41 5) ปัญญินทรยี ์มกี ารร้อู ารมณ์ต่าง ๆ เปน็ ลักษณะ ปัญญาพละมกี ารไมห่ วั่นไหวในอารมณ์เปน็ ที่ตั้งแห่งอวิชชาเป็นลักษณะ* ปัญญา เป็นเครื่องเป็นใหญ่เหนืออวิชชาความไม่รู้ โมทะความหลง ถือเอาผิด เป็นเครื่องปราบปรามทำลายอวิชชาโมหะเพื่อให้การปฏิบัติธรรมมีความเจริญก้าวหน้า จึง ตอ้ งอาศยั ครูอาจารย์คอยช่วยปรบั อินทรยี ์ ท้ัง 5 ใหส้ มดุลกนั โดยมหี ลกั การปรบั อนิ ทรยี ์ 2. แนวคดิ เกี่ยวกับหลักพรหมวิหาร 4 ภาวะผู้นำคือลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่งของบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งหรือยกย่องให้ทำหน้าที่ใน กล่มุ หรือองคก์ ารโดยท่เี ขาเป็นผมู้ คี ุณลักษณะที่ดกี ว่าทุกคนในกลุม่ หรือองค์การ กล่าวคือ การที่บคุ คล มีความรู้ความสามารถมีอิทธิพลบทบาทเหนือผู้อื่นด้านการติดต่อ ประสานงาน อ านวยการ สั่งการ หรือชักนำองค์การไปสู่เป้าหมายจะต้องประกอบด้วยหลักธรรมพรหมวิหาร 4 และธรรมอื่น ๆ ที่จะ สนับสนุนให้ผู้บริหารงานได้น หลักธรรมดังกล่าวมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ก าหนดไว้การที่บุคคลจะมีภาวะผู้นำตามหลักพรหมวิหาร 4 จะต้องศึกษาความหมายและองค์ประกอบ ของหลักดงั กล่าวอยา่ งถอ่ งแท้ พรหมวิหาร 4 ที่เริ่มต้นจากเมตตาและเรียงลำดับไปตามกรุณา มุทิตา และลงท้ายที่อุเบกขา ด้วยเหตุผลว่าเมตตามีความเกื้อกูลแก่สัตว์เป็นลักษณะอยู่แล้ว ต่อมาเมื่อเราได้เห็นหรือได้รับรู้ว่ามีผู้ ได้รับทุกข์ถ้าหากว่าเราปรารถนาที่จะเกื้อกูล แล้วขจัดน าทุกข์ออกจากเขานั่นคือ ความกรุณา ตอ่ จากน้นั เมื่อเราได้รับร้หู รือเหน็ ผู้อ่นื ได้ดมี คี วามสขุ โดยปราศจากทกุ ข์แล้วมคี วามรู้สึกปราบปล้ืมยินดี ด้วยเรียกว่ามุทิตา และสุดท้ายด้วยปัญญาเมื่อเราพิจารณาเห็นแล้วเราจะรู้ว่าเรื่องใดที่เราควร วางเฉย และหยุดที่จะเข้าไปร่วมรับรู้ในความรู้สึกของผู้อื่น เพราะเหตุดังนี้ พระพุทธองค์จึงตรัสเมตตาไว้ก่อน ด้วยอำนาจการมุ่งเกื้อกูลและจบด้วยอุเบกขา ดังนั้นภาวะผู้นำจึงต้องมีความเป็นกลาง เป็นธรรม วางตัวเป็นกลาง ผู้ที่สามารถวางตัวได้สงบ เยือกเย็นสามารถเป็นที่พึ่งให้กับพนักงานได้ทุกคน โดย พรหมวหิ าร 4 แบง่ ออกเป็นดงั นี้ 1. เมตตา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ความสุข เกิดขึ้นได้ทั้งกายและใจ เช่น ความสุขเกิดการมีทรัพย์ ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์เพื่อการ บริโภค ความสุขเกิดจากการไมเ่ ป็นหนี้ และความสุขเกิดจากการทำงานท่ปี ราศจากโทษ เป็นต้น 2. กรุณา : ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความทุกข์ คือ สิ่งที่เข้ามาเบียดเบียนให้เกิดความ ไม่สบายกาย ไมส่ บายใจ และเกดิ ขนึ้ จากปัจจยั หลายประการด้วยกนั พระพทุ ธองคท์ รงสรุปไวว้ ่าความ ทุกข์มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ - ทุกข์โดยสภาวะ หรือเกิดจากเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่และ ความตายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาในโลกจะต้องประสบกับการ เปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรวมเรยี กว่า กายิกทุกข์ - ทุกข์จรหรือทุกข์ทางใจ อัน
42 เป็นความทุกข์ที่เกิดจากสาเหตุที่อยู่นอกตัวเรา เช่น เมื่อปรารถนาแล้วไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ การ ประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ รวมเรียกว่า เจตสกิ ทุกข์ 3. มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี คำว่า \"ดี\" ในที่นี้ หมายถึง การมีความสุขหรือมีความ เจริญก้าวหน้า ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีจึงหมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขความ เจริญก้าวหน้ายง่ิ ๆขนึ้ ไม่มจี ติ ใจริษยา ความรษิ ยา คือ ความไม่สบายใจ ความโกรธ ความฟุ้งซ่านซ่งึ มัก เกดิ ข้ึนเมื่อเห็นผอู้ ่ืนไดด้ กี ว่าตน เช่น เหน็ เพื่อนแตง่ ตัวเรียบร้อยแล้วครชู มเชยก็เกิดความริษยาจึงแกล้ง เอาเศษชอล์ก โคลน หรือหมึกไปป้ายตามเสื้อกางเกงของเพื่อนนักเรียนคนนั้นให้สกปรกเลอะเทอะ เราตอ้ งหมัน่ ฝึกหดั ตนให้เปน็ คนทม่ี มี ทุ ิตา เพราะจะสร้างไมตรีและผูกมติ รกบั ผู้อืน่ ได้ง่ายและลึกซงึ้ 4. อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นว่า ใครทำดี ย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรม คือ ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นย่อมตอบสนองคืนบุคคล ผู้กระทำ เมื่อเราเห็นใครได้รับผลกรรมในทางที่เป็นโทษเราก็ไม่ควรดีใจหรือคิดซ้ำเติมเขาในเรื่องท่ี เกิดขึ้น เราควรมคี วามปรารถนาดี คือพยายามช่วยเหลอื ผูอ้ ื่นให้พน้ จากความทุกขใ์ นลักษณะที่ถูกตอ้ ง ตามทำนองคลองธรรม 4.2.3 จิตวญิ ญาณความเป็นครู คําว่าจิตวิญญาณ Spiritual หรือSpirituality มีรากศัพท์มาจากคําว่าSpiritus ในภาษา ลาติน หมายถึงลมหายใจผสมกับคําว่า Enthousiasmos มาจากรากศัพท์ของคําว่า Enthusiasm ท่ี หมายถึง The god withinหรือ พลังอํานาจศักดิ์ สิทธิ์ ของชีวิต (โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์,2549) ดังนั้นคำว่า “จิตวิญญาณ” มาจากคำว่า“จิต” และ “วิญญาณ” โดยสรุปหมายถึงสิง่ ที่อยู่ในตน ทำให้ เป็นบุคคลขน้ึ เปน็ ความรู้แจ้งความรูส้ กึ ตวั จิตใจ (ราชบณั ฑติ ยสถาน, 2546) นกั วิชาการไดจ้ ำแนกความหมายของจติ วญิ ญาณไว้เปน็ 3 ประการ 1. ความเปน็ เอกตั ตาหรอื ปจั เจกบุคคล หมายถึง ความเป็นตัวตนท่มี ลี กั ษณะเฉพาะของแตล่ ะ บคุ คล ซง่ึ เกิดจากการหย่งั ร้นู ำไปสู่การปฏิบัตแิ ละการเกิดศรัทธาในเรือ่ งใดเรอ่ื งหนง่ึ (ศุภลกั ษณ์ ทัดศรี และอารยา พรายแยม้ . 2554 : 61) 2. ความมีคุณค่าสูงส่ง หมายถึง ปัญญาหลักการของชีวิต เช่น ความดี บุญกุศล คุณธรรม จริยธรรม การรู้จกั ผดิ ชอบช่วั ดีมีจติ ใจสูงข้นึ (ประเวศ วะสแี ละ ประสทิ ธิ์ อุ่นหนองกุง่ . 2555 : 12) 3. ความเป็นนามธรรม หมายถึง โครงสร้างหนึ่งของมนุษย์ที่นอกเหนือจากร่างกายและจิตใจ จับต้องไม่ได้พัฒนามาจากความผูกพันด้านจิตใจของมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม เป็นแหล่งของความหวัง
43 พลังใจที่เข้มแขง็ เป็นขุมพลังของชีวติ ที่ทำใหป้ ระสบความสำเร็จและมีความสุข (พัชนี สมกำลัง, 2556 : 93) ประเวศ วะสี (2554 : 1) ได้ให้ความหมายของจิตวิญญาณว่า “จิตวิญญาณ หรือจิตสูงน้ัน หมายถึง ความดีการลดความเห็นแก่ตัวการเข้าถึงสิ่งสูงสุด สิ่งสูงสุดทางพุทธ คือพระนิพพานหรือ ปัญญาหรอื วิชชา ศาสนาอื่นหมายถึง พระผู้เป็นเจา้ ” สถานะของมติ ิทางจติ วญิ ญาณ รัตตกิ รณ์ จงวศิ าล และคณะ(2557 : 1) ไดใ้ หค้ วามหมายของจิตวิญญาณวา่ จิตวญิ ญาณเปน็ คำศัพท์ที่พบว่ามีความแตกต่างกันตามวัฒนธรรม ศาสนา ภาษาและประวัติศาสตร์อย่างไรก็ตามมี ลักษณะร่วมกันบางประการ และมีความแตกต่างกันไปตามภาษาและวัฒนธรรมรวมทั้ง พบความ คล้ายคลึงสอดคล้องกันอยู่ในความต่างเหล่านั้น เรื่องจิตวิญญาณนี้เป็นกระแสความคิดที่มีมาอย่าง ตอ่ เนอ่ื งตามประวตั ศิ าสตรข์ องมนุษย์ โดยมจี ุดสงู สดุ ของความรู้ทีใ่ ห้ความสำคัญกบั มิตทิ างจิตวิญญาณ ก็คอื ศาสนธรรมต่าง ๆ จากความหมายที่กล่าวมาข้างต้น สามารถสรุปความหมายของจิตวิญญาณ ได้ว่า ลักษณะ ของจิตอันสูงส่งของบุคคล มีความกล้าที่จะยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง มีความเมตตากรุณา ลด ความเห็นแก่ตัว รู้จักการให้อภัย และ มีการตระหนักรู้ รวมทั้งการมีความเชื่อและศรัทธาในตัวบุคคล นนั้ ๆ ด้วยจิตใจอนั บริสทุ ธ์ิ องคป์ ระกอบและตวั บ่งชี้จิตวญิ ญาณความเป็นครู จากการศกึ ษาเอกสารและผลการวจิ ัยท่เี กย่ี วขอ้ ง จติ วญิ ญาณความเป็นครมู ีองคป์ ระกอบและ ตัวบง่ ช้ี จติ วิญญาณความเป็นครู ดงั นี้ ณัฎฐภรณ์ หลาวทองและปิยวรรณ วิเศษสุวรรณภูมิ (2553 :46-47) ได้กล่าวเกี่ยวกับ องคป์ ระกอบของจติ วญิ ญาณความเป็นครู ประกอบด้วย 4 องคป์ ระกอบ ดังน้ี องค์ประกอบที่ 1 การปฏิบัติหน้าที่ครู เป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็ม ความสามารถ ได้แก่การอบรมสั่งสอนศิษย์โดยคำนึงถึงการพัฒนาศิษย์ได้อย่างเต็มตามศักยภาพ และ นอกจากน้ียงั ต้องมคี วามรกั ในอาชพี และปฏิบตั ติ นเปน็ แบบอยา่ งทด่ี แี กผ่ รู้ ่วมอาชพี องค์ประกอบที่ 2 การปฏิบัติต่อศิษย์โดยเสมอภาค เป็นการปฏิบัติต่อศิษย์ทุกคนอย่าง ยตุ ธิ รรม และมเี หตผุ ล โดยไม่คำนึงถงึ อามสิ สินจา้ ง หรือความสมั พันธส์ ว่ นบุคคล องค์ประกอบที่ 3 ความเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ เป็นความเชื่อมั่นและศรัทธาว่า มนุษย์ ทุกคนเป็นคนดี และมีศกั ยภาพในการเรียนรู้และพฒั นาตนเอง
44 องค์ประกอบที่ 4 การเสียสละในงานครู เป็นการปฏิบัติหน้าที่สอนศิษย์อย่างเต็มใจ โดยไม่ คำนงึ ถงึ ประโยชนส์ ่วนตนเปน็ หลกั อมรรัตน์ แก่นสาร (2558) ศึกษาเรื่อง การพัฒนาตัวบ่งชี้จิตวิญญาณความเปนครูของครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า จิตวิญญาณความเปนครูของครู สังกัด สำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาข้ันพื้นฐานประกอบดว้ ย 7 องค์ประกอบหลกั คือ 1) การปฏิบตั ิตามบทบาทหน้าท่ี 2) การมมี นุษยสัมพันธ์ทด่ี ีและมีความเปนกลั ยาณมติ ร 3) การเปนแบบอยา่ งท่ีดี 4) การมจี ิตวทิ ยาในการสอน 5) ความรกั และศรัทธาในวชิ าชีพ 6) การมคี ุณธรรมและจริยธรรม จากองค์ประกอบของจิตวิญญาณความเป็นครูข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า จิตวิญญาณความ เป็นครูมีองค์ประกอบ 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) คุณลักษณะส่วนตัวและการมีคุณธรรม จริยธรรม ได้แก่ ความวิริยะอุตสาหะเมตตากรุณา ซื่อสัตย์ มีเหตุผล 2) การตระหนักรู้และปฏิบัติตนบนวิถีความ เป็นครู ได้แก่ การปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู การทำงานเพื่อเด็ก การเป็นแบบอย่างที่ดี 3) รักและศรทั ธาในวชิ าชพี ครู 4) ความเชี่ยวชาญในการสอน และ 5) การพัฒนาตนเองอยา่ งตอ่ เนื่อง 4.3 ผลการสะทอ้ นคดิ ทเ่ี กดิ ข้ึน จากการฝกึ ประสบการณ์จัดการเรยี นการสอนสามารถวิเคราะหอ์ งค์ประกอบของครูดี ตาม โมเดลครรู าชภฏั ได้ดังตอ่ ไปน้ี 4.3.1 รกั และศรัทธาในวชิ าชพี ครู การรกั และศรทั ธาในวิชาชีพนัน้ ก็ควรเปน็ บคุ คลทีก่ ระทำตนใหเ้ ป็นแบบอยา่ งทดี่ เี ปน็ พิเศษ เพราะเด็กและเยาวชนต้องการแบบอยา่ ง การกระทำทถี่ กู ตอ้ งดีงาม เพื่อใชเ้ ปน็ แนวทางในการ ดำเนินชีวิตของตน จากการท่ีขา้ พเจา้ ไดไ้ ปฝกึ ประสบการณ์วชิ าชีพมาน้นั สิ่งทข่ี ้าพเจ้ามีความรกั และ ศรทั ธาในวชิ าชพี ครู คือการเข้าร่วมกจิ กรรมของโรงเรยี นอยเู่ สทอ เปน็ แบบอย่างทด่ี ใี หแ้ กน่ กั เรียน เคารพและนอบน้อมผอู้ าวุโสในโรงเรยี น ใหเ้ กรียติ อีกทง้ั ยังเปน็ ทปี่ รกึ ษาใหแ้ ก่นกั เรยี นอย่างเต็มใจอกี ดว้ ย มีศรัทธาในวิชาชีพครู ตั้งใจใช้ความรู้ความสามารถทางวิชาชีพเพื่อให้บริการแก่ นักเรียนและสังคม มีความซื่อสัตย์ต่อหลักการของอาชีพครูมีความรับผิดชอบในด้านการศึกษาต่อ
45 สังคม ชุมชนและนักเรียน มีความรัก ความเมตตาและความปรารถนาดีต่อนักเรียน อุทิศตนและเวลา เพ่ือสง่ เสรมิ ใหน้ กั เรียนทกุ คนไดร้ บั ความเจรญิ เติบโตและ พฒั นาการในทกุ ดา้ น ภาพที่ 4.1 กิจกรรมมุทติ าจติ ท่ีมา : ถ่ายโดยนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6 4.3.2 จิตวณิ ญาณความเปน็ ครู ในการเป็นครูนั้นบุคลิกภาพทีดีกับอาชีพครูจึงขาดกันเสียมิได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าครู คนใดมีบุคลิกภาพที่ดีก็สามารถประสบความสําเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งก็น่าจะเป็น ความรู้ความสามารถเฉพาะตัวของบุคคลนั้น ๆ ที่ จะหลอมรวมกัน เพื่อสร้างความสําเรจ็ ในชีวติ ให้กบั ตนเอง การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องให้มีความรู้โดยเฉพาะทักษะการใช้เทคโนโลยีและทักษะในการ สอน ประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีเอาใจใส่และหวังดีต่อศิษย์ปรารถนาให้ศิษย์ทุกคนได้มีการงานที่ดีทำ และเป็นคนดีของสังคม การปฏิบัติงานของครลู ักษณะดังกล่าวเรียกได้ว่าการปฏิบัติด้วย “จิตวิญญาณ ความเป็นครู”การปฏิบัติหน้าที่ ของครูด้วยความวิริยะ มุ่งมั่นและทุ่มเทด้วยจิตและวิญญาณ อุทิศตน เพื่อการสอน และมีการ พัฒนาสื่อการสอนตลอด ก็จะทาให้เกดิ ความตระหนักและมุ่งมั่นทุม่ เทในการ ทำงาน จากที่ข้าพเจ้าได้ไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพมานั้น การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะมุ่งม่ัน ช่วยเหลือดูแลศิษย์ ดูแลเด็กที่มีปัญหาด้านการ อ่าน เขียน เช่น ปัญหาด้านการเขียนไม่ออก เขียนไม่ สวย และอ่านไม่ออก เป็นที่ปรึกษาในการทำโครงงานต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้นักเรียนได้มีการ พัฒนาตนเองซงึ่ ทำให้ขา้ พเจา้ รู้สึกภูมใิ จและดเี ปน็ อย่างมาก
46 ภาพที่ 4.2 ฝกึ นกั เรียนเขยี นการเลา่ เร่อื ง ที่มา : ถา่ ยโดยนางสาวธัญพิชชา วงษแ์ พทย์ ภาพที่ 4.3 กิจกรรมวันไหว้ครู ที่มา : ถา่ ยโดยนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
47 4.3.3. แนะแนว ปรกึ ษา ชว่ ยเหลอื การพัฒนานักเรียนให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญาความสามารถ มี คุณธรรมจริยธรรม และมีวิถีชีวิตที่เป็นสุขตามที่สังคมมุ่งหวัง โดยผ่านกระบวนการทางการศึกษานั้น นอกจากจะด าเนินการ ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนนักเรียนแล้ว การป้องกันและการช่วยเหลื อ แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดกับนักเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญ ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นครูประจำชั้นและครูผู้สอใน รายวิชาภาษาไทย ข้าพเจ้าพร้อมดูแลและติดตามนักเรียนอยู่สม่ำเสมอ และทำให้ข้าพเจ้าการรู้จัก นักเรยี นเปน็ รายบุคคล และพร้อมทีจ่ ะสง่ เสรมิ และช่วยเหลือนักเรียนทุกสถานการณ์ ภาพท่ี 4.4 กจิ กรรมโฮมรมู ชน้ั เรยี น ทีม่ า : ถ่ายโดยนางสาวนดา ร่ืนเรณู ภาพที่ 4.5 ทปี่ รึกษาการแขง่ ขันโครงงานระดบั วิชาการ ท่ีมา : ถา่ ยโดยนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6
48 4.4 บทสรปุ จากแนวคดิ ตา่ งๆ โมเดลครูราชภฏั และประสบการณจ์ ากสถานศึกษา สรุปได้วา่ การเป็นครูท่ี ดีสำหรับข้าพเจ้าคือ ครูจะต้องมีการพัฒนาตนเอง และครูจะประสบผลดีต้องเกิดจากการพัฒนานั้น คือ “ใจ” หรอื “จิตสำนึก” มใี จรักตอ่ อาชพี ครูและใจตอ้ งพร้อม ยอ่ มประสบความสำเรจ็ ตามเป้าหมาย ครูที่ได้รับการพัฒนา จะมีมากน้อยเพียงใด ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับต้นสังกัด จะให้โอกาสครูเหล่านี้ได้มี โอกาศพัฒนาตนเองด้านการศึกษาหรือไม่อย่างไร สังคมกำลังต้องการครูที่มีสานึกในความเป็นครู เสียสละ อดทน อุทิศตนในการสอนหรือการบริหาร ก็นับว่าเป็น “ครูที่มีจิตวิญญาณความเป็นครู” ปฏิบัติหน้าที่และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องระมัดระวังการประพฤติปฏิบัติให้อยู่ในหลักศีลธรรมและ จรรยาบรรณวชิ าชีพ ซง่ึ ลักษณะ ดงั กล่าว จะนำไปสู่การเป็น “ครมู อื อาชีพ” ควรมลี ักษณะ 3 ประการ ดังนี้1) แสวงหาความรู้พัฒนาตนเองตลอดเวลา เน้นเจตนาที่จะให้ผู้ร่วมงานประสบความสำเร็จ ด้วยกัน 2) ความปรารถนาดีเป็นความคิดที่อยู่เหนือระดับเหตุผลและตรรกะ เป็นความคิที่มาจากจิต วิญญาณหรอื จติ ใต้สำนกึ 3) สรา้ งความเชื่อมั่นในตนเอง มงุ่ มัน่ ในการทำงาน และศรัทธาในผลสำเร็จท่ี เกิดจากการปฏิบัติงาน หากครูปฏิบัติงานด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น และประพฤติตนตามหลักจรรยาบรรณ วชิ าชพี โดยที่ครจู ะตอ้ งดำเนนิ การเรยี นการสอนโดยการยึดจรรยาบรรณตอ่ วิชาชพี ตอ่ ผเู้ รียน และต่อ ตนเอง 4.5 แนวทางในการพัฒนาปรับปรงุ การเปน็ ครผู ุส้ ร้างสรรค์การเรียนรขู้ องตนเอง แนวทางในการพัฒนาปรับปรุงการเป็นครูที่ดีของข้าพเจ้า สะท้อนให้เห็นได้ว่า การพัฒนา ตนเองอย่างต่อเนื่องให้มคี วามรู้โดยเฉพาะทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยีและทักษะในการสอน ประพฤติเปน็ แบบอย่างที่ดีเอาใจใส่และหวังดีต่อศิษย์ปรารถนาให้ศิษย์ทุกคนได้มีการงานที่ดีทำและเป็นคนดีของ สงั คม การปฏบิ ตั งิ านของครูลักษณะดงั กลา่ วเรียกได้ว่าการปฏบิ ัติดว้ ย “จิตวญิ ญาณความเป็นครู”การ ปฏิบัตหิ น้าที่ ของครูดว้ ยความวิริยะ มงุ่ ม่ันและทมุ่ เทด้วยจิตและวิญญาณ อทุ ศิ ตนเพือ่ การสอน และมี การพัฒนาสื่อการสอนตลอด ก็จะทาให้เกิดความตระหนักและมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงาน พยายาม รักษาศกั ด์ิศรีแห่งตนและวชิ าชีพ และที่สำคัญคอื ความศรทั ธาในวชิ าชีพครูมุง่ มัน่ พัฒนาตนเอง ฉะนั้น จิตวิญญาณความเป็นครูจึงเป็นคุณลักษณะสำคัญของครูมืออาชีพ ดังนั้นการพัฒนาตนเองจึงเป็นสิ่ง สำคญั สำหรบั ครู 4.6 การนำไปใชใ้ นการประกอบอาชีพในอนาคต การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในครั้งนี้นั้น ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นแนวทางในการนำไปปรับ ใช้ในอนาคตนั้นก็คือ ครูที่ดีควรรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนอย่างจริงใจ เพื่อให้นักเรียนรู้สึก ปลอดภัยทีจ่ ะพูดความรสู้ กึ ของตัวเอง ในขณะเดยี วกนั ก็เปน็ การสอนให้เด็กๆ รจู้ ักฟังความเห็นของคน อืน่ ดว้ ย ครเู ชน่ นจ้ี ะสร้างบรรยากาศนา่ เรียนรู้ใหก้ บั ห้องเรยี น ครูท่ีดจี ะเปิดกว้างกบั ทกุ คน ไมว่ ่าจะเป็น
49 นกั เรียนหรอื เพื่อนรว่ มงาน ครเู ชน่ น้ีจะเปน็ คนทน่ี กั เรยี นรวู้ ่าสามารถมาหาได้เมือ่ พวกเขามีปญั หา หรือ แมแ้ ตจ่ ะมาเล่าเรื่องตลกให้ฟังเฉยๆ ก็ตาม พวกเขาจะเปน็ ผ้ฟู ังทีด่ ี และสามารถสละเวลาอนั ยงุ่ เหยงิ มา ให้คนที่กำลังเดือดร้อนได้เสมอ ถ้าครูมีปัญหาส่วนตัว นักเรียนจะดูไม่ออกเลย เพราะครูเหล่านี้จะเก็บ ปัญหาส่วนตัวไว้นอกโรงเรียนเสมอ นอกจากรักที่จะเรียนรู้แล้ว ยังนำความรักในการศึกษารวมเข้ากับ สอ่ื การสอน มาสรา้ งแรงบนั ดาลใจให้กบั นักเรียน ครูจะตอ้ งเปน็ นักเดินทางสายอาชพี นี้ ท่คี อยแสวงหา ความรู้ใหม่ๆ และเสาะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนักเรียนเสมอ ครูคนนี้จะต้องกล้าที่จะเรียนรู้เทคนิคการ สอนใหม่ๆ หรือนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในห้องเรียน และเป็นผู้แบ่งปันความรู้ใหม่ๆให้กับเพื่อน รว่ มงานเสมอ 4.7 ขอ้ เสนอแนะแก่ผทู้ ่สี นใจ ครูที่ดีนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจในด้านวิชาการและความเข้าใจในตัวของลูกศิษย์ที่ กำลังทำการสอน เพื่อปรับวิธีการเรียนการสอนให้เข้ากับบริบทของโรงเรียน ดังนั้นครูต้องพัฒนา นักเรียนจะดีหรือไม่ดีจะต้องเริ่มต้นจากตัวของคุณครูผู้สอน ครูที่ดีจะต้องเป็นผู้พัฒนาตนเองให้มี ความรู้ความสามารถ ด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน วางตัวเป็นแบบอย่างที่ดี มี คุณธรรมจริยธรรมและปฏิบัติตาม จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และมีความสุข ความภาคภูมิใจในการ เป็นครู รวมถึงการปฏิบัติตนที่เราเรียกว่า จรรยาบรรณวิชาชีพครู และในห้องเรียนนั้น ๆ และครูต้อง สามารถใหค้ ำแนะนะ ให้คำปรกึ ษาแกเ่ ดก็ นักเรยี นไดท้ ง้ั เรื่องการเรียนและเร่ืองอ่นื ๆ
50 บทที่ 5 ครูผูห้ มน่ั เพยี รเรียนรพู้ ฒั นาตนเอง ครูที่ดีนั้นจะต้องทำแต่ความดี คือ ต้องหมั่นขยัน และอุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเสียสละ ต้องหนักแน่นอดกลั้นและอดทน ต้องรักษาวินัย สำรวมระวัง ความประพฤติของตนให้ อยู่ในระเบียบแบบแผนอันดีงาม ต้องปลีกตัวปลีกใจจากความสะดวกสบายและความสนุกรื่นเริงที่ไม่ สมควร แก่เกียรติภูมิของตน ต้องตั้งใจมั่นคงและแน่วแน่ ต้องซื่อสัตย์ รักษาความจริงใจ ต้องเมตตา หวังดี ต้องวางใจเป็นกลาง ไม่ปล่อยไปตามอำนาจอคติ ต้องอบรมปัญญาให้เพิ่มพูนสมบูรณ์ขึ้น ทั้งใน ด้านวทิ ยาการ และความฉลาดรอบรูใ้ นเหตแุ ละผล 5.1 ความสำคญั ของการเปน็ ครูผหู้ ม่นั เพยี รเรยี นรู้พฒั นาตนเอง การเป็นครูนั้น ถือว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์อย่างยอดเยี่ยมแก่ประเทศชาติ เพราะครูคือ แมพ่ มิ พ์ของชาติ เป็นแม่แบบทส่ี ำคัญย่ิง ดังเป็นท่ีทราบกนั อยแู่ ล้วว่า ครู แปลว่า ผ้หู นัก หมายถึงหนัก ทุกสิง่ ทุกอย่าง เร่มิ ตน้ จากภาระงานทจ่ี ะต้องเตรยี มตัวอย่างหนกั เพอ่ื การสอนใหน้ กั เรยี นได้เข้าใจ หนัก ในการเป็นภาระให้นักเรียนได้ปรึกษาเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต หนักในการสอนซ่อม สอนเสริม เพื่อให้ นักเรียนที่เรียนไม่ทันเพื่อนได้เรียนทันคนอื่น นักเรียนที่เรียนเก่งให้ได้รับการพัฒนาส่งเสริมให้สูงข้ึน หนักในการควบคุมดูแลความปลอดภัย ความประพฤติให้นักเรียนได้รับความปลอดภัยและมีความ ประพฤติดี หนักในการทุ่มเทเวลาให้กับการสอน หนักในการเสียสละทรัพย์ส่วนตัวให้กับการจัด กิจกรรมการเรียนการสอน หนักในการจัดทำข้อมูลต่าง ๆ เพื่อส่งหน่วยงานระดับเหนือขึ้นไป หรือ หน่วยงานอื่นทขี่ อความรว่ มมอื มา หนกั ในการจัดทำแผนการสอน หรอื แผนการจดั การเรยี นรู้ เป็นตน้ 5.2 แนวคิดทเ่ี ก่ียวข้อง 5.2.1 ความเพียร ความหมายของคำว่า “ความเพียร”คำว่า บารมี ในพระพุทธศาสนาเถรวาท ถูกใช้ อย่างแพร่หลายในแง่มุมที่แตกต่างกัน จนบางครั้งทำให้เกิดความสับสนทั้งในด้านความหมายและ ความเข้าใจ โดยทั่วไปคำว่า บารมี หมายถึง ธรรมที่บำเพ็ญเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า หรือเรียกว่าบารมี ธรรม 10 (ทศบารมี) เช่น ทานบารมี การบำเพ็ญเน้นหนกั ในเรื่องการบรจิ าคทานศลี บารมี การบำเพ็ญ รักษาศีล เป็นต้น การทำความเข้าใจให้กระจ่างชัดและลุ่มลึกถูกต้องเพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์ กว้างขวางย่ิงขึน้ จากการศึกษาและการนำมาประยุกตใ์ ช้ในสังคมจึงเปน็ เรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การเสริมสร้างให้เยาวชนยึดหลักความเพียรในการพัฒนาตนเองเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพใน อนาคต ความเพียรมขี อบเขตความหมายและความสำคญั ท่หี ลากหลาย
51 การนำหลักความเพียรมาประยุกต์ใช้เพือ่ เสริมสร้างให้เยาวชนมีหลักการดำเนินชีวิตตามหลกั ความเพียร จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการศึกษาวิเคราะห์ในเชิงลึกทั้งในด้านเนื้อหาและบริบท ความหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งในบทความนี้ ผู้เขียนได้กำหนดรูปแบบของการศึกษาเรื่องนี้โดยในเบื้องตน้ เป็นการศึกษา สืบค้น และวิเคราะห์ ความหมาย ความสำคัญ และลักษณะของความเพียรเพื่อให้ได้ ข้อสรุปที่กระจ่างชัด ครบถ้วน ถูกต้อง จากหลักฐานในพระไตรปิฎก อรรถกถาฎีกา และเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวคิดทฤษฎีของผู้รู้ทางศาสนา เพื่อเป็นหลักฐานสนับสนุนรูปแบบการ เสริมสร้างความเพียรในเยาวชนปัจจุบันในท่ามกลางกระแสสังคมยุคใหม่ที่ท้าทายต่อการพิสูจน์ความ จริงของโลกและชีวิต จากตัวอย่างการบำเพ็ญความเพียรของพระโพธิสัตว์จนได้ทรงบรรลุเป้าหมาย สูงสุดคืออนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ การยึดหลักการสร้างความเพียรเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ใน สังคมปัจจุบัน เพื่อให้เกิดผลในเชิงการมีคุณธรรม จริยธรรมจำเป็นต้องอาศัยปัจจัอะไรบ้าง และต้อง ศกึ ษาทำความเข้าใจหลกั การใดบา้ งเพ่อื นำไปส่กู ารเสริมสรา้ งความเพียรในเยาวชนไทยปจั จุบนั คำว่า วิริยะ หรือ ความเพียร มีความหมายตามพจนานุกรมว่า ความบากบั่น ความกล้าแข็ง ความพยายาม จนกว่าจะสำเร็จ บากบั่น ตรงกับภาษาสันสกฤตว่า วีรฺย ตรงกับภาษาบาลีว่า“วิริย” (ราชบัณฑิตยสถาน, 2546)พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) ให้ความหมายวิริยะไว้ว่า “หมายถึง ความ เพียร ความบากบั่น ความเพียงเพื่อจะละความชั่ว ประพฤติความดี ความพยายามทำกิจ ไม่ท้อถอย เป็นข้อที่ 5 ในบารมี 10 ข้อ 1 ในโพชฌงค์ 7 ข้อ 2 ในอิทธิบาท 4” (พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต), 2546 นอกจากน้ยี ังมีความหมายจากคัมภรี ์พระพทุ ธศาสนาเถรวาทท่ไี ดก้ ล่าวถึงหลกั ของความเพยี ร หรือ ความวิริยะอุตสาหะไว้หลากหลาย สรุปได้ว่า ความเพียร คือความอาจหาญในการทำงาน หรือ กิริยาของผู้อาจหาญในการงาน ความจริงบุคคลทีป่ ระกอบวิริยะเป็นผูอ้ าจหาญในการงาน ย่อมสำคัญ การงานที่แม้จะใหญ่ว่าเล็ก แม้จะยากว่าง่าย แม้จะหนักว่าเบา ไม่คำนึงถึงความยากลำบากของตน ประคับประคองกายกับจิต อยู่เสมอเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ วิริยะจึงทำให้บุคคลเป็นไปอย่างนั้น และเปน็ กริ ยิ าแห่งกายกับจิตของบุคคลทเี่ ปน็ ไปเหมือนอย่างน้ัน (พระคนั ธสาราภวิ งศ์, 2546;75)วริ ิยะ ตามความหมายอีกนัยหน่ึงคือ สภาวะพึงให้เกิดขึ้นด้วยวิธี คือ นัย กล่าวคืออุบาย ได้แก่ การกระตุ้น เตือนในเบื้องแรกว่า “ผู้มีวิริยะจะไม่สำเร็จอะไรหรือ” วิริยะ คือสภาวะทำให้ผู้ถึงพร้อมด้วยวิริยะนั้น ขวนขวายเป็นพิเศษ โดยมีประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านเป็นเหตุวิริยะ ความเป็นแห่งบุคคลผู้กล้า หาญ อีกอย่างหนึง่ ธรรมชาติใด อันบุคคลพึงดำเนินไปตามวิธเี พราะฉะนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา่ วิริยะ” (คณะกรรมการแผนกตำรา, 2529;42)
52 คำว่า วิริยะ หมายถึง ความขยันหมั่นเพียรกับการทำหน้าที่ทหารที่ตนทำอยู่ งานทุกอย่างจะ สำเร็จได้ต้องอาศัยความขยันหมั่นเพียร ความวิริยะจึงเป็นเครื่องมืออีกอย่างหนึ่งที่จะนำคุณไปสู่ ความสำเร็จได้ ยิ่งกำลังพลขยันเท่าไรผลตอบแทนที่คุณจะได้รับมันก็มีมากเท่านั้น ที่สำคัญความวิริยะ จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความรักในงานจากฉันทะนั่นเอง และความวิริยะไม่ใช่การทำงานแบบเอาเป็นเอา ตาย แต่เป็นการหมั่นฝึกฝนตนเองต่างหาก ทั้งนี้มีข้อน่าสังเกตสำหรับคนทำงานร่วมกันคือ จะต้อง ขยันด้วยกันทั้งหัวหน้าและลูกน้อง ยิ่งผู้เป็นหัวหน้ายิ่งสำคัญมากถ้าเป็นคนเกียจคร้าน ลูกน้องก็มักไม่ ขยันตาม ถ้าหัวหน้ามีความขยันในหน้าที่การงานของตนจะสามารถดึงลูกน้องให้ขยันขันตามหัวหน้า ไปด้วย ความสำคัญของความเพียร ความเพียรไม่ท้อถอยในสิ่งที่แม้จะยากลำบากสักเท่าไรก็ตาม ซึ่งทุกคนที่เพียรในเรื่องอื่น มีความสามารถในเรื่องอื่น มาแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า ไม่มีอะไรที่จะยากกว่า ความเพียร ทจ่ี ะละความช่วั ประพฤตดิ ี และชำระจิตใจใหบ้ ริสุทธ์จิ ากอกุศลเพราะฉะนนั้ ก็จะเห็นได้วา่ ความสำเร็จทุกอย่างทั้งในทางโลกและทางธรรม ถ้าไม่มีความเพียรแล้ว ไม่มีทางจะสำเร็จได้เลย แต่ ความเพียรในทางโลก ซึ่งเต็มไปด้วย ความต้องการ กับความเพียรในกุศล ซึ่งจะขัดเกลากิเลส ความ เพยี รในกศุ ลเพ่อื ขัดเกลากเิ ลส ก็ย่อมจะต้องมีความเพยี รมากกว่า เพราะวา่ ปกติแล้ว ก็เป็นผู้ท่ีเพียรใน อกุศล เป็นผู้ที่เพียรในอกุศลคือ เพียรด้วยความติดข้องต้องการในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ใน โผฏฐัพพะ ซึ่งทุกคนก็พิสูจน์ได้ว่า เพียรอย่างนี้มาโดยตลอดคือเพียรที่จะได้รูป ด้วยความต้องการใน รูปนั้น เพียรที่จะได้ลาภ ได้ยศ ได้สรรเสริญ ได้สุข เพราะว่ากว่าจะมีกำลัง ในความเพียรที่จะละ ไม่ใช่ เพียรท่จี ะได้ แต่เพียรทจ่ี ะละความติดข้องในรูป ในเสียงในกลิน่ ในรส ในสมั ผัส ในทกุ อยา่ ง ในลาภ ใน ยศ ในสรรเสริญสุข ก็จะเห็นได้ว่าต้องเป็นเวลาที่ยาวนานมาก กว่าจะเปลี่ยนความเพียรในอกุศลเป็น ความเพยี รท่ีเปน็ กศุ ล วิริยะนี้มาคู่กับความอดทนอดกลั้น เป็นความรู้สึกไม่ย่อท้อต่อปัญหาและมีความหวังที่จะ เอาชนะอุปสรรคทั้งปวง โดยมีศรัทธาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจนำใจ และเตือนใจ ความอดทนเป็น เครื่องมือสำหรับคนใจเย็นและ ใจงามด้วย ไม่ใช่มุทะลุดุดันรบเร้าและรุ่มร้อน เพราะมันจะทำให้มี โอกาสผิดพลาดได้ง่าย หรือสูญเสีย ความอดทนในที่สุด ดังนั้น ความวิริยะอุสาหะจึงเป็นวิถีทางของ กำลังพลที่หาญกล้าและท้าทายต่ออุปสรรคใดๆ ทั้งมวล ความวิริยะมันเกิดจากอะไร เกิดจากศรัทธา หรือฉันทะนั่นเอง และเป็นศรัทธาที่มั่นคงด้วยไม่ว่าจะมีอุปสรรค์ใดๆมากระทบก็ตามก็จะ ไม่ เปลี่ยนแปลง แต่อาจปล่อยวางหรือวางเฉยในบางเวลาบางสถานการณ์บ้าง เพื่อรอสภาวะที่เหมาะสม กว่า ความมีวิริยะไม่ใช่ความดุดันอย่างเอาเป็นเอาตายหรือต้องให้ได้เสมอ แต่มันคือความแยบยลและ เลือกที่จะทำบางอย่างเพื่อรักษาศรัทธาไว้หรือ เพื่อรอวาระที่เหมาะสมอันหมายถึงการบรรลุผลแห่ง
53 ศรัทธา ถ้ากำลังพลจะฝึกฝนเรื่องความวิริยะแล้วคงต้องเริ่มจากความคิดที่ว่า ต้องหมั่นฝึกฝนตนเอง บ่อยๆ หมั่นทำหมั่นคิดหมั่นเขียนหมั่นนำเสนอและอย่าขี้เกียจ อย่ากลัวความผิดพลาดและจงกล้า แสดงออกซึ่งความรับผดิ ชอบต่อความล้มเหลวของตัวเอง อย่าท้อต่องานหนักและงานมากให้คิดว่าทำ มากรมู้ ากเก่งมากข้นึ อย่าบ่นว่าไมม่ เี วลาเพราะเวลามเี ท่ากันทุกคน กล่าวโดยสรุป สถานะความสำคญั ของวิริยะ, ความเพียร และคำที่เป็นไวพจน์อ่ืนๆ ของความ เพียรที่ปรากฏในหมวดธรรมทั้งหลายดังกล่าวมานี้ ล้วนแล้วแต่เป็นหลักธรรมที่สนับสนุนและส่งเสริม กัน เม่ือบุคคลนำมาปฏิบัติใหถ้ ูกต้องก็จะส่งผลให้ผู้น้ันพ้นทุกข์ได้ตามสมควรแก่การปฏิบัติ นอกจากน้ี การสร้างความเพียรยังถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่นำไปสู่ความเป็นพระพุทธเจ้า ดังเช่น พระพุทธ องค์ได้ทรงบำเพ็ญให้เห็นเป็นตัวอย่างมาในพุทธประวัติสมัยที่ทรงบำเพ็ญตนเป็นพระ โพธิสัตว์ในชาติ ตา่ งๆ จนถงึ ข้นั ได้บรรลุอนตุ รสัมมาสมั โพธญิ าณในทีส่ ดุ ก็ด้วยทรงเคยบำเพ็ญความเพยี รน้ีมาน่ันเอง 5.2.2 ความเปน็ พลเมืองดี ความเป็นพลเมือง เป็นแนวคิดคลาสสิคที่ดีที่สุด ที่ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในการเมืองในแบบ อริสโตเติ้ล ในบริบทนี้ พลเมืองจะผูกติดอยู่กับงานของเมือง (Polis) เพราะด้วยงานดังกล่าวทำให้คน หนึ่งคน (Individual)ได้แสดงถึงความเป็นมนุษย์อย่างเต็มที่ ความเป็นมนุษย์นั่นคือ ความ กระตือรือร้น สังคม และคุณธรรม ที่ตระหนักถึงเป้าหมายของชีวิต พลเมืองจะค้นหาสิ่งสุดท้ายและ ตอ้ งยดึ ถอื ในความต้ังใจน้นั ดังที่ Pocock (1995 as cited in Denhardt & Denhardt, 2007) กล่าว ว่า \"ดังนั้นแล้ว พลเมืองคือตัวสร้าง และรับผลจากกฎหมาย พลเมืองจะเข้าร่วมในการตัดสินใจแต่ละ คร้งั ที่ผู้ตดั สนิ ใจเคารพในหนา้ ท่ขี องผูอ้ นื่ และเข้ารว่ มเชอื่ ฟงั ในการตดั สนิ ใจแตล่ ะครง้ั ... ทพ่ี วกเขทำขึ้น นอกจากนี้ Pocock ยังได้อธิบายต่อว่า ภายหลัง ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิดการเป็น พลเมืองใน บริบทของการเมอื ง (Political Being) ไปสูก่ ารเปน็ พลเมอื งในบริบทของกฎหมาย(Legal Being) โดย Roman Jurist Gaius ซึ่งยังคงมีอิทธิพลอยู่ถึงโลกปัจจุบันตามองค์ประกอบ 3ประการ คือ บุคคล (Persons) การกระทำ (Actions) และสิ่งของ (Things) ดังนั้น พลเมืองของกรีกจึงก้าวจาโลกของ สิ่งของ ไปสู่โลกของการปฎิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล อาทิ ความต้องการ การพูดคุยและสงคราม ขณะท่ี พลเมืองโรมัน ยังคงสภาพไ ว้ซึ่งกฎหมายและกษัตริย์ อันเป็นสิ่งที่พวกเขาเชื่อในสิ่งของ และบุคคล และการกระทำ ความเป็นพลเมือง (Citizenship) เป็นคำที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ประชาธิปไตยจะประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่เพียงแต่มีรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ประชาชนจะต้องเป็น\" พลเมือง\" ตามระบอบประชาชปีไตยด้วย\" กล่าวคือ มีสมาชิกของสังคมที่ใช้สิทธิเสรีภาพโดยมีความ รบั ผดิ ชอบ เคารพสทิ ธผิ ูอ้ นื่ เคารพความแตกต่าง เคารพกติกา ในนานาประเทศ อาทิ ประเทศสหรข้อ
54 เมริกาและประเทศเยอรมนีจัดให้มีการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมือง (Civic Education)ขึ้นมา และประสบความสำเร็จในการสร้างพลเมือง จนเป็นตัวอย่างให้กับประเทศต่างๆ และปัจจุบัน การศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองได้กลายเป็นปัจจัยความสำเร็จในการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยของประเทศต่างๆ ท่วั โลก ความเป็นพลเมืองเป็นสภาวะของการเปน็ พลเมืองของสงั คมของประชาชนของชาติที่มีทฤษฎี เรื่องของสัญญาของสังคม ที่ให้สิทธิและความรับผิดชอบแก่ประชาชน ความเป็นพลเมอื งเป็นเรื่องของ การมีสิทธิ เสรีภาพ การมีส่วนร่วมทางการเมืองในชีวิตของชุมชน ในทางกฎหมายยังเป็นเรื่องที่เชื่อม ระหวา่ งปัจเจกชนกับรัฐอกี ด้วย นอกจากนี้ พลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตยถอื ว่าเปน็ พลเมืองที่ต้องมี คุณสมบัตเิ ฉพาะทจี่ ะนำประเทศไปส่สู ันตสิ ุขด้วยวถิ ีประชาธิปไตย ซ่งึ รวมการมอี ิสรภาพ การพ่ึงตัวเอง ได้ การมีสิทธิ การเคารพสิทธิ มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เคารพกติกาบ้านเมือง ไม่ใช้ความรุนแรง มีจิตสาธารณะ เป็นตน้ 5.2.3 ทักษะในศตวรรษท่ี 21 ดา้ น ทักษะภาษาอังกฤษ และความหลากหลายทาง วฒั นธรรม โลกในศตวรรษที่ 21 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในหลายด้าน การเปลี่ยนแปลงทั้งด้าน เศรษฐกิจสังคม สิ่งแวดล ้อม และความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต ของคนบนโลกให้ตอ้ งมีการปรับเปล่ียนตามไปดว้ ย ตัวอย่างเชน่ ความเจรญิ ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศที่ ช่วยให ้สามารถรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ จากทุกภูมิภาคของโลกเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ผ่านสื่อสังคมท่ี หลากหลาย ทำให้เราต้องพัฒนาทักษะทางด้านทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแลการสื่อสาร ซ่ึง รวมทั้งความสามารถในการคิด การกลั่นกรองข้อมูลและการตัดสินใจเลือกใช้สื่อทีเหมาะสม เพื่อให้รู้ ท่าทันสื่อ และสามารถนำมาปรับใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและมี ประสิทธิภาพ แต่ความสามารถหรือทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพียงอย่างเดียว คงยังไม่เพียง พอที่จะช่วยให ้บุคคลสามารถประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพและการดำเนินชีวิตในโลกยุค ใหม่ได้ ยังต้องมีความสามารถอื่นๆ อีกเช่น ต ้องเป็นคนที่รอบรู ้ในเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องราวความ เปน็ ไปของโลก เศรษฐกจิ ส่ิงแวดล้อม และสขุ ภาพดงั นัน้ จึงต้องอาศยั ทกั ษะดา้ นการเรยี นรู ้ การสรา้ ง นวัตกรรม ทักษะด้านชีวิตและอาชีพ เป็นต้น ซึ่งทักษะต่างๆเหล่านี้ ถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญของ สถาบนั การศึกษาทจ่ี ะต้องสรา้ งใหเ้ กิดข้นึ ในตัวผูเ้ รียนทกุ ระดบั 5.2.4 คุณธรรมความเป็นครู คุณธรรมเป็นเสมือนหลักการสำคัญที่ให้ไว้สำหรับบุคคลหรือสังคมได้นำไปประยุกต์ใช้ในการ ดำรงชีวิต จะช่วยให้บุคคลปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่น มีความสำเร็จในงานที่ทำ เป็นคนดีของ
55 ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ สำหรับครูกับคุณธรรมนั้นจะต้องเป็นของคู่กัน หากครูขาด คุณธรรมเมื่อใดก็เหมือนกับนักบวชที่ไร้ศีล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานหลัก คุณธรรมสำหรับคนไทยในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ ท้อง สนามหลวง วันจนั ทรท์ ี่ 5 เมษายน พ.ศ. 2525 ท้ังน้เี พอ่ื ยดึ ถือปฏบิ ตั ิมีอยู่ 4 ประการ คอื ประการแรก คือ การรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัต แต่สิ่งที่เป็น ประโยชนแ์ ละเปน็ ธรรม ประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเอง ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจ ความดนี นั้ ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสจั สุจริตไม่วา่ จะด้วยเหตปุ ระการใด ประการที่ส่ี คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความสุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพือ่ ประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมอื ง คุณธรรมทง้ั 4 ประการน้ีจะชว่ ยให้ประเทศชาตบิ ังเกิดความสุข รม่ เย็น โดยเฉพาะผู้ที่เป็น ครู จำเปน็ ตอ้ งยึดถอื ปฏบิ ตั เิ พ่ือประโยชน์ของตนเองและผู้อน่ื ตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครูของคุรุสภา ซึ่งได้จากการประชุมสัมมนาวิชาชีพครูครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 27 – 28 เมษายน พ.ศ. 2532 ได้สรุปว่า บุคคลที่ประกอบวิชาชีพครูมีลักษณะ พื้นฐาน 4 ประการ คือ รอบรู้ สอนดี มีคุณธรรมตามจรรยาบรรณและมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง (สำนกั งานเลขาธิการครุ ุสภา. 2532 : 6 – 9) ในที่นี้จะนำมากล่าวเฉพาะในส่วนที่เปน็ ข้อคุณธรรมตามจรรยาบรรณ ซึ่งมีคุรุสภากำหนดไว้ 9 ข้อ ดังต่อไปน้ี 1. มเี มตตากรุณา พฤตกิ รรมหลัก คือ มีความเอ้ือเฟอื้ เผื่อแผ่ ช่วยเหลือเพ่ือนร่วมงานและ สังคม มีความสนใจและห่วงใยในการเรียนและความประพฤติของนักเรียน ส่วนพฤติกรรมบ่งชี้ คือ ไม่นิ่งดูดายและเต็มใจช่วยเหลือผูอ้ ื่นตามกำลังความสามารถ ให้ความรักความเอาใจใส่ช่วยเหลือดูแล เด็กให้ได้รับความสุขและพ้นทุกข์ เป็นกันเองกบั นักเรียน เพื่อให้นักเรยี นมคี วามรู้สึกเปดิ เผยไว้วางใจ และเปน็ ท่พี ึ่งของนกั เรยี น 2. มีความยุติธรรม พฤติกรรมหลัก คือ มีความเป็นธรรมต่อนักเรียนและมีความเป็นกลาง ส่วนพฤติกรรมบ่งชี้ คือ เอาใจใส่และปฏิบัติต่อนักเรียนทุกคนอย่างเสมอภาคและไม่ลำเอียง ตัดสิน ปัญหาของนักเรียนด้วยความเป็นกลาง ยินดีช่วยเหลือนักเรียน ผู้ร่วมงานและผู้บริหารโดยไม่เลอื กที่ รักมักที่ชัง
56 3. มีความรับผิดชอบ พฤติกรรมหลัก คือ มุ่งมั่นในผลงาน ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและปฏิบัติ หน้าที่ครบถ้วน ส่วนพฤตกิ รรมบ่งชี้ คือ มีวิธีการที่จะปฏบิ ัตงิ านให้บรรลุวัตถุประสงค์ วางแผนการ ใช้เวลาอย่างเหมาะสม และปฏิบัติงานให้ทันเวลา ใช้เวลาคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ วางแผนการ ปฏิบัติงานอย่างมีระบบ ปฏิบัติงานตามแผนได้เสร็จและมีประสิทธิภาพ มีความรอบคอบ ระมดั ระวงั ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ที กุ ด้าน ปฏิบัติภารกจิ ทุกด้านไดค้ รบตามความสามารถและประเมนิ ผล การปฏบิ ัติงานได้อยา่ งเหมาะสม 4. มีวินัย พฤติกรรมหลัก คือ มีวินัยในตนเอง และปฏิบัติตามกฎและระเบียบ ส่วน พฤตกิ รรมบ่งช้ี คือ ควบคมุ ตนเองใหป้ ฏบิ ตั ิตนอยา่ งถูกตอ้ งตามทำนองคลองธรรม มีวิธีทำงานที่เป็น แบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นได้ ปฏิบัติตามกฎและระเบียบของหน่วยงานและสถานศึกษาปฏิบัติหน้าที่การ งานเป็นไปตามขน้ั ตอน 5. มีความขยัน พฤติกรรมหลัก คือ มีความตั้งใจและมีความพยายาม ส่วนพฤติกรรมบ่งช้ี คือ กระตือรือร้นและปฏิบัติงานเต็มความสามารถอย่างสม่ำเสมอ ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคในการ ทำงาน และมีความพยายามที่จะสอนเดก็ ให้บรรลจุ ดุ หมาย 6. มีความอดทน พฤติกรรมหลัก คือ อดทนเมื่อเกิดอุปสรรค และมีความสามารถในการ ควบคุมอารมณ์ ส่วนพฤติกรรมบ่งชี้ คือ ปฏิบัติงานเต็มไม่ทิ้งขว้างกลางคัน ไม่ โกรธง่าย และ สามารถควบคมุ อารมณ์ได้อย่างเหมาะสม และอดทนอดกลั้นคำวพิ ากษว์ ิจารณ์ 7. มีความประหยัด พฤติกรรมหลัก คือ รู้จักประหยัดและออม และใช้ของให้คุ้มค่าส่วน พฤติกรรมบ่งชี้ คือ ชว่ ยรกั ษาและใชข้ องสว่ นรวมอย่างประหยัด ไม่ใชจ้ ่ายฟุ่มเฟอื ยเกินฐานะของตน รูจ้ ักเกบ็ ออมทรัพย์ เพ่ือความมัน่ คงของฐานะ และร้จู ักใชแ้ ละเกบ็ รักษาของอยา่ งถกู วิธี 8. มีความรักและศรัทธาในอาชีพครู พฤติกรรมหลัก คือ เห็นความสำคัญของอาชีพครู และรักษาช่อื เสียงวิชาชีพครู ส่วนพฤตกิ รรมบ่งช้ี คอื สนบั สนุนการดำเนนิ งานขององค์กรวิชาชพี ครู เข้าร่วมกิจกรรมวิชาชพี ครู ร่วมมือและส่งเสริมใหม้ กี ารพัฒนามาตรฐานวชิ าชีพครู ตั้งใจปฏิบัตหิ น้าท่ี ใหเ้ กดิ ผลดแี ละเกิดประโยชน์ตอ่ สว่ นรวมเป็นสำคัญ รกั ษาความสามัคคีและช่วยเหลอื ซง่ึ กันและกันใน หน้าทกี่ ารงาน ปกป้องและสร้างความเข้าใจอนั ดีต่อสังคมเกี่ยวกบั วิชาชพี ครู 9. มคี วามเปน็ ประชาธปิ ไตยในการปฏิบัติงานและการดำรงชีวติ พฤตกิ รรมหลกั คือ รังฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่น และมีเหตุผล ส่วนพฤติกรรมบ่งชี้ คือ เปิดโอกาสให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็น รับฟังความคิดเห็นและข้อโต้แย้งของผู้อื่น ยอมรับและปฏิบัติตามความคิดที่มีเหตุผล โดยคิดถึง ประโยชน์สว่ นรวมเป็นหลัก และใชห้ ลักการและเหตุผลในการตัดสินใจและแก้ปัญหา
57 5.3 ผลการสะท้อนคิดท่ีเกดิ ข้นึ จากพระบรมราโชวาท แนวคดิ ความเปน็ พลเมอื ง คุณธรรมความเป็นครู และประสบการณ์ ในสถานศกึ ษา เมอ่ื พจิ ารณาประกอบกับครูผหู้ มัน่ เพยี รเรยี นรู้พัฒนาตนเองตามโมเดลราชภฏั เหน็ ได้ ดังนี้ 5.3.1 พัฒนาตนเอง เปน็ แบบอย่างและพลเมืองทด่ี ี ครูนั้น ถือว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์อย่างยอดเยี่ยมแก่ประเทศชาติ เพราะครูคือ แม่พิมพ์ของชาติ เป็นแม่แบบที่สำคัญยิ่ง ดังนั้นการท่ีข้าพเจ้าได้ไปปฏิบัติในสถานศึกษานั้นก็ถือว่า ตนเองเป็นตน้ แบบในทกุ ๆ ด้านของนักเรยี น มีความรักและความเมตตาตอ่ ศษิ ย์ มีความเสยี สละ หมนั่ เพียรศึกษา ปรับปรุงวิธีการสอน เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ต้องมีความเข้าใจและเอาใจใส่ตัวศิษย์ทุก คน เป็นกำลังใจและช่วยสร้างแรงบัลดาลใจให้กับศิษย์เพื่อให้เขาเป็นคนใฝ่เรียนรู้ เป็นแบบอย่างที่ดีมี จรรยาบรรณในวิชาชีพครู มีจิตวิญญาณของความเป็นครู สามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นอย่างดี และ การที่ข้าพเจ้าจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อศิษย์นั้นไม่ว่าจะเป็นด้านความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง การทำงาน รวมไปถงึ การแตง่ กาย ข้าพเจ้าต้องผ่านการอบรม ความเพียรในการศกึ ษาใฝ่หาความรู้ต่าง ๆ เพิ่มเตมิ เพือ่ พัฒนาตนเองให้เป็นแบบอย่างท่ดี ตี ่อศิษย์ ภาพที่ 5.1 ทดสอบความรปู้ ระจำวนั ภาษาไทยแห่งชาติ ท่ีมา : ถ่ายโดยนางสาวธญั พิชชา วงษแ์ พทย์
58 ภาพท่ี 5.2 เขา้ อบรมแนวทางการจัดการเรยี นการสอน ทม่ี า : ถา่ ยโดยนางสาวธัญพชิ ชา วงษ์แพทย์ ภาพที่ 5.3 เขา้ รว่ มอบรมโครงการพัฒนาหลักสตู รและกระบวนการผลติ ครู ที่มา : ถา่ ยโดยนางสาวธัญพชิ ชา วงษ์แพทย์
59 ภาพท่ี 5.4 ฝึกซ้อมการแสดงในวนั ภาษาไทย ทมี่ า : ถ่ายโดยนางสาวธัญพิชชา วงษแ์ พทย์ 5.3.2 ฟัง พดู อ่าน เขียน ภาษาไทยและองั กฤษ ในระหวา่ งการศึกษาอยใู่ นรัว้ มหาวิทยาลยั น้ันขา้ พเจา้ ไดม้ กี ารฝึก พูด ภาษาไทยและ ภาษาองั กฤษ ซ่ึงทางมหาวิทยาลยั ได้มอบโอกาสในการเรยี นร้ภู าษาอังกฤษอยูบ่ อ่ ยคร้งั ซ่งึ เป็นผลให้ ข้าพเจา้ น้นั ได้ผ่านการทดสอบสมรรถนะทางวชิ าชีพครู ในรายวิชาภาษาอังกฤษ อีกทัง้ ในระหวา่ งท่ีได้ เรียนอยู่ในรายวิชาตา่ ง ๆ นัน้ ยงั มีการสนบั สนนุ ใหพ้ รีเซน้ หน้าช้ันเรยี น ซ่ึงเมื่อไดท้ ำบ่อยเข้า ทำให้ ขา้ พเจา้ มีความกลา้ พูดกล่าแสดงออก รวมไปถงึ ต้องขอบคุณอาจารย์ทางบสาขาวิชาภาษาไทย ทไ่ี ด้มี การใหน้ ักศกึ ษานนั้ ไดฝ้ ึกพูดในสถานที่ทม่ี คี นจำนวนมาก เช่น การพดู บนเวทเี ปน็ เวลา 7 นาที 15 นาที เปน็ ต้น ซ่ึงเป็นประโยชนต์ อ่ ข้าพเจา้ มาก ๆ ซึง่ สง่ ผลให้ในตอนทไี่ ปฝึกประสบการณ์สอนนัน้ ทำให้ ข้าพเจา้ กลา้ พดู กลา้ แสดงออกมากขึน้ ไดร้ บั โอกาสในการเป็นพิธกี รน้นั เอง ภาพท่ี 5.5 พิธกี รดำเนนิ งานวันภาษาไทยแห่งชาติ ประจำปี 2565 ท่มี า : ถ่ายโดยนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
60 ภาพท่ี 5.6 พิธกี รดำเนนิ งานวันสนุ ทรภปู่ ระจำปี 2565 ทม่ี า : ถ่ายโดยนกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 5.4 บทสรุป จากแนวคิดต่างๆ โมเดลครูราชภัฏ และประสบการณ์ในสถานศกึ ษา สรุปได้ว่า ครูที่ดีจะต้อง ทำแต่ความดี คือ จะต้องหมั่นขยันและอุตสาหะพากเพียร ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละต้องหนัก แน่นอดกลั้นและอดทน ต้องรักษาวินัยความสำรวมระวังความประพฤติของตนให้อยู่ในระเบียบใน แผนอันดีงามต้องปลีกตัวและปลีกใจจากความสบายความสนุกรื่นเริง ต้องตั้งใจแน่วแน่ ต้องซื่อสัตย์ รกั ษาความจริงใจต้องเมตตาและหวังดีมีใจเปน็ กลางตอ้ งอบรมปัญญาให้เพม่ิ พนู สมบรู ณ์ข้ึน ทั้งในดา้ น วิทยาการและความฉลาดรอบรู้ในเหตุและผลและไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้นักเรียนโดยตรงหรือการ ปฏิบตั ติ นเองใหเ้ ป็นแบบอย่างที่ดี ครตู อ้ งสง่ เสรมิ ใหน้ กั เรียนใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด ส่งเสริม กิจกรรมด้านสหกรณ์ร้านในโรงเรียน และการออมทรัพย์เพื่อสร้างนิสัยในการประหยัดอดออม นอกจากนี้ ครูยงั สามารถใหค้ ำปรึกษา คำแนะนำในการกระตุน้ หรือริเริ่มอาชีพใหม่ ส่งเสริมให้เกิดการ ผลิตและการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการทำงานและอาชีพ ซึ่งล้วนเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนมี ความตระหนกั ถึงบทบาทของนกั เรยี นในการพฒั นาเศรษฐกจิ ของชาติไปดว้ ย 5.5 แนวทางในการพัฒนาปรบั ปรงุ การเปน็ ครผู ูห้ มนั่ เพยี รเรียนร้พู ฒั นาตนเอง จากการที่ได้ฝึกประสบการณ์สอนทำให้ข้าพเจ้าได้พบแนวทางในการนำไปพัฒนาตนเองใน อนาคตคือ นำพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ภูมิพลอดุลยเดช ที่ไดพ้ ระราชทาน
61 พระบรมราโชวาทแก่ครู อาวุโส เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2522 มาปรับใช้ในอนาคต ซ่ึงมีข้อความที่ เก่ียวกบั ลักษณะครทู ี่ดี 3 ประการ คือ “ความเปน็ ครูนัน้ ประกอบข้ึนด้วยส่งิ ทีม่ ีคุณค่าสูงหลายอยา่ ง อยา่ งหน่งึ ไดแ้ ก่ ปัญญา คอื ความรู้ที่ดี ประกอบด้วยหลักวิชาอันถูกต้อง ที่แน่นแฟ้นกระจ่างแจ้งในใจ รวมทั้งความฉลาดที่จะ พิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตลอดจนกิจที่จะท า ค าที่จะพูดทุกอย่างได้โดยถูกต้อง ด้วยเหตุผลอย่างหนึ่ง ได้แก่ ความดี คือความสุจริต ความเมตตากรุณา เห็นใจและปรารถนาดีต่อผู้อื่นโดยเสมอหน้า อีก อยา่ งหนึง่ ไดแ้ ก่ ความสามารถ ทจ่ี ะเผอ่ื แผ่และถ่ายทอดความรู้ความดีของตนเองไปยังผู้อนื่ อย่างได้ผล ความเป็นครูมีอยู่แล้ว ย่อมฉายออกให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ดว้ ยท่ีมีความเป็นครูสมบูรณ์ในตัวนอกจาก จะมีความดีด้วยตนเองแล้ว ยังจะช่วยให้ทุกคนที่มีโอกาสเข้ามาสัมพันธ์เกี่ยวข้องบรรลุถึงความดีของ ความเจริญไปด้วย” ครูเป็นบุคคลที่มีความสำคัญที่สุดในวงการศึกษา เพราะเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดองค์ ความรู้อันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและโลกนอกจากนั้นยังเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการสร้างบัณฑิตอย่าง มาก เหตุผลดังกล่าว ข้าพเจ้านั้นจะนำคำสอนไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในการเรียนการสอน และ เปน็ แบบอย่างท่ดี ตี อ่ นกั เรยี น เพ่ือให้นกั เรียนนน้ั ปฏิบตั ิตนตามแบบอย่างท่ถี ูกต้องนั้นเอง 5.6 การนำไปใชใ้ นการประกอบอาชีพในอนาคต ในอนาคตข้าพเจ้าจะพัฒนาตนเอง โดยนำพระบรมราโชวาทมาปรับใช้ในอนาคต ทั้งนี้เพ่ือ ยึดถือปฏิบัติมีอยู่ 4 ประการ คือ ประการแรก คือ การรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะ ประพฤติปฏิบัต แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม ประการที่สอง คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจ ตนเอง ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจ ความดีนั้น ประการที่สาม คือ การอดทน อดกลั้น และอด ออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจ สุจริตไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด ประการที่สี่ คือ การรู้จักละวาง ความชั่ว ความสุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง คุณธรรมทั้ง 4 ประการนี้จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ร่มเย็น อีกทั้งข้าพเจ้าจะนำ ข้อเสนอแนะ คำติชม คำสอนจากครใู นหมวดมาปรับใชใ้ นอนาคตให้เกิดประโยชน์สูงสุดตอ่ ตนเอง 5.7 ขอ้ เสนอแนะแกผ่ ู้ท่ีสนใจ การพัฒนาตนเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับครู และการเป็นแบบอย่างที่ดีนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับนักเรียน ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นครูจะต้องมีควบคู่กันไป ต้องหมั่นฝึกฝนตนเองบ่อยๆ หมั่นทำหม่นั คิดหมั่นเขียนหมั่นนำเสนอและอย่าขี้เกียจ อย่ากลัวความผิดพลาดและจงกล้าแสดงออกซึ่งความ รับผิดชอบต่อความล้มเหลวของตัวเอง อย่าท้อต่องานหนักและงานมากให้คิดว่าทำมากรู้มากเก่งมาก ขึ้น อย่าบ่นว่าไมม่ เี วลาเพราะเวลามีเทา่ กนั ทกุ คน
62 บรรณานุกรม โกมาตร จงึ เสถยี รทรัพย.์ สุขภาพไทยวฒั นธรรมไทย.นนทบรุ :ี สำนักวจิ ัยสังคมและสขุ ภาพ. 2550 คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนร.ู้ (2543). การปฏิรปู การเรยี นรู้ทีเน้นผเู้ รยี นเปน็ สำคัญทสี ุด : แนวทางสูก่ ารปฏริ ปู . กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์คุรสุ ภาลาดพรา้ ว. จติ ติ มงคลชยั อรญั ญา. (2540). การศกึ ษาชมุ ชนเพ่ือการพัฒนา. เอกสารประกอบการเรียน ภาควชิ าการพฒั นาชมุ ชน คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. ชูชาติ พ่วงสมจติ ร์. (2554) รายงานการวิจยั ประเมินผลการจดั การศึกษาของเมอื งพัทยา. กลุ่ม นโยบายการบรหิ ารจดั การศกึ ษา สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา:กรุงเทพฯ. ชาตรี เกดิ ธรรม. (2542). การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ทีเนน้ ผเู้ รียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพมหานคร: เซนต์เตอร์ดสี คมั . ณัฏฐภรณ์หลาวทองและปิยวรรณ วิเศษสวุ รรณภมู .ิ (2553). การพฒั นาแบบวดั จิตวญิ ญาณความ เปน็ คร.ู วารสารวธิ วี ิทยาการวจิ ยั , 23(1):25-54 ดำรงศกั ด์ิ แก้วเพง็ . (2556). ชุมชน. สงขลา : นำศลิ ปโ์ ฆษณา ทวีป อภสิ ทิ ธ์ิ. (2559). กิจกรรมส่งเสริมความคิดสรา้ งสรรคส์ ำหรับเดก็ และเยาวชน. กรุงเทพฯ: สำนกั พมิ พแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บุญชม ศรีสะอาด.(2556). การวิจัยเบ้อื งตน้ : ฉบับปรับปรงุ ใหม่. พิมพค์ ร้ังที่ 9. กรุงเทพมหานคร: สุ วรี ยิ าสาส์น. บุญธรรม กจิ ปรดี าบรสิ ทุ ธ.์ิ (2543). รวมบทความ การวจิ ัย การวัดและประเมนิ ผล. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 2. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพศ์ รอี นันต์. ประสาท หลักศิลา. (2519). ชมุ นุมชน. (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 3). กรงุ เทพฯ: สภาวจิ ัยแห่งชาติ ประเวศวะส.ี (2541). ยุทธศาสตร์ชาตเิ พอื่ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม. ปาฐกถาพิเศษ ป๋วยอ๊งึ ภากรณ.์ หมอชาวบา้ น. (ม.ป.ท) ________. (2541). ประชาคมตำบล. พิมพ์ครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ : มติชน. ประสิทธ์ิ อุน่ หนองกุ่ง. (2555). เอกสารประกอบการสมั มนาภาวะผู้นำ. สกลนคร : มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร. ปรีชา วงศ์ทิพย์. (2555). การพฒั นาชมุ ชนประยกุ ต์ : แนวคิดการบรู ณาการ. พระมหาสทุ ิตย์ อาภากโร บรรณาธิการ. กรงุ เทพฯ : สถาบันเสรมิ สรา้ งการเรยี นร้เู พ่ือชุมชนเปน็ สขุ (สรส.). ปาริชาติ วลยั เสถียร และคณะ. (2546). กระบวนการและเทคนิคการทำงานของนักพัฒนา. พิมพ์ครง้ั ที่ 2, กรงุ เทพฯ : สำนกั งานกองทนุ สนับสนุนการวิจยั . พัชนี สมกำลัง. (2556). จติ วญิ ญาณของผนู้ ำทางการพยาบาล ฟอเรนซ์ ไนติงเกล. กรุงเทพฯ: โรง พิมพแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
63 พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโฺ ต). (2546). พจนานกุ รมพทุ ธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท.์ พมิ พค์ รงั้ ที่ 11. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั พระคนั ธสาราภิวงศ์ (แปล). (2546). อภธิ มั มตั ถสงั คหและปรมตั ถทีปนี. กรงุ เทพมหานคร : ห้างหนุ้ ส่วนจำกัดไทยรายวนั กราฟฟคิ เพลท. พาสนา จุลรัตน์. (2548). เอกสารประกอบการสอน รหสั วิชา PG 606 ความคิดสรา้ งสรรค.์ กรุงเทพฯ : ภาควชิ าจติ วิทยาการแนะแนวและจติ วิทยาการศกึ ษา. พิสณุ ฟองศรี. (2551). วจิ ยั ชนั้ เรยี น: หลกั การและเทคนคิ ปฏบิ ตั .ิ พิมพ์ครัง้ ท่ี 6. บรษิ ทั ด่านสทุ ธาการพิมพ์ จำกดั . ราชบัณฑิตยสถาน. (2524). พจนานกุ รมศพั ทส์ งั คมวทิ ยา อังกฤษ–ไทย ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน. กรงุ เทพฯ: รุ่งศลิ ป์ การพมิ พ์ (1997 ________. (2546). พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542. กรุงเทพมหานคร : นาน มีบคุ๊ พบั ลเิ คชั่น, ๒๕๔๖. ลกั ขณา สรวิ ฒั น.์ (2549). การคิด. กรงุ เทพฯ : โอเอส พริ้นต้งิ เฮ้าส์. วจิ ารณ์พานชิ . (2552). การศกึ ษาองค์ความร้เู กีย่ วกบั คณุ ลักษณะของคนไทยท่พี งึ ประสงค:์ เชาวน์ ทางปญั ญา. กรุงเทพมหานคร : สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา. วิชยั วงษใ์ หญ่. (2523). พัฒนาหลักสูตรและการสอน-มติ ิใหม่ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรงุ เทพฯ:ร่งุ เรือง ธรรม. วญั เพญ็ จนั ทรเ์ จริญ. (2542). การเรยี นการสอนปัจจบุ ัน. สกลนคร : สถาบนั ราชภฏั สกลนคร. วนิช สธุ ารตั น.์ (2547). ความคิดและความคดิ สร้างสรรค.์ กรงุ เทพฯ: สุวรี ียาศาสตร์ วาณี ภเู สตว.์ (2542). การพัฒนากระบวนการเรยี นการสอน. จันทรบรุ ี : คณะครศุ าสตร์ สถาบัน ราชภัฏรําไพพรรณี จันทรบุร.ี ศุภกิจ วงศว์ วิ ัฒนนุกจิ . (2550). พจนานุกรมศพั ทก์ ารวจิ ยั และสถิติ. กรงุ เทพมหานคร: บริษทั ด่าน สุทธาการพมิ พ์จำกัด. สญั ญา สญั ญาววิ ฒั น.์ (2525). การพฒั นาชมุ ชน. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2, กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานชิ . สนธยา พลศร.ี (2547). ทฤษฎีและหลักการพฒั นาชุมชน. พมิ พ์ครั้งท่ี 5, กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร. สวุ มิ ล ตริ กานนั ท์. (2551). ระเบียบวธิ กี ารวจิ ัยทางสังคมศาสตร:์ แนวทางสกู่ ารปฏบิ ตั ิ. พิมพ์ครัง้ ท่ี 7. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ไสว ฟักขาว. (2542). การจดั การเรียนการสอนทเี นน้ ผเู้ รียนเปน็ ศูนย์กลาง. กรุงเทพมหานคร: เอม พนั ธ์. อมรรตั น์ แกน่ สาร. (2558). การพฒั นาตัวบ่งชจ้ี ติ วิญญาณความเป็นครขู องครู. สงั กัดสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน.
64 อมรวิชช์ นาครทรรพ. (2548). การศกึ ษาในวิถชี มุ ชน : การสงเคราะหป์ ระสบการณ์. ใน ชุดโครงการวิจัยด้านการศึกษากบั ชมุ ชน. กรุงเทพฯ : สำนกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวจิ ัย (สกว.) Best, John W. (1977). Research in Education. 3rded. New Jersey: Prentice-Hall Pilanthananon, M. (2007). “Teacher Professional Standards” Teacher Professional Encyclopedia Commemoration of the King His Majesty the King celebrated His 60th Birthday. Bangkok: Office of the Education council. Sergiovanni, T. (1994). Building community in schools. San Francisco, CA: Jossey Bass.
65 ประวตั ผิ ู้จดั ทำ ชอ่ื – นามสกลุ : ธัญพิชชา วงษ์แพทย์ วนั /เดอื น/ปเี กดิ : 27 เมษายน 2544 ท่อี ยปู่ จั จบุ นั : บา้ นเลขท่ี 32/9 ม.6 ตำบล คลองหนึ่ง อำเภอ คลองหลวง จงั หวัดปทุมธานี รหสั ไปรษณยี ์ 12120 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 098-765-5996 การศกึ ษา ระดับประถมศกึ ษา : โรงเรยี นอุดมวทิ ยา ตำบลประชาธิปตั ย์ อำเภอธญั บรุ ี จงั หวัดปทมุ ธานี ระดบั มัธยมศึกษา : โรงเรยี นอดุ มวิทยา ตำบลประชาธิปตั ย์ อำเภอธญั บรุ ี จังหวดั ปทุมธานี ระดบั ปริญญาตรี : ปัจจบุ ันกำลงั ศกึ ษา หลกั สตู รครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย ชน้ั ปี ท่ี 3 มหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ ถ.พหลโยธิน ตำบลคลองหนึง่ อำเภอ คลองหลวง จังหวดั ปทมุ ธานี
Search