สตั วน์ ้า(Aquatic) สตั วน์ ้า (องั กฤษ: aquatic animal) หมายถงึ สตั วท์ อ่ี าศยั ในน้า หรอื มวี งจรชวี ติ สว่ นหน่ึงอยใู่ นน้าหรอื อาศยั อยใู่ นบรเิ วณทน่ี ้าท่วมถงึ เช่น ปลา กงุ้ ปู แมงดาทะเล หอย เตา่ ตะพาบน้า จระเข้ รวมทงั้ ไขข่ อง สตั วน์ ้านนั้ สตั วน์ ้าจาพวกเลย้ี งลกู ดว้ ยนม ปลงิ ทะเล ฟองน้า หนิ ปะการงั กลั ปังหา และสาหรา่ ยทะเล ทงั้ น้ี รวมทงั้ ซากหรอื สว่ นหน่ึงสว่ น ใดของสตั วน์ ้าเหลา่ นนั้ และหมายความรวมถงึ พนั ธไุ์ มน้ ้า ตามทไ่ี ดม้ ี พระราชกฤษฎกี าระบชุ ่อื
การจดั กล่มุ สัตว์นา้ กลุ่มสตั วน์ ้าจดื ๑) ปลา ประกอบดว้ ยปลาทเ่ี ลย้ี งไวเ้ พ่อื บรโิ ภคเน้ือเป็นอาหาร เช่น ปลาช่อน ปลาหมอ ปลาดกุ ปลานิล ปลาไน ปลาทบั ทมิ ปลาแรด ปลาบู่ ฯลฯ สว่ นปลาทเ่ี ลย้ี งไวเ้ พ่อื ความสวยงามความเพลดิ เพลนิ เช่น ปลา คารฟ์ ปลาตะพดั ปลากดั ปลาหางนกยงู ปลาสอดปลาหมอสี ฯลฯ ๒) กงุ้ กงุ้ น้าจดื ทม่ี ขี นาดใหญ่ทส่ี ดุ และนิยมเลย้ี งกนั มากทส่ี ุดคอื กงุ้ กา้ มกรามหรอื กงุ้ แมน่ ้าซง้ึ จะพบกงุ้ ชนิดน้ีไดต้ ามบรเิ วณแมน่ ้าทม่ี ี อาณาเขตตดิ ต่อกบั ทะเล เชน่ แมน่ ้าเจา้ พระยา แมน่ ้าบางปะกง รวมทงั้ แมน่ ้าตราด ทะเลสาบสงขลา โดยจะอาศยั ตามผดิ หน้าดนิ ในแมน่ ้าทม่ี ี ทางไหลตดิ ตอ่ กบั ทะเล กงุ้ กา้ มกรามจงึ เป็นสตั วส์ องน้า ๓) หอย หอยน้าจดื ทเ่ี ลย้ี งกนั ทวั ่ ไปไดแ้ ก่ หอยขม แตไ่ มแ่ พรห่ ลาย มากนกั นอกจากนนั้ ยงั มกี ารทดลองเลย้ี งหอยกาบเพอ่ื ผลติ มกุ น้าจดื ซง้ึ ประสบผลสาเรจ็ ไดไ้ ขม่ กุ สชี มพสู วยงาม แตต่ น้ ทุนในการเลย้ี งสงู เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั การนาเขา้ ไขม่ กุ น้าจดื จากประเทศจนี และพมา่
กลมุ่ สตั วน์ ้าเคม็ ๑) ปลา ปลาน้าเคม็ ทน่ี ิยมเลย้ี งในกระชงั ตามชายฝัง่ ทะเลหรอื ป่าชาย เลนเพ่อื บรโิ ภคเป็นอาหารไดแ้ ก่ ปลากะรงั หรอื ปลาเก๋า ปลากระพงขาว ปลากระบอก ปลาทู ฯลฯ ซง้ึ ปลาทูจดั เป็นปลาน้าเคม็ ทส่ี ามารถนามา เพาะเลย้ี งในบ่อได้ สว่ นปลาน้าเคม็ ทเ่ี ลย้ี งไวเ้ ป็นปลาสวยงาม เช่น ปลา การต์ ูน ปลาสนิ สมทุ ร ปลาสงิ โต ฯลฯ ๒) กงุ้ กงุ้ น้าเคม็ ทน่ี ิยมเลย้ี งกนั มากทส่ี ดุ เน่ืองจากเป็น สนิ คา้ ออกทส่ี าคญั ของไทยมอี ยู่ ๒ ชนิดคอื กงุ้ กลุ าดาและกงุ้ แชบ๊วย ซง้ึ เลย้ี งกนั มากในภาคใตแ้ ละภาคตะวนั ออก ๓) หอย หอยเป็นทน่ี ิยมเลย้ี งและนิยมบรโิ ภคกนั มาก ไดแ้ ก่ หอยแมลงภู่ หอยแครง หอยนางรม หอยตะโกรม หอยมกุ เป็น ตน้ ในการบรโิ ภคหอยเป็นอาหารควรระมดั ระวงั เรอ่ื งสารพษิ ทอ่ี าจมี สะสม อยใู่ นตวั หอย เน่ืองจากหอยเป็นสตั วท์ ก่ี นิ อาหารโดยวธิ กี รอง ทาให้ สามารถสะสมสารพษิ ไดง้ า่ ย ทงั้ ตะกวั ่ ปรอท แคดเมยี ม และสารเคมี กาจดั ศตั รพู ชื หากน้าทใ่ี ชเ้ ลย้ี งมสี ารพษิ เหลา่ น้ีปนเป้ือนนอกจากน้ีเช่อื โรคต่างๆทท่ี าใหเ้ กดิ การเลย้ี งหอยจงึ ตอ้ งพถิ พี ถิ นั เร่อื งน้า และสถานท่ี เลย้ี งตอ้ งหา่ งไกลโรงงานอตุ สาหกรรมต่างๆ ๔) ปู ปทู น่ี ิยมเลย้ี งกนั ทวั ่ ไปคอื ปทู ะเล ซง่ึ นิยมเลย้ี ง ตามชายฝัง่ ป่าชายเลนในภาคใตแ้ ละภาคตะวนั ออกในปัจจบุ นั ไดพ้ ฒั นา รปู แบบการเลย้ี งโดยใชเ้ ทคโนโลยที าใหป้ ลู อกคราบแล้วนาไปจาหน่าย ในรปู ของ ปนู ่ิม ซง้ึ ขายไดร้ าคาดเี ป็นทน่ี ิยมบรโิ ภคกนั
ปลาทะเลลึก (Deep sea fish) ปลาทะเลลึก (องั กฤษ: Deep sea fish) คอื ปลาทพ่ี บไดใ้ นทะเลลกึ และ แสงแดดส่องไมถ่ งึ จากการสารวจปลาทะเลลกึ นนั้ จะมจี านวนคดิ เป็น 2% จากสาย พนั ธแ์ ละสง่ิ มชี วี ติ ในทะเลทงั้ หมดโดยพวกมนั จะอาศยั อยู่ในกน้ สมทุ รทม่ี ดื มดิ โดยทวั่ ไปปลาทะเลลกึ จะพบอยู่ไดต้ งั้ แต่ความลกึ 1,000-4,000 เมตรหรอื บางชนดิ อาจอยูไ่ ดล้ กึ ถงึ 4,000-6,000 เมตร ปลาทเ่ี รอื งแสงไดส้ ว่ นใหญ่จะพบในระดบั ความ ลกึ ประมาณ 200-1,000 เมตร ระดบั ความลกึ ทม่ี อี อกซเิ จนน้อยมากจะอยู่ทร่ี ะดบั 700-1,000 เมตรแตก่ ข็ น้ึ อย่กู บั สถานทน่ี นั้ ดว้ ยว่ามแี หลง่ ผลติ ออกซเิ จนหรอื ไม่ ซง่ึ จากความลกึ ของสถานทแ่ี หง่ นนั้ มที งั้ ความมดื มดิ และหนาวเยน็ ถงึ 3 องศาเซลเซยี ส จนถงึ -1.8 องศาเซลเซยี ส อกี ทงั้ ยงั มแี รงกดดนั ของน้าจานวนมหาสารขนาดความ ดนั ระหว่าง 20 ถงึ 1,000 เทา่ ของบรรยากาศ (ระหวา่ ง 2 ถงึ 100 megapascals)จงึ เป็นสถานท่ี ๆ ยากต่อการสารวจ ปลาทะเลลกึ นนั้ จะมกี ารปรบั ตวั ใหใ้ ชพ้ ลงั งานน้อยลง ขนาดเลก็ ลง มปี ากและ กระเพาะขนาดใหญ่ มกี ารเรอื งแสงเพอ่ื หลอกล่อเหย่อื ซง่ึ แตกต่างจากปลาผวิ น้าแต่ ถงึ อย่างนนั้ โครงสรา้ งทางกายภาพเชน่ การหายใจ ขบั น้า การหายใจยงั คงเหมอื น ปลาทะเลแตจ่ ะมกี ารววิ ฒั นาการแปลก ๆ เพ่อื ใหพ้ วกมนั สามารถดารงชวี ติ อยไู่ ดแ้ ต่ ถงึ อยา่ งนนั้ ทะเลลกึ กย็ งั มแ่ี หล่งอาหารจากปลอ่ งแบบน้ารอ้ นและซากสตั ยจ์ ากทะเล ดา้ นบน
สตั วท์ ะเลอนั ตรายที่ควรจะระวงั ไว้ ปลาสเตอเจีย้ นลาย ปลาสเตอเจ้ียนลายน้นั คือปลาสวยงามแห่งอินโด-แปซิฟิ กที่ควรจะระวงั ไวเ้ พราะครีบหางของมนั มีพิษ ดอกไมท้ ะเลสีเหลือง เม่อื คณุ เหน็ เจา้ น้ีในทะเล คุณกอ็ าจจะอยากวา่ ยเขา้ ไปสมั ผสั กบั สงิ่ ทด่ี เู หมอื นดอกไม้ สวยงามน้ี แต่ระวงั ล่ะ เพราะดอกไมท้ ะเลสเี หลอื งนนั้ เป็นญาตกิ บั สตั วม์ พี ษิ อย่างปะการงั และแมงกะพรุน เจา้ น้มี หี นามพษิ ทถ่ี กู ใชใ้ นการจม้ิ เหยอ่ื ท่วี า่ ยน้าผา่ นมาซง่ึ ทาใหเ้ หย่อื ขยบั ไมไ่ ดแ้ ละถกู จบั เอาเขา้ ปากอยา่ งงา่ ยดาย ปลาไหลมอเรย์ ปลาไหลมอเรยค์ อื ปลาทะเลสวยๆทร่ี า้ ยกาจไม่เบา ถา้ เจา้ น้ีอยากจะงาบใครแลว้ ขอบอก ไดเ้ ลยวา่ เลอื ดโชกแน่เพราะปลาไหลมอเรยน์ นั้ มฟี ัน 2 เซท็ ซง่ึ ฟันทเ่ี ซท็ ท่ี 2 นนั้ ตงั้ อยู่ ภายในคอหอยของมนั และมหี น้าทใ่ี นการจบั และสง่ เหยอ่ื เขา้ ทอ้ ง ความสามารถแปลกน้ที าให้ ปลาไหลมอเรยส์ ามารถกนิ เหยอ่ื ขนาดใหญ่กวา่ ตวั ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งอา้ ปากกวา้ งๆ ซง่ึ น้จี ะเป็น ประโยชน์มากเม่อื เจา้ ปลาไหลอาศยั อย่ใู นรแู สนแคบ
ฉลามขาวยกั ษ์ ใครๆกค็ งจะรวู้ า่ ตาแหน่งเจา้ แหง่ ทะเลคงจะหนีไม่พน้ ฉลามขาวยกั ษ์ เจา้ ปลานกั ลา่ ขนาด ใหญ่ทส่ี ุดในโลกน้สี ามารถหนกั ไดถ้ งึ 2,270 กก.และยาวไดถ้ งึ 6 เมตร บวกกบั ฟันอกี 300 ซท่ี ถ่ี กู ใชใ้ นการงาบสงิ โตทะเล, แมวน้า, วาฬมฟี ันขนาดเลก็ , เตา่ ทะเล, และซาก สตั ว์ เหตกุ ารณ์ฉลามขาวยกั ษโ์ จมตมี นุษยน์ นั้ เกดิ ขน้ึ ถงึ 33 ครงั้ ต่อปี แตส่ ่วนมาก แลว้ เหยอ่ื มกั จะรอดตาย ปลาคางคกหอยนางรม เจา้ ปลานกั พรางตวั ตามพน้ื ทะเลน้เี ป็นอนั ตรายพอกบั หน้าตาของมนั เจา้ ปลาหวั ใหญ่เกนิ ขนาดน้สี ามารถกระเทาะเปลอื กหอยแตกไดด้ ว้ ยขากรรไกรและฟันแขง็ แรง พวกมนั กนิ หอย นางรม, ป,ู กุง้ , หมกึ กลว้ ย, ปลาและสตั วท์ ะเลอน่ื เป็นอาหาร ถงึ แมว้ า่ เจา้ น้จี ะดนู ่า กลวั ปลาคางคกหอยนางรมตวั ผนู้ นั้ กม็ นี สิ ยั อ่อนโยนไมเ่ บา โดยคุณพ่อปลานนั้ จะคอย ปกป้องรงั และลกู ๆในชว่ งอาทติ ยแ์ รกของชวี ติ ปลาเขม็ อินโดนีเซีย ปลาเขม็ เป็นปลาทพ่ี บไดท้ วั่ ไปตามพน้ื ผวิ น้าในมหาสมุทรเขตรอ้ นและกง่ึ เขตรอ้ น พวกมนั สามารถกระโดดขน้ึ มาจากน้าไดซ้ ง่ึ อาจจะเป็นอนั ตรายตอ่ คนโชครา้ ยทบ่ี งั เอญิ ไปโผลห่ น้าอยู่ ในทางบนิ ถงึ เหตกุ ารณ์ปลาเขม็ จม้ิ คนนนั้ จะเกดิ ไมบ่ ่อย คนโชครา้ ยทโ่ี ดนนนั้ กอ็ าจจะ บาดเจบ็ สาหสั หรอื ตายได้
ปลาหมกึ ( SQUID ) หมึก หรือท่นี ิยมเรียกกนั วา่ ปลาหมึกเป็นสัตวท์ ะเลทีไ่ ม่มีกระดูกสนั หลงั ทมี่ ีขนาดใหญ่ เคลื่อนที่ ไดร้ วดเร็ว และวอ่ งไว มีหนวดรอบปาก 4-5 คู่ บนหนวดมีป่ ุมดูดเรียงเป็ นแถว มีหนา้ ทจี่ บั เหยอ่ื ป้อนเขา้ ปาก เป็นสัตวท์ ่มี ีอยใู่ นไฟลมั มอลลสั กา ช้นั เซฟาโลพอดซ่ึงเป็นช้นั ของสตั วท์ ม่ี ีลาตวั อ่อนน่ิม ช้นั ยอ่ ย Coleoidea ตา่ งจากกลุ่มสัตวท์ ีใ่ กลเ้ คยี งกนั คอื Nautiloidea ซ่ึงมีเปลือกแขง็ ห่อหุม้ ภายนอกร่างกาย แตห่ มึกส่วนใหญ่กลบั มีกระดูกหรือเปลือกอยภู่ ายในเพื่อใชป้ ระโยชน์ในการเป็ นทุ่นหรือพยงุ ร่างกาย ซ่ึงเรียกวา่ ลิน้ ทะเล ยงั มีบางชนิดทีไ่ ม่มีกระดูก แต่มีกระดูกอ่อนทดแทนเพ่อื ใชใ้ นการ พยงุ โครงสร้างร่างกาย หมกึ ววิ ฒั นาการมาจากมอลลสั กา ในปลายยคุ แคมเบรยี น หรอื ราว 500 ลา้ นปีกอ่ น แต่ กระนนั้ หมกึ และหอยในยคุ ปัจจุบนั น้ี กย็ งั มรี ะบบทางรา่ งกายหลายอย่างเหมอื นกนั กลา่ วคอื ระบบทางเดนิ อาหาร, ปาก, ฟัน และกลา้ มเน้อื แบบแมนเทลิ ปัจจุบนั ไดม้ กี ารคน้ พบหมกึ แลว้ วา่ 1,000 ชนิด ชนิดทใ่ี หญ่ทส่ี ุด คอื หมกึ มหมึ า (Mesonychoteuthis hamiltoni) ซง่ึ เป็นหมกึ ในอนั ดบั หมกึ กลว้ ย อาศยั อยใู่ นหว้ งน้าลกึ ของมหาสมทุ รแอตแลนตกิ อาจยาวไดถ้ งึ 14 เมตร นบั เป็นสตั วท์ ไ่ี ม่มกี ระดกู สนั หลงั ทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในโลกอกี ดว้ ย และเลก็ ทส่ี ดุ มขี นาดไมเ่ กนิ 1 เซนตเิ มตรดว้ ยซา้ เชน่ หมกึ ในวงศ์ Idiosepiidae เป็นตน้
ปลาเหาฉลาม ปลาเหาฉลาม หรือ ปลาเหา หรือ ปลาเหาทะเล หรือ ปลาตดิ เป็นปลาทะเลปลากระดูกแขง็ ใน วงศ์ Echeneidae ในอนั ดบั ปลากะพง (Perciformes) ลกั ษณะทวั่ ไป ลาตวั ยาว หวั เรยี วแหลม ดวงตาสามารถกลอกกลง้ิ ไปมาเพอ่ื ชาลองมองไดโ้ ดยรอบ ดา้ นบน แบนราบมอี วยั วะทใ่ี ชส้ าหรบั ดดู ตดิ ซง่ึ พฒั นามาจากครบี หลงั มจี านวน 22-27 ซ่ี มคี วามยาว ประมาณ 1 ใน 4 ของความยาวลาตวั คอดหางเลก็ แตแ่ ขง็ แรงทาใหว้ า่ ยน้าไดด้ ี ถงึ แมว้ า่ จะ ชอบเกาะตดิ ไปกบั ปลาอ่นื กต็ ามมแี ถบสดี าขนาดใหญ่พาดตามยาวลาตวั หลงั และทอ้ งมสี เี ทา เขม้ ลกั ษณะคลา้ ยกบั ปลาชอ่ นทะเล ทช่ี อบวา่ ยตามปลาขนาดใหญ่เชน่ กนั ความแตกต่างของ ปลาสองชนดิ น้อี ย่ตู รงทด่ี า้ นบนของหวั ปลาชอ่ นทะเลไม่มอี วยั วะสาหรบั ดดู ตดิ มขี นาดโต เตม็ ทป่ี ระมาณ 60 เซนตเิ มตร
ปลากระเบน ปลากระเบน คอื ปลากระดูกอ่อนจาพวกหน่ึงทอ่ี ยใู่ นช้นั ยอ่ ยอีลาสโมแบรนชิ ไอ (Elasmobranchii) ในอนั ดบั ใหญท่ ใี่ ชช้ ่ือวทิ ยาศาสตร์วา่ Batoidea หรือ Rajomorphii มปี ระมาณ 400 ชนิด พบไดท้ งั้ น้าจดื สนิท, น้ากรอ่ ย และทะเล มรี ปู ร่างแบนราบ ครบี ทงั้ หมด อยชู่ ดิ ตดิ กบั ลาตวั ดา้ นขา้ ง มที ่อน้าออก 1 คู่ อย่ดู า้ นหลงั ของหวั ซง่ึ ทาหน้าทใ่ี หน้ ้าผา่ นเขา้ ทางเพอ่ื ไหลเวยี นผา่ นเหงอื กเพ่อื การหายใจ ซง่ึ จะไมไ่ หลเวยี นผา่ นปากซง่ึ อย่ดู า้ นล่างลาตวั เหมอื นปลากระดกู อ่อนหรอื ปลากระดกู แขง็ จาพวกอ่นื หากนิ บรเิ วณพน้ื น้า ในปากไม่มฟี ัน แหลมคมเหมอื นปลาฉลาม ดงั นนั้ การกนิ อาหารจงึ คอ่ ยเป็นค่อยไป ดว้ ยการเคย้ี วอยา่ งชา้ ๆ ซง่ึ อาหารส่วนมากกไ็ ดแ้ ก่ หอย, กงุ้ , ปหู รอื ปลาขนาดเลก็ ตามพน้ื น้า เป็นส่วนใหญ่ แบ่งออกไดเ้ ป็น 4 อนั ดบั (ดใู นตาราง) ซง่ึ กแ็ บ่งออกไดเ้ ป็นหลายวงศ,์ หลายสกลุ ขนาด แตกตา่ งหลากหลายไปตามสกลุ และชนดิ กระจายไปตามเขตอบอ่นุ ทวั่ โลก เชน่ วงศป์ ลา กระเบนธง (Dasyatidae) รปู ร่างค่อนขา้ งกลม จะงอยปากแหลม หางยาวคลา้ ยแส้ มี เงย่ี งแหลมคม ทม่ี พี ษิ บรเิ วณโคนหาง 1-2 ชน้ิ ทเ่ี มอ่ื หกั ไปแลว้ สามารถงอกใหมไ่ ด้, วงศป์ ลา กระเบนนก (Myliobatidae) มสี ่วนหวั โหนก ครบี ดา้ นขา้ งแยกออกจากสว่ นหวั เหน็ ได้ ชดั เจน และครบี ขยายออกดา้ นขา้ งเสมอื นกบั ปีกของนกปลายแหลม ใชส้ าหรบั วา่ ยน้าใน ลกั ษณะโบกโบยเหมอื นนกบนิ ในทะเล ส่วนปลากระเบนไฟฟ้า พบเฉพาะในทะเล มขี นาดเลก็ มรี ปู ร่างต่างไปจากปลากระเบนจาพวกอ่นื ๆ ทโ่ี คนหางไมม่ เี งย่ี ง และสามารถผลติ ไฟฟ้าเพอ่ื ป้องกนั ตวั และล่าเหย่อื ไดด้ ว้ ย
วถิ ชี วี ติ ของสัตว์นำ้ 1. สัตว์ทอี่ าศัยอยู่ในเขตนา้ ขึน้ นา้ ลง ตามปกติแลว้ ระดบั น้าของทะเลจะมีการเปล่ียนแปลงเป็ น ประจาทกุ วนั คือ วนั ละ คร้ังหรือสองคร้ัง เน่ืองจากอิทธิพลของดวงจนั ทร์และดวงอาทติ ย์ โดย เราทราบไดจ้ ากการสงั เกตในเวลาทีม่ ี น้าข้นึ -น้าลง ตามชายฝั่งหรือตามเกาะต่างๆโดยทวั่ ไป บริเวณเขตน้าข้นึ -น้าลง จะมีส่ิงมีชีวติ นานาชนิดอาศยั อยมู่ ากมาย ซ่ึงจะแตกต่างกนั ไปตาม ลกั ษณะของบริเวณเขตน้าข้ึน-น้าลง และส่ิงมีชีวติ เหล่าน้ีส่วนใหญ่จะมีความทนทานตอ่ สภาพแวดลอ้ มทีม่ ีการเปลี่ยนแปลงอยตู่ ลอดเวลา ตามแอ่งน้าข้นึ -น้าลงจะพบ กุง้ หอยนางรม ปูเสฉวน เม่นทะเล ดอกไมท้ ะเล ดาวทะเล
2. สัตว์ท่อี าศัยอยู่ในแนวปะการัง บริเวณแนวปะการังนบั เป็นแหล่งทม่ี ีความอุดมสมบูรณ์แห่ง หน่ึงของทะเล เพราะสัตวท์ ะเลหลายชนิดอาศยั บริเวณน้ีเป็ นทีอ่ ยอู่ าศยั เป็นท่หี ลบซ่อนภยั และ เป็นแหล่งอาหาร นอกจากน้ีแลว้ ยงั ใชเ้ ป็นท่ีสาหรับผสมพนั ธุ์ วางไข่ และเจริญเติบ โตของสัตว์ ตวั อ่อนอีกดว้ ย สาหรับปลาท่อี าศยั อยใู่ นบริเวณน้ีส่วนใหญ่จะเป็ นปลาทม่ี ีขนาดเลก็ และมีสีสนั สวยงาม เช่น ปลาการ์ตนู ปลาเขียวพระอินทร์ และปลาผเี ส้ือ
3.สัตว์ทอี่ าศัยอย่บู ริเวณหญ้าทะเล แหล่งหญา้ ทะเลเป็นที่อยอู่ าศยั และที่หา อาหารเพอ่ื การเจริญเติบโตของกุง้ หอย ปู ปลานานาชนิดท่ีมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ และมีคุณคา่ ตอ่ ความสมดุลของระบบนิเวศน์ ขณะเดียวกนั ยงั เป็นแหล่งหลบภยั ศตั รูจากผลู้ ่า ดงั น้นั จึงเป็นแหล่งท่ีเหมาะสาหรับการวางไข่ การอนุบาลของสตั ว์ ทะเลวยั อ่อน เช่น ปลาเก๋า ปู กุง้ ทะเลหลายชนิด และนอกจากน้นั หญา้ ทะเลยงั เป็นอาหารหลกั ของพะยนู อีกดว้ ย
ระบบนิเวศใต้ทะเล ระบบนิเวศทางทะเล (องั กฤษ: Marine ecosystem) เป็นระบบนิเวศท่มี ีขนาดใหญ่ทสี่ ุดในโลก ของระบบนิเวศในแหล่งน้าทุกชนิด ซ่ึงรู้จกั กนั ดีในพ้ืนท่ี มหาสมุทร, กลุ่มดินเคม็ และ เขตน้า ข้ึน-น้าลง, ปากแม่น้า และ ทะเลสาบน้าเคม็ , ป่ าโกงกาง และ แนวปะการัง, ทะเลน้าลึก และ สัตว์ ทะเลหนา้ ดิน สามารถเทยี บไดก้ บั แหล่งน้าจดื ซ่ึงมีปริมาณเกลือเขม้ ขน้ กวา่ ระบบนิเวศทางทะเล ครอบคลุมพ้ืนที่ 3 ใน 4 ส่วนของโลก ซ่ึงถือไดว้ า่ สิ่งมีชีวติ ที่เป็นพชื ไดส้ นบั สนุนกนั และกนั กบั สัตว์ ในทางกลบั กนั เราอาจจะมองเห็นห่วงโซ่อาหารไดห้ ลากหลายอยา่ ง ระบบนิเวศทางทะเล มีความสาคญั มากตอ่ สมดุลโดยรวมของนิเวศบนบก และในน้า, ตามท่ี ศนู ยว์ จิ ยั ทรัยากรณ์โลก ไดร้ ะบุวา่ เพียงบริเวณชายฝ่ังทะเลเพียงอยา่ งเดียว มีปริมาณความ หลากหลายทางชีวภาพสูงถึง 1 ใน 3 ส่วนของโลก (เช่น บงึ เกลือ หญา้ ทะเล ป่ าชายเลน) จดั อยใู่ น ประเภทผผู้ ลิตที่มีปริมาณมากทสี่ ุดในภูมิภาค, ในระบบนิเวศทางทะเลอ่ืนๆ เช่น แนวปะการัง ก็ ยงั เป็นแหล่งท่ีอยขู่ องส่ิงมีชีวติ อีกมากมาย
ประเภทของระบบนิเวศ - ชมุ ชนหาดทราย เป็นบรเิ วณทไ่ี ม่เหมาะกบั การอาศยั ของสง่ิ มชี วี ติ ในทะเลทวั่ ไป เพราะมสี ภาพแวดลอ้ มทร่ี นุ แรง สงิ่ มชี วี ติ จงึ มกี ารปรบั ตวั ดงั น้ีมผี วิ เรยี บ ลาตวั แบนราบกบั พน้ื ทราย เพ่อื สะดวกแกก่ ารแทรกตวั หนลี งทราย เชน่ หอยตา่ งๆ เหรยี ญทะเล ลดขนาดของส่วน ต่างๆ ลง ลดขนาดของร่างกายลง เพอ่ื ตา้ นทานกบั ทรายทถ่ี กู คลน่ื ซดั เป็นประจา เชน่ ปู ทน ความแหง้ แลง้ ไดด้ เี คลอ่ื นไหวไดอ้ ย่างรวดเรว็ เพ่อื สามารถหลบหลกี ศตั รไู ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ชอบ ฝังตวั หรอื ขดุ รอู ยใู่ นทราย
- ชุมชนหาดหิน เป็ นบริเวณที่ประกอบไปดว้ ยหินเป็ นส่วนใหญ่ สิ่งมีชีวติ มีการปรับตวั ดงั น้ี มีความคงทน และทนทานต่อการเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิ โดยจะมีสาร เคลือบพวก เจลลาติน รักษาความช้ืนและป้องกนั การระเหยของน้าสามารถดูดซึมน้าเอาไว้ ใชเ้ วลาน้าลงได้ เช่น พวกไลเคนมีสารหุม้ ตวั เพ่อื ช่วยในการ แลกเปลี่ยนกา๊ ซไดด้ ี
- ชมุ ชนแนวปะการงั ประกอบดว้ ยปะการงั หลายชนิด มี รปู ร่างต่างๆ กนั ประกอบดว้ ย แคลเซยี มคารบ์ อเนต (CO3) ซง่ึ การสรา้ งปะการงั จะมมี ากหรอื น้อยขน้ึ อย่กู บั อณุ หภมู แิ ละแสงสวา่ ง บรเิ วณทม่ี แี สงมากจะมี ปะการงั มาก เพราะปะการงั สว่ นใหญ่เจรญิ ไดด้ เี มอ่ื อยรู่ วมกบั สาหร่าย ปะการงั สบื พนั ธุไ์ ดโ้ ดยการแตกหน่อเชอ่ื มตดิ กนั
มลพิษทางทะเล ทะเลและชายฝัง่ นอกจากจะเป็นแหล่งผลติ ปลาและสตั วน์ ้าอ่นื ๆ อกี หลายชนดิ ทเ่ี ป็นอาหารของ คนไทยแหลง่ ใหญแ่ หล่งหน่งึ แลว้ ยงั เป็นแหล่งทรพั ยากรธรรมชาตทิ ม่ี คี วามหลากหลายและมี คณุ คา่ มากมาย แตใ่ นปัจจบุ นั แหล่งทรพั ยากรชายฝัง่ ของทะเลไทยเสอ่ื มโทรมอยา่ งมาก ทงั้ น้อี าจ เน่อื งมาจากทะเลเป็นแหลง่ สดุ ทา้ ยทข่ี องเสยี จากแหลง่ ตา่ งๆ ซง่ึ ถูกพดั มาตามลาน้าแลว้ สะสมกนั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ บรเิ วณอา่ วไทย ซง่ึ มแี มน่ ้าทส่ี าคญั ถงึ สส่ี ายไหลไปรวมกนั คอื แมน่ ้าเจา้ พระยา แมน่ ้าทา่ จนี แมน่ ้าแมก่ ลอง และแมน่ ้าบางประกง และยงั มสี าเหตสุ าคญั มาจากการพฒั นาดา้ นเศรษฐกจิ อยา่ งรวดเรว็ บรเิ วณ ชายฝัง่ สง่ ผลใหม้ กี ารใชท้ รพั ยากรอยา่ งฟุ่มเฟือย โดยไมค่ านึงถงึ ความเสอ่ื มโทรทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ กบั ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม โดยเฉพาะการนาเทคโนโลยแี ละวทิ ยาการตา่ งๆ มาใชใ้ นการดาเนนิ กจิ กรรมในภาคการเกษตร อุตสาหกรรม พาณชิ ยกรรม และการทอ่ งเทย่ี ว ซง่ึ การเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ ก่อใหเ้ กดิ ปัญหาจน เกดิ เป็นมลพษิ ทางทะเลน้าทะเลเสอ่ื มคณุ ภาพ และยงั สรา้ งความเสยี หายตอ่ พชื และสตั วท์ อ่ี ยอู่ าศยั ในทะเลและบรเิ วณชายฝัง่ และความเสยี หายทเ่ี กดิ ขน้ึ น้กี ส็ ง่ ผลยอ้ นกลบั มายงั มนุษยใ์ นดา้ นตา่ งๆ เช่นดยี วกนั ไมว่ ่าจะเป็นผลกระทบดา้ นเศรษฐกจิ การท่องเทย่ี ว ผลกระทบดา้ นสขุ ภาพ หรอื อาจ สง่ ผลใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ ทางสงั คม เป็นตน้ มลพษิ ทางทะเล หมายถงึ การทม่ี นุษยน์ าเอาสง่ิ ตา่ งๆ ลงสสู่ งิ่ แวดลอ้ มในทะเล เช่นน้าเสยี ขยะ ไม่ วา่ จะโดยจงใจหรอื ไม่ หรอื จะโดยทางตรงหรอื ทางออ้ ม เมอ่ื การกระทานนั้ ก่อใหเ้ กดิ ผลเสยี ต่อ สง่ิ มชี วี ติ เป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพอนามยั ของมนุษย์ หรอื การทาใหค้ ณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มในทะเล เสอ่ื มล และทาใหค้ ณุ คา่ ทางสนุ ทรยี ภาพลดลง
แหลง่ กาเนิดมลพษิ มลพษิ ทางทะเลเกดิ จากการพฒั นาอยา่ งต่อเน่อื งของอุตสาหกรรมและชมุ ชนเมอื งต่างๆ และ การเปลย่ี นแปลงลกั ษณะการใชท้ ด่ี นิ บรเิ วณชายฝัง่ ทะเล เชน่ การเปลย่ี นพน้ื ทก่ี ารเกษตรไป เป็นพน้ื ทอ่ี ุตสาหกรรม การเปลย่ี นป่าชายเลนไปเป็นนากงุ้ ทาใหส้ งิ่ แวดลอ้ มทางทะเลเสอ่ื ม โทรมอยา่ งรวดเรว็ โดยมแี นวโน้มจะทวคี วามรนุ แรงมากขน้ึ ในอนาคต แหล่งกาเนิดมลพษิ ดงั กล่าวสามารถแบ่งประเภทไดด้ งั น้ี . แหล่งกาเนิดมลพิษจากชายฝัง่ ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ปัญหามากทส่ี ุดคอื ชมุ ชน สถานทท่ี ่องเทย่ี ว และแหลง่ อ่นื ๆ ทส่ี าคญั ไดแ้ ก่ อุตสาหกรรม เกษตรกรรม ท่าเรอื ซง่ึ ส่วนใหญ่จะตงั้ อยบู่ รเิ วณชายฝัง่ ทะเล และรมิ ฝัง่ แมน่ ้าท่ี ไหลลงสทู่ ะเล ซง่ึ กจิ กรรมจากชายฝัง่ ดงั กลา่ ทาใหท้ รพั ยากรธรรมชาตบิ รเิ วณชายฝัง่ และใน ทะเลเสอ่ื มโทรมลง แหล่งกาเนิดมลพิษในทะเล เกดิ จากกจิ กรรมในทะเลทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาสงิ่ แวดลอ้ มทางทะเลไดแ้ ก่ การเดนิ เรอื การทา ประมง และทา่ เทยี บเรอื บรเิ วณชายฝัง่ ทาใหท้ ะเลมกี ารปนเป้ือนของน้ามนั ทร่ี วั่ ไหล นอกจากน้ี การขดุ ร่องน้า การขดุ เจาะกา๊ ซธรรมชาติ และการทาเหมอื งแร่ในทะเลกอ่ ใหเ้ กดิ การฟุ้งกระจาย และเกดิ การปนเป้ือนของสารมลพษิ รวมทงั้ ปรากฏการณ์น้าเปลย่ี นสี ซง่ึ ทาให้ น้าทะเลเกดิ การเน่าเสยี และเป็นอนั ตรายตอ่ สตั วน์ ้า
แนวทางปอ้ งกนั มลพษิ ทางทะเล การตดิ ตามตรวจสอบคุณภาพน้าทะเล เพื่อทราบสถานการณ์ของคุณภาพน้าทะเล และสถานการณข์ องมลพิษทางทะเลทมี่ ีการ เปลี่ยนแปลงไป นอกจากน้ียงั นาขอ้ มูลท่ไี ดม้ าใชใ้ นการกาหนดมาตรฐานคุณภาพน้าทะเลชายฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณทีม่ ีคุณภาพน้าทะเลเส่ือมโทรม และจดั ทามาตรการการจดั การมลพษิ ทางทะเล กรมควบคุมมลพิษไดด้ าเนินการสารวจคุณภาพน้าทะเลชายฝ่ังทะเลทว่ั ประเทศเป็ นประจาทกุ ปี โดยเฉพาะบริเวณท่ีคุณภาพน้าทะเลมีแนวโนม้ เส่ือมโทรม จะมีการตดิ ตามตรวจสอบหลายคร้ัง ตอ่ ปี ข้นึ อยกู่ บั ความรุนแรงของสถานการณ์เพอ่ื คน้ หาแหล่งกาเนิดมลพษิ และควบคุมให้มีการ ปฏิบตั ติ ามกฎหมาย จดั ทาแผนปฏิบตั ิการฟื้ นฟคู ณุ ภาพแหล่งน้าและน้าทะเลชายฝัง่ ในการป้องกนั และแกไ้ ขความเสอ่ื มโทรมของแหลง่ น้าสว่ นใหญ่มกั จะเกดิ ขน้ึ ในบรเิ วณ ตอนลา่ งของแมน่ ้าหรอื บรเิ วณชายฝัง่ กรมควบคุมมลพษิ ไดด้ าเนนิ การศกึ ษาโครงการการ จดั การคณุ ภาพน้าและจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารในพน้ื ทล่ี ุม่ น้าภาคตะวนั ออก และลมุ่ น้าภาคใต้ และโครงการจดั การคุณภาพน้าและจดั ทาแผนปฏบิ ตั กิ ารจดั การมลพษิ ทางน้าในเขตชมุ ชน และกจิ กรรมจากชมุ ชน ซง่ึ มผี ลกระทบตอ่ คณุ ภาพน้าบรเิ วณตอนลา่ งของแม่น้าและชายฝัง่ ทะเล โครงการดงั กลา่ ว จะชว่ ยในการพจิ ารณาจดั ทาแผนการกอ่ สรา้ งระบบบาบดั น้าเสยี ชมุ ชนพรอ้ มทงั้ เสนอมาตรการตา่ งๆ ในการลดปรมิ าณมลพษิ แหลง่ อตุ สาหกรรมและ เกษตรกรรม
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: