ม.2 หน่วยที่ 2 วัสดุ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี

เอกสารประกอบการเรยี น วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 นางสาวเบญจมาศ ทองนุ่ม โรงเรียนบงึ สามพนั วทิ ยาคม อาํ เภอบึงสามพัน จงั หวัดเพชรบูรณ์ สํานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาเพชรบรู ณ์

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี วสั ดุ คือ สงิ่ ทนี่ ํามาทํา เปน็ สิง่ ของเคร่อื งใช้ต่าง ๆ ซ่งึ ส่งิ ของแตล่ ะอยา่ งทาํ จากวสั ดุหลากหลายประเภท ในสมยั ก่อนเราใช้วสั ดุทม่ี าจากธรรมชาติ เชน่ หนิ ก่ิงไม้ ใบไม้ หนังสตั วม์ าทํา ส่งิ ของเคร่ืองใช้ เชน่ อาวธุ เครอื่ งนุ่งหม่ ภาชนะใส่อาหาร ต่อมามกี ารพฒั นาวสั ดจุ ากธรรมชาติมาใชง้ านจนกระทงั่ สามารถสังเคราะห์ วสั ดใุ หมข่ ึน้ มา เช่น กระดาษ ไม้อัด เส้นใยยาง พลาสตกิ โลหะ วัสดผุ สม

ความรู้เกี่ยวกบั วัสดุ ประเภทของวสั ดุ แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท โลหะ (ได้จากการถลุงแรต่ ่าง ๆ ) อโลหะ (เป็นวัสดฉุ นวนไฟฟา้ ฉนวนความร้อน) โลหะประเภทเหลก็ โลหะนอกกล่มุ เหลก็ วัสดจุ ากธรรมชาติ วสั ดุสงั เคราะห์ ตวั อย่าง ตวั อยา่ ง

เครือ่ งกลและเคร่อื งมอื ในการสรา้ งช้ินงาน เครอ่ื งกล (Mechanical) เปน็ อปุ กรณท์ ีช่ ว่ ยผอ่ นแรงหรืออาํ นวยความสะดวกในการทํางาน รอก พื้นเอยี ง ล่มิ คาน ลอ้ และเพลา

เครื่องกลและเคร่อื งมอื ในการสร้างชิ้นงาน เครือ่ งมอื (Tool) เปน็ อปุ กรณท์ ีช่ ่วยสรา้ งชน้ิ งานให้ละเอยี ด แมน่ ยาํ และรวดเร็วข้ึน เลือกเครือ่ งมือเหมาะกับงาน จะช่วยให้ ทํางานไดส้ ะดวกและรวดเรว็ มากยง่ิ ขน้ึ เคร่อื งมือวดั เครื่องมอื ตัด เครอ่ื งมือยึดติด เครื่องมอื เจาะ

เสยี ง และอปุ กรณท์ ที่ าํ ใหเ้ กิดเสียง การเคลอ่ื นท่ีของเสียง เสียง เกิดจากการสนั่ ของวัตถุและเกดิ การถ่ายเทพลงั งานไปยงั ตัวกลาง พลงั งาน สว่ นขยาย สว่ นอัด สว่ นขยาย สว่ นอัด

เสียง และอปุ กรณ์ท่ที าํ ใหเ้ กิดเสียง ปัจจัยทม่ี ผี ลตอ่ อัตราเรว็ ของเสียง 1 ความหนาแน่นของตวั กลาง อตั ราเรว็ เสยี งในตวั กลาง ตัวกลาง อตั ราเรว็ ของเสยี ง (m/s) ของแข็ง ของเหลว แกส๊ อากาศ 346 1,498 นา้ํ 1,531 น้าํ ทะเล 5,200 เหล็ก

เสยี ง และอปุ กรณ์ทที่ ําใหเ้ กดิ เสียง ปจั จยั ทีม่ ีผลต่ออตั ราเรว็ ของเสียง 2 อณุ หภมู ิ อตั ราเร็วเสยี งขณะ อุณหภมู ิสูง > อณุ หภมู ิต่าํ อณุ หภูมสิ ูงข้นึ พลังงานจลนม์ ากขน้ึ การอดั และขยายตวั เรว็ เสยี งเคลือ่ นท่ไี ดเ้ รว็ ข้ึน

ไฟฟา้ และอปุ กรณ์ท่ที าํ ให้เกดิ แสง ไฟฟา้ เป#นสิง่ ท่ีขาดไม0ไดเ1 ลยในสังคม เพราะอปุ กรณ?ทุกช้นิ จำเปน# ตอ1 งมไี ฟฟFาเปน# แหล0ง พลังงาน ไฟฟFายังเกดิ ไดต1 ามธรรมชาติหลายเหตกุ ารณ? เชน0 ฟาF ผ0า ฟFาแลบ การเกิดไฟฟFา สถติ เกดิ จากบริเวณหน่งึ มปี ระจุไฟฟFาสะสมอย0มู ากแล1วถ0ายโอนไปยงั อกี บริเวณหนง่ึ อย0าง รวดเรว็ และเกิดในช0วงสน้ั ๆในลกั ษณะดงึ ดูด ผลกั และการเกดิ ประกายไฟฟาF ทำให1เรา ทราบว0า ประจไุ ฟฟFามอี ย0ดู ว1 ยกัน 2 ชนดิ คือ ประจบุ วกประจุลบ

ไฟฟ้า และอุปกรณ์ท่ีทาํ ให้เกดิ แสง วงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ย 1 แหล่งกาํ เนดิ ไฟฟ้า (Power Source) 2 3 ตวั นาํ ไฟฟ้า (Conductor) เคร่อื งใช้ไฟฟ้าหรอื โหลด (Electric Appliances or Load)

ไฟฟา้ และอุปกรณท์ ีท่ าํ ใหเ้ กดิ แสง วงจรไฟฟ้าและตวั ต่อตา้ นทาน - วงจรไฟฟา( เกิดขน้ึ จากกระแสไฟฟา( ไหลผา8 น แบ8งได; 2 ชนิด คอื กระแสไฟฟ(าตรง และกระแสไฟฟ(าสลับ - ตวั อปุ กรณFไฟฟ(า เพอื่ ให;ผบ;ู ริโภคสามารถนำมาใช;กับไฟฟา( ในบา; นได;คอื ตวั ต;านทาน ซ่ึงติดตัง้ ในวงจรทำงานทกุ เคร่ือง ดังนนั้ การต8อตัวต;านทานจงึ มคี วามสำคญั มากตอ8 การใช;งานเครอื่ งใชไ; ฟฟ(า ตอ8 ตวั ตา; นทานได; 2 แบบ คอื แบบ อนกุ รมและแบบขนาน

ไฟฟ้า และอปุ กรณท์ ที่ าํ ใหเ้ กิดแสง การต่อตวั ตา้ นทาน 1 แบบอนกุ รม 2 แบบขนาน Rรวม = R! + R\" + R# + ⋯ + R$ 1 = 1 + 1 + 1 + … + 1 Rรวม R! R\" R# R$ R1Ω R2Ω R3Ω R4Ω R1Ω Rรวม I R2Ω E R3Ω I E I E