เคร่อื งรับวทิ ยุ AM
1. ภาค RF Converter เครื่องวทิ ยุแบบ Superheterodyne Receiver ภาค RF Converter เป็น ภาคแรกของเครื่องรับวิทยรุ ะบบ AM เมื่อดาเนินการในภาคน้เี สร็จแล้วจะส่ง สญั ญาณความถ่ี IF 455 kHz ใหก้ ับภาคขยาย IF ตอ่ ไป
1. ภาค RF Converter (ต่อ) องคป์ ระกอบของภาค RF Converter คือ 1. วงจรจูน (Tuned) 2. วงจรออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) 3. วงจรมกิ เซอร์ (Mixer) Tuned Mixer ไปยงั ภาค IF Oscillator
1. ภาค RF Converter (ตอ่ ) 1. วงจรจูน (Tuned) หรือวงจรแทงก์ หรือวงจรรโี ซแนนซ์ (Resonance) หมายถึงวงจรเลอื กรบั ความถ่ีทต่ี อ้ งการ เน่อื งจาก ระบบ AM ความถี่ยา่ น 525 kHz – 1605 kHz ประกอบด้วย สถานีวิทยุหลายสถานี ซงึ่ สร้างข้นึ มาเพื่อ เลือกความถีใ่ ดความถห่ี น่งึ ผา่ นวงจรจูนได้ ไมย่ อมให้ความถี่ทไ่ี มต่ ้องการผา่ น สามารถสรา้ งความถ่ีทตี่ อ้ งการได้
1. ภาค RF Converter (ต่อ)การเลือกรบั สถานีหรอื เลอื กรับความถี่ ในวงจรจูนจะนาไปเลือกรบั สถานวี ิทยุ ดงั นัน้ วงจรจูนจะต้องปรับค่าวงจรจนู ได้ วิธีการเปลย่ี นคา่ วงจรจูนมอี ยู่ 2 วธิ ี คือ LC LC(ก) C ปรบั คา่ ได้ L คงที่ (ข) L ปรบั ค่าได้ C คงที่
1. ภาค RF Converter (ตอ่ ) จากรูป (ก) วงจรจนู สามารถจะเปลีย่ นความถ่ีรีโซแนนซ์โดยให้คา่ L คงที่ เปล่ียนคา่ C ได้แก่ Variable เมอ่ื ปรบั Variableจะพบวา่ สถานีวิทยสุ ามารถเลอื กรักสถานีวทิ ยไุ ด้ จากรูป (ข) วงจรจนู สามารถจะเปลยี่ นความถี่รีโซแนนซ์โดยให้คา่ C คงท่ี เปลีย่ นคา่ L วงจรลักษณะนค้ี ือใชเ้ ลอื กรับสถานีวทิ ยุจะพบในวิทยุตดิ รถยนต์ เมือ่ เปล่ยี นค่า L วงจรก็เปลยี่ นความถี่ทีเ่ ลอื กรับได้
1. ภาค RF Converter (ต่อ)2. วงจรออสซิลเลเตอร์ (Oscillator) เป็นวงจรสร้างความถี่โดยอาศัยหลักการทางานของวงจรจูน หมายถึงวงจรท่ีประกอบด้วย L และ C โดยอาศัยหลักการตัวเก็บประจุถูกcharge และ dis- charge และส่งผลให้การทางานของขดลวดเกิดการเหนี่ยวนาสนามแม่เหล็กและหยุดการเหนี่ยวนาสลับกันไปมา คือสลบั กันทางานระหว่าง L และ C
1. ภาค RF Converter (ต่อ) การนาเอาความถี่ Oscillator ไปรวมกับ Mixzer จะนยิ มอยู่ 2 แบบ คือ 1. การนาเอาความถ่ี Oscillator ส่งไปยัง Mixzer ท่ีขา Emitter เม่ือวงจรออสซิลเลเตอร์ คือ Transistor (TR2) และ ������4 ������5 และ ������4 กาเนดิ ความถี่ Oscillator ได้แลว้ จะ Coupling ดว้ ย ������3 เขา้ สขู่ า Emitter ของภาค Mixzer ท่ี Transistorหมายเหตุ : Coupling Capacitor คือตวั เก็บประจุทใ่ี ช้ในการเชือ่ มโยง 2 วงจรเขา้ ด้วยกันดว้ ย
1. ภาค RF Converter (ตอ่ ) 2. การนาเอาความถี่ Oscillator ส่งไปยงั Mixzer ท่ีขา Bas ความถี่ Oscillator ถูกสร้างข้ึนท่ี ������4 ������5 และ ������3 จะ Coupling ผ่าน ������3 ผ่าน ������3 เข้าขา Bas ของ TR1 ส่วนความถี่จากวงจรจูน จะ Coupling จาก ������2 สู่ ������3 เข้าขา Bas ของ TR1 เช่นกนั
1. ภาค RF Converter (ตอ่ ) 3. วงจรมกิ เซอร์ (Mixer)
1. ภาค RF Converter (ต่อ) การดาเนนิ การของ (Mixer) 1. นาความถี่จาก 2 แหล่งมาผสมกนั Mixer = Oscillator + RF Ex. Oscillator 1455 kHz , RF = 1000 kHz Mixer = 2455 kHz 2. นาความถี่จาก 2 แหล่งมาหักลา้ งกัน หรอื beat Mixer = Oscillator - RF Ex. Oscillator 1455 kHz , RF = 1000 kHz Mixer = 455 kHz
2. ภาค IF Amplifier IF Amplifier Block
2. ภาค IF Amplifier (ต่อ) RF DetectorConverter IFT1 IFT2 IFT3 ภาคขยาย IF จะมี 2-3 ภาค ถ้ามีจานวน หลายภาคจะมีประสิทธภิ าพในการรับสูง ใน ระบบ AM ความถี่ IF คือ 455 kHz
2. ภาค IF Amplifier (ตอ่ ) อุปกรณ์ในภาค IF Amplifier คือ IF Transformer
2. ภาค IF Amplifier (ต่อ) ลกั ษณะการทางาน1. มปี ระสิทธิภาพในการเลอื กรบั สัญญาณ เปน็ การเลือกความถี่เพยี งความถ่ีเดยี ว คือ 455 kHz2. ขยายความถี่ IF ให้มีกาลังตามต้องการ3. ขยายดา้ นความกวา้ ง (Band width) คือ วงจรจะยอมให้ Bandwidth ผ่านไดต้ ลอด การส่งระบบ AM จะมี Band width เท่ากับ10 kHz โดยมี Side Band 2 ข้าง- Lower Side Band - Upper Side Band
2. ภาค IF Amplifier (ตอ่ ) การขยาย Band width คอื เพิม่ Resistor เขา้ ไปในวงจรจูน (Tune) คอื เพม่ิ เข้าไปใน IF Transformer เรียกวา่ Loading Resistor
2. ภาค IF Amplifier (ตอ่ ) ภาค IF Amplifier ชนดิ ใช้ Transitor
2. ภาค IF Amplifier (ตอ่ )IFT1 : IF Transformer1 เปน็ วงจรใหค้ วามถี่ Resonance ที่ 455 kHzโดยมีแกนเฟอร์ไรตป์ รบั แตง่ ใหไ้ ด้ความถี่ 455 kHz ผ่านได้ตามต้องการและยงั ทาหน้าที่ Coupling สัญญาณจากภาค RF Converter สู่ IFT1������4 : เปน็ Bas Bias ให้ Transistor ������������2������4 : เป็น By-pass ความถ่ีทไี่ มต่ ้องการทง้ิ ไป������������2 : เปน็ Transistor ขยายสัญญาณ IFT1������5 : เปน็ Emitter Bias รว่ มกบั ������5 ของ Transistor ������������2
2. ภาค IF Amplifier (ต่อ)IFT2 : IF Transformer2 ลกั ษณะจะเป็นวงจร Tune ความถ่ีResonance ที่ 455 kHz โดยมีแกนเฟอรไ์ รตป์ รับแตง่ ใหไ้ ดค้ วามถ่ี455 kHz ผา่ นได้ตามตอ้ งการและยังทาหน้าที่ Coupling สญั ญาณจาก IFT1 สู่ IFT2������6 ������7 : เป็น Bas Bias ให้ Transistor ������������3������8 : เปน็ By-pass ความถท่ี ไี่ ม่ตอ้ งการท้ิงไป������������3 : เปน็ Transistor ขยายสัญญาณ IFT2������8 : เป็น Emitter Bias ร่วมกบั ������8 ของ Transistor ������������2
2. ภาค IF Amplifier (ต่อ)IFT3 : IF Transformer3 ลกั ษณะจะเป็นวงจร Tune ความถ่ีResonance ที่ 455 kHz และยังทาหน้าท่ี Coupling สัญญาณจาก IFT2 สู่ Detecter������6 ������9 : เปน็ Capacitor ทาหน้าที่ Neutralization เนื่องจากวงจรขยาย IF นยิ มจัดวงจรให้มีอัตราขยายสัญญาณความถ่ี IF สูงมาก ซ่ึงการจัดอัตราขยายสูงมากนี้เอง ทาให้มีการเกิดออสซิลเลต(เป็นเสียงหวีดส่งไปขยายเสียงดังออกลาโพง) การลดอัตราขยาย IFโดยตอ่ เปน็ วงจร Negative Feedback
2. ภาค IF Amplifier (ตอ่ )
3. ภาค DetectorDetector คือ การตดั Carrier และ RF ออกไป เรียกวา่ By-passRF ลง ground จะพบว่าสญั ญาณส่วนท่เี หลือ คอื AF (Audiofrequency) หรือ Sound Signal เพื่อนาเอา AF ไปขยายในภาคขยายเสียงตอ่ ไป
3. Detector (ตอ่ ) Detector block diagram
3. ภาค Detector (ตอ่ ) การทางานของภาค Detector ความถ่ี 455 kHz เม่ือผ่านภาค Tune IF3 มาแล้วจะถูกส่งเข้า ภาคDetector หน้าท่ีของ ภาค Detector แบบ AM คือตัด สัญญาณความถ่ี IF ออกไปซีกหนึ่ง อาจเป็นซีกบวก หรืออาจเป็น ซีกลบก็ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบวงจร ส่งผ่านความถ่ี IF ซีก เดียวไปเข้าภาคกรองความถ่ี ทาการกรองเอาความถี่ 455 kHz ออกไปให้เหลื่อเฉพาะความถี่เสียง AF แล้วส่งต่อไปให้กับ 2 ภาค คือ ภาคขยายเสยี งและภาค AGC (automatic gain control)
3. ภาค Detector (ต่อ)การนา Diode มาทาหนา้ ที่ Detector มกี ารตอ่ Diode อยู่ 2 ลักษณะ1. Forward bias2. Reverse bias
3. ภาค Detector (ตอ่ ) วงจรภาค Detector ชนิดใช้ Diode
3. ภาค Detector (ตอ่ ) ������������������3 เป็นหมอ้ แปลง IF ตวั สุดท้ายกรองผา่ นความถ่ี IF = 455 kHz สง่ ไปให้ Diode Detector ������2 ������2 เป็น Diode Detector ทาหน้าท่ตี ัดสัญญาณความถี่ IF ออกไป ซีกหนึ่ง Diode ������2 ยอมให้สัญญาณความถี่ IF ซกี บวกผา่ นออก Out put สว่ นสญั ญาณความถ่ี IF ซกี ลบตดั ทงิ้ ไป การทางานของ Diode Detector เหมือนกับการทางานของ Diode Detector Rectifier โดยอาศยั คณุ สมบตั กิ าร bias
3. ภาค Detector (ตอ่ ) ������9, ������10, ������11 เป็นวงจรกรองความถี่ ทาหน้าท่ีกาจัดความถ่ี IF ท่ียงั ตดิ มากับสัญญาณ IF ซีกบวกออกไป ให้เหลือเฉพาะความถ่ี เสยี ง สง่ ต่อไปยังวงจรขยายเสียงและวงจร AGC
3. ภาค Detector (ตอ่ ) วงจรภาค Detector ชนดิ ใช้ Diode
3. ภาค Detector (ตอ่ )������������������3 เปน็ หมอ้ แปลง IF ตวั สุดทา้ ย กรองผา่ นความถี่ IF = 455 kHzส่งไปให้ Transistor Detector ������2������2 เปน็ Transistor Detector ถกู จดั วงจรแบบเบสร่วม (CommonBase) การ Detector สญั ญาณความถ่ี IF ทาไดท้ ่ขี า E และขา Bเสมือนขา E เปน็ ขา (K) cathode และขา B เปน็ ขา (A) anode ทาการตัดสัญญาณความถี่ IF ซีกลบทง้ิ ไป เหลอื เฉพาะสัญญาณความถ่ี IFซีกบวก ส่งต่อไปใหว้ งจรกรองความถี่
3. ภาค Detector (ต่อ)������9, ������10, ������11 เปน็ วงจรกรองความถี่ ทาหนา้ ท่ีกาจัดความถี่ IF ท่ยี งัติดมากบั สัญญาณ IF ซีกบวกออกไป ให้เหลอื เฉพาะความถ่เี สยี ง ส่งต่อไปยัง ������������1 เพื่อส่งตอ่ ไปวงจรขยายเสียง������������1 ทาหนา้ ท่รี ับสัญญาณเสียงทจ่ี า่ ยมาจากวงจรกรองความถี่ และปรบั ระดับของสญั ญาณเสียงตามต้องการส่งไปให้วงจรขยายเสยี งหรอื เรยี กวา่ Volume Control������10 ทาหน้าทีจ่ ากดั ระดบั แรงดัน Bias จา่ ยให้ ������4 และทาหนา้ ที่เป็นLoad รับแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงชว่ งบวกป้อนให้วงจร AGC
3. ภาค Detector (ต่อ) ������12 ทาหนา้ ทส่ี ง่ ผ่านสญั ญาณความถเ่ี สยี งไปใหว้ งจรขยายเสยี ง ������13 ทาหนา้ ที่กรองความถ่ี IF ท่ผี า่ นลง Ground
4. ภาค AGC
4. ภาค AGC (ตอ่ ) การทางานของ ภาค AGC ความถ่ี IF ซีกบวกที่ผ่านภาค Detector มาแล้ว ถูกส่งไป ภาคกรองความถ่ีกาจัดความถี่ IF ทิ้งไปเหลือเฉพาะความถ่ีเสียงที่ส่ง ต่อไปให้ภาคขยายเสียง และภาค AGC สัญญาณเสียงที่ส่งมาเข้า ภาค AGC นั้นจะถกู ภาค AGC แปลงสญั ญาณเสียงใหเ้ ป็นแรงดันไฟ ตรง ชว่ งบวก ส่งต่อไปจ่ายเป็นแรงดัน Bias หักล้างกับแรงดัน Bias เดิม ท่ีมีอยู่ของภาคขยาย IF1 ให้มีระดับแรงดัน Bias เปล่ียนแปลง ลดลง
4. ภาค AGC (ตอ่ ) ถ้าความถี่ IF เข้ามาที่ภาคขยาย IF1 มีความแรงมาก ทา ให้ไดสัญญาณเสียงส่งออกมาจากภาคกรองความถ่ีมาก ภาค AGC แปลงเป็นแรงดันไฟกระแสตรง ส่งไปหักล้างแรงดัน Bias ของ ภาคขยาย IF1 มาก แรงดัน Bias ท่ีเหลือจ่ายให้ภาคขยาย IF1 ลดลง ภาคขยาย IF1 ลดอตั ราการขยายสัญญาณความถ่ี IF ลง
4. ภาค AGC (ต่อ) ในทางตรงข้ามถา้ ความถี่ IF เขา้ มาท่ีภาคขยาย IF1 มคี วามแรงน้อย ทาใหไ้ ดส้ ญั ญาณเสียงสง่ ออกมาจากภาคกรองความถนี่ อ้ ยภาค AGC แปลงเปน็ แรงดันไฟกระแสตรง ส่งไปหักล้างแรงดนั Biasของภาคขยาย IF1 แรงดนั Bias ท่เี หลอื จา่ ยใหภ้ าคขยาย IF1 เม่ือภาคขยาย IF1 เพ่ิมอัตราขยายสญั ญาณความถี่ IF มากข้ึน จากสภาวะการทางานดงั กล่าวชว่ ยควบคมุ ให้ไดร้ ะดับความแรงของสัญญาณเสยี งมคี ่าใกล้เคียงกันทกุ สถานี
4. ภาค AGC (ตอ่ )
4. ภาค AGC (ตอ่ ) ������10 เป็นตวั ต้านทานในภาค AGC ทาหนา้ ท่ลี ดทอนระดับความ แรงของสัญญาณเสียง (AF) ท่ตี ่อมาจากวงจรกรองความถ่ีให้มคี า่ ความแรงระดบั หน่ึง เพ่อื ป้อนไปหักล้างการประจุแรงดันของ ������4 ������4 ทาหนา้ ทร่ี บั แรงดันมาประจไุ ว้ในตัว แรงดนั จา่ ยมา 2 สว่ น ส่วนแรกแรงดันลบจากแหลง่ จา่ ยแรงดัน −������������������ สว่ นท่สี องแรงดัน บวกไฟกระเพ่อื มของสัญญาณเสียง (AF)
5. ภาคขยายเสียง เรยี นตอนทา้ ยบท
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: