ประวตั คิ วามเป็นมา กีฬาวอลเลยบ์ อล (Volleyball) นนั้ ถือกาเนิดขนึ้ ตงั้ แต่ปี ค.ศ.1895 (พ.ศ. 2438) โดย นายวลิ เลียม จี. มอรแ์ กน (William G. Morgan) ผอู้ านวยการฝ่ายพลศกึ ษาของสมาคม Y.M.C.A. (Young Men's Christian Association) ประเทศสหรฐั อเมรกิ า ท่ีตอ้ งการมกี ีฬาสาหรบั เลน่ ในชว่ งฤดหู นาวแทนกีฬากลางแจง้ เพ่อื ออกกาลงั กายและพกั ผอ่ นหยอ่ นใจยามหมิ ะตกโดย นายวิลเลยี ม จี. มอรแ์ กน เกิดไอเดียในการพฒั นากีฬาวอลเลยบ์ อลขนึ้ ขณะท่ีเขากาลงั น่งั ดเู ทนนิสและเลอื กนาเอาตาข่ายกลางสนามของกีฬาเทนนสิ มาเป็น สว่ นประกอบในกีฬาท่เี ขาคดิ คน้ และเลอื กใชย้ างในของลกู บาสเก็ตบอล มาเป็นลกู บอลท่ใี ชต้ โี ตต้ อบกนั ไปมา แต่ยาง ในของลกู บาสเกต็ บอลกลบั ใหน้ า้ หนกั เบาจนเกินไป จงึ เปล่ยี นไปใชล้ กู บาสเกต็ บอล แทน ซงึ่ ลกู บาสเก็ตบอลก็มขี นาดใหญแ่ ละนา้ หนกั มากจนเกินไปอีก เขาจงึ ส่งั ทาลกู บอล ขนึ้ มาใหมโ่ ดยเฉพาะ ในขนาดเสน้ รอบวง 25-27 นิว้ และกาหนดนา้ หนกั ไวท้ ่ี 8- 12 ออนซ์ จากนนั้ จงึ ตงั้ ชื่อกีฬาชนิดนีว้ า่ มินโทเนตต์ (Mintonette) ต่อมา ช่ือของ มนิ โทเนตต์ (Mintonette) ถกู เปลี่ยนเป็น วอลเลยบ์ อล (Volleyball) หลงั ไดร้ บั คาแนะนาจาก ศาสตราจารย์ อลั เฟรด ที เฮลสเตด (Professor Alfred T. Helstead)ในงานประชมุ สมั มนาผนู้ าทางพลศกึ ษา ท่ีวิทยาลยั สปรงิ ฟิลด์ (Spring-field College) เม่อื ปี ค.ศ.1896 (พ.ศ.
2439) และกลายเป็นกีฬายอดนิยมในหม่ปู ระชาชนชาวอเมรกิ นั จนแพรห่ ลาย ออกไปท่วั โลก รวมทงั้ มีการปรบั ปรุงและพฒั นาอยเู่ ป็นระยะ สนามแข่งขนั จะตอ้ งเป็นพนื้ ไมห้ รอื พนื้ ปนู ท่มี ีลกั ษณะเรยี บ ไม่มสี ิ่งกีดขวาง - เป็นรูปสเี่ หลี่ยมผืนผา้ กวา้ ง 9 เมตร ยาว 18 เมตร ความสงู จากพนื้ ประมาณ 7 เมตร มบี รเิ วณโดยรอบห่างจากสนามประมาณ 3 เมตร - แตห่ ากเป็นสนามมาตรฐานในระดบั นานาชาติ กาหนดใหร้ อบสนามหา่ งจากสนาม ประมาณ 5 เมตร ดา้ นหลงั ห่าง 8 เมตร และมคี วามสงู 12.5 เมตร - เสน้ รอบสนาม (Boundary lines) ทกุ เสน้ จะตอ้ งกวา้ ง 5 เซนตเิ มตร เป็นสี ออ่ นตดั กบั พนื้ สนาม มองเหน็ ไดช้ ดั เจน - เสน้ แบง่ เขตแดน (Center line) ทอ่ี ย่ตู รงกลางสนาม จะตอ้ งอยใู่ ตต้ าขา่ ย หรอื ตรงกบั เสาตาข่ายพอดี ผเู้ ลน่ ในทมี จะตอ้ งมผี เู้ ลน่ ไมเ่ กิน 12 คน ผฝู้ ึกสอน 1 คน ผชู้ ่วยผฝู้ ึกสอน 1 คน เทรนเนอร์ 1 คน และแพทย์ 1 คน
- ผเู้ ลน่ จะลงเลน่ ในสนามไดค้ รงั้ ละ 6 คน โดยแบง่ ออกเป็นหนา้ ตาข่าย 3 คน และ ดา้ นหลงั อกี 3 คน - สามารถเปลย่ี นตวั ผเู้ ลน่ ครง้ั ละก่คี นกไ็ ด้ โดยผเู้ ลน่ เดมิ ท่ถี กู เปลย่ี นออก สามารถ เปลยี่ นกลบั มาเลน่ ในสนามไดอ้ กี - การแต่งกายในชดุ แขง่ ขนั ตอ้ งแต่งกายเหมอื นกนั ทงั้ ทมี ประกอบไปดว้ ย เสอื้ สวม คอ กางเกงขาสน้ั ถงุ เทา้ และรองเทา้ ผา้ ใบพนื้ ยางท่ีไม่มสี น้ - โดยผเู้ ลน่ แตล่ ะคนจะตอ้ งตดิ หมายเลขกากบั ไวท้ ่ีเสอื้ กาหนดใหใ้ ชเ้ ลข 1-18 เทา่ นนั้ สาหรบั หวั หนา้ ทีมจะตอ้ งมีแถบผา้ ขนาด 8x2 เซนตเิ มตร ตดิ อยใู่ ตห้ มายเลข บรเิ วณอกเสอื้ ดว้ ย วิธีการเลน่ - ทมี ท่ีไดเ้ สิรฟ์ จะตอ้ งใหผ้ เู้ ลน่ ทอ่ี ยใู่ นตาแหนง่ ขวาหลงั เป็นผเู้ สิรฟ์ เพ่อื เปิดเกม จากนนั้ ผเู้ ลน่ ทกุ ตาแหน่งจะขยบั ตาแหน่งวนไปตามเขม็ นาฬกิ า - การเสริ ฟ์ จะตอ้ งรอฟังสญั ญาณนกหวดี กอ่ น และใหเ้ รม่ิ เสริ ฟ์ ลกู บอลภายใน 5 วินาที - ทมี ท่ไี ดค้ ะแนนจะเป็นผไู้ ดเ้ สริ ฟ์ จนกว่าจะเสียคะแนนใหฝ้ ่ายตรงขา้ มจงึ จะเปลยี่ น เสิรฟ์ - เม่อื ลกู เขา้ มาในเขตแดนของทมี จะสามารถเลน่ บอลไดม้ ากท่ีสดุ 3 ครงั้ เท่านนั้
- สามารถบลอ็ คลกู บอลจากฝ่ายตรงขา้ มท่หี นา้ ตาขา่ ยได้ แต่หากผเู้ ลน่ ลา้ เขา้ ไปใน แดนของฝ่ายตรงขา้ มจะถือวา่ ฟาวล์ - สามารถขอเวลานอกได้ 2 ครง้ั ต่อ 1 เซต ใหเ้ วลาครงั้ ละ 30 วนิ าที - ทกุ ครงั้ ท่แี ข่งขนั จบ 1 เซต จะตอ้ งมกี ารเปลี่ยนฝ่ัง การคดิ คะแนน ทมี จะไดค้ ะแนนเม่อื ลกู บอลตกลงในเขตสนามของฝ่ายตรงขา้ ม โดยนบั เป็นลกู ละ 1 คะแนน และหากมกี ารเสยี คะแนน จะตอ้ งเปลยี่ นใหท้ ีมท่ไี ดค้ ะแนนเป็นผเู้ สิรฟ์ - หากทีมไหนไดค้ ะแนนครบ 25 คะแนนกอ่ น กจ็ ะเป็นผชู้ นะในเซตนนั้ ไป แตห่ าก คะแนนเสมอกนั ท่ี 24-24 จะตอ้ งมกี ารดวิ ซ์ (Deuce) หมายถงึ ตอ้ งทาคะแนนให้ มากกวา่ อกี ฝ่าย 2 คะแนน ถงึ จะเป็นผชู้ นะ เช่น 26-24 หรอื 27-25 เป็นตน้ - ตอ้ งแขง่ ขนั กนั ใหช้ นะ 3 ใน 5 เซต จงึ จะเป็นผชู้ นะในเกมนนั้ ประโยชนท์ ่ีไดร้ บั 1. เบริ น์ ไขมนั ผลาญแคลอรี 2. กระชบั กลา้ มเนือ้ และช่วยเฟิรม์ รา่ งกาย 3. เพ่มิ ความแข็งแรงใหก้ ลา้ มเนือ้
4. พฒั นาระบบประสาทเชื่อมโยงของรา่ งกาย 5. ชว่ ยพฒั นาระบบความคดิ 6. เพ่มิ ศกั ยภาพในการออกกาลงั กาย 7. เพ่มิ ความคลอ่ งตวั 8. ชว่ ยคลายเครยี ด 9. เชอื่ มสมั พนั ธก์ บั คนรอบขา้ ง
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: