Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรท้องถิ่น การทอผ้า ภัทรชนก 082

หลักสูตรท้องถิ่น การทอผ้า ภัทรชนก 082

Published by ภัทรชนก อิทธิรักษ์, 2021-02-28 06:39:00

Description: หลักสูตรท้องถิ่น การทอผ้า ภัทรชนก 082

Search

Read the Text Version

หลกั สตู รทอ้ งถ่นิ เรื่อง การทอผา้ ยอ้ มสธี รรมชาติ (ภูมิปญั ญาท้องถิ่น) อาเภอสนั ติสุข จังหวัดนา่ น กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรยี นบ้านโปง่ คา สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษานา่ น เขต 1

หลกั สูตรทอ้ งถ่ิน เร่อื ง การทอผ้ายอ้ มสีธรรมชาติ (ภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ ) กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ จัดทาโดย นางสาวภทั รชนก อทิ ธิรกั ษ์ รหสั นิสติ ๖๑๑๐๕๐๑๐๐๘๒ สาขาวิชาการประถมศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ เสนอ ผศ.กิตตชิ ัย สุธาสโิ นบล หลักสตู รเล่มนเี้ ป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาหรับครปู ระถมศึกษา ๒ ภาคเรยี นที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ

คานา หลักสูตรสถานศึกษาเล่มน้ี เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชา ป๔๓๔๑ สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรมสาหรับครูประถม ๒ ซึ่งจัดทาขึ้นเพ่ือพัฒนาให้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรของ สถานศึกษา ตามกระบวนการและหลักการที่ได้ศึกษา และมีการดาเนนิ การจัดทาหลกั สูตรสถานศึกษาโดยใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) เป็นแกนหลักเพ่ือ กาหนดการจัดทาโครงสรา้ งและสาระหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผู้จัดทาได้ เลือกศกึ ษาคือโรงเรียนบ้านโป่งคา สังกัดสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศึกษานา่ น เขต ๑ ซ่ึงมเี น้ือหา สาระเกี่ยวกบั การทอผ้าย้อมสธี รรมชาติ ถือเปน็ ภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ ของอาเภอสนั ตสิ ุข จงั หวัดนา่ น โดยให้ผู้เรียน ได้ศึกษาเรียนรแู้ ละเห็นความสาคัญของภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นในชมุ ชนตนเอง ผ่านการเรียนรโู้ ดยการปฏบิ ัติ และ ผเู้ รยี นสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ห้เขา้ กับหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ ผู้จัดทาต้องขอขอบคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติชัย สุธาสิโนบล และผู้ท่ีมีส่วนให้คาปรึกษาและให้ ข้อมลู ในการทาหลกั สูตรเล่มน้ใี ห้มคี วามสมบรู ณ์ ใช้เปน็ แนวทางให้แกผ่ ู้ทส่ี นใจ และศกึ ษาเกี่ยวกับการพฒั นา หลกั สูตร อนั จะเปน็ พื้นฐานสาคัญในการพัฒนาหลกั สูตรได้อยา่ งถกู ต้องและเกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ ให้แก่ผเู้ รยี น ผจู้ ดั ทา

สารบญั หน้า เร่ือง ก ข คานา ๑ สารบญั ขอ้ มลู พน้ื ฐานของสถานศกึ ษา ๑ ๑ ชอื่ โรงเรียน ๑ ตราสญั ลกั ษณโ์ รงเรยี น ประวัติโรงเรียนบ้านโปง่ คา ๑ ๒ ท่ตี ้งั และอาณาเขต ๒ ข้อมลู ของหลกั สูตร ๓ ความนา ๓ ๓ วสิ ัยทัศนโ์ รงเรยี น พันธกจิ ๓ เป้าประสงคห์ ลกั ๔ ๔ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๕ สภาพชุมชนโรงเรียนบ้านโปง่ คา ๗ ๘ หลักสตู รทอ้ งถิน่ เรอื่ ง การทอผา้ ย้อมสธี รรมชาติ คาอธิบายรายวิชา ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๑o โครงสรา้ งรายวชิ า ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖ ๑๔ ภาคผนวก อา้ งองิ

๑ ข้อมูลพน้ื ฐานของสถานศกึ ษา ชื่อโรงเรยี น (ภาษาไทย) โรงเรยี นบ้านโปง่ คา (ภาษาองั กฤษ) Banpongkom School (อักษรย่อ) ป.ค. ตราสัญลักษณโ์ รงเรียน ประวัติโรงเรยี นบา้ นโปง่ คา โรงเรียนบ้านโป่งคา ตาบลดู่พงษ์ อาเภอสันติสุข จังหวัดน่าน ได้เร่ิมก่อต้ังเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยการนาของผ้ใู หญส่ ุวรรณ จนั อ้น พร้อมราษฎร ๒ หม่บู า้ น คอื หม่ทู ี่ ๕ บ้านโป่งคา และหมู่ ที่ ๗ บ้านต้นผ้ึง ร่วมกันสร้างอาคารช่ัวคราวข้ึน เปิดทาการสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงช้ัน ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ โดยมีนายบัว ยาเภา ดารงตาแหนง่ ครูใหญ่ ปัจจุบัน โรงเรียนบ้านโป่งคา มนี ักเรียน ทง้ั สิน้ ๗๕ คน ท่ตี งั้ และอาณาเขต ปัจจบุ นั โรงเรยี นบ้านโปง่ คา ตงั้ อยู่บ้านเลขที่ ๑๙๗ หมทู่ ่ี ๕ ตาบลดูพ่ งษ์ อาเภอสนั ตสิ ขุ จังหวดั น่าน ซ่ึงอยหู่ า่ งจากตัวอาเภอสันตสิ ุข ประมาณ ๕ กิโลเมตร และหา่ งจากตัวอาเภอเมืองประมาณ ๔๕ กโิ ลเมตร มี อาณาเขตตดิ กับบา้ นฮว้ ยไฮ บ้านพวงพะยอม บา้ นตน้ ผึ้งและบา้ นนา้ โซง้

๒ ข้อมลู ของหลกั สูตร ความนา กระทรวงศกึ ษาธกิ ารได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชี้วัด กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระภูมศิ าสตร์ในกลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาสัง่ กระทรวงศกึ ษาธิการ ที่ สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาส่ังสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ท่ี ๓๐/๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ใหเ้ ปลย่ี นแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) โดยมีคาสั่งให้โรงเรียนดาเนินการใช้หลักสูตรในปี การศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้ใช้ในช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ , ๔ และ ม.๑ ต้ังแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นตน้ มา ให้ เป็นหลักสตู รแกนกลางของประเทศ โดยกาหนดจดุ หมาย และมาตรฐานการเรียนร้เู ป็นเป้าหมายและกรอบ ทศิ ทางในการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนมพี ฒั นาการเตม็ ตามศักยภาพ มีคณุ ภาพและมที กั ษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษ ที่ ๒๑ เพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกับนโยบายและเปา้ หมายของสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน โรงเรียนบ้านโป่งคา จึงได้ทาการปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนบ้านโป่งคา พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และได้จดั ทาหลกั สูตรทอ้ งถิน่ เพ่ือนาไปใช้ ประโยชน์และเปน็ กรอบในการวางแผนและพัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษาและจัดการเรยี นการสอน โดยมี เป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น ใหม้ กี ระบวนการนาหลักสตู รไปสูก่ ารปฏิบตั ิ โดยมีการกาหนดวิสยั ทศั น์ จดุ หมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวดั โครงสร้าง เวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวัดประเมินผลให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้ โรงเรียนสามารถกาหนดทิศทางในการจัดทาหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละระดบั ตามความพร้อมและ จดุ เนน้ โดยมีกรอบแกนกลางเปน็ แนวทางที่ชัดเจนเพ่อื ตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มคี วามพร้อมในการ ก้าวสู่สังคมคณุ ภาพ มีความร้อู ยา่ งแทจ้ รงิ และมที กั ษะในศตวรรษท่ี ๒๑ มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ช้ีวดั ท่ีกาหนดไว้ในเอกสารนี้ ช่วยทาใหห้ น่วยงานที่เก่ียวขอ้ ง ในทุกระดับ เห็นผลคาดหวังท่ีต้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ชัดเจนตลอดแนว ซึ่งจะสามารถช่วยให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถนิ่ และสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างม่ันใจ ทาให้การจัดทา หลกั สตู รในระดบั สถานศึกษามีคุณภาพและมีความเปน็ เอกภาพยง่ิ ขนึ้ อีกทั้งยังชว่ ยใหเ้ กดิ ความชดั เจนเรอ่ื งการ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ และช่วยแก้ปัญหาการเทียบโอนระหว่างสถานศึกษา ดังนั้นในการพัฒนา หลกั สตู รในทกุ ระดบั ตง้ั แต่ระดับชาติจนกระท่ังถึงสถานศึกษา จะตอ้ งสะท้อนคณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวชว้ี ดั ทีก่ าหนดไว้ในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน รวมทง้ั เปน็ กรอบทิศทางในการจดั การศกึ ษา ทุกรปู แบบ และครอบคลุมผู้เรยี นทกุ กล่มุ เปา้ หมายในระดบั การศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน การจัดหลักสูตรท้องถ่ินจะประสบความสาเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ ทุกฝ่าย ท่ีเกี่ยวข้องทั้ง ระดบั ชาติ ชมุ ชน ครอบครัว และบคุ คลตอ้ งร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกนั ทางานอย่างเปน็ ระบบ และต่อเนอื่ ง ในการวางแผน ดาเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรงุ แก้ไข เพ่ือพัฒนาเยาวชนของชาติ ไปสคู่ ุณภาพตามมาตรฐานการเรยี นรทู้ ่ีกาหนดไว้

๓ วสิ ัยทัศน์โรงเรยี น โรงเรียนบา้ นโปง่ คา จัดการศกึ ษาให้กับผเู้ รยี นให้มคี ุณภาพและตามศักยภาพของนกั เรียน มีคุณธรรม นาความร้ตู ามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และมคี ณุ ภาพตามมาตรฐานกา้ วทันวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เพื่อเตรยี มความพร้อมเขา้ ส่ปู ระชาคมอาเซยี นภายใตก้ ารมีสว่ นร่วมของชมุ ชนและทอ้ งถ่ิน พันธกิจ ๑. พัฒนาผเู้ รียนให้มีคณุ ภาพตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา ๒. พัฒนาครแู ละบคุ ลากรให้มีความรู้ สามารถปฏิบตั งิ านได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ๓. ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การนาส่อื เทคโนโลยี ภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ และแหล่งเรยี นรู้มาใชใ้ นการจัดการเรียน การสอน ๔. เพิม่ ประสทิ ธิภาพ ระบบการบริหารจัดการโรงเรียนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ๕. ปิดโอกาสใหช้ มุ ชนมสี ว่ นร่วมในการจดั การศกึ ษา ๖. น้อมนาหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นสถานศกึ ษา เปา้ ประสงคห์ ลัก ๑. ผู้เรยี นทกุ คนมคี ุณภาพตามเกณฑม์ าตรฐานการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ๒. ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษามคี วามรู้ ความสามารถและทกั ษะตามมาตรฐานวิชาชพี ๓. โรงเรียน มสี ่ือ นวัตกรรม เทคโนโลยี ทันสมัยมาใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน ๔. โรงเรยี นมรี ะบบการบริหารจดั การที่มีประสิทธภิ าพ ๕. ชุมชนมีส่วนรว่ มในการจัดการศึกษาและผู้เรยี นเห็นคุณคา่ และร่วมสบื สานเอกลกั ษณ์ วัฒนธรรมและ ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน ๖. โรงเรียนมกี ารบรหิ ารจดั การและจดั การเรยี นการสอน โดยยดึ หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน หลักสูตรโรงเรยี นบา้ นโป่งคา มุ่งเนน้ ให้ผู้เรียนเกดิ สมรรถนะสาคญั คอื ๑. ความสามารถในการส่ือสาร เปน็ ความสามารถในการรบั และส่งสาร มวี ัฒนธรรมในการใชภ้ าษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปัญหาความขัดแย้งตา่ ง ๆ การเลอื กรบั หรอื ไม่รับข้อมลู ขา่ วสารดว้ ยหลักเหตุผลและความถูกตอ้ ง ตลอดจนการ เลือกใชว้ ธิ ีการสอื่ สาร ทม่ี ีประสทิ ธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบทม่ี ีตอ่ ตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสงั เคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพอ่ื นาไปสกู่ ารสร้างองค์ความรหู้ รือสารสนเทศ เพ่อื การตัดสนิ ใจเก่ียวกบั ตนเองและสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา เป็นความสามารถในการแกป้ ัญหาและอปุ สรรคตา่ ง ๆ ท่ีเผชญิ ได้ อยา่ งถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสมั พนั ธแ์ ละการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข ปญั หา และมีการตดั สนิ ใจท่ีมปี ระสิทธิภาพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบท่ีเกดิ ขึน้ ต่อตนเอง สังคมและส่งิ แวดลอ้ ม

๔ ๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน การ ดาเนนิ ชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรยี นรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยการสร้างเสรมิ ความสมั พันธอ์ ันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเล่ียงพฤติกรรมไม่พึง ประสงคท์ ่สี ่งผลกระทบต่อตนเองและผอู้ นื่ ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลอื ก และใช้ เทคโนโลยีด้านตา่ ง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ หลกั สูตรโรงเรียนบ้านโป่งคา ยึดหลักคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้น พ้นื ฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) โดยกาหนดคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๘ ประการ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒. ซื่อสตั ยส์ จุ รติ ๓. มีวินยั ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ๖. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มีจติ สาธารณะ สภาพชุมชนโรงเรียนบา้ นโป่งคา โรงเรยี นบา้ นโป่งคา ได้เรมิ่ ก่อตง้ั เม่อื วนั ท่ี ๑ มถิ ุนายน พ.ศ.๒๕๑๕ โดยการนาของผ้ใู หญ่สวุ รรณ จนั อน้ พร้อมราษฎร ๒ หมู่บ้าน คือ หมู่ท่ี ๕ บ้านโป่งคา และหมู่ท่ี ๗ บ้านตน้ ผ้ึง อยู่ห่างจากตวั อาเภอสันติ สุข ประมาณ ๕ กิโลเมตร และห่างจากตัวอาเภอเมืองประมาณ ๔๕ กิโลเมตร จัดการศึกษาระดับ ประถมศกึ ษา จานวนนกั เรียนทัง้ หมด ๗๕ คน นกั เรียนท่ีมาโรงเรียนน้สี ่วนใหญ่เป็นนักเรียนท่ีอยู่ในชุมชน และบริเวณใกล้เคียง ผู้ปกครองมีฐานะ ยากจน และส่วนใหญจ่ ะมีอาชีพเกษตรกรรมหรือรบั จ้างท่ัวไป แตผ่ ู้ปกครองให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียน เป็นอยา่ งดี การทอผ้าย้อมสีธรรมชาติ ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ีสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งตอนแรกมีการ ดาเนนิ งานแบบต่างคนต่างทา แต่ต่อมาก็ได้รับการเอารดั เอาเปรียบจากกลุ่มพ่อค้า จงึ เกิดการรวมกลมุ่ กนั ขึ้น และมแี นวทางในการสรา้ งผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ขนึ้ จากการยอ้ มผ้าสีสังเคราะห์มาเปน็ การย้อมผ้าสีธรรมชาติ และทางโรงเรยี นไดเ้ ห็นถึงคณุ ค่าและความสาคัญของการทอผ้า จึงไดจ้ ัดทาหลักสูตรทอ้ งถ่ิน เรื่อง การทอผ้า ย้อมสีธรรมชาติ ขึ้นเพ่ือฝึกให้สอดคล้องกับแนวพระราชดาริ อีกทั้งนักเรียนได้ปฏิบัติจริงในเรื่องการทางาน การจัดการ เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่องาน ตลอดจนรจู้ ักการนาสงิ่ ที่มีอยู่ในทอ้ งถ่นิ มาเพ่มิ คณุ ค่า เพิม่ รายได้ นักเรยี นได้ออกแบบ ตามจนิ ตนาการ ผ้เู รยี นรู้จักพงึ่ ตนเอง ดารงชีวติ อยู่ในสังคมได้อย่างมคี วามสุข ตามหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

๕ หลักสตู รทอ้ งถ่นิ เรื่อง การทอผา้ ย้อมสีธรรมชาติ (ภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ ) อาเภอสันตสิ ขุ จังหวัดน่าน หลกั การและเหตุผล อาชีพและภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่นทีอ่ ย่ใู นชุมชน ถอื เปน็ ภูมิปญั ญาที่มกี ารสบื ทอดจากรุ่นสรู่ ุน่ มกี ารถา่ ยทอด จากบคุ คลในครอบครวั ชุมชน และสังคม โดยมีผสู้ งู อายทุ าหน้าทเ่ี ป็นสือ่ กลางของการถา่ ยทอดความรู้ต่างๆ ซึ่ง สามารถเข้ามามบี ทบาทในการจดั การศึกษาและพัฒนาผู้เรียนในด้านต่าง ๆ ตามความเหมาะสมของโรงเรยี น เพ่ือเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดารงชีวิตในครอบครัว มีทักษะในการทางานและการ ประกอบอาชพี ดงั น้ัน จึงได้ตระหนกั และเหน็ ความสาคัญของการทอผ้าซ่ึงถือเป็นภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ ของชุมชน จึงได้ จดั ต้ังทาหลักสตู รการทอผ้าย้อมสีธรรมชาติ (ภูมิปัญญาท้องถ่ิน) อาเภอสันติสุข จังหวัดน่าน โดยมีกิจกรรม ต่างๆ ทีน่ ักเรียนสามารถทาได้ โดยมวี ทิ ยากรและครูคอยช่วยเหลอื นอกจากน้ี นักเรียนยงั ไดเ้ รยี นรู้และมที กั ษะ ในการทากิจกรรมและสามารถนาผลงานไปจาหนา่ ย เพอ่ื เพิ่มรายได้ให้นกั เรียนในขณะทก่ี าลงั เรียนอยู่ และยัง สามารถนาความรู้ไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชพี ได้ในอนาคตได้ ทอผา้ ยอ้ มสีธรรมชาติ พัฒนาตามแนวคิดจากสตรยี ้อมผ้าชุมชนโปง่ คาได้มีอาชพี เสริมทสี่ ืบต่อมาจากบรรพบุรุษ และมกี าร ดาเนินการแบบต่างคนต่างทา แตต่ ่อมาไดร้ บั การเอารัดเอาเปรยี บจากกลมุ่ พอ่ ค้า จงึ เกิดการรวมกลุม่ กันขึ้น และมแี นวทางในการผลิตภัณฑร์ ปู แบบใหม่ขึ้นจากการยอ้ มผ้าสสี ังเคราะหม์ าเปน็ การย้อมผ้าสธี รรมชาติ จุดมงุ่ หมาย ๑. เพื่อให้นกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจเร่ืองการทอผ้าจากสีธรรมชาติ ๒. เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถทอผา้ จากสธี รรมชาตไิ ด้ ๓. เพอื่ ให้นกั เรียนสามารถทางานรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้ ๔. เพ่ือใหน้ กั เรียนมคี วามภาคภูมิใจในภมู ปิ ัญญาท้องถิ่นของตนเอง สือ่ และแหล่งการเรยี นรู้ ๑. วทิ ยากรท้องถน่ิ (แหลง่ เรียนรปู้ ระเภทบคุ คล) ๒. เอกสาร ตาราเรยี นเกยี่ วกับการทอผา้ ยอ้ มสีธรรมชาติ ๓. ใบความรู้ ๔. ศนู ยก์ ารเรยี นรผู้ ้าทอย้อมสีธรรมชาติในชุมชน เน้ือหาหลกั สูตร หน่วยท่ี ๑ ประวัติความเปน็ มาและความสาคัญของการทอผา้ หนว่ ยท่ี ๒ วตั ถดุ บิ จากธรรมชาติ หนว่ ยที่ ๓ การทอผ้า หน่วยท่ี ๔ การออกแบบสร้างสรรคผ์ ลิตภณั ฑ์ หน่วยที่ ๕การแปรรปู ผ้าทอเปน็ ผลติ ภัณฑ์

๖ การวดั และการประเมนิ ผล การวดั และการประเมนิ ผลระหว่างเรียนและหลงั เรียนตามจดุ มุง่ หมายที่กาหนด โดยเนน้ ให้ครอบคลมุ ทั้งดา้ นความรแู้ ละทักษะการปฏบิ ัตงิ านของนกั เรียน ดงั นี้ ๑. การสงั เกตพฤตกิ รรมของผเู้ รยี น ๒. ผลงานของผ้เู รยี น ๓. การสอบถาม/การสมั ภาษณ์ ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะได้รบั ๑. ผู้เรียนมีความรเู้ กี่ยวกับการทอผา้ ย้อมสีธรรมชาตซิ ง่ึ ถือเป็นภมู ิปัญญาของคนในชุมชน ๒. ผู้เรยี นเกดิ ความคิดสร้างสรรคใ์ นการสรา้ งสรรคช์ น้ิ งาน ๓. นกั เรยี นสามารถนาไปประกอบเปน็ อาชพี ได้ เพอื่ เปน็ การสง่ เสรมิ ประสบการณด์ ้านอาชพี ใหแ้ ก่ นักเรียน ๔. เพื่อสง่ เสรมิ สนบั สนุนผเู้ รยี นให้รจู้ ักอนรุ ักษ์อาชีพและภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ในชมุ ชุน ๕. ผู้เรียนมีทกั ษะในการรว่ มกนั ทางานเปน็ กลมุ่ และรู้จกั หาวธิ ีการแกป้ ัญหาในการทางาน

๗ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวิชา ส๑๖๒๐๑ การทอผ้ายอ้ มสีธรรมชาติ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี ศึกษาความรู้เก่ียวกับประวัติความเป็นมาของการทอผ้า การย้อมสี การปั่นฝ้าย การหาวัสดุจาก ธรรมชาติเพอ่ื นามาเปน็ สใี นการย้อม การทอผ้า การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ การแปรรปู ผ้าทอเป็นชิ้นงาน รวมไป ถงึ การจาหน่ายสนิ คา้ โดยใช้กระบวนการทางานอย่างเป็นระบบ การสืบค้นหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ในชุมชน เห็น ความสาคัญและประโยชน์ของการทางานแล้วนามาวิเคราะห์ วางแผน ค้นคว้ารวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการ แสวงหาความรูด้ ้วยวิธีการทีห่ ลากหลายผา่ นการลงมือปฏิบตั ิ เพือ่ ให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจในภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ ของตนเองซ่งึ ถอื เป็นสิง่ ที่ควรอนรุ กั ษ์และถ่ายทอด ให้คงอยู่ตอ่ ไป รวมไปถงึ เกดิ ความภาคภูมิใจในตนเอง เกิดทกั ษะ มคี วามรับผดิ ชอบ มงุ่ มัน่ ในการทางาน พึง่ พา ตนเองโดยยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ ๑. บอกประวตั ิความเป็นมาของการทอผา้ ย้อมสธี รรมชาติไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ๒. สามารถบอกวัสดุธรรมชาติท่นี ามายอ้ มสีได้ ๓. สามารถทอผ้าออกมาได้อย่างถูกตอ้ ง ๔. ออกแบบสร้างสรรค์งานของตนเองจากผา้ ทอได้ ๕. เห็นความสาคญั ของการทอผา้ อนุรกั ษ์อาชพี และภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่นในชุมชนุ ๖. สามารถนาผ้าทอมาประยกุ ต์สร้างสรรคเ์ ป็นช้นิ งานได้ รวม ๖ ผลการเรียนรู้

๘ โครงสรา้ งหลักสูตรท้องถน่ิ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม เวลา ๔๐ ชั่วโมง หนว่ ย การ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา (ช่วั โมง) เรยี นรู้ที่ ๑ ประวตั ิความเปน็ มา ๑.บอกประวัติความ การทอผ้า ถือเป็นอาชีพและ ๗ และความสาคัญของ เปน็ มาของการทอผ้า ภูมิปัญญาท้องถิ่นของคน การทอผ้า ย้อมสีธรรมชาติได้ ชุมชน ซึ่งได้รับการสืบทอด อยา่ งถูกต้อง ต่อมาจากบรรพบุรุษในอดีต ๒.เห็นความสาคัญ แต่เกิดการเอารัดเอาเปรียบ ข อ ง ก า ร ท อ ผ้ า จากพ่อคา้ คนกลาง ปจั จบุ ันจึง อนุรักษ์อาชพี และภูมิ เกดิ การรวมกล่มุ กนั ของคนใน ปั ญ ญ า ท้ อ ง ถิ่ น ใ น ชุมชน และรวมไปถึงการนา ชุมชุน ผ้ า ท อ ม า อ อ ก แ บ บ เ ป็ น ผลิตภัณฑ์ ๒ วตั ถดุ บิ จาก ๑ .ส า ม า ร ถ บ อ ก ก า ร ย้ อ ม สี ผ้ า ท อ ด้ ว ย สี ๘ ธรรมชาติ วัตถดุ บิ จากธรรมชาติ ธรรมชาติ เป็นการแสวงหา ท่นี ามาย้อมสไี ด้ วัตถุดิบทีเ่ ป็นธรรมชาตจิ ากป่า แ ล ะ จ า ก ส มุ น ไ พ ร พื้ น บ้ า น พบว่า วัตถุดิบในธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ ใบหญ้า หากมีรส ฝาดจะสามารถนามาย้อมผ้า ได้ ทาให้สีติดผ้าทนนาน ด้วย ความเชื่อที่สืบทอดกันมาจาก บรรพบรุ ุษรนุ่ ปยู่ า่ ตายายจงึ ทา ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม ม่ั น ใ จ ว่ า สี ธรรมชาตสิ ามารถยอ้ มสผี ้าให้ ติดทนนานโดยไม่มีสารเคมี เป็นพิษเจือปน อีกท้ังยังช่วย ในการรักษาโรคให้กับคนใน ชุมชนได้อีกด้วย เช่น ต้นหู กวาง นอกจากจะได้สีเขียว อ่อนในการย้อมผ้าแล้ว ใบหู ก ว า ง ท่ี ต้ ม แ ล้ ว ยั ง ส า ม า ร ถ นามารับประทานเป็นยาแก้ โรคกระเพาะได้อีกดว้ ย

หนว่ ย การ ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา (ชว่ั โมง) เรียนรู้ที่ ๓ การทอผ้า ๑ .ส า ม า ร ถ ท อ ผ้ า การทอผ้าน้ันต้องอาศัยฝีมือ ๑๒ ออกมาเป็นชิน้ งานได้ และความรคู้ วามชานาญของผู้ อย่างถกู ตอ้ ง ทอเป็นอย่างมาก เป็นงาน ศิ ล ป ะ ที่ มี อ ยู่ เ พี ย ง ช้ิ น เ ดี ย ว เ พ ร า ะ แ ต่ ล ะ ค น ที่ ท า แ ต่ ล ะ ขัน้ ตอน จะมีความแตกตา่ งกนั ๔ การออกแบบ ๑ .อ อ ก แ บ บ การสร้างสรรค์ถือเป็นทักษะที่ ๕ สร้างสรรค์ สร้างสรรค์งานของ สาคัญทักษะหนึ่งของผู้เรียน ผลติ ภัณฑ์ ตนเองจากผ้าทอได้ ซึ่งจะ ช่วย ให้ผู้เ รียน ได้ ใ ช้ ความ คิดจิ นตน ากา ร ขอ ง ตนเองให้ออกมาเป็นช้ินงาน โดยสามารถออกแบบได้อย่าง หลากหลาย ๕ การแปรรปู ผา้ ทอ ๑.สามารถนาผ้าทอ ผลิตภัณฑ์การแปรรูปจากผ้า ๘ เป็นผลติ ภัณฑ์ ม า ป ร ะ ยุ ก ต์ ทอนอกจากจะนามาตัดเย็บ ส ร้ า ง ส ร ร ค์ เ ป็ น แล้วยังสามารถแปรรูปเป็น ชนิ้ งานได้ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ เช่น ผ้า พัน คอ ก ระ เป๋ าดิ นส อ ผ้าเช็ดหน้า กล่องใส่กระดาษ ช า ร ะ ก ล่ อ ง ใ ส่ ข อ ง เอน กปร ะสง ค์ กล่อ งใ ส่ เคร่ืองประดับ กระเป๋าใส่มือ ถือ ผ้าปูโต๊ะ เป็นต้น รวม ๔o ช่วั โมง

๑o ภาคผนวก

ใบหกู วาง ๑๑ ใบฮ้อม การยอ้ มสฝี า้ ยจากสธี รรมชาติ

๑๒ การตากฝ้ายทย่ี ้อมสเี สรจ็ แล้ว การทอผ้าดว้ ยหูก

๑๓ ตวั อย่างผา้ ทอยอ้ มสธี รรมชาติ

๑๔ อ้างอิง ประชาคมวจิ ัย. แหล่งเรยี นร้ผู ้าทอยอ้ มสธี รรมชาติตน้ แบบ. สบื คน้ เมอ่ื ๑๘ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๔, จาก http://rescom.trf.or.th/display/keydefault.aspx?id_colum=3063 สมคิด (พระครสู ุจณิ นันทกจิ )จารณธมโม. (๒๕๔๖). กระบวนการพัฒนาผ้าฝ้ายยอ้ มสีธรรมชาติ กลมุ่ สตรี ทอผา้ ย้อมสธี รรมชาติบ้านโปง่ คา จังหวดั นา่ น. สืบค้นเมื่อ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔, จาก http://www.tnrr.in.th/?page=result_search&record_id=60928


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook