ม.5 หน่วยที่ 1.1 วิทยาการคอมพิวเตอร์กับการดำเนินชีวิต

เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 THANK YOU โทร. 0949234774 E-mail [email protected] คุณครูกญั ญาณี แสนตรี กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนกีฬานครนนทว์ ทิ ยา ๖

1หน่วยการเรียนรู้ท่ี วิทยาการคอมพิวเตอร์ สือ่ ดจิ ิทลั และเทคโนโลยสี ารสนเทศกับการดาเนินชวี ิต ตัวชวี้ ดั • รวบรวม วิเคราะหข์ อ้ มลู และใช้ความรดู้ า้ นวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดจิ ิทลั เทคโนโลยีสารสนเทศในการแกป้ ัญหา หรอื เพ่มิ มลู ค่าให้กบั บริการ หรอื ผลติ ภณั ฑท์ ใ่ี ชใ้ นชีวิตจรงิ อย่างสรา้ งสรรค์

1. วทิ ยาการคอมพิวเตอรก์ บั การดาเนนิ ชวี ิต การพัฒนาซอฟตแ์ วร์ นาไปใช้งานด้านกราฟกิ และมลั ติมีเดยี ทักษะเขยี นโปรแกรมด้านภาษาตา่ ง ๆเช่น นาคอมพิวเตอร์ ไปใช้งานดา้ นการออกแบบ ภาษาไพทอน ภาษาจาวา เพื่อนาไปใช้งาน ประมวลผล สรา้ งภาพ จัดการทง้ั ภาพนง่ิ และ ภาพเคลอ่ื นไหว โครงสรา้ งและการควบคมุ ระบบคอมพวิ เตอร์ การประยกุ ต์ใช้งานอย่างชาญฉลาด เรยี นรโู้ ครงสร้างและสถาปตั ยกรรมทั้งฮารด์ แวร์ สรา้ งระบบสารสนเทศทม่ี ีความชาญฉลาด หรอื และซอฟต์แวร์ ปัญญาประดษิ ฐ์ (AI) การสือ่ สารระหวา่ งเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ การคานวณและการประยกุ ตใ์ ชง้ านระดบั สงู และอุปกรณ์ส่ือสาร นาไปประยุกต์ใช้งานระดับสงู ที่มกี ารประมวลผล การ เปน็ การสื่อสารขอ้ มูล โครงสรา้ งโปรโตคอล คานวณระดบั ยาก ซบั ซ้อนมาก ของระบบเครอื ขา่ ยรวมถึงนาอุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกส์ มาเชอื่ มต่อผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์

1. วทิ ยาการคอมพิวเตอร์กับการดาเนินชีวติ การพฒั นาซอฟตแ์ วร์ ทักษะเขยี นโปรแกรมดา้ นภาษาตา่ ง ๆ เชน่ ภาษาไพทอน ภาษาจาวา เพอ่ื นาไปใชง้ าน ตอ้ งรหู ้ ลกั การเขยี นโปรแกรมและการ ออกแบบอลั กอรทิ มึ เพอื่ ใชใ้ นการพัฒนา ซอฟตแ์ วรอ์ อกมาอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพตรง ตามความตอ้ งการของผใู ้ ชง้ าน ทงั้ ใน รปู แบบของ... - Web Application - Mobile Application - Desktop Application - Games

วฏั จกั รการพัฒนาระบบ วัฏจักรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle : SDLC) การวางแผน การวิเคราะห์ การออกแบบ ความต้องการ SDLC การซ่อม การตดิ ตั้งระบบ การพัฒนาระบบ บารงุ ระบบ

ตัวอย่าง ขน้ั ตอนการพัฒนาเกมคอมฯตามวัฏจักรการพฒั นาระบบ SDLC) โดยใชก้ ระกวนการ 6W2H การวางแผน 1. Why ทาไมตอ้ งพัฒนาเกมน้ี 2. When จะเรมิ่ พัฒนาเกมเมอื่ ไร 3. Where จะพัฒนาเกมนที้ ไ่ี หน 4. Whom จะพัฒนาเกมนใี้ หใ้ คร ;k’ 5. What จะใชอ้ ะไรพัฒนาเกมน้ี ตดิ ตัง้ 6. Who ใครจะพัฒนาเกมนี้ ระบบ 7. How Much จะใชต้ น้ ทนุ เทา่ ไรในการพัฒนา 8. How to จะพฒั นาเกมนอ้ี ยา่ งไร การพัฒนาระบบ

2. สอื่ ดิจิทัลกบั การดาเนนิ ชีวิต สอื่ ดจิ ทิ ลั (Digital media) ทำงำนบนพนื้ ฐำนสญั ญำณดจิ ทิ ลั แทนคำ่ ดว้ ยคำ่ สถำนะ คอื 0 และ 1 มขี อ้ ดี คอื ทำใหเ้ กดิ ควำมผดิ พลำดไดน้ อ้ ย ในขณะทสี่ ญั ญำณแอนำล็อกมขี นำด สญั ญำณทไี่ ม่คงที่ เปลยี่ นแปลงแบบคอ่ ยเป็ นคอ่ ยไป ซงึ่ ถกู รบกวนทำใหแ้ ปลควำมหมำย ผดิ พลำดไดง้ ่ำย แอนาลอ็ ก ดจิ ิทลั

2. สอ่ื ดจิ ทิ ัลกบั การดาเนนิ ชีวติ องคป์ ระกอบของสือ่ ดิจทิ ัล ข้อความ ภาพน่ิง วดิ ีโอ เสยี ง ภาพเคลอื่ นไหว ส่ือดิจิทลั มปี รมิ าณการแพร่หลาย และมีอทิ ธพิ ลมากในโลกโซเชียล มีคอนเทนทห์ ลากหลายประเภทใหเ้ ลือกใช้ ต้องใช้วิจารณญาณและความรอบคอบในการนาไปใชง้ านมาก

2. ส่อื ดิจทิ ลั กบั การดาเนนิ ชีวิต ประเภทของสือ่ ดิจิทัล เว็บไซต์ ซดี /ี ดีวีดี โทรทัศนด์ ิจทิ ลั วทิ ยดุ ิจทิ ัล พอตแคสต์ โปรแกรมประยุกต์

2. ส่ือดจิ ทิ ัลกับการดาเนนิ ชีวติ ข้อดี ขอ้ เสยี ความคงทน มคี ุณภาพคงทน ผดิ พลาดหรอื ผิดเพีย้ นได้ยาก สือ่ ดจิ ิทลั เป็นสิ่งท่ีสามารถนาไปกระทาความผดิ กู้ขอ้ มูลจากเทปทถี่ ูกบนั ทกึ ด้วยระบบดิจทิ ลั ไดง้ า่ ยกว่าแอนะลอ็ ก ไดง้ ่าย เช่น นาภาพของบคุ คลอนื่ มาตดั ตอ่ เปน็ ภาพลามกอนาจาร การนาผลงานของ สามารถนาไปใชง้ านได้หลากหลายวธิ ี ขอ้ มลู ท่จี ัดเกบ็ ในรปู แบบ บคุ คลอ่ืนมาทาซา้ กบั ส่ือทมี่ ีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ดิจิทัลเปน็ ขอ้ มลู ท่สี ามารถแปลงไปเปน็ ขอ้ มลู ในรูปแบบอืน่ ได้ สามารถผสมผสานกบั สือ่ รปู แบบอื่นได้ นาสอ่ื ดจิ ิทลั รูปแบบ หน่งึ มาผสมผสานกบั ส่ือดิจทิ ัลอีกรปู แบบหน่ึง สามารถนามาปรบั แต่งไดง้ ่าย การปรบั แตง่ ส่อื ดจิ ทิ ลั ประเภท ภาพถา่ ย วิดโี อ และเสียงใหม้ คี ณุ ภาพดีกวา่ เดิม

3. เทคโนโลยสี ารสนเทศกับการดาเนินชวี ิต ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ลดเวลาในการทางาน ช่วยในการตดั สินใจ ลดค่าใช้จา่ ยลดต้นทุน เสรมิ สร้างคณุ ภาพชีวิตดีขึ้น การสง่ ออกรวดเรว็ ขึ้น สรา้ งความได้เปรยี บในการแขง่ ขัน ทางานรว่ มกันไดร้ าบรนื่

4. การเพิม่ มูลคา่ ใหก้ ับสินคา้ และบรกิ าร เทคโนโลยที ีส่ ามารถนาไปช่วยเพ่ิมมลู คา่ ใหก้ บั สนิ คา้ และบริการ เทคโนโลยดี ้านฮาร์ดแวร์ การสร้างอปุ กรณ์ตา่ งๆที่ควบคมุ ดว้ ยคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ใหก้ ารทางานสะดวก รวดเรว็ ลดต้นทุน เชน่ ทาหุ่นยนตม์ าใชใ้ นการทางานทตี่ อ้ งการความถกู ต้อง แม่นยา งานท่ตี อ้ งเส่ียงอันตราย เทคโนโลยดี า้ นซอฟต์แวร์ การพัฒนาซอฟตแ์ วร์ท่ีจะให้การทางานเพิม่ ประสิทธิภาพมากข้นึ เรว็ ขนึ้ ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย เช่น แอปพลเิ คชนั ในการให้บรกิ ารต่าง ๆ เทคโนโลยดี ้านการจดั การขอ้ มลู ระบบทจี่ ะจดั การ นาขอ้ มูลมาวเิ คราะห์ สังเคราะห์ เพอื่ นาไปใชป้ ระโยชนด์ ้านการออกแบบ การจัดการ เช่น ระบบวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมการซือ้ สินค้าของผบู้ ริโภคช่วงปีใหม่

4. การเพ่มิ มลู คา่ ให้กับสนิ ค้าและบรกิ าร ตัวอยา่ งการใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ แอปพลิเคชนั ขององคก์ รการขนสง่ มวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) ViaBus ตาแหน่งและทศิ ทางของรถโดยสารประจาทางสาย 59 หนา้ หลกั แอปพลเิ คชนั การติดตามตาแหนง่ รถ การคน้ หาเสน้ ทาง การแสดงขอ้ มูลเส้นทาง การระบุสภาพปัญหา แบบเรียลไทม์ การเดินทาง รถโดยสารฯ การจราจร



กจิ กรรมวนั น้ี คาชแี้ จง : นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ พรอ้ มทงั้ บนั ทกึ ลงในสมดุ เพอ่ื รับลายเซน็ สง่ สมดุ ทา้ ยชว่ั โมง 1.การสรา้ งฐานขอ้ มลู ทเี่ กยี่ วกบั การทาสามะโนครัวประชากรในประเทศไทย เป็ นขนั้ ตอนของวฏั จักรการพัฒนาระบบในขอ้ ใด ก. การวางแผน ข. การตดิ ตงั้ ระบบ ค. การพัฒนาระบบ ง. การซอ่ มบารงุ ระบบ จ.การวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการ 2. ขนั้ ตอนการดาเนนิ งานโครงการพฒั นาคอมพวิ เตอร์ มกี ารจัดตงั้ ทมี งานในโครงการเพอื่ ชว่ ยกนั แกป้ ัญหาและชว่ ย พฒั นาระบบคอมพวิ เตอร์ เป็ นขนั้ ตอนของวฏั จักรการพัฒนาระบบในขอ้ ใด ก. การวางแผน ข. การตดิ ตงั้ ระบบ ค. การพัฒนาระบบ ง. การซอ่ มบารงุ ระบบ จ.การวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการ ฉ.การซอ่ มบารงุ ระบบ 3. ถา้ หากไมม่ วี ทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ ในสงั คมไทยจะเป็ นอยา่ งไร (เขยี นบรรยาย) 3 ขอ้ งา่ ยๆ สๆู ้ คะ่

เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 THANK YOU โทร. 0949234774 E-mail [email protected] คุณครูกญั ญาณี แสนตรี กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนกีฬานครนนทว์ ทิ ยา ๖