1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การบริหารและการจัดการในสถานศกึ ษา โรงเรยี นชุมชนบ้านฟอ่ นวิทยา จงั หวดั ลาปาง สังกัดสานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 กระทรวงศึกษาธกิ าร 3.1 บรบิ ทของโรงเรยี นชมุ ชนบา้ นฟอ่ นวิทยา จังหวัดลาปาง สภาพชุมชนโดยรอบสถานศึกษามีลักษณะเป็นแหล่งชมุ ชนแบบกึง่ เมืองมีโรงงานอุตสาหกรรม และหัตถกรรม (เซรามิก)เป็นจานวนมากประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงานแต่ไปทางานต่างจังหวัด ผู้ปกครองนักเรียนเกินกว่าร้อยละ 70 มีปัญหาหย่าร้างปล่อยลกู หลานให้อยู่กับญาติผู้ใหญ่ซึ่งสงู อายุ แต่ยังต้องไปทางานรับจ้างที่ต่างๆทาให้ไม่มีเวลาเอาใจใสล่ ูกหลานทาให้นกั เรียนโดยเฉพาะในระดับชั้น มธั ยมศึกษาตอนต้นขาดเรียนบ่อยไมม่ าเรียนที่โรงเรียน บางครอบครวั ผู้ปกครองมีการย้ายถิ่นฐานอยู่ บ่อยคร้ัง ประชากรของชุมชนเกินกว่าร้อยละ 99 นับถือศาสนาพุทธที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์และ ศาสนาอิสลาม ประเพณีและวฒั นธรรมท้องถิ่นทีเ่ ป็นที่รู้จกั โดยทั่วไปคือ ประเพณีลอ่ งสะเปา ตานก๋วย สลากและตานเปรตพลี นักเรียนเกินกว่ารอ้ ยละ 80 มีฐานะทางเศรษฐกิจค่อนข้างยากจนทีเ่ หลอื อีก ร้อยละ 20 มีฐานะปานกลาง ผู้ปกครองมากกว่าร้อยละ 80 จบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) แต่ละ ครอบครัวมีรายได้โดยเฉล่ียต่อเดือน 8,000 บาท จานวนคนเฉล่ียต่อครอบครัว คือ 4 คน โรงเรียน ชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคณะกรรมการสถานศึกษา ข้ันพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน ประชาชนในชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร้านค้า โรงงานและสถาน ประกอบการต่างๆที่ได้ช่วยเหลือสนับสนุนในด้านงบประมาณ แหล่งเรียนรู้ ด้านการจัดการและ กิจกรรมต่างๆทีส่ ถานศึกษาจัดขนึ้ 2
3.2 การสร้างเครอื ขา่ ยและความร่วมมือทางการศึกษา สว่ นราชการ/องคก์ ร บทบาทหน้าท่ี ข้อกาหนดทีส่ าคัญใน แนวทางและวธิ กี าร การปฏบิ ตั งิ านรว่ มกนั ส่อื สารระหวา่ งกนั ทเี่ กี่ยวขอ้ ง ในการปฏบิ ัตริ ว่ มกนั แนวทำงปฏิบัติ/นโยบำย - หนงั สอื รำชกำร - กำรประชมุ สำนั ก งำน คณ ะก รรมก ำร กำหนดนโยบำยและ แนวทำงปฏิบัต/ิ นโยบำย - โทรศพั ท์/ โทรสำร กำรศกึ ษำขั้นพ้นื ฐำน งบประมำณ - แนวปฏบิ ตั ิ - e-mail - มำตรฐำนกำรศึกษำ - Facebook สำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำ กำหนดนโยบำยและ - หลกั สูตรสถำนศึกษำ - งบพฒั นำกำรศกึ ษำ ประถมศึกษำลำปำง เขต 1 งบประมำณ - แนวปฏบิ ัติ - งบพฒั นำกำรศกึ ษำ คณะกรรมกำรสถำนศึกษำขั้น - กำกับดูแล งบพฒั นำกำรศึกษำ พ้ืนฐำนโรงเรียนชุมชนบ้ำน - ให้ควำมเห็นชอบ งบพฒั นำกำรศึกษำ ฟอ่ นวทิ ยำ - สนับสนนุ งบพัฒนำกำรศกึ ษำ ภำคี 4 ฝ่ำยโรงเรียนชุมชน - กำกบั ดูแล งบพฒั นำกำรศกึ ษำ บำ้ นฟ่อนวิทยำ - ให้ควำมเหน็ ชอบ งบพฒั นำกำรศึกษำ - สนับสนุน งบพฒั นำกำรศึกษำ ค ณ ะ ก ร ร ม ก ำ ร ช ม ร ม สนับสนุนงบประมำณ งบพัฒนำกำรศกึ ษำ ผู้ ป ก ค ร อ ง แ ล ะ ค รู โ ร ง เรี ย น ชมุ ชนบ้ำนฟ่อนวทิ ยำ คณะกรรมกำรชมรมศิษย์เก่ำ สนบั สนุนงบประมำณ โรงเรยี นชมุ ชนบ้ำนฟ่อนวทิ ยำ ก อ ง ทุ น ป ร ะ กั น สุ ข ภ ำ พ สนับสนุนงบประมำณ เทศบำลเมืองเขลำงค์นคร เทศบำลเมอื งเขลำงคน์ คร สนบั สนุนงบประมำณ ก ำ ร ไ ฟ ฟ้ ำ ฝ่ ำ ย ผ ลิ ต แ ห่ ง สนับสนนุ งบประมำณ ประเทศไทย กำรปิโตรเลียมแห่งประเทศ สนบั สนนุ งบประมำณ ไทย มหำวิทยำลัยรำชภัฏลำปำง สนับสนุนงบประมำณ 3
3.3 สถานภาพของโรงเรียนชุมชนบา้ นฟ่อนวิทยา จากการศึกษาสถานภาพ การระดมความคิด การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ของโรงเรียน ชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา ด้านการจัดการศึกษาโดยผู้บริหารโรงเรียน คณะครู บุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา พร้อมด้วยตัวแทนผู้ปกครองนักเรียนของโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา ได้ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและสภาพแวดล้อมภายในโดยวิธี SWOT Analysis ดงั นี้ สภาพแวดล้อมภายนอก (External Environment) สภาพแวดล้อมภายนอก โอกาส อปุ สรรค (External Environment) ดา้ นผปู้ กครองและชุมชน (Opportunities) (Threats) 1. ผู้ปกครองและชุมชนให้ความ 1. ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีค่านิยม สนใจกับการเปล่ียนแปลงการ ส่งบุตรหลาน เข้าเรียนโรงเรียน จัดการศึกษาตามนโยบาย ดังในเมือง/จงั หวัด 2. ผู้ปกครองและชมุ ชนให้ความ 2. การสนับสนุนงบประมาณ ร่วมมือกับโรงเรียนในภารกิจ ของผู้ปกครองและชุมชนเมื่อ งานกิจกรรมต่าง ๆ โรงเรียนร้องขอเท่านน้ั 3. หน่วยงานต้นสังกัดให้การ 3. หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สนับสนุนการจัดการศึกษาของ มีภารกิจงานด้านอื่น ๆ มาก ทา สถานศึกษา ใ ห้ ก า ร ส นั บ ส นุ น ด้ า น 4. โรงเรียนได้รับความร่วมมือ งบประมาณเพื่อการศึกษาของ จากชุมชน ผู้ปกครอง สมาคม โรงเรียนมีจากดั ศิษย์เก่า คณะกรรมการศึกษา 4. การป ระสานงานกับบาง หน่วยงานภายนอก ให้ความ องค์กรและชมุ ชนต่าง ๆ มีความ ร่ ว ม มื อ แ ล ะ ช่ ว ย เห ลื อ ใน ลา่ ช้า เนื่องจากมีขั้นตอนในการ กิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน ประสานท่ยี ุ่งยากและซับซ้อน สมา่ เสมอ 5. แนวปฏิบัติแต่ละองค์กรไม่มี 5. องค์กรภายนอกต่าง ๆ มี ความสอดคล้อง และไม่เอื้อต่อ ความเข้มแข็งและมีความพร้อม หน่วยงานอืน่ ๆ ใ น ก า ร ส นั บ ส นุ น ก า ร ดาเนินการกิจกรรมต่าง ๆ ของ โร ง เรี ย น เช่ น วั ด อ บ จ . เทศบาล ฯลฯ ทาให้โรงเรียน 4
สภาพแวดล้อมภายนอก โอกาส อุปสรรค (External Environment) (Opportunities) (Threats) ดา้ นการเมืองและกฎหมาย สามารถดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี 6. มีการทาข้อตกลง (MOU) กั บ ส ถ า น บั น ก า ร ศึ ก ษ า ใน ประเทศ เช่นมหาวิทยาลัยราช ภัฏลาปาง สถาบันอาชีวศึกษา ฯลฯ 1. รัฐจัดให้ทุกสถานศึกษาต้อง 1. บุคลากรที่ไม่ใช่ข้าราชการ รับ การประเมินการป ระกัน ประจาขาดเสถียรภาพในการ คุณภาพภายนอกรอบส่ีส่งผล ทางาน ขาดขวัญ กาลังใจมี ให้โรงเรียนเร่งรัดในการจัด ผลกระทบตอ่ การปฏิบตั งิ าน การศึกษ าให้ได้คุณ ภาพตา 2. ข้อ ก ฎ ห ม ายบ างข้อ เป็ น มาตรฐาน อุปสรรคต่อพฤติกรรมด้านการ 2. นโยบายเรียนฟรี 15 ปี เอื้อ อบรมวินัยของนกั เรยี น ประโยชน์ให้ครอ บค รัวขอ ง 3 . น โ ย บ า ย ข อ ง รั ฐ ที่ นักเรียนที่ขาดแคลนได้รับการ เปล่ียนแปลงบ่อยทาให้การ ช่วยเหลอื ดาเนินงานต้องปรับเปล่ียนตาม 3. กองทุนเพื่อความเสมอภาค รัฐบาลจึงขาดความต่อเนื่องใน ทางการศึกษา (กสศ.) ให้การ การพฒั นา สนับสนุนงบประมาณ ให้กับ 4 . น โ ย บ า ย ก า ร จั ด ส ร ร นั ก เรีย น ที่ ด้ ว ย โอ ก า ส ท า ง งบประมาณรายหัวของรัฐบาล การศึกษา (นักเรียนยากจน ยังไม่เพียงพอกับการบริหาร พิเศษแบบมีเงือ่ นไข) จัดการภายในโรงเรียน 4. รัฐ ให้ ก ารสนั บ ส นุน กา ร เรียนรู้สู่อาชีพของสถานศึกษา 5. รัฐให้โอกาสนักเรียนท้องใน วยั เรยี นได้เรยี นในระบบ 6. นักเรียนที่ไป ยุ่งเกี่ยวกับ ยาเสพติดไดร้ ับการช่วยเหลอื ให้ เข้ารับการบาบัด 5
สภาพแวดลอ้ มภายนอก โอกาส อปุ สรรค (External Environment) ดา้ นเศรษฐกิจ (Opportunities) (Threats) ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม 7. พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก ดา้ นเทคโนโลยี พ.ศ. 2546 ที่ให้การดูแลเด็กใน เรื่องสทิ ธิต่าง ๆ ที่ควรได้รับ 1. โรงเรียนมีการสนับสนุนหรือ 1. งบ ป ระม าณ ที่ได้ รับ ก าร จั ด ห า ทุ น ก า รศึ ก ษ า ให้ แ ก่ จัดสรรให้กับกลุ่มงาน/ฝ่าย/ นักเรียนที่มีฐานะ ยากจนตาม กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ยัง ความเหมาะสม ไมเ่ พียงพอ 2. โรงเรียนได้รับการสนับสนุน 2. นักเรียนบางส่วนมีฐานะ การศึกษา จากหน่วยงานต่าง ๆ ยากจน 3. มีนโยบายเรียนฟรี 15 อย่าง ปี3. สภาวะเศรษฐกิจตกต่าทา มีคุณภาพ ของภาครัฐ ช่วยลด ให้ผู้ปกครองย้ายถิ่นฐานไป ภาระค่าใช้จา่ ยให้ผู้ปกครอง ทางานทีใ่ นเมืองหรือตา่ งจังหวัด 4 . รู ป แ บ บ ก า ร ค้ า ข า ย ที่ ทาให้ดูแลบตุ ร หลานไมเ่ ตม็ ที่ เป ล่ี ย น ไป เช่ น ก า รค้ า ข า ย ออนไลน์ทาให้นักเรียนสามารถ หารายได้ระหว่างเรียน 1. ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ความ 1. แนวโน้มป ระชากรลดลง ร่วมมือในการจดั การศึกษา ทาให้ จานวนนกั เรยี นลดลงและ 2 . ชุ ม ช น มี แ ห ล่ ง เรี ย น รู้ ที่ เพิม่ ข้นึ ไมแ่ นน่ อน หลากหลายทาให้นักเรียนได้รับ 2. นักเรียนมากกว่าร้อยละ 60 ประสบการณต์ รง มีสภาพ ครอบครัวแตกแยกทา ให้นักเรียน ขาดการอบรมเล้ียง ดทู ่ดี ี 3. ผู้ปกครองส่วนใหญ่ทางาน ต่างจงั หวัดอยู่กบั ปู่ย่าตายาย 1. ระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ต 1. ส่ือ เทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต ของโรงเรียนมีประสิทธิภาพ ทา เก ม ส์ เข้ า ม า มี บ ท บ า ท ใน ให้ครูผู้สอนคล่องตัวในการ ชีวิตประจาวันทาให้นักเรียน จดั การเรียนการสอน บ างส่วนนาแบ บ อย่างที่ผิด 2. โรงเรียนมีเว็ปไซต์ , เฟสบุ๊ค ไปประพฤติปฏิบตั ิ 6
สภาพแวดล้อมภายนอก โอกาส อุปสรรค (External Environment) (Opportunities) (Threats) ในการ เผยแพร่ผลงานข้อมูล 2. ขาดการควบคุมดูแลในการ ข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ที่ เลือกใช้ส่ือเทคโนโลยีที่ถูกต้อง เกิดขนึ้ และเหมาะสม 3. โรงเรียนเข้าถึงเครือข่ายหรือ 3. การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตทาได้ แหล่งข้อมลู ในดา้ นต่างๆ ที่เป็น ย า ก ใน บ้ า น พั ก อ า ศั ย ข อ ง ประโยชน์ต่อการทางาน หรือ นักเรยี นบางคน ก าร จั ด กิ จ ก รรม ก า รเรีย น 4. ส่อื อุปกรณ์เก่าเสอ่ื มคุณภาพ การสอน ได้งา่ ย ข า ด ก า ร บ า รุ ง รั ก ษ า เช่ น ส า ย เชื่ อ ม Internet โป รเจ็ ค เต อ ร์ แ ล ะ ค อ ม พิ ว เต อ ร์ใน ห้องเรียน 5. เจ้าหน้าที่และบุคลากรดูแล ดา้ นเทคโนโลยีไม่เพียงพอ 6. บุคลากรยังขาดความรู้ความ เข้าใจขั้นตอนการใช้อุปกรณ์ ต่าง ๆ และการนาเทคโนโลยีมา จดั กิจกรรมการเรียนการสอน 7. งบประมาณ ในการเข้าถึง เทคโนโลยีบางอย่าง มีค่าใช้จา่ ย สงู เช่น โปรแกรมสนับสนุนการ จดั การศึกษาบางโปรแกรม 8. ความรวดเร็วทางเทคโนโลยี บางอย่างส่งผลให้ครู บุคลากร บางส่วนตามไมท่ ัน 7
สภาพแวดล้อมภายใน (Internal Environment) ปัจจยั ภายใน จุดแข็ง จดุ อ่อน (Internal Environment) (Strength) (Weakness) ดา้ นโครงสร้างการบรหิ ารงาน 1. โรงเรีย น มี ระ บ บ ก า รจั ด 1. หวั หน้างาน 4 ฝ่ายขาดความ การศึกษาและโครงสร้างการ คล่องตัวในการประสานในสาย บรหิ ารงาน 4 ฝ่ายทีช่ ัดเจน งานและระหว่างสายงาน 2 . โค ร งส ร้ า ง งา น 4 ฝ่ า ย 2. บุคลากรไม่เพียงพอต่อภาระ สอดคล้องกับการขับเคล่ือน ง า น ต า ม โค ร ง ส ร้ า ง ก า ร ของหน่วยงานต้นสังกดั บริหารงานหรือไม่เหมาะสมกับ 3. ระบบการบริหารจัดการใช้ บรบิ ทของงาน หลกั การการมีส่วนร่วม 3. โครงสร้างการบริหารงาน 4. มีการกากับติดตามงานให้ บางงานมีความซ้าซ้อนหรือไม่มี เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างมี ความชัดเจน ของผู้รับผิดชอบ ประสิทธิภาพ เพราะบุคลากร มีภาระงาน ซ้าซ้อน ทาให้ขาดประสทิ ธิภาพ 4. พฤติกรรมการทางานของ บุ ค ลากรบ างค นขาดค วาม เข้มแข็ง ดา้ นการบริหารจัดการ 1. ผู้บริหารโรงเรียนและหัวหน้า 1. ผู้ร่วมงานบางคนขาดความ งานมีคุณ ธรรมจริยธรรมใช้ เ อ า ใ จ ใ ส่ ใ น ง า น ที่ ไ ด้ รั บ หลักการกระจาย อานาจในการ มอบหมาย ดาเนินงาน 2 . น โย บ า ย ข อ ง รั ฐ มี ก า ร 2. มีการประชุมวางแผนการ เปล่ียนแปลงบ่อยทาให้ครูมี บรหิ ารงานมอบหมายงานอย่าง ภาระงานเพิม่ ข้นึ เปน็ ระบบ 3. ขาดการประสานงานทาให้ 3. สถานศึกษามีกฎระเบียบ งานล่าช้า แ ล ะ ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ ใ น ก า ร 4. มีนโยบายงานเร่งด่วนจาก ปฏิบตั งิ านอย่างชดั เจน ส่วนกลางหรือต้นสังกัด ส่งผล 4. โรงเรียนมีแผนพัฒนาการจัด กระทบตอ่ การจดั การเรียนการ การศึกษา 4 ปี และแผนปฏิบัติ สอนทาให้ขาดคุณภาพในการ ก าร 1 ปี เป็ น คู่ มื อ ใน ก า ร ปฏิบตั งิ าน 8
ปจั จยั ภายใน จุดแขง็ จุดอ่อน (Internal Environment) (Strength) (Weakness) ปฏิบัติงานที่ตามนโยบายของ 5. ขาดความต่อเนื่องด้านงาน หน่วยงานต้นสังกดั นิเทศติดตามของหน่วยงานต้น 5. มีการมอบหมายหน้าที่ใน สังกัด การปฏิบัติงานชัดเจนเป็นไป 6 . ผ ล ก า รด า เนิ น งา น บ า ง ตามโครงสร้าง โครงการ/กิจกรรมไม่บรรลุตาม 6. การนานโยบายหน่วยงานต้น เป้าหมายที่กาหนด สังกัดสู่การปฏิบัติเป็นรูปธรรม 7. มี ภาระงานที่ ไม่ได้ อ ยู่ใน สามารถตรวจสอบได้ แ ผ น ป ฏิ บั ติ งาน แ ต่ มี ค ว า ม 7. มีการจัดสรรงบประมาณ จาเป็น ต้องดาเนินการตาม อย่างเป็นระบบตามแผนปฏิบัติ นโยบาย เร่งด่วน งานโรงเรียนอย่างชัดเจน 8. งบประมาณด้านการบริหาร จัดการภายในโรงเรียน มีการ จัดสรรภายในกลุ่มงานอย่าง เหมาะสม 9. กลุ่มบริหารงบประมาณ ได้ ติ ด ต า ม เอ ก ส า ร ก า ร เบิ ก จ่ายเงินอย่างเป็นระบบ ด้านครูและบุคลากรทางการ 1.ครูผู้สอนมากกว่าร้อยละ 60 1.มีครูผู้สอนบางคนยังไม่ปรับ ศึกษา มี ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ใ น ก า ร การเรียนเปล่ียนการสอนยังใช้ ปฏิบตั งิ านสอนมากกว่า 20 ปี วิธีครเู ป็นศูนย์กลาง 2.ครูผู้สอนส่วนใหญ่สอนตรง 2.ขาดนกั การภารโรงที่มีความรู้ ตามวุฒิการศึกษา ดา้ นงานเกษตร 3.ครูผู้สอนมากกว่าร้อยละ 90 3.บุคลากรมีภาระงานพิเศษ มีความ รบั ผิดชอบและให้ความ ม ากท าให้การจัดการเรียน ร่วมมือในการทางานเปน็ ทีม การสอนไม่เตม็ ที่ 4 .โร ง เรี ย น มี บุ ค ล า ก ร มี 4.มีบุ คลากรไม่เพียงพอต่อ คุ ณ ธ ร ร ม จ ริ ย ธ ร ร ม แ ล ะ ภาระงานในโรงเรียน แสวงหาความรู้อยา่ งสม่าเสมอ 5. มีบุคลากรบางส่วนได้รับ ม อ บ ห ม า ย ง า น ไม่ ต ร ง กั บ 9
ปจั จัยภายใน จุดแขง็ จุดอ่อน (Internal Environment) (Strength) (Weakness) ความสามารถและความถนัด ของตนเอง 6. บุคลากรบางสว่ นขาดความรู้ ค ว า ม ช า น า ญ ด้ า น ICT ( Information Communication Technology) ผลจากการวิเคราะห์สถานภาพของโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาพบว่า อยู่ด้านโอกาสและ จุดแข็ง (Stars) แสดงให้เห็นว่าโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยามีสภาพปัจจัยภายนอกเอื้อและแข็ง คือ ภายนอกให้การ สนับสนุน ภายในองค์กรมีประสิทธิภาพในการร่วมมือและทางานร่วมกัน ส่งผลให้ โรงเรียนชมุ ชนบ้านฟ่อนวิทยา เป็นองค์กรที่มีคณุ ภาพประสบผลสาเรจ็ แต่อย่างไรกต็ ามโรงเรียนชุมชน บ้านฟ่อนวิทยายังคงมีปัจจัยบางอย่างที่ เป็นอุปสรรคและจุดอ่อน ดังน้ันโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา ต้องรกั ษาเสถียรภาพของตนเองไว้และพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรงุ และแก้ไขจดุ อ่อนให้ลด น้อยลงหรือหมดไป 3.4 การบรหิ ารแผนงาน/โครงการ/กจิ กรรมไปสู่ความสาเรจ็ ความหมายของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานใช้อกั ษร ย่อ “SBM” มาจากคาเตม็ และมีความหมายดังนี้ S = School แปลว่า โรงเรียน B = Based แปลว่า เกี่ยวกับฐานหรอื พนื้ ฐาน M = Management แปลว่า การบรหิ ารและการจัดการ ดังน้ัน School-Based Management จึงแปลว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน หรือการใช้ โรงเรียน เป็นฐานในการบรหิ ารและการจัดการ หรือการบรหิ ารจัดการศึกษาโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ซึ่ง เกิดจากแนวความคิด เรื่องปฏิรูปการศึกษา และการกระจายอานาจทางการศึกษาทั้งนี้เพื่อให้การจัด การศึกษาเป็นไปโดยมีส่วนร่วมระหว่าง ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ ตัวแทนครู ตัวแทนชุมชน ตวั แทนศิษย์เก่า ร่วมกันบรหิ ารสถานศึกษาให้เปน็ ไป ตามความต้องการของผู้เรยี นและชมุ ชนมากที่สุด 10
จากข้างต้นในการจัดการศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาได้ใช้หลักการบริหารโดยใช้ โรงเรียนเป็นฐาน ของไทย (Thai-Style School-Based Management = Thai SBM) ตามแบบอย่างของ สานกั งานเลขาธิการสภา การศึกษา โดยมีหลักบรหิ ารสาคัญ 3 ประการ คือ 1.หลักการกระจายอานาจ (Decentralization) 2.หลักการ บริหารแบบมีส่วนร่วม (Participation) และ 3.หลักการบริหารจัดการที่ดี (Good Governance in Education) ในงานท้ัง 4 ด้าน คือ ด้านวิชาการ ด้านงบประมาณ ด้านงานบุคคล และ ด้านงานบริหารท่ัวไป และในการดาเนินงาน เพื่อให้เกิดความสาเร็จตามแผนงาน/โครงการ/ กิจกรรมที่โรงเรียนกาหนด โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาได้ใช้เทคนิค 6 ร่วม ได้แก่ 1.ร่วมวิเคราะห์ สภาพปัญหา (Analysis) 2. ร่วมวางแผนพัฒนา (Planning) 3. ร่วมดาเนินการพัฒนา (Participate) 4. ร่วมตรวจสอบและช่วยเหลือ (Check) 5. ร่วมชื่นชมยินดี (Appreciated) 6 ร่วมพัฒนาต่อยอดให้ สมบูรณ์ (Improvement) เป็นกรอบในการบริหารจัดการศึกษาและ นอกจากนี้โรงเรียนได้ใช้วงจรของ Deming Cycle หรือวงจร PDCA เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการ ดาเนินงานตาม แผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ตามลาดบั ขนั้ ตอน ดงั นี้ 1) Plan คือ การวางแผนในการดาเนินงาน 2) Do คือ การลงมือทาตามแผนทีว่ างไว้ 3) Check คือ การตรวจสอบผลการดาเนินงานกบั แผน 4) Act คือ การยึดถือปฏิบัติหากการดาเนินงานบรรลุตามแผน ถ้าการดาเนินงานยังไม่บรรลุ ตามแผนให้หาสาเหตแุ ละวางแผนแกไ้ ขใหม่ วงจรสคู่ วามสาเรจ็ 11
ในการจัดการศึกษาตามแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมในแผนปฏิบัติการประจา ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ฉบับนี้ โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาได้กาหนดกลยุทธ์ในการดาเนินงานให้สอดคล้องกับ สานักงานคณะกรรมการศึกษาข้ัน พนื้ ฐานและสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาลาปาง เขต 1 ไว้ 5 กลยทุ ธ์ ในการบรหิ ารงานการจดั การศึกษา ได้แก่ กลยทุ ธ์ที่ 1 พฒั นาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน กลยทุ ธ์ที่ 2 ปลูกฝังผู้เรียนให้มีคุณธรรมจริยธรรมและมีทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง กลยทุ ธ์ที่ 3 สง่ เสริมผู้เรยี นให้มีสขุ ภาพกายและจิตทีด่ ี รู้รักษาพลงั งานสิง่ แวดล้อม กลยุทธ์ที่ 4 พัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นครมู อื อาชีพ กลยทุ ธ์ที่ 5 เสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา ประสานความร่วมมือกับ ชุมชนและเครอื ข่าย แนวทางการตดิ ตาม ตรวจสอบและประเมินผล 1. จดั ทาเคร่อื งมือเพื่อประเมินผลการดาเนินงานตามโครงการ 2. มีคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการดาเนินงานตามกลยุทธ์/จุดเน้น มี หน้าทีต่ ิดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการดาเนินงานของโรงเรียนใน 2 ประเดน็ คือ 2.1 ติดตามผลการดาเนินงานของโครงการ 2.2 ติดตามความก้าวหน้าของการดาเนินงานตามกลยุทธ์และจุดเน้นของสถานศึกษา 3. การประเมินผลโครงการ/งาน/กิจกรรมมีประเดน็ คือ ประเมินผลสมั ฤทธิ์ตามกลยทุ ธ์/จุดเน้น โดย เปรยี บเทียบกับวตั ถุประสงค์และเป้าหมายที่กาหนดไว้ในโครงการ 4. รายงานผลโครงการหลังจากเสร็จส้นิ การดาเนินงาน จานวน 1 ชุด จดั เกบ็ ไว้เองจานวน 1 ชุด 12
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: