อรยิ สจั : มรรค : พระสทั ธรรม 3 หลกั สทั ธรรม 3 พระสทั ธรรม หมายถงึ ธรรมอนั ด,ี ธรรมทแี่ ท,้ ธรรมของสตั บรุ ษุ หรอื หลกั ศาสนา ประกอบดว้ ย 1. ปรยิ ตั ตสิ ทั ธรรม หมายถงึ สทั ธรรมคอื คาสง่ั สอนอนั จะตอ้ งเลา่ เรยี น ไดแ้ กพ่ ทุ ธพจน์ 2. ปฏปิ ตั ตสิ ทั ธรรม หมายถงึ สทั ธรรมคอื ปฏปิ ทาอนั จะตอ้ งปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่ มรรคมอี งค์ 8 หรอื ไตรสกิ ขา คอื ศลี สมาธิ ปัญญา 3. ปฏเิ วธสทั ธรรม หมายถงึ สทั ธรรมคอื ผลอนั จะพงึ เขา้ ถงึ หรอื บรรลุ ดว้ ยการปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่ มรรค ผล และนพิ พาน ในหลกั ของพระสทั ธรรม น่ันกค็ อื ปรยิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิ และปฏเิ วธ ซงึ่ พออธบิ าย โดยสงั เขปดงั น้ี 1. ปรยิ ตั ิ ไดแ้ ก่ การศกึ ษาเลา่ เรยี นพระธรรมวนิ ัย นับเป็ นองคป์ ระกอบ สาคญั โดยความเป็ นพนื้ ฐานของการปฏบิ ตั ิ และการ ศกึ ษาเลา่ เรยี นปรยิ ัตธิ รรมนัน้ เป็ นการศกึ ษาภาคทฤษฎี คอื การศกึ ษาธรรมวนิ ัยให ้ มคี วามรพู ้ นื้ ฐานอยา่ งแจม่ แจง้ เขา้ ใจตามหลกั ธรรมทตี่ นเองไดศ้ กึ ษา เพอื่ ใหเ้ กดิ ความกระจา่ งแจง้ วา่ คาสอนของพระพทุ ธองคท์ จ่ี ดั เป็ นธรรมบทนัน้ บทนว้ี า่ ดว้ ย เรอ่ื งอะไร ถา้ ผเู ้ รยี นจะนอ้ มนาเอาธรรมคาสงั่ สอนมาปฏบิ ตั เิ พอ่ื เป็ นแนวทางหรอื แสงประทปี แหง่ ชวี ติ จะทาอยา่ งไรและเมอ่ื ปฏบิ ตั ติ าม แลว้ จะไดผ้ ลอยา่ งไร เป็ นตน้ ซง่ึ ถอื วา่ เป็ นหลกั การเบอื้ งตน้ ของการศกึ ษาทาง พระพทุ ธศาสนา เรยี กวา่ ปรยิ ตั ิ 2. ปฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่ การนอ้ มนาเอาหลกั ธรรมคาสอนทไี่ ดเ้ รยี นรูใ้ นทาง ภาคทฤษฎนี ัน้ มาสภู่ าคการปฏบิ ตั ิ คอื นามาประพฤตปิ ฏบิ ตั จิ รงิ ๆ เพอื่ เป็ นการอบรม กาย วาจา และใจ กลา่ วอกี นัยหนง่ึ กค็ อื นาเอาหลกั ธรรมทเี่ รยี นรแู ้ ลว้ นัน้ มาเป็ น แนวทางหรอื ปทัฏฐานแหง่ ชวี ติ ใหเ้ หมาะสมกบั ฐานะของตน เรยี กวา่ ปฏบิ ตั ิ 3. ปฏเิ วธ ไดแ้ ก่ ผลของการปฏบิ ตั ธิ รรมนัน้ เชน่ พระพทุ ธเจา้ พระ ปัจเจกพทุ ธเจา้ พระอรหนั ตสาวก และพระอรยิ บคุ คล เป็ นตน้ ผไู ้ ดร้ บั ผลแหง่ การ ปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ทาใหย้ กฐานะจากปถุ ชุ นธรรมดาขน้ึ มาเป็ นพระอรยิ บคุ คล การบรรลุ ธรรมชนั้ นัน้ ๆ ตามภมู ธิ รรมทตี่ นปฏบิ ตั นิ ัน้ ไมม่ ใี ครมายกยอ่ งหรอื แตง่ ตงั้ ให ้ แต่ การยกฐานะดงั กลา่ วเป็ นไปโดยอตั โนมตั ิ หรอื กลา่ วอกี นัยหนงึ่ ก็คอื ฐานะหรอื ตาแหน่งแหง่ อรยิ เจา้ นัน้ ไมม่ กี ารแตง่ ตงั้ ให ้ จะรไู ้ ดด้ ว้ ยตนเอง เรยี กวา่ ปฏเิ วธ หลกั พระสทั ธรรม 3 เป็ นแนวทางในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นเพอื่ การ ดารงชวี ติ ทด่ี มี คี วามสขุ จงึ เป็ นหนทางแหง่ ความพน้ ทกุ ข์ (มรรค)
อรยิ สจั : มรรค : ปัญญาวฒุ ธิ รรม 4 ปญั ญาวฒุ ธิ รรม 4 (virture conductive to growth in wisdom) ปัญญาวฒุ ธิ รรม หมายถงึ ธรรมเป็ นเครอ่ื งเจรญิ หรอื คณุ ธรรมทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ความเจรญิ งอกงามแหง่ ปัญญา เป็ นธรรมทผ่ี ปู ้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั แิ ลว้ มคี วาม เจรญิ กา้ วหนา้ ในชวี ติ ประกอบดว้ ย 1. สปั ปรุ สิ สงั เสวะ หมายถงึ การคบหาสตั บรุ ษุ หรอื เสวนาทา่ นผรู ้ ผู ้ ทู ้ รงคณุ เหมอื นกบั คากลา่ วทวี่ า่ “คบบณั ฑติ บณั ฑติ พาไปหาผล” การทค่ี บหากบั ทา่ นผรู ้ ู ้ จะทาใหม้ คี วามคดิ ทด่ี ี ใชส้ ตปิ ัญญาไปในทางทชี่ อบธรรมก็จะมคี วาม เจรญิ กา้ วหนา้ ในชวี ติ คาวา่ สตั บรุ ษุ หมายถงึ คนสงบ คนดี คนมศี ลี ธรรม 2. สทั ธมั มสั สวนะ หมายถงึ ฟังสทั ธรรม การเอาใจใสศ่ กึ ษาเลา่ เรยี น การ คน้ หาความรคู ้ วามจรงิ บคุ คลผทู ้ าตนใหเ้ จรญิ จะตอ้ งมกี ารศกึ ษาเลา่ เรยี น แสวงหา ความรคู ้ วามจรงิ อยตู่ ลอดเวลา ไมย่ อ่ ทอ้ 3. โยนโิ สมนสกิ าร หมายถงึ การคดิ อยา่ งถกู วธิ ี การคดิ อยา่ งแยบคาย ดงั นัน้ วธิ คี ดิ แบบโยนโิ สมนสกิ ารเป็ นการฝึกการใชค้ วามคดิ ใหร้ จู ้ กั คดิ อยา่ งถกู วธิ ี คดิ อยา่ งมรี ะเบยี บ รจู ้ กั คดิ วเิ คราะห์ ไมม่ องเห็นสงิ่ ตา่ ง ๆ อยา่ งตน้ื ๆ ผวิ เผนิ เป็ น ขนั้ สาคญั ของการสรา้ งปัญญาทบี่ รสิ ทุ ธเ์ิ ป็ นอสิ ระ 4. ธมั มานธุ มั มปฏบิ ตั ิ หมายถงึ การปฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธ่ รรม หรอื การ ปฏบิ ตั ธิ รรมใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั คอื การปฏบิ ตั ทิ ส่ี อดคลอ้ งพอดตี ามขอบเขต ความหมายและวัตถปุ ระสงคท์ ส่ี มั พันธก์ บั ธรรมขอ้ อนื่ ๆ หรอื การนาสง่ิ ทไ่ี ดศ้ กึ ษา เลา่ เรยี นและคดิ พจิ ารณาดแี ลว้ หรอื ตรติ รองเห็นแลว้ ไปใชป้ ฏบิ ตั ใิ หถ้ กู ตอ้ งตาม หลกั ตามความมงุ่ หมายของสงิ่ นัน้ ๆ
อรยิ สจั : มรรค : พละ 5 พละ 5 (power) พละ หมายถงึ ธรรมอนั เป็ นกาลงั เป็ นธรรมทม่ี กี าลงั ในการปกป้องคมุ ้ ครอง จติ ใจไมใ่ หอ้ กศุ ลเขา้ มาครอบงาได ้ หรอื เป็ นเกราะป้องกนั จติ ไมใ่ หก้ ระทาในสง่ิ ท่ี ไมด่ ไี มง่ ามทัง้ หลาย ประกอบดว้ ย 1. สทั ธาพละ (confidence power) หมายถงึ พลงั คอื ความเชอ่ื คอื เชอ่ื ในสง่ิ ทค่ี วรเชอ่ื เชอื่ อยา่ งมเี หตผุ ล เมอ่ื ความเชอื่ เกดิ ขน้ึ ในใจแลว้ ยอ่ มมพี ลงั ใน การทากศุ ล ตอ่ ตา้ นอกศุ ลมใิ หเ้ ขา้ มารบกวนจติ ใจได ้ จติ ใจก็ไมต่ กอยภู่ ายใตค้ วาม ชว่ั รา้ ยทงั้ หลาย เชน่ เชอื่ วา่ ทาดไี ดด้ ี ทาชว่ั ไดช้ ว่ั ก็เป็ นพลงั ใหเ้ ราทาความดี เป็ น ตน้ 2. วริ ยิ พละ (energy power) หมายถงึ พลงั คอื ความเพยี ร การเพยี ร ระวังไมใ่ หค้ วามชว่ั หรอื บาปอกศุ ลเกดิ ขน้ึ ในใจ เพยี รลด ละ เลกิ ตอ่ ความชวั่ ทัง้ หลาย เพยี รทาความดแี ละเพยี รรกั ษาความดใี หค้ งอยแู่ ละเพม่ิ พดู งอกงามยง่ิ ๆ ขน้ึ ไปความเพยี รนจี้ งึ เป็ นพลงั ในการตอ่ ตา้ นอกศุ ลกรรมอนั เป็ นปฏบิ ตั ติ ่อความ เกยี จครา้ นทเ่ี ขา้ มารบกวนจติ ใจไดเ้ ป็ นอยา่ งดี 3. สตพิ ละ (mindfulness power) หมายถงึ พลงั คอื ความระลกึ ได ้ การ มสี ตคิ อื การระลกึ ไดก้ อ่ นคดิ กอ่ นพดู กอ่ นทาอะไรกต็ าม เป็ นคณุ ธรรมทท่ี าใหเ้ กดิ ความรอบคอบ ไมห่ ลงลมื ไมห่ ลงไหล ไมล่ มื ตวั บคุ คลประกอบกจิ การใด ๆ โดย ใชส้ ตเิ ป็ นผกู ้ ากบั แลว้ ก็จะไมเ่ กดิ ความผดิ พลาดไดง้ ่าย ดงั นัน้ สตจิ งึ เป็ นพลงั ตอ่ ตา้ นไมใ่ หบ้ คุ คลเกดิ ความประมาท ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ ความผดิ พลาด หรอื เกดิ อบุ ตั เิ หตตุ า่ ง ๆ ได ้ 4. ปญั ญาพละ (wisdom power) หมายถงึ พลงั คอื ปัญญา คาวา่ ปัญญาคอื ความรอบรู ้ ความรแู ้ จง้ ความรจู ้ รงิ คอื รวู ้ า่ อะไรควรทาไมค่ วรทา อะไร ผดิ อะไรถกู เป็ นตน้ เมอื่ มคี วามรอบรเู ้ กดิ ขน้ึ ปัญญาจงึ เป็ นพลงั ตอ่ ตา้ นความหลง ความโงเ่ ขลา มใิ หเ้ กดิ ขนึ้ กบั จติ ใจได ้ พลธรรม 5 อยา่ งน้ี เรยี กอกี อยา่ งหนง่ึ วา่ อนิ ทรยี ์ 5 หมายถงึ ธรรมทเ่ี ป็ น ใหญใ่ นกจิ การของตน ทเี่ รยี กวา่ อนิ ทรยี ์ เพราะความหมายวา่ เป็ นใหญใ่ นการ กระทาหนา้ ทแี่ ตล่ ะอยา่ ง ๆ ของตน คอื เป็ นเจา้ การในการครอบงาเสยี ซงึ่ ความไม่ เชอ่ื ความเกยี จครา้ น ความประมาท ความฟ้งุ ซา่ น และความหลง ความโงเ่ ขลา ตามลาดบั ทเ่ี รยี กวา่ พละ เพราะความหมายวา่ เป็ นพลงั ทาใหเ้ กดิ ความมนั่ คงซง่ึ ความเชอื่ ความเกยี จครา้ น ความประมาท ความฟ้งุ ซาน และความหลงในทส่ี ดุ ดงั นัน้ การดาเนนิ ตามหลกั พลธรรม 5 จงึ เป็ นหนทางแหง่ ความพน้ ทกุ ขอ์ กี แนวทาง หนง่ึ
อรยิ สจั : มรรค : อบุ าสกธรรม 5 อบุ าสกธรรม 5 (qualities of an excellent lay disciple) อบุ าสกธรรม หมายถงึ ธรรมของอบุ าสกทดี่ ี สมบตั หิ รอื องคค์ ณุ ของอบุ าสก อยา่ งเยย่ี ม คอื การเป็ นอบุ าสกจะตอ้ งปฏบิ ตั ธิ รรม 5 ประการจดั วา่ เป็ นอบุ าสกทดี่ ี ประกอบดว้ ย 1. มศี รทั ธา มคี วามเชอื่ ตามหลกั ธรรมคาสอนของพระพทุ ธศาสนา มคี วาม เชอ่ื ตอ่ พระรัตนตรยั และประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ น ตามความเชอื่ เหลา่ นัน้ 2. มศี ลี คอื การปฏบิ ตั ติ นอยใู่ นศลี ธรรมอนั ดตี ามหลกั พระพทุ ธศาสนา เชน่ การปฏบิ ตั ติ ามหลกั ศลี 5 เป็ นตน้ 3. ไมถ่ อื มงคล ตน่ื ขา่ ว เชอ่ื กรรม ไมเ่ ชอื่ มงคล คอื มงุ่ หวงั ผลจากการ กระทาและการงานทท่ี า มใิ ชห่ วงั ผลจากโชคลางและตนื่ ตอ่ สง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธข์ิ องขลงั ทัง้ หลาย 4. ไมแ่ สวงหาทกั ขไิ ณยภ์ ายนอก หลกั คาสอนนี้ คอื ไมแ่ สวงหาเขตบญุ นอกหลกั พระพทุ ธศาสนา 5. กระทาความสนบั สนนุ ในพระศาสนานเี้ ป็ นเบอื้ งตน้ คอื ขวนขวายใน การอปุ ถมั ภบ์ ารงุ พระพทุ ธศาสนา
อรยิ สจั : มรรค : มงคล 38 : สงเคราะหบ์ ตุ ร สงเคราะหบ์ ตุ ร ในการอบรมเลย้ี งดบู ตุ ร โดยหลักพน้ื ฐานเรม่ิ จากบดิ ามารดาเป็ นหวั หนา้ ครอบครัว เป็ นผนู ้ า และเป็ นผสู ้ อ่ งแสงสวา่ งใหก้ บั บตุ รธดิ า ทา่ นยกใหบ้ ดิ ามารดา เป็ นเหมอื นทศิ ตะวนั ออก คอื ทศิ ท่ี พระอาทติ ยข์ น้ึ ซง่ึ มคี วามสาคญั มาก คอื ดวงอาทติ ยข์ น้ึ มาก็สอ่ งแสงสวา่ ง นาทางการดาเนนิ ชวี ติ ของคนและสตั วท์ ัง้ หลาย ดงั นัน้ ชวี ติ ของลกู บดิ ามารดาก็เป็ นแบบอยา่ งและใหแ้ สงสวา่ ง คอื ใหค้ วามรู ้ ความเขา้ ใจ แนะนาวธิ กี ารดาเนนิ ชวี ติ และใหแ้ มแ่ ตช่ วี ติ ของลกู พระพทุ ธเจา้ ทรง แสดงฐานะของพอ่ แมไ่ วว้ า่ 1. เป็ นพระพรหม เป็ นผใู ้ หก้ าเนดิ เป็ นผสู ้ รา้ งชวี ติ ใหก้ บั ลกู แลว้ ก็เป็ นผเู ้ ลย้ี งลกู 2. เป็ นบรู พาจารยข์ องลกู คอื เป็ นครอู าจารยค์ นแรก สอนทกุ อยา่ งทใี่ ชใ้ นการดาเนนิ ชวี ติ หรอื เป็ นพนื้ ฐานในการดาเนนิ ชวี ติ ได ้ด้ ว้ ยตนเองตอ่ ไป 3. เป็ นอาหไุ นยบคุ คลของลกู หมายถงึ บดิ ามารดาเป็ นอรหันตข์ องลกู คอื มคี ณุ ธรรม มี จติ ใจทบี่ รสิ ทุ ธติ์ อ่ ลกู รักลกู ดว้ ยใจจรงิ ไมม่ อี ะไรเคลอื บแฝง ในฐานะทเ่ี ป็ นบดิ ามารดา พงึ รจู ้ ัก บตุ ร 3 ประเภท และใหก้ ารศกึ ษาอบรมใหเ้ ป็ นบตุ รชนดิ ที่ ดที ส่ี ดุ คอื 1) อภชิ าตบตุ ร คอื บตุ รทยี่ งิ่ กวา่ บดิ ามารดา ดเี ลศิ กวา่ บดิ ามารดา 2) อนชุ าตบตุ ร คอื บตุ รทต่ี ามเยย่ี งอยา่ งบดิ ามารดา เสมอดว้ ยบดิ ามารดา 3) อวชาตบตุ ร บตุ รทต่ี า่ ลงกวา่ บดิ ามารดา เสอ่ื มทรามทาลายวงศต์ ระกลู และบดิ ามารดาพงึ อนุเคราะหบ์ ตุ รธดิ าตามหลกั ปฏบิ ตั ใิ นฐานะทบี่ ดิ ามารดาเป็ นเสมอื น “ทศิ เบอื้ ง หนา้ ดงั น้ี 1) หา้ มปรามป้ องกนั จากความชว่ั บดิ ามารดาตอ้ งคอยอบรมสงั่ สอน ตกั เตอื น และ สอดสอ่ งดแู ลและป้องกนั ไมใ่ หล้ กู ของตนเองมคี วามประพฤตปิ ฏบิ ตั ไิ ปในทางทไี่ มด่ ี ไม่ เหมาะสม และหลกี หนจี ากความชว่ั ทัง้ ปวง 2) ดแู ลฝึ กอบรมใหล้ กู ตงั้ อยใู่ นความดี บดิ ามารดามคี วามรักความปรารถนาดตี อ่ ลกู อยา่ งเปี่ยมลน้ การอบรมสง่ั สอนตกั เตอื นจงึ เป็ นหนา้ ทห่ี ลักของบดิ ามารดา โดยหวงั ใหล้ กู มี ความประพฤตปิ ฏบิ ตั ไิ ปในทางทดี่ ที งี่ ามมคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ในชวี ติ และปรารถนาใหล้ กู มี ความสขุ ในชวี ติ ในทส่ี ดุ 3) ใหศ้ กึ ษาศลิ ปวทิ ยา บดิ ามารดาปรารถนาใหล้ กู มคี วามรู ้ มวี ชิ าชพี ตดิ ตวั สามารถนาเอา ความรใู ้ นวชิ าชพี ไปประกอบอาชพี ไดซ้ ง่ึ เพยี งหวงั ใหล้ กู สามารถพง่ึ ตนเอง และสรา้ งฐานะของ ตนเองและครอบครัว ใหม้ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ตลอดไป ไมใ่ ชห่ วงั พงึ่ บดิ ามารดาตลอดไป ซง่ึ หากบดิ ามารดาเสยี ชวี ติ ลกู ๆก็ไมส่ ามารถจะพงึ่ พงิ ตนเองได ้ ดังนัน้ บดิ ามารดาจงึ สง่ เสรมิ ลกู ของ ตนเองใหไ้ ดร้ ับการศกึ ษาในระดบั ทส่ี งู ขน้ึ ไป เรอื่ ย ๆ 4) เป็ นธุระในเรอ่ื งจะมคี คู่ รองทสี่ มควร บดิ ามารดาคอยใหค้ าแนะนาสง่ั สอนลกู เกย่ี วกับ การเลอื กคคู่ รองใหถ้ กู ตอ้ ง และเหมาะสม รวมทัง้ ใหล้ กู ปฏบิ ตั ติ ามจารตี ประเพณีของสงั คม ไมค่ ดิ ชงิ สกุ กอ่ นหา่ ม หมายถงึ ไมม่ เี พศสมั พันธก์ ับคคู่ รองของตนเองกอ่ นวยั อนั ควร หรอื กอ่ นทจี่ ะแตง่ งานกนั เป็ นตน้ 5) มอบทรพั ยส์ มบตั ใิ หเ้ มอื่ มโี อกาส การมอบทรัพยส์ มบตั ใิ หล้ กู ตามโอกาสอนั เหมาะสม เชน่ ชว่ ยเหลอื โดยมอบทรัพยส์ มบัตใิ หล้ กู ในขณะทกี่ าลงั ตัง้ ตัว หรอื เรมิ่ ตน้ ชวี ติ คเู่ พอื่ เป็ นทนุ ทรัพยใ์ นการดาเนนิ ชวี ติ ครอบครัวในอนาคตและการมอบมรดกเป็ นพนิ ัยกรรมใหก้ ับลกู ๆ อยา่ งยตุ ธิ รรม เมอื่ บดิ ามารดาเสยี ชวี ติ แลว้
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: