เรอ่ื งเลา่ คนชายขอบ “สกาเป่ียน” บวั ผัด ปานจร พยาบาลวชิ าชีพชานาญการ สานกั งานสาธารณสุขจงั หวดั ตาก
ห้องโถงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ใต้ถุน ตึก 5 ชั้น ผนังห้องด้านในเป็นปูนทึบ สีน้าตาล ด้านหน้าและด้านข้างเป็นบาน เฟ้ียม 2 ชั้น ลายไม้สีน้าตาลพับปิดเปิดได้ พื้ น ห้ อ ง ปู ก ร ะ เ บ้ื อ ง แ ผ่ น ใ ห ญ่ สี เ ท า ดูสะอาดตา ฝ้าเพดาน สีขาวไล่ระดับ ทรงเรขาคณิตมีมิติสวยงาม แสงสว่างจาก เพดานดูนวลสบายตา โต๊ะท้างานพร้อม คอมพิวเตอร์หันหน้าออกมาทางประตู ทางเข้า เก้าอ้ีนั่งสีเขียวอ่อนสบายตา แบบมีผนังพิงติดเป็นแผง 5 ตัวติดกัน แบ่งเป็นสองฝ่ัง ฝ่ังละ 5 แถว จัดวางเป็น ระเบียบแบบนักเรียนหันหน้าเข้าโต๊ะ ท้างานของหมอพยาบาล มองผิวเผิน เดินผ่านเหมือนห้องถูกปิดไว้ มีเพียงเสียง คนพูดคุยที่หลุดลอดออกมาข้างนอกเบาๆ ประตูทางเข้าด้านหน้า เปิดแง้มพอตัวคน เ ดิ น ผ่ า น เ ข้ า ไ ป ไ ด้ แ ล ะ ปิ ด ทั น ที เ ห มื อ น ไม่ตอ้ งการให้คนภายนอกเขา้ ไป
ภาพเจนตาของที่นี่คือคนที่เข้ามาในห้อง นี้จะต้องปิดปากและจมูกด้วยหน้ากากอนามัย บ้างจับคู่คุยกันซักถามทุกข์สุขกัน มีเสียง หัวเราะ เสียงพูดโทรศัพท์ บางคนนั่งเงียบ มีเพียงสายตาที่สื่อให้รู้ว่าไม่สบายใจ กังวล และหลบเลี่ยงที่จะสบตาก้มหน้ามองพ้ืน แยกตัว ก้มหน้าดูโทรศัพท์ ฟังเพลงรอเวลา พบแพทย์
“นะแม มะหนี่” ฉนั เรียกดงั ๆเป็นภาษาพมา่ “นางสาวมะหน่คี ะ่ ” ฉันเรยี กเสียงดัง “นะแม มะหน่ี” ฉนั เรียกซำ้ เพื่อกระต้นุ ให้คนที่ฉนั ต้องกำรสนใจ “ทาไมฉนั จะจาเธอไม่ได้ มะหน”ี่ ฉันคดิ มะหนี่ของฉันมีคนเดยี ว แต่ เสียงเรียกของฉนั เหมอื นจะไม่มีผลตอ่ เธอ สักพัก มะหน่ีเดินมาหาหมอด้วยใบหน้าเรียบเฉย สายตาหลุบมองพ้ืน ไม่สบตาหมอผู้หญิงผู้เอื้ออารี ที่คอยดูแลช่วยเหลือเธอและลูกมาตลอดอย่าง น่าประหลาด
สาวพม่าวัย 19 ปี ติดเชื้อเอชไอวีจากสามี เธอเป็นเด็กสาวผิวขาว หน้าตาดี คมคายแต่สีหน้า หมองคล้า เซ่ืองซึม ไม่สบตา ไม่แจ่มใสเหมือน เดือนกอ่ นทเ่ี ธอมาตามนัด ใบหน้าปราศจากแป้งแม้แต่ทานาคาท่ีเธอเคยใช้ ผมสีด้ายาวถูกรวบมวยไว้ข้างหลังอย่างลวก ๆ สวมเสื้อเชิ้ตแขนส้ันสีขาว หม่นเหมือนเจ้าของไม่ได้ดูแล ผ้าถุงลายดอกสีเหลืองดูหมอง เธอนุ่งผ้าถุง อย่างขอไปที พิถีพิถัน ขมวดปมผ้าถุงลวกๆ เธออุ้มลูกชายวัยขวบ 2 เดือน ไว้กับอกของเธอ เด็กน้อยไร้เดียงสาหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู มองคนรอบข้าง ด้วยสายตาอ้อยสร้อย สองมือน้อย ๆ กอดรัดคอแม่ซุกตัวไว้กับอก ราวกับ ไมอ่ ยากใหใ้ ครมาพรากจากอกแม่อนั อบอุ่นและปลอดภยั
มะหนี่พดู และฟงั ภาษาไทยไม่รเู้ รอื่ งตอ้ งพดู สือ่ สารผ่านลา่ มพม่าตลอด ฉันตาม ล่ามให้หมอ เป็นล่ามผู้หญิงพม่าวัย 23 ปี ผิวสีน้าตาล หน้าตาสวยคมคาย มาแปลภาษาให้หมอ “มีอะไรเหรอป้า หนูรีบนะ โอพีดียุ่ง ไม่มีคนทางาน” มิ้นพูดเร็วปรื๋อ ทา่ ทางรีบเร่ง “มะหนี่ขาดนัด ไม่รู้ว่ากินยารึเปล่า ทะเลาะกับแม่ มีคนบอกว่ากัดแขน แม่ด้วย ช่วยหมอหน่อย กลวั เธอทงิ้ ลูก” ฉนั ตอบด้วยเสยี งราบเรยี บ เมื่อได้ค้าตอบ ม้ินตรงปรี่เข้าไปหามะหน่ี เธอยืนสองมือข้างซุกกระเป๋า กางเกงขา้ งตัว สนทนากับมะหนี่ สกั พักเธอเดินกลับมาดว้ ยใบหนา้ คล้ายผิดหวัง “ป้า เขาไม่ยอมพูดกับหนูเป็นอะไรก็ไม่รู้ หนูไปแล้วนะคะ” มิ้นเอ่ยขึ้น เบาๆ แล้วเดนิ จากไป หมอมีสีหน้าเครียดขึน้ เงยหนา้ จากคนไขเ้ รยี กพยาบาลเสยี งดัง “ขอเปลยี่ นล่ามปา้ ชว่ ยตามฟารีดาใหห้ มอที”
การเปลี่ยนล่ามด่วนพร้อมระบุช่ือล่ามท้าเอาสมองฉันมึนตื้บ ฉันคิ้วขมวด ปวดขมบั ขึน้ มาทันที ใกลเ้ ท่ยี งมีคนไขค้ วิ ยาวรอพบแพทย์ บ้างก็บ่นหิวข้าว รถหมด ไม่มีรถโดยสารเข้าหมู่บ้าน บางคนไม่มีเงินค่ายา บางคนอยู่ฝ่ังพม่า บางคนอยู่ ต่างอ้าเภอ คนอยู่ต่างจังหวัด บางคนต้องส่งตรวจต่อแผนกอ่ืน ขอเปลี่ยนล่าม กลางคนั มิใชเ่ รือ่ งง่าย แต่แล้วเสียงปลายสายของล่ามคนใหม่ก็ตอบรับค้าร้องขอทันที ฟารีดา สาวมุสลิมวัย 30 ปี ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าอายุ ผิวพม่านัยน์ตาแขก ตัวเล็ก กะทัดรัด คลุมศีรษะด้วยผ้าสีฟ้าดูเรียบร้อย ย้ิมท่ีมุมปากเล็กน้อย ท่าทาง คล่องแคล่ว นอบน้อมป้ายชื่อท่ีคล้องคอเธอย้าชัดเจนว่าคือคนท่ีหมอต้องการ ในภารกิจนี้
เมื่อกล่าวสวัสดีหมอและพยาบาล และทราบความต้องการของหมอ จากพยาบาลแล้ว ฟารีดาเดินเข้าไปทักทายมะหนี่ด้วยภาษาพม่าด้วยหน้าตา ยิ้มแย้ม น้าเสียงท่ีพูดฟังแล้วร่ืนหู สม่้าเสมอ เธอยืนแปลด้วยท่าทางส้ารวม ค่อยๆ พูดตามที่หมอบอก แปลทีละประโยค ทวนค้าตอบให้หมอฟัง เธอแปล โตต้ อบไปมาไดย้ ินเฉพาะคนไข้และหมอ ฉันสังเกตเห็นมะหน่ีมีท่าทางผ่อนคลาย พูดและตอบค้าถามกับหมอ ผ่านล่าม กริยาเซื่องซึมของเธอหายไป ใบหน้าเริ่มมีรอยยิ้ม มองหน้าหมอและ พยาบาล เธอน้าตาคลอยกมือไหว้ขอบคุณหมอและทีมงาน บรรยากาศ ตึงเครียดเมื่อสักครู่ผ่อนคลาย เธอยื่นลูกน้อยของเธอให้หมออุ้ม ลูกน้อย ของเธออยใู่ นออ้ มกอดหมอผอู้ ารี มะหม่ียนื มอง ฉันมองเห็นตาของเธอมีน้าใสๆ ลอยอยู่ ฉันผอ่ นลมหายใจออกจากปอดอยา่ งโลง่ อก
ครอบครัวของฟารีดาเป็นพม่ามุสลิม อพยพเข้ามาอาศัยท่ีอ้าเภอ แม่สอดได้ 40 กว่ำปี พ่อแม่อยู่ใน วัยสูงอำยุ มีพ่ีน้อง 3 คนได้รับสัญชำติ ไทย มีบตั รประชำชนและมีศกั ด์ิและสิทธิเท่ำคนไทย เธอและพ่ีสำวทำงำน ในโรงพยำบำลได้สิบกว่ำปี ตำแหน่งลกู จ้ำงรำยวนั น้องชำยคนเล็กของเธอ ประสบอบุ ตั ิเหตุผ่ำตดั สมองเป็นผ้ปู ่ วยติดเตียง พี่สำวแต่งงำนมีครอบครัว มีลกู 2 คน อำศยั อยใู่ นตกึ แถว 2 ชนั้ ภาระในการดแู ลครอบครัวเป็นของฟารีดาทั้งหมด รายได้ของเธอน้อย มากเมื่อเทียบกับหน้าท่ี ความรับผิดชอบที่เธอแบกไว้ ท้างานพิเศษท่ีคลินิก แพทย์ใกล้บ้านในตอนเย็นและวันหยุด ท้าให้เธอมีความเข้าใจเรื่องโรค ความเจบ็ ป่วยเป็นอยา่ งดี เธอเป็นคนใฝ่รู้ เรียนที่วิทยาลัยชุมชนท่ีขยายโอกาส มาที่โรงพยาบาล เธอพูดภาษาอังกฤษและเขียนภาษาพม่า อ่านสปอตเมื่อมี โรคระบาดลงพ้ืนท่ีเป็นล่ามแปลให้วิทยากรในการ ลงชุมชนต่างชาติ รับแปล เอกสารได้คา่ ตอบแทนนอ้ ยนิด ฟารีดาเคยคิดลาออกมาท้างานเอกชนแลกกับค่าตอบแทนที่มากกว่า เหมือนกัน แต่ด้วยความห่วง พ่อแม่ที่แก่ชรา น้องชายท่ีนอนติดเตียง เข้าโรงพยาบาลบ่อย ท้าให้เธอไม่กล้าลาออกเพราะกลัวไม่สะดวกเวลาติดต่อ ขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล เธอจึงท้างานต่อแม้ค่าตอบแทนท่ีได้ จะน้อยกต็ าม
อาคารหลังเล็กช้ันเดียว ต้ังอยู่โดดเด่ียวใต้ไม้ใหญ่ ด้านหน้าเป็นลาน กว้างปกู ระเบื้องสีน้าตาล ดา้ นบนถกู คลุมดว้ ยโครงเหล็กดัดโค้งมุงหลังคาโล่ง กันแดดฝน เก้าอี้ไม้ยาวนับสิบตัวจัดวางเป็นระเบียบ หันหน้าเข้าหาอาคาร ด้านเหนืออาคารเป็นสวนสุขภาพมีต้นไม้ ไม้ประดับดอกไม้หลากสีสวยงาม ใตต้ ้นไมโ้ ต๊ะหินอ่อนจัดวางเปน็ ชุดอย่างต้งั ใจ 7 โมงเช้ำประตูบำนใหญ่ หน้ำต่ำงทุกบำนเปิดโล่ง พัดลมดูด อำกำศถกู เปิด ลมยำมเช้ำพดั ผำ่ นผวิ กำย รู้สกึ ได้ถึงควำมสดชื่นเย็นสบำย แดดอ่อนยำมเช้ำส่องลอดผ่ำนต้นไม้ตกกระทบพืน้ กระเบือ้ งเป็นลำแสง ออ่ นโยน โต๊ะทำงำน คอมพวิ เตอร์พร้อมใช้
ผู้ป่วยวัณโรคต่างชาติที่นัดไว้ทยอยเดินเข้ามาหยิบหน้ากาก อนามัย ปิดปากปิดจมูก ยื่นใบนัดลงกล่องตามคิวแล้วกลับไปน่ังที่เก้าอ้ีตัวยาวเพื่อรอ เจ้าหน้าท่ีเรียกเจาะเลือด ไปเอกซเรย์ปอด ชั่งน้าหนัก วัดสัญญานชีพ ซักถาม อาการส้าคญั ผู้ป่วยสูงอายุนัง่ รถเข็นมญี าตคิ อยดูแลมีถุงผ้าใส่ยา ห่อข้าวขวดน้า บ้างก็นั่งเป็นกลุ่มท่ีโต๊ ะหินอ่อนแกะ อาหารรับประ ทานพูด คุยเป็นกลุ่ม ใต้ ตน้ ไม้ใหญ่ ฟารีดายังคงท้าหน้าท่ีล่าม ซักถามอย่างขะมักเขม้น พร้อมมือท่ีจับ ปากกาบันทึกไปด้วย ใบหน้าเปื้อนย้ิมใช้แขนปาดเหงื่อท่ีใบหน้า ขานเรียกช่ือ คนไขต้ า่ งชาติ จดั คิว แปลให้หมอด้วยความสภุ าพ ตรงประเดน็ “กร๊งิ กริง๊ กร๊ิง” เสียงโทรศพั ท์ดงั ขนึ ้ “ฟาร์ ฟาร์ มีโทรศัพท์ ตึกเด็กเรียก มีคนไข้พม่า สงสัยคอตีบ ตอ้ งการล่าม” ฟารีดาหันหน้ามามองฉัน “ป้า หนไู ปแป๊บเดียว เด๋ียวหนกู ลับมานะ”
“ฉันมองตามหลังฟารีดาไปด้วยสายตาท่ีชื่นชม แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงล่ามตัวเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนไร้ค่า ในระบบงานท่ีใหญ่โตน้ีแต่เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจทาหน้าท่ี ล่ามของเธออย่างสุดความสามารถเป็นฟันเฟือง สาคัญ ส่งพลังให้ระบบงานที่ย่ิงใหญ่และซับซ้อนได้ ขับเคลอ่ื นไปขา้ งหนา้ ต่อไป”
สนับสนนุ โดย สานักงานความร่วมมือระหวา่ งประเทศ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: