Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บันทึกปฏิบัติงานประจำวัน - นางสาวนฤมล ปูปินตา

บันทึกปฏิบัติงานประจำวัน - นางสาวนฤมล ปูปินตา

Published by Naruemol Poopinta, 2022-01-15 08:42:18

Description: แบบบันทึกปฏิบัติงานประจำวัน
การบริหารการศึกษาในสถานศึกษา
หลักสูตร กศ.ม. (สาขาวิชาการบริหารการศึกษา)

Search

Read the Text Version

1.13.3 อันดบั / วทิ ยฐำนะ (1 ธนั วาคม 2564) เพศ อันดับ / วิทยฐำนะ ตำแหนง่ /สำยงำน ชำย หญิง - คศ.1 คศ.2 คศ.3 2- ครูผู้ช่วย ผู้บริหาร - 22 ครู ชำนำญกำร ชำนำญกำรพเิ ศษ ครผู ู้สอน 2 24 - 1 -1 1 รวม 26 1 รวมท้ังสิ้น 45 14 46 15 26 48

หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 1 คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ของผูอ้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ โรงเรยี นชุมชนบ้ำนฟอ่ นวิทยำ จังหวัดลำปำง สังกัดสำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศึกษำประถมศึกษำลำปำง เขต 1 กระทรวงศึกษำธกิ ำร ผู้บริหารหรือผู้นาหรือผู้จัดองค์การ หรือหัวหน้างาน ไม่ว่าหน่วยงานเล็กหรือหน่วยงานใหญ่ หน่วยงาน ราชการหรือเอกชนก็ตาม ย่อมมีบทบาทที่เป็นผลต่อการสาเร็จหรือประสิทธิภาพ ของงานเป็นอย่างยิ่ง บางครั้ง การจัดองค์การ แม้จะไม่เรียบร้อยถูกต้องอยู่บ้าง ก็อาจได้รับผลงานสูง ได้ หากผู้บริหารมีคณุ ลกั ษณะที่ดี แต่ถา้ คุณลกั ษณะ หรือพฤติกรรมในการนาของผู้บริหารไมด่ ี แม้การ จัดองค์การถูกต้อง หรือดีเพียงใดก็ตาม ผลงาที่เกิดขึ้นของหน่วยงานน้ันๆ ย่อมสมบูรณ์ได้ยาก ดังนั้น ผู้บริหารหรือผู้นาจะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม มีพฤติกรรม ในการนาที่ถูกต้อง เหมาะสมเพราะ ความสาเร็จของงานทุกด้านขององค์การ ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร หรือผู้นา ซึ่งจะวินิจฉัยส่ังการ หรือ ตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อให้งานเกิดประสิทธิภาพ ซึ่งคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ของผู้บริหารหรือ ผู้นาน้ัน ควรที่จะประกอบดว้ ยเรื่องทีส่ าคัญ ได้แก่ คุณลักษณะดา้ นบุคลิกภาพ คณุ ลักษณะดา้ นความ เป็นผนู้ า คุณลักษณะด้านความรทู้ างวิชาการ และ คณุ ลกั ษณะดา้ นความสามารถในการบรหิ าร 1. คุณลักษณะด้ำนบคุ ลิกลักษณะ 1.1 เปน็ ผมู้ ีความรู้ 1.2 เปน็ ผมู้ ีความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์ 1.3 เปน็ ผมู้ ีความกลา้ หาร 1.4 เปน็ ผมู้ ีความเดด็ ขาด 1.5 เปน็ ผมู้ ีความแนบเนียน มีกริ ิยาวาจาที่ถกู ต้องเหมาะสม 1.6 เป็นผมู้ ีความยตุ ิธรรม 1.7 เป็นผมู้ ีลักษณะท่าทางการแสดงออกทีด่ ี 1.8 เปน็ ผทู้ ีม่ ีความอดทน 1.9 เปน็ ผทู้ ี่มีความกระตอื รือรน้ 1.10 เปน็ ผทู้ ี่ไมเ่ หน็ แก่ตัว 1.11 เปน็ ผมู้ ีความตน่ื ตวั หรือระมัดระวังอยู่เสมอ 49

1.12 เปน็ ผมู้ ีความพินิจพิจารณาสิง่ ต่างๆ อย่างมีเหตผุ ล 1.13 เปน็ ผมู้ ีความสงบเสงีย่ ม 1.14 เปน็ ผมู้ ีความสงรักภักดี 1.15 เป็นผมู้ ีมนุษยส์ ัมพันธ์ที่ดี 1.16 เป็นผมู้ ีความสามารถควบคุมอารมณไ์ ด้ดี 2. คณุ ลักษณะด้ำนควำมเป็นผูน้ ำ 2.1 ความมีชีวิตชีวาและทนทาน (Vitality and Endurance) จะต้องมีความคล่อง แคล่วว่องไว ตื่นตัวอยู่เสมอ พร้อมอยู่เสมอที่จะรับสถานการณ์ทุกชนิด ปรับตัวได้ เปลย่ี นแปลงได้ และร่าเริงแจ่มใส อยู่เสมอ มีความอดทนต่อการทางานหนักและนานๆ ทนต่อความลาบากเจบ็ ช้าได้ โดยไม่ปริปาก หรือ แสดงอาการ ท้อแท้ ให้พบเหน็ 2.2 ความสามารถในการตัดสินใจ (Decisiveness) จะตอ้ งตัดสินใจถูกต้อง ตัดสินใจ ได้เร็ว และ เตม็ ใจเสมอ ที่จะเปน็ ผู้ตัดสินใจดว้ ยตวั เอง ในเมือ่ มีปัญหาใดๆ เกิดขนึ้ 2.3 ความสามารถในการจูงใจคน (Persuasiveness) ผู้นาที่สามารถชักจูงให้ผู้อืน่ ร่วม มือกับตน ได้เท่านั้น ทีจ่ ะได้รบั ความสาเรจ็ 2.4 ความรับผิดชอบ (Responsibility) 2.5 ความฉลาดไหวพริบ (Intellectual Capacity) ความฉลาดไหวพริบจาเป็นที่สุด สาหรับ ผู้บริหาร หรือผู้นา ทีจ่ ะใช้ในการบรหิ ารงาน หรือใช้ในการวินิจฉยั สัง่ การ 3. คุณลกั ษณะด้ำนควำมรทู้ ำงวิชำกำร ความรู้ทางวิชาการได้แก่ การศึกษาวิชาการทั่วไป การศึกษาด้านวิชาชีพ และการศึกษา ให้เกิด ความรอบรู้ เชี่ยวชาญในแขนงวิชาที่คนสนใจ สาหรับใช้จัดระดับความรู้ และประสบการณ์ ในการ ทางานของบคุ คลทีม่ าทางาน ในการเปน็ ผบู้ รหิ าร 4. คณุ ลกั ษณะด้ำนควำมสำมำรถในกำรบริหำร 4.1 ใช้แผนเป็นเครื่องมือในการบริหารโรงเรียน อย่างมีประสทิ ธิภาพ ได้แก่ การจัด ระบบข้อมูล สารสนเทศให้ถูกต้อง การให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดทาแผน การมอบหมายงานให้บุคลากรทาตาม ความรคู้ วามสามารถ การควบคมุ กากับ ติดตาม นิเทศงาน 4.2 สนับสนุนให้บุคลากรเกิดความมุ่งมั่นในการพัฒนา ได้แก่ การส่งเสริมให้ บุคลากรพัฒนา ตนเองและพฒั นางาน การจดั สวัสดิการ สง่ิ อานวยความสะดวก และประโยชน์ ตอบแทน 4.3 จัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน ได้แก่ การจัดกิจกรรม ทาง วิชาการ การจัดบริการแนะแนว บรกิ ารสขุ ภาพ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ศิลปวัฒนธรรมการ จัดสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนให้มีบรรยากาศส่งเสริมการเรียนรู้ 50

4.4 ประสานความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อพัฒนางาน 4.5 ประเมินผลการปฏิบตั ิงานอย่างเปน็ ระบบ เปน็ การประเมินผลการปฏิบัติงาน อย่างต่อเนือ่ ง ใช้วิธีการที่หลากหลาย ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม นาผลการประเมินไปนิเทศ และพัฒนางานการบริหาร เพือ่ ให้บรรลเุ ป้าหมาย 5. บทบำทผ้บู รหิ ำรสถำนศึกษำเพอ่ื กำรปฏิรูปกำรศึกษำ 5.1 บทบำทของผู้บริหำรโรงเรียนในกำรปฏิรูปกระบวนกำรเรียนรู้ โดยยึดผู้เรียนเป็น สาคัญ พอสรุป ได้ดังนี้ 5.1.1 เป็นผู้นาในการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ของครูและ นักเรยี น 5.1.2 เปน็ ผนู้ าในการบรหิ าร โดยยึดแนวทางการบริหารโดยใช้โรงเรียนเปน็ ฐาน 5.1.3 เป็นผนู้ าดา้ นการนานวัตกรรมและเทคโนโลยี มาใช้ในการพฒั นาการเรียนรู้ 5.1.4 เป็นผนู้ าในการพัฒนาวิชาการ 5.1.5 เปน็ ผปู้ ระสานความร่วมมือกับชมุ ชน 5.1.6 เป็นผนู้ าในการบริหารงานแบบประชาธิปไตย โดยร่วมกันทางานเป็นทีม และสง่ เสริม ให้ทกุ คนมีส่วนร่วม อย่างแขง็ ขนั 5.1.7 เปน็ ผนู้ าในการจัดการศึกษา และเปน็ เอกลักษณ์ขององค์กรในทางสร้างสรรค์ 5.1.8 เป็นผู้นาในการบริหารคุณภาพ โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ลงมือทา และรับผิดชอบรว่ มกัน เพือ่ มุ่งพฒั นาคณุ ภาพของผู้เรยี นเปน็ สาคญั 5.1.9 เป็นผู้สร้างขวัญและกาลังใจแก่บุคลากรเพื่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงวัฒนธรรมใน การเรียนรู้และ แลกเปล่ยี นเรียนรู้ร่วมกัน 5.1.10 เป็นผนู้ าในการจัดหางบประมาณ เพื่อสนับสนุนการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา 5.2 บทบำทของผู้บรหิ ำรสถำนศึกษำ ทีม่ ีการบริหารที่ใช้โรงเรียนฐาน (SBM : School Based Management) ประกอบดว้ ยเกณฑต์ ่อไปนี้ 5.2.1 การเป็นผนู้ าทางวิชาการ 5.2.2 การบรหิ ารแบบมีส่วนร่วม 5.2.3 การเป็นผอู้ านวยความสะดวก 5.2.4 การประสานความสัมพนั ธ์ 5.2.5 การสง่ เสริมการพัฒนาครูและบุคลากร 5.2.6 การสร้างแรงจูงใจ 5.2.7 การประเมินภายในและประเมินภายนอก 51

5.2.8 การสง่ เสริมสนบั สนนุ การวิจัย พฒั นา 5.2.9 การเผยแพร่ ประชาสมั พนั ธ์ 5.2.10 การสง่ เสริมเทคโนโลยี 5.3 บทบำทของผู้บริหำรสถำนศึกษำ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ตามมาตรา 39 ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ . ศ . 2542 ที่ให้กระทรวงกระจายอานาจการบริหาร จัดการ ไปยงั คณะกรรมการ และสานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาโดยตรง ใน 4 ดา้ น คือ ดา้ นวิชาการ การ บรหิ ารงบประมาณ การบรหิ ารบุคคล และการบริหารท่วั ไป สรปุ พอสังเขปได้ดงั นี้ 5.3.1 ด้ำนวิชำกำร 1. มีความรแู้ ละเปน็ ผนู้ าดา้ นวิชาการ 2. มีความรู้ มีทักษะ มีประสบการณ์ด้านการบรหิ ารงาน 3. สามารถใช้ความรู้และประสบการณ์แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไดท้ นั ท่วงที 4. มีวิสยั ทศั น์ 5. มีความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์ 6. ใฝเ่ รียน ใฝร่ ู้ มุ่งพฒั นาตนเองอยู่เสมอ 7. รอบรทู้ างด้านการศึกษา 8. ความรบั ผิดชอบ 9. แสวงหาข้อมูลขา่ วสาร 10. รายงานผลการปฏิบัตงิ านอย่างเป็นระบบ 11. ใช้นวตั กรรมทางการบรหิ าร 12. คานึงถึงมาตรฐานวิชาการ 5.3.2 กำรบรหิ ำรงบประมำณ 1. เข้าใจนโยบาย อานาจหน้าที่ และกิจกรรมในหน่วยงาน 2. มีความรรู้ ะบบงบประมาณ 3. เข้าใจระเบียบคลงั วสั ดุ การเงิน 4. มีความซื่อสตั ย์ สุจริต 5. มีความละเอียดรอบคอบ 6. มีความสามารถในการตดั สินใจอย่างมีเหตุผล 7. หม่นั ตรวจสอบการใช้งบประมาณอยู่เสมอ 8. รายงานการเงินอย่างเป็นระบบ 52

5.3.3 กำรบรหิ ำรงำนบุคคล 1. มีความรู้ ทักษะ ประสบการณใ์ นการบรหิ ารงานบุคคล 2. เป็นแบบอย่างที่ดี 3. มีมนุษยสมั พนั ธ์ 4. มีอารมณ์ขนั 5. เปน็ นักประชาธิปไตย 6. ประนีประนอม 7. อดทน อดกลน้ั 8. เปน็ นักพดู ท่ดี ี 9. มีความสามารถในการประสานงาน 10. มีความสามารถจงู ใจให้คนร่วมกันทางาน 11. กล้าตดั สินใจ 12. มุ่งมัน่ พัฒนาองค์กร 5.3.4 กำรบรหิ ำรทวั่ ไป 1. เปน็ นกั วางแผนและกาหนดนโยบายทีด่ ี 2. เปน็ ผทู้ ี่ตดั สินใจและวินิจฉัยสั่งการทีด่ ี 3. มีความรู้ และบรหิ ารโดยใช้ระบบสารสนเทศที่ทนั สมยั 4. เป็นผทู้ ี่มีความสามารถในการติดต่อสอ่ื สาร 5. รู้จักมอบอานาจและความรบั ผิดชอบแก่ผทู้ ี่เหมาะสม 6. มีความคลอ่ งแคลว่ ว่องไว และตืน่ ตัวอยู่เสมอ 7. มีความรบั ผิดชอบงานสูง ไมย่ ่อท้อตอ่ ปัญหาอปุ สรรค 8. กากับ ติดตาม และประเมินผล 5.4 บทบำทผู้บรหิ ำรสถำนศึกษำในกำรประกนั คณุ ภำพกำรศึกษำ การประกันคุณภาพการศึกษา ของโรงเรียน เป็นการให้หลักฐานข้อมูลแก่ประชาชนว่า บุคลากรในโรงเรียนทางานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ผู้ปกครองนักเรียน และสาธารณชนมั่นใจใน คุณภาพของนักเรียน ดังน้ัน โรงเรียนต้องจัด ให้มีระบบประกันคุณภาพภายใน และให้ถือว่าเป็นส่วน หนึ่ง ของกระบวนการบริหารการศึกษา ที่ต้องดาเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยจัดทารายงานประจาปี เสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อนาไปสู่การพัฒนา คุณภาพและมาตรฐานการศึกษา 53

บทบาทของผู้บรหิ ารสถานศึกษาทีก่ ล่าวถึงที่ยงั เป็นผลให้เกิดการพฒั นาโรงเรียนทั้งระบบเพือ่ การปฏิรูป การศึกษา ที่จะต้องบริหารแบบมีส่วนร่วม มีลักษณะของผู้นาแบบประชาธิปไตย จะให้ความสาคัญ ให้ เกียรติและเคารพ ในศักด์ิศรีของผู้ร่วมงาน ยอมรบั และเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานแสดงความคิดเหน็ ร่วม แก้ปัญหาและร่วมตัดสินใจ เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ มีความเชื่อม่ัน เห็นคุณค่าของตนเองและผู้ร่วมงาน ซื่อสัตย์ จริงใจ มีความสามารถกระตนุ้ และจงู ใจให้เกิดความรกั และความผูกพนั ในโรงเรียน ดงั น้ัน การพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบเพื่อการปฏิรูปการเรียนรู้ ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องเปล่ียนแปลง บทบาทของตนเองโดยการใช้หลักการบริหารคุณภาพที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมคิดร่วมตัดสินใจ โรงเรียน สร้างทีมงาน ซึ่งมีความสาคัญต่อการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Based Management : SBM) สรปุ ผู้บริหารสถานศึกษา จะต้องมีความรู้ ความสามารถในการบริหาร จัดการ มีวิสัยทัศน์ ในการบริหารการศึกษาให้ทันสมัยกับการเปล่ียนแปลง มีภาวะผู้นา มีมนุษยสัมพันธ์เป็นที่ยอมรับ ของผู้เกีย่ วข้อง และมีความเป็นประชาธิปไตย เพื่อนาไปสู่การปฏิรูปการเรียนรู้ให้ผู้เรียนทุกคนมีความรู้ ความสามารถ บุคลิกลักษณะ และคุณสมบัติตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างแท้จริง ดังนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ควรมีลักษณะที่สาคัญ คือ นักพัฒนา นักแก้ปัญหา นกั ตัดสินใจ นักประนปี ระนอม นกั การฑตู นกั วางแผน นักปกครอง และนักปราชญ์ 54

หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 2 ภำวะผนู้ ำทำงวชิ ำกำร โรงเรยี นชุมชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จงั หวดั ลำปำง สงั กัดสำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศึกษำประถมศึกษำลำปำง เขต 1 กระทรวงศึกษำธกิ ำร ความเป็นผู้นาจาเป็นต้องให้ความสาคัญเป็นอย่างมากสาหรับผู้บริหาร เนื่องจากผู้ตามหรือ ผู้ใต้บังคับบัญชาจะมีความเชื่อมั่นและศรัทธา ให้การสนบั สนนุ หรือไม่ ต้องอาศัยศิลปะและยุทธวิธีต่าง ๆ และเมื่อพิจารณาในส่วนของประสทิ ธิภาพและประสิทธิผล ต้องนับว่าผู้นาเป็นศูนย์รวมพลังของกลุ่ม คนจะต้องนาความรู้สึกที่ดี ที่สามารถทาให้คนสร้างแรงบันดาลใจและปลดปล่อยส่ิงที่ดีที่สุดออกมา การเป็นผู้นาจึงต้องอาศัยการสร้างอารมณ์เป็นพื้นฐานที่สาคัญที่ผู้นาทุกคนต้องมี จากการที่ผู้นามี อิทธิพลเหนือผู้อื่นและสามารถโน้มน้าวผู้อื่นให้คลอ้ ยตามได้ดว้ ยความเตม็ ใจนั้น ผู้นาจะตอ้ งมีคณุ ธรรม และจริยธรรมอันดีงามที่สามารถเป็นแบบอย่างแก่ผู้อืน่ ได้ดว้ ย มิฉะนั้นจะสร้างปัญหาต่าง ๆ มากมาย จึงกล่าวได้ว่า ผู้นามีความสาคญั ต่อประสทิ ธิภาพและประสิทธิผลขององค์กรเป็นอยา่ งมาก ภาวะผู้นาทางวิชาการมีความสาคัญอย่างมากต่อการพัฒนาสถานศึกษา เพราะภาวะผู้นาทาง วิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาน้ันสามารถสร้างวิสัยทัศน์และขับเคล่ือนสถานศึกษา จนนาไปสู่ เป้าหมายที่ต้ังไว้ของสถานศึกษาได้ โดยกระบวนการโน้มน้าวของผู้บริหารสถานศึกษา ในการสร้าง เป้าหมายความสาเร็จที่จดุ เดยี วกนั ขององค์กร องค์ประกอบของภาวะผู้นาทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษามีความสาคัญอย่างยิ่งในการ พัฒนาสถานศึกษา ถ้าผู้บริหารสถานศึกษาปราศจากบทบาทผู้นาทางวิชาการแล้ว สถานศึกษาจะ พฒั นาให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการได้นั้นถือเป็นเรื่องยาก ดังน้ันผู้บริหารจาเป็นต้องมีความสามารถ ในการกาหนดเป้าหมายของโรงเรียน ในการพัฒนาการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตร มีการ ดูแลเอาใจใส่ครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา มีการนิเทศการศึกษา มีการวัดผลและประเมินผล สนับสนุนการศึกษาหาความรู้ พัฒนาวิชาชีพให้มีความก้าวหน้า มีการปรับเปล่ียนรูปแบบการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั และให้มผี ลสมั ฤทธิ์สงู ขนึ้ 55

หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 3 กำรบริหำรและกำรจัดกำรในสถำนศกึ ษำ โรงเรยี นชุมชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จังหวัดลำปำง สังกัดสำนักงำนเขตพน้ื ที่กำรศึกษำประถมศึกษำลำปำง เขต 1 กระทรวงศึกษำธกิ ำร 3.1 บรบิ ทของโรงเรยี นชุมชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จงั หวดั ลำปำง สภาพชุมชนโดยรอบสถานศึกษามีลักษณะเป็นแหล่งชมุ ชนแบบกึ่งเมืองมีโรงงานอุตสาหกรรม และหัตถกรรม (เซรามิก)เป็นจานวนมากประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงานแต่ไปทางานต่างจังหวัด ผู้ปกครองนักเรียนเกินกว่าร้อยละ 70 มีปัญหาหย่าร้างปล่อยลูกหลานให้อยู่กับญาติผู้ใหญ่ซึ่งสูงอายุ แต่ยังต้องไปทางานรับจ้างที่ต่างๆทาให้ไม่มีเวลาเอาใจใสล่ ูกหลานทาให้นักเรียนโดยเฉพาะในระดับช้ัน มธั ยมศึกษาตอนต้นขาดเรียนบ่อยไมม่ าเรียนที่โรงเรียน บางครอบครัวผู้ปกครองมีการย้ายถิ่นฐานอยู่ บ่อยครั้ง ประชากรของชุมชนเกินกว่าร้อยละ 99 นับถือศาสนาพุทธที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์และ ศาสนาอิสลาม ประเพณีและวฒั นธรรมท้องถิ่นทีเ่ ป็นทีร่ ู้จักโดยทว่ั ไปคือ ประเพณีลอ่ งสะเปา ตานก๋วย สลากและตานเปรตพลี นักเรียนเกินกว่ารอ้ ยละ 80 มีฐานะทางเศรษฐกิจค่อนข้างยากจนที่เหลอื อีก ร้อยละ 20 มีฐานะปานกลาง ผู้ปกครองมากกว่าร้อยละ 80 จบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) แต่ละ ครอบครัวมีรายได้โดยเฉล่ียต่อเดือน 8,000 บาท จานวนคนเฉล่ียต่อครอบครัว คือ 4 คน โรงเรียน ชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากคณะกรรมการสถานศึกษา ข้ันพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน ประชาชนในชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร้านค้า โรงงานและสถาน ประกอบการต่างๆที่ได้ช่วยเหลือสนับสนุนในด้านงบประมาณ แหล่งเรียนรู้ ด้านการจัดการและ กิจกรรมต่างๆที่สถานศึกษาจดั ขนึ้ 56

3.2 กำรสรำ้ งเครอื ข่ำยและควำมรว่ มมือทำงกำรศึกษำ ส่วนราชการ/องค์กร บทบาทหนา้ ท่ี ข้อกาหนดทสี่ าคัญใน แนวทางและวิธีการ การปฏบิ ตั ิงานร่วมกนั ส่อื สารระหวา่ งกัน ทเี่ ก่ยี วข้อง ในการปฏิบตั ริ ว่ มกนั แนวทางปฏบิ ัติ/นโยบาย - หนงั สอื ราชการ - การประชุม สานั ก งาน คณ ะก รรมก าร กาหนดนโยบายและ แนวทางปฏบิ ตั ิ/นโยบาย - โทรศพั ท์/ โทรสาร การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน งบประมาณ - แนวปฏบิ ตั ิ - e-mail - มาตรฐานการศึกษา - Facebook สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา กาหนดนโยบายและ - หลกั สตู รสถานศกึ ษา - งบพฒั นาการศกึ ษา ประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 งบประมาณ - แนวปฏบิ ัติ - งบพัฒนาการศกึ ษา คณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน - กากบั ดูแล งบพัฒนาการศึกษา พ้ืนฐานโรงเรียนชุมชนบ้าน - ใหค้ วามเห็นชอบ งบพฒั นาการศึกษา ฟอ่ นวิทยา - สนบั สนนุ งบพัฒนาการศกึ ษา ภาคี 4 ฝ่ายโรงเรียนชุมชน - กากับดูแล งบพฒั นาการศกึ ษา บา้ นฟ่อนวิทยา - ให้ความเห็นชอบ งบพัฒนาการศกึ ษา - สนับสนนุ งบพัฒนาการศึกษา ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ช ม ร ม สนบั สนุนงบประมาณ งบพัฒนาการศกึ ษา ผู้ ป ก ค ร อ ง แ ล ะ ค รู โ ร ง เรี ย น ชมุ ชนบ้านฟอ่ นวิทยา คณะกรรมการชมรมศิษย์เก่า สนบั สนุนงบประมาณ โรงเรียนชมุ ชนบ้านฟ่อนวิทยา ก อ ง ทุ น ป ร ะ กั น สุ ข ภ า พ สนับสนนุ งบประมาณ เทศบาลเมอื งเขลางคน์ คร เทศบาลเมอื งเขลางค์นคร สนบั สนนุ งบประมาณ ก า ร ไ ฟ ฟ้ า ฝ่ า ย ผ ลิ ต แ ห่ ง สนบั สนนุ งบประมาณ ประเทศไทย การปิโตรเลียมแห่งประเทศ สนับสนุนงบประมาณ ไทย มหาวิทยาลยั ราชภัฏลาปาง สนับสนุนงบประมาณ 57

3.3 สถำนภำพของโรงเรียนชมุ ชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จากการศึกษาสถานภาพ การระดมความคิด การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ของโรงเรียน ชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา ด้านการจัดการศึกษาโดยผู้บริหารโรงเรียน คณะครู บุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา พร้อมด้วยตัวแทนผู้ปกครองนักเรียนของโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา ได้ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและสภาพแวดล้อมภายในโดยวิธี SWOT Analysis ดงั นี้ สภำพแวดลอ้ มภำยนอก (External Environment) สภำพแวดล้อมภำยนอก โอกำส อปุ สรรค (External Environment) ดา้ นผปู้ กครองและชุมชน (Opportunities) (Threats) 1. ผู้ปกครองและชุมชนให้ความ 1. ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีค่านิยม สนใจกับการเปล่ียนแปลงการ ส่งบุตรหลาน เข้าเรียนโรงเรียน จัดการศึกษาตามนโยบาย ดงั ในเมือง/จังหวดั 2. ผู้ปกครองและชุมชนให้ความ 2. การสนับสนุนงบประมาณ ร่วมมือกับโรงเรียนในภารกิจ ของผู้ปกครองและชุมชนเมื่อ งานกิจกรรมต่าง ๆ โรงเรียนร้องขอเท่านน้ั 3. หน่วยงานต้นสังกัดให้การ 3. หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สนับสนุนการจัดการศึกษาของ มีภารกิจงานด้านอื่น ๆ มาก ทา สถานศึกษา ใ ห้ ก า ร ส นั บ ส นุ น ด้ า น 4. โรงเรียนได้รับความร่วมมือ งบประมาณเพื่อการศึกษาของ จากชุมชน ผู้ปกครอง สมาคม โรงเรียนมีจากัด ศิษย์เก่า คณะกรรมการศึกษา 4. การป ระสานงานกับบาง หน่วยงานภายนอก ให้ความ องค์กรและชมุ ชนต่าง ๆ มีความ ร่ ว ม มื อ แ ล ะ ช่ ว ย เห ลื อ ใน ลา่ ช้า เนื่องจากมีข้ันตอนในการ กิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน ประสานทย่ี ุ่งยากและซับซ้อน สมา่ เสมอ 5. แนวปฏิบัติแต่ละองค์กรไม่มี 5. องค์กรภายนอกต่าง ๆ มี ความสอดคล้อง และไม่เอื้อต่อ ความเข้มแขง็ และมีความพร้อม หน่วยงานอื่น ๆ ใ น ก า ร ส นั บ ส นุ น ก า ร ดาเนินการกิจกรรมต่าง ๆ ของ โร ง เรี ย น เช่ น วั ด อ บ จ . เทศบาล ฯลฯ ทาให้โรงเรียน 58

สภำพแวดล้อมภำยนอก โอกำส อปุ สรรค (External Environment) (Opportunities) (Threats) ดา้ นการเมืองและกฎหมาย สามารถดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้เปน็ อย่างดี 6. มีการทาข้อตกลง (MOU) กั บ ส ถ า น บั น ก า ร ศึ ก ษ า ใน ประเทศ เช่นมหาวิทยาลัยราช ภัฏลาปาง สถาบันอาชีวศึกษา ฯลฯ 1. รัฐจัดให้ทุกสถานศึกษาต้อง 1. บุคลากรที่ไม่ใช่ข้าราชการ รับ การประเมินการป ระกัน ประจาขาดเสถียรภาพในการ คุณภาพภายนอกรอบส่ีส่งผล ทางาน ขาดขวัญ กาลังใจมี ให้โรงเรียนเร่งรัดในการจัด ผลกระทบตอ่ การปฏิบตั งิ าน การศึกษ าให้ได้คุณ ภาพตา 2. ข้อ ก ฎ ห ม ายบ างข้อ เป็ น มาตรฐาน อปุ สรรคต่อพฤติกรรมด้านการ 2. นโยบายเรียนฟรี 15 ปี เอื้อ อบรมวินยั ของนกั เรยี น ประโยชน์ให้ครอ บค รัวขอ ง 3 . น โ ย บ า ย ข อ ง รั ฐ ที่ นักเรียนที่ขาดแคลนได้รับการ เปล่ียนแปลงบ่อยทาให้การ ช่วยเหลอื ดาเนินงานต้องปรับเปล่ียนตาม 3. กองทุนเพื่อความเสมอภาค รัฐบาลจึงขาดความต่อเนื่องใน ทางการศึกษา (กสศ.) ให้การ การพัฒนา สนับสนุนงบประมาณ ให้กับ 4 . น โ ย บ า ย ก า ร จั ด ส ร ร นั ก เรีย น ที่ ด้ ว ย โอ ก า ส ท า ง งบประมาณรายหัวของรัฐบาล การศึกษา (นักเรียนยากจน ยังไม่เพียงพอกับการบริหาร พิเศษแบบมีเงื่อนไข) จัดการภายในโรงเรียน 4. รัฐ ให้ ก ารสนั บ ส นุน กา ร เรียนรู้สู่อาชีพของสถานศึกษา 5. รัฐให้โอกาสนักเรียนท้องใน วยั เรยี นได้เรยี นในระบบ 6. นักเรียนที่ไป ยุ่งเกี่ยวกับ ยาเสพติดไดร้ ับการช่วยเหลอื ให้ เข้ารบั การบาบดั 59

สภำพแวดล้อมภำยนอก โอกำส อปุ สรรค (External Environment) ดา้ นเศรษฐกิจ (Opportunities) (Threats) ดา้ นสังคมและวฒั นธรรม 7. พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก ดา้ นเทคโนโลยี พ.ศ. 2546 ที่ให้การดูแลเด็กใน เรื่องสทิ ธิต่าง ๆ ทีค่ วรได้รบั 1. โรงเรียนมีการสนับสนุนหรือ 1. งบ ป ระม าณ ที่ได้ รับ ก าร จั ด ห า ทุ น ก า รศึ ก ษ า ให้ แ ก่ จัดสรรให้กับกลุ่มงาน/ฝ่าย/ นักเรียนที่มีฐานะ ยากจนตาม กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ยัง ความเหมาะสม ไมเ่ พียงพอ 2. โรงเรียนได้รับการสนับสนุน 2. นักเรียนบางส่วนมีฐานะ การศึกษา จากหน่วยงานต่าง ๆ ยากจน 3. มีนโยบายเรียนฟรี 15 อย่าง ปี3. สภาวะเศรษฐกิจตกต่าทา มีคุณภาพ ของภาครัฐ ช่วยลด ให้ผู้ปกครองย้ายถิ่นฐานไป ภาระค่าใช้จา่ ยให้ผู้ปกครอง ทางานทีใ่ นเมืองหรือตา่ งจงั หวัด 4 . รู ป แ บ บ ก า ร ค้ า ข า ย ที่ ทาให้ดแู ลบตุ ร หลานไมเ่ ตม็ ที่ เป ล่ี ย น ไป เช่ น ก า รค้ า ข า ย ออนไลน์ทาให้นักเรียนสามารถ หารายได้ระหว่างเรียน 1. ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ความ 1. แนวโน้มป ระชากรลดลง ร่วมมือในการจดั การศึกษา ทาให้ จานวนนกั เรยี นลดลงและ 2 . ชุ ม ช น มี แ ห ล่ ง เรี ย น รู้ ที่ เพิม่ ข้นึ ไมแ่ นน่ อน หลากหลายทาให้นักเรียนได้รับ 2. นักเรียนมากกว่าร้อยละ 60 ประสบการณต์ รง มีสภาพ ครอบครัวแตกแยกทา ให้นักเรียน ขาดการอบรมเล้ียง ดทู ่ดี ี 3. ผู้ปกครองส่วนใหญ่ทางาน ต่างจงั หวดั อยู่กับปู่ย่าตายาย 1. ระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ต 1. ส่ือ เทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต ของโรงเรียนมีประสิทธิภาพ ทา เก ม ส์ เข้ า ม า มี บ ท บ า ท ใน ให้ครูผู้สอนคล่องตัวในการ ชีวิตประจาวันทาให้นักเรียน จัดการเรียนการสอน บ างส่วนนาแบ บ อย่างที่ผิด 2. โรงเรียนมีเว็ปไซต์ , เฟสบุ๊ค ไปประพฤติปฏิบตั ิ 60

สภำพแวดลอ้ มภำยนอก โอกำส อุปสรรค (External Environment) (Opportunities) (Threats) ในการ เผยแพร่ผลงานข้อมูล 2. ขาดการควบคุมดูแลในการ ข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ที่ เลือกใช้ส่ือเทคโนโลยีที่ถูกต้อง เกิดขนึ้ และเหมาะสม 3. โรงเรียนเข้าถึงเครือข่ายหรือ 3. การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตทาได้ แหล่งข้อมูล ในดา้ นต่างๆ ที่เป็น ย า ก ใน บ้ า น พั ก อ า ศั ย ข อ ง ประโยชน์ต่อการทางาน หรือ นกั เรยี นบางคน ก าร จั ด กิ จ ก รรม ก า รเรีย น 4. สอ่ื อปุ กรณ์เก่าเส่อื มคุณภาพ การสอน ได้งา่ ย ข า ด ก า ร บ า รุ ง รั ก ษ า เช่ น ส า ย เชื่ อ ม Internet โป รเจ็ ค เต อ ร์ แ ล ะ ค อ ม พิ ว เต อ ร์ใน ห้องเรียน 5. เจ้าหน้าที่และบุคลากรดูแล ดา้ นเทคโนโลยีไม่เพียงพอ 6. บุคลากรยังขาดความรู้ความ เข้าใจข้ันตอนการใช้อุปกรณ์ ต่าง ๆ และการนาเทคโนโลยีมา จัดกิจกรรมการเรียนการสอน 7. งบประมาณ ในการเข้าถึง เทคโนโลยีบางอย่าง มีค่าใช้จ่าย สงู เช่น โปรแกรมสนับสนุนการ จดั การศึกษาบางโปรแกรม 8. ความรวดเร็วทางเทคโนโลยี บางอย่างส่งผลให้ครู บุคลากร บางส่วนตามไมท่ ัน 61

สภำพแวดลอ้ มภำยใน (Internal Environment) ปจั จยั ภำยใน จุดแข็ง จดุ อ่อน (Internal Environment) (Strength) (Weakness) ดา้ นโครงสร้างการบรหิ ารงาน 1. โรงเรีย น มี ระ บ บ ก า รจั ด 1. หวั หน้างาน 4 ฝ่ายขาดความ การศึกษาและโครงสร้างการ คล่องตัวในการประสานในสาย บรหิ ารงาน 4 ฝ่ายที่ชดั เจน งานและระหว่างสายงาน 2 . โค ร งส ร้ า ง งา น 4 ฝ่ า ย 2. บุคลากรไม่เพียงพอต่อภาระ สอดคล้องกับการขับเคล่ือน ง า น ต า ม โค ร ง ส ร้ า ง ก า ร ของหน่วยงานต้นสังกัด บริหารงานหรือไม่เหมาะสมกับ 3. ระบบการบริหารจัดการใช้ บรบิ ทของงาน หลักการการมีส่วนร่วม 3. โครงสร้างการบริหารงาน 4. มีการกากับติดตามงานให้ บางงานมีความซ้าซ้อนหรือไม่มี เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างมี ความชัดเจน ของผู้รับผิดชอบ ประสิทธิภาพ เพราะบุคลากร มีภาระงาน ซ้าซ้อน ทาให้ขาดประสทิ ธิภาพ 4. พฤติกรรมการทางานของ บุ ค ลากรบ างค นขาดค วาม เข้มแขง็ ดา้ นการบริหารจดั การ 1. ผู้บริหารโรงเรียนและหัวหน้า 1. ผู้ร่วมงานบางคนขาดความ งานมีคุณ ธรรมจริยธรรมใช้ เ อ า ใ จ ใ ส่ ใ น ง า น ที่ ไ ด้ รั บ หลักการกระจาย อานาจในการ มอบหมาย ดาเนินงาน 2 . น โย บ า ย ข อ ง รั ฐ มี ก า ร 2. มีการประชุมวางแผนการ เปล่ียนแปลงบ่อยทาให้ครูมี บรหิ ารงานมอบหมายงานอย่าง ภาระงานเพิม่ ข้นึ เปน็ ระบบ 3. ขาดการประสานงานทาให้ 3. สถานศึกษามีกฎระเบียบ งานล่าช้า แ ล ะ ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ ใ น ก า ร 4. มีนโยบายงานเร่งด่วนจาก ปฏิบตั งิ านอย่างชัดเจน ส่วนกลางหรือต้นสังกัด ส่งผล 4. โรงเรียนมีแผนพัฒนาการจัด กระทบตอ่ การจดั การเรียนการ การศึกษา 4 ปี และแผนปฏิบัติ สอนทาให้ขาดคุณภาพในการ ก าร 1 ปี เป็ น คู่ มื อ ใน ก า ร ปฏิบตั งิ าน 62

ปจั จัยภำยใน จดุ แขง็ จดุ อ่อน (Internal Environment) (Strength) (Weakness) ปฏิบัติงานที่ตามนโยบายของ 5. ขาดความต่อเนื่องด้านงาน หน่วยงานต้นสังกดั นิเทศติดตามของหน่วยงานต้น 5. มีการมอบหมายหน้าที่ใน สังกัด การปฏิบัติงานชัดเจนเป็นไป 6 . ผ ล ก า รด า เนิ น งา น บ า ง ตามโครงสร้าง โครงการ/กิจกรรมไม่บรรลุตาม 6. การนานโยบายหน่วยงานต้น เป้าหมายทีก่ าหนด สังกัดสู่การปฏิบัติเป็นรูปธรรม 7. มี ภาระงานที่ ไม่ได้ อ ยู่ใน สามารถตรวจสอบได้ แ ผ น ป ฏิ บั ติ งาน แ ต่ มี ค ว า ม 7. มีการจัดสรรงบประมาณ จาเป็น ต้องดาเนินการตาม อย่างเป็นระบบตามแผนปฏิบัติ นโยบาย เร่งด่วน งานโรงเรียนอย่างชัดเจน 8. งบประมาณด้านการบริหาร จัดการภายในโรงเรียน มีการ จัดสรรภายในกลุ่มงานอย่าง เหมาะสม 9. กลุ่มบริหารงบประมาณ ได้ ติ ด ต า ม เอ ก ส า ร ก า ร เบิ ก จ่ายเงินอย่างเปน็ ระบบ ด้านครูและบุคลากรทางการ 1.ครูผู้สอนมากกว่าร้อยละ 60 1.มีครูผู้สอนบางคนยังไม่ปรับ ศึกษา มี ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ใ น ก า ร การเรียนเปล่ียนการสอนยังใช้ ปฏิบตั งิ านสอนมากกว่า 20 ปี วิธีครูเป็นศนู ย์กลาง 2.ครูผู้สอนส่วนใหญ่สอนตรง 2.ขาดนักการภารโรงที่มีความรู้ ตามวฒุ ิการศึกษา ดา้ นงานเกษตร 3.ครูผู้สอนมากกว่าร้อยละ 90 3.บุคลากรมีภาระงานพิเศษ มีความ รบั ผิดชอบและให้ความ ม ากท าให้การจัดการเรียน ร่วมมือในการทางานเป็นทีม การสอนไม่เตม็ ที่ 4 .โร ง เรี ย น มี บุ ค ล า ก ร มี 4.มีบุ คลากรไม่เพียงพอต่อ คุ ณ ธ ร ร ม จ ริ ย ธ ร ร ม แ ล ะ ภาระงานในโรงเรียน แสวงหาความรู้อยา่ งสม่าเสมอ 5. มีบุคลากรบางส่วนได้รับ ม อ บ ห ม า ย ง า น ไม่ ต ร ง กั บ 63

ปัจจัยภำยใน จุดแข็ง จดุ ออ่ น (Internal Environment) (Strength) (Weakness) ความสามารถและความถนัด ของตนเอง 6. บคุ ลากรบางสว่ นขาดความรู้ ค ว า ม ช า น า ญ ด้ า น ICT ( Information Communication Technology) ผลจากการวิเคราะห์สถานภาพของโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาพบว่า อยู่ด้านโอกาสและ จุดแข็ง (Stars) แสดงให้เห็นว่าโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยามีสภาพปัจจัยภายนอกเอื้อและแข็ง คือ ภายนอกให้การ สนับสนุน ภายในองค์กรมีประสิทธิภาพในการร่วมมือและทางานร่วมกัน ส่งผลให้ โรงเรียนชมุ ชนบ้านฟ่อนวิทยา เปน็ องค์กรทีม่ ีคณุ ภาพประสบผลสาเรจ็ แต่อย่างไรกต็ ามโรงเรียนชุมชน บ้านฟ่อนวิทยายังคงมีปัจจัยบางอย่างที่ เป็นอุปสรรคและจุดอ่อน ดังนั้นโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา ต้องรกั ษาเสถียรภาพของตนเองไว้และพฒั นาตนเอง อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงและแก้ไขจดุ อ่อนให้ลด น้อยลงหรือหมดไป 3.4 กำรบรหิ ำรแผนงำน/โครงกำร/กจิ กรรมไปสคู่ วำมสำเร็จ ความหมายของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเปน็ ฐาน การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานใช้อกั ษร ย่อ “SBM” มาจากคาเตม็ และมีความหมายดงั นี้ S = School แปลว่า โรงเรียน B = Based แปลว่า เกี่ยวกบั ฐานหรอื พืน้ ฐาน M = Management แปลว่า การบรหิ ารและการจัดการ ดังนั้น School-Based Management จึงแปลว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน หรือการใช้ โรงเรียน เปน็ ฐานในการบรหิ ารและการจัดการ หรือการบรหิ ารจัดการศึกษาโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ซึ่ง เกิดจากแนวความคิด เรื่องปฏิรูปการศึกษา และการกระจายอานาจทางการศึกษาทั้งนี้เพื่อให้การจัด การศึกษาเป็นไปโดยมีส่วนร่วมระหว่าง ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ ตัวแทนครู ตัวแทนชุมชน ตัวแทนศิษย์เก่า ร่วมกนั บรหิ ารสถานศึกษาให้เป็นไป ตามความต้องการของผู้เรยี นและชุมชนมากทีส่ ุด 64

จากข้างต้นในการจัดการศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาได้ใช้หลักการบริหารโดยใช้ โรงเรียนเป็นฐาน ของไทย (Thai-Style School-Based Management = Thai SBM) ตามแบบอย่างของ สานกั งานเลขาธิการสภา การศึกษา โดยมีหลักบรหิ ารสาคัญ 3 ประการ คือ 1.หลกั การกระจายอานาจ (Decentralization) 2.หลักการ บริหารแบบมีส่วนร่วม (Participation) และ 3.หลักการบริหารจัดการที่ดี (Good Governance in Education) ในงานท้ัง 4 ด้าน คือ ด้านวิชาการ ด้านงบประมาณ ด้านงานบุคคล และ ด้านงานบริหารท่ัวไป และในการดาเนินงาน เพื่อให้เกิดความสาเร็จตามแผนงาน/โครงการ/ กิจกรรมที่โรงเรียนกาหนด โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาได้ใช้เทคนิค 6 ร่วม ได้แก่ 1.ร่วมวิเคราะห์ สภาพปัญหา (Analysis) 2. ร่วมวางแผนพัฒนา (Planning) 3. ร่วมดาเนินการพัฒนา (Participate) 4. ร่วมตรวจสอบและช่วยเหลือ (Check) 5. ร่วมชื่นชมยินดี (Appreciated) 6 ร่วมพัฒนาต่อยอดให้ สมบูรณ์ (Improvement) เป็นกรอบในการบริหารจัดการศึกษาและ นอกจากนี้โรงเรียนได้ใช้วงจรของ Deming Cycle หรือวงจร PDCA เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการ ดาเนินงานตาม แผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ตามลาดบั ขนั้ ตอน ดงั นี้ 1) Plan คือ การวางแผนในการดาเนินงาน 2) Do คือ การลงมือทาตามแผนทีว่ างไว้ 3) Check คือ การตรวจสอบผลการดาเนินงานกบั แผน 4) Act คือ การยึดถือปฏิบัติหากการดาเนินงานบรรลุตามแผน ถ้าการดาเนินงานยังไม่บรรลุ ตามแผนให้หาสาเหตุและวางแผนแกไ้ ขใหม่ วงจรสคู่ วำมสำเร็จ 65

ในการจัดการศึกษาตามแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมในแผนปฏิบัติการประจา ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ฉบับนี้ โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยาได้กาหนดกลยุทธ์ในการดาเนินงานให้สอดคล้องกับ สานักงานคณะกรรมการศึกษาข้ัน พนื้ ฐานและสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาลาปาง เขต 1 ไว้ 5 กลยทุ ธ์ ในการบรหิ ารงานการจดั การศึกษา ได้แก่ กลยทุ ธ์ที่ 1 พฒั นาผู้เรียนให้มีคณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน กลยทุ ธ์ที่ 2 ปลูกฝังผู้เรียนให้มีคุณธรรมจริยธรรมและมีทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง กลยทุ ธ์ที่ 3 สง่ เสริมผู้เรยี นให้มีสขุ ภาพกายและจิตทีด่ ี รู้รักษาพลงั งานสิง่ แวดล้อม กลยุทธ์ที่ 4 พัฒนาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาให้เป็นครูมอื อาชีพ กลยทุ ธ์ที่ 5 เสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารจัดการศึกษา ประสานความร่วมมือกับ ชุมชนและเครอื ข่าย แนวทำงกำรตดิ ตำม ตรวจสอบและประเมินผล 1. จดั ทาเคร่อื งมือเพื่อประเมินผลการดาเนินงานตามโครงการ 2. มีคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการดาเนินงานตามกลยุทธ์/จุดเน้น มี หน้าทีต่ ิดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการดาเนินงานของโรงเรียนใน 2 ประเดน็ คือ 2.1 ติดตามผลการดาเนินงานของโครงการ 2.2 ติดตามความก้าวหน้าของการดาเนินงานตามกลยุทธ์และจุดเน้นของสถานศึกษา 3. การประเมินผลโครงการ/งาน/กิจกรรมมีประเดน็ คือ ประเมินผลสมั ฤทธิ์ตามกลยทุ ธ์/จุดเน้น โดย เปรยี บเทียบกับวตั ถปุ ระสงค์และเป้าหมายทีก่ าหนดไว้ในโครงการ 4. รายงานผลโครงการหลังจากเสรจ็ ส้นิ การดาเนินงาน จานวน 1 ชุด จดั เกบ็ ไว้เองจานวน 1 ชุด 66

67

กำรแลกเปลีย่ นเรยี นรจู้ ำกกำรนำเสนอ และจัดนิทรรศกำร กำรปฏิบตั กิ ำรวชิ ำชีพกำรบริหำรกำรศึกษำในสถำนศกึ ษำ อำจำรย์ท่ปี รึกษำ ผชู้ ว่ ยศำสตรำจำรย์ ดร.วัชระ จัตพุ ร หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 1 หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ 2 คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ของ ภำวะผู้นำทำงวิชำกำร ผ้อู ำนวยกำรสถำนศึกษำ หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ 3 คลิปวีดีโอกำรฝึกประสบกำรณ์ ในถำนศึกษำ กำรบริหำรและกำรจัดกำรในสถำนศึกษำ 68

69

70

71

72

ภำพกิจกรรมฝึกประสบกำรณว์ ิชำชีพผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ ณ โรงเรยี นชมุ ชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จงั หวัดลำปำง ระหว่ำงวนั ที่ 1 – 23 ธันวำคม 2564 1

ภำพกิจกรรมฝึกประสบกำรณว์ ิชำชีพผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ ณ โรงเรยี นชมุ ชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จงั หวัดลำปำง ระหว่ำงวนั ที่ 1 – 23 ธันวำคม 2564 2

ภำพกิจกรรมฝึกประสบกำรณว์ ิชำชีพผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ ณ โรงเรยี นชมุ ชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จงั หวัดลำปำง ระหว่ำงวนั ที่ 1 – 23 ธันวำคม 2564 3

ภำพกิจกรรมฝึกประสบกำรณว์ ิชำชีพผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ ณ โรงเรยี นชมุ ชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จงั หวัดลำปำง ระหว่ำงวนั ที่ 1 – 23 ธันวำคม 2564 4

ภำพกิจกรรมฝึกประสบกำรณว์ ิชำชีพผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ ณ โรงเรยี นชมุ ชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จงั หวัดลำปำง ระหว่ำงวนั ที่ 1 – 23 ธันวำคม 2564 5

ภำพกิจกรรมฝึกประสบกำรณว์ ิชำชีพผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ ณ โรงเรยี นชมุ ชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จงั หวัดลำปำง ระหว่ำงวนั ที่ 1 – 23 ธันวำคม 2564 6

ภำพกิจกรรมฝึกประสบกำรณว์ ิชำชีพผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ ณ โรงเรยี นชมุ ชนบำ้ นฟอ่ นวิทยำ จงั หวัดลำปำง ระหว่ำงวนั ที่ 1 – 23 ธันวำคม 2564 7

8


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook