Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับละคร

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับละคร

Description: ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับละคร

Search

Read the Text Version

ความรูพ้ ้นื ฐาน เก่ียวกบั ละคร

ความหมายของละคร ละคร หมายถึงการแสดงประเภทหนึง่ ซึ่งแสดงเรื่องราว ความเปน็ ไปของชีวติ ทปี่ รากฏในวรรณกรรม มีศิลปะการแสดงและดนตรีเป็นส่อื สาคัญละคร

ตามความหมายน้ี หมายถงึ “ละครรา” เพราะวา่ เป็นการแสดงออกทางความคดิ โดยม่งุ เน้นถึงลกั ษณะทา่ ทางอิรยิ าบถ ในการเคล่อื นไหวตวั ในระหว่างการรา

องคป์ ระกอบของละคร

Plot (โครงเรอื่ ง) หมายถงึ เรื่องทีม่ กี ารเกิดความขดั แยง้ ตั้งแตต่ วั ละคร 2 ตัวขนึ้ ไป หรือไม่ก็เกดิ ข้ึนกับตัวละครตวั เดียว แตเ่ ปน็ การขัดแยง้ ภายในตวั เอง ซึ่งความขัดแย้งดังกลา่ วนั้นจะทาให้เกดิ เป็นการกระทา และการกระทาดังกล่าวจะสง่ ผลต่อเนื่องไปยงั การทาอน่ื ๆ ตามมาสบื เนอ่ื งอยา่ มเี หตมุ ผี ล ขาดอนั ใดอนั หนง่ึ ไมไ่ ด้ และถูกวางไปทางหนึ่งทางใดอยา่ งมรี ะเบียบ ลักษณะโครงเร่ือง ทถ่ี กู วจิ ารณไ์ มด่ นี ้นั คือลักษณะโครงเรื่องทีผ่ ูเ้ ขียน อยากให้เป็นอยา่ งไรกบ็ งั คบั เปน็ อยา่ งนั้นโดยไม่สมเหตสุ มผลตามความคิด ของตวั ละคร โครงเรื่องท่ดี ีตอ้ งมคี วามยาวพอเหมาะ ประกอบไปดว้ ย ตน้ (เกริ่น) กลาง (พัฒนา) จบ และสมั พนั ธก์ นั ตามเหตผุ ลและกฎแหง่ กรรม (ทก่ี ลา่ วเชน่ นเ้ี พราะผชู้ มควรไดข้ อ้ คดิ ตอ่ ชวี ติ ทถ่ี กู ตอ้ ง)

Character & Characterization (ตวั ละครและการออกแบบตวั ละคร) ตวั ละคร คอื ผกู้ ระทา และผู้ได้รับผลของการกระทานน้ั ๆ ในเรอ่ื ง โดยการวางลักษณะนสิ ยั ของตัวละครนั้นควรเปลี่ยนแปลงจากนิสัยเดิมที่ตัวละครเป็น พฒั นาไปตามเหตุการณ์ทีม่ ากระทบกับชวี ิตของตัวละครนั้น ๆ

ลักษณะของตวั ละครทห่ี ลายคนมกั คนุ้ เคย คอื Typed Character คือ ตวั ละครท่ไี ม่มกี ารเปลย่ี นแปลง ไม่เรียนรู้ ไม่มกี ารพฒั นา ตวั ละครประเภทน้ีจะเป็นภาพจาประมาณว่าดกี ็ดีเลย เลวกเ็ ลยไปเลย ตวั ละครลักษณะ Typed Character น้นั จะเหมาะกบั ละครเด็ก ๆ หรือในกรณีของเร่อื งสอบสวน Well-Rounded Character คอื ตวั ละครทมี่ ีทง้ั ส่วนที่ดี และขอ้ บกพรอ่ งในตวั เอง มคี วามคลา้ ยและใกลเ้ คยี งกบั มนษุ ยจ์ รงิ ๆ ผู้เขยี นมกั จะไม่ตัดสินวา่ ใครเป็นคนดีหรอื คนเลว การออกแบบตวั ละคร ประเภทน้ีเป็นทน่ี ยิ มในการเขยี นบทละคร

Thought (ความคิด) คอื แกน่ ของเรอ่ื ง (Theme) จุดมงุ่ หมายทผ่ี ู้เขียนตอ้ งการสื่อกบั ผชู้ ม จนอาจจะกล่าวได้วา่ ถ้าผชู้ ม รับรู้เร่อื งราว (Story) ของละครแต่ไม่สามารถรับรู้ความคิดที่ผู้เขียน ตอ้ งการส่ือแล้วกถ็ อื ว่าเปน็ ความล้มเหลวของละคร

Diction (ภาษา) คือ สอ่ื ทถ่ี า่ ยทอดเรอ่ื ง ตัวละคร และความคดิ Diction สามารถถ่ายทอดออกมาเปน็ ร้อยกรอง หรือรอ้ ยแกว้ ก็ได้ เนอ่ื งจากความจากัดในการนาเสนอ การใช้ภาษาจะต้องสอ่ื ความหมายใหค้ นดูเข้าใจชดั เจนได้ บทละครจะตอ้ งคดั สรรคาพดู ที่ใชใ้ นบทสนทนาอยา่ งดี ตั้งแต่การเลอื กคา รปู ประโยค หรือเทคนคิ ทางภาษา เพื่อทาให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงละครได้อย่างลึกซึ้ง

Song (เสียง) ในกรณีนี้ Song ไม่ไดห้ มายความถึง บทเพลงเพยี งอย่างเดยี ว แตค่ ือเสียงท่ีเกดิ ขึ้นในละครและบทเวที ซงึ่ มคี วามหมายรวมต้งั แตก่ ารใชเ้ สียงสงู ต่าของนกั แสดง สาเนยี งภาษา ความเงยี บ จนไปถึงดนตรีประกอบ เสียง Effect อกี ดว้ ย

Spectacle (ภาพ) ภาพในละครคอื สงิ่ ทค่ี นดู “เห็น” ไดบ้ นเวทรี ะหว่างการชมละคร ซึ่งครอบคลุมตงั้ แต่ ฉาก แสง เครื่องแต่งกาย การแต่งหน้า เครื่องประกอบฉาก เป็นต้น รวมไปถงึ ท่าทางและสง่ิ ทน่ี ักแสดงทาบนเวที โดยท่วั ไปแลว้ ภาพ จะเป็นสิ่งทไ่ี ม่ได้ถกู ระบไุ วใ้ นบทละครแตเ่ กิดจากการวเิ คราะห์ และกากับของศิลปิน อย่างไรกต็ ามในบทละครสมัยใหมบ่ างเรื่อง ก็มีการระบภุ าพไวอ้ ยา่ งละเอียดเชน่ เดียวกัน

ประเภท ของละครไทย ในแตล่ ะยคุ สมยั

ละครรา ละครรา ละคร แบบดงั้ เดมิ แบบปรบั ปรงุ ทพี่ ัฒนาขน้ึ ใหม่ ❑ ละครชาตรี ❑ ละครดกึ ดาบรรพ์ ❑ ละครพดู ❑ ละครนอก ❑ ละครพันทาง ❑ ละครรอ้ ง ❑ ละครใน ❑ ละครเสภา ❑ ละครสงั คตี

ละครรา แบบดง้ั เดมิ

ละครชาตรี ❖ เป็นละครราชนิดแรกของไทย ❖ ผู้แสดงมเี พยี ง 3 คน คอื ตัวนายโรง ตวั นาง และตัวตลก ❖ แสดงแบบละครแร่ ❖ ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี 6 มกี ารนาเอา ละครชาตรี และละครนอกมาผสมกัน เรียกวา่ “ละครชาตรเี ข้าเครือ่ ง” หรือละครชาตรเี ครอื่ งใหญ่

ละครนอก ❖ เป็นละครราท่ีพัฒนามาจากละครชาตรี ❖ ใช้ผชู้ ายล้วนในการแสดง ❖ เป็นละครท่ีมีความสนกุ สนาน ขบขัน ดาเนนิ เรอื่ งรวดเรว็ และไม่พิถพี ถิ นั เรื่องลลี าทา่ รา ❖ ปลายรชั กาลที่ 2 ได้นาการแสดงละคร ละครนอกมาผสมผสานกับละครในเกิด เปน็ การแสดงท่ีเรียกว่า “ละครนอก แบบหลวง”

ละครใน ❖ เป็นละครราที่เกิดข้ึนในบรมมหาราชวงั ❖ ใชผ้ หู้ ญงิ ล้วนในการแสดง ตอ่ มาใน สมัยรชั กาลท่ี 4 ทรงอนญุ าตใหผ้ ชู้ าย แสดงได้ ❖ เปน็ ละครทีม่ งุ่ เน้นการรา่ ยราที่สวยงาม รักษาจารตี ประเพณี ไมน่ ยิ มเลน่ บท โลดโผนหรือบทตลกขบขนั ❖ มีเพียง 3 เร่อื ง คอื อเิ หนา รามเกียรติ์ อณุ รุฑ

ละครรา แบบปรับปรงุ

❖ เปน็ ละครราทีเ่ กิดขึ้นในสมยั รชั กาลท่ี 5 ละคร ดึกดาบรรพ ❖ เป็นการผสมผสานระหวา่ งละครในกับ การแสดงโอเปรา ❖ ตัวละครจะต้องรอ้ ง และราเองแบบละคร โอเปรา บทรอ้ งมแี ต่บทท่เี ปน็ บทพูดตดั บท ท่แี สดงกิรยิ าออก ❖ ชอ่ื ละครดกึ ดาบรรพ์นั้น เรียกชอ่ื ตามโรง ละครดกึ ดาบรรพ์ท่จี ดั การแสดงขึน้ ในครั้ง แรก

❖ เป็นละครราท่เี กิดขน้ึ ในปลายสมยั รชั กาลที่ 4 ❖ ผรู้ เิ ร่มิ การแสดงชนิดน้ี คือเจา้ พระยามหินทรศกั ด์ธิ ารง เปน็ ละครแบบผสม ❖ เรือ่ งท่นี ามาแสดงมาจากพงศาวดารชาตติ า่ ง ๆ ละคร เช่น สามกก๊ ราชาธริ าช เปน็ ต้น ❖ การแสดงจะใช้ท่าราไทยผสมผสานกบั ลลี า พนั ทาง ของชนชาติทก่ี ลา่ วถงึ ในเนือ้ เร่อื ง แต่งกายตามลักษณะของเชื้อชาติ

ละครเสภา ❖ เป็นละครร าท่ีปรับปรุงในปลายสมัย รัชกาลท่ี 5 ❖ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยสนราธิ ประพันธ์พงศ์ ได้นาเอาการแสดงเสภา ร า ม า ผ ส ม ผ ส า น กั บ ล ะ ค ร พั น ท า ง แตด่ าเนินเร่อื งราวดว้ ยการขับเสภา ❖ ผแู้ สดงนิยมใชผ้ ูช้ าย และผู้หญงิ แสดง จริงตามบทบาท

ละครรา แบบปรับปรงุ

ละครพดู เปน็ ละครทด่ี าเนนิ ดว้ ยการพูด เนน้ การแสดงสหี น้าทา่ ทาง และอารมณต์ ามเหตุการณท์ เ่ี กิดขนึ้ จรงิ แบ่งออกเป็น 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ 1) ละ ค ร พ ู ด ล้ วน ๆ เ ป็ น ล ะ ค ร พ ูด ท ่ี ด าเ นิน เ ร ่ื อ งด ้วย ก าร พ ู ด ใชท้ ่าทางแบบสามญั ชน 2) ละครพดู รอ้ ยกรอง เป็นละครพูดท่ดี าเนินเรอื่ งด้วยวิธกี ารพูด ทเี่ ปน็ คาประเภทคากลอน คาฉันท์ คาโคลง ซึ่งมีวธิ ีการออกเสยี ง เหมอื นกับละครพดู เนน้ การสมั ผัสตามชนดิ ของคาประพันธ์ 3) ละครพูดสลับค า เป็นละครพ ูดที่ด าเนินเร่ืองด้วยการพู ด และการรอ้ ง แตเ่ น้นการพูดเปน็ สาคญั

ละครรอ้ ง เป็นละครที่ด าเนินเรื่องด้วยการร้อง ใช้ท่าทางสามัญชน ในการส่อื ความหมายตามบทร้อง แบ่งออกเปน็ 2 ลักษณะ คือ 1) ละครร้องสลับพูด เป็นละครท่ีดาเนินเร่ืองด้วยการร้องและ การพูด แต่เน้นร้องเป็นสาคัญ ได้รับอิทธิผลมาจากละคร บงั สาวนั ของมลายู 2) ละครร้องล้วน ๆ เป็นละครท่ีดาเนินเรื่องด้วยการร้องเพลง ไม่มบี ทแทรก ผู้ใหก้ าเนดิ ละครประเภทน้ี คือ รัชกาลที่ 6

ละครสงั คตี เปน็ ละครที่พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจา้ อย่หู ัวไดท้ รงคดิ ค้น มลี ักษณะใกลเ้ คยี งกับละครร้อง แตแ่ ตกต่างกันตรงการดาเนนิ เร่อื งของ ละครสงั คตั จะต้องใช้คาพูด และการขับรอ้ งเน่อื งจากมคี วามสาคัญเทา่ กนั จะตดั อย่างใดอยา่ งหนงึ่ ออกไมไ่ ด้ จะทาใหเ้ สยี เนอื้ เร่อื ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook