Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 7 สื่อสร้างสรรค์ธุรกิจดิจิทัล3 atc2021

7 สื่อสร้างสรรค์ธุรกิจดิจิทัล3 atc2021

Published by Woraphong Isarangkoon Na Ayuthya, 2021-11-25 07:11:35

Description: ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการและกระบวนการคิดสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจ องค์ประกอบ และรูปแบบของสื่อดิจิทัล เทคนิคการสร้างสรรค์สื่อข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดีโอ ตามแนวคิด กลยุทธ์ เนื้อหาและการออกแบบให้สอดคล้องกบวัตถุประสงค์ทางธุรกิจผลิตสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจโดยใช้เครื่องมือดิจิทัลให้สอดคล้องกบกลยุทธ์ของธุรกิจที่กำหนด

Search

Read the Text Version

สื่อสร้างสรรค์ ธุรกิจดิจิทัล 30204-2102 สื่อสร้างสรรค์ ธุรกิจดิจิทัลรหัสวิชา 30204-2102 MEDIA BUSINESS DIGITAL หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พุ ทธศักราช 2564 เขียนโดย นายวรพงศ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

สื่อดิจิทัล จุดประสงค์รายวิชา เพื่ อให้ 1. เข้าใจหลักการ กระบวนการคิดสื่อ สร้างสรรค์ทางธุรกิจ 2. สามารถผลิตสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจ 3. มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีในการปฏิบัติ งานด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ละเอียด รอบคอบ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้ หลักการ กระบวนการ คิดสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจ 2. ออกแบบสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจ 3. ผลิตสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจ คำอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการและ กระบวนการคิดสื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจ องค์ประกอบ และรูปแบบของสื่อดิจิทัล เทคนิคการสร้างสรรค์สื่อข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดีโอ ตามแนวคิด กลยุทธ์ เนื้อหาและการออกแบบให้ สอดคล้องกบวัตถุประสงค์ทางธุรกิจผลิต สื่อสร้างสรรค์ทางธุรกิจโดยใช้เครื่องมือ ดิจิทัลให้สอดคล้องกบกลยุทธ์ของธุรกิจที่ กำหนด

สื่อดิจิทัล คือ ? สื่อดิจิทัล หมายถึง สื่อที่มีการนำเอา ข้อความ กราฟิก ภาพเคลื่อนไหว เสียง มา จัดรูปแบบ โดยอาศัยเทคโนโลยีความเจริญ ก้าวหน้าทางด้านคอมพิวเตอร์สื่อ สื่อสาร ทางออนไลน์ สื่อผสม หมายถึง สื่อมัลติมีเดีย ที่ต้อง อาศัยการใช้คอมพิวเตอร์แสดงผล เป็น ลักษณะการผสมสื่อหลายชนิดเข้าด้วยกัน โดยเน้นที่การ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เห็น ได้ เลือกก่อนนำมาใช้ วิวัฒนาการ การพัฒนาการเขียนในยุค ต่างๆ ในอดีตทำให้เกิดการเรียนรู้จนถึง ปัจจุบันสู่การใช้การสื่อสารทางอินเทอร์ เน็ต เป็นสถิติที่สูง ทำให้ต้องมีการบริหารจัดการ และกำหนดมาตรฐานสื่อดิจิทัลขึ้นเพื่ อให้ผู้ ใช้ได้เข้าถึงได้สูงสุด

สื่อดิจิทัล คือ ? สื่อดิจิตอล คือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่มี ข้อมูลถูกเก็บไว้ในระบบ ดิจิตอล ตรงข้ามกับอะนา ล็อก สามารถอ้างด้าน เทคนิคของ การจัดเก็บ และ การส่งผ่าน เช่น ฮาร์ด ดิสก์ไดรฟ์ หรือ เครือข่าย คอมพิ วเตอร์ของข้อมูล หรือไปยัง สินค้าที่สิ้นสุด เช่น วิดีโอดิจิตอล, เติม ความเป็นจริง หรือ ดิจิตอลศิลปะ ฟลอริด้าของสื่อดิจิตอลสมาคมอุตสาหกรรม, DIGITAL MEDIA พันธมิตรฟลอริดา, กำหนดสื่อ ดิจิตอลเป็น \"ลู่ความคิดสร้างสรรค์ของศิลปะดิจิตอล, วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและธุรกิจสำหรับการ แสดงออกของมนุษย์ในการสื่อสารปฏิสัมพั นธ์ทาง สังคมและการศึกษา\"

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การออกแบบชิ้นงาน นำเสนอด้วยสี่อดิจิทัล หลักการออกแบบการนำเสนอ ด้วยสื่อธุรกิจดิจิทัล หลักการออกแบบการนำเ สนอข้อมูลข้อมูลโดยทั่วไป จะมีหลักการคล้าย ๆ กันไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผ่าน สื่อรูปแบบต่างๆ เช่น สไลด์ เว็บเพจ สื่อการสอน วึ่ง ส่วนใหญ่จะมีวิธีการดังนี้

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 1.) ความเรียบง่าย จัดทำสไลด์ให้ดูเรียบ ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ใช้สีอ่อนเป็นพื้ นหลังเพื่ อไม่ รบกวนสายตาในการอ่าน และสามารถเห็นเนื้อหาได้ อย่างชัดเจน หรือใช้พื้น หลังตามลักษณะเนื้อหา 2.) มีความคงตัว เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการนำเสนอสไลด์ซึ่งเป็น เนื้อหาเนื้อหาในเรื่องเดียวกัน คือ ต้องมีความคงตัว ในการออกแบบสไลด์ซึ่งหมายถึงต้องใช้รูปแบบสไลด์ เดียวกันทุกแผ่นที่เกี่ยวกับเนื้อหานั้น โดยไม่จำเป็น ต้องเปลี่ยนสี พื้นหลัง หรือขนาดและแบบอักษร แต่ หากต้องการเน้นจุดสำคัญหรือเป็นเนื้อหาย่อยออกไป จะสามารถเปลี่ยนบางสิ่ง เช่น สีตัวอักษรในสไลด์ให้ดู แตกต่างไปได้บ้างหรืออาจมีการเปลี่ยนสีพื้ นหลังให้ แตกต่างจากเนื้อหาเล็กน้อย

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 3.) ใช้ความสมดุล การออกแบบส่วนประกอบของสไลด์ให้ มีลักษณะ สมดุลมีแบบแผน หรือ สมดุลไม่มีแบบแผนก็ได้แต่ ต้องระวังสไลด์ทุกแผ่นให้มีลักษณะของความสมดุลที่ เลือกใช้ให้เหมือนกันเพื่ อความคงตัว 4.) มีแนวคิดเดียวในสไลด์แต่ละแผ่น ข้อความและภาพที่บรรจุในสไลด์แผ่นหนึ่ง ๆ ต้อง เป็นเนื้อหาของแต่ละแนวคิดเท่านั้น หากเนื้อหานั้นมี หลายแนวคิด หรือเนื้อหาย่อยต้องใช้สไลด์แผ่นใหม่

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 5.) สร้างความกลมกลืน ใช้แบบอักษรและภาพกราฟิกให้เหมาะสมกับลักษณะ ของเนื้อหาใช้แบบอักษรที่อ่านง่าย และใช่สีที่ดูแล้ว สบายตา เลือกกราฟิกที่ไม่ซับซ้อน และให้ถูกต้องตรง ตามเนื้อหารวมถึงให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่เป็นทางการ หรือไม่เป็นทางการด้วย 6.) แบบอักษร ไม่ใช่อักษรมากกว่า 2 แบบ ในสไลด์เรื่องหนึ่ง โดย ใช้แบบหนึ่งเป็นหัวข้อ และอีกแบบหนึ่งเป็นเนื้อหา หาก ต้องการเน้นข้อความตอนใดให้ใช้ตัวหนา หรือตัวเอน แทนเพื่ อการแบ่งแยกให้เป็นความแตกต่าง

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 7.) เนื้อหา และจุดนำข้อความ ข้อความในสไลด์ควรเป็นเฉพาะหัวข้อ หรือเนื้อหา สำคัญเท่านั้นโดยไม่มีรายละเอียดของเนื้อหา และควร นำเสนอเป็นแต่ละย่อหน้า โดยอาจมีจุดนำข้อความอยุ่ ข้างหน้าเพื่ อแสดงให้ทราบถึงเนื้อหาแต่ละประเด็น และไม่ควรมีจุดนำข้อความมากว่า 4 จุดในสไลด์หนึ่ง แผ่น 8.) เลือกใช้กราฟิกอย่างระมัดระวัง การใช้กราฟิกที่เหมาะสมจะสามรถเพิ่ มการเรียนรู้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากใช้กราฟิกที่ไม่เหมาะสม กับเนื้อหาจะทำให้การเรียนรู้นั้นลดลง และอาจทำให้สื่อ ความหมายผดไปได้

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 9.) ความคมชัดของภาพ เนื่องจากความคมชัดของจอมอนิเตอร์มีเพียง 72- 96 DPI เท่านั้น ภาพกราฟิกที่นำเสนอประกอบใน เนื้อหาจึงไม่จำเป็นต้องใช้ภาพที่มีความชัดสูงมาก ควรใช้ภาพในรุปแบบ JPEG ที่มีความคมชัดปานกลาง และขนาดใหญ่มากนัก ประมาณ 20-50 KB จึงควร ทำการบีบอัด หรือ COMPRESS และลดขนาดก่อน เพื่ อไม่ให้เปลืองเนื้อที่ในการเก็บบันทึก 10.) เลือกต้นแบบสไลด์ และแบบอักษรที่ เหมาะสมกับอุปกรณ์ร่วม เนื่องจากการนำเสนอต้องมีการเชื่อมต่อคอมพิ ว เตอร์เข้ากับอุปกรณ์ร่วม

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การใช้งานโปรแกรมนำเสนอ ด้วยสื่อดิจิทัล หลักการนำเสนอข้อมูลและสร้างสื่อนำเสนอ การนำเสนองานหรือผลงานนั้นสื่อนำเสนอ เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมเนื้อหาของผู้บรรยายไปยัง ผู้ฟังและผู้ชม ดังนั้นสื่อจึงมีบทบาทสำคัญอย่างมาก สื่อที่ดี จะช่วยให้การถ่ายทอดเนื้อหาสาระทำได้อย่าง รวดเร็วยิ่งขึ้น ผู้ฟังและผู้ชมจะสามารถ จดจำเนื้อหา สาระได้นานและเข้าใจในเนื้อหาได้ดีมากขึ้น ความ หมายการนำเสนอ การนำเสนอข้อมูล หมายถึง การ สื่อสารเพื่อเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น หรือ ความต้องการไปสู่ผู้ชม ผู้ฟังโดยใช้เทคนิคหรือวิธี การต่าง ๆ อันจะทำให้บรรลุ ผลสำเร็จตามจุดมุ่ง หมายของการนำเสนอ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 จุดมุ่งหมายในการนำเสนอ 1. เพื่อให้ผู้ชม ผู้ฟังรับเข้าใจสาระสำคัญของการนำ เสนอข้อมูล 2. ให้ผู้ชม ผู้ฟังเกิดความประทับใจและนำไปสู่ ความเชื่อถือในข้อมูลที่นำเสนอ การนำเสนอผลงานโดยใช้สื่อโสตทัศนูปกรณ์ มีผล ในทางจิตวิทยาการเรียนรู้ ซึ่งได้มีการ ค้นพบจาก การวิจัยว่าการรับรู้ข้อมูลโดยผ่านทางประสาทสัมผัส สองอย่าง คือ ตา และหูพร้อมกันนั้น ทำให้เกิดการ รับรู้ที่ดีกว่าส่งผลในด้านความสามารถในการจดจำได้ มากกว่าการรับรู้โดยผ่านตา หรือ หูอย่างใดอย่าง หนึ่งเพี ยงอย่างเดียว จึงได้มีการพั ฒนาสื่อโสตทัศนูปกรณ์รูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาใช้งาน โดยเฉพาะสื่อประสม

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หลักการพื้ นฐานของการนำเสนอผลงาน มีจุดเน้นสำคัญดังนี้ 1) การดึงดูดความสนใจ โดยการออกแบบให้สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้นชวน มอง และมีความสบายตาสบายใจขึ้น เมื่อชมการนำ เสนอ ดังนั้นการเลือกองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น สีพื้น แบบ สี และขนาดของตัวอักษร รูปประกอบ ต้อง เหมาะสม สวยงาม 2) ความชัดเจนและความกระชับของเนื้อหา ส่วนที่เป็นข้อความต้องสั้นแต่ได้ใจความชัดเจน ส่วนของที่เป็นภาพประกอบต้องมีส่วนสัมพั นธ์อย่าง สร้างสรรค์กับข้อความที่ต้องการสื่อความหมาย การ ใช้ภาพประกอบ มีประโยชน์มาก ดังคำพังเพยภาษา อังกฤษที่ว่า \"A PICTURE IS WORTH A THOUSAND WORDS\" หรือ \"ภาพภาพหนึ่งนั้นมีค่า เทียบเท่ากับคำพู ดหนึ่งพันคำ\" แต่ประโยคนี้คงไม่เป็น จริงหากภาพนั้นไม่มีความสัมพันธ์ อย่างสร้างสรรค์ กับความหมายที่ต้องการสื่อ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจ ใช้ภาพใดประกอบ จึงควรตอบคำถาม ให้ได้เสียก่อน ว่าต้องการใช้ภาพเพื่ อสื่อความหมายอะไรและภาพที่ เลือกมานั้นสามารถทำหน้าที่สื่อความหมายเช่นนั้น จริงหรือไม่

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 3) ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย การสร้างจุดเน้นตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้นต้อง คำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น กลุ่มเป้าหมายเป็น เด็ก การใช้สีสด ๆ และภาพการ์ตูนมีความเหมาะสม แต่ถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่และเนื้อหาที่นำเสนอ เป็นเรื่องวิชาการหรือธุรกิจ การใช้สีสันมากเกินไป และการใช้รูปการ์ตูนอาจทำให้ดูไม่น่าเชื่อถือเพราะขาด ภาพลักษณ์ของการเอาจริงเอาจังไป หลักการเลือกใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเพื่ อการนำ เสนองาน พรพิมล อรัญเวศ ได้เสนอหลักการเลือก ซอฟต์แวร์ และหลักการนำเสนอผลงานโดยใช้ ซอฟต์แวร์ไว้ ดังนี้

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 3.1) ทำความเข้าใจกับงานที่เราต้องการนำ เสนอ ก่อนการเลือกระบบสารสนเทศมาใช้ในการนำเสนอ งานนั้น เราต้องเข้าใจถึงลักษณะงานที่เราต้องการนำ เสนอก่อนว่า เป็นงานในลักษณะใด เช่น เป็นข้อความ หรือมีการคำนวณหรือเป็นงานที่เกี่ยวกับการค้น การ เก็บรักษาข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกระบบ สารสนเทศที่เหมาะสมกับงานนั้น ๆ 3.2) เลือกโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้ เมื่อทราบลักษณะของงานที่ต้องการนำเสนอแล้ว เราจะเลือกระบบสารสนเทศที่เหมาะสมกับการนำเสนอ งานนั้น งานบางอย่างเราอาจใช้ระบบสารสนเทศใน การนำเสนอได้หลายอย่าง เราอาจต้องเลือกว่าจะใช้ ระบบใด ผู้ใช้ต้องมีความเข้าใจในความสามารถของ ระบบนั้น โดยเฉพาะในส่วนของซอฟต์แวร์หรือ โปรแกรมว่าแต่ละโปรแกรมมีความสามารถใดบ้าง เราอาจจะต้องทำการประเมินว่าโปรแกรมใดมีความ เหมาะสมเพียงใด แล้วจึงเลือกโปรแกรมที่เห็นว่า เหมาะสมที่สุด

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 3.3) จัดหาเครื่องมือตามความต้องการของ ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมแต่ละโปรแกรมมีความ สามารถไม่เหมือนกัน ขนาดของโปรแกรมก็ไม่เท่ากัน ทำให้ความต้องการของฮาร์ดแวร์ในการทำงานตาม โปรแกรมนั้นแตกต่างกัน ในคู่มือการใช้งานโปรแกรม หรือซอฟต์แวร์นั้นจะบอกข้อกำหนดของฮาร์ดแวร์ที่ ต้องการสำหรับการใช้งานไว้ว่าจะต้องมีส่วนประกอบ อะไรบ้าง เราจะต้องจัดหาฮาร์ดแวร์ให้ได้ตามข้อ กำหนดนั้นเพื่ อให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ สำหรับระบบโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้กับ ไมโครคอมพิวเตอร์นั้น ส่วนใหญ่สามารถนำมาใช้กับ ไมโครคอมพิ วเตอร์มาตรฐานที่มีขายทั่วไปได้เลย ยกเว้นอุปกรณ์ประเภทเครื่องพิ มพ์ ที่อาจเลือกได้ ตามความต้องการว่าเป็นเครื่องพิมพ์สีขาว/ดำ หรือ หลายสี จอภาพจะใช้ขนาดใหญ่กี่นิ้ว หรือฮาร์ดดิสก์ที่ อาจต้องดูขนาดความต้องการว่าซอฟต์แวร์มีขนาด เท่าใด และฮาร์ดดิสก์จะพอใช้หรือไม่ เพราะในไมโคร คอมพิ วเตอร์หนึ่งเครื่องนั้นเรามักจะบรรจุโปรแกรม หรือซอฟต์แวร์ไว้หลายชนิด และปริมาณแฟ้มข้อมูลที่ มีอยู่เดิมอาจมากจนกระทั่งพื้ นที่ที่เหลือไม่เพี ยงพอ ต่อการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูปใหม่นั้น

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 3.4) การใช้งานโปรแกรม ในการใช้งานนั้น นอกาจากผู้ใช้จะต้องทำความ เข้าใจการทำงานของฮาร์ดแวร์ว่าใช้งานอย่างไรแล้ว รายละเอียดการใช้งานซอฟต์แวร์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ ใช้จะต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อนการใช้งาน ส่วน ใหญ่จะศึกษาจากคู่มือของโปรแกรมสำเร็จรูปนั้นเพื่ อ ความเข้าใจในความสามารถก่อน ปกติแล้วคู่มือการใช้ งานมาจากเจ้าของผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ซึ่งมักจะอธิบาย ถึงความสามารถตามฟังก์ชั่นที่มีอยู่ แต่มักจะไม่ค่อย มีตัวอย่างการประยุกต์ใช้ ผู้ใช้ต้องทดลองเอง จึงได้ มีผู้ที่มีความรู้ความสามารถในโปรแกรมนั้น ๆ ทำคู่มือ การใช้งานในลักษณะการประยุกต์ มีตัวอย่างของ งานแสดงให้เห็น ทำให้สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วขึ้น และในปัจจุบันนี้มีการทำคู่มือการใช้งานในรูปของสื่อ คอมพิวเตอร์ที่เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น ทำเป็นซีดีการ ใช้งาน เป็นต้น ฉะนั้นผู้ใช้งานที่ยังไม่มีประสบการณ์ จึงควรเรียนรู้จากคู่มือการใช้งาน ทำความเข้าใจให้ ชัดเจนก่อน แล้วจึงลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 รูปแบบการนำเสนอข้อมูลโดยใช้คอมพิ วเตอร์ ปัจจุบันที่นิยมใช้กันมี 2 รูปแบบ 1. การนำเสนอแบบ Web page เป็นรูปแบบการนำเสนอที่ใช้บนอินเทอร์เน็ต การนำเสนอแบบนี้สามารถสร้างการเชื่อมโยงที่ สลับซับซ้อนระหว่างส่วนต่าง ๆ ตลอดจนสามารถ สร้างการเชื่อมโยงเอกสารที่ต่างรูปแบบกันได้แต่ ต้องใช้เวลาในการจัดทำมากกว่า รูปแบบอื่นและผู้ จัดทำต้องมีความรู้ความชำนาญในโปรแกรมที่ใช้ สร้างเว็บเพจ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 2. การนำเสนอแบบ Slide Presentation เป็นการนำเสนอโดยใช้โปรแกรมนำเสนอ ซึ่ง เป็นโปรแกรม ที่ใช้ง่ายมากมีรูปแบบการนำเสนอให้ เลือกใช้หลายแบบ สามารถเรียกใช้ตาราง แผนภูมิ หรือรูปภาพประกอบ และตกแต่งด้วยสีสัน ทั้งสี พื้น สีของตัวอักษร รูปแบบฟอนต์ ของตัวอักษร ได้ง่ายและสะดวก ในปัจจุบันสื่อนำเสนอรูปแบบ Slide Presentationหรือ สไลด์ดิจิทัล มักจะ สร้างด้วยโปรแกรมในกลุ่ม Presentation เช่น Microsoft PowerPoint, OfficeTLE Impress เทคนิคการออกแบบสื่อนำเสนอ สื่อนำเสนอที่ดี ความมีความโดดเด่น น่าสนใจ จะเน้นความคิด “ หนึ่งสไลด์ต่อ หนึ่งความคิด ” มีการสรุปประเด็น หรือสาระสำคัญโดยมีแนวทาง 3 ประการในการ ออกแบบ ได้แก่

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 1) สื่อความหมายได้รวดเร็ว สื่อนำเสนอที่ดีต้องสามารถสื่อความหมายให้ผู้ ฟัง ผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว การออกแบบ สื่อนำ เสนอในประเด็นนี้ผู้ออกแบบจะต้องทราบกลุ่มเป้า หมาย เนื้อหาสาระที่ต้องการนำเสนอ สถานที่ และ เวลาที่ต้องการนำเสนอเพื่ อประกอบการออกแบบ สื่อ เช่น กลุ่มเป้าหมายขนาดเล็ก สื่อควรมีให้ความ สำคัญกับผู้ฟังมากกว่าเนื้อหา สามารถนำเทคนิค หรือ Effect ต่าง ๆ ของโปรแกรมสร้างสื่อมา ใช้ได้อย่างเต็มที่ กลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะโต้ตอบ เช่นการนำเสนอทางวิชาการ การบรรยาย หรือฝึก อบรม สื่อนำเสนอควรให้ ความสำคัญกับเนื้อหา รวมทั้งยังสามารถนำเทคนิค หรือ Effect ต่าง ๆ ของโปรแกรมสร้างสื่อ มาใช้ได้อย่างเต็มที่เช่นกัน กลุ่มเป้าหมายเฉพาะกิจ เช่นผู้บริหาร นักวิชาการ สื่อนำเสนอจะต้องให้ความสำคัญกับเนื้อหาและตัว ผู้นำเสนอเป็นสำคัญเนื้อหาควรมุ่งเฉพาะเป้าหมาย ของการนำเสนอ ไม่เน้น Effect มากนัก กลุ่มเป้า หมายขนาดใหญ่ การนำเสนอมักใช้ความสำคัญกับ ผู้บรรยายมากกว่าเนื้อหาที่นำเสนอ ดังนั้น สื่อนำ เสนอไม่ควรเน้นที่ Effect แต่ควรให้ความสำคัญ กับขนาดตัวอักษร สีตัวอักษร และลักษณะของสี พื้ นสไลด์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 2) เนื้อหาเป็นลำดับ สื่อนำเสนอที่ดีควรมีการจัดลำดับเนื้อหาเป็นลำดับ มีระเบียบ ดูง่าย ไม่สับสนสิ่งที่ จะช่วยให้การออกแบบ สื่อนำเสนอที่ต้องการจัดลำดับเนื้อหาให้เป็นระเบียบ และดูง่าย คือ 2.1) รูปแบบเนื้อหา สื่อนำเสนอแต่ละสไลด์ ควรหลีก เลี่ยงการนำเสนอแบบย่อหน้า หากไม่สามารถหลีก เลี่ยงได้ควรใช้ เทคนิคการเน้นแนวคิดหลัก( Main Idea) ในแต่ละย่อหน้าด้วยสีที่โดดเด่น เช่น พื้นหลังสี ขาว ตัวอักษรสีดำ ควรเน้นแนวคิดหลัก ( Main Idea)ด้วยสีแดงเป็นต้น แต่ละสไลด์เนื้อหาไม่ควรเกิน 6 – 8 บรรทัด ควรสรุปเนื้อหาให้เป็นหัวเรื่อง (Title) และหัวข้อ(Topic) หรือแนวคิดหลัก (Main Idea) 2.2) แบบอักษร การควบคุมการแสดงข้อความใน แต่ละสไลด์ ควรให้ความสำคัญ กับขนาดตัวอักษร ดังนี้ - หัวข้อใหญ่กำหนดขนาดตัวอักษรใหญ่กว่า หัวข้อย่อย - เลือกใช้แบบอักษรที่เหมาะสม - เปลี่ยนลักษณะของตัวอักษรนั้น ใช้ตัวหนาใน ข้อความที่ต้องการเน้น - ใช้ช่องว่างในการจัดกลุ่มของเนื้อหา - ข้อความที่ต้องการให้อ่านก่อน ควรจัดไว้ ที่ตำแหน่งมุมซ้ายบนของหน้า - พิมพ์ตัวอักษรลงกรอบที่วางแบบไว้แล้ว - ขึ้นหัวข้อก่อนแล้วจึงอธิบายอย่างละเอียด - ใช้สีที่แตกต่างกัน หรือตัวอักษรสีสลับกัน

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 3) สื่อนำเสนอต้องสะดุดตาและน่าสนใจ สื่อนำเสนอที่ดีนั้นจะต้องมีจุดเด่นน่าสนใจ สามารถ ดึงดูดสายตาของผู้ดู ผู้ฟังได้ ซึ่งจุดเด่นนี้ได้มาจาก ขนาดของตัวอักษรที่ใหญ่ หรือจากการใช้สีที่แตกต่าง ออกไป รวมถึง การเลือกใช้ภาพ การใช้สี และการใช้ Effect ควบคุมการนำเสนอ ที่เหมาะสมประกอบ การนำเสนอ 3.1) การใช้ภาพ เนื่องจากภาพจะช่วยให้ผู้ชม ผู้ฟัง สามารถจดจำได้นานกว่าตัวอักษร ดังนั้น การแปลง เนื้อหาให้เป็นรูปภาพหรือผังภาพก็เป็นเทคนิคหนึ่งที่ สามารถสร้างความน่าสนใจ ให้กับสื่อที่นำเสนอการ เลือกใช้ภาพก็ควรเลือกใช้ภาพที่มีลักษณะที่เหมาะสม กันและกัน คือถ้าในสไลด์นั้นเลือกใช้ ภาพถ่ายก็ควรใช้ ภาพถ่ายกับภาพทุกภาพในสไลด์ แต่ถ้าเลือกใช้ภาพ วาด ก็ควรเลือก ภาพวาดทั้งสไลด์เช่นกันดังนั้นจึงไม่ ควรใช้ภาพวาดผสมกับภาพถ่าย ใส่เทคนิคที่น่าสนใจ ให้กับภาพเพื่อสร้างจุดเด่น การเอียงภาพ การเว้น ช่องว่างรอบภาพ การเปลี่ยนสีภาพให้แตกต่างจากปกติ ควรระวัง การเลือกใช้ภาพเป็นพื้นหลังสไลด์ เพราะอาจจะทำให้ผู้ ชมสนใจ พื้นสไลด์มากกว่าเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ หรืออาจทำให้ผู้ชมไม่สนใจมองสไลด์เลยก็ได้เนื่องจาก ภาพทำให้ตัวอักษรไม่โดดเด่น ไม่น่ามอง หรืออ่านยาก

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 3.2) การใช้สี การเลือกใช้สี ควรเลือกใช้สีที่ตัดกัน ระหว่างสีตัวอักษร สีวัตถุ และสีพื้น เช่น เลือกใช้พื้น สไลด์เป็นสีขาวหรือสีอ่อน ๆ สีตัวอักษรก็ควรจะเป็นสี ดำ สีน้ำเงินเข็มหรือสีแดงเลือดหมู กรณีเลือกใช้พื้น สไลด์เป็นสีเข็ม ควรเลือกใช้สีตัวอักษรที่มองเห็นได้ ชัด ในระยะไกลเช่น สีขาว สีฟ้าอ่อน ควรหลีกเลี่ยง การใช้สีในโทนร้อน เช่น สีแดงสด สีเหลือกสด สีเขียว สด สีวัตถุ สีแท่งกราฟหรือสีของตาราง ก็ควรเลือก ให้เหมาะสมกับสีตัวอักษร และสีพื้นด้วย การเลือกใช้สี ใด ๆ ก็ควรเป็นสีในชุดเดียวกันสำหรับสไลด์ทั้งหมด ไม่ควรใช้หนึ่งสี หนึ่งไลด์ 3.3) การใช้ Effect ควบคุมการนำเสนอ ไม่ควรใส่ Effect มากเกินไป เพราะจะส่งผลให้ผู้ชม ผู้ฟัง สนใจ Effect มากกว่าเนื้อหาที่นำเสนอ หรืออาจไม่สนใจ การนำเสนอเลยก็ได้ และ Effect ที่มากนี้จะเป็น การ รบกวนการจดจำ การอ่าน หรือการชมอย่างรุนแรง เลือกใช้ Effect ไม่ควรเกิน 3 แบบ ในแต่ละสไลด์ควร เลือกใช้ Effectแสดงข้อความที่เลื่อนจากขอบ ซ้ายมา ขอบขวา ของจอ เนื่องจากธรรมชาติการอ่านของคน ไทยจะอ่านข้อความจากกรอบบนลงมา และอ่านจาก ด้านซ้ายไปด้านขวา

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 อุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนำเสนอผลงาน อุปกรณ์ดิจิทัลที่สามารถถ่ายทอดภาพและเสียงใน งานนำเสนอเพื่อให้งานนำเสนอมีคุณภาพ เข้าถึงผู้ ชมและผู้ฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้ 1. โพรเจกเตอร์ (PROJECTOR) เป็นอุปกรณ์ฉาย ภาพที่ใช้ในการนำเสนอ โดยสามารถรองรับ สัญญาณภาพจากคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นวีซีดี เครื่องเล่นดีวีดี และเครื่องกำเนิดภาพอื่น ๆ แล้ว แสดงผล ขยายขนาดบนจอรับภาพช่วยให้มองเห็น ได้ไกลขึ้น เหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูลในห้อง ประชุม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถมองเห็นภาพ หรือข้อความได้อย่างชัดเจน

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 2. วิชวลไลเซอร์ (Visualizer) เป็นอุปกรณ์ฉายภาพ ระบบดิจิทัลประเภทหนึ่ง ซึ่งพัฒนามาจากโอเวอร์เฮด หรือเครื่องฉายข้ามศีรษะ ใช้แสดงภาพวัตถุและ เอกสารสู่จอรับภาพที่มีอยู่จริงได้เลย โดยไม่ต้อง ดัดแปลง อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับใช้ในการนำเสนองาน ต่าง ๆ โดยเฉพาะครู-อาจารย์ที่สอนหนังสือ และใช้ได้ ดีในการนำเสนอภาพนิ่งมากกว่าภาพเคลื่อนไหว แต่ ภาพที่แสดงออกมานั้นก็ให้ความคมชัด มีสีสดใส และ มีโหมดของการแสดงภาพให้ปรับการทำงานด้วย การ ควบคุมการทำงานสามารถทำได้โดยใช้รีโมต 3. กล้องถ่ายรูปดิจิทัล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์รับภาพที่เปลี่ยนจากฟิล์มมาเป็นอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อถ่ายรูปที่ต้องการแล้ว รูปจะถูก เก็บลงในหน่วยความจำ (memory) ที่อยู่ในกล้อง เมื่อต้องการดูรูปทำได้โดยการถ่ายข้อมูลจากหน่วย ความจำลงบนเครื่องพิ มพ์ หรือเครื่องคอมพิ วเตอร์ ภาพที่ได้จะมีขนาดตามที่ต้องการ สามารถย่อหรือ ขยาย ปรับแสงหรือเงาแล้วแต่ความพอใจหรือจะเพิ่ม รูปแบบก็สามารถทำได้ และเมื่อจะถ่ายใหม่ ก็สามารถใช้ หน่วยความจำเดิมได้เลย โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อฟิล์ม

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 4. กล้องถ่ายวีดิทัศน์ดิจิทัล เป็นอุปกรณ์รับภาพที่ บันทึกข้อมูล ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เก็บ ไว้ในหน่วยความจำแบบแฟลชภายในกล้อง สามารถ ย่อหรือขยาย ปรับแสงเงาของภาพได้ และในปัจจุบัน สามารถคัดลอกข้อมูลลงในแผ่นดีวีดีได้เลย โดยไม่ ต้องโอนลงในเครื่องคอมพิ วเตอร์ 5. คอมพิ วเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิ วเตอร์ขนาดสมุด บันทึกหรือโน้ตบุ๊ก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สร้างงานนำเสนอ เป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น โพรเจ กเตอร์ เพื่อนำเสนองาน และใช้นำเสนองานผ่าน จอภาพของเครื่องคอมพิ วเตอร์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 6. เครื่องเล่นเสียง หรือเครื่องเล่นเอ็มพี สาม (MP3) เป็นอุปกรณ์ซึ่งบรรจุข้อมูลเสียงที่ใช้เล่นในคอมพิ ว เตอร์และสามารถถ่ายโอนข้อมูลเข้าไปในคอมพิ วเตอร์ ได้ โดยข้อมูลเสียงนั้นใช้เทคโนโลยีบีบอัดให้มีขนาด เล็กลงมากกว่าข้อมูลเสียงปกติถึง 12 เท่า แม้ขนาด ข้อมูลจะเล็กลง แต่คุณภาพเสียงไม่ได้เสียไป อย่างไร ก็ตาม หากเรานำข้อมูลเสียงจากเครื่องเล่น MP3 ไป เล่นในเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า จะได้เสียงในลักษณะ กระตุกหรือใช้การไม่ได้เลย 7. โทรศัพท์เคลื่อนที่บางรุ่น เป็นอุปกรณ์ตัวกลางที่ผู้ ใช้สามารถนำเสนองานที่สร้างด้วยซอฟต์แวร์ ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ผ่านเครื่องโพรเจกเตอร์ ได้สะดวก ง่ายต่อการติดตั้ง เพียงเชื่อมต่อโพรเจก เตอร์เข้ากับโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านสายเคเบิล แล้ว เชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยบลูทูธ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 นอกจากอุปกรณ์ดิจิทัลที่ช่วยในการนำเสนอผลงาน แล้ว ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญในการนำเสนองานคือ คำบรรยาย หรือบทพากย์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบด้าน โสตหรือเสียงนั่นเอง โดยมีวิธีการและหลักในการ พิ จารณาดังนี้ 1. การบรรยายสด เหมาะสำหรับการประชุมหรือ สัมมนาที่ต้องการให้ผู้ชมมีส่วนร่วม เพราะผู้บรรยาย ในกรณีนี้เป็นผู้ที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเนื้อหาเป็นอย่างดี รู้ว่าควรจะเน้นตรงจุดใดและปฏิกิริยาจากผู้ชมทำให้ผู้ บรรยายรู้ว่าผู้ชมสามารถติดตามทำความเข้าใจได้ เพี ยงพอหรือไม่รู้ว่าส่วนไหนจะต้องอธิบายขยายความ มากน้อยเพี ยงใด 2. การพากย์ เหมาะสำหรับเนื้อหาที่สามารถถ่ายทอด ได้โดยไม่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้ชม ข้อดีคือ สามารถเลือกใช้เสียงพากย์ที่มีความไพเราะน่าฟัง สามารถเลือกใช้ดนตรี หรือเสียงประกอบ (Sound effect) เพื่อสร้างบรรยากาศ แต่ข้อเสียคือไม่มีความ ยืดหยุ่น ไม่สามารถปรับให้เหมาะสมกับความรู้สึกของ ผู้ชมในขณะนั้น

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การใส่เทคนิคให้กับภาพด้วย สี่อดิจิทัล เมื่อคุณต้องนำเสนองานที่สำคัญ POWERPOINT เป็นหนึ่งในเพื่ อนที่คู่ใจกับหลายๆคนมากที่สุดในการ แสดงออก สามารถดึงดูดและเรียกความสนใจต่อ สายตาของผู้ฟังเป็นอย่างดี ในการใส่การเคลื่อนไหว (ANIMATIONS) ในสไลด์ เป็นเพียงวิธีการง่ายๆ ซึ่งในการบทเรียนนี้คุณจะได้ เรียนการใส่ลูกเล่นการเคลื่อนไหวลงใน MICROSOFT POWERPOINT ในบทเรียนวันนี้เราได้ใช้บทความยอดนิยมอย่าง SIMPLICITY POWERPOINT TEMPLATE และคุณ สามารถเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก GREAT POWERPOINT TEMPLATES ใน GRAPHICRIVER.

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 วิธีการใส่ ANIMATIONS ใน POWERPOINT ในคลิปสั้นตัวนี้เราจะสาธิการใส่ ANIMATIONS ใน การนำเสนอ POWERPOINT แบบพื้นฐาน และเรียง ลำดับไอเทมให้ปรากฎขึ้นตามที่ต้องการ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ WWW.YOUTUBE.COM

DBBEIUDMMGUDUSIIEEGSITSIADNIIAINTENIEABALEDESSUMILSSABSSMEUDDDBDDEISGUIIDIIIGAGGNESIIDAIIETITTBNSIAAAABESULLLSUSBDSสื่อสร้างสรรค์ ธุรกิจดิจิทัล 30204-2102


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook