BIOLOGY เซลลพ ชื และเซลลสตั ว นางสาวอาทติ ยา วนั นา
1 เซลล์พชื และเซลล์สัตว์ เซลล์ เป็นหน่วยหน่ึงของส่ิงมีชีวติ ท้งั หลาย โดยทาหนา้ ที่ทางโครงสร้างและควบคุมการทางานของ สิ่งมีชีวติ น้นั เซลลท์ ้งั หลายจะเกิดจากเซลลท์ ่ีมีชีวติ อยกู่ ่อนแลว้ เซลล์พชื เซลล์พชื มีอยทู่ ุกส่วนในตน้ พชื ลกั ษณะรูปร่างของเซลลพ์ ชื ในแตล่ ะส่วนของพชื อาจแตกต่างกนั ออกไป แต่อยา่ งไรกต็ ามเซลลพ์ ชื ทวั่ ๆ ไป จะประกอบดว้ ยส่วนประกอบต่าง ๆ คลา้ ยคลึงกนั โครงสร้ างและส่ วนประกอบของเซลล์พชื
2 เซลล์สัตว์ เซลล์สัตว์ มีรูปร่างหลายลกั ษณะเซลลบ์ างชนิดอาจมีรูปร่างกลมรี บางชนิดมีรูปร่างยาวเป็นเส้น หรือรูปร่างอื่น ๆ ข้ึนอยกู่ บั ชนิดและหนา้ ท่ีของเซลล์ ตวั อยา่ งเช่น เซลลเ์ มด็ เลือดแดงมีรูปคอ่ นขา้ งกลม ตรง กลางเวา้ ท้งั สองขา้ ง เซลลป์ ระสาทมีรูปร่างหลายแบบ คือ กลม รี หรือเป็นแฉก เซลลก์ ลา้ มเน้ือเรียบมีรูปร่อง เรียวยาว แหลมหวั แหลมทา้ ย เป็นตน้ โครงสร้ างและส่ วนประกอบของเซลล์สั ตว์
3 1. ผนังเซลล์ (Cell Wall) เป็นส่วนที่อยภู่ ายนอกเยือ่ หุม้ เซลลป์ ระกอบดว้ ยคาร์โบไฮเดรตเป็นจานวนมาก ผนงั เซลลพ์ บในเซลล์ พชื เท่าน้นั เป็ นส่วนท่ีไม่มีชีวิต ทาหนา้ ท่ีใหค้ วามแขง็ แรงและทาใหเ้ ซลลค์ งรูปอยไู่ ด้ เมื่อสร้างใหม่ ๆ ผนงั เซลลจ์ ะมีลกั ษณะบาง ต่อมาจะหนาข้ึนเพราะมีการสะสมสารตา่ ง ๆ โดยช้นั ใหมท่ ี่เกิดจะติดกบั ส่วนของเยอื่ หุม้ เซลล์ ทาใหช้ ้นั เก่าถูกดนั ห่างออกจากโปรโตพลาสต์ ช้นั ใหมน่ ้ีเรียกวา่ ผนงั เซลลช์ ้นั ท่ีสอง (Secondary Cell Wall) ซ่ึงจะมีความหนาไม่เท่ากนั ตลอด ทาใหเ้ กิดลกั ษณะที่เป็นรูเปิ ด เพื่อใหส้ ารต่าง ๆ เคล่ือนผา่ นได้ เรียกวา่ พทิ (Pit) 2. เยอ่ื หุ้มเซลล์ (Cell Membrane) เป็นส่วนของเซลลท์ ี่หุม้ ห่ออวยั วะตา่ ง ๆ ไวภ้ ายใน ทาหนา้ ที่ในการควบคุมการไหลผา่ นของสารละลาย โดยมีคุณสมบตั ิในการเลือกสารใหผ้ า่ นเขา้ ออก ประกอบดว้ ยช้นั ของโปรตีนและไขมนั 3 ช้นั รวมเรียกวา่ Unit Membrane
4 3. ไซโทพลาซึม (cytoplasm) มีลกั ษณะเป็นของเหลวคลา้ ยเจลลี่ซ่ึงมี น้า โปรตีน ไขมนั คาร์โบไฮเดรต และเกลือแร่ต่างๆ เป็น องคป์ ระกอบ ไซโทพลาซึมเป็นศูนยก์ ลางการท างานของเซลลท์ ี่ทาหนา้ ที่เกี่ยวกบั เมแทบอลิซึม (metabolism) ท้งั กระบวนการสร้างและการสลายอินทรียสาร เป็นแหล่งที่เกิดปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ท่ีจะช่วยให้ เซลลด์ ารงชีวติ อยไู่ ด้ 4. พลาสติด (Plastid) พลาสติดเป็นอวยั วะภายในเซลลพ์ ืช ซ่ึงแบ่งออกเป็นหลายชนิด เช่น คลอโรพลาสต์ (Chloroplast) เป็นพ ลาสติดซ่ึงมี รงควตั ถุสีเขียว ซ่ึงเรียกวา่ คลอโรฟิ ลล์ (Chlorophyll) โครโมพลาสต์ (Chromoplast) มีรงควตั ถุ สีเหลือง ส้ม และแดง ซ่ึงเรียกวา่ คาร์โรทีนอยส์ (Carotenoids) และอะมยั โลพลาสต์ (Amyloplast) ทาหนา้ ที่ สะสมแป้ ง เป็นตน้
5 4.1. คลอโรพลาสต์ (chloroplast) พบเฉพาะในเซลลท์ ่ีมีสีเขียวของพชื และเซลลข์ องโพรทิสตบ์ างชนิด เช่น สาหร่าย คลอโรพลาสต์ ประกอบดว้ ยเยอื่ หุม้ 2 ช้นั ช้นั นอกทาหนา้ ท่ีควบคุมชนิดและปริมาณของสารท่ีผา่ นเขา้ และออกจากคลอ โรพลาสต์ ส่วนช้นั ในจะมีลกั ษณะยน่ื เขา้ ไปภายในและมีการเรียงกนั เป็นช้นั ๆ อยา่ งมีระเบียบ ภายในเยอ่ื หุม้ ช้นั ในจะมีโมเลกุลของสารสีเขียว เรียกวา่ คลอโรฟิ ลล(์ chlorophyll) และมีเอนไซมท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั การสร้าง อาหาร 4.2. โครโมพลาสต์ (Chromoplast) เป็นพลาสติดท่ีมีรงควตั ถุสีเหลือง ส้มและแดง ซ่ึงเป็นพวก Carotenoids ปรากฏอยใู่ นดอกทาใหเ้ กิดสี ดึงดูดแมลง ผลและราก เป็ นตน้ โครโมพลาสตส์ ามารถเกิดจากคลอโรพลาสตไ์ ดเ้ มื่อคลอโรพลาสตไ์ ดร้ ับเอ ทธิลีนหรือ ABA และโครโมพลาสต์ อาจจะกลบั คืนเป็นคลอโรพลาสตไ์ ดใ้ นกรณีท่ีโครโมพลาสตไ์ ดร้ ับจิบ เบอเรลริล หรือไซโตไคนิน (Gibberellins หรือ Cytokinins)
6 4.3. อะไมโลพลาสต์ (Amyloplast) เป็นพลาสติดที่ทาหนา้ ท่ีเก็บสะสมอาหารพวก คาร์โบไฮเดรต พบมากในส่วนท่ีสะสมอาหาร เช่น ใบ เล้ียงและเอนโดสเปิ ร์ม (Endosperm) และพืชหวั ตา่ งๆ เป็ นอวยั วะท่ีลอ้ มรอบดว้ ยเยอื่ หุม้ 2 ช้นั นอกจากทา หนา้ ท่ีสะสมอาหารแลว้ ยงั เกี่ยวขอ้ งกบั การตอบสนองต่อแรงดึงดูดของโลกดว้ ย 4.4. อธี ิโอพลาสต์ (Etioplast) เป็นพลาสติดท่ีพฒั นาข้ึนมาโดยไม่ไดร้ ับแสงพบในพชื ที่สีขาวซีดและในใบเล้ียงของเมล็ดท่ีงอกก่อนที่ จะไดร้ ับแสง อีธิโอพลาสตจ์ ดั เป็นระยะหน่ึงของการพฒั นาของพลาสติด เพ่ือจะกลายเป็นคลอโรพลาสต์ ต่อไป ภายในอวยั วะชนิดน้ีจะมีรงควตั ถุ คาร์โรทีนอยส์อยเู่ ล็กนอ้ ยและมีโครงสร้างท่ีเรียกวา่ โปรลาเมลลา บอดีส์ (Prolamella Bodies) อยปู่ ระมาณ 1-4 หน่วย เมื่อไดร้ ับแสงอีธิโอพลาสตจ์ ะเปล่ียนไปเป็นคลอโรพ ลาสต์ 5. นิวเคลยี ส (nucleus) อยใู่ นไซโทพลาซึม เป็นส่วนประกอบที่สาคญั ที่สุดของเซลล์ นิวเคลียสทาหนา้ ที่ควบคุมเมแทบอลิซึม ของเซลล์ ควบคุมการสงั เคราะห์โปรตีนและเอนไซมค์ วบคุมการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมจากพอ่ แม่ ไปสู่รุ่นลูกหลาน ควบคุมกิจกรรมต่างๆ ภายในเซลล์ ควบคุมการเจริญเติบโต และควบคุมลกั ษณะต่างๆ ของ สิ่งมีชีวติ
7 6. เอนโดพลาสมคิ เรตตคิ ิวลมั (Endoplasmic Reticulum) เป็นท่อเมมเบรน ซ่ึงต่อกนั ตลอดท้งั ไซโตพลาสต์ และยงั ต่อกบั เยอื่ หุม้ นิวเคลียสดว้ ย ท าหนา้ ที่เป็นท่อ ขนส่งสาร ต่าง ๆ และอาจจะสะสมสารบางอยา่ งไดด้ ว้ ย เอนโดพลาสมิค เรตติคิวลมั อาจจะมีไรโบโซมมา เกาะติดในเซลลท์ ี่มีกิจกรรมสูงสร้างโปรตีนมากจะมีเอนโดพลาสมิค เรตติคิวลมั ชนิดน้ีอยมู่ าก 7. กอลจิ แอพพาราตัส (Golgi Apparatus) อวยั วะชนิดน้ีประกอบดว้ ยหน่วยยอ่ ยเรียกวา่ กอจิบอดีส์ (Golgi Bodies) หรือดิ๊กตีโอโซมส์ (Dictyosomes) ซ่ึงแต่ละหน่วยยอ่ ยน้ีเป็นถุงของเยอื่ เมมเบรนแบนๆ เรียงซอ้ นกนั เป็นช้นั ๆ แตล่ ะช้นั เรียกวา่ ซีสเตอน่ี (Cisternae) โดยจะทาหนา้ ที่สร้างผนงั เซลลใ์ นขณะที่มีการแบ่งเซลลเ์ กิดข้ึนหรือในขณะท่ีสร้างผนงั เซลลช์ ้นั ท่ีสอง นอกจากน้นั ยงั เก่ียวขอ้ งกบั การเจริญของเยอ่ื หุม้ เซลลด์ ว้ ย
8 8. ไรโบโซม (Ribosome) เป็นอวยั วะภายในเซลลท์ ่ีมีขนาดเล็ก เกิดอยเู่ ป็นอิสระและเกิดรวมอยกู่ บั เยอื่ หุม้ เช่นรวมกบั เอนโดพ ลาสมิคเรตติคิวลมั ไรโบโซมซ่ึงรวมเป็นกลุ่มหรือเป็ นสายโดยมี RNA เช่ือมอยเู่ รียกวา่ โพลีไรโบโซม (Polyribosome) หรือโพลีโซม (Polysome) ไรโบโซมท าหนา้ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การสังเคราะห์โปรตีนเพราะเป็น บริเวณที่กรดอะมิโน (Amino acid) มาต่อกนั เกิดเป็นลูกโซ่ของโพลีเพปไทด์ (Polypeptide chain) ไรโบโซม มี 3 ชนิด เกิดในท่ีต่าง ๆ กนั คือ ไซโตพลาสต์ ไมโตคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ 9. ไมโครทวิ บูลส์ (Microtubules) เป็นอวยั วะในเซลลพ์ ืช ประกอบดว้ ยท่อตรงๆ ซ่ึงมีความยาวไมแ่ น่นอน มกั จะอยรู่ วมเป็นกลุ่ม ผนงั ประกอบดว้ ยหน่วยยอ่ ยซ่ึงมี รูปร่างกลม 13 หน่วย โดยเรียงกนั มีลกั ษณะเป็น helix หน่วยยอ่ ยน้ีเป็นโปรตีน ท่ีเรียกวา่ ทาบลู ิน (Tabulin) หนา้ ที่ของไมโครทิวบลู ส์คือ นาการเคล่ือนที่ของอวยั วะอ่ืน ๆ ภายในเซลล์ และ เกี่ยวขอ้ งกบั การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซลล์ ควบคุมการเรียงตวั ของไมโครไฟบริลของผนงั เซลลใ์ ห้ ถูกตอ้ ง โดยไมโครทิวบลู ส์จะเรียงตวั ขนานกบั ไมโครไฟบริลเสมอ
9 10. แวควิ โอ (Vacuole) เป็นอวยั วะของเซลลพ์ ืชซ่ึงทาหนา้ ที่เหมือนกบั ไลโซโซม (Lysosomes) ของสัตว์ เป็นอวยั วะท่ีมีเยอ่ื หุม้ ท่ีเรียกวา่ โทโนพลาสต์ (Tonoplast) เม่ือเซลลม์ ีขนาดเล็กจะมีจานวนมากแต่ เม่ือเซลลเ์ จริญเตม็ ที่แวคิวโอจะ มารวมกนั เป็ นหน่วยเดียวมีขนาดใหญ่ ภายในแวคิวโอมีเอนไซมห์ ลายชนิด เช่น ไฮโดรไลติก เอนไซม์ (Hydrolytic emzymes) นอกจากน้นั อาจจะสะสมสารอื่น ๆ เช่น รงควตั ถุในกลุ่มแอนโธไซยานิน (Anthocyanins) ซ่ึงมีสีแดง มว่ ง น้าเงิน ชมพู และขาว เป็ นตน้ และยงั มีแทนนิน (Tannin) โปรตีนและกมั (Gum) เน่ืองจากมีสารประกอบต่าง ๆ ละลายหรืออยใู่ นแวคิวโอจานวนมาก ทาใหแ้ วคิวโอสามารถช่วย รักษาความเตง่ ของเซลลไ์ วไ้ ดแ้ ละยงั ช่วยใหเ้ ซลลข์ ยายตวั ไดด้ ว้ ย การเปรียบเทยี บเซลล์พชื และเซลล์สัตว์ ลกั ษณะรูปร่าง ส่วนประกอบและหนา้ ที่ของเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ัตวเ์ ปรียบเทียบเพอื่ ให้เห็นความ เหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์ ไดด้ งั น้ี ความแตกต่างเซลล์พชื และเซลล์ สัตว์ เซลล์พชื เซลล์สัตว์ 1. เซลลพ์ ืชมีรูปร่างเป็นเหลี่ยม 1. เซลลส์ ัตวม์ ีรูปร่างกลม หรือรี 2. มีผนงั เซลลอ์ ยดู่ า้ นนอก 2. ไม่มีผนงั เซลล์ แต่มีสารเคลือบเซลลอ์ ยดู่ า้ นนอก 3. มีคลอโรพลาสตภ์ ายในเซลล์ 3. ไมม่ ีคลอโรพลาสต์ 4. ไมม่ ีเซนทริโอล 4. มีเซนทริโอลใชใ้ นการแบ่งเซลล์ 5. แวคคิวโอลมีขนาดใหญ่ มองเห็นไดช้ ดั เจน 5. แวคคิวโอลมีขนาดเล็ก มองเห็นไดไ้ ม่ชดั เจน 6. ไม่มีไลโซโซม 6. มีไลโซโซม
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: