คมู่ ือการออกแบบ แผนการจัดการเรียนรู้ระบบ OLE หลกั สูตรสถานศกึ ษาบนฐานสมรรถนะ (School Competency – Based Curriculum) โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกลุ วทิ ยา อำเภอบ้านฉาง จังหวดั ระยอง สำนกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษาชลบุรี ระยอง
คำนำ เอกสารคู่มือการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ระบบ OLE หลักสูตรสถานศึกษาบนฐานสมรรถนะ (School Competency – Based Curriculum) เล่มนี้ เป็นการรวบรวมความรู้จากเอกสาร ตํารา แนวปฏิบัติ ที่ดีโดยนําความรู้เหล่านั้นมาประมวลเป็นคู่มือการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ระบบ OLE สำหรับให้ครูผู้ท่ี รับผิดชอบสอนในรายวิชาต่าง ๆ ได้ศึกษาแนวทางการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ระบบ OLE ตามหลักสูตร สถานศึกษาบนฐานสมรรถนะ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลยิ่งขึ้น โดยแสดง แนวทางการทำงานของโรงเรียน สมรรถนะหลักและสมรรถนะพื้นฐานของโรงเรียน รูปแบบการจัดทำแผน การจัดการเรียนรู้ระบบ OLE และตัวอย่างการจัดทำแผนการจดั การเรยี นรู้ระบบ OLE เพื่อให้การปฏบิ ตั ิงานเปน็ ระบบและมมี าตรฐานเดียวกนั ทีมงานผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารคู่มือการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ระบบ OLE จะเป็น ประโยชน์สามารถใช้เป็นแนวทางในการปฏบิ ตั งิ านให้มีประสทิ ธิภาพยงิ่ ข้ึนต่อไป งานการจดั การเรยี นการสอนของโรงเรียนในเขตพนื้ ที่นวัตกรรม โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวทิ ยา
บทนำ
บทนำ หลักสูตรสถานศกึ ษาบนฐานสมรรถนะ (School Competency – Based Curriculum)
บทนำ หลักสูตรสถานศกึ ษาบนฐานสมรรถนะ (School Competency – Based Curriculum)
บทนำ หลักสูตรสถานศกึ ษาบนฐานสมรรถนะ (School Competency – Based Curriculum)
บทนำ หลกั สตู รสถานศกึ ษาบนฐานสมรรถนะ (School Competency – Based Curriculum) อ้างอิง : เอกสารการอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารออนไลน์ กระบวนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ และการออกแบบเครื่องมอื วัดและประเมนิ ผลองิ ฐานสมรรถนะ ในโครงการโรงเรียนนำรอ่ งพืน้ ท่นี วตั กรรมการศกึ ษา จงั หวัดศรสี ะเกษ และจังหวดั ระยอง (มิถุนายน, 2564) อ้างองิ : เอกสารการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ ารออนไลน์ กระบวนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ และการออกแบบเครื่องมอื วัดและประเมนิ ผลองิ ฐานสมรรถนะ ในโครงการโรงเรียนนำรอ่ งพ้ืนท่นี วตั กรรมการศกึ ษา จงั หวดั ศรสี ะเกษ และจังหวดั ระยอง (มถิ ุนายน, 2564)
บทนำ หลกั สตู รสถานศกึ ษาบนฐานสมรรถนะ (School Competency – Based Curriculum) อ้างองิ : เอกสารการอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารออนไลน์ กระบวนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ และการออกแบบเคร่ืองมือวดั และประเมินผลอิงฐานสมรรถนะ ในโครงการโรงเรียนนำร่องพ้นื ท่นี วตั กรรมการศึกษา จงั หวดั ศรสี ะเกษ และจังหวดั ระยอง (มิถุนายน, 2564) อา้ งอิง : เอกสารการอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ ารออนไลน์ กระบวนการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ และการออกแบบเครื่องมือวัดและประเมนิ ผลอิงฐานสมรรถนะ ในโครงการโรงเรียนนำร่องพ้นื ทน่ี วตั กรรมการศึกษา จงั หวัดศรสี ะเกษ และจังหวดั ระยอง (มิถุนายน, 2564)
บทนำ หลักสตู รสถานศกึ ษาบนฐานสมรรถนะ (School Competency – Based Curriculum) อ้างอิง : เอกสารการอบรมเชิงปฏิบัติการออนไลน์ กระบวนการพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ และการออกแบบเคร่ืองมือวัดและประเมนิ ผลอิงฐานสมรรถนะ ในโครงการโรงเรียนนำรอ่ งพ้นื ทนี่ วตั กรรมการศึกษา จังหวดั ศรีสะเกษ และจังหวดั ระยอง (มถิ ุนายน, 2564)
สมรรถนะพ้นื ฐาน
สมรรถนะพื้นฐาน ภาษาไทย 1. ภาษาไทยเพื่อการสอ่ื สาร (Thai Language for Communication) ฟัง พูด อา่ นและเขยี น เพ่ือสอื่ สารข้อมูล ความรู้ ความรู้สกึ นึกคิด โดยใชป้ ระสบการณ์ความรู้ทางหลักภาษา และ กลวิธีการใช้ภาษาที่ช่วยให้สามารถรับสารได้ถูกต้อง เข้าใจ เปิดกว้าง ไตร่ตรอง ประเมินและนำไปใช้ในชีวิตสามารถ ถ่ายทอดและผลติ ผลงานผา่ นกระบวนการพูดและเขยี นไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ โดยคำนึงถงึ ผรู้ บั สาร เหมาะสมกับกาลเทศะ เกดิ ประโยชนแ์ ก่ตนเองและสว่ นรวม รวมทั้งใช้ภาษาไทยเปน็ เครื่องมือในการเรียนรู้ เข้าใจสังคม วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย และถา่ ยทอดสรา้ งผลงานต่อยอดสรา้ งสรรค์จากความรู้ ความคิดทไ่ี ดร้ ับ สมรรถนะ 1. รับฟังอย่างตั้งใจและเข้าใจลึกซึ้งในผู้พูดและสาระที่รับฟัง ทั้งที่เป็นข้อความ คำพูด ท่าทาง สัญลักษณ์และ กราฟกิ ต่าง ๆ เขา้ ใจมมุ มองทแี่ ตกตา่ งกนั ตามบริบทสังคมและวฒั นธรรม มกี ารตรวจสอบความเขา้ ใจให้ตรงกันระหวา่ งผู้พูด และผูฟ้ งั รวมท้งั ตรวจสอบความถูกตอ้ งของข้อมูลกอ่ นตดั สินใจเก่ียวกับเรอื่ งที่ฟัง และเลือกนำความรู้ท่ไี ด้จากการฟังไปใช้ ประโยชนใ์ นชวี ิตของตนและส่วนรวม 2. พูดเพอ่ื วตั ถุประสงค์ต่าง ๆ ในสถานการณ์ทห่ี ลากหลายอย่างสร้างสรรค์ โดยคำนึงถงึ ลกั ษณะและความต้องการ ของผู้ฟัง สามารถพูดได้กระชับ ถูกต้อง ตรงประเด็น เข้าใจง่าย ใช้สื่อและภาษาท่าทางประกอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับกาลเทศะ บริบททางสังคมและวัฒนธรรมรวมทั้งตรวจสอบความเข้าใจของผู้ฟัง และประเมินเพื่อปรับปรุง การพดู ของตน 3. อา่ นสาระในรปู แบบต่าง ๆ ได้โดยมวี ัตถุประสงคก์ ารอ่านทชี่ ดั เจน อ่านไดอ้ ย่างเข้าใจถูกต้อง ตรงประเดน็ โดยใช้ ประสบการณ์ ความรแู้ ละกลวธิ กี ารอ่านตา่ ง ๆ สามารถวิเคราะห์ แปลความ ตคี วาม และประเมนิ สาระได้อย่างรู้เท่าทันใน เจตนาของผูเ้ ขียน และนำความคดิ ความรู้ทไี่ ด้จากการอ่านไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ของตนและส่วนรวม 4. เขยี นโดยมวี ัตถุประสงคท์ ีช่ ัดเจนในการสื่อสารข้อมูล ความรู้ ความคิด ความรูส้ กึ ในรูปแบบท่ีหลากหลาย โดยใช้กลวธิ กี ารนำเสนอที่เหมาะสมสามารถเขยี นสอ่ื ความหมายไดต้ รงตามเจตนาเขา้ ใจได้ง่าย และถูกต้องตามอกั ขรวธิ ี ใชก้ ระบวนการเขียนผลิตงานในทางสรา้ งสรรคอ์ ย่างรบั ผิดชอบและเคารพในสิทธิของผอู้ น่ื 5. ใช้ภาษาไทยในการศึกษาเรียนร้สู รา้ งความเขา้ ใจพนื้ ฐานทางสังคม วฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาของไทย มคี วามภาคภูมิผกู พนั ในความเป็นไทย สามารถกล่ันกรองและสืบสานส่ิงดงี ามท่บี รรพบุรุษได้สร้างไว้และพัฒนาให้มีคุณค่า ตอ่ ไป 6. พูด อ่านและเขียนภาษาไทยไดถ้ ูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี โดยเลอื กใช้คำศพั ทค์ วามรเู้ กย่ี วกับหลกั ภาษาและกลวิธี ต่าง ๆ ร่วมกบั ประสบการณ์ชีวิตในการนำเสนอ และผลิตผลงานต่าง ๆ อย่างเหมาะสมและสรา้ งสรรค์
สมรรถนะพน้ื ฐาน คณติ ศาสตร์ 2. คณิตศาสตรใ์ นชีวติ ประจำวัน (Mathematics in Everyday Life) มีทักษะด้านการแก้ปัญหา การให้เหตุผลการสื่อสารและการสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์และการเชื่อมโยงทาง คณิตศาสตร์ เพื่อให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสภาพแวดล้อม นำความรู้ ความสามารถ เจตคติ ทกั ษะทไ่ี ดร้ ับไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการเรียนร้สู ง่ิ ตา่ ง ๆ และในสถานการณ์ใหม่ ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ ใหมห่ รอื การสรา้ งสรรค์สง่ิ ใหม่ ๆ และนำไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวันได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ สมรรถนะ 1. แก้ปัญหาในชีวติ ประจำวันที่เกี่ยวขอ้ งกับคณิตศาสตร์ โดยประยุกต์ความรู้ความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ เพื่อทำ ความเข้าใจปญั หา ระบุประเดน็ ปัญหา วเิ คราะหป์ ัญหา วางแผนแก้ปญั หาโดยหากลวธิ ีท่ีหลากหลายในการแก้ปัญหา และ ดำเนินการจนไดค้ ำตอบทีส่ มเหตุสมผล 2. หาข้อสรุป หรือข้อความคาดการณ์ของสถานการณ์ปญั หา และระบุถึงความสัมพันธข์ องขอ้ มูล เพื่อยืนยันหรอื คัดค้านข้อสรปุ หรือขอ้ ความคาดการณ์นั้น ๆ อย่างสมเหตสุ มผล และใช้เหตุผลแบบอปุ นยั (Inductive Reasoning) ในการสรา้ งแบบรูปและขอ้ คาดเดา หรอื ใชเ้ หตผุ ลแบบนิรนยั (Deductive Reasoning) ในการตรวจสอบขอ้ สรุปและ สรา้ งเหตุผลสนับสนุนท่ีน่าเชอื่ ถอื 3. ออกแบบ อธบิ าย และนำเสนอขอ้ มลู ท่สี ่ือความหมายให้ผู้อื่นเขา้ ใจตรงกัน เพือ่ แสดงความเขา้ ใจหรือความคิด ที่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ของตนเอง โดยใช้การพูดและเขียน วัตถุรูปธรรมรูปภาพ กราฟ สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ และ ตัวแทน รวมทั้งบอกความสัมพันธ์ระหว่างภาษาในชีวิตประจาวันกับภาษาและสัญลั กษณ์ทางคณิตศาสตร์ได้อย่าง หลากหลายและเหมาะสมกบั เนื้อหาและสถานการณ์ 4. เช่อื มโยงความรหู้ รอื ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ที่เรียนมากบั ความรู้ ปัญหา หรอื สถานการณ์อื่นท่ีตนเองพบ ซ่ึงอาจ เป็นการเชือ่ มโยงภายในวิชาคณิตศาสตร์ เชือ่ มโยงคณิตศาสตรก์ ับศาสตรอ์ น่ื ๆ และ เชอ่ื มโยงคณิตศาสตร์กับชวี ติ ประจำวัน เพ่ือนำไปสูก่ ารแกป้ ัญหาและการเรียนรู้แนวคดิ ใหมท่ ี่ซับซ้อนหรือสมบูรณ์ข้นึ 5. ใช้ความคดิ คลอ่ ง ความคิดยืดหยุน่ ความคิดรเิ ริ่ม และความคิดละเอยี ดลออ ในการคิดแก้ปญั หาทาง คณิตศาสตร์ และขยายความคิดทม่ี ีอยู่เดมิ เพื่อสร้างแนวคดิ ใหม่ ปรับปรงุ หรือพัฒนาองคค์ วามร้ทู างคณติ ศาสตรห์ รอื ศาสตรอ์ น่ื ๆ โดยใช้คณิตศาสตร์เป็นฐาน
สมรรถนะพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ 3. การสบื สอบทางวทิ ยาศาสตร์และจิตวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Inquiry and Scientific Mind) เป็นผมู้ จี ิตวิทยาศาสตรท์ ีม่ คี วามใฝ่รมู้ ่งุ มน่ั อดทนในการศกึ ษาหาความรู้ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รักใน ความมีเหตุผล กล้าพูด กล้าแสดงออก รับฟังความคิดเห็น และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสร้างสรรค์สามารถใช้ กระบวนการสืบสอบทางวิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความรู้ สร้างและใช้แบบจำลองทางความคิดและแบบจำลอง 3 มิติ เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและปรากฏการณ์ที่เป็นผลจากการกระทำของมนุษย์ รวมทั้งใช้การโต้แย้งเพื่อ ตัดสนิ ใจในประเด็นทางวิทยาศาสตรท์ ีม่ ผี ลกระทบตอ่ ตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม ประเทศ และโลกสามารถใช้ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการออกแบบทางวิศวกรรมเพ่ือสร้างนวัตกรรมซึ่งเป็นผลงานสิ่งประดิษฐ์หรือวิธีการที่ใช้ แกป้ ัญหาในชีวิตประจำวนั ดว้ ยความตระหนกั และความรับผดิ ชอบตอ่ ชุมชน สงั คมและโลก สมรรถนะ 1. สามารถเขยี นผังเชอื่ มโยงเหตุและผลจากเหตุต้นทางถึงผลปลายทางโดยแสดงความสมั พันธ์เชื่อมโยงเหตุและผล แทรกระหว่างเหตุต้นทางและผลปลายทางอย่างเปน็ ลำดับและครบถว้ นเพอ่ื สรุปหรือสรา้ งความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ 2. อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติและปรากฏการณ์ที่เป็นผลจากการกระทำของมนุษย์ด้วยการใช้เหตุผลแบบ อปุ นยั แบบนิรนยั ใช้คณติ ศาสตรเ์ ปน็ ฐานและทัง้ อปุ นัยและนิรนยั ประกอบกันอย่างสมเหตสุ มผล 3. สืบสอบความรทู้ างวิทยาศาสตรโ์ ดยสามารถตงั้ คำถามสำคัญ ออกแบบ และวางแผนการสำรวจตรวจสอบข้อมูล เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือที่เหมาะสม เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลการสำรวจตรวจสอบ รวมทั้งหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาความเป็นผู้รักในความมีเหตุผลทาง วิทยาศาสตร์ 4. ออกแบบและสร้างแบบจำลอง โดยใช้ความรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์ และใช้แบบจำลองเพื่ออธิบาย ปรากฏการณ์ธรรมชาติและปรากฏการณ์ทเี่ ปน็ ผลจากการกระทำของมนุษย์ 5. โต้แยง้ ในประเด็นทางวิทยาศาสตร์ โดยการใหเ้ หตุผลสนับสนุนหรือคัดคา้ น พร้อมทั้งหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อ การตดั สนิ ใจเลือกเหตุผลท่ีดนี า่ เชื่อถอื มากท่ีสุดและกล้าพูดกล้าแสดงความคดิ เหน็ บนฐานความรู้ พรอ้ มรับฟังความคิดเห็น ผอู้ นื่ 6. วางแผนหาวิธีการแก้ไขปัญหาในชีวติ ประจำวันอย่างเป็นขั้นตอนโดยใช้กระบวนการออกแบบทางวิศวกรรมท่ี ประกอบด้วยขั้นตอนการระบุปัญหาการสืบค้นข้อมูลเพื่อใช้ในการออกแบบการสร้างต้นแบบโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ภายใต้ ข้อจำกัด หรือตามสภาพบริบท ตลอดจนการทดสอบคุณภาพของต้นแบบเพื่อให้ได้ข้อมูลย้อนกลับในการปรับแก้ไข การออกแบบและต้นแบบให้มีความเหมาะสม
สมรรถนะพนื้ ฐาน ภาษาอังกฤษ 4. ภาษาองั กฤษเพ่อื การสือ่ สาร (English for Communication) สามารถใช้ความรู้และทักษะทางภาษาอังกฤษรวมทั้งเจตคติและคุณลักษณะส่วนบุคคลในการสื่อสารฟังพูดอ่าน เขียนทง้ั ในด้านการรับสาร การส่งสาร การมีปฏสิ ัมพนั ธม์ ีกลยุทธ์ในการติดตอ่ สอ่ื สาร สามารถสือ่ สารได้ถูกต้องคล่องแคล่ว เหมาะสมกบั บริบททางสังคมและวัฒนธรรมและสามารถแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความคิดประสบการณ์และวัฒนธรรมไทยไป ยังสังคมโลกได้อย่างสร้างสรรค์ มีเจตคติท่ีดีต่อการเรยี นภาษา ใช้ภาษาอยา่ งมัน่ ใจโดยสามารถใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสาร ได้ตามกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสภายุโรป (CEFR )ในระดับ B1 หรือตามกรอบอ้างอิงภาษาอังกฤษของ ประเทศไทย (FRELE-TH) ซงึ่ พฒั นาจากกรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาของสภายโุ รป 2001 ได้ ในระดับ B1 สมรรถนะ 1. เขา้ ใจประเด็นสำคญั ของเรอ่ื งทีฟ่ ังเม่ือผูพ้ ูด/คู่สนทนาพูดอยา่ งชัดเจนในหวั ขอ้ ทีค่ ุ้นเคยและพบบ่อยเก่ยี วกบั การทำงานการไปโรงเรียนกิจกรรมยามวา่ งเปน็ ตน้ ตวั อย่างของการพดู ในลกั ษณะดงั กล่าวได้แก่การเล่าเรอื่ งสั้น ๆ 2. สามารถอ่านงานเขียนที่เป็นข้อเท็จจริงและตรงไปตรงมาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสาขาและความสนใจของ ตนเองและเขา้ ใจในระดับทนี่ า่ พอใจ 3. สามารถใช้ภาษาที่ง่ายและหลากหลายเพื่อสนทนาในหัวข้อที่คุ้นเคยแสดงความคิดเห็นของตนเองและ แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกบั หัวขอ้ ทต่ี นเองคุ้นเคยสนใจหรอื หัวขอ้ เกย่ี วกบั ชีวติ ประจำวัน 4. สามารถสร้างงานเขียนง่าย ๆ ที่มีความคิดเชื่อมโยงกันในประเด็นต่าง ๆ ที่คุ้นเคยในสาขาที่ตนเองสนใจโดย เชอ่ื มโยงสว่ นตา่ ง ๆ ในงานเขียนให้เป็นลำดับตอ่ เน่อื งกันได้ 5. เข้าใจคำและวลีสำคัญในบทสนทนาและติดตามหัวขอ้ ในการสนทนาได้ 6. สามารถคาดเดาความหมายของคำท่ีไม่รู้ความหมายจากบรบิ ทและสรุปความหมายของประโยคได้หากเก่ียวข้อง กับหัวข้อท่ีคนุ้ เคย 7. สามารถหาวิธีถ่ายทอดประเด็นสำคัญที่ตนเองต้องการสื่อสารในบริบทที่หลากหลาย โดยต้องเป็นเรื่องราว ทต่ี นเองหาได้หรือหาวิธที จี่ ะถา่ ยทอดเรื่องราวดังกล่าวไดเ้ ทา่ นั้น แมว้ ่าจะมีความลงั เลและพดู ออ้ มในหัวข้อท่ีคุน้ เคยบ้าง
สมรรถนะหลกั
สมรรถนะหลกั การจดั การตนเอง
สมรรถนะหลกั การจดั การตนเอง
สมรรถนะหลัก การสื่อสาร
สมรรถนะหลัก การสื่อสาร
สมรรถนะหลกั การรวมพลงั ทำงานเปน็ ทมี
สมรรถนะหลกั การรวมพลงั ทำงานเปน็ ทมี
สมรรถนะหลกั การคดิ ขั้นสงู
สมรรถนะหลกั การคดิ ขั้นสงู
สมรรถนะหลัก การเปน็ พลเมอื งที่เขม้ แขง็
สมรรถนะหลัก การเปน็ พลเมอื งที่เขม้ แขง็
แผนการจัดการเรียนรู้ ระบบ OLE
ทำความรู้จัก “แผนการจัดการเรยี นรู้ระบบ OLE” ถอดบทเรียนการออกแบบแผนการเรียนรูร้ ะบบ OLE ( https://www.youtube.com/watch?v=-2Fd5wTSovg )
ตวั อยา่ งแผนการเรยี นรู้ฐานสมรรถนะ Objective https://www.youtube.com/watch?v=FtP2fG4YYD4 ตัวอยา่ งแผนการเรยี นรู้ฐานสมรรถนะ Learning Process https://www.youtube.com/watch?v=yHXozKupZBg ตวั อยา่ งแผนการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ Evaluation https://www.youtube.com/watch?v=JfDmdiZDmHw
ตวั อย่างแผนการจดั การเรยี น
นรู้ระบบ OLE โรงเรยี นรงุ่ อรณุ
ตวั อย่างแผนการจดั การเรยี นร
รู้ระบบ OLE โรงเรยี นบ้านฉางกาญจนกลุ วทิ ยา
Search