค่าเพม่ิ ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

ความรูท้ วั่ ไปเก่ยี วกบั การซ้ือขายสนิ คา้ กจิ การซื้อขายสินค้าเป็ นกจิ การซื้อมาขายไป โดยซื้อสินค้าสาเร็จรูปจากผู้ผลิตหรือพ่อค้าขายส่งมาเพ่ือขาย วิธีการทางบัญชีของกิจการซื้อขายสินค้าจะแตกต่างจากกจิ การให้บริการ รายได้หลกั เกดิ จากการขายสินค้า และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เกดิ จากต้นทุนของสินค้าทข่ี าย ค่าใช้จ่ายของกิจการซื้อขายสินค้าได้แก่ ต้นทุนขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร ค่าใช้จ่ายในการดาเนินงาน ค่าใช้จ่ายอ่ืน ค่าใช้จ่ายทางการเงิน ค่าใช้จ่ายทางภาษี เมื่อถึงวนั สิ้นงวดบัญชี สินค้าท่ียังขายไม่หมดจะปรากฏอยู่ใน บัญชีสินค้าคงเหลือ(Inventory) และแสดงภายใต้หัวข้อสินทรัพย์หมุนเวยี นในงบดุล ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

ความหมายของสนิ คา้ สินค้า (Goods or Merchandise) หมายถงึ สินทรัพย์หรือส่ิงท่ีกจิ การมไี ว้เพื่อจาหน่าย โดยหวงั ผลประโยชน์หรือกาไรจากการจาหน่ายไป เพราะฉะน้ัน เจ้าของกจิ การค้าที่ขายสินค้าจะมีรายได้หลัก กค็ ือ การขายสินค้านั่นเอง ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

การซ้ือขายสนิ คา้ และเอกสารท่เี กย่ี วขอ้ ง กจิ การแต่ละแห่งจะมีข้ันตอน, วิธีการซื้อขายสินค้าที่แตกต่างกนั ไปท้งั นีข้ นึ้ อย่กู บั ขนาดและการจัดองค์กรของแต่ละกจิ การ กรณีของกจิ การขนาดเล็กเจ้าของอาจจะเป็ นผู้ดาเนินการเองท้ังหมด แต่ถ้าเป็ นกิจการขนาดใหญ่จะมีหน่วยงานทท่ี าหน้าทใี่ นการซื้อและการขายสินค้าได้แก่ 1. แผนกคลังสินค้า จะเป็ นผู้ตรวจสอบว่า สินค้าชนิดใดบ้างที่เหลืออย่ใู นระดบั ทต่ี ้องมี การส่ังซื้อ โดยจัดทาใบสั่งซื้อ ส่งไปแผนกจัดซื้อ 2. แผนกจัดซื้อ เมื่อได้รับใบขอซื้อแล้ว จะทาการสอบถามราคาของสินค้าทจ่ี ะซื้อจากผู้ขายหลาย ๆ ราย โดยจะจดั ทาใบสั่งซื้อ ส่งไปให้ผ้ขู าย ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

3. ผู้ขาย เมื่อได้รับใบส่ังซื้อ จะจัดส่ งคืนสินค้าพร้ อมใบกากบั สินค้า (Invoice) / ใบกากบั ภาษี (Tax Invoice) ให้กบั ผู้ซื้อ 4. แผนกตรวจรับสินค้า เมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้าแล้ว แผนกตรวจรับสินค้าจะทาการตรวจสอบสินค้าท่ีได้รับกบั สาเนาใบสั่งซื้อและใบกากับสินค้าที่ได้จากผู้ขายว่าถูกต้องตรงกันถ้าถูกต้องจะลงนามในใบกากบั สินค้าและจดั ทาใบรับสินค้า (Receiving Report) 5. แผนกบัญชี เม่ือครบกาหนดชาระ ผู้ขายจะนาไปเสร็จรับเงนิ มาขอรับชาระทแ่ี ผนกบัญชีและการเงิน ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

เอกสารที่เกย่ี วข้องกบั การซอ้ื ขายสินคา้ การประกอบธรุ กิจเกี่ยวกบั การซื้อขายสนิ ค้าจาเป็นต้องมี เอกสารใช้เป็นหลกั ฐานในการบันทึกบญั ชี ซ่งึ กจิ การอาจเป็น ผู้จดั ทาเอกสารขึน้ ใชเ้ อง หรือเป็นเอกสารทกี่ ิจการไดร้ บั จาก บคุ คลภายนอก เช่น ใบขอซ้ือสนิ ค้า ใบสง่ั ซอ้ื สินคา้ ใบกากับ สนิ คา้ ใบรับสนิ ค้า ใบสง่ คนื สินค้า ใบเสร็จรับเงนิ ไดแ้ ก่ ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

1. ใบขอซ้ือ (Purchase Requisition) คือ เอกสารท่ีแผนกคลังสินค้าจัดทาขึ้นเพื่อแจ้งว่าสินค้าชนิดใด ประเภทใดของกิจการใกล้จะหมด และต้องการสั่งซ้ือเพม่ิ ปริมาณเท่าไร โดยจัดทาใบขอซ้ือสินคา้ ส่งไปให้แผนกจดั ซ้อื ดาเนินการตอ่2. ใบสัง่ ซือ้ สนิ ค้า (Purchase Order) คือเอกสารที่แผนกจัดซ้ือสินค้าจัดทาขึ้นหลังจาก ได้รับใบขอซื้อสินค้าจากแผนกคลังสินค้าแล้ว ก็จะดาเนินการคัดเลือกสินค้าจากผู้ขายสินค้าหลายรายเพ่ือให้ได้สินค้าท่ีดีมีคุณภาพและราคาถูก เมื่อตดั สินใจท่ีจะซ้ือสินค้าจากผู้ขายสินค้ารายท่ีคัดเลือกแล้ว จึงจัดทาใบส่ังซ้ือสินค้าส่งไปให้ผขู้ ายสินค้าเพ่ือแจ้งให้ผขู้ ายสินค้าว่าต้องการสินค้าประเภทใด ปริมาณเท่าใด คุณภาพอย่างไร ราคาเท่าไรซ่ึงรายละเอียดดังกล่าวน้ีจะแจ้ง ไว้ในใบสง่ั ซอ้ื ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

3. ใบกากบั สินค้า (Invoice) คือ เอกสารทผี่ ู้ขายสินค้าจดั ทาขนึ้เพื่อส่งไปให้ผู้ซื้อพร้อมกบั สินค้า 4. ใบรับสินค้า (Receive Report) คือ เอกสารทผี่ ู้ซื้อสินค้าจดั ทาขนึ้ หลงั จากทไี่ ด้รับสินค้าจากผู้ขายสินค้า ผู้ซื้อจะต้องทาการตรวจนับสินค้าคู่กบั ใบกากบั สินค้าทผี่ ู้ขายสินค้าส่งมาให้ว่าถูกต้องตรงตามทส่ี ั่งหรือไม่ เม่ือถูกต้องแล้วกจ็ ัดทาใบรับสินค้าส่งไปให้ผ้ขู ายสินค้า 5. ใบขอลดหนีแ้ ละใบหักหนี้ เม่ือผู้ซื้อธุรกจิ หรือห้างร้านดาเนินการซื้อสินค้า ปรากฏว่าสินค้าบางรายการชารุดหรือไม่ตรงกบั รายการสินค้าทส่ี ั่งซื้อ ธุรกจิ หรือห้างร้านกจ็ ะส่งคืน สินค้าพร้อมกบั เอกสารใบขอลดหนีแ้ ละใบหักหนี้ ดังนี้ ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

1) ใบขอลดหนี้ หรือใบส่งคืน (Debit Note or Debit Memorandum) คือเอกสารที่ผซู้ ้ือจดั ส่งใหผ้ ขู้ าย เพือ่ แจง้ ใหท้ ราบวา่ ไดร้ ับสินคา้ แลว้ ปรากฏวา่ สินคา้ ส่งมาไม่ตรงตามใบสง่ั ซ้ือ หรือสินคา้ ชารุด หรือคิดราคามากไป และผซู้ ้ือส่งคืนโดยไม่รับสินคา้ แลกเปล่ียนผขู้ ายอาจลดราคาใหส้ าหรับสินคา้ ท่ีส่งคืน เมื่อผซู้ ้ือส่งคืนสินคา้ จะออกใบลดหน้ี หรือใบส่งคืน เม่ือผซู้ ้ือส่งคืนสินคา้ จากการซ้ือเป็นเงินสดจะไดร้ ับเงินสดคืน แตถ่ า้ ซ้ือสินคา้ เป็นเงินเช่ือจะลดยอดเจา้ หน้ีการคา้ 2) ใบหักหนี้ หรือใบรับคืน (Credit Note or Credit Memorandum) คือเอกสารท่ีผขู้ ายออกใหผ้ ซู้ ้ือ เพอื่ แจง้ วา่ ผขู้ ายไดร้ ับคืนสินคา้ จากผซู้ ้ือ เนื่องจากสินคา้ ชารุด หรือส่งไม่ตรงตามใบสง่ั ซ้ือ หรือคิดราคามากไปโดยผขู้ ายอาจลดราคาสินคา้ ใหผ้ ซู้ ้ือ ในกรณีที่ผซู้ ้ือซ้ือสินคา้ เป็นเงินสดผขู้ ายจะส่งเงินสดคืน แต่ถา้ ผซู้ ้ือ ซ้ือสินคา้ เป็นเงินเชื่อผขู้ ายจะลดหน้ีใหก้ บั ผซู้ ้ือ และผขู้ ายจะออกใบลดหน้ี หรือใบรับคืนใหผ้ ซู้ ้ือเป็นหลกั าานในการลดหน้ี 6. ใบเสร็จรับเงนิ (Receipt) คือ เอกสารท่ีผขู้ ายออกใหผ้ ซู้ ้ือ กรณีขายสินคา้ เป็นเงินสด หรือรับชาระหน้ีจากลูกคา้ ที่ซ้ือสินคา้ เป็นเงินเช่ือ หรือรับชาระหน้ีจากลูกหน้ีอื่น ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

การสง่ คนื และรบั คืนสนิ คา้ การสง่ คนื และรับคนื สนิ คา้ จะเกดิ ข้นึ เน่ืองจากสนิ คา้ ทผ่ี ู้ซือ้ ไดร้ ับจากผ้ขู ายนัน้ไม่ถูกต้องตามใบส่ังซ้ือ เช่น คุณภาพไม่ตรงตามกาหนด สินค้าชารุดเสียหายในระหว่างการขนส่ง ผู้ซื้อจะแจ้งให้ผู้ขายทราบ และส่งสินค้านั้นคืนให้ผู้ขาย โดยผู้ขายอาจส่งสินค้ามาให้เพอ่ื เป็นการแลกเปล่ียน แต่บางครั้งผู้ขายไม่สามารถสินค้าแลกเปล่ียนได้ก็จะต้องลดยอดหนี้สินในบัญชีต่อกันกรณีซ้ือขายสินค้าเป็นเงินเช่อื หรอื สง่ เงินสดใหผ้ ู้ซื้อกรณีท่ีซอ้ื สนิ คา้ เปน็ เงินสด ดังนี้ 1. ด้านผู้ซื้อ เมื่อมีการส่งคืน ผู้ซื้อจะจัดทาใบขอลดหน้ี (Debit Memorandum or DebitNote) หรือ ใบส่งคืน เพื่อขอให้ผู้ขายลดราคาค่าสินค้าให้ ซ่ึงจะมีรายละเอียดของสินค้าท่ีส่งคืนท้ังหมดในกรณที ี่ไม่ไดจ้ ่ายชาระค่าสนิ คา้ หรือให้ผ้ขู ายส่งเงนิ คา่ สินคา้ ใหก้ บั ผู้ซ้ือในกรณที ี่จ่ายชาระสนิ คา้ แล้ว 2. ดา้ นผ้ขู าย เมื่อมกี ารรบั คืนสินคา้ และยินยอมทจ่ี ะลดราคาสนิ คา้ ใหก้ บั ผซู้ ื้อแลว้ ผู้ขายจะจัดทาใบหักหน้ี/ใบลดหนี้ (Credit Memorandum or Credit Note) หรือใบรับคืน และแจ้งให้ผู้ซื้อทราบว่าผู้ขายได้ลดยอดหนีค้ า่ สนิ คา้ ให้ในกรณีที่ยังไม่ได้จ่ายชาระค่าสินค้า หรือให้ผู้ขายส่งเงินค่าสินค้าให้กับผู้ซื้อในกรณที ี่จ่ายชาระสนิ ค้าแลว้ ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

ส่ วนลดในราคาสินค้าส่วนลด (Discounts) แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ 1.1 ส่วนลดการค้า (Trade Discount) หมายถึง ส่วนลดที่ผขู้ ายลดใหแ้ ก่ผซู้ ้ือทนั ทีที่มีการตกลงซ้ือขายสินคา้ โดยที่ผขู้ ายใหส้ ่วนลดเป็นอตั ราร้อยละของราคาขาย ซ่ึงช่วยใหผ้ ขู้ ายไม่ตอ้ งพมิ พร์ ายการแสดงสินคา้ บ่อย ๆ ดงั น้นั ราคาสุทธิที่ซ้ือขายกนั จึงเป็ นราคาขายหลงั จากหักส่วนลดการคา้ แลว้ ไม่มีการบนั ทึกบญั ชีส่วนลดการคา้ ท้งั ดา้ นผซู้ ้ือและผขู้ าย 1.2 ส่วนลดเงินสด (Cash Discount) หมายถึง ส่วนลดที่ผขู้ ายลดให้กบัผูซ้ ้ือในกรณีท่ีผูซ้ ้ือชาระหน้ีค่าสินคา้ ภายในระยะเวลาที่กาหนด ทางดา้ นผูข้ ายเรียกว่า ส่วนลดจ่าย ส่วนทางดา้ นผูซ้ ้ือเรียกว่า ส่วนลดรับ ส่วนลดเงินสดน้ีจะเกิดข้ึนเฉพาะในการซ้ือขายสินคา้ เป็นเงินเชื่อเท่าน้นั ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

สว่ นลดเงนิ สดแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คอื1. ส่วนลดรับ (Purchase Discount) คือ ส่วนลดเงนิ สดที่เกดิ จากการซื้อสินค้าเป็ นเงนิ เช่ือและได้รับจากเจ้าหนีเ้ มื่อจ่ายชาระเงนิ ซ่ึงทาให้ต้นทุนของสินค้าทซี่ ื้อลดลง2. ส่วนลดจ่าย (Sale Discount) คือ ส่วนลดเงินสดทเ่ี กดิ จากการขายสินค้าเป็ นเงนิ เช่ือและลดให้ลูกหนีเ้ ม่ือรับชาระเงนิ ทาให้มูลค่าขายสินค้าลดลงการบันทกึ บญั ชีเมื่อได้รับส่วนลด อาจบันทกึ บัญชีส่วนลดรับ หรือบญั ชีสินค้าคงเหลือแล้ววธิ ีการบันทกึ บัญชีของกจิ การ ส่วนลดจ่ายจะบนั ทกึ บญั ชีส่วนลดจ่ายเท่าน้ัน ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

เง่ือนไขการชาระเงิน เง่ือนไขการชาระเงิน (Terms of Payment) ผู้ขายสินค้าจะเป็ นผู้กาหนดเง่ือนไขเงินไว้ในใบกากบั สินค้า เพื่อเป็ นการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจ ให้ผู้ซื้อชาระเงินค่าสินค้า ได้แก่ 1. 2/10,n/30 หมายความว่า ถ้าผู้ซื้อชาระเงินภายใน 10 วนั นับจากวนั ท่ีในใบกากบั สินค้า จะได้ส่วนลด 2% แต่ถ้าผู้ซื้อชาระเงินภายใน 30 วนั จะไม่ ได้ ส่ วนลด 2. 2/10,eom. ( eom. ย่อมาจาก end 0f mont) หมายความว่า วนั ครบกาหนดในการชาระหนี้ คือ สิ้นเดือนถัดไป แต่ถ้าชาระเงนิ ภายในวันท่ี 10 ของเดือนถัดไปจะได้ส่วนลด 2% ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

การนบั วนั ครบกาหนดชาระหน้ี การนับวันครบกาหนดในบางกรณีจะกาหนดวันที่ครบกาหนดไว้แน่ นอนเช่น วนั สิ้นเดือน หรือวนั สิ้นเดือนของเดือนถดั ไป แต่ในกรณีทก่ี าหนดเป็ นจานวนวนัเช่น 30 วัน 60 วัน การนับวันครบกาหนดให้เริ่มนับถัดจากวันที่มีการซื้อขายสินค้าเป็ นวนั ท่ี 1 และนับไปจนครบกาหนดเวลาหรือคานวณหาวนั ครบกาหนดดงั นี้ 1. นาวนั สุดท้ายของเดือนทมี่ กี ารซื้อขายสินค้าเป็ นตวั ต้งั 2. นาวนั ทม่ี กี ารซื้อขายสินค้าเป็ นตัวหัก 3. นาจานวนวนั ทย่ี งั ขาดอยู่ของเดือนถดั ไปบวกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบกาหนด เช่น ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

ซื้อสินค้าเป็ นเงินเชื่อเมื่อวนั ที่ 4 ตุลาคม 2552 เงื่อนไข 2/10, n/30การคานวณวนั ครบกาหนดเป็ นดังนี้จานวนวนั ของเดือนตุลาคม 31หัก วนั ท่ีซื้อสินค้า 5จานวนวนั คงเหลือ 26บวก จานวนวนั ทย่ี งั ขาดอยู่ (พ.ย.) 4จานวนวนั ทใ่ี ห้เครดิต 30วนั ครบกาหนดคือวนั ที่ 4 พฤศจิกายน 2552 ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

2. เงอ่ื นไขการสง่ มอบสนิ คา้ 2.1 F.O.B (Free on board) shipping point เป็ นการส่งมอบสินค้าต้นทาง ณ กจิ กาของผู้ขาย ดังน้ันผู้ซื้อจะเป็ นผู้รับภาระค่าขนส่ง เรียกว่า ค่าขนส่งเข้า จะถือเป็ นต้นทุนของสินค้าทซ่ี ื้อ กรรมสิทธ์ิในสินค้าจะเป็ นของผู้ซื้อต้งั แต่ผ้ขู ายจัดส่งสินค้าให้ 2.2 F.O.B (Free on board) destination เป็ นการส่ งมอบสินค้าปลายทาง ณกิจการของผู้ซื้อ ดังน้ันผู้ขายจะเป็ นผู้รับภาระค่าขนส่ ง เรียกว่า ค่าขนส่ งออก จะถือเป็ นค่าใช้จ่ายในการขาย กรรมสิทธ์ิในสินค้ายงั เป็ นของผู้ขายจนกว่าสินค้าน้ันจะส่งมอบให้ผ้ซู ื้อ โดยปกติกิจการซื้อขายสินค้าที่ผู้ขายต้องรับภาระค่าขนส่งสินค้าด้วย ราคาสินค้ามักจะสูงกว่าในกรณีที่ผู้ซื้อเป็ นผู้รับภาระค่าขนส่ง เนื่องจากผู้ขายได้นาเอาค่าขนส่งสินค้าไปรวมกับราคาขายสินค้าด้วย ในการขนส่งสินค้าน้ัน ค่าขนส่งทเี่ กดิ ขึน้ จะรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆทเ่ี กดิ ขึน้ เช่น ค่าระวางสินค้า ค่าประกนั ภยั สินค้า ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

ภาษมี ูลค่าเพม่ิ หมายถงึ ภาษีทเี่ รียกเกบ็ จากมูลค่าของสินค่าหรือบริการในส่วนทเี่ พม่ิ ขนึ้ แต่ละข้ันตอนของการผลติ และการจาหน่ายสินค้าหรือบริการชนิดต่าง ๆ สูตร ภาษมี ูลค่าเพม่ิ = ภาษขี าย - ภาษซี ื้อ ภาษขี าย (Sales Tax) คือ ภาษีมูลค่าเพมิ่ ทผี่ ู้ประกอบการจดทะเบียนได้เรียกเกบ็ จากผ้ซู ื้อสินค้าหรือผู้บริการ เม่ือได้ขายสินค้าหรือให้บริการ ภาษซี ื้อ (Purchase Tax) ภาษมี ูลค่าเพม่ิ ทผ่ี ้ปู ระกอบการจดทะเบียนได้จ่ายให้กบั ผ้ขู ายสินค้าหรือผ้ขู ายบริการทเี่ ป็ นประกอบการจดทะเบยี นอ่ืนเมื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการ ถ้า ภาษีขาย มากว่า ภาษซี ื้อ กจิ การต้องชาระภาษเี พมิ่ ถ้า ภาษขี าย น้อยกว่า ภาษีซื้อ กจิ การสามารถขอคืนภาษไี ด้ ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

1. ผู้ประกอบการ คือ ผ้ผู ลติ ผ้ใู ห้บริการ ผู้ขายปลกี ผู้ส่งออกซ่ึงขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกจิ หรือวชิ าชีพ และประกอบกจิ การในราชอาณาจักร 2. ผู้นาเข้า คือ ผู้ประกอบการ หรือบุคคลอื่น ซ่ึงนาสินค้าเข้ามาในราชอาณาจกั รไม่ว่าการใด ๆ และยงั รวมถงึ การนาสินค้าที่ต้องเสียอากรขาเข้า หรือ สินค้าทีได้รับการยกเว้นอากรขาเข้า ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรออกจากเขตอุตสาหกรรมส่งออก โดยมใิ ช่เพื่อการส่ งออกด้วย 3. ผ้ทู กี่ ฎหมายกาหนดเป็ นพเิ ศษ ให้เป็ นผู้ทม่ี หี น้าทเี่ สียภาษมี ูลค่าเพม่ิ ท้งั นี้ เพื่อประโยชน์ในการจดั เกบ็ ภาษี เช่น ตวั แทนของผู้ประกอบการทอ่ี ยู่นอกราชการอาณาจกั รและขายสินค้าหรือให้บริการราชอาณาจักรเป็ นปกติ หรือในกรณีทผ่ี ู้รับโอนสินค้าจากการนาเข้าท่ีได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพมิ่ ตามกฎหมายพกิ ดั อตั ราศุลกากร หรือผ้ไู ด้รับโอนกรรมสิทธ์ิในสินค้าหรือบริการผู้ทเ่ี สียภาษีมูลค่าเพม่ิ ในอตั รา 0 เป็ นต้น ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

อตั ราภาษมี ูลค่าเพม่ิ ในปัจจุบนั ภาษมี ูลค่าเพม่ิ มี 2 อตั รา 1. อตั ราภาษีร้อยละ 7 ซ่ึงใช้สาหรับกจิ การขายสินค้า ให้บริการและการนาเข้า 2. อตั ราภาษีร้อยละ 0 ใช้สาหรับกจิ การดงั นี้ 2.1 การส่งออกสินค้า ซึ่งหมายถึงการส่งออกนอกราชอาณาจกั รการนาสินค้าเข้าไปในเขตอุตสาหกรรมส่งออก การขายสินค้าของคลงั ทณั ฑ์บนประเภทร้านค้าปลอดภาษี 2.2 การให้บริการทกี่ ระทาในราชอาณาจกั ร และได้มกี ารใช้บริการน้ันในต่างประเทศ ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ

2.3 การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ โดยอากาศยานหรือเรือเดนิ ทะเล 2.4 การขายสินค้าหรือการให้บริการกบั กระทรวง ทบวงกรม ราชการส่วนท้องถน่ิ หรือรัฐวสิ าหกจิ 2.5 การขายสินค้าหรือการให้บริการกบั องค์การสหประชาชาติ ทบวงการชานัญพเิ ศษของสหประชาชาติ 2.6 การขายสินค้า หรือให้บริการระหว่างคลงั สินค้าทณั ฑ์บน กบั คลงั สินค้าทณั ฑ์บน และระหว่างคลงั สินค้าทัณฑ์บนกบัผู้ประกอบการทอี่ ยู่ในเขตอุตสาหกรรมส่งออก ครูพฒั นีย์ พรหมสุทธ์ิ