Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานสัมมนาสื่อครั้งที่ 2สุริยา สนธิ 2642000257 ส่ง

งานสัมมนาสื่อครั้งที่ 2สุริยา สนธิ 2642000257 ส่ง

Published by สุริยา สนธิ, 2021-12-18 04:11:19

Description: งานสัมมนาสื่อครั้งที่ 2สุริยา สนธิ 2642000257 ส่ง

Search

Read the Text Version

สาขาวิชา ศึกษาศาสตร์ แขนงวิชา วทิ ยาศาสตร์ ชุดวชิ า 29704 ส่ือ นวตั กรรม และการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ งานสัมมนาครงั้ ที่ 2 ชื่องาน ออกแบบและผลิตสื่อในกลุม่ สาระวิทยาศาสตร์ ภาคการศกึ ษาที่ 1/2564 ช่ือนักศกึ ษา นางสาวสรุ ยิ า สนธิ รหัสนกั ศกึ ษา 2642000257 สถานท่ีเขา้ รบั การสัมมนาเสรมิ สมั มนาเสริมแบบเผชญิ หน้า ท่อี ย่นู กั ศึกษา เลขที่ 271/9 หมู่ 2 ตำบลนคิ มพัฒนา อำเภอนิคมพฒั นา จังหวัดระยอง 21180 โทรศพั ท์ 085-7094633

งานสัมมนาคร้ังที่ 2 การปรับปรุงสื่อการสอน 5.1. ชื่อส่ือ ส่ือที่นำเสนอ คือ การสอนโดยใช้การนำเสนอด้วยโปรแกรม Power point 1.1.1 วิชาที่สอน วทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือพัฒนาทักษะชีวติ 1.1.2 ระดับที่สอน ระดบั ประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) 1.1.3 เนอ้ื หา เนื้อหาสาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ (Science) หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ ซึ่งสามารถอธิบายได้จาก หลกั ฐานและความเปน็ เหตแุ ละผล สามารถจำแนกได้ 3 สาขา คือ 1) วิทยาศาสตร์กายภาพ เป็นวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกและจักรวาล ในส่วนของสิ่งไม่มีชีวิต เช่น ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ เคมี ธรณีวิทยา และ คณติ ศาสตร์ เปน็ ต้น 2) วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เป็นวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของ ทุกส่งิ ทุกอยา่ งในโลกและจกั รวาล ในสว่ นของสง่ิ มีชวี ิต เช่น ชีววิทยา สตั ววทิ ยา เปน็ ตน้ 3) วิทยาศาสตร์สังคม เป็นวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ และพฤติกรรมของมนุษย์ที่รวมกัน อยเู่ ปน็ ชุมชนหรอื สงั คม เช่น สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ เปน็ ตน้ 2. ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (Scientific of Knowledge) คือ ผลที่ได้จากการใช้กระบวนการทางวิทยา- ศาสตร์คน้ คว้าหาความรู้ ความรทู้ างวิทยาศาสตรแ์ บง่ ออกเปน็ 6 ประเภท คอื 2.1 ข้อเท็จจริง (Fact) หมายถึง ความรู้ที่สังเกตได้โดยตรงโดยสามารถทดสอบได้ผลเหมือนเดิม ทุก ครงั้ 2.2 ความคิดรวบยอด (Concept) หมายถึง ความคิดความเข้าใจที่คนเรามีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยท่ี ความเข้าใจดังกล่าวจะแตกตา่ งไปตามประสบการณ์ของแตล่ ะบุคคล 2.3 หลักการ (Principle) หมายถึง ความคิดรวบยอดที่ได้รับการทดสอบว่าเป็นจริง สามารถใช้เป็น หลกั ในการอ้างองิ และเป็นทีเ่ ขา้ ใจตรงกัน 2.4 กฎ (Law) หมายถงึ หลักการท่สี ามารถเขยี นสมการแทนความสัมพันธ์ระหวา่ งเหตุและผลได้ 2.5 ทฤษฎี (Theory) หมายถึง ข้อความที่บรรยายถึงปรากฏการณใ์ ดปรากฏการณ์หนึ่ง ซึ่งสามารถ นำไปใชอ้ ธิบายหรือทำนายปรากฏการณ์นนั้ ๆ ได้ 2.6 สมมติฐาน (Hypothesis) เป็นคำอธบิ ายซง่ึ เป็นคำตอบลว่ งหนา้ ก่อนท่ีจะดำเนินการทดลองเพื่อ ตรวจสอบความถูกต้องในเรื่องนั้น ๆ หรือแนวคิดที่แสดงการคาดคะเนในสิ่งท่ีไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยการ สงั เกตโดยตรง 3. วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) คือ วิธีการทำงานอย่างเป็นระบบในการค้นคว้าหา ความรูข้ องนกั วิทยาศาสตรแ์ ละบุคคลท่ัวไป มี 5 ขน้ั ตอน ดังนี้

3.1 ขน้ั ระบปุ ัญหา (Problem) วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์มักจะเริ่มจากการสังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทอี่ ย่รู อบ ๆ ตัวเรา เมอ่ื ไดข้ ้อสงั เกตบางอยา่ งทเี่ ราสนใจจะทำให้ได้สิ่งที่ตามมาคือปัญหา 3.2 ขั้นตั้งสมมติฐาน (Hypothesis) คือ การคาดคะเนคำตอบที่อาจเป็นไปได้หรือคิดหาคำตอบ ล่วงหน้าบนฐานข้อมลู ทีไ่ ด้จากการสงั เกตปรากฏการณ์และการศึกษาเอกสารต่าง ๆ 3.3 ขั้นทดลอง (Experiment) เป็นกระบวนการปฏิบตั ิเพือ่ หาคำตอบหรือตรวจสอบสมมติฐานท่ตี ้ัง ไว้โดยการทดลอง 3.4 ขัน้ วิเคราะห์ข้อมลู (Analysis of Data) เปน็ ขน้ั ท่นี ำข้อมลู ท่ีได้จากการสังเกต การค้นคว้า การ ทดลอง หรอื การรวบรวม หรือข้อเท็จจรงิ มาทำการวเิ คราะหผ์ ลแล้วนำไปเปรยี บเทียบกบั สมมตฐิ านที่ต้ังไว้ 3.5 ขน้ั สรปุ ผลการทดลอง (Conclusion) เปน็ ขนั้ ตอนท่นี ำเอาข้อมลู ทีไ่ ด้จากขั้นตอนการทดลอง มาสรุป พิจารณาวา่ ผลสรปุ นนั้ เหมอื นกับสมมติฐานทีต่ ้งั ไว้หรือไม่ 4. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Science Process Skills) หมายถึง พฤติกรรมที่เกิดจากการคิด และการปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์จนเกิดความชำนาญในการหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทำให้สามารถนำ มา แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนใช้ประโยชน์ทางวิชาชีพได้แบ่งออกเป็น 2 ทักษะ ใหญ่คอื ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขนั้ พ้นื ฐานและทักษะขน้ั ผสม ได้แก่ 4.1 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขน้ั พืน้ ฐาน ไดแ้ ก่ 1. ทักษะการสงั เกต 2. ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล 3. ทกั ษะการจำแนกประเภท 4. ทักษะการวดั 5. ทักษะการใชต้ ัวเลข 6. ทักษะการส่ือความหมายข้อมลู 7. ทักษะการพยากรณ์ 8. ทกั ษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกบั เวลา 4.2 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้นั ผสม ได้แก่ 1. ทักษะการกำหนดและควบคมุ ตัวแปร 2. ทกั ษะการตง้ั สมมุติฐาน 3. ทักษะการกำหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร 4. ทกั ษะการทดลอง 5. ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ 6. ทักษะการสร้างแบบจำลอง 5. จติ วทิ ยาศาสตร์ จิตวิทยาศาสตร์ (Scientific Mind) หมายถึง ลักษณะนิสัยของบุคคลที่เกิดขึ้นจากการศึกษาหาความรู้ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ ความอยากรู้อยากเห็น ความ รับผิดชอบและเพียรพยายาม ความมีเหตุผล ความมีระเบียบและความรอบคอบ ความซื่อสัตย์ ความใจกว้าง ความประหยัด และความสามารถในการทำงานรว่ มกับผอู้ ื่น

5.2 ความเปน็ มาของการปรับปรงุ หรือพฒั นาสื่อ การจัดการเรยี นการสอนเดิมใช้วิธกี ารการจัดการเรียนการสอนเป็นแบบบรรยายเป็นหลัก มีการ สนทนาถามตอบแต่ละเรื่อง มีการยกตัวอย่างโดยใช้ภาพ และสอ่ื ของจริง เชน่ การนำดอกไม้ ผลไม้ มาให้ นกั เรยี นสังเกตและตอบคำถามเรอ่ื งประสาทสัมผสั เปน็ ต้น และเน้ือหาการสอนแตล่ ะหน่วยค่อนขา้ งเยอะ ครใู ชว้ ิธีการอธิบายโดยใชส้ ่ือ Power point ประกอบการสอน ซ่งึ เนื้อหาการสอน มขี ้อมูลรายละเอยี ดเยอะ หรอื มจี ำนวนมากเกินกวา่ ท่ีนักเรียนจะรับรแู้ ละเรยี นรใู้ นครั้งหนงึ่ ๆ และการเรียนการสอนแตล่ ะหนว่ ยใช้เวลา ประมาณ ๓ ช่วั โมงตอ่ / ๑ หน่วยหรือแผนการการเรยี นใน ๑ สัปดาห์ ดังนัน้ การพฒั นาส่ือ Power Point ทมี่ ี ภาพมากกวา่ ตวั หนงั สอื ผสมกับเกมส์ท่เี กี่ยวข้องกับเน้อื หาการสอน วดี ีโอ และใช้แบบทดสอบท้ายหน่วยเพ่ือ วัดผลสมั ฤทธข์ิ องนักเรียนหลังเรยี น จะชว่ ยใหน้ กั เรยี นเข้าใจเน้ือหาเพิ่มมากข้นึ และชว่ ยทดสอบความเข้าใจ ของนักเรียนในแต่ละหนว่ ยการเรียนรู้เพอ่ื การพฒั นาในคร้งั ตอ่ ไป 5.3 การวิเคราะหจ์ ุดแข็งจดุ ออ่ นของสื่อท่ีมีอยใู่ นปัจจบุ ันเพื่อนำมาปรับปรุงหรือพฒั นาสื่อใหม่ จุดแข็ง จดุ อ่อน 1. ขอ้ ความท่ใี ส่แตล่ ะหน้าไม่ยาว 1. เนื้อหาการสอนมหี ลายหัวขอ้ 2. เพม่ิ สีสันตัวอกั ษรไดห้ ลากหลาย 2. เนน้ การบรรยายตามเนื้อหาเปน็ หลัก 3. สามารถใส่ฟงั กช์ น่ั หรอื ลูกเลน่ ได้เยอะ เชน่ รปู ภาพ วีดีโอ เกมส์ แบบทดสอบ เปน็ ต้น

5.4 ขน้ั ตอนกระบวนการปรบั ปรุงหรือพัฒนาสื่อ และสื่อทีไ่ ด้จากการพัฒนา 1. ใชต้ ัวหนงั สอื (Font) ที่อ่านงา่ ยและน่าสนใจ ประกอบกับมรี ปู ภาพ เกมส์ทเ่ี กย่ี วข้องกับเนือ้ หาการ สอน และเร่อื งทน่ี ่าสนใจเพือ่ ดึงดดู ผู้เรยี นโดยการออกแบบสอ่ื การเรียนการ สอนโดยใช้ Google site 1.1 ก่อนท่ีจะใช้งาน Google Site จะต้องมีอเี มลข์ อง Google หรอื gmail นน่ั เอง เม่อื ได้อเี มลแ์ ลว้ ก็ให้ login หรอื ลงชื่อ เข้าใชใ้ ห้เรยี บร้อย จากนั้น เข้าไปที่ Google Drive (เขา้ สรู่ ะบบ ด้วยบญั ชี Google ใหเ้ รียบร้อยกอ่ น) และคลกิ ขวา (เลอื กพ้นื ที่ วา่ งๆ) เลือก “เพ่ิมเติม” แลว้ เลือก “Google Site” ไดห้ น้าเวบไซดท์ ี่ตอ้ งการใชง้ าน 1.2 เปลี่ยนขอ้ ความดา้ นบน จากคำว่า “ชือ่ ของหนา้ ” เป็นคำอื่น ๆ ตามชื่อเว็บของเรา โดยเมอ่ื คลิกทขี่ อ้ ความ เราสามารถ พมิ พข์ ้อความ ใหมล่ งไปแทนที่ไดเ้ ลย แล้วเลือก Font ขนาดตวั อกั ษร และจดั รปู แบบข้อความ ชดิ ซ้าย ชิดขวา ฯลฯ หรือจะ เปลี่ยนรปู แบบข้อความใหเ้ ป็นแบบ ชือ่ เรือ่ ง สว่ นหัว ส่วนหวั ย่อย เล็ก ตามทีเ่ ราต้องการ 1.3 ข้ันตอนการใสข่ อ้ ความลงในเว็บไซต์ ใส่ข้อความ หรือค าอธบิ ายตา่ ง ๆ ในเว็บไซต์ ใหค้ ลิกท่ปี ่มุ กล่องขอ้ ความ 1 ครงั้ จะปรากฏกลอ่ งขอ้ ความขน้ึ มา แล้วพิมพข์ อ้ ความลงไปและสามารถ ปรบั ขนาด กลอ่ งขอ้ ความได้ เช่นตอ้ งการอพั โหลด โครงการสอนไว้หน้าเวบไซด์ เขา้ ไปรับลิง้ ท่ี Google drive 1.4 จากน้ันคัดลอก และเพ่มิ ล้งิ ลงไป ตกแต่ง เพิ่มขนาด สสี ันไดต้ ามชอบ

1.4 สามารถเพ่ิมหวั ขอ้ ได้ เชน่ เพ่ิมเน้อื หา แบบทดสอบ เกมส์ อื่นๆ โดยคลกิ เพ่มิ ตรงหน้าเวบ 2. หลงั จากออกแบบเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ให้กดเผยแพร่เวบไซต์

สอ่ื ท่ีได้จากการพัฒนา สามารถพฒั นาไดง้ ่าย ปรบั ปรงุ รปู แบบง่าย ปรบั แต่งขอ้ มูลแบบออนไลน์ และสามารถที่จะ เก็บไฟลภ์ าพ หรอื ไฟลช์ นดิ ต่างๆ ไว้ในไซตข์ องเราได้ 5.5 นำส่ือจากการสัมมนาไปปรับปรงุ ตามข้อเสนอแนะและนำไปใช้ นำสอ่ื ทไี่ ด้ไปทดสอบกบั นักเรียนทเี่ รียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ พบวา่ นกั เรยี นมคี วามสนใจและต่ืนตัว มากขน้ึ เนื่องจากเวบไซต์มีสีสัน และเกมส์น่าสนใจทำใหน้ กั เรียนมีความกระตือรือรน้ และสนใจมากขึ้น 5.6 เก็บข้อมลู การใช้ส่ือ โดยถา่ ยเป็นคลิปวีดโี อการสอน นำผลจากการใช้สื่อในการจดั การเรยี นการสอน

แผนการเรยี น แผนการจดั การเรยี นรู้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิชาวทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พฒั นาทักษะชีวติ เร่อื ง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ระดบั ชัน้ ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ช้ันปีท่ี 1 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (ดา้ นความรู)้ เมอื่ จบบทเรียนแล้ว นักเรยี นสามารถ 1. อธบิ ายวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ได้ 2. อธิบายหลกั การและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ด้านการคดิ /ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์) 1. ทักษะการสังเกต 2. ทกั ษะการกำหนดและควบคุมตวั แปร 3. ทกั ษะการตั้งสมมตฐิ าน 4. ทักษะการออกแบบการทดลอง 5. ทักษะการใช้เครือ่ งมอื และอปุ กรณ์การทดลอง 6. ทักษะการบันทึกและนำเสนอข้อมูล 7. ทกั ษะการอธบิ าย 8. ทกั ษะการประเมนิ

สาระสำคัญ การศกึ ษาทางวิทยาศาสตร์เป็นการดำเนินการวิจัยอย่างเป็นระบบ โดยใชว้ ิธกี ารทาง วิทยาศาสตรซ์ ง่ึ มี 5 ขน้ั ตอนคือ การระบปุ ญั หา การต้ังสมมติฐาน การทดลอง การรวบรวมข้อมูล และการ สรุปผลการทดลอง ทง้ั นี้ ผู้ศึกษาต้องหาความรู้ด้วยตนเองอย่างมีทักษะหรือความสามารถเพ่ือดำเนินการศึกษา หาความรู้ ตามกระบวนการ ทีถ่ ูกต้อง และทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 14 ทักษะ โดยมีเจตคตทิ ด่ี ี เพื่อให้ข้อมลู ที่ได้ในแตล่ ะข้นั ตอนมคี วามน่าเชอื่ ถือและถูกต้อง กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามขั้นตอน 5E รายการกิจกรรม การคิด/ทกั ษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ ข้นั ที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ 1.1 ครใู ชส้ อ่ื Power Point และรูปภาพประกอบการอธบิ ายเร่ืองความรู้ ทั่วไปของวธิ กี ารวิทยาศาสตร์ และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1.วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ 5 ขั้น 2. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2.1 ขั้นพืน้ ฐาน 8 ทกั ษะ 2.2 ข้นั ผสม 8 ทกั ษะ 1.2 จากนัน้ ใหผ้ ้เู รียนวิเคราะห์เน้ือหาจากวดี ีโอทีค่ รูยกตวั อย่าง (https://youtu.be/q1NcuprsHRc) ให้นักเรยี นสรปุ ว่ามีใชก้ ระบวนการทาง วิทยาศาสตรก์ ี่ขนั้ ตอน และใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้านใดบ้าง และมี ความคิดเห็นอย่างไร ขนั้ ที่ 2 ขน้ั สำรวจและค้นหา การสงั เกต 2. ครนู ำคลิปวดี โี อตัวอย่างเก่ียวกับเรอื่ งแรง \" เกา้ อี้ขวดนวดฝา่ เท้าสรา้ งสุขสู่ ชมุ ชน (ท่ีมา https://youtu.be/TOZ6UG2QwAU ) มาใหน้ ักเรยี นดู ปญั หาคือ นกั เรียนเห็นขวดนำ้ ท่นี ักเรยี นด่มื หมด แล้วถกู นำไปท้ิง ทำให้มีปรมิ าณขวดนำ้ ท่ี เหลือท้งิ จำนวนมาก และไม่ไดน้ ำไปใชป้ ระโยชนจ์ ึงมแี นวคิดท่จี ะนำขวดพลาสติก ไปใช้เพ่ือให้ชว่ ยลดขยะจากขวดพลาสตกิ ท่ีเหลือท้งิ ขัน้ ท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ สรปุ ลงความเห็น และ 3. ครใู หน้ ักเรียนสรุปความรทู้ ี่ได้จากการดวู ิดโี อ และตอบคำถามของครู เร่ือง การประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ นักเรียนสงั เกตเหตุการณ์ท่เี กิดขึน้ ในวิดโี อ ดังน้ี โดยใช้วิธกี ารต้งั คำถามดังน้ี 3.1 มีวัสดอุ ุปกรณ์อะไรบา้ ง - การกำหนดประเด็นคำถาม 3.2 มีข้นั ตอนหรือวิธีการทำอยา่ งไร - การกำหนดตัวแปร 3.3 เพราะเหตุใดเขาถงึ ใช้วิธีการซ้อนขวดใหห้ นาข้นึ ขั้นที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้

รายการกิจกรรม การคิด/ทกั ษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ 4. ครูนำอปุ กรณ์มาให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ มาทดลองทำ โดยตัง้ ปัญหาคือ “เก้าอ้ี - การตง้ั สมมติฐาน สามขาจากกระดาษหนงั สือพิมพ”์ ทส่ี ามารถรบั น้ำหนกั ได้มากทีส่ ดุ โดยกำหนดให้ - การควบคุมตวั แปร นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ กำหนดประเด็นทส่ี งสยั ทีช่ ัดเจน เพยี ง 1 ประเด็น ระบุ - การออกแบบการทดลอง สมมติฐานเปน็ คำตอบของประเด็นทีส่ งสัย ออกแบบการทดลอง โดยมกี ารควบคมุ - การใชเ้ คร่ืองมือและอุปกรณ์ ตัวแปรอ่นื ๆที่เกีย่ วขอ้ ง ทำการทดลองโดยใช้เคร่ืองมือ/อุปกรณ์ท่ีครูแจกให้ บนั ทึก การทดลอง ผลการทดลองลงในใบงานทคี่ รเู ตรียมไว้ให้ และนำเสนอข้อมูลทง้ั หมดพร้อมผล - การบนั ทึกและนำเสนอผลการ การทดลองภายในเวลาท่คี รูกำหนด ทดลอง -ทกั ษะการลงความเห็นข้อมลู -ทักษะการอธบิ าย -ทักษะการประเมนิ ขน้ั ที่ 5 ขัน้ ประเมนิ 5. จากการนำเสนอผลการทดลองของนักเรยี นแต่ละกลุม่ ให้นักเรียนสรุปความรู้ที่ ได้จากกิจกรรมน้ี โดย ตอบคำถามต่อไปน้ี 1) เก้าอที้ ีส่ ร้างขึ้นมารับนำ้ หนักได้เท่าไร 2) ทำไมถงึ เลือกออกแบบดว้ ยวิธนี ้ี เพราะเหตใุ ด 3) ในการทดสอบการรับนำ้ หนกั ตอ้ งมขี ้อควรระวังไมใ่ หเ้ กา้ อล้ี ้ม 4) การทดลองของกลุ่มใดให้รบั นำ้ หนักได้มากที่สดุ เพราะอะไร สอ่ื การสอน 1. ชดุ การทำกิจกรรม “เก้าอี้สามขาจากหนังสอื พมิ พ์” 2. ตวั อยา่ งหรอื ช้นิ งานแตล่ ะประเภท 3. คลิปวิดีโอเรอ่ื งแรงประเภทตา่ ง ๆ การวดั และประเมนิ ผล พจิ ารณาจากตวั บง่ ชี้ แสดงทักษะการคิด และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ความถกู ต้องของ คำตอบ และการนำเสนอผลงานของนักเรยี น

แบบทดสอบการใช้สื่อการเรียนการสอนจากการสอนโดยใช้เกม กบั การสอนปกติ จากการเปรียบเทียบความชอบของนักเรียนทมี่ ีต่อการสอนโดยใชเ้ กมและการเรียนการสอนปกติ ปรากฏวา่ นกั ศึกษามีความชอบในด้านการสอนโดยใชเ้ กมมากกวา่ การสอนปกติ การเรียนทส่ี อนโดยบรรยาย ทำให้นักศกึ ษาขาดความสนใจในเนอ้ื หา เนอ้ื หาเยอะ ทำให้นกั เรียนเกดิ ความเบอ่ื หนา่ ย เมอื่ นำการเรียนมา สรา้ งเปน็ เกมส์ จะเป็นการสร้างความสนใจและอยากทจ่ี ะเรยี นรู้เพ่ิมมากข้นึ เน่ืองจากมีการนำวิธกี ารสอน แปลกๆใหม่ๆมานำเสนอทำ ใหน้ ักเรียนเกิดความสนใจอยากจะเรยี นและมีความชอบในการเรยี นการสอนโดย เพมิ่ มากข้นึ มรี ายละเอยี ดดงั นี้






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook