Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 - การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ

หน่วยที่ 1 - การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ

Published by Imron Sulong, 2020-07-07 11:41:22

Description: หน่วยที่ 1 - การใช้คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ

Search

Read the Text Version

รายวิชา : คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจัดการอาชีพ ระดบั ช้นั : ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1 และ 2 หนว่ ยที่ 1 การใชค้ อมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศ • ความหมายของคอมพวิ เตอร์ • ววิ ฒั นาการของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ • ประเภทของคอมพิวเตอร์ • หลักการทางานของคอมพวิ เตอร์ • องค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ • ระบบสารสนเทศ 1. ความหมายของคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอรม์ าจากภาษาละตนิ วา่ Computare ซ่ึงหมายถึง การนับหรือการคำนวณพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า “เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติทำ หนา้ ท่เี หมือนสมองกลใชส้ ำหรับ แกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ทงี่ า่ ยและซับซอ้ นโดยวธิ ที างคณติ ศาสตร์” คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ในด้านการคิด คำนวณและสามารถจำข้อมูลทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้ เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไปนอกจากนี้ยังสามารถ จดั การกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเรว็ สงู โดยปฏิบัตติ ามขนั้ ตอนของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถใน ด้านต่าง ๆ อีกมากอาทิ เช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่อง และสามารถประมวลผลจากขอ้ มลู ต่าง ๆ ได้ คอมพิวเตอร์ จึงหมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ประกอบกันขึ้นมา เพื่อใช้ในการคำนวณและ ประมวลผล มีคุณสมบัติในการรับข้อมูล จดจำข้อมูลและจัดเก็บข้อมูล โดยนำข้อมูลนั้นมาทำการประมวลผล ตามโปรแกรมท่ีมนุษย์ปอ้ นคำส่ังให้ทำออกมาเปน็ สารสนเทศตรงตามทตี่ ้องการใชง้ าน 2. วิวัฒนาการของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นผลมาจยากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือในการคำนวณซึ่งมี ววิ ฒั นาการนานมาแลว้ เริม่ จากเครือ่ งมือในการคำนวณเคร่ืองแรกคือ \"ลกู คิด\" (Abacus) ที่สรา้ งขนึ้ ในประเทศ จีน เม่ือประมาณ 2,000-3,000 ปมี าแล้ว ครูผสู้ อน : ครอู มิ รอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาลยั การอาชีพปัตตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 94000

รายวชิ า : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจัดการอาชีพ ระดับชัน้ : ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1 และ 2 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2376 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ ชาร์ล แบบเบจ (Charles Babbage) ได้ประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) สามารถคำนวณค่าของตรีโกณมิติ ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ทาง คณิตศาสตร์ การทำงานของเครื่องนี้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนเก็บข้อมูล ส่วนคำนวณ และส่วนควบคุม ใช้ ระบบพลังเครื่องยนต์ไอน้ำหมุนฟันเฟือง มีข้อมูลอยู่ในบัตรเจาะรู คำนวณได้โดยอัตโนมัติ และเก็บข้อมูลใน หน่วยความจำ ก่อนจะพิมพ์ออกมาทางกระดาษ หลักการของแบบเบจนี้เองที่ได้นำมาพัฒนาสร้างเครื่อง คอมพวิ เตอรส์ มยั ใหม่ เราจงึ ยกย่องให้ แบบเบจเปน็ บดิ าแห่งเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ หลังจากนั้นเปน็ ตน้ มา ได้มีผ้ปู ระดษิ ฐ์เครอื่ งคอมพิวเตอร์ข้ึนมามากมายหลายขนาด ทำใหเ้ ป็นการเริ่ม ยคุ ของคอมพวิ เตอร์อยา่ งแท้จริง โดยสามารถจดั แบง่ คอมพิวเตอรอ์ อกได้เปน็ 5 ยคุ • ยคุ ท่ี 1 (พ.ศ. 2489-2501) \"ยคุ หลอดสุญญากาศ\" เป็นการประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มิใช่เครื่องคำนวณ โดยเมาช์ลีและเอ็กเคอร์ต (Mauchly and Eckert) ได้นำแนวความคิดนั้นมาประดิษฐ์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากเครื่องหนึ่งเรียกว่า ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Calculator) ซึ่งต่อมาได้ทำการปรับปรุงการทำงานของ เครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และได้ประดิษฐ์เครื่อง UNIVAC (Universal Automatic Computer) ขึ้นเพือ่ ใชใ้ นการสำรวจสำมะโนประชากรประจำปี จึงนับได้ว่า UNIVAC เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ ถูกใช้งานในเชิงธุรกิจ ซึ่งนับเป็น การเริ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกอย่างแท้จริง เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสุญญากาศใน การควบคุมการทำงานของเครื่อง ซึ่งทำงานได้อย่างรวดเร็ว แต่มีขนาดใหญ่มากและราคาแพง ยุคแรกของ คอมพิวเตอร์ส้นิ สดุ เมอื่ มผี ้ปู ระดิษฐท์ รานซสิ เตอรม์ าใชแ้ ทนหลอดสุญญากาศ ลกั ษณะเฉพาะของเคร่ืองคอมพิวเตอรย์ คุ ท่ี 1 ➢ ใช้อุปกรณ์ หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ตัวเครื่องมี ขนาดใหญ่ ใชพ้ ลังงานไฟฟา้ มาก และเกิดความร้อนสงู ➢ ทำงานด้วยภาษาเคร่อื ง (Machine Language) เท่าน้ัน ➢ เริ่มมีการพฒั นาภาษาสัญลักษณ์ (Assembly / Symbolic Language) ข้นึ ใชง้ าน • ยุคที่ 2 (พ.ศ.2502-2506) \"ยุคทรานซสิ เตอร\"์ มีการนำทรานซิสเตอร์ มาใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์จึงทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลง และสามารถเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทำงานให้มีความรวดเร็วและแม่นยำมากย่ิงข้ึน นอกจากนี้ ในยคุ น้ียงั ได้มีการคิดภาษาเพ่ือ ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เช่น ภาษาฟอร์แทน (FORTRAN) จึงทำให้ง่ายต่อการเขียนโปรแกรมสำหรับใช้กับ เครอื่ ง ครูผสู้ อน : ครอู มิ รอน สุหลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลยั การอาชีพปัตตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จังหวดั ปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ ระดับชนั้ : ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1 และ 2 ลกั ษณะเฉพาะของเครอื่ งคอมพิวเตอรย์ คุ ที่ 2 ➢ ใช้อุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ซึ่งสร้างจากสารกึ่งตัวนำ (Semi-Conductor) เป็น อุปกรณ์หลัก แทนหลอดสุญญากาศ เนื่องจากทรานซิสเตอร์เพียงตัวเดียว มีประสิทธิภาพในการทำงาน เทียบเท่าหลอดสุญญากาศได้นับร้อยหลอด ทำให้เครือ่ งคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดเล็ก ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อย ความร้อนตำ่ ทำงานเร็ว และไดร้ บั ความน่าเชือ่ ถอื มากย่งิ ขน้ึ ➢ เกบ็ ข้อมูลได้ โดยใช้สว่ นความจำวงแหวนแม่เหล็ก (Magnetic Core) ➢ มีความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง ประมาณหนึ่งในพันของวินาที (Millisecond : ms) ➢ ส่ังงานได้สะดวกมากข้ึน เนื่องจากทำงานดว้ ยภาษาสัญลกั ษณ์ (Assembly Language) ➢ เริม่ พัฒนาภาษาระดับสงู (High Level Language) ขึ้นใช้งานในยุคนี้ • ยุคท่ี 3 (พ.ศ.2507-2512) \"ยุควงจรรวม\" คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เริ่มต้นภายหลังจากการใช้ทรานซิสเตอร์ได้เพียง 5 ปี เนื่องจากได้มีการประดิษฐ์ คิดค้นเกี่ยวกับวงจรรวม (Integrated-Circuit) หรือเรียกกันย่อ ๆ ว่า \"ไอซี\" (IC) ซึ่งไอซีนี้ทำให้ส่วนประกอบ และวงจรต่าง ๆ สามารถวางลงได้บนแผ่นชิป (chip) เล็ก ๆ เพียงแผ่นเดียว จึงมีการนำเอาแผ่นชิปมาใช้แทน ทรานซสิ เตอรท์ ำใหป้ ระหยัดเนอ้ื ที่ได้มาก นอกจากนีย้ ังเริ่มมีการใช้งานระบบจัดการฐานข้อมูล (Data Base Management Systems : DBMS) และมีการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานร่วมกันได้หลาย ๆ งานในเวลาเดียวกัน และมีระบบที่ ผู้ใช้สามารถโตต้ อบกับเครอื่ งได้หลาย ๆ คน พรอ้ ม ๆ กัน (Time Sharing) ครูผู้สอน : ครอู มิ รอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยสี ารสนเทศ วทิ ยาลยั การอาชีพปตั ตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จงั หวดั ปัตตานี 94000

รายวชิ า : คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ ระดบั ช้ัน : ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1 และ 2 ลักษณะเฉพาะของเครอ่ื งคอมพวิ เตอรย์ ุคท่ี 3 ➢ ใช้อุปกรณ์ วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) หรือ ไอซี และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) เป็นอปุ กรณ์หลกั ➢ ความเร็วในการประมวลผลในหนึ่งคำสั่ง ประมาณหนึ่งในล้านของวินาที (Microsecond : ms) (สงู กวา่ เครอื่ งคอมพวิ เตอรใ์ นยุคท่ี 1 ประมาณ 1,000 เท่า) ➢ ทำงานไดด้ ว้ ยภาษาระดบั สงู ทวั่ ไป • ยคุ ท่ี 4 (พ.ศ.2513-2532) \"ยุควีแอลเอสไอ\" เป็นยุคทีน่ ำสารก่ึงตวั นำมาสร้างเป็นวงจรรวมความจุสูงมาก (Very Large Scale Integrated : VLSI) ซึ่งสามารถย่อส่วนไอซีธรรมดาหลายๆ วงจรเข้ามาในวงจรเดียวกัน และมีการประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) ขึ้น ทำให้เครื่องมีขนาดเล็ก ราคาถูกลง และมีความสามารถในการทำงานสูงและรวดเร็ว มาก จึงทำใหม้ ีคอมพวิ เตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) ถือกำเนิดขึน้ มาในยคุ น้ี ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพวิ เตอรย์ คุ ท่ี 4 ➢ ใช้อุปกรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) และ วงจรรวมสเกล ขนาดใหญม่ าก (Very Large Scale Integration : VLSI) เปน็ อุปกรณ์หลกั ➢ มีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง ประมาณหนึ่งในพันล้านวินาที (Nanosecond : ns) และพัฒนาต่อมาจนมีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคำสั่ง ประมาณหนึ่งในล้านล้านของวินาที (Picosecond : ps) • ยุคท่ี 5 (พ.ศ.2533-ปัจจุบัน) \"ยคุ เครือข่าย\" ในยุคน้ไี ด้มุ่งเนน้ การพฒั นาความสามารถในการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์ และความสะดวกสบาย ในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างชัดเจนมีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็ก (Portable Computer) ขึน้ ใช้งานในยุคนี้ โครงการพัฒนาอุปกรณ์ VLSI ใหใ้ ช้งานง่าย และมีความสามารถสูงข้นึ รวมท้ังโครงการวจิ ัยและพัฒนา เกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในยุคน้ี โดยหวงั ให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ สามารถวเิ คราะหป์ ัญหาดว้ ยเหตผุ ล ครูผู้สอน : ครอู มิ รอน สุหลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วทิ ยาลัยการอาชีพปตั ตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ ระดบั ช้นั : ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 1 และ 2 องคป์ ระกอบของระบบปญั ญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ไดแ้ ก่ 1) ระบบหนุ่ ยนต์ หรอื แขนกล (Robotics or Robotarm system) หุน่ จำลองรา่ งกายมนุษย์ท่ีควบคุมการทำงานดว้ ยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ มีจุดประสงค์เพ่ือให้ทำงานแทน มนุษย์ในงานที่ต้องการความเรว็ หรือเสี่ยงอันตราย เช่น แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนต์กู้ระเบดิ เปน็ ตน้ 2) ระบบประมวลภาษาพูด (Natural Language Processing System) การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถสังเคราะห์เสียงที่มีอยู่ในธรรมชาติ (Synthesize) เพื่อส่ือ ความหมายกบั มนุษย์ เชน่ เครื่องคดิ เลขพูดได้ (Talking Calculator) หรือนาฬิกาปลุกพูดได้ (Talking Clock) เปน็ ต้น 3) การรจู้ ำเสยี งพูด (Speech Recognition System) การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์ และสามารถจดจำคำพูดของมนุษย์ได้อย่าง ต่อเนื่อง กล่าวคือเป็นการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ด้วยภาษาพูด เช่น งานระบบรักษาความ ปลอดภยั งานพมิ พ์เอกสารสำหรบั ผพู้ กิ าร เปน็ ต้น 4) ระบบผูเ้ ช่ียวชาญ (Expert System) การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ รู้จักใชเ้ หตุผลในการวเิ คราะหป์ ัญหา โดยใชค้ วามรู้ที่มี หรือ จากประสบการณ์ในการแก้ปัญหาหนึ่ง ไปแก้ไขปัญหาอื่นอย่างมีเหตุผล ระบบนี้จำเป็นต้องอาศัยฐานข้อมูล (Database) ซึ่งมนุษย์ผู้มีความรู้ความสามารถเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ไว้ในฐานข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ระบบ คอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ได้จากฐานความรู้นั้น เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์วิเคราะห์โรค หรือ เครอื่ งคอมพิวเตอรท์ ำนายโชคชะตา เปน็ ตน้ 3. ประเภทของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์สามารถจำแนกได้หลายประเภท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของขนาดเคร่ืองความเรว็ ในการประมวลผล และราคาเป็นข้อพิจารณาหลัก ซึ่งโดยทั่วไปนิยมจำแนกประเภทคอมพิวเตอร์เป็น 7 ประเภท ดังนี้ คือ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) คอมพิวเตอร์เมนเฟรม (Mainframe computer) มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop computer) โน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ (Notebook computer) คอมพิวเตอร์พกพาขนาดฝ่ามือ (Hand-held Personal computer) คอมพิวเตอร์ แบบฝัง (Embedded computer) ซ่ึงมรี ายละเอยี ด ดงั นี้ ครูผ้สู อน : ครอู มิ รอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยสี ารสนเทศ วทิ ยาลัยการอาชีพปัตตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวดั ปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ ระดับชนั้ : ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1 และ 2 3.1. ซูเปอรค์ อมพวิ เตอร์ (Supercomputer) เปน็ คอมพิวเตอรท์ ี่มีประสิทธภิ าพในการทำงานสูงสุด จึงมีราคาแพงมาก ความสามารถในการประมวลผลที่ทำได้ถึงพันล้านคำสั่งต่อวินาที ตัวอย่างการใช้งาน คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น การพยากรณ์อากาศ การทดสอบทางอวกาศ และงานอื่น ๆ ที่มีการคำนวณที่ ซับซ้อน ปัจจุบันมีการนำซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไปใช้กับงานออกแบบชิ่นส่วนรถยนต์ งานวิเคราะห์สินค้าคงคลัง หรือแม้แต่การออกแบบงานด้านศิลปะ หน่วยงานที่มีการใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ได้แก่ องค์การนาซา (NASA) และหนว่ ยงานธรุ กจิ ขนาดใหญ่ เช่น บริษทั General Motorsและ AT&T เปน็ ตน้ 3.2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer) หรือ คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ เป็น คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรองจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ สามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายร้อยคน ในเวลาเดียวกัน ประมวลผลดว้ ยความเร็วสงู มีหนว่ ยความจำหลกั ขนาดใหญ่ ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้เป็น จำนวนมาก คอมพิวเตอร์เมนเฟรมนิยมใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้จำนวนมากในเวลา เดียวกัน (Multiple Users) เชน่ งานธนาคาร การจองตวั๋ เครอ่ื งบิน การลงทะเบยี นและการตรวจสอบผล การเรียนของนักศกึ ษาเปน็ ต้น 3.3. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) หรือคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง เป็นคอมพิวเตอร์ที่มี ประสิทธิภาพในการทำงานด้านความเร็วและความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลน้อยกว่าเมนเฟรม แต่สูงกว่า คอมพิวเตอรต์ ้ังโต๊ะ (Desktop computer) และสามารถรองรับการทำงานจากผู้ใชไ้ ดห้ ลายคนในการทำงานท่ี แตกต่างกัน จากจุดเริ่มต้นในการพัฒนาที่ต้องการให้คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ทำงานเฉพาะอย่าง เช่น บริษัทท่ี ใหบ้ ริการโทรศพั ท์เคล่ือนท่ี โรงงานผลิตปนู ซเี มนต์ ตลาดหลักทรัพย์สถานศึกษา รวมทง้ั การให้บรกิ ารข้อมูลแก่ ลูกค้า เชน่ การจองห้องพักของโรงแรม เป็นตน้ ครูผ้สู อน : ครอู ิมรอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาลยั การอาชีพปตั ตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จงั หวัดปัตตานี 94000

รายวชิ า : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ ระดับชนั้ : ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1 และ 2 3.4. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) หรือเดสก์ท็อปเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer หรือ PC) ที่มีขนาดเล็กเหมาะกับโต๊ะทำงานในสำนักงาน สถานศึกษา และที่บ้าน รูปทรงของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีทั้งแบบวางนอน และแบบแนวตั้งที่เรียกว่าทาวเวอร์ (Tower) เพื่อ ประหยัดเนื้อทีเ่ ป็นการวางทง้ั บนโต๊ะและทพ่ี น้ื การแบง่ ประเภทของคอมพิวเตอรต์ ้ังโตะ๊ ยงั จำแนกได้ ดงั้ นี้ ➢ All-in Computer เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่รวมจอภาพและหน่วยประมวลผลอยู่ใน อุปกรณเ์ ดยี วกัน ➢ Workstation เป็นคอมพวิ เตอร์ต้ังโต๊ะที่มคี วามสามารถและราคาสูงกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ทั่วไปออกแบบมาเพื่อใช้งานด้านการคำนวณและกราฟิก ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสถาปนิก วิศวกร และนัก ออกแบบภาพกราฟิก ➢ Stand-alone Computer หรือคอมพิวเตอร์ระบบเดียว เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ทีส่ ามารถ ทำงานที่เรียกว่า IPOS cycle โดยที่ไม่ได้เชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แต่ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ ประเภทนี้มคี วามสามารถในการเชื่อมต่อข่ายได้ ➢ Server Computer เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโตะ๊ ที่มีความสามารถเช่นเดียวกนั หรือใกล้เคียงกับ คอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ (เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการต่าง ๆ เช่น ข้อมูลโปรแกรมจัดสรรงานพิมพ์ เปน็ ต้น) ครูผู้สอน : ครอู ิมรอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาลัยการอาชีพปัตตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ ระดับชั้น : ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1 และ 2 3.5. คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค (Notebook Computer) หรือบางครั้งเรียกว่า แลปท็อปคอมพิวเตอร์ (Laptop Computer) เป็นเครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ่ีมีขนาดเล็กกว่าเครื่องพีซีแบบตั้งโต๊ะ น้ำหนักเบา จึงสามารถ นำติดตัวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ เครื่องโน้ตบุ๊คมีสมรรถนะในการทำงานเทียบเท่าเครื่องพีซีแบบตั้งโต๊ะ และมี แผงแป้นพิมพแ์ ละจอภาพติดกบั ตวั เครื่องรวมทัง้ มีแบตเตอรภ่ี ายในเคร่ือง จงึ สามารถทำงานได้ในช่วงเวลาหนึ่ง โดยไมต่ อ้ งใช้ไฟบ้าน เหมาะกับงานสว่ นบุคคลและงานสำนกั งานทีจ่ ำเปน็ ตอ้ งออกนอกสถานที่ นอกจากโน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ที่เห็นและใช้งานกันทั่วไปแล้ว ยังมีคอมพิวเตอร์พกพาที่เริ่มได้รับความ นิยมมากขึ้น นั้นคือ Tablet PC ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดกำลังเหมาะ น้ำหนักเบา หมุนได้ 180 องศา มี ทั้งแบบมีแป้นพิมพ์ในตัว และแบบไม่มีแป้นพิมพ์ในตัวแต่มีแป้นพิมพ์แยกต่างหาก การรับข้อมูล (Input) สามารถใชท้ งั้ แบบสัมผัสและใชป้ ากกาชนิดพิเศษ (Stylus) เขยี นแบบจอภาพได้ หรอื แมก้ ระทัง้ เสยี งพูด ระบบ เชือ่ มต่อเครอื ข่ายทงั้ แบบแลน (LAN) และแบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN) 3.6. คอมพิวเตอร์ฝ่ามือ (Hand-held Personal Computer) หรือเครื่องพีซีขนาดมือถือ หรือ เครื่องพีดีเอ (Personal Digital Assistant : PDA) เป็นเครือ่ งคอมพิวเตอรท์ ี่มขี นาดเทา่ กับเครื่องคดิ เลขขนาด เล็ก น้ำหนักเบามาก จึงสามารถวางบนฝ่ามือได้โดยมีสมรรถนะในการทำงานเฉพาะกับโปรแกรมสำหรับงาน ส่วนบุคคล เช่น การรับส่งอีเมล์ การบันทึกตารางนัดหมาย และการเข้าถึงข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต เครื่อง PDA (Personal Digital Assistant) บางครั้งก็เรียกว่า Pen-based Computer เนื่องจากเป็นคอมพิวเตอร์แบบ พกพาที่ใช้ปากกาที่เรียกว่า สไตลัส (Stylus) เป็นอุปกรณ์ในการบันทึกข้อมูล ในบางครั้งก็จะใช้ปากกาใน การเขียนข้อมูลด้วยลายมือลงบนหน้าจอ และในบางครั้งอาจจะใช้ปากกานี้สำหรับเป็นอุปกรณ์เพื่อเลือก การทำงานบนจอภาพ ซึ่ง Personal Digital Assistant ในปัจจุบันนอกจากจะทำหน้าที่พื้นฐานทั่วไปแล้วยัง สามารถรับ-ส่งอีเมล์ และสง่ โทรสาร (Fax) ได้ดว้ ย ครูผสู้ อน : ครอู มิ รอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยสี ารสนเทศ วทิ ยาลัยการอาชีพปตั ตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จังหวดั ปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่อการจดั การอาชีพ ระดบั ช้ัน : ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 1 และ 2 3.7. คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embedded Computer) หรือไมโครคอนโทรลเลอร์ (Micro Controller) เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเลก็ มากที่ใชไ้ มโครโพรเซสเซอร์ชนดิ พิเศษเพ่ือฝัง (Embed) ไว้ในอุปกรณ์ ประเภทต่าง ๆ เช่น บตั รสมาร์ทการ์ด (Smart Card ) โทรศพั ทม์ ือถือ ตูเ้ ยน็ เตาไมโครเวฟ และรถยนต์ ทั้งน้ี เพื่อเพิ่มคุณลักษณะและความสามารถพิเศษบางประการ เช่น การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล การให้บริการด้าน บันเทิง การค้นหาข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การควบคุมเรื่องเวลาและอุณหภูมิ และการให้ข้อมูลเพื่อ ช่วยในการเดินทาง เปน็ ต้น 4. หลักการทางานของคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่มนุษย์ประดิษฐ์มาเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน การคำนวนการเก็บข้อมูล การตดั สนิ ใจ และอื่น ๆ ในอดีตคอมพวิ เตอร์ถูกนำมาใช้ในงานด้านวิทยาศาสตร์เป็น ส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนาขีดความสามารสูงขึ้น มีการนำไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย เช่น ราชการ ธุรกิจ การแพทย์ การทหาร เป็นต้น ซึ่งการเรียนรู้ขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์ ทำให้เราสามารถเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ได้ตรงตามความต้องการ โดยหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์จะเป็น ตามที่โปรแกรมกำหนดไว้ โดยตัวเครื่อง หรือที่เรียกว่า ฮาร์ดแวร์ (Hardware) จะมีส่วนประกอบที่สำคัญ พื้นฐาน 5 หน่วย คือ 1) หน่วยรับข้อมลู (input unit) 2) หน่วยประมวลผลกลาง (central processing unit) 3) หน่วยความจำหลัก (main memory unit) 4) หน่วยความจำรอง (secondary storage) 5) หนว่ ยแสดงผล (output unit) ครูผ้สู อน : ครอู ิมรอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลยั การอาชีพปตั ตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ ระดบั ช้นั : ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1 และ 2 4.1. หน่วยรับข้อมูล (input unit) เป็นหน่วยที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้เข้าสู่คอมพิวเตอร์ เช่น ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ เป็นต้น โดยจะแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้าทีคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ โดยนำมาจัดเก็บไว้ท่ี หน่วยความจำหลกั และใช้ประมวลผลได้ อุปกรณ์หนว่ ยรับขอ้ มูลทีน่ ยิ มใชใ้ นปัจจุบนั 4.2. หน่วยประมวลผลกลาง (central processing unit) ซีพียู (CPU) หรือ Central Processing Unit หมายถึง “หน่วยประมวลผลกลาง” หรือเรียกอีกชื่อ หนึ่งว่า “ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor)” เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ตามชุดคำสั่งที่มาจากซอฟต์แวร์ ตัวของซีพียูนั้น มีลักษณะเป็นชิป (Chip) ตัวเล็ก ๆ ซึ่งภายในบรรจุ ทรานซิสเตอร์จำนวนหลายล้านตวั ต่อเข้าเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมหาศาล มีหน้าที่คำนวณตวั เลขจาก ชุดคำสั่งที่ผู้ใช้ป้อนโปรแกรมเข้าไป โดยซีพียูจะทำการอ่านชุดคำสั่งมาแปลความหมาย และทำการคำนวณ เมื่อได้ผลลัพธ์ก็จะส่งผลลัพธ์ออกไปแสดงผลทางหน้าจอ ซีพียู จึงเปรียบได้กับ “สมอง” ของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ควบคุมการปฏบิ ัตงิ านหลักของเครื่อง และทำหน้าที่ในการคำนวณ ประมวลผล และควบคุมอุปกรณ์ อน่ื ๆ ในระบบ ประกอบดว้ ย หนว่ ยคณติ ศาสตรแ์ ละตรรกะหรือหนว่ ยคำนวณ ทำหนา้ ทปี่ ระมวลผลข้อมูลทาง คณิตศาสตร์และทางตรรกะ และหน่วยควบคุม ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระบบ ทัง้ หมด ใหท้ ำงานอย่างถกู ต้อง อกี ท้ังยงั ควบคมุ การทำงานของอปุ กรณ์อ่นื ๆ ในระบบอีกดว้ ย 4.3. หน่วยความจำหลกั (main memory unit) หน่วยความจำหลัก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลและคำสั่งที่อยู่ระหว่างการประมวลผลของ คอมพิวเตอร์หรือในขณะที่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ บางครั้งอาจเรียกว่าหน่วยเก็บข้อมูลหลัก ( primary storage) หน่วยความจำจะทำงานควบคู่ไปกับ CPU และช่วยให้การทำงานของ CPU มีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ้น โดยวงรอบการทำงานของซีพียูนั้นเร็วมาก หากไม่มีที่เก็บข้อมูลหรือที่พักข้อมูลและความเร็วใน การเข้าถึงขอ้ มลู ท่ไี มม่ ขี นาดเพียงพอจะทำให้การประมวลผลช้าลง ครูผู้สอน : ครอู มิ รอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลยั การอาชีพปตั ตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ ระดับชนั้ : ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1 และ 2 หน่วยความจำหลักแบ่งออกเปน้ 2 ประเภท คอื 1) หนว่ ยความจำแรม (RAM : Random Access Memory) แรม เป็นหน่วยความจำหลักที่จำเป็น สามารถเก็บข้อมูลได้เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยง เท่านั้น หากไม่มีกระแสไฟฟ้ามาเลี้ยงข้อมูลที่เก็บไว้จะหายไปทันที หน่วยความจำแรม ทำหน้าที่เก็บชุดคำส่ัง และข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานอยู่ แรมหลายชนิดข้อมูลจะหายไปหากปิดเครื่อง แต่ปัจจุบันมักเก็บ ข้อมูลบติ ในรูปของประจไุ ฟฟ้าในตัวเกบ็ ประจุ 2) หน่วยความจำรอม (ROM : Read-only Memory) ROM ย่อมาจาก Read-only Memory คอื หน่วยความจำถาวร ที่เราสามารถเขียนหรือลบโปรแกรม ตา่ ง ๆ ได้ แตก่ ็มี ROM บางชนดิ ไม่สามารถทีจ่ ะลบข้อมลู ในรอมได้เหมือนกนั ซึ่ง ROM เปน็ หนว่ ยความจำที่ไม่ ต้องการไฟเล้ียง แม้ไมม่ ีไฟเล้ยี งข้อมูลที่อยูใ่ นรอมกจ็ ะไม่หายหรือถูกลบออกจากหนว่ ยความจำถาวร 4.4. หน่วยความจำรอง (secondary storage) หน่วยความจำรอง เป็นหน่วยความจำที่ใช้เก็บข้อมูล และโปรแกรมที่ต้องการใช้งานในคราวต่อไปได้ ซง่ึ สามารถบรรจขุ ้อมลู และโปรแกรมได้เป็นจำนวนมาก เปน็ หน่วยเกบ็ ข้อมลู ถาวรทผี่ ู้ใช้สามารถย้ายข้อมูลและ คำสั่งทอี่ ยูใ่ นหน่วยความจำแรม ขณะที่เครอ่ื งคอมพิวเตอรท์ ำงานมาจัดเก็บไว้ได้ดว้ ยคำส่ังบันทึกของโปรแกรม ครูผสู้ อน : ครอู มิ รอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยการอาชีพปตั ตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จงั หวัดปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ ระดับชนั้ : ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 1 และ 2 ประยกุ ต์ ทำให้ผูใ้ ช้สามารถเรยี กข้อมลู และคำสั่งมาใช้ในภายหลงั ซ่งึ หน่วยความจำรองมีความจุข้อมูลมากกว่า หนว่ ยความจำหลกั และมรี าคาถกู กวา่ แตเ่ ขา้ ถึงขอ้ มูลไดช้ า้ กว่าหนว่ ยความจำแรม 4.5. หน่วยแสดงผล (output unit) เป็นหน่วยที่ทำหน้าที่แสดงผลที่ได้จากการประมวลผลข้อมูลที่เตรียมไว้ในหน่วยความจำหลัก เพื่อส่ง ข้อมูลหรือสื่อสารกับผู้รับโดยมีฮาร์ดแวร์ทำหน้าที่เป็นส่วนแสดงผลหรือส่งข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลจาก ซีพียูมายังผู้รับ ทั้งในรูปแบบภาพ เสียง และสิ่งพิมพ์ ฮาร์ดแวร์ทีทำหน้าที่ในหน่วยนี้มีหลายประเภทด้วยกัน ตัวอยา่ งเชน่ จอภาพหรอื มอนิเตอร์ ลำโพง หฟู งั เครอื่ งพมิ พ์ และเคร่อื งแอลซีดีโพรเจคเตอร์ แต่ละประเภทจะ มีลักษณะและการนำเสนอข้อมูลที่แตกตา่ งกัน 5. องคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างเป็นระบบ (System) หมายถึงภายในระบบงานคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย องค์ประกอบย่อยที่มีหน้าที่เฉพาะ ทำงานประสานสัมพันธ์กัน เพื่อให้งานบรรลุตามเป้าหมาย ในระบบงาน คอมพิวเตอร์ การที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว จะยังไม่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง ซึ่งหากจะให้ ครูผสู้ อน : ครอู มิ รอน สุหลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยการอาชีพปตั ตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จังหวดั ปัตตานี 94000

รายวชิ า : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจัดการอาชีพ ระดับชนั้ : ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1 และ 2 คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ควรจะประกอบไปด้วย องค์ประกอบ คือ ฮาร์ดแวร์ (Hardware), ซอฟต์แวร์ (Software), บุคลากร (Peopleware), ข้อมูลและ สารสนเทศ (Data and Information) และกระบวนการทำงาน (Procedure) 5.1. ฮารด์ แวร์ (Hardware) ฮาร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบของตัวเครื่องที่สามารถจับต้องได้ ได้แก่ วงจรไฟฟ้า ตัวเครื่อง จอภาพ เคร่อื งพมิ พ์ คยี บ์ อร์ด เป็นตน้ ซึง่ สามารถแบง่ ส่วนพ้ืนฐานของฮารด์ แวรเ์ ป็น 4 หน่วยสำคัญ 1) หน่วยรับข้อมูลหรืออินพุต (Input Unit) ได้แก่ คีย์บอร์ดหรือแป้นพิมพ์, เมาส์, เครื่องสแกน, เคร่อื งรูดบตั ร และไมโครโฟน เป็นตน้ 2) ระบบประมวลผลกลางหรอื ซพี ียู (CPU : Central Processing Unit) ได้แก่ ซพี ียู (CPU) 3) หน่วยเก็บข้อมูล (Storage) ได้แก่ แรม (RAM), รอม (ROM), แผ่นฟร็อปปีดิสก์ (Floppy Disk), ฮารด์ ดิสก์ (Hard disk) และเมโมรก่ี าร์ด (Memory Card) เป็นตน้ 4) หนว่ ยแสดงขอ้ มูลหรือเอาตพ์ ตุ (Output Unit ได้แก่ จอภาพ ลำโพง และเครอื่ งพมิ พ์ เปน็ ต้น 5.2. ซอฟต์แวร์ (Software) ซอฟต์แวร์คือโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน รวมไปถึงการควบคุมการทำงาน ของ อปุ กรณ์แวดล้อมตา่ ง ๆ เช่น ฮารด์ ดสิ ก์ ดิสกไ์ ดรฟ์ ซดี รี อม การด์ อินเตอร์เฟสต่าง ๆ เป็นตน้ ซอฟตแ์ วร์ เป็นสิ่ง ที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ แต่รับรู้การทำงานของมันได้ ซึ่งต่างกับ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งแบง่ เป็น 2 ประเภทคอื ครูผู้สอน : ครอู ิมรอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาลัยการอาชีพปัตตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จงั หวดั ปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ ระดบั ชนั้ : ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1 และ 2 1) ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) คือโปรแกรมที่ใช้ในการควบคุมระบบการทำงานของ เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เชน่ การบูตเครอื่ ง การสำเนาข้อมลู การจดั การระบบของดิสก์ ชดุ คำสงั่ ที่เขียนเป็น คำสั่งสำเร็จรูปโดยผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีมาพร้อมแล้วจากโรงงานผลิต การทำงานหรือ การประมวลผลของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ระบบของซอฟต์แวร์เหล่าน้ี ออกแบบมาเพื่อการปฏิบตั ิควบคุม และมีความสามารถในการยดื หยุ่น การประมวลผลของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ แบง่ ออกเปน็ 4 ประเภทคอื 1.1) โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นโปรแกรมที่ใช้ควบคุม และ ติดต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการจัดการระบบของดิสก์ การบริหาร หน่วยความจำของระบบ กล่าวโดยสรุปคือ หากจะทำงานใดงานหนึ่ง โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ ใน การทำงาน แล้วจะต้องติดต่อกับซอฟต์แวร์ระบบก่อน ถ้าขาดซอฟต์แวร์ชนิดน้ีจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ สามารถทำงานได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ โปรแกรมระบบปฏิบัติการ Unix Linux DOS และ Windows เปน็ ตน้ 1.2) ตัวแปลภาษา (Translator) คือการแปลภาษาจาก Source Code ให้เป็น Object Code (แปลจากภาษาท่ีมนุษย์เขา้ ใจ ใหเ้ ปน็ ภาษาทีเ่ ครื่องเข้าใจ เปรียบเสมือนล่ามแปลภาษา) เป็นซอฟต์แวร์ ทใี่ ชใ้ นการแปลภาษาระดบั สงู ซ่งึ เปน็ ภาษาใกล้เคยี งภาษามนษุ ย์ ให้เปน็ ภาษาเครื่องกอ่ นท่จี ะนำไปประมวลผล ตัวแปลภาษาแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเตอร์พีทเตอร์ (Interpreter) คอมไพเลอรจ์ ะแปลคำส่ังในโปรแกรมท้ังหมดก่อน แล้วทำการลิงค์ (Link) เพ่ือให้ได้คำส่ังทเ่ี ครื่องคอมพิวเตอร์ เข้าใจ ส่วนอินเตอร์พีทเตอร์จะแปลทีละประโยคคำสั่ง แล้วทำงานตามประโยคคำสั่งนั้น การจะเลือกใช้ตัว แปลภาษาแบบใดนั้น จะขึ้นอยู่กับภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม ซึ่งมี 2 แบบได้แก่ ภาษาแบบโครงสร้าง เช่น ภาษาเบสิก (Basic) ภาษาปาสคาล (Pascal) ภาษาซี (C) ภาษาจาวา(Java)ภาษาโคบอล (Cobol) ภาษา SQL ภาษา HTML เป็นต้น ภาษาแบบเชิงวัตถุ ( Visual หรือ Object Oriented Programming ) เช่น VisualBasic,Visual C หรือ Delphi เปน็ ตน้ 1.3) ยูติลิต้ีโปรแกรม (Utility Program) คือซอฟต์แวร์เสริมช่วยให้เครื่องทำงานมี ประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ช่วยในการตรวจสอบดิสก์ ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลในดิสก์ ช่วยสำเนาข้อมูล ช่วย ซ่อมอาการชำรุดของดิสก์ ช่วยค้นหาและกำจัดไวรัส ฯลฯ เป็นต้นโปรแกรมในกลุ่มนี้ได้แก่ โปรแกรม Norton Winzip Scan virus Sidekick Scandisk Screen Saver ฯลฯ เป็นตน้ 1.4) ติดตั้งและปรับปรุงระบบ (Diagnostic Program) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการติดตั้ง ระบบ เพ่อื ให้คอมพิวเตอรส์ ามารถติดต่อและใช้งานอปุ กรณ์ต่าง ๆ ทนี่ ำมาตดิ ตัง้ ระบบ ได้แก่ โปรแกรม Setup ครูผสู้ อน : ครอู มิ รอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยการอาชีพปัตตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจิก ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จงั หวดั ปัตตานี 94000

รายวชิ า : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ ระดับช้ัน : ประกาศนียบัตรวิชาชพี 1 และ 2 และ Driver ต่าง ๆ เช่น โปรแกรม Setup Microsoft Office โปรแกรม Driver Sound, Driver Printer, Driver Scanner ฯลฯ เป็นตน้ 2) ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์ (Application Software) คอื ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมท่ีทำให้คอมพิวเตอร์ ทำงานต่าง ๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น ซอฟต์แวร์ประยุกต์ สามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คอื 2.1) ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software) คือ โปรแกรมซ่ึง เขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ บางที่เรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทำบัญชี จ่ายเงนิ เดือน โปรแกรมระบบเชา่ ซือ้ โปรแกรมการทำสนิ คา้ คงคลงั เป็นตน้ ซ่ึงแตล่ ะโปรแกรมก็มกั จะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่างกันออกไปตามความต้องการ หรือกฎเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานที่ใช้ ซึ่งสามารถ ดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเตมิ (Modifications) ในบางสว่ นของโปรแกรมได้ เพ่อื ให้ตรงกับความต้องการของผ้ใู ช้ และ ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ตท์ ่เี ขียนขน้ึ นโี้ ดยส่วนใหญม่ กั ใช้ภาษาระดับสูงเป็นตัวพฒั นา 2.2) ซอฟต์แวร์สำหรบั งานทว่ั ไป (General Purpose Software) เป็นโปรแกรมประยุกต์ ท่ีมผี ู้จดั ทำไว้ เพอื่ ใช้ในการทำงานประเภทตา่ ง ๆ ทวั่ ไป โดยผใู้ ชค้ นอนื่ ๆ สามารถนำโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้ กับข้อมูลของตนได้ แต่จะไม่สามารถทำการดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรม เอง ซึ่งเป็นการประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายในการเขียนโปรแกรม นอกจากนี้ ยังไม่ต้องเวลามากใน การฝึกและปฏิบัติ ซึ่งโปรแกรมสำเร็จรูปนี้ มักจะมีการใช้งานในหน่วยงาน ซึ่งขาดบุคลากรที่มีความชำนาญ เป็นพิเศษในการเขียนโปรแกรม ดังนั้น การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปจึงเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกและเป็น ประโยชนอ์ ย่างย่ิง ตวั อยา่ งโปรแกรมสำเรจ็ รูปที่นยิ มใช้ได้ตัวอย่างเช่น Microsoft word), ไมโครซอฟท์เอ็กเซล (Microsoft Excel) และ ไมโครซอฟทพ์ าวเวอร์พอยต์ (Microsoft PowerPoint) เป็นต้น ครูผู้สอน : ครอู มิ รอน สุหลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลัยการอาชีพปตั ตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จงั หวดั ปัตตานี 94000

รายวชิ า : คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ ระดบั ชั้น : ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1 และ 2 5.3. บคุ ลากร (Peopleware) บุคลากรจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดถึงประสิทธิภาพถึงความสำเร็จและความคุ้มค่าในการใช้ งานคอมพิวเตอร์ ซึง่ สามารถแบง่ บุคลากรตามหน้าท่ีเก่ยี วข้องตามลักษณะงานได้ 6 ด้าน ดงั น้ี 1) นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (Systems Analyst and Designer : SA) ทำหน้าที่ศึกษา และรวบรวมความต้องการของผู้ใช้ระบบ และทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้ระบบและนักเขียนโปรแกรม (Programmer) หรือปรับปรุงคุณภาพงานเดิม นักวิเคราะห์ระบบต้องมีความรู้เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ พน้ื ฐานการเขยี นโปรแกรม และควรจะเปน็ ผูม้ คี วามคิดริเริ่มสร้างสรร คม์ มี นษุ ยส์ ัมพันธท์ ่ีดี 2) โปรแกรมเมอร์ (Programmer) คือบุคคลที่ทำหน้าที่เขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ (Software) หรือ เขียนโปรแกรมเพื่อสั่งงานให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเขียนตามแผนผังที่ นกั วิเคราะหร์ ะบบไดเ้ ขียนไว้ 3) ผู้ใช้ (User) เป็นผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นผู้ปฏิบัติหรือกำหนดความต้องการในการใช้ ระบบคอมพิวเตอร์ว่าทำงานอะไรได้บ้าง ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป จะต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และ วิธกี ารใชง้ านโปรแกรม เพอื่ ให้โปรแกรมที่มอี ยสู่ ามารถทำงานได้ตามท่ตี ้องการ 4) ผู้ปฏบิ ัติการ (Operator) สำหรบั ระบบขนาดใหญ่ เชน่ เมนเฟรม จะตอ้ งมีเจ้าหนา้ ท่คี อมพิวเตอร์ ที่คอยปิดและเปิดเครื่อง และเฝ้าดูจอภาพเมื่อมีปัญหาซึ่งอาจเกิดขัดข้อง จะต้องแจ้ง System Programmer ซ่ึงเป็นผู้ดแู ลตรวจสอบแก้ไขโปรแกรมระบบควบคมุ เครอ่ื ง (System Software) อีกทีหนึ่ง 5) ผู้บริหารฐานข้อมูล (Database Administrator : DBA) กลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ดูแลข้อมูลผ่าน ระบบจัดการฐานข้อมูล ซึ่งจะควบคุมให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังทำหน้าที่กำหนดสิทธิ การใช้งานข้อมูล กำหนดในเรื่องความปลอดภัยของการใช้งาน พร้อมทั้งดูแลดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ (Database Server) ใหท้ ำงานอยา่ งปกตดิ ว้ ย 6) ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตาม เป้าหมายของหน่วยงาน เป็นผู้ที่มคี วามหมายต่อความสำเร็จหรือลม้ เหลวของการนำระบบคอมพิวเตอร์เขา้ มา ใชง้ านเป็นอยา่ งมาก ครูผู้สอน : ครอู มิ รอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาลยั การอาชีพปัตตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จงั หวดั ปัตตานี 94000

รายวชิ า : คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ ระดับชน้ั : ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1 และ 2 5.4 ข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information) ข้อมลู (Data) หมายถึง ข้อเทจ็ จริงหรอื เรือ่ งราวทเ่ี ก่ียวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สง่ิ ของสถานที่ ฯลฯ โดยอยู่ในรูปแบบที่ เหมาะสมต่อการสื่อสาร การแปลความหมายและการประมวลผลซึ่งข้อมูลอาจจะ ได้มาจากการสังเกต การรวบรวม การวัด ข้อมูลเป็นได้ทั้งข้อมูลตัวเลขหรือสัญลักษณ์ใด ๆ ที่สำคัญจะต้องมี ความเป็นจริงและตอ่ เนอ่ื งตัวอยา่ งของข้อมลู เชน่ คะแนนสอบ ช่ือนักเรยี น เพศ อายุ เปน็ ตน้ การแบ่งประเภทของข้อมูล อาจแบ่งได้หลายวิธีแล้วแต่จุดประสงค์ของการแบ่งนั้น ถ้าแบ่งตาม การเกบ็ รวบรวมข้อมูล อาจแบ่งประเภทของขอ้ มูลเป็น 2 ประเภท คือ ข้อมลู ปฐมภมู ิ กบั ข้อมูลทตุ ิยภูมิ - ข้อมลู ปฐมภูมิ หมายถงึ ข้อมูลทไ่ี ด้จากการเกบ็ รวบรวมหรือบันทกึ จากแหลง่ ข้อมลู โดยตรง อาจได้ จากการสอบถาม การสมั ภาษณ์ การสำรวจ การจดบันทกึ - ขอ้ มูลทุติยภูมิ หมายถึง ข้อมูลทมี่ ีผ้อู นื่ รวบรวมไวแ้ ลว้ บางครง้ั อาจมีการประมวลผลเปน็ สารสนเทศ ไปแล้ว ผู้ใช้ข้อมูลไม่ได้ไปสำรวจเอง ตัวอย่างเช่นข้อมูลสถิติต่าง ๆ ที่มีผู้ทำไว้อาจเป็นหน่วยราชการตลอดจน ไดม้ าจากเคร่อื งมือวัดต่าง ๆ ขอ้ มลู ปฐมภมู ิจึงเป็นขอ้ มูลพ้นื ฐานท่ไี ดม้ าจากจุดกำเนิดของข้อมูล. สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อมูลที่ได้ผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใช้วิธีง่าย ๆ เช่น หาค่าเฉล่ยี หรือใช้ เทคนคิ ขน้ั สูง เช่นการวิจัยดำเนนิ งาน เปน็ ตน้ เพอื่ เปล่ยี นแปลงสภาพขอ้ มูลทว่ั ไปให้อยู่ ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์ หรือ มีความเกี่ยว ข้องกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจหรือตอบปัญหา ต่าง ๆ ได้ สารสนเทศ ประกอบด้วยข้อมูล เอกสาร เสียง หรือรูปภาพต่าง ๆ แต่จัดเนื้อเรื่องให้อยู่ในรูปที่มี ความหมาย สารสนเทศไม่ใชจ่ ำกดั เฉพาะเพยี งตัวเลขเพยี งอย่างเดยี วเท่านั้น ขอ้ มูลและสารสนเทศ (Data and Information) หมายถงึ ขอ้ มลู ต่าง ๆ ทเี่ รานำมาให้คอมพิวเตอร์ ทำการประมวลผลคำนวณ หรอื กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้มาเป็นผลลัพธ์ที่เราต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลบุคลากรเกี่ยวกับรายละเอียดประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษาหรือ ประวัติการทำงาน ซึ่งอาจนำมา จำแนกเป็นรายงานต่าง ๆ เกี่ยวกับบุคลากรในหน่วยงานได้ หรือข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขมาตรไฟฟ้าของบ้านแต่ ละหลัง กใ็ ชส้ ำหรบั คำนวณเปน็ ปรมิ าณไฟฟา้ ทใี่ ช้ในแตล่ ะเดอื น แล้วคิดเปน็ เงิน ท่จี ะตอ้ งชำระให้กับการไฟฟา้ 5.5. กระบวนการทำงาน (Procedures) กระบวนการทำงาน (Procedures) หมายถึง กระบวนการหลักที่ระบบคอมพิวเตอร์สามารถทำงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ในการทำงานกับคอมพิวเตอร์ผู้ใช้จำเป็นต้องทราบขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้ งานที่ถูกต้องและมปี ระสทิ ธิภาพ ได้แก่ ครูผสู้ อน : ครอู มิ รอน สุหลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลยั การอาชีพปตั ตานี ท่ีอยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจัดการอาชีพ ระดบั ชนั้ : ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 1 และ 2 1) การประมวลผล (Processing) เช่น การคำนวณ การเปรียบเทียบ การจัดกลุ่ม การเรียน ลำดับ การปรบั ปรงุ ข้อมลู การสรปุ การแสดงผล เปน็ ตน้ 2) การสร้างความน่าเชื่อถือ (Reliability) ซึ่งหมายรวมถึงการรักษาความปลอดภัยและความ แมน่ ยำเทย่ี งตรงในการทำงาน 3) การพัฒนา (Development) หมายถงึ การพัฒนาคำส่ังหรือโปรแกรมใหส้ ่ังการระบบฮาร์ดแวร์ให้ ทำงานตามที่ใชป้ ระสงค์ 6. ระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ (Information System) คือ ระบบทสี่ ามารถจดั การข้อมูลตั้งแต่การรวบรวมและ ตรวจสอบข้อมูล การประมวลผลขอ้ มลู รวมถงึ การดแู ลรักษาข้อมลู เพื่อให้ได้สารสนเทศทถ่ี ูกต้องและทันต่อ ความต้องการของผู้ใช้ และผู้ใชส้ ามารถนำสารสนเทศทไี่ ด้ไปประกอบการตัดสนิ ใจได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ กระบวนการทำงานของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศประกอบดว้ ยกระบวนการทำงานหลกั ๆ ดังต่อไปน้ี 1) การนำเข้าข้อมูล (Input) เป็นการนำข้อมูลดิบ (Data) ที่ได้จากการเก็บรวบรวมเขา้ สู่ระบบ เพื่อ นำไปประมวลผลใหเ้ ปน็ สารสนเทศ เชน่ การบันทกึ การขายรายวนั , บนั ทกึ คะแนนเก็บของนักเรียน ฯลฯ 2) การประมวลผลข้อมูล (Process) เป็นการคิด คำนวณ หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลดิบให้เป็น สารสนเทศ อาจทำได้ด้วยการเรียงลำดับ การคำนวณ การจัดรูปแบบ และการเปรียบเทียบตัวอย่าง การประมวลผล เช่น การคำนวณรายได้ของผปู้ กครอง การนับจำนวนวนั หยุดราชการบนปฏิทนิ ฯลฯ 3) การแสดงผล (Output) เป็นการนำผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลมาแสดงในรูปแบบที่ผู้ใช้ ต้องการ เพื่อส่งเสรมิ หรือช่วยในการตดั สนิ ใจ 4) การจดั เกบ็ ขอ้ มูล (Storage) เป็นการจัดเกบ็ ขอ้ มูลดบิ หรือสารสนเทศทง้ั หมดท่ีเกีย่ วข้องกับระบบ สารสนเทศ เนือ่ งจากการนำขอ้ มูลดบิ เขา้ สู่ระบบมีการจัดเกบ็ จนถงึ ระยะยาวระยะหนึ่งแล้วจงึ นำไปประมวลผล ครูผูส้ อน : ครอู มิ รอน สุหลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลยั การอาชีพปัตตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จงั หวัดปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ ระดับชั้น : ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1 และ 2 ครูผู้สอน : ครอู มิ รอน สหุ ลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วิทยาลยั การอาชีพปัตตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จงั หวัดปัตตานี 94000

รายวิชา : คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ ระดบั ชัน้ : ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 1 และ 2 เอกสารอา้ งองิ ความหมายของคอมพิวเตอร์. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/aorapinaoao1234 (วันท่สี ืบค้น 15 มถิ ุนายน 2563). ประวตั คิ วามเป็นมาของคอมพิวเตอร์. [ออนไลน์]. สบื ค้นจาก https://sites.google.com/site/smilevariety 244/ (วนั ทส่ี บื ค้น 15 มิถุนายน 2563). ประเภทของคอมพิวเตอร์. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://comedu.nstru.ac.th/5581135059/index.php/ 2016-03-07-06-09-16/2/2016-03-07-07-40-09 (วนั ทสี่ ืบค้น 15 มถิ นุ ายน 2563). หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก http://158.108.203.7/elearning/หลักการทำงาน ของคอมพวิ เ/ (วันทส่ี บื คน้ 17 มถิ นุ ายน 2563). องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก (วันที่สืบค้น 17 มิถุนายน 2563). https://sites. google.com/a/nongtad.ac.th/computerkrupoo/home/thekhnoloyi-sarsnthes-m-4/xngk h-prakxb-khxng-khxmphiwtexr ระบบสารสนเทศ. [ออนไลน์]. สืบค้นจาก (วันที่สืบค้น 17 มิถุนายน 2563). https://sites.google.com/ site/elearningkrujames/ict-unit1 ครูผูส้ อน : ครอู มิ รอน สุหลง ครูประจำแผนก : เทคโนโลยีสารสนเทศ วทิ ยาลยั การอาชีพปัตตานี ที่อยู่ 10 ถนนหนองจกิ ตำบลสะบารงั อำเภอเมือง จงั หวัดปัตตานี 94000


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook