TanRabad-SURVEY • ทนั ระบำดสำรวจเป็ นเครอื่ งมอื สำหรับบนั ทกึ ขอ้ มลู กำรสำรวจลกู น้ำ ยงุ ลำยทท่ี ำงำนบนระบบปฏบิ ตั กิ ำรแอนดรอยด์ (Android) จำกตน้ ทำงอยำ่ งมรี ะบบ ทดแทนกำรบนั ทกึ ดว้ ยแบบฟอรม์ กระดำษ ซงึ่ มี ปัญหำดำ้ นควำมผดิ พลำดของกำรบนั ทกึ ขอ้ มลู ปัญหำกำรสญู หำย ของกำรจัดเก็บขอ้ มลู และกำรทพ่ี นื้ ทใี่ นกำรจัดเกบ็ ขอ้ มลู ทไี่ มเ่ พยี งพอ ในกรณีทม่ี กี ำรสำรวจหลำย ๆ แหง่ • โปรแกรมทันระบำด จะบนั ทกึ ขอ้ มลู ลกู น้ำยงุ ลำยพรอ้ มพกิ ดั บำ้ นทถี่ กู สำรวจลกู น้ำยงุ ลำยและวเิ ครำะหผ์ ล HI CI BI และภำชนะทพี่ บลกู น้ำ ยงุ ลำยมำกทส่ี ดุ ไดท้ นั ที หลงั จำกกำรสำรวจเสร็จสน้ิ 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 2 อปุ กรณท์ รี่ องรบั การใชง้ าน • แท็บเล็ตขนำดหนำ้ จอ 7 นว้ิ ขนึ้ ไป • ระบบปฏบิ ตั กิ ำร : Android 4.4 (KitKat) ขน้ึ ไป • หน่วยประมวลผล ควำมเร็ว : 1.x GHz ขน้ึ ไป • หน่วยควำมจำ RAM 1.5 GB ขนึ้ ไป • รองรับกำรหำตำแหน่ง : Assisted GPS • รองรับแอปพลเิ คชนั Google Maps • WiFi 802.11b/g/n • Bluetooth 4.0 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 3
เขา้ สรู่ ะบบ รองรับกำรเขำ้ ใชง้ ำน 2 โหมด • ยนื ยันตัวตนผใู ้ ชผ้ ำ่ นทำง TanRabad- AUTHEN ตำมสงั กดั หน่วยงำน • ทดลองใชง้ ำน (สำหรับผทู ้ ดสอบขอ้ มลู จะถกู จัดเก็บใน Testbed Server เทำ่ นัน้ ) 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 4 หนา้ หลกั แสดง ชอ่ื นำมสกลุ ผใู ้ ชง้ ำน เมนูกำรซงิ คข์ อ้ มลู เมนูเขำ้ สกู่ ำรสำรวจ 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 5
กอ่ นทจ่ี ะสารวจ... มสี ง่ิ ทคี่ วรรไู ้ ว ้ ดงั น้ี สถานที่ คอื กลมุ่ ของอำคำรทสี่ ำรวจ เชน่ ชมุ ชน อาคาร คอื ทท่ี ที่ ำกำรสำรวจภำยในสถำนทนี่ ัน้ ๆ เชน่ บำ้ นท่ี อยภู่ ำยในชมุ ชน ถำ้ ยงั ไมเ่ ขำ้ ใจ ลองดแู ผนภำพขำ้ งลำ่ งนก้ี ็ได ้ ตวั อยา่ งที่ 1 ชมุ ชนหมนี อ้ ย บำ้ นเลขที่ บำ้ นเลขที่ บำ้ นเลขท่ี 1 2 3 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 6 7 กอ่ นทจี่ ะสารวจ... ตวั อยา่ งที่ 2 วดั หมใี หญ่ อโุ บสถ ศำลำกำรเปรยี ญ เมรุ ตวั อยา่ งท่ี 3 โรงเรยี นอนุบำลหมนี อ้ ย อำคำรเรยี น 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ
เลอื กสถานทส่ี ารวจ เลอื กประเภทสถำนทสี่ ำรวจฯ หมบู่ ำ้ น/ชมุ ชน (แออดั พักอำศยั พำณชิ ย์ เมอื ง จดั สรร ชำนเมอื ง เคหะชมุ ชน ทพ่ี ักชวั่ ครำว) ศำสนำสถำน (วดั ) ศำสนำสถำน (โบสถ)์ ศำสนสถำน (มสั ยดิ /สเุ หรำ่ ) สถำนศกึ ษำ (โรงเรยี น) สำธำรณสขุ (สสจ. สสอ. รพ.สต. ฯลฯ) โรงงำน (โรงงำน) โรงแรม/รสี อรท์ (โรงแรม รสี อรท์ Guest house) หมายเหตุ ระบบมคี ลงั ขอ้ มลู รำยชอื่ ประเภทสถำนท่ี เชน่ 11/23/2016 โรงพยำบำล, ชมุ ชน, ฯลฯ 8 ทนั ระบาดสารวจ เพมิ่ สถานทท่ี สี่ ารวจ • ระบปุ ระเภทสถำนที่ – หมบู่ ำ้ น/ชมุ ชน – ศำสนำสถำน – โรงเรยี น – สำธำรณสขุ – โรงงำน – โรงแรม/รสี อรท์ • กรอก ชอ่ื สถำนทแ่ี ละทอี่ ยู่ • ระบพุ กิ ดั GPS 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 9
เพมิ่ พกิ ดั GPS มรี ะบบจัดเก็บพกิ ดั GPS ของสถำนทสี่ ำรวจ บนแผนท่ี Google Map 2 รปู แบบ แบบอตั โนมัติ (ระบบคำนวณพกิ ดั ดว้ ย GPS และ A-GPS) แบบระบพุ กิ ดั ดว้ ยตนเอง โดยทำกำร กดคา้ ง ทตี่ ำแหน่งทต่ี อ้ งกำรในแผนท่ี สำมำรถลบขอ้ มลู พกิ ดั ทเี่ คยจัดเก็บไดโ้ ดย กดทป่ี ่ มุ ลบพกิ ดั 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 10 สารวจลกู นา้ ยงุ ลาย • ระบจุ ำนวนผอู ้ ยอู่ ำศัย • กรอกจำนวนภำชนะสำรวจ แบง่ เป็ นภำยใน หรอื ภำยนอกอำคำร • มเี มนู เปิด/ปิด แฟลช LED บนเครอื่ งแท็บ เล็ต เพอ่ื ใชเ้ ป็ นไฟฉำยสำหรับกำรสำรวจ ลกู น้ำยงุ ลำย ได ้ 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 11
เทคนคิ หำกทำ่ นตอ้ งกำรเพม่ิ หรอื ลดจำนวนภำชนะครำวละมำก ๆ ทำ่ นสำมำรถ กดคา้ ง ทช่ี อ่ งกรอกภำชนะเพอ่ื เปิดใชง้ ำน เครอ่ื งคดิ เลขเพอ่ื ทจ่ี ะเพมิ่ หรอื ลดจำนวนภำชนะไดท้ นั ที 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 12 ประวตั กิ ารสารวจลกู นา้ ยงุ ลาย ระบบแสดงรำยละเอยี ดกำรสำรวจ (เฉพำะขอ้ มลู ทส่ี ำรวจดว้ ยเครอ่ื งนเี้ ทำ่ นัน้ ) ระบบชว่ ยคำนวณคำ่ CI ใหอ้ ตั โนมตั พิ รอ้ ม แสดงสสี ถำนะ สแี ดง : CI < 0 สเี ขยี ว : CI = 0 สเี ทำ : ไมพ่ บภำชนะขงั น้ำ หำกตอ้ งกำรสำรวจสถำนทอ่ี นื่ ๆ อกี ใหก้ ด ทป่ี ่ มุ เพอื่ เปิดหนำ้ รำยกำรอำคำรทจ่ี ะ สำรวจตอ่ ไป 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 13
ทางานไดใ้ นสภาวะ offline ระบบออกแบบ ใหส้ ำมำรถสำรวจฯ ไดใ้ นสภำวะ offline หรอื ไมไ่ ดเ้ ชอื่ มตอ่ สญั ญำณอนิ เตอรเ์ น็ต สงั เกตไอคอน แสดงถงึ สถำนะขอ้ มลู offline ยังไมถ่ กู สง่ ขน้ึ สรู่ ะบบ หมายเหตุ ถำ้ ขอ้ มลู สำรวจไมถ่ กู สง่ ขนึ้ ระบบ Online ภำยใน 7 วัน จะไมถ่ กู นำไปคำนวณในระบบ TanRabad- REPORT 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 14 รายชอื่ อาคารในหมบู่ า้ น ระบบจะแสดงรำยชอื่ อำคำรทเี่ คยสำรวจ พรอ้ ม สถำนะ สำรวจแลว้ หรอื ยงั ไมส่ ำรวจ หำกตอ้ งกำรคน้ หำชอื่ อำคำรใหก้ ดทปี่ ่ มุ แวน่ ขยำย 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 15
การแกไ้ ข/ลบ อาคาร ใหก้ ดทปี่ ่ มุ หลงั คำวำ่ “รำยชอื่ อำคำร” แลว้ จะมี ป่ มุ แสดงขนึ้ มำตอ่ จำกชอ่ื อำคำร ถำ้ ตอ้ งกำรลบอำคำรใหท้ ำกำรกดทปี่ ่ มุ ถงั ขยะ ถำ้ ตอ้ งกำรแกไ้ ขอำคำรใหท้ ำกำรกดทปี่ ่ มุ ดนิ สอ 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 16 การแกไ้ ข/ลบ สถานท่ี ใหก้ ดป่ มุ ทแี่ ถบเมนูสชี มพู แลว้ เมนู popup ก็ จะแสดงขนึ้ มำเพอ่ื ใหแ้ กไ้ ข หรอื ลบขอ้ มลู ดงั ภำพ หมายเหตุ กำรลบสถำนทจ่ี ะทำไดก้ ็ตอ่ เมอื่ ผใู ้ ชไ้ ด ้ ทำกำรลบอำคำรทอ่ี ยภู่ ำยในสถำนทนี่ ัน้ หมดแลว้ 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 17
สรปุ ผลการสารวจ Online • หลงั จำกทำกำรสำรวจเรยี บรอ้ ยแลว้ ใหก้ ลบั ไป ทห่ี นำ้ แรกของแอปฯ • กดทปี่ ่ มุ ของสถำนทท่ี สี่ ำรวจเพอื่ ดผู ลกำรสำรวจ หมายเหตุ 1. ทำ่ นตอ้ งเชอื่ มตอ่ อนิ เทอรเ์ น็ตกอ่ นทจ่ี ะดผู ล กำรสำรวจ 2. ขอ้ มลู กำรสำรวจอำคำรจะอยใู่ นแท็บเล็ต 7 วนั นับจำกวนั ทเี่ รม่ิ สำรวจ 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 18 สรปุ ผลการสารวจ (ตอ่ ) • แสดงคำ่ ดชั นที ำงกฏี วทิ ยำ HI = จำนวนบำ้ นทพ่ี บลกู น้ำรวมทงั้ หมด × 100 จำนวนบำ้ นทสี่ ำรวจทงั้ หมด CI = จำนวนภำชนะทพี่ บลกู น้ำรวมทงั้ หมด × 100 จำนวนภำชนะทสี่ ำรวจทงั้ หมด BI = จำนวนภำชนะทพี่ บลกู น้ำรวมทงั้ หมด × 100 จำนวนบำ้ นทส่ี ำรวจทัง้ หมด • แสดงภำชนะทพ่ี บลกู น้ำยงุ ลำยมำกทส่ี ดุ 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 19
เกณฑก์ ารแสดงสใี นการสรปุ ผลการสารวจ แบง่ ได ้ 2 เกณฑ์ ดงั นี้ เกณฑข์ องหมบู่ า้ น/ชมุ ชน • สแี ดง : HI > 50 • สเี หลอื ง : 50 ≤ HI > 10 • สเี ขยี ว : HI ≤ 10 เกณฑข์ องสถานทอ่ี นื่ ๆ • สแี ดง : CI ≥ 1 • สเี ขยี ว : HI = 0 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 20 ชมการสาธติ ใชง้ าน 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 21
ฝึ กปฏบิ ตั ิ – Workshop 1 : ตดิ ตงั้ แอปฯ ทนั ระบำดสำรวจ – Workshop 2 : เรยี นรเู ้ มนูกำรใชง้ ำนตำ่ งๆ • เปิดแอปฯ พรอ้ ม ทดลองใชง้ ำน • กำรคน้ หำ สถำนท่ี จำกคลังขอ้ มลู ของระบบฯ • กำรเขำ้ สำรวจ สถำนท่ี จำกคลงั ขอ้ มลู • กำรเพม่ิ สถำนทใี่ หม่ (ไมม่ ใี นคลงั ขอ้ มลู ) • กำรเก็บพกิ ดั สถำนทด่ี ว้ ย GPS บนแผนท่ี Google Maps • กำรซงิ คข์ อ้ มลู เขำ้ สรู่ ะบบ Cloud – Workshop 3 : กำรใชง้ ำนโหมด Offline – Workshop 4 : กำรสำรวจแบบกลมุ่ – Workshop 5 : ดรู ำยงำนผลกำรสำรวจฯ โหมด Online 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 22
TanRabad-SURVEY THANK YOU 11/23/2016 ทนั ระบาดสารวจ 23 ทนั ระบาดรายงาน รายงานงา่ ย ขอ้ มลู แมน่ ยา ทาไดท้ นั ที วจิ ยั และพฒั นาโดย หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวจิ ัยนวตั กรรมอจั ฉรยิ ะ หน่วยวจิ ัยการวเิ คราะหข์ อ้ มลู และการคานวณ ศนู ยเ์ ทคโนโลยอี เิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละคอมพวิ เตอรแ์ หง่ ชาติ
TanRabad-REPORT https://www.tanrabad.org/ TanRabad-Report https://report.tanrabad.org TanRabad-BI http://bi.tanrabad.org 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 2 TanRabad-REPORT “สนับสนุนการจัดทารายงานทม่ี กี ารใชง้ านเป็ นประจา” ความสามารถ • จัดทารายงานผลสารวจลกู น้ายงุ ลาย รายงานคา่ ดชั นที างกฏี วทิ ยา • จัดทารายงานโรคไขเ้ ลอื ดออก บนพน้ื ฐานของขอ้ มลู สะสมหรอื ตอ่ เนอื่ ง • แสดงผลขอ้ มลู ในรปู แบบตาราง กราฟ แผนท่ี • สง่ ออกขอ้ มลู ในรปู แบบ PDF, EXCEL, WORD 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 3
TanRabad-REPORT 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 4 TanRabad-REPORT 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 5
TanRabad-REPORT Download รายงานในรปู แบบเอกสาร PDF, Excel, Word ผลการสารวจลกู นา้ ยงุ ลาย : แยกตามชุมชน เลอื กเวลา สปั ดาห/์ เดอื น เลอื กพน้ื ที่ สานักงานป้ องกนั ควบคมุ โรค จังหวดั 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 6 TanRabad-REPORT ตวั อยา่ ง : ผลการสารวจลกู นา้ ยงุ ลาย : แยกตามชุมชน เลอื กเวลา สปั ดาห์ เลอื กพน้ื ที่ จังหวดั อาเภอ ตาบล 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 7
TanRabad-REPORT การคานวณดัชนที างกฏี วทิ ยา ขอ้ มลู การสารวจภาชนะขงั น้า ชมุ ชน A HI, CI, BI Key Container ชมุ ชน B 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 8 TanRabad-REPORT การคานวณดชั นที างกฏี วทิ ยา สารวจบา้ นซา้ ! ขอ้ มลู การสารวจภาชนะขงั น้า ชมุ ชน A HI, CI, BI Key Container ชมุ ชน B ไมม่ ภี าชนะในสารวจ ! 9 หรอื ยงั ไมส่ ารวจ ! 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์
TanRabad-REPORT การคานวณดชั นที างกฏี วทิ ยา การสารวจใชเ้ วลาหลายวนั ตอ่ ชมุ ชน ชมุ ชน A HI, CI, BI ชมุ ชน B Key Container ระบบคานวณชว่ งวนั สารวจ ชมุ ชน A เรม่ิ วันท่ี 1 - วันท่ี 3 ชมุ ชน B เรมิ่ วนั ที่ 2 - วนั ท่ี 2 ชมุ ชน A เรม่ิ วันท่ี 5 - วนั ที่ 6 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 10 TanRabad-REPORT ผลการสารวจลกู นา้ ยงุ ลาย : แยกตามชุมชน ตามรอบการสารวจ เลอื กเวลา Download รายงานในรปู แบบเอกสาร สปั ดาห/์ เดอื น PDF, Excel, Word เลอื กพนื้ ที่ สานักงานป้ องกนั ควบคมุ โรค จังหวดั 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 11
TanRabad-REPORT Download รายงานในรปู แบบเอกสาร PDF, Excel, Word ผลการสารวจภาชนะขงั นา้ : แบบแจกแจง เลอื กเวลา สปั ดาห/์ เดอื น เลอื กพน้ื ท่ี ประเทศไทย สานักงานป้ องกันควบคมุ โรค ภาค จังหวดั 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 12 TanRabad-REPORT Download รายงานในรูปแบบเอกสาร ผลการสารวจภาชนะขงั นา้ : แบบรวม PDF, Excel, Word เลอื กเวลา สปั ดาห/์ เดอื น เลอื กพน้ื ที่ ประเทศไทย สานักงานป้ องกันควบคมุ โรค ภาค จังหวดั 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 13
TanRabad-REPORT ผลการสารวจภาชนะขงั นา้ : ตวั อยา่ งตารางแสดงผลการสารวจ AB A = 954/17,109 % B = 954/1,396 % 14 = 5.58 % = 68.34 % 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ ทนั ระบาดวเิ คราะห์ วเิ คราะหข์ อ้ มลู ทกุ มมุ มอง วจิ ยั และพฒั นาโดย หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวจิ ัยนวตั กรรมอจั ฉรยิ ะ หน่วยวจิ ัยการวเิ คราะหข์ อ้ มลู และการคานวณ ศนู ยเ์ ทคโนโลยอี เิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละคอมพวิ เตอรแ์ หง่ ชาติ
TanRabad-BI “สนับสนุนการสรา้ งรายงานเชงิ วเิ คราะหต์ ามมมุ มองทสี่ นใจ” ความสามารถ • สรา้ งคลงั ขอ้ มลู การสารวจลกู น้ายงุ ลาย - สารวจภาชนะขงั น้า (Container) - คา่ คา่ ดชั นที างกฏี วทิ ยาจากการสารวจทพี่ ักอาศยั - คา่ คา่ ดชั นที างกฏี วทิ ยาจากการสารวจไมใ่ ชท่ พี่ ักอาศยั • สรา้ งคลงั ขอ้ มลู ระบาดวทิ ยา • สรา้ งรายงานตามมมุ มองทผ่ี ใู ้ ชส้ นใจ เพอ่ื ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู • Export ขอ้ มลู จากการวเิ คราะหเ์ ป็ น Excel, CSV, PDF ได ้ 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 16 TanRabad-BI 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 17
TanRabad-BI Export ขอ้ มลู ในรปู แบบ Excel, CSV, PDF เลอื กกลมุ่ ขอ้ มลู แสดงแบบ เลอื กขอ้ มลู ที่ ตาราง/กราฟ ตอ้ งการแสดงผล เลอื กมมุ มอง ตามแถว หรอื คอลมั น์ 11/23/2016 ทนั ระบาดรายงานและวเิ คราะห์ 18
ขัน้ ตอนการตขิดัน้ตง้ัตAอpนpกlicาaรtตioิดnต“พง้ั ิชิตAลpกู นp้ำlยiงุcลaายti”on “พิชติ ลกู น�้ำยงุ ลาย” การ Down Load Application พชิ ติ ลกู นำ้ ยงุ ลาย สำหรบั ผใู้ ช้ Smart Phone ด้วยระบบ Android 1.เข้าไปที่ Play Store 2.พมิ พค์ ำว่า “พิชิตลกู น้ำยงุ ลาย” 3.กดเลอื ก Application “พิชิตลกู น้ำยุงลาย” พร้อมกด ติดต้งั สำหรบั ผ้ใู ช้ Smart Phone ด้วยระบบ IOS 1.เขา้ ไปที่ App Store 2.พิมพค์ ำวา่ “พชิ ิตลูกนำ้ ยงุ ลาย” 3.กดเลอื ก Application “พิชิตลูกนำ้ ยุงลาย” พรอ้ มกด ติดต้ัง
โรคไข้เลอื ดออกเดงกี่ โรคไข้เลือดออกเดงก่ี (dengue hemorrhagic fever-DHF) มีการระบาดเกิดข้ึนคร้ังแรกที่ประเทศ ฟลิ ปิ ปนิ ส์ เมือ่ ปี พ.ศ. 2497 ต่อมาจึงพบการระบาดในประเทศไทยและประเทศใกล้เคียงในพื้นที่เขตร้อนของทวีป เอเชยี จากนน้ั จึงขยายพน้ื ทีก่ ารระบาดออกไปยงั ประเทศต่างๆในอเมริกากลางและอเมริกาใต้(1) ปัจจุบันกลายเป็น ปัญหาที่น่ากังวล เพราะท่ัวโลกมีประเทศท่ีได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกเดงก่ีมากกว่า 100 ประเทศ ซึง่ เป็นปัญหาเพิม่ ขึ้นจากเมื่อ 50 ปีก่อนถงึ 30 เท่า(2) โรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกถ่ี ือเปน็ โรคประจาถ่ินซง่ึ พบผปู้ ว่ ยไดต้ ลอดท้ังปที ั่วทกุ ภูมภิ าคของประเทศไทย จัดเป็น โรคตดิ ต่อทส่ี าคญั ในอนั ดบั ตน้ ๆของประเทศ โรคน้ีอาจทาให้ผู้ป่วยต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล หรืออาจถึงขั้น เสียชีวิตได้ ระหว่างท่ีเจ็บป่วยอยู่น้ัน ผู้ป่วย คนในครอบครัว หรือผู้เกี่ยวข้องก็จะสูญเสียโอกาสด้านรายได้ หน้าที่ การงาน และมีค่าใช้จ่ายเพ่ิมมากข้ึน ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณสาหรับการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออก หากคิดเปน็ มูลค่าจะอยู่ประมาณหลกั ร้อยลา้ นบาทต่อปี(3,4) ปัญหาโรคไข้เลือดออกได้สร้างความเสียหายต่อสภาวะ สังคมและเศรษฐกิจของไทยมาเปน็ เวลาหลายสิบปี และยังจะเกดิ ขน้ึ อย่างต่อเนือ่ งไมส่ น้ิ สุดหากไม่มกี ารจดั การทด่ี ี สาเหตุ การติดต่อและปัจจัยเสย่ี ง เกิดจากเชื้อไวรสั เดงกี่ซง่ึ เป็น RNA virus จัดอยู่ใน Family Flaviviridae แบ่งย่อยได้ 4 serotypes, DEN 1 - 4 ทั้ง 4 serotypes มี antigen ร่วมบางชนิดจึงทาให้มี crossreaction และมี cross protection ได้ในระยะ ส้ันๆ หากติดเชื้อชนิดใดแล้วจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อชนิดนั้นไปตลอดชีวิต (permanent immunity) และจะมี ภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเดงก่ีชนิดอ่ืนๆอีก 3 ชนิดได้ในช่วงเวลาส้ันๆ (partial immunity) ประมาณ 6 – 12 เดือน หลังจากนั้นหากติดเช้ือไวรัสเดงก่ีชนิดอ่ืนที่ต่างจากครั้งแรก จะเป็นการติดเชื้อซ้า (secondary dengue infection) ซ่ึงเป็นปัจจัยสาคัญที่ทาให้เกิดโรคไข้เลือดออกเดงกี่ โรคนี้ติดต่อกันได้โดยมียุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นพาหะนาโรคที่สาคัญ ส่วนยุงลายสวน (Aedes albopictus) ก็สามารถแพร่เช้ือได้แต่บทบาทยังไม่ เทียบเท่า ถ้ายุงลายเหล่าน้ีมีปริมาณเพียงพอถึงแม้จะมีจานวนไม่มากก็จะทาให้โรคระบาดได้ ปัจจัยเสี่ยงต่อการ เกิดโรคไข้เลอื ดออกเดงก(ี่ 5,6) ได้แก่ - ในพ้ืนที่มีไวรัสเดงกี่หลากหลาย serotype และมีภาวะ hyperendemicity หรือมีเชื้อหลาย serotype เป็นเช้ือประจาถ่ินในช่วงเวลาเดียวกัน (simultaneously endemic of multiple serotype) ทาให้มโี อกาสติดเช้อื ซ้าสูง - ในพื้นที่ท่ีมีการระบาดของไวรัสเดงกี่อย่างต่อเนื่อง (sequentially epidemic) พบว่าการติดเชื้อซ้า ด้วย DEN-2 และ DEN-3 มีอัตราเส่ียงสูงในที่จะเกิด DHF การศึกษาที่จังหวัดระยองพบว่า การติด เชือ้ ซา้ ดว้ ย DEN-2 ตามหลัง DEN-1 มีความเส่ียงสูงกว่า sequence แบบอ่ืนๆ รองลงมาคือ DEN-2 ตามหลงั DEN-3 และ DEN-2 ตามหลงั DEN-4 ตามลาดับ - การเพิม่ ข้นึ ของชมุ ชนเมอื งจะไปเพ่มิ ประชากรทง้ั คนและยุง เน่ืองจากคนเข้ามาอยู่อาศัยรวมกันอย่าง หนาแน่น และทาให้เกิดภาชนะนา้ ขงั ซ่งึ เป็นแหล่งเพาะพนั ธุ์ยงุ ลายเพ่มิ มากข้นึ - พ้ืนท่ีที่สาธารณูปโภคไปไม่ถึง ครัวเรือนต้องใช้น้าจากแหล่งน้าสาธารณะ ทาให้ต้องมีภาชนะกักเก็บ นา้ ในครวั เรือนให้เพียงพอ จงึ เป็นการสรา้ งแหล่งเพาะพันธุ์ให้กบั ยงุ ลาย
- การคมนาคมติดต่อสะดวกและเพิ่มมากขึ้น ทาให้โรคแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางโดยคนที่อยู่ ในช่วงทีม่ ีเช้อื อยูใ่ นกระแสโลหติ (viremia) เป็นผู้พาไป นอกจากน้ี ผลกระทบจากโลกาภวิ ฒั น์ สภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกท่ีเพ่ิมสูงขึ้น ทาให้สภาพแวดล้อมเหมาะสมต่อการดารงชีวิตและการแพร่ขยายพันธ์ุของยุงลาย ซ่ึงจะมีอิทธิพลต่อการ แพร่กระจายของโรคไข้เลือดออกให้เพ่ิมสูงข้ึนอย่างต่อเน่ือง(2,7) เนื่องจากมีการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่าง ประเทศเพ่ิมมากข้ึน จะเพ่ิมโอกาสให้เชื้อโรคสามารถเดินทางได้ไกลโดยจะแอบแฝงมาพร้อมกับผู้เดินทาง ถ้าหาก พน้ื ทปี่ ลายทางของผู้เดินทางมียุงพาหะอาศัยอยู่ก่อนแลว้ เชอ้ื โรคก็จะสามารถแพร่กระจายตอ่ ไปได้ มาตรการป้องกนั ควบคุมโรค มาตรการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกเดงกี่เน้นการควบคุมยุงลาย โดยทั่วไปมีเป้าหมายท่ีจะกาจัดยุง Ae. aegypti เป็นหลัก มาตรการที่นามาใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมจะต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมของยุง เป้าหมาย ยุงลายชอบกินเลือดคนมากกว่าเลือดสัตว์ โดยมากจะบินออกหากินในเวลากลางวัน ชอบเกาะพักตาม วสั ดุหอ้ ยแขวน และเพาะพนั ธุ์ในภาชนะนา้ ขงั ท่อี ยู่ใกลๆ้ กบั บริเวณทอ่ี ยู่อาศัยของมนุษย์ วิธีการควบคุมยุงลายที่ทุก คนทาได้งา่ ยและต้องทาอยา่ งต่อเน่ืองสม่าเสมอ คือ การกาจัดลูกน้ายุงลายในภาชนะน้าขังท่ีอยู่ในบ้านและบริเวณ บา้ นของตนเอง ตัวอยา่ งเชน่ การเทน้าท้งิ ไมใ่ หม้ ีนา้ ขงั ในภาชนะ การเปลี่ยนน้าในภาชนะอย่างน้อยทุกๆ 7 วัน การ ปล่อยปลากินลูกน้าลงในอ่างบัว การใช้สารเคมีกาจัดลูกน้าใส่ลงในภาชนะน้าขัง เป็นต้น เม่ือมีรายงานพบผู้ป่วย โรคไข้เลอื ดออกเดงกีเ่ กิดขนึ้ ในชมุ ชน กถ็ งึ คราวจาเป็นที่จะตอ้ งเร่งกาจัดยุงลายตัวเต็มวัยท่ีมีเช้ืออยู่ในขณะน้ัน เพื่อ ป้องกันไมใ่ หย้ ุงมเี ช้อื ไปกดั และแพรโ่ รคส่บู คุ คลอ่ืนๆตอ่ ไป โดยการพ่นสารเคมีชนิดฟุ้งกระจายไปในอากาศ (Space spray) ให้สารเคมีสัมผัสถูกตัวยุงโดยตรง เทคนิคการพ่นสารเคมีท่ีใช้กันอยู่น้ันมี 2 แบบ คือ การพ่นหมอกควัน (Thermal Fogging) และการพ่นฝอยละเอียด (Ultra Low Volume) การพ่นสารเคมีจะต้องพ่นภายในบ้าน อาคารสถานท่ีทางานของผู้ป่วยและบริเวณโดยรอบรวมทั้งจะต้องพ่นสารเคมีบ้าน อาคารสถานที่ท่ีอยู่ข้างเคียง อย่างน้อยโดยรอบรัศมี 100 เมตรจากท่ีอยู่ของผู้ป่วย หากมีรายงานพบผู้ป่วยหลายรายกระจายอยู่ในชุมชนอาจ พิจารณาพ่นสารเคมใี ห้ครอบคลุมพนื้ ทท่ี ั้งหมดของชมุ ชน สารเคมีทีน่ ามาใช้ในการควบคมุ ยุงลาย ปัจจุบันมีสารเคมีกาจัดแมลงสาหรับงานสาธารณสุขในท้องตลาดมีให้เลือกมากมายหลายชนิด ก่อนที่จะ นาสารเคมีมาใช้ในการควบคุมยุงลายจาเป็นต้องพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการกาจัดยุงลายได้ดี และยุงลายใน พ้ืนท่ีจะต้องไม่ด้ือต่อสารเคมีที่จะนามาใช้ ประการต่อมาจะต้องมีความปลอดภัยต่อมนุษย์ สัตว์และส่ิงแวดล้อม โดยการเลือกสรรเฉพาะสารเคมีที่ผ่านการประเมินและได้รับคาแนะนาจาก WHO Pesticide Evaluation Scheme (WHOPES) รายละเอียดดังตาราง 1 และจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางด้านสาธารณสุข จาก อย.แล้วเท่าน้ัน ผู้ปฏิบัติงานต้องเลือกสูตรของสารเคมี (Insecticide formulation) ให้เหมาะสมกับช่วงวง ชวี ิตของแมลงเป้าหมาย ได้แก่ ระยะตัวอ่อน หรือระยะตัวเต็มวัย รวมทั้งให้เหมาะสมกับเทคนิคการพ่นสารเคมีว่า จะเป็นการพ่นหมอกควัน หรอื การพ่น ULV และเหมาะสมกับชนดิ ของเคร่อื งพ่นสารเคมีที่นามาใช้งาน โรคไข้เลอื ดออกเดงก่ี โดยนายเสยี งธรรมวมิ ล โรจน์ฤทยั นกั วชิ าการสาธารณสุขชานาญการ สถาบนั ปอ้ งกนั ควบคุมโรคเขตเมอื ง หนา้ 2 จาก 15
ตาราง 1 สารเคมีกาจดั แมลงที่ WHOPES แนะนาให้ใชค้ วบคุมยงุ ตวั เต็มวัย ชนดิ สารเคมี กลุ่มของสารเคมี ปริมาณสารเคมีท่ีพน่ การจดั ระดบั ( กรมั / 10,000 เมตร2 ) อนั ตรายของ พน่ ULV พน่ หมอกควนั WHOb Fenitrothion Organophosphate 250-300 250-300 II III Malathion Organophosphate 112-600 500-600 III U Pirimiphos-methyl Organophosphate 230-330 180-200 II II Bioresmethrin Pyrethroid 5 10 II NA Cyfluthrin Pyrethroid 1-2 1-2 II U Cypermethrin Pyrethroid 1-3 - U II Cyphenothrin Pyrethroid 2-5 5-10 II III d,d-trans-Cyphenothrin Pyrethroid 1-2 2.5-5 Deltamethrin Pyrethroid 0.5-1.0 0.5-1.0 D-Phenothrin Pyrethroid 5-20 - Etofenprox Pyrethroid 10-20 10-20 λ-Cyhalothrin Pyrethroid 1.0 1.0 Permethrin Pyrethroid 5 10 Resmethrin Pyrethroid 2-4 4 b Class II อนั ตรายปานกลาง, Class III อันตรายน้อย, Class U ไมม่ ีพิษเฉียบพลันถ้าใชต้ ามขนาดทแี่ นะนา, NA ยังไม่มขี ้อมลู ทีม่ า: WHO/CDS/NTD/WHOPES/GCDPP/2006.1 โรคไข้เลอื ดออกเดงก่ี โดยนายเสยี งธรรมวมิ ล โรจนฤ์ ทยั นักวิชาการสาธารณสุขชานาญการ สถาบันปอ้ งกนั ควบคุมโรคเขตเมอื ง หนา้ 3 จาก 15
เครือ่ งพ่นสารเคมีท่นี ามาใชใ้ นการควบคมุ ยุงลาย เคร่อื งพน่ สารเคมีที่นามาใช้ในการควบคมุ ยุงลายตอ้ งมีประสทิ ธิภาพในการผลิตเม็ดน้ายาเคมีที่มีขนาดเล็ก ในระดบั Aerosols and Fogs รายละเอียดดังตาราง 2 ซ่ึงเป็นขนาดของเม็ดน้ายาเคมีที่สามารถลอยอยู่ในอากาศ ได้นานและมีระยะทางปลิวไปได้ไกล จึงจะมีโอกาสสัมผัสถูกตัวยุงท่ีบินอยู่ในอากาศได้มากที่สุด เม็ดน้ายาเคมีที่ เครื่องพ่นสารเคมีท่ีมีประสิทธิภาพผลิตได้ส่วนใหญ่ควรมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 5 – 27 ไมครอน(8) เม็ด น้ายาเคมีที่มีขนาดเล็กเกินไปก็จะลอยหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ส่วนเม็ดน้ายาเคมีท่ีมีขนาดใหญ่กว่า 50 ไมครอนจะตกสู่พื้นในระยะเวลาไม่นาน โอกาสจะไปสัมผัสกับยุงท่ีบินอยู่ในอากาศได้น้อยมาก ดังภาพ 1 ดังน้ัน กรมควบคมุ โรคจึงกาหนดคุณลักษณะสาคัญของเคร่ืองพ่นสารเคมีท่ีนามาใช้ในการควบคุมยุงลายว่าขนาดของเม็ด นา้ ยาเคมี (Droplet Size) ที่เครอื่ งผลิตได้ตอ้ งมคี ่าเฉลี่ยขนาดเมด็ นา้ ยาเคมี (VMD) ไม่เกนิ 30 ไมครอน ตาราง 2 การจาแนกประเภทของขนาดเม็ดนายาโดยพิจารณาจากคา่ VMD VOLUME MEDIUM DIAMETER OF DROPLET (μm) CLASSIFICATION OF DROPLET SIZE < 0.001 Vapours 0.001 - 0.1 Smoke and Fumes 0.1 - 50 Aerosols and Fogs 51 - 100 Mists 101 - 200 Fine spray 201 - 400 Medium spray > 400 Coarse spray บทบาทของทกุ ภาคส่วนในการป้องกนั ควบคุมโรค มาตรการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกเดงกี่เน้นการควบคุมยุงลายในระยะที่ยังเป็นลูกน้าซ่ึงทาได้ง่าย ครัวเรือนหรือภาคประชาชนต้องเป็นผู้ปฏิบัติ โดยการกาจัดลูกน้ายุงลายภายในบ้าน บริเวณบ้าน อาคารสถานท่ี และชุมชนที่อยู่อาศัยอย่างต่อเน่ืองอย่างน้อยทุกๆ 7 วัน ป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด และจัดการสภาพแวดล้อม บริเวณที่อยู่อาศัยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ถ้าทุกคนช่วยกันปฏิบัติอย่างต่อเน่ืองทาให้ชุมชนปลอดลูกน้า ยุงลาย เมื่อไม่มียุงลายโรคไข้เลือดออกเดงก่ีก็ไม่อาจแพร่ระบาดต่อไปได้ และยังเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคติดต่ออื่นๆที่นาโดยยงุ ลายได้อกี ดว้ ย ไดแ้ ก่ โรคติดเชือ้ ไวรัสซกิ า โรคไขป้ วดขอ้ ยงุ ลาย โรคไข้เหลอื ง(9) การป้องกันควบคุมโรคในพ้ืนท่ีเป็นบทบาทหน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีอานาจตาม กฎหมายในการออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อกาจัดแหล่งเพาะพันธุ์และควบคุมยุงพาหะนาโรค จัดทาบริการ สาธารณะโดยมีทีมป้องกันควบคุมโรคสนับสนุนประชาชนในการจัดการส่ิงแวดล้อมไม่ให้มีแหล่งเพาะพันธ์ุยุงลาย และดาเนนิ การพ่นสารเคมกี าจัดยงุ ลายเมอ่ื มีรายงานผู้ปว่ ยโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงก่เี กดิ ขนึ้ ในชุมชน โรคไขเ้ ลือดออกเดงกี่ โดยนายเสยี งธรรมวมิ ล โรจน์ฤทยั นกั วิชาการสาธารณสุขชานาญการ สถาบนั ปอ้ งกนั ควบคมุ โรคเขตเมือง หน้า 4 จาก 15
ภาพ 1 ร่องรอยของเม็ดนายาเคมีขนาดใหญซ่ ึ่งเกิดจากการปรับอัตราการพ่นสารเคมไี มเ่ หมาะสม การพ่นสารเคมีด้วยอัตราพ่นที่สูงเกินกาลังของเครื่องพ่น จะได้เม็ดน้ายาเคมีขนาดใหญ่กว่า 100 ไมครอนจานวนมาก ซ่ึงยังไม่ทันจะสัมผัสกับแมลงบินก็จะตกสู่พื้นดินบริเวณปลายท่อพ่นอย่างรวดเร็ว จากภาพแถวบนพ่นสารเคมีนาน 50, 60 และ 90 วนิ าที จะสังเกตเหน็ การสูญเสียสารเคมโี ดยไม่กอ่ ให้เกดิ ประโยชน์เพิ่มขึ้นตามลาดับ เมื่อพ่นต่อเนื่อง เปน็ เวลานาน 120 วนิ าที ภาพซา้ ยและขวาด้านลา่ งจะเห็นการสูญเสียสารเคมปี รมิ าณมากโดยไม่เกิดประโยชน์ ท่ีมา : Lucien Swillen. 2013 หน่วยงานสาธารณสุขจะเป็นผู้ประสาน ส่งเสริม และสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการ ป้องกันควบคุมโรค โดยการเฝ้าระวังโรค สอบสวนโรค พยากรณ์โรค ประเมินความเส่ียง(10) ประชาสัมพันธ์ให้ ความรู้ สร้างความตระหนัก สื่อสารความส่ียงและป้องกันการเสียชีวิต สนับสนุนภาคประชาชนในการควบคุม พาหะ ป้องกันการติดเช้อื และพัฒนาระบบบรหิ ารราชการให้มีนโยบายควบคมุ โรคในระดับจังหวัด(11) เพ่ือลดอัตรา ปว่ ยและอตั ราป่วยตายใหเ้ ปน็ ไปตามคา่ เป้าหมาย การเฝา้ ระวงั และประเมินผลการควบคุมยงุ พาหะนาโรคโดยภาครัฐ ภาครัฐมีการเฝ้าระวังและติดตามประเมินผลการควบคุมยุงพาหะนาโรคอย่างต่อเน่ือง ข้อมูลท่ีได้จะเป็น ประโยชน์ต่อการพิจารณาเลือกใช้มาตรการตอบโต้ได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ เนื่องจากยุง Aedes aegypti และ Aedes albopictus พบไดท้ กุ ภาคของประเทศไทย จึงมีการใช้สารเคมีในการควบคุมยุงพาหะอย่าง กวา้ งขวางตอ่ เน่อื งมาเป็นเวลานาน และเชอ้ื ไวรสั ไขเ้ ลือดออกเดงกท่ี ี่พบกม็ ีครบทุกสายพันธุ์ DEN 1 – 4 ซง่ึ มกี าร โรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกี่ โดยนายเสยี งธรรมวิมล โรจน์ฤทยั นักวชิ าการสาธารณสขุ ชานาญการ สถาบนั ปอ้ งกนั ควบคุมโรคเขตเมือง หนา้ 5 จาก 15
เปลีย่ นแปลงสลบั กนั เปน็ สายพันธุ์เด่นในแต่ละช่วงเวลา ส่งผลต่อกระทบต่อสถานการณ์ระบาดของโรคในแต่ละปี (12,13) จึงจาเป็นต้องมีข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์การดื้อสารเคมีของยุงพาหะ สุ่มประเมินค่าดัชนีลูกน้า ยุงลาย ตรวจสอบชนิดการติดเชื้อในคนและยุงพาหะ โดยสานักโรคติดต่อนาโดยแมลง สานักงานป้องกันควบคุม โรคทั้ง 12 เขต และศูนย์ควบคุมโรคติดต่อนาโดยแมลง หน่วยงานระดับท้องถิ่นมีงานประจา คือ การประเมินค่า ดัชนีลูกน้ายุงลายในชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล และศาสนสถาน จัดการสิ่งแวดล้อมไม่ให้เป็นแหล่งเพาพันธุ์ ยงุ ลาย เนน้ ประสิทธภิ าพการควบคมุ โรคไมใ่ ห้ระบาดเกนิ 2 รนุ่ โดยใชก้ ลไกมาตรฐานการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน 3-3- 1, 7, 14 ดังนี้ มีระบบรายงานโรคให้สถานบริการสาธารณสุขในพ้ืนที่ทราบภายใน 3 ช่ัวโมง สอบสวนโรคและ กาจัดลูกน้ายงุ ลายทบ่ี ้านผ้ปู ่วยและรัศมี 100 เมตร ภายใน ๓ ชว่ั โมง และพ่นสารเคมีกาจัดยุงลายที่บ้านผู้ป่วยและ รัศมี 100 เมตร ภายใน 1 วัน ดัชนีลูกน้ายุงลาย มีค่าเป็น 0 ภายใน 7 วัน และไม่พบผู้ป่วยรายใหม่หลัง 14 วัน การพน่ สารเคมตี ้องให้ครอบคลุมทวั่ ถงึ ทัง้ ในบา้ นและนอกบา้ นอยา่ งนอ้ ยรอ้ ยละ 80 หากไม่ไดใ้ ห้ดาเนินการพ่นบ้าน ทย่ี ังไมไ่ ดพ้ น่ ในวันถดั ไป และพน่ สารเคมคี รั้งต่อไปในวันที่ 3 และ วนั ที่ 7 (14) ทบทวนการดาเนินการปอ้ งกนั ควบคมุ โรคท่ผี า่ นมา เม่ือไมน่ านมาน้ีได้มีการนาวัคซนี ปอ้ งกนั โรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกีม่ าใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้ผ่าน การพิจารณารับรองและข้ึนทะเบยี นจากสานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เม่ือวันท่ี 30 กันยายน 2559 และกรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบนั ชวี วตั ถุ ได้ให้การรับรองอนุญาตจาหน่ายในประเทศไทยได้ ตั้งแต่วันท่ี 15 ธันวาคม 2559 เป็นต้นมา วัคซีนชนิดน้ีผลิตจากเชื้อไวรัสมีชีวิต 4 สายพันธุ์ซึ่งถูกทาให้อ่อนฤทธิ์ สามารถ ป้องกันการเกิดโรคได้ร้อยละ 65 ปัจจุบันวัคซีนชนิดนี้ยังไม่ได้บรรจุในรายการวัคซีนพ้ืนฐานที่ภาครัฐให้บริการแก่ ประชาชน เน่ืองจากมีข้อจากัดในการป้องกันการเกิดโรคบางประการ และยังต้องพิจารณาข้อมูลสนับสนุนทาง วิชาการตามคาแนะนาขององค์การอนามัยโลกประกอบกับความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ และผลกระทบเชิง งบประมาณเมื่อนาวคั ซนี มาใช้ด้วย15,16,17) การใช้วัคซีนป้องกันการเกิดโรคเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมาตรการป้องกัน โรคแบบองค์รวม กล่าวคือ ประเทศไทยยังต้องคงมาตรการกาจัดลูกน้ายุงลายและยุงตัวเต็มวัยที่มีอยู่เดิมต่อไป เพื่อใหก้ ารป้องกันควบคมุ โรคมปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถลดการปว่ ยและการเสียชีวิตได้อย่างแท้จริง ปัจจุบันแนวโน้ม โรคไข้เลือดออกเดงกี่ยังเป็นไปในทิศทางท่ีเพิ่มสูงขึ้น เน่ืองจากการดาเนินการป้องกันควบคุมโรคที่ผ่านมายังมี ปัญหาทางด้านการจัดการ การประชาสัมพันธ์ ความร่วมมือของประชาชน และเทคนิคการควบคุมยุงลายโดยใช้ สารเคมี(18) ดังตอ่ ไปนี้ เครือข่ายการดาเนินการป้องกันควบคุมโรคระดับพื้นท่ีส่วนใหญ่มีความเข้มแข็งเฉพาะในวง สาธารณสุข การมสี ่วนรว่ มขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินและฝ่ายการศึกษามีเพยี งแคผ่ ิวเผิน หลายหนว่ ยงานขาดการใชป้ ระโยชนจ์ ากข้อมลู รายงานเพ่ือการวางแผนงานป้องกนั ควบคมุ โรค การสารวจลกู นา้ และทาลายแหล่งเพาะพนั ธ์ุยงุ ลายในวันและเวลาราชการมีข้อจากัด ในเรื่องบ้าน ปดิ ไมม่ ีคนอยู่ เพราะคนส่วนใหญเ่ ดินทางออกไปทางานนอกบ้าน กรณีชุมชนหมู่บ้านจัดสรร และชุมชนแนวต้ัง เช่น คอนโด อพาร์เมนท์ แมนช่ัน แฟลต หอพัก การเขา้ ไปดาเนนิ การเฝ้าระวังปอ้ งกนั ควบคุมโรคจะต้องมขี น้ั ตอนในการตดิ ต่อประสานนิติบุคคล โรคไข้เลือดออกเดงก่ี โดยนายเสยี งธรรมวิมล โรจนฤ์ ทยั นักวิชาการสาธารณสุขชานาญการ สถาบันป้องกนั ควบคมุ โรคเขตเมือง หน้า 6 จาก 15
โครงการป้องกนั ควบคุมโรคส่วนใหญเ่ นน้ ทางดา้ นการรณรงค์ ให้ความรู้ และการประกวดแข่งขัน เป็นหลัก ซึ่งเปน็ ไปในลักษณะการสรา้ งกระแสเปน็ ครง้ั คราว แต่ไม่เกิดความยั่งยืน การสารวจลูกน้าและทาลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายยังไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน เทา่ ทค่ี วร โดยเฉพาะชุมชนเมืองเจ้าของบา้ นสว่ นใหญจ่ ะไมอ่ นุญาตใหอ้ าสาสมคั รสาธารณสุขหรือ เจ้าหนา้ ที่รฐั เขา้ ไปในบ้าน การเฝ้าระวงั และควบคุมยงุ พาหะนาโรคพบวา่ การสารวจลกู น้ายุงลายโดยอาสาสมัครสาธารณสุข ได้ผลไม่สอดคล้องกับท่ีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสารวจ แม้ว่าจะเป็นการสารวจในช่วงเวลาเดียวกัน หรอื เวลาที่ใกล้เคียงกนั การควบคุมยุงพาหะนาโรคโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีความหลากหลาย บางส่วนนา สารเคมีและเคร่ืองพ่นทางการเกษตรมาใช้ในการควบคุมยุงลาย ซึ่งไม่ปลอดภัยเสี่ยงที่จะเกิด อนั ตรายตอ่ คน สัตวเ์ ลย้ี งและสภาพแวดลอ้ มในชุมชน หลายหน่วยงานขาดการเตรียมความพร้อม เรื่องการทดสอบคุณภาพและบารุงรักษาเครื่องพ่น สารเคมใี หอ้ ย่ใู นสภาพพร้อมและมปี ระสิทธภิ าพในการควบคุมยุงลายอยู่เสมอ มีรายงานผลการศึกษาจากหลายแหล่งระบุว่ายุงลายในประเทศไทยมีแนวโน้มดื้อต่อสารเคมี กาจดั แมลง ข้อมลู การศึกษาและการจดั การปญั หายงุ พาหะดือสารเคมีกาจัดแมลง ผู้ปฏิบัติงานควรติดตามสืบค้นข้อมูลการศึกษายุงพาหะอย่างต่อเน่ือง เพ่ือทราบสถานการณ์ยุงพาหะดื้อ ต่อสารเคมีกาจัดแมลงที่อาจมีการเปล่ียนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผน จัดการสารเคมีกาจดั แมลงทใี่ ชใ้ นการควบคุมยุงลายไดอ้ ย่างเหมาะสม เพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานใน แต่ละพ้ืนท่ี ผู้ปฏิบัติงานสามารถติดตามข้อมูลการศึกษายุงพาหะได้จากสานักงานป้องกันควบคุมโรคท้ัง 12 แห่ง และศูนย์ควบคุมโรคติดต่อนาโดยแมลงในพ้ืนเขตรับผิดชอบ หรือติดตามจากเว็บไซด์สานักโรคติดต่อนาโดยแมลง และรายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกบั ยุงพาหะในประเทศไทย สารเคมีกาจดั แมลงท่ใี ช้ควบคุมและปัญหายงุ ลายดือสารเคมี ประเทศไทยเรมิ่ โครงการควบคุมโรคไข้เลอื ดออก ต้ังแต่ ปี พ.ศ. 2516 โดยการพ่นสารเคมีชนิดฟุ้งกระจาย ด้วยเคร่ืองพ่นสารเคมีติดรถยนต์ เพื่อควบคุมยุงพาหะตามข้อเสนอแนะขององค์การอนามัยโลก ในระยะแรกๆ สารเคมีหลกั ๆทีใ่ ช้จะประกอบดว้ ย สารเคมีกล่มุ ออรก์ าโนฟอสเฟต ได้แก่ Fenitrothion, Malathion และสารเคมี กลุ่มไพรีทรอยด์ ได้แก่ Permethrin, Deltamethrin(19,20) ต่อมาระยะหลังสารเคมีกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตมีการ ใช้พ่นควบคุมยุงลายตัวเต็มวัยน้อยลง แต่ยังนิยมใช้สารเคมีตัวอ่ืนในกลุ่ม คือ Temephos ในการควบคุมลูกน้า ยุงลายเพราะมีประสิทธิภาพในการกาจัดลูกน้าและราคาไม่แพง หลังจาก ปี พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ไพรีทรอยด์จึง กลายเป็นสารเคมีกลุ่มหลักท่ีนามาใช้ควบคุมยุงตัวเต็มวัย โดยเฉพาะ Deltamethrin ได้กลายเป็นสารเคมีท่ีใช้กัน อย่างแพร่หลายในการพ่นควบคุมยุงพาหะอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน(21) รายงานการศึกษายุงพาหะหลายฉบับ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา พบว่ายุง Aedes aegypti หลายพื้นที่ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ไทยด้ือต่อสารเคมีกลุ่มไพรีทรอยด์ในระดับต่า ได้แก่ Bifenthrin, Cyfluthrin, Cypermethrin, Deltamethrin, โรคไข้เลือดออกเดงก่ี โดยนายเสยี งธรรมวมิ ล โรจน์ฤทยั นกั วชิ าการสาธารณสขุ ชานาญการ สถาบันปอ้ งกนั ควบคุมโรคเขตเมอื ง หน้า 7 จาก 15
Lambdacyhalothrin และ Permethrin ส่วนสารเคมีกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตพบว่ายุง Aedes aegypti ด้ือต่อ สารเคมกี ลมุ่ นเี้ ฉพาะบางพื้น ไดแ้ ก่ Fenitrothion, Malathion และ Temephos(21,22,23,24,25,26) การดอื สารเคมีกาจดั แมลงเกดิ ขึนไดอ้ ย่างไร การดื้อสารเคมีกาจัดแมลง (Insectcide resistance) เป็นการคัดเลือกลักษณะเฉพาะของแมลงซึ่ง ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมในประชากรแมลง อันเปน็ ผลสืบเนอื่ งมาจากความล้มเหลวซึง่ เกิดขึ้นซ้าๆในการควบคุม ประชากรแมลงให้อยู่ในระดบั ทมี่ งุ่ หมาย ในขณะที่การใช้ผลิตภัณฑ์สารเคมีกาจัดแมลงก็เป็นไปตามขนาดที่แนะนา การด้ือสารเคมีกาจัดแมลงต่างกับความทนทาน (tolerance) ต่อสารเคมีกาจัดแมลง ซึ่งอย่างหลังจะเกิดข้ึน หลังจากแมลงน้นั รอดชวี ิตภายหลงั จากไดร้ ับสมั ผสั สารเคมีกาจัดแมลงแตไ่ ม่สามารถส่งต่อคุณลักษณะนี้ไปยังรุ่นลูก หลาน และรุน่ ตอ่ ๆไปได(้ I27) ดงั ภาพ 2 ท่ีมา : http://www.irac-online.org/content/uploads/Slides-Set-from-Mini-Vector- Manual-April12.pdf กลไกท่ีทาให้แมลงดือ้ ต่อสารเคมกี าจัดแมลง (Resistance mechanisms) จาแนกได้ 4 กลุ่ม ดงั ต่อไปนี้ 1 การด้ือสารเคมีกาจัดแมลงที่เกิดจากกลไกการสลายสารพิษโดยเอนไซม์ภายในตัวแมลง (Metabolic resistance) แมลงท่ดี อ้ื จะสามารถสลายหรือลดความเป็นพิษของสารเคมีกาจดั แมลงได้ดีกวา่ แมลงทีไ่ ม่ด้ือ โรคไข้เลือดออกเดงก่ี โดยนายเสยี งธรรมวิมล โรจนฤ์ ทยั นักวิชาการสาธารณสขุ ชานาญการ สถาบันปอ้ งกนั ควบคมุ โรคเขตเมือง หน้า 8 จาก 15
2 การดื้อสารเคมีกาจัดแมลงที่เกิดจากกลไกการเปลี่ยนแปลงบริเวณตาแหน่งออกฤทธ์ิ (Target site resistance) ทาให้สารเคมีกาจัดแมลงไม่สามารถจับกับตาแหน่งออกฤทธ์ิ แมลงจึงไม่ได้รับอันตรายหรือได้รับ อนั ตรายจากสารเคมกี าจดั แมลงลดน้อยลง 3 การดอื้ สารเคมีกาจัดแมลงท่ีเกิดจากกลไกการป้องกันการแทรกซึมผ่าน (Reduced penetration) เกิด จากการเปล่ยี นแปลงคุณลักษณะของผนังลาตัวหรือทางเดินอาหารของแมลง จนทาให้สามารถป้องกันหรือลดการ แทรกซมึ ผา่ นของสารเคมกี าจัดแมลงลงได้ กลไกแบบน้ีจะทาให้แมลงดอ้ื ต่อสารเคมีกาจดั แมลงอย่างกวา้ งขวาง 4 การดื้อสารเคมีกาจัดแมลงที่เกิดจากกลไกทางพฤติกรรม (Behavioural resistance) การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมชว่ ยให้แมลงสามารถหลบหลกี อนั ตรายจากสารเคมีกาจัดแมลงได้ แนวทางจดั การปัญหายงุ พาหะดือสารเคมี การใช้สารเคมีกาจัดแมลงไม่ได้ทาให้แมลงด้ือสารเคมีกาจัดแมลงโดยตรง การดื้อสารเคมีกาจัดแมลงจะ เกิดขึน้ เนือ่ งจากยนี กลายพันธ์ุ (resistant allele) ซง่ึ พบได้น้อยและเป็นประชากรแมลงส่วนน้อยท่ีอยู่ในธรรมชาติ ยีนกลายพนั ธุ์จะช่วยส่งเสริมให้แมลงดื้อสารเคมีกาจัดแมลงและสามารถรอดชีวิตภายหลังจากได้รับสัมผัสสารเคมี กาจัดแมลง ถา้ มีการใชส้ ารเคมีกาจัดแมลงชนิดเดยี วกันอย่างต่อเนื่องโดยมีแมลงส่วนหน่ึงสามารถรอดชีวิตไปได้ใน แตล่ ะครัง้ แมลงเหล่าน้ีเม่ือขยายพันธ์ุเพิ่มจานวน ยีนดื้อสารเคมีกาจัดแมลงจะถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูก หลาน และรุ่น ต่อๆไปจนกระท่ังกลายเป็นประชากรแมลงส่วนใหญ่ในธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น การเพ่ิมข้ึนของ kdr resistant allele ของประชากรยุง Aedes aegypti แถบภาคกลางของประเทศไทย เก่ียวข้องกับการดื้อสารเคมีกาจัดแมลง Permethrin ในระดับสูง(27,28) แนวทางจัดการปัญหายุงพาหะด้ือสารเคมีมีอยู่หลายแนวทาง สามารถเลือกใช้ตาม ความเหมาะสมกับสภาพพ้ืนที่ เทคนิควิธีการใช้สารเคมีกาจัดแมลง และพฤติกรรมของยุงพาหะนาโรคแต่ละชนิด ดังต่อไปนี้ 1 การสลบั สบั เปลยี่ นหมนุ เวยี นการใช้สารเคมกี าจัดแมลงต้ังแต่ 2 ชนดิ ข้ึนไป (Rotation) ซง่ึ สารเคมีกาจัด แมลงแต่ละชนิดควรมีกลไกการออกฤทธิ์แตกต่างกัน จึงควรศึกษาข้อมูลสารเคมีกาจัดแมลงที่ใช้ในการควบคุมยุง พาหะซ่งึ จาแนกตามกลไกการออกฤทธิ์(29) 2 ใช้สารเคมีกาจัดแมลงสูตรผสมตั้งแต่ 2 ชนิดข้ึนไป (Mixtures) ซ่ึงสารเคมีกาจัดแมลงแต่ละชนิดควรมี กลไกการออกฤทธ์ิแตกต่างกัน 3 แยกเนื้อท่ีย่อยภายในอาณาเขตพื้นท่ีเดียวกัน (Fine scale mosaic) เลือกใช้สารเคมีกาจัดแมลงคนละ ชนดิ กัน ซง่ึ สารเคมีกาจดั แมลงแตล่ ะชนิดควรมีกลไกการออกฤทธแิ์ ตกตา่ งกัน 4 การจดั การการด้ือสารเคมกี าจัดแมลงในบริบทของการจัดการพาหะนาโรคแบบผสมผสาน (Insecticide Resistance Management in an Integrated Vector Management context) เป็นการจัดการการใช้สารเคมี กาจัดแมลงอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และเหมาะสมกับสภาพปัญหา โดยใช้มาตรการอ่ืนๆซ่ึงไม่ใช่การใช้ สารเคมีกาจดั แมลงรว่ มในการดาเนินการด้วย สารเคมที ใี่ ชใ้ นการควบคุมแมลงพาหะนาโรคระยะตัวเต็มวัยจาแนกตามลักษณะกลไกการออกฤทธ์ิ (MoA) เป้าหมายออกฤทธต์ิ ่อระบบประสาทและกล้ามเนือ สารเคมกี าจดั แมลงโดยทั่วไปจะออกฤทธ์ิอยา่ งรวดเรว็ ตอ่ ระบบประสาทและกล้ามเน้ือ โรคไข้เลือดออกเดงกี่ โดยนายเสยี งธรรมวิมล โรจนฤ์ ทยั นักวิชาการสาธารณสุขชานาญการ สถาบนั ปอ้ งกนั ควบคุมโรคเขตเมือง หนา้ 9 จาก 15
กลุ่มที่ 1 ยับยังการทางานของเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรส (Acetylcholinesterase: AChE) ก่อให้เกิดการ สะสม Acetylcholine ที่จดุ ตอ่ ระหวา่ งเซลล์ประสาท (Synaptic transmission) กลุ่ม 1A คาร์บาเมท (Carbamates) ได้แก่ สารที่เป็นอนุพันธ์ที่สังเคราะห์เลียนแบบสาร phytostignin ซง่ึ เปน็ สาร alkaloid ที่มใี นถั่ว caraba bean, Phytostigma venonesum กลุ่ม 1B ออร์กาโนฟอสเฟต (Organophosphates) ได้แก่ เป็นสารท่ีมีองค์ประกอบด้วยฟอสเฟต (PO4 และ P2O5) Schrader ชาวเยอรมันพบคุณสมบัติการเป็นสารฆ่าแมลงของ parathion ต่อมามีการพัฒนาสารที่มี ประสทิ ธิภาพในการป้องกันกาจดั แมลงได้ดขี ้ึน กลุ่มท่ี 3 รบกวนความสมดุลของโซเดียม (Sodium channel modulators ) สารในกลุ่มนีจะออกฤทธ์ิต่อ ระบบประสาทในส่วนของ axon (axonic transmission) สารกลุ่มนีจะไปทาปฏิกิริยากับผนังชันนอกของ เซลล์ประสาท ทาให้เกิดการกระตุ้นการเข้าออกของโซเดียม เมื่อระบบประสาทถูกกระตุ้นด้วย impulse จานวนมาก จะทาใหเ้ กิดอาการกระตกุ ของกล้ามเนือ เป็นอมั พาต และตายในท่สี ดุ กลุ่ม 3A กล่มุ (Pyrethrins) และ ไพรที รอยด์สงั เคราะห์ (Synthetic pyrethroids) กลุ่ม 3B กลุ่ม DDT และ Methoxychlor ปัจจุบันถูกห้ามใช้ทางการเกษตร เนื่องจากมีพิษตกค้างนาน สะสมในไขมัน และอาจกอ่ มะเรง็ ตาราง 3 สารเคมีท่ี WHOPES แนะนาให้ใช้ในการควบคมุ แมลงพาหะนาโรคนาโรคระยะตวั เต็มวยั จาแนกตาม MoA MoA Class Insecticide or Product 1A Carbamate Bendiocarb, Propoxur 1B Organophosphate Malathion, Fenitrothion, Pirimiphos-methyl Alphacypermethrin, Deltamethrin, Permethrin, 3A Pyrethroid Etofenprox, Lambdacyhalothrin, Bifenthrin, Cyfluthrin, Deltamethrin + PBO 3B Organochlorine DDT ทีม่ า : http://www.irac-online.org/content/uploads/Slides-Set-from-Mini-Vector- Manual-April12.pdf สารเคมีท่ีใช้ในการควบคุมแมลงพาหะนาโรคระยะตวั หนอนจาแนกตามลกั ษณะกลไกการออกฤทธ์ิ (MoA) เป้าหมายออกฤทธ์ิตอ่ ระบบประสาทและกล้ามเนือ กลุม่ ที่ 1 ยบั ยังการทางานของเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรส (Acetylcholinesterase: AChE) กล่มุ 1A คาร์บาเมท (Carbamates) ไดแ้ ก่ สารที่เป็นอนุพันธ์ท่ีสงั เคราะห์เลียนแบบสาร phytostignin ซึ่งเป็นสาร alkaloid ท่มี ีในถั่ว caraba bean, Phytostigma venonesum โรคไขเ้ ลือดออกเดงกี่ โดยนายเสยี งธรรมวิมล โรจน์ฤทยั นักวิชาการสาธารณสขุ ชานาญการ สถาบนั ป้องกนั ควบคุมโรคเขตเมอื ง หนา้ 10 จาก 15
กล่มุ 1B ออรก์ าโนฟอสเฟต (Organophosphates) ไดแ้ ก่ เปน็ สารทีม่ ีองค์ประกอบดว้ ยฟอสเฟต (PO4 และ P2O5) กลุ่มท่ี 5 ขัดขวางการทางานของสารโคลีนเอสเตอเรสตรงจุดรับโดยเลียนแบบตัวกระตุ้น (Nicotinic acetylcholine receptor allosteric activators) สารในกลุ่มน้ีจะออกฤทธ์ิต่อระบบประสาทในช่องว่าง ระหว่าง synaptic transmission โดยจะเป็นสารเลียนแบบตัวกระตุ้นหรือโปรตีนเข้าทาปฏิกิริยาทางชีวเคมีแทน ตัวเอ็นไซม์ acetylcholinesterase ตรงบริเวณจุดรับ ทาให้การส่งกระแสประสาทท่ีต้องใช้ acetylcholine เป็น ตัวส่งกระแสประสาทเกิดการขัดข้อง กระแสประสาทจะถูกกระตุ้นต่อเนื่องจนไม่สามารถควบคุมการหดคลาย กล้ามเนื้อ จึงทาให้ชักกระตกุ อ่อนแรง อัมพาต และตายในที่สุด สารเคมีในกลุ่มนี้คือ Spinosyns สาหรับสารกลุ่ม นี้ไดจ้ ากการหมกั ของจลุ นิ ทรีย์ในดินชอื่ Saccharopolyspora spinosa ซง่ึ อยูใ่ นลาดบั ชั้น Actinomycete เป้าหมายออกฤทธิ์ต่อการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการ พัฒนาการของแมลงถูกควบคุมโดย juvenile hormone และ ecdysone สารเคมีกาจัดแมลงบาง จาพวกจะขัดขวางการเจริญเตบิ โตและพฒั นาการของแมลงให้เปน็ ไปชา้ กวา่ ปกติถึงชา้ ระดบั ปารกลาง กลุ่มท่ี 7 สารเลียนแบบฮอร์โมนจูเวไนล์ของแมลง (Juvenile hormone mimics) จัดอยู่ในกลุ่มสารควบคุม การเจริญเติบโต (Growth regulation) วงจรชีวิตของแมลงมีการเจริญเติบโตแบบเปล่ียนแปลงรูปร่าง (Metamorphosis) โดยการลอกคราบ (Ecdysis) ซึ่งระดับฮอร์โมน (Juvenile hormones) มีความสาคัญ เกี่ยวข้องกับพัฒนาการทุกๆระยะ ต้ังแต่ระยะไข่ ตัวหนอน ดักแด้ จนถึงตัวเต็มวัย จึงมีการสังเคราะห์สารที่มีสูตร โครงสรา้ งคลา้ ยกับฮอร์โมนดังกล่าว เพื่อใช้ในการควบคมุ แมลงเป้าหมาย กลุ่ม 7A Juvenile hormone analogues มีการขึ้นทะเบียน 3 ชนิด คือ hydroprene, kinoprene และ methoprene กลมุ่ 7B Fenoxycarb มีเพยี งชนดิ เดยี ว คือ fenoxycarb กลุ่ม 7C Pyriproxyfen มีเพียงชนิดเดยี ว คอื pyriproxyfen กลุ่มท่ี 15 ยับยั้งขบวนการสังเคราะห์ไคติน (Inhibitors of chitin biosynthesis: Type 0 - Benzoylureas) การเจริญเติบโตของแมลงมีการลอกคราบเปล่ียนแปลงขนาดและรูปร่าง (Metamorphosis) เนื่องจากโครงสร้าง ผนังลาตัวของแมลงมีสารไคติน (chitin) เป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญ การลอกคราบของตัวหนอนแต่ละคร้ังจึง จาเป็นต้องมีการสร้างไคตินใหม่ทดแทนของเดิม สารในกลุ่ม Benzoylureas จะไปรบกวนขบวนการสร้างสารไคติน ทาให้ตัวหนอนลอกคราบไม่สมบูรณ์ และตายในท่ีสุด หรือถ้าได้รับสารที่มีปริมาณต่า อาจรอดชีวิตเป็นดักแด้ และ ตวั เต็มวัยได้ แต่จะมีผลต่อการวางไข่ จานวนไข่ อตั ราการฟกั และการรอดชวี ิตของหนอนรุน่ ต่อไป เป้าหมายออกฤทธต์ิ อ่ กระเพาะอาหาร สารพิษ (Toxin) ที่ได้จากจุลินทรีย์ ตัวหนอนแมลงจาเป็นต้องกินสารพิษเข้าไป สารพิษเหล่าน้ีจึงจะ สามารถออกฤทธ์ิทาลายผนงั กระเพาะอาหารของหนอนแมลงได้ กลุ่มท่ี 11 กลุ่มเชือจุลินทรีย์ที่ไปทาลายระบบทางเดินอาหารของแมลง (Microbial disrubtors of insect midgut membrane) ได้แก่ Bacillus thuringiensis var. Israelensis และ Bacillus sphaericus กลไกการ ออกฤทธิ์ของเชอ้ื Bacillus spp. ประกอบดว้ ยสปอร์และผลึกโปรตนี เมือ่ ถกู ย่อยในสภาพท่ีมีความเปน็ ดา่ งสูง (pH โรคไขเ้ ลือดออกเดงกี่ โดยนายเสยี งธรรมวิมล โรจน์ฤทยั นกั วิชาการสาธารณสุขชานาญการ สถาบันปอ้ งกนั ควบคมุ โรคเขตเมือง หนา้ 11 จาก 15
สูงกว่า 9.5) จะทาให้สารพิษ delta endotoxin ละลายออกมา ซึ่งสารพิษเหล่าน้ีมีหลากหลายแตกต่างกันตาม สายพันธุ์ของจุลินทรีย์ ทาให้มีความเฉพาะเจาะจงสูง สารพิษจะไปทาลายผนังกระเพาะอาหาร ทาให้เซลล์ภายใน กระเพาะลาไส้แตก อาหารและน้าย่อยจะไหลออกสู่ช่องว่างระหว่างกระเพาะลาไส้และผนังลาตัว หนอนแมลงจะ หยดุ กินอาหาร หยดุ การเคลื่อนไหว โลหิตเป็นพิษ เป็นอัมพาต และตายในที่สุด ตาราง 4 สารเคมีท่ี WHOPES แนะนาให้ใชใ้ นการควบคมุ แมลงพาหะนาโรคนาโรคระยะตวั หนอนจาแนกตาม MoA MoA Class Insecticide or Product 1B Organophosphate Temephos, Chlorpyriphos, Pirimiphos-methyl, Fenthion 5 Spinosyns Spinosad 7A Juvenile Hormone Mimic Methoprene, Hydroprene 7C Pyriproxyfen Pyriproxyfen 15 Benzoylureas Diflubenzuron, Novaluron 11 Bacterial Larvicide Bacillus thuringiensis var. Israelensis, Bacillus sphaericus ที่มา : http://www.irac-online.org/content/uploads/Slides-Set-from-Mini-Vector- Manual-April12.pdf แนวทางเฝ้าระวงั ปอ้ งกนั ควบคุมโรคไขเ้ ลอื ดออกเดงกใ่ี นพ้นื ที่เขตเมือง โรคไขเ้ ลือดออกเดงกีเ่ ป็นท่ที ราบกันว่าเป็นปัญหาทางสาธารณสุขท่ีสาคัญในอันดับต้นๆของพ้ืนที่เขตเมือง แต่ละปีจะมีรายงานพบจานวนผู้ป่วยในพื้นที่เขตเมืองมากกว่าพ้ืนที่เขตชนบท เน่ืองจากเป็นบริเวณที่มีประชากร จานวนมาก อาศัยอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น และมีประชากรแฝงเคลื่อนย้ายเข้ามาทางานในเมืองอย่างต่อเน่ือง ขณะที่ทรัพยากรทางด้านสาธารณสุขของภาครัฐก็มีอยู่อย่างจากัด การดูแลของเจ้าหน้าท่ีภาครัฐทาได้ไม่ท่ัวถึงทุก ชุมชนภายในช่วงเวลาส้นั ๆ ดังน้นั องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินจงึ ต้องมีแนวทางการทางานเฝ้าระวัง ป้องกนั ควบคุมโรคไข้เลือดออกใน พื้นท่ีเขตเมือง ซ่ึงเน้นในเรื่องการจัดการที่ดี ควบคู่กับการควบคุมคุณภาพการปฏิบัติงานควบคุมโรคให้มี ประสิทธิภาพ โดยมีระบบการเฝ้าระวังที่สามารถตรวจจับการระบาดของโรคได้อย่างรวดเร็ว สามารถระบุพื้นที่ เส่ียงไดอ้ ย่างถูกต้อง มีการเตรียมความพร้อมของทรัพยากรเพื่อตอบโต้สถานการณ์ระบาดของโรคไข้เลือดออกเดง กไี่ ดอ้ ย่างรวดเร็ว เชน่ บคุ ลากรมีความรูค้ วามชานาญในการปฏบิ ัติงาน เครอ่ื งพ่นและสารเคมีกาจัดแมลงท่ีนามาใช้ ต้องมีประสิทธิภาพในการกาจัดยุงพาหะ มีการควบคุมการปฏิบัติงานให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ มีการเตรียม ข้อมูลชุมชนและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชนแต่ละประเภท สามารถส่ือสารความเสี่ยงให้ ประชาชนรับร้คู วามเสี่ยง เห็นความสาคญั ท่จี ะตอ้ งชว่ ยกันทาลายแหลง่ เพาะพนั ธ์ุยุงลายในบริเวณท่ีพักอาศยั และ โรคไขเ้ ลือดออกเดงก่ี โดยนายเสยี งธรรมวมิ ล โรจน์ฤทยั นักวชิ าการสาธารณสขุ ชานาญการ สถาบนั ป้องกนั ควบคมุ โรคเขตเมอื ง หนา้ 12 จาก 15
ในชุมชนของตน ท่ีสาคัญทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผล แก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาการ ดาเนนิ งานอยา่ งต่อเน่อื ง จึงจะสามารถแก้ปญั หาโรคไขเ้ ลอื ดออกได้อย่างยัง่ ยนื เอกสารอา้ งอิง 1. ศิริเพ็ญ กัลยาณรุจ, มุกดา หวังวีรวงศ์, วารุณี วัชรเสวี. แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคไข้เลือดออกเดงกี่ ฉบบั เฉลิมพระเกยี รติ 80 พรรษามหาราชินี. พิมพ์คร้ังท่ี 1. กรุงเทพฯ: สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข; 2556 2. Sanyaolu A, Okorie C, Badaru O, Adetona K, Ahmed M et al. Global Epidemiology of Dengue Hemorrhagic Fever: An Update. MedCrave. 2017 Sep 25;5(6): 00179. doi: 10.15406/jhvrv.2017.05.00179 3. Kantachuvessiri A. Dengue Hemorrhagic Fever in Thai Socity. Southeast Asian J Trop Med Public Health [Internet]. 2002 Mar [cited 2018 Jan 14];33(1): 55-62. Available from: http://citeseerx.ist.psu.edu/viewdoc/download?doi=10.1.1.483.4124&rep=rep1&type=pdf 4. Shepard DS, Undurraga EA, Halasa YA. Economic and Disease Burden of Dengue in Southeast Asia. PLOS Neglected Tropical Diseases. 2013 Feb 21;7(2): e2055. 5. สจุ ิตรา นมิ มานนติ ย์. การติดเชือ้ และปัจจยั เสีย่ ง. ใน: สีวิกา แสงธาราทิพย์, บรรณาธิการ. โรคไข้เลอื ดออก ฉบับประเกยี รณก. พิมพ์ครั้งท่ี 2. กรงุ เทพฯ: สานักงานควบคุมโรคไข้เลือดออก กรมควบคมุ โรคตดิ ต่อ กระทรวงสาธารณสุข; 2545. หน้า 9-11. 6. Nagao Y, Svasti P, Tawatsin A, Thavara U. Geographical structure of dengue transmission and its determinants in Thailand. Epidemiol Infect. 2007 Jul 12; 136(6): 843–851. PMCID: PMC2870862 7. Thammapalo S, Chongsuwiwatwong V, McNeil D, Geater A. The Climatic factors influencing the occurrence of Dengue Hemorrhagic Fever in Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health [Internet]. 2005 Jan [cited 2018 Jan 14];36(1): 191-96. Available from: http://www.tm.mahidol.ac.th/seameo/2005_36_1/31-3460.pdf 8. สมศกั ด์ิ วสาคารวะ. เครื่องพ่นสารเคมีกาจดั แมลง. ใน: สวี กิ า แสงธาราทพิ ย์, บรรณาธกิ าร. โรคไข้เลือดออก ฉบบั ประเกียรณก. พิมพ์ครัง้ ที่ 2. กรุงเทพฯ: สานักงานควบคุมโรคไขเ้ ลือดออก กรมควบคมุ โรคตดิ ต่อ กระทรวงสาธารณสขุ ; 2545. หนา้ 98-101. 9. World Health Organization [Internet]. Switzerland: World Health Organization; c2014 [updated 2014 Mar 1; cited 2014 Jan 23] Available from: http://apps.who.int/iris/bitstream/10665/111008/1/WHO_DCO_WHD_2014.1_eng.pdf?ua=1 10. กรมควบคมุ โรค [Internet]. กรงุ เทพฯ: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข; c2558 [ปรบั ปรงุ เมื่อ 16 มนี าคม 2559; เขา้ ถงึ 23 มกราคม 2561] เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://thaigcd.ddc.moph.go.th/uploads/file/LAW_CDA/พ.ร.บ.โรคตดิ ตอ่ %20.pdf โรคไข้เลอื ดออกเดงก่ี โดยนายเสยี งธรรมวมิ ล โรจน์ฤทยั นักวชิ าการสาธารณสุขชานาญการ สถาบนั ป้องกนั ควบคมุ โรคเขตเมือง หน้า 13 จาก 15
11. สานกั โรคตดิ ต่อนาโดยแมลง [Internet]. กรงุ เทพฯ: สานกั โรคตดิ ต่อนาโดยแมลง กรมควบคุมโรค; c2548- 59 [เข้าถึง 23 มกราคม 2561] เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://www.thaivbd.org/n/projects?title=แผนงาน/ โครงการ&module=รายงานประจาปีสานกั โรคตดิ ต่อนาโดยแมลง 12. Chompoosri J, Thavara U, Tawatsin A, Anantapreecha S, Siriyasatien P. Seasonal Monitoring of Dengue Infection in Aedes aegypti and Serological Feature of Patients with Suspected Dengue in 4 Central Provinces of Thailand. Thai J Vet Med [Internet]. 2012 [cited 2018 Jan 14]; 42(2): 185-193. Available from: http://nih.dmsc.moph.go.th/abstract/Chompoosri_Thai_J_Vet_Med_12.pdf 13. Chaiyo K, Rabablert J. Molecular Epidemiology of Dengue Virus Isolated from Sera of Patients with Suspected Dengue Fever in Thailand, 2015. Veridian E-Journal, Science and Technology Silpakorn University [Internet]. 2017 Sep/Oct [cited 2018 Jan 14]; 4(5): 1-12. Available from: file:///C:/Users/sumsung/Downloads/101885-Article%20Text-257279-2-10- 20171025.pdf 14. สานักโรคตดิ ต่อนาโดยแมลง [Internet]. กรงุ เทพฯ: สานกั โรคติดต่อนาโดยแมลง กรมควบคุมโรค; c2560 [เขา้ ถงึ 23 มกราคม 2561] เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: http://www.thaivbd.org/n/uploads/file/file_PDF/คู่มอื ปฏิบัติงาน/Dengue/Dengue%20พ.ร.บ.58%20(แก้ไขครง้ั ที่%201).pdf 15. กรมควบคุมโรค [Internet]. กรงุ เทพฯ: กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ ; c2560 [ปรับปรุงเม่ือ 8 พฤษภาคม 2560; เขา้ ถึง 23 มกราคม 2561] เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://www.ddc.moph.go.th/login/filedata/vaccine_dengue.pdf 16. คณะเวชศาสตรเ์ ขตร้อน [Internet]. กรุงเทพฯ: คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล; c2560 [ปรบั ปรุงเมือ่ 22 สงิ หาคม 2560; เข้าถงึ 23 มกราคม 2561] เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://www.tm.mahidol.ac.th/th/download/Dengue-Awareness-Day-TH-Copy.pdf 17. ไทยรฐั [Internet]. กรุงเทพฯ: ไทยรฐั ออนไลน์; c2560 [ปรับปรุงเมอ่ื 4 กมุ ภาพันธ์ 2560; เขา้ ถึง 23 มกราคม 2561] เข้าถึงไดจ้ าก: https://www.thairath.co.th/content/850297 18. สานักโรคตดิ ตอ่ นาโดยแมลง. รายงานการประเมนิ ผลการเฝา้ ระวงั ป้องกนั และควบคุมโรคไขเ้ ลอื ดออก ภาพรวมระดับประเทศ. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 1. กรงุ เทพฯ: สานกั โรคตดิ ต่อนาโดยแมลง กรมควบคมุ โรค; 2554. 19. สมศักดิ์ วสาคารวะ. สารเคมกี าจัดแมลง. ใน: สวี กิ า แสงธาราทิพย์, บรรณาธิการ. โรคไข้เลือดออก ฉบับ ประเกียรณก. พิมพค์ รัง้ ที่ 2. กรงุ เทพฯ: สานกั งานควบคุมโรคไขเ้ ลือดออก กรมควบคุมโรคติดตอ่ กระทรวง สาธารณสุข; 2545. หนา้ 89-97. 20. สมศักดิ์ วสาคารวะ. ข้อสังเกตสาคัญในการพน่ สารเคมีดว้ ยเครือ่ งพ่นฝอยละเอยี ด ULV. ใน: สวี ิกา แสงธารา ทิพย์, บรรณาธกิ าร. โรคไขเ้ ลือดออก ฉบบั ประเกียรณก. พิมพค์ รั้งที่ 2. กรงุ เทพฯ: สานกั งานควบคุมโรค ไข้เลือดออก กรมควบคุมโรคตดิ ต่อ กระทรวงสาธารณสุข; 2545. หนา้ 102-113. โรคไข้เลือดออกเดงก่ี โดยนายเสยี งธรรมวิมล โรจนฤ์ ทยั นกั วิชาการสาธารณสขุ ชานาญการ สถาบนั ปอ้ งกนั ควบคมุ โรคเขตเมอื ง หนา้ 14 จาก 15
21. Chareonviriyaphap T, Bangs M J, Suwonkerd W, Kongmee M, Corbel V, Ngoen-Klan R. Review of insecticide resistance and behavioral avoidance of vectors of human diseases in Thailand. Parasites & Vectors. 2013 Sep 25; 6:(280). doi:10.1186/1756-3305-6-280. 22. Jirakanjanakit N, Rongnoparut P, Saengtharatip S, Chareonviriyaphap T, Duchon S, Bellec C, et al. Insecticide Susceptible/Resistance Status in Aedes (Stegomyia) aegypti and Aedes (Stegomyia) albopictus (Diptera: Culicidae) in Thailand During 2003–2005. J Econ Entomol [Internet]. 2007 Apr [cited 2018 Jan 14]; 100(2): 545-50. Available from: https://mivegec.ird.fr/images/stories/PDF_files/1145.pdf 23. Sirisopa P, Thanispong K, Chareonviriyaphap T, Juntarajumnong W. Resistance to Synthetic Pyrethroid in Aedes aegypti (Diptera: Culicidae) in Thailand. Kasetsart J [Internet]. 2014 May [cited 2018 Jan 14]; 48(4): 577-86. Available from: http://www.thaiscience.info/journals/Article/TKJN/10961393.pdf 24. Komalamisra N, Srisawat R, Phanbhuwong T, Oatwaree S. Insecticide SusceptIbility of The Dengue Vector, Aedes aegypti (L.) in Metropolitan Bangkok. Southeast Asian J Trop Med Public Health [Internet]. 2011 Jul [cited 2018 Jan 14];42(4): 814-23. Available from: https://pdfs.semanticscholar.org/737a/1cfe48563eed699bcc3d962868033dae69cc.pdf 25. Ponlawat A, Scott G J, Harrington C L. Insecticide SusceptIbility of Aedes aegypti and Aedes albopictus across Thailand. J Med Entomol [Internet]. 2005 Sep [cited 2018 Jan 14];42(5): 821-25. Available from: http://scott.entomology.cornell.edu/127.pdf 26. สานักโรคติดตอ่ นาโดยแมลง. ฐานข้อมลู กีฏวทิ ยา [อินเทอร์เนต็ ]. นนทบรุ ี: สานกั โรคตดิ ตอ่ นาโดยแมลง กรม ควบคมุ โรค: 2556 [เข้าถึงเม่ือ 14 มกราคม 2561]. เข้าถึงไดจ้ าก http://www.thaivbd.org/entomological/member/login 27. Insecticide Resistance Action Committee (IRAC). Prevention and Management of Insecticide Resistance in Vectors of Public Health Importance. 2nd ed. Online: IRAC Public Health team; 2011 [cited 2018 Jan 14]. Available from: http://www.irac-online.org/content/uploads/VM- layout-v2.6_LR.pdf 28. Srisawat R, Komalamisra N, Phanphoowong T, Takasaki T, Runtuwene L R, Kurane I, et al. Present status of the insecticide susceptibility of Aedes mosquitoes in Thailand. Journal of Japanese Red Cross Toyota College of Nursing [Internet]. 2011 [cited 2018 Jan 14]; 6(1): 31-37. Available from: https://ci.nii.ac.jp/els/contentscinii_20180208183408.pdf?id=ART0009681086 29. Insecticide Resistance Action Committee (IRAC). Prevention and Management of Insecticide Resistance in Vectors of Public Health Importance. Brochure 2nd ed. Online: IRAC Public Health team; 2014 Dec [cited 2018 Jan 14]. Available from: http://www.irac- online.org/documents/irm-mini-vector-booklet/ โรคไข้เลือดออกเดงก่ี โดยนายเสยี งธรรมวิมล โรจน์ฤทยั นักวิชาการสาธารณสุขชานาญการ สถาบันป้องกนั ควบคมุ โรคเขตเมอื ง หน้า 15 จาก 15
การประเมินความเสย่ี ง คะแนนถ่วงของต่ละประเดน็ พ้นื ท่ี อบุ ตั กิ ารณผ์ ้ปู ว่ ยใน จำนวนบ้านทส่ี ำรวจ จำนวนภาชนะท่ีสำร ปรมิ าณน้ำฝน (ml) สดั สว่ นเน้ือท่ีตัวเมอื ง ผลรวมคะแ คา่ เฉลยี่ ค 2-4 สปั ดาห์ พบลกู น้ำใน 100 วจพบลกู นำ้ ใน 100 ยา่ นการคา้ และหมบู่ ้ นนหลงั ถ่วง ะแนนหลงั บ้าน (HI) ภาชนะ (CI) าน ถว่ ง คะแนนทไ่ี ด้ คะแนนหลงั ถ่ คะแนนทไี่ ด้ คะแนนหลังถ่ คะแนนท่ีได้ คะแนนหลังถ่ คะแนนทีไ่ ด้ คะแนนหลังถ่ คะแนนท่ไี ด้ คะแนนหลงั ถ่ วง วง วง วง วง 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00 0 0 0 0 0 0 0.00
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141