Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กรอบสมรรถนะ 2564 (ฉบับสมบูรณ์)

กรอบสมรรถนะ 2564 (ฉบับสมบูรณ์)

Published by พิทยา ก้องเสียง, 2022-11-15 09:51:18

Description: กรอบสมรรถนะ 2564 (ฉบับสมบูรณ์)

Search

Read the Text Version

49 3. สมรรถนะหลักดา้ นการคิดข้นั สูงและการพฒั นานวัตกรรม (Higher-Order Thinking Skills and Innovation Development) HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking ทักษะการคิด คือความสามารถในการดำเนินการคิด เพื่อให้ได้คำตอบหรือผลลัพธ์ท่ีต้องการ เมื่อบุคคลได้รับส่ิงเร้าหรือข้อมูลต่าง ๆ เข้ามา สมองจะมี กระบวนการในการจัดกระทำต่อส่ิงเร้านั้นในลักษณะต่าง ๆ กัน เกิดเป็นกระบวนการคิดท่ีหลากหลายซ่ึงจัดกระทำต่อส่ิงเร้าในลักษณะต่าง ๆ กัน เกิดเป็น กระบวนการการคดิ ท่ีหลากหลาย ซึ่งจัดจำแนกได้เป็นกลุ่มสำคัญ 3 กลมุ่ ได้แก่ 1) ทักษะการคิดพ้ืนฐาน (basic thinking skills) คือ ทักษะการคิดทโ่ี ดยมากใช้ ในการส่อื ความหมายหรอื การติดต่อสื่อสารกันในชีวติ ประจำวัน เชน่ ทักษะการรับรู้ ทักษะการฟงั อ่าน พูด เขียน ทักษะการจำ การเก็บความรู้ การดึงความรู้ มาใช้ การอธิบาย 2) ทักษะการคิดที่เป็นแกนสำคัญ (core thinking skills) คือ ทักษะที่เป็นหลัก ใช้เป็นฐานในการคิดท่ัว ๆ ไป มีลักษณะไม่ซับซ้อนมาก เช่น ทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ การจัดกลุ่ม จัดประเภท การแปลความ ขยายความ การเช่ือมโยง การสรุป 3) ทักษะการคิดข้ันสูง (higher order thinking skills) คอื ทักษะการคิดท่มี ีความซับซ้อนมากขึ้น มักประกอบดว้ ยกระบวนการหรือข้ันตอนที่ซับซ้อน ต้องอาศัยทกั ษะการสื่อสารและทักษะการคิดท่ี เป็นแกนหลาย ๆ ทักษะในแต่ละข้ัน เช่น ทักษะการนิยาม การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การหาแบบแผน การจัดระบบ โครงสร้าง การสร้าง การคิดอย่างมี วิจารณญาณ เพื่อใหไ้ ดค้ ำตอบหรอื บรรลุวตั ถุประสงคท์ ีต่ ้องการ เช่น การตดั สนิ ใจ การแก้ปญั หาต่าง ๆ สมรรถนะหลักด้านการคิดข้ันสูงและการพัฒนานวัตกรรม (Higher Order Thinking Skills and Innovation Development: HOTS) หมายถึง การคิดที่มีความซับซ้อนประกอบด้วยกระบวนการหรือข้ันตอนของการคิดหลายขั้นตอน ในแต่ละขั้นตอนต้องอาศัยทักษะการส่ือสารและทักษะ การคิดท่ีเป็นแกนหลายทักษะ เพ่ือให้ได้คำตอบหรือบรรลุวัตถุประสงค์ท่ีต้องการ เช่น การตัดสินใจ การแก้ปัญหา การสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ ในท่ีนี้ กำหนดเป็น สมรรถนะ 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ หา้ มคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ได้รับอนญุ าต

50 การสืบสอบ เป็นกระบวนการคิดท่ีมุ่งการสืบเสาะหาความรู้จากสิ่งท่ีตนเองสงสัยใคร่รู้ โดยการต้ังคำถาม สำรวจ ตรวจสอบ และลงข้อสรุป เพื่อให้ได้ คำตอบในเร่อื งที่อยากรู้จากปรากฏการณ์รอบตวั การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เป็นกระบวนการคิดท่ีมุ่งไปท่ีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เหตุผล และหลักฐานของเรื่องท่ีพิจารณาว่ามี ความน่าเชื่อถือเพียงใด มีประเด็นอะไรที่เป็นจุดอ่อน สามารถโต้แย้งได้โดยมีหลักฐานสนับสนุน ซ่ึงผลการวิพากษ์และประเมินข้อมูลนี้จะ เป็นข้อมูลสำคัญที่ นำไปพิจารณาร่วมกับข้อมูลด้านอ่ืนๆ เช่นความเหมาะสมตามหลักกฎหมาย ศีลธรรม คุณธรรม ค่านิยม ความเชื่อและบรรทัดฐานทางสังคมและวัฒนธรรม อนั จะนำไปส่กู ารตดั สินใจอย่างมวี ิจารณญาณ การคิดแก้ปญั หา เป็นกระบวนการคดิ ที่มุ่งไปท่ีความเข้าใจเหตุและผลของปัญหา การแก้ปญั หาใหไ้ ด้ผลจะต้องหาต้นเหตุของปัญหานั้น และขจัดทเ่ี หตุซึ่ง ต้องอาศัยวิธีการที่เหมาะสม เม่ือได้วิธีการท่ีน่าจะดีที่สุดแล้ว ก็ต้องวางแผนดำเนินการแก้ไขปัญหานั้นอย่างเป็นลำดับข้ันตอน และลงมือทำตามแผนนั้น เก็บ และวิเคราะห์ขอ้ มลู สรปุ ผล ปรับปรุง จนบรรลุผลตามเปา้ หมายทต่ี อ้ งการ การคิดสร้างสรรค์ เป็นกระบวนการคดิ ทมี่ ุ่งนำเสนอความหลากหลาย ริเริ่ม การประเมินปรับปรุงและพฒั นาตอ่ ยอดความคิด เพื่อการแก้ปัญหาหรือสร้าง ทางเลือกท่ีมีประสิทธิภาพ การสร้างความก้าวหน้าในความรู้ หรือการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ โดยอาศัยจินตนาการและทักษะพื้นฐานด้านการคิ ดริเริ่ม คิด คล่อง คิดยืดหย่นุ คดิ ละเอยี ดลออ คิดหลากหลาย คิดวิเคราะหแ์ ละสังเคราะห์ เพ่ือให้ไดส้ ิ่งใหม่ที่ดีกว่า แตกต่างไปจากเดิม มีประโยชน์ และมีคุณคา่ ต่อตนเอง ผู้อืน่ และสงั คมมากกวา่ เดิม ซงึ่ สิ่งใหม่ในทีน่ ี้อาจเปน็ การปรับหรือประยุกตส์ ่ิงเดิมให้อยใู่ นรปู แบบใหม่ หรือเปน็ การต่อยอดจากส่ิงเดิม หรือเปน็ การรเิ รมิ่ สง่ิ ใหม่ ข้ึนมาท้ังหมด สำหรับการพัฒนานวัตกรรมน้ันเป็นสมรรถนะในการออกแบบและดำเนินงานตามกระบวนการพัฒนานวัตกรรมต้ังแต่การวางแผน การระบุปัญหา การกำหนดวัตถุประสงค์ การศึกษาข้อมูล การรา่ ง การประดิษฐ์ การใช้ การประเมิน การปรับปรุง และการเผยแพร่ จนได้นวัตกรรม ซึ่งในความหมายสำหรับ ผเู้ รียนระดับการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน หมายถึง ส่งิ ประดิษฐ์ แนวคิด วธิ ีการ หรอื กระบวนการใหม่ที่ไดพ้ ัฒนาข้ึนตามแนวคิดหรอื หลักการตา่ ง ๆ โดยมวี ัตถุประสงค์ เฉพาะท่ีสอดคล้องกับความต้องการจำเป็นหรือสภาพปัญหาในบริบทหน่งึ ๆ ผ่านกระบวนการพัฒนานวัตกรรมอย่างเป็นระบบ จนได้ผลงานที่สร้างสรรค์ เป็น ประโยชน์ สามารถนำไปใช้แก้ปัญหา พัฒนางาน หรือนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่งผลงานดังกล่าวได้รับการยอมรับและนำไปใช้ในบริบทใดบริบทหน่ึง โดยยงั ไม่ไดใ้ ช้อยา่ งเปน็ ปกตใิ นบริบทนั้น ๆ ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าต

51 สมรรถนะการพฒั นานวตั กรรมนี้มพี ื้นฐานมาจากการสืบสอบ การคิดวิจารณญาณ การคิดแกป้ ญั หา และการคิดสรา้ งสรรค์ ดว้ ยเหตนุ ้ีเอง ความสามารถ หรือทกั ษะพืน้ ฐานท่เี ปน็ สว่ นหนึง่ ของการพฒั นานวัตกรรมจงึ ปรากฏอยทู่ ้ังในส่วนของการคดิ วจิ ารณญาณ การคิดแก้ปัญหา การคดิ สรา้ งสรรค์ ท้งั นี้ ความคดิ สรา้ งสรรค์ในท่ีนี้จะมคี วามแตกต่างไปจากการพฒั นานวตั กรรม ตรงทค่ี วามคดิ สรา้ งสรรค์จะมุ่งเน้นท่ีความสามารถในการคิด ในขณะที่การพัฒนานวตั กรรมจะ มุ่งเนน้ ท่ีความสามารถในการดำเนินงานตามกระบวนการพัฒนานวตั กรรมโดยสามารถนำเสนอหรือสรา้ งผลผลิตทางความคิดท่ีชดั เจนเป็นรูปธรรมและได้รบั การยอมรบั ว่าเปน็ นวตั กรรมได้ สมรรถนะหลกั ด้านทักษะการคดิ ข้นั สูงและนวตั กรรม (Higher Order Thinking Skills and Innovation Development) ระดบั HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะที่ 5 การสืบสอบ การคิดวจิ ารณญาณ การคดิ แกป้ ัญหา การคิดสร้างสรรค์ การพัฒนานวตั กรรม ระดับ 1 คำอธิบาย สามารถใช้การคิดเป็นเคร่ืองมือในการ 1. ตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่ง 2. สรุปความเข้าใจของตน 3. ระบุปัญหาอย่าง 5. บอกเล่าความคิดของ 6. ใช้ความคิดของตนเอง ใช้ชีวิต ใช้การคิดอย่างมีเหตุผลก่อนท่ีจะ ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และแสดงความคิดเห็นอย่าง ง่ายท่ีไม่ซับซ้อน บอก ตนเองหรือจินตนาการท่ี หรือจินตนาการออกแบบ กระทำหรือไม่กระทำการใดๆ โดยทุกครั้งที่ คิดวิธีการห าคำตอบ มีเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องน้ันได้ ค ว า ม เ กี่ ย ว ข้ อ ง แป ล กให ม่ ไป จากส่ิ ง สิ่งป ระดิ ษ ฐ์ท่ีส าม ารถ ใช้การคิดจะรับรู้ส่ิงท่ีกำลังคิด ทบทวนส่ิงท่ี โดยใช้ประสาทสัมผัสท้ัง จากการต้ังคำถาม การฟัง/ ระหว่างปัญหานั้นกับ รอบตวั น ำ ไ ป ใ ช้ จ ริ ง ใ น กำลงั คิดเพอื่ คน้ หาเหตผุ ลหรอื ปัญหา/สาเหตุ 5 หรือเคร่ืองมือในการ อ่านข้อมูลเร่ืองราวที่ไม่มี ตนเอง คิดหาสาเหตุ ชีวติ ประจำวนั ของปัญหา เพ่ือให้ไดข้ ้อสรปุ ท่ีเป็นข้อความรู้ สำรวจตรวจสอบ เก็บ ความสลับซับซ้อนซ่ึงต้อง และวิธีการแก้ไขที่มี สู่การคิดตัดสินใจ/การปฏิบัติบนฐานของ รวบรวมข้อมูล และสรุป อาศัยการจำแนกระหว่าง ความเป็นไปได้จริง เหตุผลหรือได้แนวทางแก้ไขปัญหาที่ปฏิบัติ ข้อมูลเพ่ือตอบคำถาม ข้อเท็จจรงิ และข้อคดิ เห็น ในทางปฏิบัติ ได้จริงจนสามารถแก้ไขปัญหาได้ผลสำเร็จ น้นั 3. อธิบายเหตุผลและความ 4. ลงมอื แก้ปัญหาดว้ ย น ำแ น วท างแ ก้ ไข ปั ญ ห าดั งก ล่ าวม า เหมาะสมในการตัดสินใจใน ตนเอง ด้ วยวิธีการ สร้างสรรค์จนเกิดเป็ นค วามให ม่ห รือ เร่ืองต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างง่ายจนปัญ หา ส่ิงประดษิ ฐอ์ ย่างง่าย ของตน ไดร้ บั การแกไ้ ข ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ได้รับอนุญาต

52 สมรรถนะหลกั ดา้ นทักษะการคดิ ข้ันสงู และนวตั กรรม (Higher Order Thinking Skills and Innovation Development) ระดบั HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะที่ 5 การสบื สอบ การคิดวจิ ารณญาณ การคิดแกป้ ญั หา การคิดสร้างสรรค์ การพฒั นานวัตกรรม ระดับ 2 คำอธบิ าย สามารถใช้การคิดเป็นเครื่องมือในการ 1. ต้ังคำถามที่นำไปสู่ 2. สรุปความเข้าใจของตน 4. ร ะ บุ ปั ญ ห า ที่ 6. แสดงความคิดในเร่อื ง 7. ใ ช้ ค ว า ม คิ ด ห รื อ เรียนรู้และการใช้ชีวิต ใช้การคิดให้รอบคอบ การออกแบบการสำรวจ และแสดงความคิดเห็น ซับซ้อน บอกความ ต่าง ๆ บอกเล่าความคิด จิ น ต น า ก าร อ อ ก แ บ บ ก่อนที่จะกระทำหรือไม่กระทำการใดๆ บน ต ร ว จ ส อ บ แ ล ะ อย่างมีเหตุผลเก่ียวกับ เกี่ ย ว ข้ อ งร ะ ห ว่ า ง จินตนาการหรือความคดิ นวัตกรรมเพ่ือแก้ปัญหา ฐานของข้อมูลที่เพียงพอ โดยทุกคร้ังท่ีใช้ ด ำ เนิ น ก า ร ส ำ ร ว จ เร่ืองนั้น ได้จ ากการต้ั ง ปัญหากับตนเองและ ของตนเองที่แปลกใหม่ หรือเพื่อนำไปใช้ได้จริงใน การคิดจะกำหนดเป้าหมายหรือผลผลิตของ ตรวจสอบด้วยวิธีการท่ี คำถาม การฟัง/อ่านขอ้ มูล ผู้อ่นื คดิ หาสาเหตแุ ละ ไปจากส่ิงรอบตัวของ ชี วิ ต ป ร ะ จ ำ วั น โ ด ย สิ่ ง ท่ี ก ำ ลั ง คิ ด ป ร ะ ม ว ล ข้ อ มู ล แ ล ะ อ อ ก แ บ บ ไว้ โด ย ใช้ เรื่องราวที่มีหลากหลาย วิธีการแก้ไขปัญหาที่ ต น เ อ ง แ ล ะ บ ริ บ ท นวัตกรรมนั้นตอบสนอง องค์ประกอบของสิ่งที่กำลังคิดเพื่อวิเคราะห์ เคร่ืองมือช่วยในการ มุมมองซึ่งต้องอาศัยการ ห ล าก ห ล าย แ ล ะมี แวดล้อม และต่อยอด ความต้องการจำเป็นหรือ เหตุและผลหรือปัญหา/สาเหตุของปัญหา สำรวจตรวจสอบและ วเิ คราะหแ์ ละการตีความ ความเป็นไปได้จริง ความคิดของตนเองให้ สภาพปัญหาในบรบิ ท จากข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ เพื่อให้ได้ สรุปเพื่อตอบคำถาม 3. อธิบายเหตุผลของการ ในทางปฏิบตั ิ และคาด แตกตา่ งไปจากเดมิ ตัดสินใจในเร่ืองต่าง ๆ ใน เดาผลท่ีจะเกิดขึ้นจาก ข้อสรุปท่ีเป็นข้อความรู้สู่การคิดตัดสินใจ/ ชีวิต ป ระจำวันของต น วิธีการแก้ไขปั ญ ห า การปฏิบตั บิ นฐานของเหตุผล หรือได้ชดุ ของ และบอกได้วา่ การตัดสนิ ใจ เหล่านัน้ แนวทางแก้ไขปัญหาท่ีเป็นระบบ เลือก ของตนมีความเหมาะสม 5. ลงมือแก้ปัญหาด้วย แน วท างแก้ไขปั ญ ห าห รือท างออกที่ โดยสามารถระบุหลักฐาน ตนเอง ด้วยวิธีการที่ เหมาะสม และนำแนวทางแก้ไขปัญหา สนบั สนนุ ความคิดได้ คั ด เ ลื อ ก ไ ว้ แ ล ะ ดังกล่าวมาสร้างสรรค์จนเกิดนวัตกรรมที่ ด ำ เ นิ น ก า ร ต า ม นำไปใช้ได้จริง รวมทั้งสามารถสื่อสารให้ ข้ันตอนของวิธีการจน ผู้อื่นเขา้ ใจในความคิดและผลงานของตนได้ ปัญหาได้รับการแกไ้ ข ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าต

53 สมรรถนะหลักดา้ นทักษะการคดิ ข้ันสงู และนวัตกรรม (Higher Order Thinking Skills and Innovation Development) ระดับ HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะที่ 5 การสบื สอบ การคิดวจิ ารณญาณ การคดิ แกป้ ัญหา การคดิ สร้างสรรค์ การพัฒนานวัตกรรม ระดบั 3 คำอธบิ าย สามารถใช้การคิดเป็นเครื่องมือในการ 1. ตั้งคำถามท่ีสามารถ 2. สรุปความเข้าใจของตน 4. ระบุปัญหาที่ยาก 6. แสดงความคดิ ในเรอื่ ง 7. ใ ช้ ค ว า ม คิ ด ห รื อ เรียนรู้และการใช้ชีวิต ใช้การคิดให้รอบคอบ น ำ ไ ป สู่ ก า ร ส ำ ร ว จ และแสดงความคิดเห็น แ ล ะ ซั บ ซ้ อ น บ อ ก ต่าง ๆ บอกเล่าความคิด จิ น ต น า ก าร อ อ ก แ บ บ ก่อนท่ีจะกระทำหรือไม่กระทำการใดๆ บน ตรวจสอบออกแบบและ อย่างมีเหตุผลเก่ียวกับ ค ว า ม เ กี่ ย ว ข้ อ ง จนิ ตนาการหรอื ความคดิ นวัตกรรมและนำไปใชจ้ ริง ฐานของข้อมูลที่เพียงพอ โดยทุกครั้งที่ใช้ ประเมินเลือกแนวทางที่ เร่ืองนั้น ได้จ ากการตั้ ง ระ ห ว่างปั ญ ห ากั บ ของตนเองท่ีแปลกใหม่ ใน ชีวิต ป ระจำวัน โด ย การคิดจะกำหนดเป้าหมายหรือผลผลิตของ ออกแบบ เพ่ือรวบรวม คำถาม การฟัง/อ่านขอ้ มูล ต น เอ ง ผู้ อ่ื น แ ล ะ ไปจากส่ิงรอบตัวของ นวัตกรรมนั้นตอบสนอง ส่ิ ง ที่ ก ำ ลั ง คิ ด ป ร ะ ม ว ล ข้ อ มู ล แ ล ะ ข้อมูลสารสนเทศ โดยใช้ เรื่องราวที่มีหลากหลาย สังคม คิดหาสาเหตุ ต น เ อ ง แ ล ะ บ ริ บ ท ความต้องการจำเป็นหรือ องค์ประกอบของส่ิงท่ีกำลังคิดเพื่อวิเคราะห์ วั ส ดุ อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ มุมมองซึ่งต้องอาศัยการ แ ล ะ วิ ธี ก า ร แ ก้ ไ ข แวดล้อม ต่อยอดและ/ สภ าพ ปั ญ ห าในบ ริบ ท เหตุและผลหรือปัญหา/สาเหตุของปัญหา เคร่ืองมือช่วยในการ วเิ คราะห์ การตีความ การ ปัญหาที่หลากหลาย หรือดัดแปลงความคิด ระบแุ นวคดิ หรอื หลกั การท่ี จากข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ เพ่ือให้ได้ สำรวจตรวจสอบและ แปลความ การสังเคราะห์ และมีความเป็นไปได้ ของตนเองหรือผู้อ่ืนให้ ใช้ออกแบ บ นวัตกรรม ข้อสรุปที่เป็นข้อความรู้สู่การคิดตัดสินใจ/ สรปุ เพอื่ ตอบคำถาม และการประเมินความ จริงในทางปฏิบัติ และ แตกต่างไปจากเดิม และ ส่ือสารรายละเอียดของ คาดการณ์ผลกระทบ สื่อสารใหผ้ ู้อืน่ เข้าใจได้ นวัตกรรมที่ออกแบบข้ึน การปฏิบัติบนฐานของเหตผุ ล หรอื ได้ชุดของ นา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู แนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบ ประเมิน 3. ช้ีแจงเหตุผลของการ ทั้งทางบวกและทาง และประเมินจุดเด่นและ ความเป็นไปไดแ้ ละผลที่จะเกดิ ข้ึนของแต่ละ ตัดสินใจในเร่ืองต่าง ๆ ใน ลบที่จะเกิดข้ึนอันเป็น ขอ้ จำกดั ของนวตั กรรม แนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อพิจาณาเลือกแนว ชีวิต ป ระจำวันของต น ผลจากวิธีการแก้ไข ทางแก้ไขปัญหาหรือทางออกที่เหมาะสม และบอกได้วา่ การตัดสนิ ใจ ปัญหาเหล่านั้น และ ท่ีสุดจนสามารถแก้ไขปัญหาได้ผลสำเร็จ ของตนมีความเหมาะสม คัดเลือกวิธีการแก้ไขที่ แ ล ะ น ำ แ น ว ท า งแ ก้ ไข ปั ญ ห า ดั งก ล่ า ว ม า ต า ม ห ลั ก ก า ร ใด โด ย เหมาะสมที่สุด สร้างสรรค์จนเกิดนวัตกรรมท่ีมีแนวคิดและ สามารถแสดงหลักฐาน 5. ลงมือแก้ปัญหาดว้ ย หลักการสนับสนุนและปฏิบัติได้จรงิ สื่อสาร ส นั บ ส นุ น ค ว า ม คิ ด ที่ ตัวเอง ด้วยวิธีการที่ หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต

54 สมรรถนะหลกั ด้านทกั ษะการคดิ ขัน้ สงู และนวัตกรรม (Higher Order Thinking Skills and Innovation Development) ระดบั HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะท่ี 5 การสบื สอบ การคดิ วิจารณญาณ การคดิ แก้ปัญหา การคดิ สร้างสรรค์ การพัฒนานวัตกรรม ให้ผู้อื่นเข้าใจในความคิดและผลงานของตน นา่ เชือ่ ถือได้ คั ด เ ลื อ ก ไ ว้ แ ล ะ ได้ ด ำ เ นิ น ก า ร ต า ม ข้ั น ต อ น ข อ ง วิ ธี ก า ร อย่างเป็ นระบ บ จน ปัญหาได้รับการแกไ้ ข ระดบั 4 คำอธิบาย สามารถใชก้ ารคิดเปน็ เครือ่ งมือในการ 1. สืบสอบความรู้โดย 2. สรุปความเข้าใจของตน 4. ระบุปัญหาที่ยาก 6. แสดงความคดิ ในเร่อื ง 7. ใ ช้ ค ว า ม คิ ด ห รื อ เรียนรู้ และการใช้ชีวิตจนเป็นอุปนิสัย ใช้ สามารถต้งั คำถามสำคัญ แสดงความคิดเห็นอย่างมี แ ล ะ ซั บ ซ้ อ น บ อ ก ต่าง ๆ บอกเล่าความคิด จิ น ต น า ก าร อ อ ก แ บ บ การคิดให้รอบคอบก่อนท่ีจะกระทำหรือไม่ อ อ ก แ บ บ แ ล ะ ว า ง เหตุผล โดยมีข้อมูลอย่าง ค ว า ม เ ก่ี ย ว ข้ อ ง จินตนาการหรอื ความคดิ นวัตกรรมและนำไปใช้จริง กระทำการใดๆ บนฐานของข้อมูลท่เี พียงพอ แ ผ น ก า ร ส ำ ร ว จ เพียงพอรอบด้านเก่ียวกับ ระ ห ว่างปั ญ ห ากั บ ของตนเองที่แปลกใหม่ ใน ชีวิต ป ระจำวัน โด ย โดยทุกครั้งที่ใช้การคิดจะกำหนดเป้าหมาย ตรวจสอบข้อมูลเลือกใช้ เร่ืองนั้น ได้จ ากการตั้ ง ต น เอ ง ผู้ อ่ื น แ ล ะ ไปจากส่ิงรอบตัวของ นวัตกรรมน้ันตอบสนอง หรือผลผลิตของสิง่ ทก่ี ำลังคดิ ประมวลขอ้ มูล วั ส ดุ อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ คำถาม การฟัง/อ่านขอ้ มูล สังคม คิดหาสาเหตุ ต น เ อ ง แ ล ะ บ ริ บ ท ความต้องการจำเป็นหรือ และองค์ประกอบของสิ่งท่ีกำลังคิดเพ่ือ เครื่องมือที่เหมาะสม เร่ืองราวท่ีต้องอาศัยการ แ ล ะ วิ ธี ก า ร แ ก้ ไ ข แวดล้อม ต่อยอดและ/ สภ าพ ปั ญ ห าในบ ริบ ท วเิ คราะห์เหตแุ ละผลหรือปัญหา/สาเหตุของ เก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล วิเคราะห์ การตีความ การ ปัญหาที่หลากหลาย หรือดัดแปลงความคิด ระบุแนวคดิ หรือหลักการท่ี ปัญหาจากข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ เพ่อื ให้ วิเค ราะห์ ข้อมู ล แ ล ะ แปลความ การสังเคราะห์ และมีความเป็นไปได้ ของตนเองหรือผู้อ่ืนให้ ใช้ออกแบ บ นวัตกรรม ไดข้ ้อสรุปที่เปน็ ข้อความร้สู ู่การคิดตัดสนิ ใจ/ นำเสนอผลการสำรวจ และการประเมินความ จริงในทางปฏิบัติ และ แ ต ก ต่ างไป จ า ก เดิ ม สื่อสารรายละเอียดของ การปฏิบัตบิ นฐานของเหตผุ ลและสอดคล้อง ต ร ว จ ส อ บ ร ว ม ทั้ ง น่าเชือ่ ถอื ของข้อมูล คาดการณ์ผลกระทบ ส่ือสารให้ผู้อื่นเข้าใจได้ นวัตกรรมที่ออกแบบขึ้น กับบรรทัดฐานของสังคมและวัฒนธรรม หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ 3. ช้ีแจงเหตุผลของการ ทั้งทางบวกและทาง ประเมินและปรับปรุง ป ร ะ เมิ น จุ ด เด่ น แ ล ะ เศรษฐกิจ และส่ิงแวดล้อม หรือได้ชุดของ ไดร้ ับการยอมรับ ตัดสินใจในเร่ืองต่าง ๆ ใน ล บ ป ระ เมิ น ค วาม การคิดที่ต่อยอดหรือ ข้อจำกัดของนวัตกรรม ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ ับอนุญาต

55 สมรรถนะหลักดา้ นทกั ษะการคดิ ขั้นสงู และนวตั กรรม (Higher Order Thinking Skills and Innovation Development) ระดบั HOTS: Critical Thinking, Problem solving, Creative Thinking สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะท่ี 5 การสืบสอบ การคดิ วิจารณญาณ การคิดแกป้ ัญหา การคดิ สร้างสรรค์ การพัฒนานวตั กรรม แนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบ จากน้ัน ชีวิต ป ระจำวันของต น เสี่ยงที่จะเกิดข้ึนอัน ดัดแปลงให้ดีข้ึน สรุปผลการนำนวัตกรรม ประเมินความเป็นไปได้และผลที่จะเกิดข้ึน และบอกได้วา่ การตดั สนิ ใจ เป็ น ผ ล จ าก วิธีก าร ไปใช้ปรบั ปรุงนวัตกรรมได้ ของแต่ละแนวทางแก้ไขปัญหาเพ่ือพิจาณา ของตนมีความเหมาะสม แก้ไขปัญหาเหล่านั้น ดี ย่ิ งข้ึน แ ล ะ เผ ย แ พ ร่ เลือกแนวทางแก้ไขปัญหาหรือทางออกที่ ตามหลักการใด และ/หรือ คัดเลือกวิธีการแก้ไขที่ นวัตกรรมได้ เหมาะสมที่สุดจนสามารถแก้ไขปัญหาได้ผล การตัดสินใจของตนนั้นได้ เหมาะสมที่สุด และ สำเร็จ และนำแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว พิจารณาอย่างรอบด้านทั้ง ว า ง แ ผ น ก า ร มาสร้างสรรค์จนเกิดเป็นผลผลิตท่ีมีลักษณะ ในด้านคุณโทษสอดคล้อง ดำเนินการแก้ปัญหา เป็ น แ น วคิ ด ให ม่ ก ร ะ บ วน ก า ร ให ม่ ต า ม ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย อย่างเปน็ ขน้ั ตอน ส่ิงประดิษฐ์ หรือผลิตภัณ ฑ์ท่ีผ่านการ ศีลธรรม คุณธรรม ค่านยิ ม 5 ลงมือแก้ปัญหาด้วย วิ พ า ก ษ์ แ ล ะ ป รั บ ป รุ ง ให้ ส ม บู ร ณ์ จ น ผู้ อ่ื น รวม ทั้ งค วาม เช่ื อ แ ล ะ ตนเอง ด้วยวิธีการท่ี สามารถนำไปใช้สถานการณ์หรือบรบิ ทอ่ืนๆ บรรทัดฐานของสังคมและ คัดเลือกไว้ ดำเนินการ ทีม่ ีความใกลเ้ คยี งกนั ได้ วัฒ น ธร ร ม ต ล อ ด จ น ต า ม ขั้ น ต อ น ข อ ง สามารถพิสูจน์ตรวจสอบ วิธีการอย่างเป็นระบบ ข้อสรุปดังกล่าวได้ จนปัญ หาได้รับการ แก้ไข และประเมินผล การดำเนินการจนได้ ข้อส รุป ของวิธีการ แกไ้ ขปัญหา ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ได้รับอนญุ าต

56 4. สมรรถนะหลักดา้ นการรู้เท่าทนั สื่อ สารสนเทศ และดิจทิ ัล (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะหลักด้านการรู้เท่าทันส่ือ สารสนเทศ และดิจิทัล (Media Information and Digital Literacy) คือ ความสามารถในการเข้าถึง เข้าใจ สร้าง และใช้สื่อสารสนเทศและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการเรียนรู้และใช้เป็นเคร่ืองมือ ในการเปล่ียนแปลงสังคมอย่างรู้เท่าทัน ตนเอง รู้เท่าทันสื่อ และ รู้เท่าทันสังคม โดยเฉพาะสื่อ ซ่ึงมีการพัฒนาอย่างซับซ้อน กลายเป็นส่ือหลอมรวม (Convergence) สามารถจำแนกสมรรถนะ ของผู้เรียน ตามช่องทางและ ลกั ษณะ ของส่อื ได้ 3 ประการคอื 1) การรูเ้ ทา่ ทันส่ือ (Media Literacy) คอื ความสามารถในการอ่านสอื่ ให้ออก มีทกั ษะ ในการเขา้ ถึงส่ือ วิเคราะหส์ ่ือ ตคี วาม เนื้อหาของส่ือ ประเมินคุณค่าและเข้าใจผลกระทบของส่ือ และสามารถใช้ส่ือให้เกิดประโยชน์ได้ 2) การรู้เท่าทันสารสนเทศ (Information Literacy) คือ ความสามารถในการประเมิน เลือกใช้ และส่ือสารข้อมูลในหลากหลายรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือการเรียนรู้ด้วยตนเอง และเรียนรู้ตลอดชีวิต และ 3) การรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy) คือ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เคร่อื งมือสื่อสาร ส่ือออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อมูล ประมวลผล และ สร้างสรรค์ขอ้ มลู ได้ หลากหลายรูปแบบ ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต

57 สมรรถนะหลักด้านการรู้เท่าทนั สื่อ สารสนเทศ และดิจทิ ลั (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะท่ี 4 ระดบั การเลือกใชเ้ คร่ืองมือ สอื่ การจดั การเวลาและ การประเมินคุณค่าและ การสร้างและเผยแพร่ สารสนเทศและดิจทิ ลั การควบคมุ ตนเอง ความนา่ เชอ่ื ถือ และเรยี นรู้ทักษะเบ้อื งตน้ ของการผลิตสือ่ ระดบั 1 คำอธบิ าย 1 .เลื อ ก ใช้ เค ร่ื อ ง มื อ สื่ อ 1. จัดการเวลาและสถานที่ใน 1. แยกแยะเป้ าห ม ายของ 1 . เล่ า เรื่ อ ง ด้ ว ย ก า ร พู ด ก า ร ใ ช้ สื่ อ ดิ จิ ทั ล อ ย่ า ง สารสนเทศได้ เช่น เป้าหมาย การเขียน การใช้ภาพในส่ือ เลือกและจัดการเวลาในการใช้ส่ือ สารสนเทศ สารสนเทศ และดิจิทัลเพ่ือ ระมัดระวัง ภายใต้การกำกับ เพ่ือให้ความรู้หรือความบันเทิง ดิจิทัลเก่ียวกับส่ิงท่ีเห็นรอบตัว และดิจิทัล ไม่ให้เกิดผลเสียต่อตนเองและผู้อื่น การสืบค้นข้อมูลอย่างง่ายที่ ดูแลของครอบครัวโดยไม่ให้ หรอื เพือ่ บอกเล่าเหตกุ ารณ์ ดว้ ยโปรแกรมคอมพวิ เตอรอ์ ย่าง ปฏิบัติตามสื่อสารสนเทศโดยการตัดสินใจอย่าง เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของ เกิดผลเสยี ต่อตนเองและผอู้ นื่ 2. ต้ังคำถามกับสารสนเทศท่ี งา่ ยๆ มีเหตุผล เข้าใจผลกระทบของส่ือ สารสนเทศ ตนเองและเสริมความ รู้ใน 2. อธิบายเหตุผลที่ต้องใช้ส่ือ พบในสื่อเก่ียวกับประโยชน์ 2. รับฟังข้อเสนอแนะ และคำ ดิจิทลั และสามารถสรา้ งและเผยแพรส่ ารสนเทศ หอ้ งเรียน ดิจิทัลในเวลาและสถานที่น้ันๆ คุณค่า ท่ีมีต่อตนเองและผู้อ่ืน วจิ ารณ์จากเพื่อน เก่ียวกับสิ่งที่ 2. บ ำรุงรักษาและป กป้อง ได้ ด้วยความเคารพและมีเหตุผล เล่ า ห รื อ ที่ น ำ เส น อ ด้ ว ย ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อตนเองและครอบครวั ร ว ม ทั้ ง ตั ด สิ น ใจ ป ฏิ บั ติ ต า ม ความเคารพความเห็นของผ้อู ่ืน เคร่ืองมือสื่อสาร รวมท้ังข้อมูล สารสนเทศ อยา่ งมีเหตุผล และ เข้าใจผลกระทบของส่ือสาร ส่วนบุคคลของตนเอง สนเทศ ระดบั 2 คำอธิบาย 1. เลื อ ก ใช้ เค รื่ อ งมื อ สื่ อ 1. เลือกเข้าถึงสื่อดิจิทัลใน 1. ประเมินประโยชน์และโทษ 1. ส ร้ า งเร่ื อ งเล่ า เกี่ ย ว กั บ ช่ ว ง เว ล า ที่ ไ ม่ ก ร ะ ท บ ก า ร ค ว า ม น่ า เช่ื อ ถื อ แ ล ะ คุ ณ ค่ า โรงเรียนและชุมชนด้วยการพูด เลือกใช้ จัดการอารมณ์และความต้องการ สารสนเทศ และดิจิทัล เพ่ือ เรียนและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ของสารสนเทศท่ีเข้าถึง ทีม่ ีต่อ การใช้ภาพกราฟฟิกและงาน ในการใช้ส่ือสารสนเทศอย่างเหมาะสม หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ได้รับอนญุ าต

58 สมรรถนะหลักดา้ นการรู้เท่าทนั ส่อื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 การสรา้ งและเผยแพร่ ระดับ การเลือกใช้เคร่ืองมือ สอ่ื การจดั การเวลาและ การประเมนิ คุณค่าและ สารสนเทศและดจิ ทิ ลั เ ขี ย น ด้ ว ย โ ป ร แ ก ร ม การควบคุมตนเอง ความน่าเช่ือถือ คอมพิวเตอร์อย่างง่ายๆ โดย และเรยี นรู้ทักษะเบ้ืองต้น คำนึงถึงเร่อื งการละเมิดลิขสิทธ์ิ และสิทธคิ วามเป็นส่วนตวั ของการผลิตส่อื 2. เผยแพร่สารสนเทศอย่างมี จริยธรรม จิตสำนึกสาธารณะ ป ระเมิ น ค วาม น่ าเช่ื อถือแล ะคุ ณ ค่ า การสืบค้นและเข้าถึงข้อมูลท่ี และควบคุมตนเองในการใช้ ตนเองและผู้อ่นื และรับผิดชอบ เพ่ือให้เกิด ส่ือโดยการรับรู้การมีอยู่ของ 2. ตัดสินใจเชอื่ ถือ ปฏิบัติตาม ประโยชนต์ ่อตนเองและชมุ ชน ป ระ โย ชน์ โท ษ ขอ งส่ื อ โด ย อ ธิบ าย ต้องการอย่างเหมาะสม เพื่อ โลกกายภาพและโลกเสมือน หรือใช้สารสนเทศ อย่างมี 3. รับฟังข้อเสนอแนะ และคำ จรงิ เห ตุผล รู้เท่าทัน โดยการ วิจารณ์จากผู้อ่ืน เกี่ยวกับสิ่งที่ ผลกระทบจากการใช้สื่อสารสนเทศอย่าง นำมาใช้ให้เป็ประโยชน์ต่อ 2. อธิบายเหตุผลท่ีต้องใช้สื่อ วิเคราะห์ข้อมูลจรงิ ข้อมูลเท็จ เล่าหรือที่นำเสนอโดยเคารพ ดิจิทัลในเวลาและสถานที่น้ันๆ ข้อมูลบิดเบือน หรือข้อมูลท่ี ความเห็นของผู้อื่น และนำ สมเหตุสมผล และสามารถสร้างและ ตนเองและครอบครัว โด ย ไม่ ก่ อ ให้ เกิ ด ผ ล เสี ย ต่ อ มุ่ ง ร้ า ย ใน โ ล ก อ อ น ไ ล น์ แ ล ะ ประเด็นปัญหามาสื่อสารและ ตนเองและผูอ้ นื่ ได้ เข้าใจผลกระทบของส่ือสาร หาทางออกรว่ มกันโดยสนั ติวธิ ี เผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศอย่างมีจริยธรรม 2. บำรุงรักษาและปกป้ อง 3. เข้าใจและยอมรับความ สนเทศที่มีต่อตนเองและผู้อื่น แตกต่างทางวัฒนธรรมที่เห็น ด้วยความเคารพและมีเหตผุ ล และรับผิดชอบเพ่ือให้เกิดประโยชน์ต่อ เคร่ืองมือส่ือสาร รวมท้ังข้อมูล ในส่ือดิจิทัล โดยคำนึงถึงอัต ลักษณ์ความเปน็ ไทยของตน ตนเองและชุมชน ส่ วนบุ คคลของตนเองและ ครอบครัว 3. รู้ทักษะเบ้ืองต้นของการ ผลิตสื่อ ได้แก่รูปแบบและ วิ ธี ก า ร เล่ า เรื่ อ ง ด้ ว ย ก า ร พู ด การเขียน การใช้ภ าพ ต้ัง คำถาม และหาคำตอบ เก่ียวกบั เรื่องทส่ี ืบค้นมา ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ด้รับอนุญาต

59 สมรรถนะหลักดา้ นการรเู้ ทา่ ทนั ส่อื สารสนเทศ และดิจิทัล (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 ระดับ การเลอื กใชเ้ ครือ่ งมอื ส่อื การจดั การเวลาและ การประเมนิ คุณคา่ และ การสร้างและเผยแพร่ สารสนเทศและดิจิทัล การควบคุมตนเอง ความน่าเชอื่ ถอื และเรยี นรู้ทักษะเบ้ืองต้น ของการผลติ สื่อ ระดบั 3 คำอธบิ าย 1. ประเมนิ ประโยชนแ์ ละโทษท่ี เลือกใช้และจัดการเวลาในการใช้สื่อ 1 . เลื อ ก ใช้ เค รื่ อ งมื อ สื่ อ 1. จัดการเวลาและสถานที่ใน พึงได้รับจากสื่อ สารสนเทศ 1. สร้างเร่ืองเล่าเก่ยี วกับโรงเรียน สารสนเทศ และดิจิทัลอย่างเหมาะสม เกิด สารสนเทศและดิจิทัลเพื่อการ การใช้ส่ือสารสนเทศ และ และดิจทิ ัล ชุมชน สังคม ด้วยการพูด การใช้ ประโยชน์ท้ังต่อตนเองและผู้อ่ืน ควบคุม สืบ ค้น และเข้าถึงข้อมูลที่ ดิจิทัลอย่างเหมาะสม มีเหตุมี 2. วิเคราะห์ และประเมนิ ความ ภาพกราฟฟิกและงานเขียนด้วย การใช้ไม่ให้เกิดผลเสีย วิเคราะห์และ ต้องการได้อย่างหลากหลาย ผล และควบคมุ ตนเองในการใช้ น่ า เชื่ อ ถื อ คุ ณ ค่ า แ ล ะ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ ประเมินความน่าเช่ือถือของสื่ออย่างรู้เท่า เหมาะสมเกิดประโยชน์ต่อ สอ่ื โดยไม่กอ่ ให้เกดิ ผลเสีย จุดประสงค์ของสารสนเทศท่ี แอปพลิเคชันอย่างเหมาะสม ทัน และสาม ารถสร้างและเผย แพ ร่ ตนเอง ครอบครวั และชุมชน 2. รับและส่งต่อสารสนเทศท่ี เข้าถึงในด้านที่มาของข้อมูล โดยคำนึงถึงเร่ืองการละเมิด สารสนเทศอยา่ งมีจริยธรรมและรับผดิ ชอบ 2. บำรุงรักษาและป กป้ อง หลากหลายอย่างมีสติ โดยไม่ ลำดับเวลา เหตุการณ์แวดล้อม ลิ ข สิ ท ธิ์ แ ล ะ สิ ท ธิ ค ว า ม เ ป็ น โดยรักษาความสัมพันธ์โลกจริงและโลก เคร่ืองมือสื่อสาร รวมท้ังข้อมูล ก่ อ ใ ห้ เกิ ด ผ ล เสี ย ต่ อ ต น เ อ ง ภาษาและอคติในการส่ือสาร สว่ นตัว เสมือน เพ่ือให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ส่วนบุคคลของตนเองและ ครอบครัว และชมุ ชน ร ว ม ทั้ ง ค ว า ม ส อ ด ค ล้ อ ง 2. เผยแพร่สารสนเทศอย่างมี ครอบครัว รวมทั้งแนะนำเพื่อน 3. เข้าใจความแตกตา่ งทาง สมเหตสุ มผล จริยธรรม จิตสำนึกสาธารณะ ชมุ ชน และสังคม วฒั นธรรมของชุมชนและของ 3. ตัดสินใจเชื่อถือ ปฏิบัติตาม และรับผิดชอบ เพ่ือให้เกิด คนใกล้ชิดให้ปกป้องข้อมูลส่วน นานาชาติ มองเห็นตนเองใน หรือใช้สารสนเทศ อย่างมี ประโยชน์ต่อตนเองและชุมชน เชิงสัมพันธ์กับชุมชนและกบั เห ตุ ผ ล รู้เท่ าทั น โด ย การ และสงั คม บคุ คลได้ โลก วิเคราะห์ข้อมูลจริง ข้อมูลเท็จ 3. รับฟังข้อเสนอแนะ และคำ ข้อมูลบิดเบือน หรือข้อมูลที่มุ่ง วิจารณ์ จากผู้อื่น ท้ังในโลก 3. รู้ทักษะเบื้องต้นของการผลิต ความจริง และโลกเสมือน ส่ื อ แ บ บ ข้ าม ศ าส ต ร์ จ าก สื่ อ แอนะล็อกไปสู่ดิจิทัล และ สามารถผลิตสื่อท่ีสะท้อนคุณ ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ได้รับอนญุ าต

60 สมรรถนะหลกั ดา้ นการรู้เทา่ ทนั ส่อื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 ระดับ การเลือกใชเ้ ครื่องมอื ส่อื การจดั การเวลาและ การประเมนิ คุณคา่ และ การสร้างและเผยแพร่ สารสนเทศและดิจิทลั การควบคมุ ตนเอง ความนา่ เช่อื ถือ และเรยี นรทู้ กั ษะเบ้อื งตน้ ของการผลิตส่อื ค่าที่สำคัญ เช่น สิทธิเสรีภาพ ร้ายในโลกออนไลน์และเข้าใจ เกี่ยวกับสิ่งท่ีเล่าหรือท่ีนำเสนอ ของตนเองและผู้อื่น การไม่ ผลกระทบของสื่อสารสนเทศท่ี โดยเคารพความเห็นของผู้อื่น เลือกปฏิบัติ โดยการคิดอย่างถี่ มีต่อตนเอง ผู้อ่ืน และสังคม แล ะ น ำป ระ เด็ น ปั ญ ห าม า ถ้วนและใชข้ อ้ มลู หลายดา้ น ด้วยความเคารพและมเี หตุผล สื่อสารและหาทางออกร่วมกัน โดยสันติวิธี ระดับ 4 คำอธิบาย 1 . เลื อ ก ใช้ เค ร่ื อ งมื อ สื่ อ 1. จัดการเวลาและสถานท่ีใน 1. ประเมินประโยชน์และโทษ 1. สร้างสรรค์สือ่ ขอ้ มลู ที่เป็น การใช้ สร้างสรรค์และนำเสนอ เลื อกใช้ และจั ดการเวลาในการใช้ สื่ อ สารสนเทศและดิจิทัลเพ่ือการ สอื่ สารสนเทศและดิจิทัลอยา่ ง ท่ีพึงได้รับจากส่ือ สารสนเทศ ป ระ โย ชน์ ก่อให้ เกิด ก าร เหมาะสม มีเหตุมีผล และ สารสนเทศ และดิ จิทั ลอย่ างเหมาะสม สบื ค้นและเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ควบคุมตนเองในการใช้ส่ือโดย และดิจิทัล โดยการวิเคราะห์ เปล่ียนแปลงต่อตนเอง ชุมชน ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อตนเอง หลากหลาย เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองชุมชน ท่ีต้องการได้อย่างหลากหลาย ผู้อนื่ และสังคม วิพากษ์ ใช้ข้อมู ลข่าวสาร หรือสังคม ด้วยการพูด การใช้ 2. รับและส่งต่อสารสนเทศที่ อยา่ งรอบดา้ น เพื่อประกอบ ภาพกราฟฟิกและงานเขียน สงั คม ควบคุมการใช้ไมใ่ ห้เกดิ ผลเสีย วิเคราะห์ เหมาะสม เกิดประโยชน์ต่อ หลากหลายรวมท้ังแสดงออก การพิจารณา วิพากษ์ และป ระเมิ นความน่ าเช่ื อถื อ ตนเอง ชุมชน และสังคม ใน ในสือ่ ออนไลน์อย่างมีสติ รูเ้ ท่า ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทันและเข้าใจอารมณข์ องผู้อื่น 2. วิเคราะห์และประเมิน ความ จุดประสงค์ในการสร้างและบทบาทของส่ือ ระดับทส่ี งู ขึน้ โดยการใคร่ครวญเหตุการณ์ที่ น่าเชื่อถือ คุณค่า จุดประสงค์ ห รื อ แ อ ป พ ลิ เค ชั น อ ย่ า ง สารสนเทศอย่างรู้เท่าทัน และสามารถสร้าง 2. บำรุงรักษาและปกป้ อง และความ ซับ ซ้อน ของของ เหมาะสม โดยคำนึงถึงเรื่อง เผยแพร่สารสนเทศอย่างมีจริยธรรมและ เครื่องมือสื่อสาร รวมทั้งข้อมูล สารสนเทศท่ีเข้าถึงในด้านที่มา การละเมิดลิขสิทธิ์และสิทธิ รบั ผิดชอบ โดยรกั ษาความสมั พันธ์โลกจรงิ และ ส่วนบุคคลของตนเอง และดูแล ของข้อมลู เปา้ ประสงค์ ความเป็นส่วนตัว โลกเสมือน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงท่ีเป็น แนะนำให้ครอบครัว คนใกล้ชิด ใน ก า ร ผ ลิ ต ส า ร ส น เท ศ 2. เผยแพร่สารสนเทศอย่างมี ปกปอ้ งข้อมลู ส่วนบคุ คลได้ ความเป็นเจ้าของสื่อ ลำดับ จริยธรรม จิตสำนึกสาธารณะ ประโยชนต์ อ่ ตนเอง ชุมชน สังคม ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ไดร้ ับอนุญาต

61 สมรรถนะหลักด้านการรู้เทา่ ทนั สื่อ สารสนเทศ และดิจิทลั (Media Information and Digital Literacy) สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 ระดับ การเลอื กใชเ้ ครอื่ งมือ ส่ือ การจัดการเวลาและ การประเมนิ คณุ คา่ และ การสรา้ งและเผยแพร่ สารสนเทศและดิจทิ ัล การควบคุมตนเอง ความน่าเช่อื ถอื และเรียนรทู้ ักษะเบ้ืองต้น ของการผลิตสือ่ 3 . ศึ ก ษ า แ ล ะ คั ด ส ร ร เกิดข้ึน และใช้ความเข้าใจ เวลา เห ตุการณ์ แวดล้อม และสำนึกสากลสะท้อนการ แ อ ป พ ลิ เค ชั น ร่ ว ม ส มั ย เพื่ อ เก่ียวกับโลกพื้นฐานและโลก ภาษาและอคติในการสื่อสาร มองรอบด้าน และรับผิดชอบ ผลิตสื่อสร้างสรรค์ ประกอบ อ อ น ไล น์ แ ล ะ ส ะ พ า น ท่ี ร ว ม ทั้ งค ว า ม ส อ ด ค ล้ อ ง เพ่ือให้เกิดการเปลี่ยนแปลงท่ี ภาพและเสียงท่ีสะท้อนคุณ เชอ่ื มต่อกัน สมเหตุสมผล โดยใช้การสอบ เป็ น ป ร ะ โย ช น์ ต่ อ ต น เอ ง ค่าท่ีสำคัญ เช่น สิทธิเสรีภาพ 3. ยอมรับความแตกต่างทาง ทานเปรียบเทียบสารสนเทศ ชมุ ชน และสังคม ของตนเองและผู้อ่ืน การไม่ ความคดิ และความแตกต่าง กับสื่อหลากชนิดในประเด็น 3. รับฟังข้อเสนอแนะ และคำ เลือกปฏิบัติ โดยการคิดอย่าง ทางวัฒนธรรมของชุมชนและ เดียวกนั วิจ า ร ณ์ จ า ก ผู้ อ่ื น ร ว ม ทั้ ง ถถี่ ว้ นและใช้ขอ้ มูลหลายด้าน ของนานาชาตทิ เ่ี หน็ ในส่ือ 3. ตัดสินใจเช่ือถือ ปฏิบัตติ าม เสนอแนะ และวิจารณ์ข้อมูล ดจิ ิทลั หรือใช้สารสนเทศ อย่างมี สารสนเทศ ท้ังในโลกความจริง เห ตุผล รู้เท่าทัน โดยการ และโลกเสมือน โดยเคารพ วิเคราะห์ข้อมูลจริง ข้อมูลเท็จ ค ว า ม เห็ น ข อ งผู้ อื่ น แ ล ะ ข้อมูลบิดเบือน หรือข้อมูลที่ ประเมินผลที่เกิดขึ้นเพ่ือการ มุ่งร้ายในโลกออนไลน์ และ ป รั บ ป รุ ง ส่ื อ ส า ร แ ล ะ ห า อั น ต ร า ย ห ล า ก ช นิ ด ใน โ ล ก ทางออกร่วมกนั โดยสนั ติวธิ ี อ อ น ไล น์ ท่ี ใช้ เท ค นิ ค วิ ธี แตกต่างกัน รวมทั้งเข้าใจ ผลกระทบของส่อื สารสนเทศท่ี มีต่อตนเอง ผู้อ่ืน และสังคม ดว้ ยความเคารพและมเี หตผุ ล ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไมไ่ ด้รับอนุญาต

62 5. สมรรถนะหลักดา้ นการสื่อสาร (Communication) สมรรถนะหลักด้านการสื่อสาร (Communicative competency) หมายถึง ความสามารถในการรับสาร การส่งสาร และ การแลกเปลี่ยน/ถ่ายทอดข้อมูลสารสนเทศ ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด ได้ถูกต้องตามโครงสร้างและกฎเกณฑ์ทางภาษาด้วยวัจนภาษา รวมถึงการใ ช้ อวัจนภาษาในการส่ือสาร ผ่านสาร/ข้อความ/ภาพ/สัญลักษณ์ และสามารถเลือกเน้ือหาและกลวิธีในการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้เหมาะสมตามระดับ การสื่อสาร บริบท สังคม วัฒนธรรม บนฐานคุณธรรม จริยธรรม เข้าใจความต้องการในการสื่อสารของตนเอง และเข้าใจความรู้สึกของผู้อ่ืน ส่ื อสารได้บรรลุ ตามวตั ถุประสงค์ สอดคล้องกับกาลเทศะ เกิดความราบรื่น สื่อสารอยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรคเ์ พื่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาตนเองในด้านสติปญั ญา อารมณ์ จติ ใจ และกอ่ ประโยชน์แก่สังคม รวมถงึ เพ่อื สร้างสมั พนั ธภาพทีด่ ีกับผ้อู ่นื ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ สมรรถนะการส่ือสาร (Communicative competency) ระดับ สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 การรบั สาร การสง่ สาร การแลกเปลีย่ น/สนทนา ระดับ 1 คำอธิบาย ความสามารถในการรับสาร การส่งสาร สามารถรับสารท่ีได้รบั ในรูปแบบต่าง ๆ ผ่าน สามารถพูดหรือเขียนหรือถ่ายทอดสารใน สามารถแลกเปลี่ยนสารด้วยการฟัง-พูด และการแลกเปล่ียน/ถ่ายทอดข้อมูล การฟัง การดู การอ่าน โดยใช้ความรู้ความ รูปแบบต่าง ๆ ด้วยวัจนภาษาร่วมกับอ อา่ น-เขยี น ทง้ั คำ ข้อความ ภาพ กราฟิก ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด ได้ เข้าใจ ประสบการณ์ ในการแปลความ สรุป วัจนภาษาท่ีสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งแบบเผชิญหน้า ข อ งก า ร ส่ งส า รที่ มี ค ว าม แ ต ก ต่ าง กั น ได้ หรือไม่เผชิญ ห น้า ห รือในรูป แบ บ ถูกต้องตามโครงสร้างและกฎเกณฑ์ทาง ใจความสำคัญ รู้จักรูปแบบของสารที่มีความ สามารถใช้ภาษาในการส่ือสารความ ออนไลน์ทั้งการส่ือสารแบบประสาน ภ าษ าด้ วย วัจ น ภ าษ า รวม ถึงการ หลากหลาย เลือกรับสารท่ีสอดคล้องกับ ต้องการ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง เวลาและไม่ประสานเวลา ในระหว่าง ใช้อวัจนภ าษ าในการสื่ อสาร โด ย ความสนใจของตนเองและเป็นประโยชน์ ได้ ส่งสารได้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย สื่อสารกับคู่สนทนา ในการสนทนากลุ่ม สามารถตีความ และทำความเข้าใจที่มี เข้าใจความคิดและพฤตกิ รรมของบุคคลหรือ แ ล ะ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ต่ า ง ๆ ใ น ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต

63 สมรรถนะการส่ือสาร (Communicative competency) ระดบั สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 การรบั สาร การสง่ สาร การแลกเปลย่ี น/สนทนา ต่อสาร เลือกเนื้อหาและกลวิธีในการ เข้าใจเรื่องราวที่มีความหลากหลาย ลำดับ ชีวิตประจำวัน เข้าใจความต้องการของ ย่อย การสนทนากลุ่มใหญ่ สามารถ สื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้เหมาะสม เหตุการณ์ท่ีดำเนินไปในสถานการณ์ต่าง ๆ ตนเองในการส่งสาร สังเกตความเหมาะสม ปรับเปลี่ยนบทบาทการสื่อสารเป็นทั้ง ตามระดับการสื่อสาร บริบท สังคม ได้ เข้าใจความแตกต่างของการแสดงสีหน้า ของการส่ือสารท่ีเกิดข้ึนในบริบทต่าง ๆ มี ผสู้ ่งสารและผู้รับสารได้ในสถานการณ์ วัฒนธรรม บนฐานคุณธรรม จริยธรรม ท่าท าง อ ากั ป กริยา น้ ำเสี ยง แววตา ความฉลาดทางอารมณ์และสังคม เข้าใจ หนึ่ง ๆ เพ่ือให้เกิดประโยชน์ในการ เข้าใจในความตอ้ งการในการส่ือสารของ อารมณ์ ความรู้สึก ของผู้อ่ืน รับฟังความ พฤติกรรมทางสังคมและอารมณ์ของ แลกเปล่ียนความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ตนเอง และเข้าใจความรู้สึกของผู้อนื่ รับ คิดเหน็ และข้อเสนอของผอู้ นื่ ที่มคี วามแตกตา่ ง บคุ คลอื่น ๆ ทดลองใช้วิธีการส่งสารใหม่ ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ๆ เม่ือกลวิธีท่ีเลือกใช้ไม่เหมาะสม มี ฟังความคิดเห็นและข้อเสนอของผู้อื่นท่ี จากความคิดของตนเอง สนใจรับสารใน มารยาทในการส่งสาร เลือกข้อมูลและ การสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคล มีความแตกต่างจากความคิดของตนเอง บรบิ ทต่าง ๆ บนฐานคุณธรรม มีความฉลาด กลวิธีส่งสารโดยคำนึงถึงความแตกต่าง การลดความขัดแย้ง หรือเพื่อการพัฒนา สื่อสารได้บ รรลุตามวัตถุป ระสงค์ ทางอารมณ์และสังคม เข้าใจพฤติกรรมทาง ขอ งบุ ค ค ล อื่ น ใน ด้ าน วัย เพ ศ แ ล ะ ตนเองได้ มีความฉลาดทางอารมณ์และ สอดคล้องกับกาลเทศะ ประเมินความ สงั คมและอารมณ์ของบุคคลอ่ืน ๆ รู้จักสำรวจ กาลเทศะ เคารพความคดิ เห็นของผอู้ ่ืน ใช้ สังคม รู้จักสังเกตพฤติกรรมทางสังคม เหมาะสมของการสื่อสารของตน และ ความเข้าใจจากการรับสารของตนเอง เพ่ือให้ ภาษาในการส่ือสารในทางสร้างสรรค์และ และอารมณ์ของบุคคลอื่น ๆ ระหว่าง ปรับปรงุ การส่อื สารใหม้ คี ุณภาพ สอื่ สาร ได้รับประโยชน์ทั้งในแง่ของความรู้ ความคิด เหมาะกับวัย เพื่อสร้างความเข้าใจและ การสนทนาส่ือสาร ปรับบทสนทนา อย่างสร้างสรรค์ เพื่อใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ น ความเพลิดเพลนิ และนำประโยชนแ์ ละคุณค่า สัมพั นธภ าพ ท่ีดีระห ว่างบุ ค คลแล ะ เพื่อให้สถานการณ์การสื่อสารราบรื่น การพัฒนาตนเองในด้านสติปัญญา จากสารที่ได้รับไปใช้พัฒนาตนเองและบริบท หลีกเลี่ยงวิธีการส่งสารที่อาจสร้างความ มีมารยาทในการส่ือสาร ให้ความสนใจ อารมณ์ จิตใจ และก่อประโยชน์แก่ ใกลต้ วั ได้ เข้าใจผิดหรือความขัดแย้งระหว่างกัน ส่ง ตอ่ คู่สนทนา ปรับพฤตกิ รรมการส่ือสาร ชุ ม ช น สั ง ค ม ร ว ม ถึ ง เพื่ อ ส ร้ า ง สารด้วยความซื่อสัตย์ ไม่บิดเบือนข้อมูล ให้ ส อ ด ค ล้ อ งได้ ต าม บ ริบ ท แ ล ะ สมั พันธภาพท่ีดีกับผู้อื่นในสังคมได้อย่าง ห ลี ก เล่ี ย งการส่ งส ารที่ ผิ ด ศี ล ธรรม สอดคล้องกับระดับของผู้ส่งสาร/หรือ มีประสิทธิภาพ จริยธรรม มีอิสระทางความคิดในการส่ง ผู้ฟัง/ผ้รู บั สารโดยคำนงึ ถงึ คุณธรรม สารผ่านการพูด การเขียน ทางช่องทาง ตา่ ง ๆ บนฐานของคุณธรรม ศีลธรรม ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ บั อนุญาต

64 สมรรถนะการส่อื สาร (Communicative competency) ระดบั สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 การรับสาร การส่งสาร การแลกเปลีย่ น/สนทนา ระดับ 2 คำอธบิ าย สามารถรับรู้ ตีความสารท่ีได้รับในรูปแบบที่ สามารถพูดหรือเขียนหรือถ่ายทอดสารใน สามารถแลกเปล่ียนสารที่อยู่ในรูปแบบ ความสามารถในการรับสาร การส่งสาร หลากหลาย ผ่านการฟัง การดู การอ่าน โดย รูปแบบต่าง ๆ ด้วยวัจนภาษาร่วมกับอ ต่าง ๆ ด้วยการฟัง-พดู อา่ น-เขียน ทัง้ คำ และการแลกเปล่ียน/ถ่ายทอดข้อมูล ใช้ความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์ ในการ วัจนภาษาที่สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ ข้อความ ภาพ กราฟิก ผ่านช่องทางต่าง ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด ได้ แปลความ ตีความ สรุปใจความสำคัญ ของการสง่ สารที่มคี วามแตกต่างกนั ได้ เข้า ๆ ท้ังแบบเผชิญหน้า หรือไม่เผชิญหน้า ถกู ต้องตามโครงสร้างและกฎเกณฑ์ทาง วิเคราะห์ ประเมนิ ความน่าเช่ือถอื และคณุ ค่า ใจความแตกต่างระหว่างสารที่ส่งผ่าน หรือในรูปแบบออนไลน์ท้ังการส่ือสาร ภ าษ าด้ วย วัจ น ภ าษ า รวม ถึงการ ของสารท่ีได้รับ เลือกใช้กลวิธีที่เหมาะสมใน ภาษาพูดและภาษาเขียน สามารถใช้ แบบประสานเวลาและไม่ประสานเวลา ใช้อวัจนภาษาในการส่ือสาร โดยใช้ การรับสารได้สอดคล้องกับรูปแบบของสาร ภาษาในการสื่อสารได้อย่างชัดเจน ในระหว่างสื่อสารกับคู่สนทนา ในการ ความสามารถในการตีความ วิเคราะห์ และเป้าหมายในการฟัง การดู หรือการอ่าน สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย รูปแบบการ สนทนากลุ่มย่อย การสนทนากลุ่มใหญ่ ทำความเข้าใจที่มีต่อสาร เลือกเน้ือหา ตีความสาร/พฤติกรรม และทำความเข้าใจ ส่ื อส าร (ระห ว่างบุ คคล ก ลุ่ ม ย่อ ย หรือการสนทนาในท่ีสาธารณะ สามารถ และกลวิธใี นการส่ือสารในรูปแบบตา่ ง ๆ ความคิด มุมมอง อารมณ์ ความรู้สึก และ สาธารณชน) เหน็ ความสำคัญของการส่ง ปรับเปล่ียนบทบาทการสื่อสารเป็นทั้ง ได้เหมาะสมตามระดับการส่ือสาร วั ต ถุ ป ระ ส ง ค์ ข อ งผู้ ส่ ง ส า รที่ มี ค ว า ม ส า ร เพ่ื อ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ต่ า ง ๆ ใน ผสู้ ่งสารและผู้รับสารได้ในสถานการณ์ บ ริบ ท สังคม วัฒ น ธรรม บ นฐาน หลากหลาย จากภาษาพูด/หรือภาษาเขียน ชีวิตประจำวัน เข้าใจความคิดและ หนึ่ง ๆ เพ่ือให้เกิดประโยชน์ในการ คุณธรรม จริยธรรม เข้าใจในความ ร่วมกับการแสดงสีหน้า ท่าทาง อากัปกริยา พฤติกรรมของตนเองในการส่งสารท่ีอาจ แลกเปล่ียนความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ต้องการในการสื่อสารของตนเอง และ น้ำเสียง แววตา อารมณ์ ความรู้สึก เพ่ือทำ ส่งผลต่อผู้อ่ืน สามารถประเมินความ ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เข้าใจความรู้สึกของผู้อ่ืน รับฟังความ ความเข้าใจความหมายและวัตถุประสงค์ของผู้ เหมาะสมของการส่ือสารที่เกิดขึ้นใน การสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน การ คิดเห็นและข้อเสนอของผู้อื่นที่มีความ ส่งสาร ระบแุ ละจำแนกวตั ถปุ ระสงคข์ องสาร บริบทต่าง ๆ สามารถพิจารณาและ สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคล การ แตกตา่ งจากความคดิ ของตนเอง สื่อสาร ที่ได้รับท่ีมีความแตกต่างกันได้ โดยคำนึงถึง ประเมินความเหมาะสมของสารท่ีส่งบน ลดความขัดแย้ง หรือเพื่อการพัฒนา ได้บรรลตุ ามวัตถุประสงค์ สอดคล้องกับ ความแตกต่างของช่วงวัยและเพศของแต่ละ ฐานของคุณ ธรรม มีความฉลาดทาง ตนเองได้ มีความฉลาดทางอารมณ์และ กาลเทศะ เกิดความราบร่ืน ประเมิน บุคคล รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอของ อารมณ์และสังคม เข้าใจพฤติกรรมทาง สังคม รู้จักสังเกตพฤติกรรมทางสังคม ความเหมาะสมของการสื่อสารของตน ผอู้ ่ืนท่ีมีความแตกต่างจากความคิดของตนเอง สังคมและอารมณ์ของบคุ คลอนื่ ๆ มีความ และอารมณ์ของบุคคลอ่ืน ๆ ระหว่าง หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ด้รับอนุญาต

65 สมรรถนะการสอื่ สาร (Communicative competency) ระดับ สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 การรับสาร การสง่ สาร การแลกเปล่ียน/สนทนา และปรับปรุงการส่ือสารให้มีคุณภาพ ประเมินความเหมาะสมของสารที่ได้รับใน รับผิดชอบต่อการส่งสารเม่ือกลวิธีท่ี การสนทนาสื่อสาร ปรับบทสนทนา ส่ื อ ส าร อ ย่ างมี วิจ าร ณ ญ า ณ แ ล ะ บริบทต่าง ๆ บนฐานคุณธรรม จริยธรรม เลือกใช้ไม่เหมาะสม มีมารยาทในการส่ง เพ่ือให้สถานการณ์การส่ือสารราบร่ืน สร้างสรรค์ เพ่ือให้เกิดประโยชน์ในการ เห็ น ความ ส ำคัญ ข อ งก ารรับ ส ารเพื่ อ สาร คำนึงถึงความแตกต่างของบริบท มีมารยาทในการส่ือสาร ให้ความสนใจ พัฒนาตนเองในด้านสติปัญญา อารมณ์ วัตถุประสงค์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน มี ทางวัฒนธรรม ไม่ยึดความคิดและความ และให้เกียรติต่อคู่สนทนา รู้จกั ควบคุม จิตใจ และก่อประโยชน์แก่ชุมชน สังคม ความฉลาดทางอารมณ์และสังคม เข้าใจ เช่ือของตนเป็นสำคัญ เลือกข้อมูลและ อารมณ์ระหว่างการสื่อสารที่ไม่เป็นไป และประเทศชาติ รวมถึงเพ่ือสร้าง พฤติกรรมทางสังคมและอารมณ์ของบุคคลอื่น กลวิธีส่งสารโดยคำนึงถึงความแตกต่าง ตามเป้าหมายหรือความต้องการของ สัมพันธภาพที่ดีกับผู้อ่ืนในสงั คมได้อย่าง ๆ รู้จักสำรวจความเข้าใจจากการรับสารของ ระหว่างบุคคล ในด้านวัย เพศ และ ตนเอง ปรับพฤติกรรมการส่ือสารให้ มีประสิทธิภาพ ตนเอง ใช้ประโยชน์จากการรับสารทั้งในด้าน กาลเทศะ เคารพความคิดเห็นของผอู้ น่ื ใช้ สอดคล้องได้ตามบริบทและสอดคล้อง ความรู้ ความคิด ความเพลิดเพลิน และนำ ภาษาในการส่ือสารในทางสร้างสรรค์ เพื่อ กับระดับของผู้ส่งสาร/หรือผู้ฟัง/ผู้รับ ประโยชน์และคุณค่าจากสารท่ีได้รับไปใช้ สร้างความเข้าใจและสัมพันธภาพท่ีดี สารโดยคำนึงถึงคุณธรรม ศีลธรรม พฒั นาตนเองและและบริบทใกลต้ ัวได้ ระหว่างบุคคลและหลีกเล่ียงวิธีการส่งสาร ขนบธรรมเนยี มประเพณีท่ดี งี าม ท่ี อ า จ ส ร้ า ง ค ว า ม เ ข้ า ใจ ผิ ด ห รื อ ค ว า ม ขัดแย้งระหว่างกัน ส่งสารด้วยความ ซ่ือสัตย์ ไม่บิดเบือนข้อมูล หลีกเล่ียงการ ส่งสารที่ผิดศีลธรรม จริยธรรม มีอิสระ ทางความคิดในการส่งสารผา่ นการพูด การ เขียน ทางช่องทางต่าง ๆ บนฐานของ คุ ณ ธ ร ร ม ศี ล ธ ร ร ม จ ริ ย ธ ร ร ม ขนบธรรมเนียมประเพณี และจารีตอันดี งาม ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต

66 สมรรถนะการสอื่ สาร (Communicative competency) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะที่ 3 การรบั สาร การส่งสาร การแลกเปลีย่ น/สนทนา ระดบั 3 คำอธิบาย สามารถรับรู้ ตีความสารที่ได้รบั ในรูปแบบที่ สามารถพูดหรอื เขยี นหรอื ถ่ายทอดสารใน สามารถแลกเปล่ียนสารท่ีอยู่ในรูปแบบ หลากหลาย ผ่านการฟัง การดู การอ่าน โดย รูปแบบต่าง ๆ ด้วยวัจนภาษาร่วมกับอ ต่าง ๆ ด้วยการฟัง-พูด อ่าน-เขียน ทั้ง ความสามารถในการรับสาร การส่งสาร ใช้ความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์ และ วัจนภาษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ คำ ข้อความ ภาพ กราฟิก ผ่านช่องทาง และการแลกเปลี่ยน/ถ่ายทอดข้อมูล แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ในการประมวลใจความ สื่อสารได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องตาม ต่าง ๆ ทั้งแบบเผชิญ หน้า หรือไม่ สารสนเทศ ประสบการณ์ ความรู้ สำคัญ วิเคราะห์ ประเมินความน่าเชื่อถือ วัตถุประสงค์ของสารท่ีมีความแตกต่างกัน เผชิญหน้า หรือในรูปแบบออนไลน์ท้ัง ความคิด ได้ถูกต้องตามโครงสร้างและ และคุณคา่ ของสารท่ีได้รับ โดยเลือกใช้กลวิธี ได้ เข้าใจความแตกต่างระหว่างสารที่ การส่ือสารแบบประสานเวลาและไม่ กฎเกณ ฑ์ทางภาษาด้วยวัจนภาษา ที่เหมาะสมในการรับสารได้สอดคล้องกับ ส่ งผ่ าน ภ าษ าพู ด แ ล ะภ าษ าเขี ย น ประสานเวลา ในระหว่างสื่อสารกับคู่ รวมถึงการใช้อวัจนภาษาในการส่ือสาร รปู แบบของสารและเป้าหมายในการฟงั การดู สามารถใช้ภาษาในการสื่อสารได้อย่าง สนทนา ในการสนทนากลุ่มย่อย การ โ ด ย ใช้ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ตี ค ว า ม หรือการอ่าน ตีความสาร/พฤติกรรม และทำ ชัดเจน สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย สนทนากลุ่มใหญ่ หรือการสนทนาในท่ี วิเคราะห์ ประมวลความเข้าใจท่ีมีต่อ ความเข้าใจความ คิด มุมมอง อารมณ์ รปู แบบการสอ่ื สาร (ระหวา่ งบคุ คล กลุ่ม สาธารณะ สามารถปรับเปลยี่ นบทบาท สาร และสามารถเลอื กเน้ือหาและกลวิธี ความรู้สึก และวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสารที่มี ย่อย สาธารณชน) เห็นความสำคัญของ การส่ือสารเป็นทั้งผู้ส่งสารและผู้รับ ในการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ความหลากหลาย จากภาษาพูด/หรือภาษา การส่งสารเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ใน สารได้ในสถานการณ์หนึ่ง ๆ เพ่ือให้ เหมาะสมตามระดับการส่ือสาร บริบท เขียน ร่วมกับการแสดงสีหน้า ท่าทาง อากัป ชีวิตประจำวัน เข้าใจความคิดและ เกิดประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความรู้ สังคม วัฒนธรรม บนฐานคุณธรรม กริยา นำ้ เสียง แววตา อารมณ์ ความรู้สึก เพ่อื พฤติกรรมของตนเองในการส่งสารท่ีอาจ ข้อมูล ข่าวสาร ประโยชน์ในการดำเนิน จริยธรรม เลือกใช้ข้อมูลที่มีความ ทำความเข้าใจความหมายและวัตถุประสงค์ ส่งผลต่อผู้อื่น สามารถประเมินความ ชีวิตประจำวัน การสร้างความเข้าใจซ่ึง น่าเช่ือถือในการสนับสนุนการสื่อสาร ของผู้ส่งสาร ระบุและจำแนกวัตถุประสงค์ เหมาะสมของการสื่อสารที่เกิดข้ึนใน กันและกัน การสร้างสัมพันธภาพที่ดี เข้าใจในความตอ้ งการในการส่ือสารของ ของสารท่ีได้รับท่ีมีความแตกต่างกันได้ โดย บริบทต่าง ๆ และปรับพฤติกรรมการ ระหว่างบุคคล การลดความขัดแย้ง ตนเอง และเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและ ส่ือสารให้สอดคล้องได้ตามบริบทและ หรือเพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคมได้ ส่ื อส ารโด ย ป ราศ จ ากอ ค ติ ไม่ ยึ ด วัฒนธรรม รับสารโดยปราศจากอคติ ไม่ยึด สอดคล้องกับผู้ฟัง/ผู้รับสารได้ สามารถ มี ค ว า ม ฉ ล า ด ท า งอ า ร ม ณ์ แ ล ะ สั งค ม ความคิดและความเชอ่ื ของตนเป็นสำคัญ รั บ รู้ ว่ า ค ว า ม คิ ด แ ล ะ พ ฤ ติ ก ร ร ม ข อ ง ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต

67 สมรรถนะการสื่อสาร (Communicative competency) ระดับ สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 การรับสาร การส่งสาร การแลกเปลี่ยน/สนทนา ตนเองอาจส่งผลต่อผู้อ่ืนระหว่างการ ความคิดและความเชื่อของตนเป็นสำคัญ พิจารณาและประเมินความเหมาะสม เข้าใจพฤติกรรมทางสังคมและอารมณ์ ส่ื อ ส า ร ได้ สื่ อ ส า ร ได้ บ ร ร ลุ ต า ม ระบุส่ิงท่ีเป็นอุปสรรคในการรับสารของ ของสารท่ีส่งบนฐานของคุณ ธรรม ของบุคคลอ่ืน ๆ ระหว่างการสนทนา วัตถุประสงค์ สอดคล้องกับกาลเทศะ ตนเองได้ ประเมินความเหมาะสมของสารท่ี จริยธรรม มีความฉลาดทางอารมณ์และ สื่อสาร ปรับบทสนทนาและอารมณ์ เกิดความราบรื่น ตรวจสอบและประเมนิ ได้รับในบริบทต่าง ๆ บนฐานคุณธรรม สังคม เข้าใจพฤติกรรมทางสังคมและ ความรู้สึกในการส่ือสารเพ่ือสร้าง ความเหมาะสมและประสิทธิภาพของ จริยธรรม ตระหนักถึงความสำคัญของการ อ ารม ณ์ ข อ งบุ ค ค ล อ่ื น ๆ มี ค วาม บรรยากาศที่ดีระหว่างการสนทนาได้ การส่ือสารของตน และปรับปรุงการ รั บ ส า ร เพื่ อ วั ต ถุ ป ระ ส ง ค์ ต่ า ง ๆ ใน รับผิดชอบต่อการส่งสารเมื่อกลวิธีท่ี มีมารยาทในการสื่อสาร ให้ความสนใจ ส่ือสารให้มีคุณภาพ ส่ือสารอย่างมี ชีวิตประจำวัน มีความฉลาดทางอารมณ์และ เลื อ ก ใ ช้ ไม่ เห ม า ะ ส ม ห รื อ ข า ด และให้เกยี รติตอ่ คสู่ นทนา รู้จักควบคุม วิจารณญาณและสร้างสรรค์ เพ่ือให้เกิด สังคม เข้าใจพฤติกรรมทางสังคมและอารมณ์ ประสิทธิภาพ มีมารยาทในการส่งสาร อารมณ์ระหว่างการส่ือสารที่ไม่เป็นไป ประโยชน์ในการพัฒนาตนเองในด้าน ของบุคคลอ่ืน ๆ รู้จักสำรวจความเข้าใจและ ส่ื อ ส ารบ น ฐาน ขอ งค วาม แ ต ก ต่ าง ตามเป้าหมายหรือความต้องการของ สติปั ญ ญ า อารมณ์ จิตใจ และก่อ พฤติกรรมการรับสารของตนเอง สามารถใช้ คำนึงถึงความแตกต่างของบริบททาง ตนเอง ปรับพฤติกรรมการสื่อสารให้ ประโยชน์แก่สังคม และประเทศชาติ ประโยชน์จากการรับสารทั้งในแง่ของความรู้ วัฒนธรรม ไม่ยึดความคิดและความเชื่อ สอดคล้องได้ตามบริบทและสอดคล้อง รวมถึงเพื่อสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้อื่น ความคิด ความเพลิดเพลิน และนำประโยชน์ ของตนเปน็ สำคัญ เลือกข้อมูลและกลวิธี กับระดับของผู้ส่งสาร/หรือผู้ฟัง/ผู้รับ ในบริบทวัฒนธรรมท่ีหลากหลายได้ และคุณค่าจากสารที่ได้รับไปใช้พัฒนา ส่งสารโดยคำนึ งถึงความแตกต่าง สารโดยคำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ตนเองและสงั คมได้ ระหว่างบุคคล กาลเทศะ บริบทสังคม ศีลธรรม ข น บ ธรรม เนี ยม จารีต และวัฒนธรรม เคารพความคิดเห็นท่ีมี ประเพณที ่ดี งี าม ความหลากหลาย ใช้ภาษาในการสื่อสาร ในทางสร้างสรรค์ เพ่ือสร้างความเข้าใจ และสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคลและ หลีกเล่ียงวิธีการส่งสารท่ีอาจสร้างความ เข้าใจผิดหรือความขัดแย้งระหว่างกัน ให้ ความสำคัญกับทุกคนในการสื่อสารอย่าง หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาต

68 สมรรถนะการสือ่ สาร (Communicative competency) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 การรับสาร การส่งสาร การแลกเปลย่ี น/สนทนา เท่าเทียม ส่งสารด้วยความซ่ือสัตย์ ไม่ บิดเบือนข้อมูล หลีกเลี่ยงการส่งสารที่ผิด ศีลธรรม จริยธรรม มีอิสระทางความคิด ในการส่งสารผ่านการพูด การเขียน ทาง ช่องทางต่าง ๆ บนฐานของคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และจารตี อันดงี าม ระดบั 4 สามารถรับรู้ ตีความสารท่ีได้รับในรูปแบบที่ สามารถพูดหรือเขียนหรือถ่ายทอดสารใน สามารถแลกเปล่ียนสารที่อยู่ในรูปแบบ คำอธิบาย หลากหลาย ผ่านการฟัง การดู การอ่าน โดย รูปแบบต่าง ๆ ด้วยวัจนภาษาร่วมกับอ ตา่ ง ๆ ดว้ ยการฟัง-พูด อา่ น-เขียน ทงั้ คำ ความสามารถในการรับสาร การสง่ สาร และการแลกเปลี่ยน/ถ่ายทอดขอ้ มลู ใช้ความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์ และ วัจนภาษา เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการ ข้อความ ภาพ กราฟิก ผ่านช่องทางต่าง สารสนเทศ ประสบการณ์ ความรู้ แหล่งข้อมูลอ้างอิงที่น่าเช่ือถือในการ สื่อสารได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องตาม ๆ ทั้งแบบเผชิญหน้า หรือไม่เผชิญหน้า ความคดิ ไดถ้ ูกตอ้ งตามโครงสรา้ งและ ประมวลใจความสำคัญ วิเคราะห์ ประเมิน วตั ถุประสงค์ของสารท่ีมีความแตกต่างกัน หรือในรูปแบบออนไลน์ทั้งการสื่อสาร กฎเกณฑท์ างภาษาด้วยวัจนภาษา ความน่าเชื่อถือและคุณค่าของสารที่ได้รับ ได้ เข้าใจความแตกต่างระหว่างสารท่ี แบบประสานเวลาและไม่ประสานเวลา รวมถงึ การใชอ้ วจั นภาษาในการสอื่ สาร ส่ งผ่ าน ภ าษ าพู ด แ ล ะภ าษ าเขี ย น โดยใช้ความสามารถในการตีความ โดยเลือกใช้กลวิธีที่เหมาะสมในการรับสารให้ สามารถใช้ภาษาในการส่ือสารได้อย่าง ในระหว่างสื่อสารกับคู่สนทนา ในการ วเิ คราะห์ ประมวลความเข้าใจที่มตี อ่ สอดคลอ้ งกับรปู แบบของสารและเป้าหมายใน ชัดเจน สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย สนทนากลุ่มย่อย การสนทนากลุ่มใหญ่ สาร เลือกเนอ้ื หาและกลวิธีในการ สอ่ื สารในรปู แบบตา่ ง ๆ ไดเ้ หมาะสม การฟัง การดู หรือการอ่าน ตีความสาร/ รปู แบบการส่ือสาร (ระหว่างบุคคล กลุ่ม หรือการสนทนาในท่ีสาธารณะ สามารถ ตามระดบั การสื่อสาร บริบท สงั คม พฤติกรรม และทำความเข้าใจความคิด ย่อย สาธารณชน) เลือกใช้ข้อมูลที่มี ปรับเปล่ียนบทบาทการส่ือสารโต้ตอบ วัฒนธรรม บนฐานคณุ ธรรม จรยิ ธรรม มุมมอง อารมณ์ ความรู้สึก และวัตถุประสงค์ ค ว าม น่ าเช่ื อ ถื อ ใน ก ารส นั บ ส นุ น เป็นทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารได้ใน ของผู้ส่งสารท่ีมีความหลากหลาย จากภาษา ข้อความ/สาร ตระหนักถึงความสำคัญ ส ถ าน ก า รณ์ ห นึ่ ง ๆ เพื่ อ ให้ เกิ ด ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ด้รบั อนุญาต

69 สมรรถนะการสอ่ื สาร (Communicative competency) ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 การรบั สาร การส่งสาร การแลกเปลย่ี น/สนทนา เลอื กใช้ข้อมูลทม่ี ีความนา่ เชื่อถือในการ พูด/หรือภาษาเขียน ร่วมกับการแสดงสีหน้า ของการส่งสารเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ประโยชน์ในการแลกเปล่ียนความรู้ สนับสนนุ การส่อื สาร เข้าใจในความ ท่าทาง อากัปกริยา น้ำเสียง แววตา อารมณ์ ในชีวิตประจำวัน เข้าใจและตระหนักใน ข้อมูล ข่าวสาร ประโยชน์ในการดำเนิน ตอ้ งการในการสอ่ื สารของตนเอง และ ความรู้สึก เพ่ือทำความเข้าใจความหมายและ ความคดิ และพฤติกรรมของตนเองในการ ชีวิตประจำวัน การสร้างความเข้าใจซ่ึง เข้าใจความรสู้ กึ ของผอู้ ่นื สื่อสารโดย วัตถุประสงค์ของผู้ส่งสาร ระบุและจำแนก ส่งสารท่ีอาจส่งผลต่อผู้อ่ืน สามารถ กันและกัน การสร้างสัมพันธภาพที่ดี ปราศจากอคติ ไม่ยดึ ความคดิ และความ วัตถุประสงค์ของสารท่ีได้รับท่ีมีความ ป ร ะ เมิ น ค ว า ม เห ม า ะ ส ม แ ล ะ ระหว่างบุคคล การลดความขดั แย้ง หรือ เชอื่ ของตนเปน็ สำคัญ ตระหนักใน ประสิทธิภาพของการส่ือสารที่เกิดข้ึนใน ความคดิ และพฤติกรรมของตนเองใน แตกต่างกันได้ โดยคำนึงถึงความแตกต่าง บริบทต่าง ๆ และปรับพฤติกรรมการ เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคมได้ มี การสง่ สารทอ่ี าจสง่ ผลต่อผ้อู ืน่ ได้ สอื่ สาร ระหว่างบุคคลและวัฒนธรรม รับสารโดย ส่ือสารให้สอดคล้องได้ตามบริบทและ ความฉลาดทางอารมณ์และสังคม เขา้ ใจ ได้บรรลตุ ามวตั ถุประสงค์ สอดคลอ้ งกับ ปราศจากอคติ ไม่ยึดความคิดและความเช่ือ สอดคล้องกับผู้ฟัง/ผู้รับสารได้ สามารถ พฤติกรรมทางสังคมและอารมณ์ของ กาลเทศะ เกดิ ความราบรน่ื ตรวจสอบ ของตนเป็นสำคัญ ระบุสิ่งท่ีเป็นอุปสรรคใน พิจารณาและประเมินความเหมาะสม บุคคลอื่น ๆ ระหว่างการสนทนา และประเมนิ ความเหมาะสมและ การรับสารและกำจัดอุปสรรคดังกล่าว ของสารท่ีส่งบน ฐาน ของคุณ ธรรม ส่ือสาร ปรับบทสนทนาและอารมณ์ ประสทิ ธภิ าพของการสอื่ สารของตน เพ่ือให้การรับสารเกิดประสิทธิภาพ ประเมิน จริยธรรม มีความฉลาดทางอารมณ์และ ความรู้สึกในการสื่อสารเพื่อสร้าง และปรบั ปรุงการสือ่ สารให้มคี ณุ ภาพ ความเหมาะสมของสารที่ได้รับในบริบทต่าง สังคม เข้าใจพฤติกรรมทางสังคมและ บรรยากาศทด่ี ีระหว่างการสนทนาได้ มี อย่างสมำ่ เสมอ ส่อื สารอยา่ งมี ๆ บนฐานคุณธรรม จริยธรรม ตระหนักถึง อ า ร ม ณ์ ข อ งบุ ค ค ล อ่ื น ๆ มี ค ว า ม มารยาทในการส่ือสาร ให้ความสนใจ วิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ เพ่ือให้เกิด ความสำคญั ของการรับสารเพื่อวตั ถุประสงค์ รับผิดชอบต่อการส่งสารเมื่อกลวิธีที่ และให้เกียรติต่อคู่สนทนา รู้จกั ควบคุม ประโยชนใ์ นการพัฒนาตนเองในดา้ น ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน มีความฉลาดทาง เลื อ ก ใ ช้ ไ ม่ เห ม า ะ ส ม ห รื อ ข า ด แ ล ะ จั ด ก ารกั บ อ ารม ณ์ ระ ห ว่ า ง สติปัญญา อารมณ์ จติ ใจ และกอ่ อารมณ์และสังคม เข้าใจพฤติกรรมทางสังคม ประสิทธิภาพ และนำข้อมูลป้อนกลับมา การสื่อสารท่ีไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ประโยชนแ์ กส่ ังคม ประเทศ นานาชาติ และอารมณ์ของบุคคลอื่น ๆ สำรวจความ ใช้ปรับปรุงการสื่อสารในโอกาสต่อไป มี หรือความต้องการของตนเอง สามารถ รวมถงึ เพอ่ื สร้างสัมพนั ธภาพท่ีดกี บั ผู้อ่ืน เข้าใจและพฤติกรรมการรับสารของตนเอง มารยาทในการส่งสาร ส่ือสารบนฐานของ ป ร ะ เมิ น ค ว า ม เห ม า ะ ส ม แ ล ะ ในบริบทวฒั นธรรมทหี่ ลากหลายได้ ความแตกต่าง คำนึงถึงความแตกต่าง ประสิทธิภาพของการส่ือสารที่เกิดขึ้น อย่างมีประสทิ ธิภาพ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้รับประโยชน์ท้ังใน ของภูมิหลัง ประสบการณ์ บริบททาง ในบริบทต่าง ๆ และปรับพฤติกรรม แง่ของความรู้ ความคิด ความเพลิดเพลนิ และ วัฒนธรรม ส่งสารโดยปราศจากอคติ ไม่ การส่ือสารให้สอดคล้องได้ตามบริบท นำประโยชน์และคุณค่าจากสารท่ีได้รับเป็น ยึดความคิดและความเชื่อของตนเป็น หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต

70 สมรรถนะการส่ือสาร (Communicative competency) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 การรบั สาร การส่งสาร การแลกเปลี่ยน/สนทนา พ้นื ฐานในการสรา้ งความรู้ใหม่เพ่ือใชพ้ ัฒนา สำคัญ เลือกข้อมูลและกลวิธีส่งสารโดย และสอดคล้องกับระดับของผู้ส่งสาร/ ตนเองและสงั คมได้ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ห รือ ผู้ ฟั ง/ผู้ รับ ส ารโด ย ค ำนึ งถึ ง กาลเทศะ บริบทสังคมและวัฒนธรรม คุ ณ ธ ร ร ม จ ริ ย ธ ร ร ม ศี ล ธ ร ร ม ยอมรบั การตีความสารที่อาจแตกตา่ งกัน ขนบธรรมเนียม จารตี ประเพณที ี่ดงี าม ไปตามผู้รับสารและเคารพความคิดเห็น ที่มีความหลากหลาย ใช้ภาษาในการ สื่อสารในทางสร้างสรรค์ เพ่ือสร้างความ เข้าใจและสัมพันธภาพท่ีดีระหว่างบุคคล และหลีกเลี่ยงวิธีการส่งสารท่ีอาจสร้าง ความเข้าใจผิดหรือความขัดแย้งระหว่าง กัน ให้ความสำคัญกบั ทุกคนในการสื่อสาร อย่างเท่าเทียม ส่งสารด้วยความซ่ือสัตย์ ไม่บิดเบือนข้อมูล หลีกเลี่ยงการส่งสารท่ี ผิดศีลธรรม จริยธรรม มีอิสระทาง ความคิดในการส่งสารผ่านการพูด การ เขียน ทางช่องทางต่าง ๆ บนฐานของ คุ ณ ธ ร ร ม ศี ล ธ ร ร ม จ ริ ย ธ ร ร ม ขนบธรรมเนียมประเพณี และจารีตอันดี งาม หา้ มคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต

71 6. สมรรถนะหลกั ดา้ นการทำงานแบบรวมพลงั เป็นทมี และมภี าวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) สมรรถนะหลักด้านการทำงานแบบรวมพลังเป็นทีม และมีภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) หมายถึง ความสามารถในการร่วมกันทำงานตามบทบาทเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายท่ีกำหนดร่วมกัน อีกท้งั สง่ เสริม บ่มเพาะความสัมพนั ธ์ทางบวก โดยผู้เก่ียวขอ้ งตระหนักใน การสนับสนุน แบ่งปัน แลกเปล่ียนความรู้ และความคดิ พร้อมสนับสนุนเก้ือกลู กันทุกด้าน นอกจากน้ีต้อง ใส่ใจในการประสานความคดิ ประนีประนอม เสนอ ทางเลอื กและแนวปฏบิ ตั ทิ ่ีทุกฝ่ายยอมรบั สร้างและรกั ษาความสัมพันธท์ างบวกกบั สมาชกิ ภาวะผูน้ ำ เป็นคุณลักษณะของบคุ คลท่ีสามารถแก้ปญั หาและใช้มนษุ ยสมั พนั ธ์ทด่ี ีเพือ่ ชีแ้ นะแนวทางใหไ้ ปสูเ่ ปา้ หมายและสร้างแรงบันดาลใจให้ผอู้ นื่ ได้ พัฒนาตนเองและนำจุดเดน่ ของแต่ละคนมาใช้ปฏิบตั ิงานในฐานะสมาชิกกลุ่มทดี่ ี เพ่ือใหบ้ รรลผุ ลสำเร็จร่วมกัน สมรรถนะหลกั ด้านการทำงานแบบรวมพลังเป็นทีม และมีภาวะผนู้ ำ (Collaboration Teamwork and Leadership) ระดบั สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะที่ 5 ภาวะผูน้ ำและ การสรา้ งและรกั ษา ระดบั 1 การพัฒนาตนเอง การสื่อสารที่มี กระบวนการทำงาน การแก้ปัญหา คำอธบิ าย ความสัมพนั ธ์ 1. เป็นผู้นำและเป็น ประสิทธผิ ล รว่ มกันแบบรว่ มมอื ดว้ ยสนั ติวิธี มีทกั ษะในการทำงานรว่ มกนั โดย สมาชิกที่ดีของกลุ่ ม เป็นผู้นำและเป็นสมาชิกที่ดีของกลุ่ม มี แ ส ด งอ อ ก ได้ อ ย่ า ง รวมพลัง มารยาทในการรับฟังความคิดเห็นของ 1. รับฟังความคิดเห็น 1 . ร่ ว ม กั น ก ำ ห น ด 1. แกป้ ัญหาท่เี กิดข้นึ ใน 1 . ส ร้ า ง แ ล ะ รั ก ษ า ของผู้อื่น สนับสนุน เ ป้ า ห ม า ย มี การทำงานกลุ่มดว้ ยสนั ติ ความสัมพันธ์อันดีใน กลุ่ม และยอมรับผลที่ ห รื อ โ ต้ แ ย้ ง ค ว า ม กระบวนการทำงาน วิธี ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ได้รบั อนญุ าต

สมรรถนะหลกั ดา้ นการทำงานแบบรวมพลงั เป็นทมี และมีภาวะผู้นำ 72 (Collaboration Teamwork and Leadership) สมรรถนะท่ี 5 การสร้างและรกั ษา ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 ภาวะผนู้ ำและ ความสัมพันธ์ การส่ือสารทมี่ ี กระบวนการทำงาน การแกป้ ัญหา เกิดจากการทำงาน การพัฒนาตนเอง ประสทิ ธผิ ล ร่วมกันแบบร่วมมอื ด้วยสนั ตวิ ธิ ี รว่ มกนั รวมพลัง ผู้อื่น ให้การสนับสนุนหรือโต้แย้งอย่างมี เหมาะสมตามวยั คิดเห็นของผู้อื่นอย่างมี กลุ่มที่สอดคล้องกับ เหตุผล ร่วมกันกำหนดเป้าหมาย มี กระบ วน การทำงานกลุ่ ม ที่ชั ดเจ น เหตผุ ล เ ป้ า ห ม า ย แ ล ะ รับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมาย ประเมินการทำงานร่วมกัน รับผิดชอบตามบทบาท เป็นระยะ ช่วยเหลือและแก้ปัญหาที่ เกิดข้ึนในการทำงานกลุ่มด้วยสันติวิธี แ ล ะ ห น้ า ท่ี ท่ี ได้ รั บ สร้างและรักษาความสัมพันธ์อันดีเพ่ือ ความสำเร็จในการทำงานร่วมกัน มอบหมาย ช่วยเหลือ กนั ประเมินการทำงาน ร่ ว ม กั น เป็ น ร ะ ย ะ เพ่ื อ ให้ บ ร ร ลุ ต า ม เปา้ หมายทีก่ ำหนด ระดับ 2 1. เป็นผู้นำและเป็น 1. เปดิ ใจ รับฟัง ยอมรบั 1. ร่ ว ม กั น ก ำ ห น ด 1. ปรับและประสาน 1. สรา้ งและรกั ษา คำอธิบาย เ ป้ า ห ม า ย มี ความคิดในการแกไ้ ข ความสัมพนั ธอ์ ันดใี น สมาชกิ ทดี่ ขี องกล่มุ และเคารพความคดิ เห็น กระบวนการทำงาน ปัญหาด้วยสนั ติวธิ ี กลุม่ ให้ความไว้วางใจ มที ักษะในการทำงานรว่ มกนั โดย ก ลุ่ ม ท่ี ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ และยอมรับผลทเ่ี กดิ เปน็ ผ้นู ำและเปน็ สมาชิกทดี่ ีของกลุ่ม มี แสดงออกไดอ้ ย่าง ในมุมมองทีแ่ ตกต่าง เ ป้ า ห ม า ย แ ล ะ จากการทำงานรว่ มกัน แรงบนั ดาลใจในการพฒั นาตนเองใหเ้ ป็น รับผิดชอบตามบทบาท ดว้ ยความเต็มใจ ที่ไว้วางใจ เปิดใจ รับฟัง ยอมรับ และ เหมาะสม มแี รง 2. สนับสนุนหรือโต้แย้ง หนา้ ทดี่ ้วยความใสใ่ จ มี เคารพความคิดเห็นในมุมมองท่แี ตกตา่ ง ให้การสนบั สนุนหรอื โตแ้ ยง้ อย่างมี บันดาลใจในการพฒั นา ความคิดเห็นของผู้อืน่ เหตผุ ล รว่ มกันกำหนดเปา้ หมาย มี ตนเองใหเ้ ป็นทีไ่ ว้วางใจ อยา่ งมีเหตผุ ล ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ได้รับอนุญาต

สมรรถนะหลกั ด้านการทำงานแบบรวมพลงั เป็นทมี และมภี าวะผนู้ ำ 73 (Collaboration Teamwork and Leadership) สมรรถนะที่ 5 การสร้างและรกั ษา ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 ภาวะผู้นำและ ความสมั พนั ธ์ การส่ือสารท่มี ี กระบวนการทำงาน การแกป้ ัญหา การพฒั นาตนเอง ประสิทธผิ ล ร่วมกันแบบรว่ มมอื ดว้ ยสันตวิ ธิ ี รวมพลงั กระบวนการทำงานกลุม่ ที่ชัดเจน ความพยายามเพื่อให้ รบั ผิดชอบตามบทบาทหน้าทท่ี ีไ่ ดร้ ับ มอบหมาย ด้วยความใสใ่ จ เตม็ ใจ เกิดความสำเร็จในการ พยายามและชว่ ยเหลอื กัน ประเมนิ การ ทำงานร่วมกันเป็นระยะ ปรบั ประสาน ทำงาน อย่างเต็มใจ ความคดิ และแกป้ ัญหาด้วยสนั ตวิ ิธี สรา้ ง และรกั ษาความสมั พนั ธอ์ ันดีเพอ่ื ช่วยเหลือกัน ประเมิน ความสำเรจ็ ในการทำงานรว่ มกนั การทำงานร่วมกันเป็น ร ะ ย ะ เ พื่ อ น ำ ไ ป ปรับปรุง ให้บรรลุตาม เป้าหมายทกี่ ำหนด ระดบั 3 1.เป็ น ผู้ น ำแ ล ะ เป็ น 1.เปดิ ใจ รบั ฟัง ยอมรับ 1. ร่วม กัน กำห น ด 1.ปรับ และประสาน 1.ส ร้ า ง แ ล ะ รั ก ษ า คำอธบิ าย สมาชิกท่ีดีของกลุ่ ม และเคารพ ความ เป้าหมาย กลยุทธ์ ท่ี ความคิดในการแก้ไข ความสัมพันธ์อันดีใน แ ส ด งอ อ ก ได้ อ ย่ า ง คิด เห็ นใน มุ มม องที่ ชัดเจน มีกระบวนการ ปัญ หาความขัดแย้ง กลุ่ม ให้ความไว้วางใจ มที ักษะในการทำงานรว่ มกัน โดยเปน็ เ ห ม า ะ ส ม มี แ ร ง แ ต ก ต่ างด้ วย ค วา ม ท ำ ง า น ก ลุ่ ม ที่ ด้วยสนั ตวิ ธิ ีอย่างเต็มใจ แ ล ะ เห็ น คุ ณ ค่ า ใน ผ้นู ำและเป็นสมาชิกทดี่ ขี องกลมุ่ มแี รง บนั ดาลใจในการพัฒนา จรงิ ใจ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ท่ี บันดาลใจในการพัฒนาตนเอง สรา้ ง ตนเอง สร้างแรงจูงใจ 2. สนับสนนุ หรอื โตแ้ ย้ง เ ป้ า ห ม า ย แ ล ะ แตกต่างกันของสมาชิก แรงจงู ใจใหก้ ลุ่ม เห็นคณุ ค่าใน ให้กลุ่ม นำจุดเด่นของ ความคิดเห็นของผู้อื่น รั บ ผิ ด ช อ บ ต า ม ด้วยความเตม็ ใจ ความสามารถทแ่ี ตกตา่ งกันและนำ แต่ละคนมาใช้ในการ อย่างมเี หตุผล บทบ าทห น้าที่ด้วย จดุ เดน่ ของแตล่ ะคนมาใช้ในการทำงาน เปิดใจ รับฟงั ยอมรบั และเคารพความ คดิ เห็นในมมุ มองที่แตกต่าง สนับสนุน หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ได้รบั อนญุ าต

สมรรถนะหลกั ดา้ นการทำงานแบบรวมพลังเป็นทีม และมีภาวะผนู้ ำ 74 (Collaboration Teamwork and Leadership) สมรรถนะที่ 5 การสรา้ งและรักษา ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 ภาวะผนู้ ำและ ความสมั พันธ์ การส่อื สารท่มี ี กระบวนการทำงาน การแก้ปัญหา การพัฒนาตนเอง ประสทิ ธผิ ล รว่ มกันแบบรว่ มมือ ด้วยสันติวธิ ี รวมพลงั หรอื โต้แยง้ อย่างมเี หตผุ ล ร่วมกนั กำหนด ท ำ งา น ให้ บ ร ร ลุ ผ ล ความใส่ใจ มีความ เป้าหมาย กลยุทธ์ มกี ระบวนการทำงาน สำเรจ็ ตามเป้าหมาย กลุ่มทช่ี ดั เจน รบั ผดิ ชอบตามบทบาท พ ย า ย า ม เพ่ื อ ให้ เกิ ด หน้าทีด่ ว้ ยความใสใ่ จ เต็มใจ ไว้วางใจกัน ช่วยเหลอื กัน สรา้ งและรกั ษา ค ว า ม ส ำ เ ร็ จ ใน ก า ร ความสัมพันธอ์ นั ดี มีความพยายาม เพือ่ ใหเ้ กดิ ความสำเร็จในการทำงาน ทำงาน อย่างเต็มใจ กำกับและตดิ ตามการทำงานเป็นระยะ ประสานความคดิ แก้ปญั หาในการ ช่วยเหลือกันและให้ ทำงานกล่มุ และปญั หาความขัดแยง้ ดว้ ย สันติวิธี วเิ คราะห์และประเมนิ ความไว้วางใจกันและ กระบวนการทำงานร่วมกันแลว้ นำไป ปรบั ปรุง เพอ่ื ให้บรรลผุ ลสำเรจ็ ตาม กัน กำกับและติดตาม เป้าหมาย การทำงานเป็นระยะ วิเคราะห์และประเมิน กระบวนการทำงาน ร่ ว ม กั น เพ่ื อ น ำ ไป ปรบั ปรงุ ให้บรรลุตาม เป้าหมายท่ีกำหนด ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ด้รับอนุญาต

75 สมรรถนะหลกั ด้านการทำงานแบบรวมพลงั เป็นทมี และมีภาวะผู้นำ (Collaboration Teamwork and Leadership) ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะที่ 5 ภาวะผู้นำและ การสร้างและรกั ษา ระดับ 4 การพัฒนาตนเอง การส่อื สารทม่ี ี กระบวนการทำงาน การแกป้ ัญหา คำอธบิ าย ความสมั พันธ์ ประสิทธผิ ล ร่วมกนั แบบร่วมมือ ดว้ ยสันติวธิ ี มี ทั ก ษ ะ ใน ก ารท ำงาน เป็ น ที ม ท่ี มี 1 . ส ร้ า งแ ล ะ รั ก ษ า ประสิทธิภาพ สามารถใช้ภาวะผู้นำได้ รวมพลัง ความสัมพันธ์อันดีใน อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ สร้างแรง กลุ่ม ให้ความไว้วางใจ บันดาลใจให้ผู้อื่นได้พัฒนาตนเอง ใช้ 1. เป็นผู้นำและเป็น 1 . เ ปิ ด ใ จ รั บ ฟั ง 1 . ร่ ว ม กั น ก ำ ห น ด 1. ปรับตัว ประสาน ซึ่งกันและกัน ด้วยการ จุดเดน่ และความสามารถของแตล่ ะคน มี สมาชิกท่ีดีของกลุ่ ม ยอมรับ และเค ารพ เป้าหมาย กลยุทธ์ ท่ี ค ว า ม คิ ด แ ล ะ มี ความ ตระหนักในคุณค่าของ การแบ่งปัน แลกเปล่ียนเรียนรู้ ปฏิบัติ ใช้ภาวะผู้นำได้อย่าง ความคิดเห็นในมุมมอง ชัดเจน มีกระบวนการ ตระหนักในคุณค่าของ สมั พันธภาพท่ีดี เพ่ือให้ ตนในฐานะสมาชิกกลุ่มที่ดี ทำงาน เ ห ม า ะ ส ม กั บ ท่ีแตกต่าง ด้วยความ ทำงานกลมุ่ ท่สี อดคลอ้ ง การแก้ไขปัญหาความ บรรลุตามเป้าหมายท่ี ร่วมกันด้วยความไว้วางใจ เปิดใจ เคารพ ส ถ าน ก า รณ์ มี แ ร ง จริงใจสนับสนุนข้อมูล กั บ เป้ า ห ม า ย แ ล ะ ขัด แย้งด้ วยสั น ติ วิธี กำหนด ค ว า ม คิ ด เห็ น แ ล ะ มุ ม ม อ ง ที่ แ ต ก ต่ า ง บันดาลใจในการพฒั นา และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รับผิดชอบตามบทบาท อยา่ งสร้างสรรค์ ร่วมกันกำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ มี ตนเอง สร้างแรงจูงใจ อย่างมเี หตุผล หน้าทด่ี ้วยความใสใ่ จ มี กระบ วน การทำงานกลุ่ ม ท่ีชั ดเจ น ให้กลุ่ม นำจุดเด่นของ 2. เพอื่ ใหเ้ กดิ ความ ความพยายามเพ่ือให้ รับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่ด้วยความ แต่ละคนมาใช้ในการ เขา้ ใจอันดี และบรรลผุ ล เกิดความสำเร็จในการ ใส่ใจ เตม็ ใจ ไวว้ างใจกัน ช่วยเหลือกัน มี ท ำ งา น ให้ บ ร ร ลุ ผ ล ตามเป้าหมาย ทำงาน อย่างเต็มใจ ความพยายามเพื่อให้เกิดความสำเร็จใน สำเรจ็ ตามเปา้ หมาย ช่ ว ย เห ลื อ กั น แ ล ะ ใ ห้ การทำงาน ประสานความคิด กำกับและ ความไว้วางใจกันและ ติดตามการทำงานเป็นระยะ ตระหนักใน กัน กำกับและติดตาม คุณค่าของการทำงานแบบร่วมมือรวม การทำงานเป็นระยะ วิเคราะห์และประเมิน กระบวนการทำงาน ร่ ว ม กั น เพ่ื อ น ำ ไ ป ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต

สมรรถนะหลักดา้ นการทำงานแบบรวมพลังเป็นทีม และมภี าวะผู้นำ 76 (Collaboration Teamwork and Leadership) สมรรถนะท่ี 5 การสร้างและรกั ษา ระดบั สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะที่ 2 สมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 ภาวะผนู้ ำและ ความสมั พนั ธ์ การสอ่ื สารท่มี ี กระบวนการทำงาน การแกป้ ัญหา การพฒั นาตนเอง ประสิทธผิ ล ร่วมกันแบบรว่ มมือ ด้วยสันตวิ ิธี รวมพลัง พลัง แก้ปัญหาการทำงานกลุ่มและ ปรับปรุง ให้บรรลุตาม ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธีอย่าง สร้างสรรค์ วิเคราะห์และป ระเมิน เป้ าห ม าย ท่ี กำห น ด กระบวนการทำงานร่วมกันเพ่ือนำไป ปรับปรุงใหบ้ รรลุผลสำเรจ็ ตามเป้าหมาย เห็ น คุ ณ ค่ าของการ ท่ีกำหนดและรกั ษาไว้ซึ่งสัมพันธภาพท่ดี ี ทำงานแบบร่วมมือรวม พลงั หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไมไ่ ด้รับอนุญาต

77 7. สมรรถนะหลักดา้ นการเปน็ พลเมอื งตนื่ รู้ทมี่ ีสำนึกสากล (Active Citizenship with Global Mindedness) สมรรถนะหลกั ด้านพลเมอื งตน่ื รู้ทมี่ สี ำนกึ สากล (Active Citizens with Global Mindedness) หมายถงึ การเป็นพลเมืองท่ตี ระหนกั ในศกั ยภาพ ของตนเอง ศรัทธา และเชื่อเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การอยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลาย มีความรู้ ความสามารถเชิงการเมืองท่ีเอื้อให้สามารถอยู่ รว่ มกนั และปกครองกันเอง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ ตระหนักในบทบาทและหน้าที่ สิทธิและเสรีภาพ ความเท่าเทียม และเป็นธรรม มีความเป็นเหตุเป็นผล มสี ำนกึ การเป็นเจ้าของประเทศ ร่วมกันปรกึ ษาหารือเพื่อแสวงหาแนวทางการแก้ปัญหา/ ความขัดแย้งด้วยสันติวิธี หรือ พัฒนาสร้างสรรค์สังคมโดยรวมร่วมกันในระดับต่าง ๆ ได้แก่ ชุมชน ท้องถิ่น ประเทศชาติ อาเซียนและโลก เห็นความเก่ียวเน่ืองเชื่อมโยงท่ีส่งผลถึงกันและกัน ทง้ั หมด หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต

78 สมรรถนะการเป็นพลเมอื งทเี่ ขม้ แขง็ /ต่นื รู้ทมี่ ีสำนกึ สากล (Active Citizenship with Global Mindedness) ระดบั สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 การเป็นสมรรถนะท่ี 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะที่ 5 การเปน็ พลเมอื ง การเปน็ พลเมือง พลเมืองท่มี ี การเปน็ พลเมอื งมี การเปน็ พลเมือง วิจารณญาณ รเู้ คารพสทิ ธิ รับผิดชอบ สว่ นรว่ ม ผ้สู ร้างการ ตอ่ บทบาทหน้าท่ี เปลี่ยนแปลง ระดบั 1 คำอธบิ าย 1.รู้จักและปกป้องสิทธิ 1.รบั ผดิ ชอบและปฏิบตั ิ 1.ติดตามข้อมูลข่าวสาร 1.มีส่วนร่วมในกิจกรรม 1.ห า ท า ง อ อ ก รู้จักและปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเอง เคารพสิทธิเสรีภาพ เส รี ภ า พ ข อ งต น เอ ง ตนอย่างเหมาะสมตาม และปัญหาที่เกี่ยวข้อง ส่ ว น ร ว ม ต่ า ง ๆ ใน รว่ มกันกับเพ่ือนและ ของผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น รับผิดชอบและปฏิบัติตนอย่าง เคารพสิทธิเสรีภาพของ บทบาทหน้าที่ตนเอง กับตัวเอง ครอบ ครัว ร ะ ดั บ ชั้ น เรี ย น ห รื อ ครู ในการแก้ปัญหา เหมาะสมตามบทบาทหน้าท่ีของตนเอง เคารพต่อสถาบนั หลัก ผู้อ่ืน ช่วยเหลือผู้อื่นเม่ือ เคารพต่อสถาบันหลัก เพ่ือนร่วมช้ันเรียน และ โรงเรียนทเี่ หมาะสม หรือความขัดแย้งใน ของชาติ ตดิ ตามขอ้ มูลข่าวสารทเี่ ก่ียวขอ้ งกับตนเอง ครอบครัว ได้รับการร้องขอ (พ่อ ข อ งช า ติ ใน ฐา น ะ โรงเรียนอยา่ งเหมาะสม ตามวัย เพื่อนร่วมชั้นเรียน มีส่วนร่วมในกิจกรรมส่วนรวมต่าง ๆ ใน แม่ ผู้ปกครอง เพื่อน สมาชิกของครอบครัว ช้ั น เรี ย น อ ย่ า ง มี ระดับชั้นเรียนหรือโรงเรียน แก้ไขปัญหาความขัดแย้งในช้ัน และครู) ใช้ของส่วนรวม ช้ั น เ รี ย น แ ล ะ เหตุผล เรยี นอย่างมีเหตผุ ล อย่างระมัดระวงั โรงเรยี น ระดบั 2 คำอธิบาย รู้จักและปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเอง และผู้อ่ืน ไม่ด่วน 1. รู้จักและปกป้องสิทธิ 1. รั บ ผิ ด ช อ บ แ ล ะ 1. ติดตามข่าวสาร และ 1.เข้าร่วมกิจกรรมและ 1. ห า ท า ง อ อ ก ตัดสินผู้อ่ืนโดยใช้อคติ ช่วยเหลือและแบ่งปันกับผู้อ่ืน เสรีภาพของตนเองและ ป ฏิ บั ติ ต น อ ย่ า ง ตรวจสอบข้อมลู เก่ียวกับ ร่วมเป็นอาสาสมัครใน ร่ ว ม กั น กั บ ผู้ ท่ี รับผิดชอบและปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมตามบทบาทหน้าที่ใน ผู้อื่น ไม่กลั่นแกล้งเพ่ือน เหมาะสมตามบทบาท เหตุการณ์ สถานการณ์ กิ จ ก ร ร ม ส า ธ า ร ณ ะ เกี่ ย ว ข้ อ งใน ก า ร ฐานะพลเมอื งในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รง ทางร่างกายและวาจา หน้าที่ ระเบี ยบ กฎ ปัญ หาท่ีเก่ียวข้องกับ ป ร ะ โ ย ช น์ ร ะ ดั บ แ ก้ ปั ญ ห า ค ว า ม เป็นประมุข เคารพต่อสถาบันหลักของชาติ ติดตามและ ไม่ดว่ นตัดสินผู้อ่ืนโดยใช้ กติกา ตลอดจนแนว ตัวเอง โรงเรียน ชุมชน โรงเรียนหรือชุมชนที่ ขดั แย้ง หรือทบทวน หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ ับอนุญาต

79 สมรรถนะการเปน็ พลเมืองท่เี ขม้ แขง็ /ตนื่ รูท้ ม่ี สี ำนกึ สากล (Active Citizenship with Global Mindedness) ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะที่ 2 การเป็นสมรรถนะที่ 3 สมรรถนะท่ี 4 สมรรถนะท่ี 5 การเปน็ พลเมอื ง การเปน็ พลเมือง พลเมืองท่มี ี การเป็นพลเมอื งมี การเปน็ พลเมอื ง วิจารณญาณ รเู้ คารพสิทธิ รบั ผิดชอบ สว่ นร่วม ผู้สร้างการ ต่อบทบาทหน้าท่ี เปลย่ี นแปลง ตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร เข้าร่วมกิจกรรมและร่วมเป็น อคติ ชว่ ยเหลือผอู้ ืน่ เม่ือ ป ฏิ บั ติ ต า ม วิ ถี ทอ้ งถิ่น และประเทศ เหมาะสมตามวัย โดย กฎ ระเบียบ กติกา อาสาสมัครในกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ หาทางออกรว่ มกัน ได้รับการร้องขอหรือ วัฒนธรรมของชุมชน คำนึงถึงผลดีและผลเสีย ในชั้นเรียน อย่างมี กับผู้เก่ียวข้องในการแก้ปัญหา โดยใช้กระบวนการ เมือ่ เหน็ ว่าต้องการความ และท้องถ่ินด้วยความ ทีจ่ ะเกิดขนึ้ เ ห ตุ ผ ล โ ด ย ใ ช้ ปรึกษาหารือตามวิถีประชาธปิ ไตย ช่ ว ย เห ลื อ แ บ่ ง ปั น เข้ า ใจ เค า ร พ ต่ อ กระบวนการ สิ่งของต่าง ๆ ของตน สถาบันหลักของชาติ ปรึกษาหารือตามวิถี ให้กับผู้อื่นตามความ ในฐาน ะพ ลเมื องใน ประชาธปิ ไตย เหมาะสม ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ระดับ 3 คำอธบิ าย รู้จกั และปกปอ้ งสิทธเิ สรภี าพของตนเอง และผ้อู นื่ ใหเ้ กยี รติ 1. รู้จักและปกป้องสิทธิ 1.เคารพและปฏิบัติตน 1. ติดตามและประเมิน 1.ริเริ่มและมีส่วนร่วม 1. กระตือรือร้นใน พยายามเข้าอกเขา้ ใจ ช่วยเหลอื ผอู้ น่ื โดยไมเ่ ลอื กปฏิบตั ิ เคารพ เสรีภาพของตนเองและ ต า ม ก ฎ ก ติ ก า ค ว า ม ถู ก ต้ อ ง แ ล ะ ทางสังคมในประเด็นที่ ก า ร ห า ท า ง อ อ ก และปฏิบัตติ นตามกฎกตกิ าทางสังคม มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อ ผู้อ่ืน ไม่กล่ันแกล้งผู้อ่ืน ข้อตกลง และกฎหมาย น่ าเช่ื อถือของข้อมู ล สนใจด้วยจิตสาธารณะ ร่ ว ม กั น เกี่ ย ว กั บ บทบาทหนา้ ที่พลเมอื งประชาธปิ ไตย ติดตามและประเมินความ ทั้งทางร่างกาย วาจา อย่างเห มาะสมตาม ข่าวสารที่เก่ียวข้องกับ ( Public Mind) โ ด ย ประเด็นปัญหาของ ถกู ตอ้ งและน่าเชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล รเิ รมิ่ และมสี ว่ นรว่ มทางสังคม และความสัมพันธ์ ให้ บ ท บ าท ห น้ าที่ แ ล ะ การเปล่ียนแปลงทาง คำนึงถึงผลกระทบท่ีจะ ท้ อ งถ่ิ น ภู มิ ภ า ค ในประเดน็ ทสี่ นใจดว้ ยจติ สาธารณะ กระตือรอื รน้ ในการหา เกี ย ร ติ (พ ย า ย า ม ) ค ว า ม รั บ ผิ ด ช อ บ ก ารเมื อ ง เศ รษ ฐกิ จ เกิ ด ขึ้ น ท้ั ง ใน ร ะ ดั บ และประชาคมโลก ทางออกรว่ มกนั เกี่ยวกบั ประเด็นปญั หา โดยคำนงึ ถึงความเทา่ เ ข้ า อ ก เ ข้ า ใ จ ตลอดจนแนวปฏิบัติ สังคมวัฒนธรรม และ ท้องถิ่น ภูมิภาค และ โดยคำนึงถึงความ ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไมไ่ ด้รบั อนุญาต

80 สมรรถนะการเป็นพลเมอื งท่เี ขม้ แขง็ /ต่ืนรู้ท่มี ีสำนกึ สากล (Active Citizenship with Global Mindedness) ระดบั สมรรถนะท่ี 1 สมรรถนะท่ี 2 การเปน็ สมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะท่ี 5 เทียมเปน็ ธรรม ด้วยสนั ติวธิ ีและวิถปี ระชาธปิ ไตย การเป็นพลเมอื ง การเป็นพลเมอื ง พลเมอื งท่มี ี การเปน็ พลเมืองมี การเปน็ พลเมอื ง วจิ ารณญาณ รู้เคารพสิทธิ รับผิดชอบ สว่ นรว่ ม ผ้สู รา้ งการ ตอ่ บทบาทหนา้ ที่ เปล่ียนแปลง เท่าเทียมเป็นธรรม (Empathy) ช่วยเหลือ ตามวิถีวัฒนธรรมท่ีมี ป ร ะ เด็ น ปั ญ ห า ข อ ง ประชาคมโลก ด้วยสันติวิธีและวิถี ประชาธปิ ไตย ผูอ้ นื่ โดยไม่เลือกปฏบิ ัติ ความหลากหลายด้วย ท้ อ ง ถ่ิ น ป ร ะ เ ท ศ ความเข้าใจ ในฐานะ ภูมิภาค และประชาคม พ ล เมื อ งใน ร ะ บ อ บ โลก ประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมขุ ระดบั 4 คำอธิบาย ยึดมั่นในหลักสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค เคารพและ 1. เคารพสิทธิเสรีภาพ 1. เคารพและปฏิบัติ 1.ใช้วิจารณญาณในการ 1.ริเริ่มและมีส่วนร่วม 1. กระตือรือร้นใน ปฏิบัติตามกฎ กติกาทางสังคม มีความรับผิดชอบต่อ ของผู้อื่น ตระหนักใน ตามกฎ กติกา และ ติ ด ต าม ส ถาน การณ์ ทางสังคมในประเด็นท่ี การร่วมสร้างการ บทบาทหนา้ ท่พี ลเมอื งประชาธิปไตย ยอมรบั ความแตกตา่ ง สิทธิเสรีภาพของตนเอง กฎหมาย ตามบทบาท บ้ า น เมื อ ง น โย บ า ย ห ล ากห ลาย ด้ วยจิ ต เป ลี่ ย น แ ป ล งเชิ ง หลากหลาย ใช้วจิ ารณญาณในการติดตามสถานการณ์และ ช่วยเห ลือ ให้ เกียรติ ห น้ า ที่ แ ล ะ ค ว า ม ภาครัฐ การเคลื่อนไหว ส า ธ า ร ณ ะ (Public บ ว ก เ ก่ี ย ว กั บ ประเด็นปัญหา ริเร่ิมและมีส่วนร่วมทางสังคมในประเด็นท่ี และเข้าอกเข้าใจผู้อ่ืน รับผิดชอบของพลเมือง ท า ง ก า ร เมื อ ง ข อ ง Mind) และสำนึกสากล ประเด็นปัญหาของ หลากหลายดว้ ยจติ สาธารณะและสำนึกสากล กระตอื รือร้น (Empathy) บนพ้ืนฐาน ใ น ร ะ บ อ บ พ ล เมื อ ง แ ล ะ ก ลุ่ ม (Global Mindedness) ท้ อ งถิ่ น ภู มิ ภ า ค ในการร่วมสร้างการเปล่ียนแปลงเชงิ บวก เกี่ยวกับประเด็น ของการพ่ึงพาอาศัยกัน ประชาธิปไตย อันมี ผ ล ป ร ะ โย ช น์ ก า ร โดยคำนึงถึงประโยชน์ท่ี และประชาคมโลก ปัญหาของท้องถิ่น ด้วยความเชื่อมั่นในสังคมท่ีเท่าเทียม โดยปราศจากอคติ ไม่ พระมหากษัตริย์ทรง เปล่ียนแปลงทางสังคม จะเกิดขึ้นท้ังในระดับ ด้วยความเช่ือม่ันใน เลื อ ก ป ฏิ บั ติ (Non- เป็นประมุข ด้วยความ วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ชุ ม ช น สั ง ค ม แ ล ะ สั งค ม ท่ี เท่ าเที ย ม เปน็ ธรรม ค่านยิ มประชาธิปไตย และแนวทางสันตวิ ิธี ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ได้รบั อนญุ าต

81 สมรรถนะการเป็นพลเมืองทเี่ ขม้ แขง็ /ตนื่ ร้ทู มี่ ีสำนกึ สากล (Active Citizenship with Global Mindedness) ระดับ สมรรถนะที่ 1 สมรรถนะท่ี 2 การเป็นสมรรถนะที่ 3 สมรรถนะที่ 4 สมรรถนะที่ 5 การเป็นพลเมือง การเปน็ พลเมือง พลเมืองท่ีมี การเป็นพลเมอื งมี การเป็นพลเมือง วิจารณญาณ รู้เคารพสิทธิ รับผดิ ชอบ ส่วนรว่ ม ผสู้ ร้างการ ต่อบทบาทหนา้ ที่ เปลยี่ นแปลง Discrimination) เพื่ อ เข้าใจและยอมรับใน รวมทั้งประเด็นปัญหา ประชาคมโลก เป็นธรรม ค่านิยม การอย่รู ่วมกันอยา่ งสนั ติ ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง ระดับท้องถ่ิน ภูมิภาค ประชาธิปไตย และ ห ล า ก ห ล า ย ข อ ง และประชาคมโลก แนวทางสนั ติวิธี สั ง ค ม ไ ท ย แ ล ะ ประชาคมโลก ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต

82 ภาคผนวก การเปรยี บเทยี บกรอบสมรรถนะหลกั ของผูเ้ รยี นระดบั การศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน ฉบับเผยแพร่ พ.ศ.2562 และฉบับแก้ไขเพมิ่ เติม สงิ หาคม พ.ศ.2563 ในช่วงกลางปี 2562 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้ดำเนินการเผยแพร่กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานที่ปรากฏ สมรรถนะหลัก 10 ประการดงั แสดงตามแผนภาพซ้ายมือ และได้ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาเรื่อยมาจนในขณะน้ีได้ภาพกรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนท่ีใช้ใน เอกสารฉบบั น้ีดังแสดงในภาพขวามอื ซ่งึ นอกจากรายละเอียดคำอธบิ ายของแตล่ ะสมรรถนะแล้ว ทง้ั สองภาพมคี วามแตกต่างกันในประเดน็ หลักดังต่อไปนี้      ฉบบั เผยแพร่ พ.ศ.2562  ฉบบั แก้ไขเพิม่ เติม สงิ หาคม พ.ศ.2563 หา้ มคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ได้รบั อนญุ าต

83 ในภาพรวม เม่ือพิจารณาความครบถ้วนขององค์ประกอบต่าง ๆ พบว่า ยังคงมีองค์ประกอบและสมรรถนะต่าง ๆ ครบถ้วนตามเดิม โดยนอกจาก การแกไ้ ขในรายละเอียดในคำอธิบายของแตล่ ะสมรรถนะตามประเด็นขอ้ สังเกตและข้อเสนอแนะจากการสำรวจและการวิพากษ์โดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ใช้ กรอบสมรรถนะแล้ว ในครั้งนี้ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเชิงโครงสร้างการจัดกลุ่มสมรรถนะในภาพรวมและการนำเสนอเพื่อส่ือความให้ชัดเจนย่ิงข้ึนในประเด็น หลักดังน้ี  จัดกลุ่มสมรรถนะเปน็ 2 กลมุ่ หลัก เพ่อื ให้สอดคล้องกบั การนำไปใช้พัฒนาผู้เรยี น ไดแ้ ก่ กลุ่มที่ 1 สมรรถนะในความฉลาดรู้พ้ืนฐาน (Competencies in Basic Literacy) ซ่ึง ประกอบด้วยสมรรถนะ 4 ประการ ได้แก่ (1) ภาษาไทยเพ่ือการสื่อสาร (Thai Language for Communication) (2) ภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร (English for Communication) (3) คณิตศาสตร์ในชวี ิตประจำวัน (Mathematics in Everyday Life) และ (4) การสบื สอบทางวทิ ยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ (Scientific Inquiry and Scientific Mind) ซึ่งสมรรถนะเหล่าน้ีเป็นส่วนหนึ่งของความฉลาดรู้ (Literacy) และมีลักษณะใกล้เคียงกับสมรรถนะเฉพาะ (specific competency) หรือมีความเก่ียวพันกับเน้ือหาสาระในศาสตร์สาขาวิชาน้ัน (content-related) ซ่ึงสมรรถนะหรือความฉลาดรู้เหล่าน้ีถือเป็นพ้ืนฐาน สำคัญในการเรยี นรู้ของผู้เรียนระดบั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน กลุ่มที่ 2 สมรรถนะหลักสำคัญ 7 ประการ ได้แก่ (1) ทักษะชีวิตและความเจริญแห่งตน (Life Skills and Personal Growth) (2) ทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ (Career Skills and Entrepreneurship) (3) การคิดข้ันสูงและการพัฒนานวัตกรรม (Higher-Order Thinking Skills and Innovation Development) (4) การรู้เท่าทันส่ือ สารสนเทศ และดิจิทัล (Media Information and Digital Literacy) (5) การส่ือสาร (Communication) (6) การทำงานแบบรวมพลังเป็นทีม และมีภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) และ (7) การเป็นพลเมืองตื่นรู้ท่ีมีสำนึกสากล (Active Citizenship with Global Mindedness) ซ่ึงเป็นสมรรถนะหลักที่สำคัญจำเป็นต้องพัฒนาแก่ ผ้เู รียนระดบั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน และมลี กั ษณะเป็นสมรรถนะทว่ั ไปหรอื สมรรถนะท่เี ปน็ แกน (Generic/ Core Competency) ดังน้ัน ในการนำเสนอภาพของกรอบสมรรถนะฉบบั ปรับปรงุ นี้ จึงไดน้ ำสมรรถนะท้ัง 4 ประการในความฉลาดรพู้ ้ืนฐานมาหลอมรวมกันไว้ ในวงพ้ืนท่ีสีขาวด้านในเพื่อส่ือความถึงการเป็นสมรรถนะพื้นฐานในการเรียนรู้และการพัฒนาสมรรถนะหลักอื่นๆ ของผู้เรีย น และย้ายคุณลักษณะ คนไทยฉลาดรู้มาไวใ้ นพืน้ ทเ่ี ดียวกนั เพ่อื ให้เห็นว่าสมรรถนะทง้ั 4 ประการในความฉลาดรพู้ นื้ ฐานน้นี ำไปสกู่ ารสร้างคุณลกั ษณะคนไทยฉลาดรู้ หา้ มคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ได้รับอนุญาต

84  ปรับแก้ไขเพ่ิมเติมสมรรถนะหลักด้านการส่ือสาร ให้มีลักษณะเป็นสมรรถนะทั่วไป (Generic Competency) ที่มีความครอบคลุม การสื่อสารในทุกภาษา ไม่ยึดติดกับสาระหรือศาสตร์ภาษาใดภาษาหน่ึง เป็นสมรรถนะการสื่อสารที่สามารถพัฒนาและใชไ้ ด้ในทุกภาษา ซึ่งกลา่ วได้ว่า ยังคงมคี วามครอบคลมุ สมรรถนะหลักดา้ นภาษาไทยเพ่ือการสือ่ สาร และสมรรถนะหลักด้านภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอ่ื สาร ที่มีอยใู่ นกรอบสมรรถนะเดิม  ขยายขอบข่ายสมรรถนะหลักด้านการคิดขั้นสูงและการพัฒนานวัตกรรมให้ครอบคลุมสมรรถนะหลักที่มีความเหล่ือมซ้อนและ สัมพนั ธ์กันโดยตรง คือ สมรรถนะหลกั ด้านคณิตศาสตร์ในชวี ิตประจำวัน และสมรรถนะหลกั การสืบสอบทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ ที่มอี ยู่ ในกรอบสมรรถนะเดิม และเพิ่มเติมให้ครอบคลุมการคิดและกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมากย่ิงข้ึน อาทิ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) การคดิ เชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking)  ปรับการนำเสนอภาพกรอบสมรรถนะโดยนำสมรรถนะหลักท่ีมีความสำคญั จำเป็นกับการดำรงชีวติ ของมนุษย์ท่ีส่งผลต่อความอยู่ดี มีสุข มาไว้ด้านบนให้เด่นชัดย่ิงขึ้น ซ่ึงได้แก่ สมรรถนะหลักด้านทักษะชีวิตและความเจริญแห่งตน และสมรรถนะหลักด้านทักษะอาชีพและการเป็น ผูป้ ระกอบการ ซึ่งเปน็ สมรรถนะที่ชว่ ยใหเ้ ด็กและเยาวชนสามารถอยรู่ อด ดำรงชพี ได้ และเป็นคนไทยท่ีดี มีคณุ ธรรม และความสุข แลว้ จดั เรียงลำดับ สมรรถนะท่ีมีความสัมพันธ์กันใหม่ให้มีความสอดคล้องต่อเน่ืองย่ิงขึ้น ตลอดจนนำข้อความค่านิยมร่วมและคุณธรรมให้มาปรากฏเด่นชัดท่ีพื้นที่ แกนกลางสีชมพูเข้มเพ่ือสื่อความว่าสมรรถนะหลักทั้งหมดเหล่าน้ีอยู่บนพ้ืนฐานของการมีค่านิยมร่วมและคุณธรรม ซึ่งถือเป็นแก่นแกนสำคัญของ ความเป็นมนุษย์และการพัฒนาผู้เรียน ทั้งหมดนี้ เพ่ือส่ือภาพความเป็นคนไทยและความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ซึ่งอยู่บนพ้ืนฐานของการมีสมรรถนะ หลกั ท่ีสำคัญจำเป็นของผเู้ รียนระดบั การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต

85 ความสมั พันธข์ องกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กบั มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ.2561 ในรูปแบบของผลลัพธ์ท่พี งึ ประสงค์ จากแผนภาพข้างต้นแสดงให้เห็นถงึ ความสัมพันธ์สอดคล้องกับกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน กับมาตรฐานการศึกษาของ ชาติ พ.ศ.2561 โดยกรอบสมรรถนะน้ีระบุถึงคุณลักษณะของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 4 ประการ คือ การเป็น (1) คนไทยที่ดี มีคุณธรรม และ ความสุข (2) คนไทยที่มีความสามารถสูง และ (3) พลเมืองไทยท่ีใส่ใจสังคมและมีจิตสำนึกสากล บนพ้ืนฐานของการเป็น (4) คนไทยท่ีฉลาดรู้ ซึ่งมีพ้ืนฐานมา จากสมรรถนะหลกั ตา่ ง ๆ ทง้ั 7 ประการและสมรรถนะในความฉลาดรู้พื้นฐานทัง้ 4 ประการตามท่ีได้กลา่ วถึงรายละเอยี ดไว้แล้ว โดยคุณลกั ษณะท้งั 4 ประการ นี้มีความสอดคล้องกับคณุ ลักษณะทั้ง 3 ประการที่ปรากฏในมาตรฐานการศึกษาของชาติ อนั ไดแ้ ก่ ผู้เรียนรู้ ผู้รว่ มสร้างสรรค์นวัตกรรม และพลเมอื งที่เข้มแข็ง ดงั แสดงด้วยเส้นลูกศรทโี่ ยงแสดงความสัมพันธ์ไว้ ตลอดจนการระบุถงึ คา่ นิยมร่วมและคุณธรรมพ้ืนฐานเช่นเดียวกนั กับตามท่ีระบไุ ว้ในมาตรฐานการศึกษาของ ชาติ หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ด้รบั อนุญาต

86 มโนทศั นส์ ำคัญและทม่ี าของการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รียน ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมโนทัศน์สำคัญและท่ีมาของการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียน ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4-6 สามารถศึกษาได้จากเอกสารจำนวน 2 รายการ (QR code เช่ือมโยง ไปยัง E-book) ซ่ึงเป็น ผลผลิตของการดำเนินการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกรอบสมรรถนะผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 1-3 ท่ี สำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษาได้ดำเนินการแล้วเสรจ็ เม่อื ปี 2562 ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) มโนทศั นพ์ นื้ ฐานของสมรรถนะและหลักสูตรฐานสมรรถนะ 2) รายงานการวจิ ยั และพัฒนากรอบสมรรถนะผ้เู รียนระดับประถมศกึ ษาตอนต้น สำหรบั หลกั สตู รการศึกษาขัน้ พื้นฐาน หา้ มคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต

87 ท้งั นี้ สำหรับการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรยี นระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 และการทบทวนกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษา ขัน้ พนื้ ฐาน ซง่ึ สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษาได้เริ่มดำเนินการตัง้ แต่เมอื่ ต้นปี 2563 มรี ายละเอียดดงั นี้ แนวทางการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนระดับประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6 และ การทบทวนกรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนระดับการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน เพื่อให้การกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4-6 สำหรับหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐานเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล คณะทำงานของสำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา ไดด้ ำเนนิ การดังนี้ 1. การวิเคราะห์และทบทวนกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานกับข้อมูลกรอบสมรรถนะและผลลัพธ์ทางการศึกษาของ หนว่ ยงานต่าง ๆ โดยการวิเคราะห์เอกสารและการรับฟงั ความเห็นของผ้ทู รงคุณวฒุ ิ เนื่องด้วยในช่วงปลายปี 2562 ท่ีผ่านมา มีหลายหน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับการร่างกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนเพ่ือใช้จัดการศึกษาในบ ริบทที่ แตกต่างกันไป รวมถึงมีการเสนอข้อมูลเชิงนโยบายในการจัดการศึกษาท้ังการกำหนดมาตรฐานการศึกษาของชาติ และการเสนอรา่ งพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ ดังน้ัน เพ่ือให้การกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 สำหรบั หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล และครอบคลุมในทุกมิติของการจัดการศึกษา คณะทำงานจึงได้ดำเนินการวิเคราะห์และทบทวนกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จต้ังแต่เมื่อกลางปี 2562) ก่อนดำเนินการต่อไป ด้วยถือเป็นข้อมูลพื้นฐานท่ีสำคัญในการดำเนินการกำหนด กรอบสมรรถนะหลักของ ผู้เรียนระดบั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4-6 ในครัง้ นี้ คณะทำงานได้ดำเนินการวิเคราะห์และทบทวนกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานกับข้อมูลกรอบสมรรถนะและผลลัพธ์ทาง การศึกษาของหนว่ ยงานต่าง ๆ ไดแ้ ก่ (1) มาตรฐานการศึกษาของชาติ ในรูปของผลลพั ธ์ทีพ่ งึ ประสงคข์ องการศึกษา (Desired Outcomes of Education : DOE) (2) รา่ งกรอบหลักสูตรการศึกษาข้ันพน้ื ฐานของสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน (สพฐ.) เอกสารนำเสนอในท่ีประชมุ คณะกรรมการยกร่าง แนวทางการพฒั นาหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน วนั ที่ 3 มกราคม พ.ศ.2563 ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ด้รบั อนญุ าต

88 (3) ร่างสมรรถนะหลกั ผู้เรียน (Core Competency) ในโครงการวิจยั เพ่ือคน้ หาและพฒั นาผลลัพธ์ทคี่ าดหวังต่อผเู้ รียนและกรอบสมรรถนะหลกั ของ ผู้เรยี น (วรี พล วรี ะโชตวิ ศิน และคณะ, 2562) สนบั สนนุ โดยสำนักงานคณะกรรมการสง่ เสริมวิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม (สกสว.) เอกสารนำเสนอในที่ ประชุมคณะกรรมการยกรา่ งแนวทางการพัฒนาหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน วนั ที่ 6 -7 ธันวาคม พ.ศ.2562 (4) สมรรถนะหลักของโรงเรียนรงุ่ อรุณ เอกสารนำเสนอในทป่ี ระชุมคณะกรรมการยกรา่ งแนวทางการพัฒนาหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน วันที่ 6 -7 ธนั วาคม พ.ศ.2562 (5) เกณฑ์มาตรฐานคุณวฒุ ิอาชวี ศึกษาระดับ ปวช. 2562 และสมรรถนะย่อยระดบั อาชีวศกึ ษา (6) ร่างพระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต

89 พร้อมกันน้ี สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิต่อกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษา ข้ันพื้นฐาน กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนประดับประถมศึกษาปีท่ี 1-3 และแนวทางการกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4-6 เม่อื วันศุกรท์ ่ี 24 มกราคม พ.ศ.2563 ณ สำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา ซึ่งจากผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู และจากความคิดเหน็ ของผทู้ รงคุณวฒุ ิสามารถสรปุ ได้ ว่า กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ท่ีได้นำเสนอไว้ ยังคงมีความครอบคลุมและสอดคล้องกับกรอบสมรรถนะและผลลัพธ์ ทางการศึกษาของหน่วยงานต่าง ๆ จึงถือได้ว่าในการดำเนินงานกำหนดกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 ยังสามารถใช้ข้อมูลจาก กรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพนื้ ฐานเปน็ กรอบแนวคิดไดต้ ่อไป 2. การประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการเพอื่ รา่ งกรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รียน ระดับประถมศึกษาปีท่ี 4 - 6 สำหรบั หลักสตู รการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ในวันท่ี 7 – 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือร่างกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับ ประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 สำหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยเชิญนักวิชาการ ครู ผู้บริหาร และผู้เช่ียวชาญในศาสตร์สาขาต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง จำนวน 80 ราย เข้าร่วมร่างรายละเอียดของกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4-6 ตลอดจนทบทวนและเพ่ิมเติมข้อมูลในกรอบสมรรถนะหลัก ของผู้เรยี นระดับการศึกษาขั้นพน้ื ฐานท้งั หมดให้สมบูรณ์ ซง่ึ ผู้รว่ มประชมุ เห็นพ้องวา่ ไม่ควรร่างเฉพาะกรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีท่ี 4-6 เท่านั้น แต่ควรร่างกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนให้ครบถ้วนในทุกระดับเพื่อความต่อเน่ืองสัมพันธ์กัน จึงเป็นผลให้การประชุมครั้งนี้ได้ผลผลิตท้ัง กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 ตลอดจนทบทวนความต่อเน่ือง สัมพันธ์กันในภาพรวมท้ังหมด ซึ่งทำให้ได้กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ฉบับร่าง ที่ครบถ้วนสำหรับผู้เรียนระดับการศึกษา ข้นั พ้ืนฐานในทุกช่วงวัย (กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนระดับประถมตอนต้น และระดบั มัธยมศึกษาตอนปลายเป็นผลผลิตทีม่ ีอยู่กอ่ นแล้ว แต่นำมาทบทวน ร่วมด้วยอีกครงั้ ) ท้ังนี้ ทปี่ ระชมุ ไดม้ ีแนวทางการกำหนดกรอบสมรรถนะ คำอธบิ ายสมรรถนะ ระดับสมรรถนะ และพฤติกรรมบ่งช้ีของแตล่ ะสมรรถนะ โดยพิจารณา รว่ มกนั จากทงั้ (1) พฒั นาการของผู้เรยี น และ (2) ธรรมชาตแิ ละลกั ษณะเฉพาะของแต่ละสมรรถนะ ใหม้ ีความสอดคล้องและเช่อื มโยงกับกรอบสมรรถนะหลัก ของผเู้ รยี นระดับการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานและกรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รียนระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1-3 ที่ไดผ้ ่านกระบวนการวิจยั และพฒั นามาแล้ว เปน็ ผล ให้ได้กรอบสมรรถนะหลักของผูเ้ รียนระดบั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ซึง่ ไดจ้ ำแนกระดับสมรรถนะออกเป็น 4 ระดบั ดงั แสดงไวใ้ นเอกสารฉบบั น้ีแล้ว หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ได้รบั อนญุ าต

90 3. การสำรวจความคิดเหน็ ของผู้ทรงคุณวุฒแิ ละผใู้ ช้ต่อกรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 และกรอบสมรรถนะหลกั ของ ผูเ้ รยี นระดบั การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ในระหว่างเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม พ.ศ.2563 คณะทำงานได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ใช้กรอบสมรรถนะ โดยใช้แบบประเมินกรอบ สมรรถนะหลักของผเู้ รียน ซึ่งเป็นเอกสารสำหรบั ผวู้ ิพากษ์ใชป้ ระเมินและแสดงความคิดเห็นต่อกรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 และกรอบสมรรถนะหลัก ของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานท้ังหมดในภาพรวมและในแตล่ ะสมรรถนะ ทง้ั ในรูปแบบของการรบั และสง่ เอกสารคืนทางไปรษณยี ์ และการรบั ไฟล์ทางไปรษณีย์อเิ ลกทรอนกิ ส์ (email) ไปยงั กลุ่มเป้าหมาย ซ่งึ ไดค้ ัดเลือกไว้เพื่อใหไ้ ด้รบั มมุ มองทหี่ ลากหลายตามเกณฑด์ ังนี้ 1) ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย 1.1) ผู้ทรงคุณวุฒิท่ีสามารถให้ข้อเสนอแนะในภาพรวม ซึ่งเป็นผู้เช่ียวชาญด้านหลักสูตรและการสอน ด้านการวัดและประเมินผล ด้านพฒั นาการเด็ก และ 1.2) ผู้ทรงคณุ วุฒิทมี่ คี วามเชยี่ วชาญในสมรรถนะแต่ละด้าน 2) ผู้ใช้กรอบสมรรถนะและผู้เก่ยี วข้อง มีเกณฑ์ในการคัดเลือกในหลากหลายมิติ ได้แก่ (1) เป็นผู้ท่ีปฏิบัติงานในหน่วยงานต่าง ๆ ครอบคลุมในทุกสังกัดที่มีความเกี่ยวข้อง กบั การจัดการศึกษาในระดบั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัย และนวัตกรรม ภาคเอกชน (2) เปน็ ผทู้ ี่ ปฏบิ ัติงานอยใู่ นพ้ืนทท่ี ี่หลากหลายทัง้ โรงเรยี นทด่ี ำเนนิ การปกติ และโรงเรยี นในพนื้ ทีน่ วตั กรรม ตลอดจนมีความหลากหลายทางภูมภิ าค และ (3) เป็นผู้ทม่ี ปี ระสบการณ์ทำงานต้ังแต่ ช่วง 3 ปีแรกของการทำงาน ผู้มีประสบการณ์ 10-20 ปี ไปจนถึงผู้ท่ีเกษียณอายุ ทั้งน้ี เพื่อให้ได้รับมุมมองความเห็นจากกลุ่มบุคคลท่ีมีบทบาทในการจัดการศึกษาที่แตกต่าง หลากหลายและครอบคลุมในทกุ มติ ิของการจัดการศกึ ษา ตลอดจนมีการเปิดใหแ้ สดงความคิดเห็นแบบสาธารณะโดยการตอบแบบประเมินและแสดงความเหน็ ออนไลน์ทาง Link หรอื QR code ซ่งึ มีผู้แสดงความคดิ เห็นจำนวน รวมท้งั ส้นิ 94 คน 4. การประชุมวิพากษ์กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียน ระดับประถมศึกษาช้ันปีท่ี 4-6 และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในวันท่ี 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ณ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และผ่านระบบ Zoom ซ่ึงเป็นการประชุมสนทนากลุ่ม (focus group) เพื่อเสนอผลการสำรวจความคิดเห็น หารือ และระดมความคิดจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนผู้ใช้กรอบสมรรถนะ เพ่ือให้ได้ข้อสรุปในการปรับกรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนให้สมบูรณ์ และมีความ เปน็ ไปไดจ้ รงิ ในการนำไปใชพ้ ฒั นาผู้เรียนในระดับการศึกษาขนั้ พืน้ ฐานให้มากท่สี ุด 5. การทดลองใช้กรอบสมรรถนะหลักของผู้เรียนในโรงเรียนสังกัด สพฐ. กทม. และ สช. ในโครงการวิจัยผลการทดลองใช้กรอบสมรรถนะผู้เรียน ระดับประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 สำหรบั หลักสตู รการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ในความร่วมมือของสำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษาและคณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ระหวา่ งกันยายน พ.ศ. 2563 - มถิ นุ ายน พ.ศ. 2564 6. การประชุมเพ่อื พัฒนากรอบสมรรถนะหลกั ของผู้เรยี นโดยคณะทำงานและผวู้ ิจัย ซ่ึงได้ดำเนินการเป็นระยะคู่ขนานไปกับการดำเนินงานต่าง ๆ ข้างตน้ หา้ มคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต

91 รายช่ือคณะทำงานรา่ งกรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รยี นระดับประถมศึกษาปีท่ี 4-6 และระดับการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา ก. รายชื่อคณะทำงานเพ่อื ร่างกรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียนในการประชมุ เชงิ ปฏบิ ัติการ ระหวา่ งวันท่ี 7-9 ก.พ. 2653 และ คณะผูว้ จิ ัยพัฒนากรอบสมรรถนะหลักของผ้เู รียนระดับประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6 และระดับการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน (มิถุนายน-สงิ หาคม 2563) ท่ีปรกึ ษา ราชบัณฑิต รองศาสตราจารย์ ดร.ทิศนา แขมมณี คณะผ้วู ิจยั ศาสตราจารย์ ดร.บังอร เสรีรตั น์ มหาวิทยาลัยราชภฏั บ้านสมเดจ็ เจา้ พระยา ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ชารณิ ี ตรวี รญั ญู คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ยศวรี ์ สายฟา้ คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สุมาลี เชอื้ ชัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.เรวณี ชยั เชาวรัตน์ คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอดุ รธานี ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์.ดร.ฉัตรวรรณ์ ลัญฉวรรธนะกร คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย ดร.เฉลิมชยั พนั ธ์เลิศ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ดร.ทรงพร พนมวัน ณ อยุธยา ข้าราชการบำนาญ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน ดร.วีระชาติ ภาษีชา สำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร ดร.กุณฑลี บรริ ักษ์สนั ติกุล โรงเรียนปรัชชาธร ดร.นาฎฤดี จิตรรงั สรรค์ โรงเรียนสจุ ิปลุ ิ อาจารย์ ดร. กรกนก เลศิ เดชาภัทร คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย อาจารย์กมลชนก สกนธวฒั น์ โรงเรยี นสาธติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ฝา่ ยมธั ยม ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ด้รบั อนญุ าต

92 นางสทุ ธิดา ธาดานิติ โรงเรียนนานาชาตเิ ซนต์แอนดรูว์ นายธีระศกั ด์ิ จริ ะตราชู นกั วชิ าการอสิ ระ นิสติ บณั ฑิตศึกษา สาขาวชิ าหลักสตู รและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย: นางสาวองั ค์สุมล เช้อื ชยั นางสาวอรวภิ า ดรุ งคธ์ รรม นายชนตั อินทะกนก นางสาวภิชา ใบโพธิ์ ข. รายช่อื ผู้เช่ยี วชาญท่ีรว่ มรา่ งกรอบสมรรถนะหลกั ของผเู้ รยี นระดับประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6 และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในการประชมุ เชงิ ปฏิบตั กิ าร ระหวา่ งวนั ที่ 7-9 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2653 ณ สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา 1. รศ.ดร.ณัฏฐภรณ์ หลาวทอง คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 2. ผศ.ดร.จณิ ดิษฐ์ ละออปกั ษิณ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย 3. คณุ วรณัน ขนุ ศรี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน 4. อาจารยศ์ ริ ิรัตน์ ปัญจศุภวงศ์ มหาวทิ ยาลัยรามคำแหง 5. ดร.ปยิ ะมาศ เมิดไธสง สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา 6. ผศ.ดร.พรเทพ จันทราอุกฤษฎ์ คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั 7. ดร.กศุ ลิน มุสกิ ลุ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) 8. ผศ.ดร.ปัฐมาภรณ์ พมิ พ์ทอง มหาวิทยาลยั เกษตรศาตร์ 9. ผศ.ดร.ภาวณิ ี โสธายะเพ็ชร คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 10. นางสาวภสั รำไพ จอ้ ยเจริญ นกั วิชาการอสิ ระ 11. ผศ.ดร.นิติกร อ่อนโยน มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ 12. อาจารยพ์ ธิ ลุ าวัลย์ ศภุ อทุ ุมพร โรงเรียนสาธติ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม 13. คณุ นูรียา วาจิ สำนกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา 14. นางมนิศรา ศภุ กิจ โคลเยส โรงเรียนนานาชาติ KIS 15. นางสาวเกอื้ กมล นิยม สำนกั พมิ พส์ านอกั ษร หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต

16. คุณกรกมล จึงสำราญ 93 17. นางสาวสุชีรา มัธยมจันทร์ 18. ดร.พิทักษ์ นิลนพคณุ สำนกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา 19. อ.ดร.วราพร ทองจีน โรงเรยี นจารวุ ัฒนานุกลู กรุงเทพฯ 20. ผศ.ดร.มาลนิ ี ประพณิ วงศ์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ 21. ผศ.ดร.กรี ติ คุวสานนท์ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร 22. ดร.วิภาดา วานชิ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ 23. นางสาวปานใจ จารวุ ณชิ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั 24. นางสาวสวุ รรณา ชีวะพฤกษ์ สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา 25. นางสาวฝายวารี ประภาสะวัต สถาบันอาศรมศลิ ป์ 26. รศ.ดร.ศศลิ กั ษณ์ ขยนั กิจ โรงเรียนรุ่งอรุณ 27. ผศ.ดร.ปนดั ดา ธนเศรษฐกรณ์ โรงเรยี นคู่ขนาน 28. ดร.พัชรินทร์ เสรี คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 29. คณุ อุษา คงสาย สถาบนั แหง่ ชาตเิ พ่ือการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวทิ ยาลยั มหิดล 30. ผศ.ดร.ระพนิ ทร์ ฉายวิมล มหาวทิ ยาลยั มหิดล 31. ผศ.ดร.เรขา อรัญญวงศ์ สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา 32. ดร.ศุภลักษณ์ มีปาน บริษัทแพคริมเอ็ดดูเคชนั่ 33. ดร.วีระชาติ ภาษชี า มหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ 34. นายสรวิศ ไพบูลยร์ ัตนากร สำนักงานการศกึ ษากรงุ เทพมหานคร 35. นายวรี ะพล วีระโชติวศิน สำนักงานการศึกษากรุงเทพมหานคร 36. ผศ.ดร.สรญั ญา จันทร์ชูสกุล Saturday School 37. ดร.เกรยี ง ฐิติจำเริญพร Edvisory 38. นางสาวเขม็ พร วริ ุณราพันธ์ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย ศลิ ปากร โรงเรียนปรนิ ส์รอยแยลวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ สถาบันสือ่ เดก็ และเยาวชน หา้ มคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต

94 39. ดร.วาเลน ดุลยากร โรงเรียนบรรจงรตั น์ จ.ลพบรุ ี 40. อ.ดร.บุญชู บุญลขิ ติ ศริ ิ มหาวิทยาลยั บรู พา 41. ผศ.ดร.ปราวณี ยา สุวรรณณฐั โชติ คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 42. ดร.ปฏมิ าภรณ์ ธรรมเดชะ โรงเรียนอนุบาลหนนู ้อย จ.สุราษฎรธ์ านี 43. ดร.ชยั รตั น์ โตศลิ า มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร 44. ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 45. นายณฏั ฐเมธร์ ดุลคณิต ศึกษานเิ ทศก์ สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 46. นายปราศรยั เจตสันต์ิ โรงเรียนบางปะกอกวทิ ยาคม 47. อาจารยอ์ นุรักษ์ ไชยฮง่ั มหาวทิ ยาลยั พะเยา 48. อาจารย์รัชนี นกเทศ โรงเรยี นสาธติ ละอออทุ ิศ 49. นางสาวสกนธ์วรรณ ชืน่ ตระกูล โรงเรียนเซนตโ์ ยเซฟ บางนา 50. ผแู้ ทนอาจารย์วทิ ยาลัยการอาชวี ศึกษา พระนครศรอี ยธุ ยา ค. รายนามผู้ร่วมวิพากษ์และสนทนากล่มุ (รา่ ง) กรอบสมรรถนะหลักของผเู้ รียน ระดับประถมศกึ ษาปีที่ 4-6 และระดบั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ในชว่ งเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม พ.ศ.2653 ผูท้ รงคุณวุฒิ คณะรัฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั 1. ศ.เกยี รตคิ ณุ ดร.สุรชิ ยั หวั่นแก้ว นายกสภามหาวทิ ยาลัยนเรศวร 2. ศ.ดร.นพ.กระแส ชนะวงศ์ รองอธิการบดี มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ 3. ศ.ดร.นภดล ร่มโพธ์ิ ภาคสี มาชิก สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง 4. ศ.ดร.สุกัญญา สุดบรรทดั สถาบันอาศรมศิลป์/ มูลนิธสิ ยามกัมมาจล ฯลฯ 5. ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าต

6. ศ.ดร.เกรยี งศกั ดิ์ เจริญวงศักดิ์ 95 7. รศ.ประภาภทั ร นิยม 8. รศ.นพ.สรุ ิยเดว ทรปี าตรี นกั วิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วารด์ 9. รศ.พญ.นิชรา เรืองดารกานนท์ สถาบนั อาศรมศลิ ป์ 10. รศ.ดร.ไมตรี อนิ ทรป์ ระสทิ ธิ์ สถาบนั แห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหิดล/ ศูนยค์ ณุ ธรรม 11. รศ.ดร.สุธรี ะ ประเสิรฐสรรพ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์ รามาธิบดี 12. รศ.ดร.จรี ะพนั ธ์ุ พูลพัฒน์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 13. รศ.ดร.พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ 14. รศ.ดร.สุพงศ์ ตงั้ เคียงศิริสิน คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั 15. รศ.ดร.ชาตรี ฝา่ ยคำตา คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั 16. รศ.ดร.ดวงเดอื น อ่อนนว่ ม สถาบนั ภาษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 17. รศ.ลดั ดา ภเู่ กียรติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 18. ผศ.ดร.มาเรยี ม นิลพนั ธ์ุ คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 19. ผศ.ดร.สร้อยสน สกลรกั ษ์ ผู้อำนวยการโรงเรยี นสาธติ พัฒนา/ นายกสมาคมคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์แหง่ ประเทศไทย 20. ดร.ศรินธร วิทยะสิรนิ นั ท์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร 21. ดร.วริ ิยะ ฤาชยั พาณชิ ย์ คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ผทู้ รงคุณวุฒิ สพฐ./ โรงเรียนนานาชาตเิ ซนตแ์ อนดรู ผใู้ ชก้ รอบสมรรถนะหลกั ของผ้เู รยี น EduZone 1. ดร.สริ ินันท์ ศรีวีระสกลุ ผอู้ ำนวยการ โรงเรียนปรินสร์ อยแยลส์วทิ ยาลยั จงั หวดั เชยี งใหม่ 2. ดร.พิรุณ ศิริศกั ดิ์ ผู้ช่วยผอู้ ำนวยการฝ่ายวชิ าการ โรงเรยี นราชินบี น 3. ดร.พัฒน์ มาศนยิ ม ผู้อำนวยการ โรงเรยี นวรพฒั น์ จังหวัดสงขลา 4. ผอ.สภุ ลักษณ์ ไชยสถาน ผู้อำนวยการ โรงเรยี นวฒั นาวิทยาลยั กรงุ เทพฯ 5. ดร.แสงรงุ้ พลู สวุ รรณ ผู้อำนวยการสายงานวิชาการ บ.อกั ษรเจริญทศั น์ ห้ามคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ได้รบั อนุญาต

96 6. ดร.วราภรณ์ แก้วสีขาว ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สพป.นราธิวาส เขต 2 7. คุณศรญั ญารัตน์ พรมลา ศึกษานิเทศก์ สพป.สโุ ขทัย เขต 1 8. ครูธนชั ชา เขยี วหวาน โรงเรยี นวัดทางหลวง (เทพราษฎร์รงั สรรค์) พระนครศรีอยุธยา 9. ครอู าภาภัทร ไชยประสทิ ธิ์ โรงเรียนทอสี กรุงเทพฯ 10. ครูลกั ษมี แป้นสุข โรงเรยี นสายไหม (ทสั นารมย์อนสุ รณ)์ กรงุ เทพฯ 11. ครวู ิมลศรี ศษุ ิลวรณ์ ผชู้ ่วยผู้อำนวยการด้านการจัดการความรู้ โรงเรียนเพลนิ พฒั นา กรงุ เทพฯ 12. ครอู ภิชาต แซ่อึง้ โรงเรยี นสาธิตมหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี รวมถึงการร่วมแสดงความคิดเห็นจากการตอบแบบสอบถามโดยกลุ่มผู้ใช้กรอบสมรรถนะและผู้เก่ียวข้อง จำนวน 61 ราย ซ่ึง ครอบคลุมทุกสังกัด ทุกภูมภิ าค มีชว่ งวัย ประสบการณ์ และบทบาทในการจัดการศกึ ษาท่หี ลากหลาย จำแนกเป็น ผบู้ ริหารโรงเรียน จำนวน 20 ราย ครูผู้สอน จำนวน 30 ราย ผู้ปกครอง (Home School) จำนวน 2 ราย ศึกษานิเทศก์/นักวิชาการในระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา จำนวน 6 ราย ผู้ผลติ หนงั สือแบบเรยี น จำนวน 3 ราย ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต

97 รายชอื่ คณะทำงานในโครงการวจิ ัยผลการทดลองใชก้ รอบสมรรถนะผู้เรยี นระดับประถมศึกษาปีท่ี 4 – 6 สำหรับหลักสูตรการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน และจดั ทำกรอบสมรรถนะหลกั ของผ้เู รยี นระดับประถมศึกษาปีที่ 4-6 และระดบั การศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ฉบบั แก้ไขเพม่ิ เตมิ มิถุนายน 2564 ทปี่ รกึ ษา ราชบณั ฑิต รองศาสตราจารย์ ดร.ทิศนา แขมมณี คณะผวู้ จิ ัยในความร่วมมือของคณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ชารณิ ี ตรีวรญั ญู สาขาวิชาหลักสตู รและการสอน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ยศวีร์ สายฟ้า สาขาวิชาประถมศึกษา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ฉตั รวรรณ์ ลัญฉวรรธนะกร สาขาวิชาประถมศึกษา ภาควิชาหลักสูตรและการสอน นักวจิ ัยร่วม และคณะทำงานในโครงการวจิ ยั ผลการทดลองใชก้ รอบสมรรถนะผูเ้ รยี นระดับประถมศกึ ษาปีที่ 4 – 6 สำหรับหลกั สตู รการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ศาสตราจารย์ ดร.บงั อร เสรรี ัตน์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏบา้ นสมเด็จเจา้ พระยา รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฏฐภรณ์ หลาวทอง คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สมุ าลี เช้ือชยั คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เรวณี ชัยเชาวรัตน์ คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อดุ รธานี ดร.เฉลมิ ชยั พนั ธเ์ ลิศ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร ดร.ทรงพร พนมวัน ณ อยธุ ยา ข้าราชการบำนาญ สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ดร.กณุ ฑลี บริรกั ษส์ นั ติกลุ โรงเรียนปรชั ชาธร ดร.นาฎฤดี จติ รรงั สรรค์ โรงเรยี นสจุ ปิ ลุ ิ ดร.วีระชาติ ภาษชี า สำนักการศึกษากรงุ เทพมหานคร อาจารย์ ดร.กรกนก เลศิ เดชาภทั ร คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย หา้ มคดั ลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งองิ โดยไม่ได้รบั อนุญาต

98 อาจารย์กมลชนก สกนธวัฒน์ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ฝ่ายมธั ยม อาจารย์สุทธิดา ธาดานติ ิ โรงเรียนนานาชาตเิ ซนตแ์ อนดรวู ์ นายธีระศกั ดิ์ จริ ะตราชู นกั วชิ าการอิสระ นิสติ บัณฑิตศึกษา สาขาวิชาหลักสตู รและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย: นางสาวองั คส์ มุ ล เชือ้ ชัย นายชนตั อนิ ทะกนก นางสาวภชิ า ใบโพธิ์ ห้ามคัดลอก สำเนา เผยแพร่ อา้ งอิง โดยไม่ได้รับอนุญาต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook