รม่ บ่อสรา้ ง
บทคดั ย่อ ร่มบ่อสร้างเปน็ สินค้าท่ีสร้างชื่อเสยี งให้แกจ่ งั หวัดเชียงใหม่มาชา้ นานหลายชั่วอายคุ นแลว้ ซง่ึนักทอ่ งเทยี่ วที่เดนิ ทางไปเทีย่ วเชยี งใหม่สว่ นใหญ่จะตอ้ งแบ่งเวลาแวะเวยี นไปท่ีอาเภอสนั กาแพง เพื่อชมและเลือกซ้ือร่มบ่อสร้างที่“บ้านบ่อสร้าง”เปน็ ท่รี ะลึกติดมือกลับมา ชาวบ่อสรา้ งท้ังตาบลรวมไปถึงอีก 8 หมบู่ ้านในตาบลใกล้เคยี งของพ้นื ท่ีอาเภอสนั กาแพง และอาเภอดอยสะเก็ดในจงั หวัดเชียงใหมล่ ว้ นแต่เป็นแหล่งผลติ รม่ด้วยกนั ท้งั สิ้น เพยี งแต่วา่ งานทามือของชาวบา้ นไดก้ ลายเป็นโรงงานอตุ สาหกรรมทคี่ รอบคลมุ พนื้ ท่ีหลายร้อยครวั เรอื นในหลายๆหม่บู า้ น การผลติ ช้ินส่วนร่มเป็นหน้าทขี่ องแรงงานท่ีเปน็ ชาวบ้านในแตล่ ะหมู่บ้านตั้งแต่รนุ่ พ่อเฒา่ แม่เฒ่าลงมาจนถงึ คนหน่มุ สาวนบั พันๆคน ดังนนั้ บ่อสร้างจึงเป็นเพียงหมู่บ้านประกอบร่มโดยมชี นิ้ สว่ นต่างๆของรม่ เดนิ ทางมาจากตา่ งหมู่บา้ น ซง่ึ ส่วนประตา่ งๆของร่มท่ีเกดิ จากแรงงานใตถ้ นุ บ้านและกระจายกันอยู่ท่วั ไปก็จะมารวมกนัอยทู่ ี่นเ่ี ปน็ จดุ สุดท้าย การทาร่มบ่อสรา้ งมีมานับร้อยปี ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงมีความถนัดในการทารม่ แตกต่างกันไปตามชน้ิ สว่ นท่ีได้รับมอบหมายในการผลติ เชน่ หมบู่ ้านสันพระเจา้ งาม ผลิตหัวรม่ และตมุ้ ร่ม บ้านออนทาโครงรม่บา้ นหนองโค้งหมุ้ ร่ม และลงสี บ้านแม่ฮ้อยเงิน อาเภอดอยสะเก็ดผลิตดา้ มร่ม บา้ นต้นเปาผลิตกระดาษสาแต่การประกอบชนิ้ ส่วนของรม่ ทั้งหมดจะมารวมกันอยู่ทบ่ี ส่ รา้ ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบายลวดลาย และสสี นับนผืนร่มท่ถี ือว่าเปน็ สัญลักษณ์อนั เลือ่ งชอ่ื ของรม่ บอ่ สรา้ ง มกี ลเมด็ เคล็ดลับในการทารม่ อยู่ทีก่ ารใชแ้ ป้งเปยี กผสมน้ามะโก้ติดผ้า หรอื กระดาษเข้ากบั ร่มทาใหต้ ดิ ทนนานไม่หลดุ ร่อนก่อนเวลาอันควร และเวลาลงสีน้ามนั ที่ตอ้ งผสมกับน้ามนั มะม้ือหรือนา้ มนั ตงั อ๊วิ ที่ทาให้รม่ ทนแดด ทนฝน และใช้งานได้จริงไม่ว่าหน้าฝนหรอื หนา้ รอ้ นเพราะฉะนั้นนอกจากร่มบ่อสร้างจะเปน็ ของท่ีระลึกสวยงามแลว้ ยังสามารถคุ้มแดดค้มุ ฝนไดเ้ ปน็ อย่างดี รม่ บอ่ สร้าง เป็นสินคา้ พืน้ เมืองทไี่ ด้รบั ความนยิ มอย่างมากในหมู่นกั ท่องเที่ยวท้ังชาวไทยและชาวตา่ งชาติ สาเหตุทเ่ี รียกวา่ ร่มบอ่ สรา้ งเพราะร่มนี้ผลติ กันทบ่ี ้านบอ่ สรา้ ง อ.สันกาแพง จ.เชียงใหม่
บทท่ี 1 บทนำท่ีมำและควำมสำคัญ รม่ บ่อสร้าง เป็นสนิ ค้าพื้นเมืองท่ีไดร้ บั ความนิยมอยา่ งมากในหมนู่ ักท่องเที่ยวทง้ั ชาวไทยและชาวตา่ งประเทศ สาเหตทุ ี่เรยี กวา่ รม่ บอ่ สรา้ งเพราะร่มนีผ้ ลติ กนั ที่บา้ นบ่อสร้าง สมัยกอ่ นชาวบา้ นจะทารม่ กันใต้ถุนบา้ น แล้วนาออกมาวางเรียงรายเตม็ กลางลานบ้านเพื่อผ่ึงแดดใหแ้ ห้ง สสี ันและลวดลายบนรม่ นั้นสะดดุ ตาผู้พบเหน็ มที ัง้ หมด 3 ชนิดดว้ ยกนั คือ ร่มทท่ี าด้วยผ้าแพร ผ้าฝา้ ย และกระดาษสา แตล่ ะชนดิ มีวิธีทาอยา่ งเดยี วกนัวตั ถปุ ระสงคใ์ นกำรศกึ ษำ1 .เพอ่ื ศึกษาประวัติความเป็นมา รม่ บอ่ สร้าง2 .เพอ่ื ศึกษาลักษณะของร่มกระดาษท่ีมีคุณภาพดี3 .เพอ่ื ศึกษาการทาร่มเพ่ือให้มคี ณุ ภาพดี4 .เพ่อื ศึกษาวัตถดุ ิบและส่วนประกอบของรม่5 .เพอ่ื ศึกษาวิธีทารม่ กระดาษ6 .เพ่ือศึกษาราคาเเละขนาดของร่ม7 .เพอื่ ศึกษาการเดินทางไปบ้านบ่อสร้างนยิ ำมศัพทเ์ ฉพำะ ร่มบ่อสรา้ งคือ ร่มท่ีมีสีสนั และลวดลายสะดุดตาผู้พบเห็น มที ้งั หมด 3 ชนดิ ดว้ ยกนั คือ รม่ ทท่ี าดว้ ยผ้าแพร ผา้ ฝ้าย และกระดาษสา แตล่ ะชนดิ มีวิธที าอย่างเดียวกันผลิต ทศี่ นู ยอ์ ตุ สาหกรรมทารม่ ถนนสายเชียงใหม่-สันกาแพงขอบเขตของกำรศึกษำ ศึกษาข้อมลู จากแหล่งขอ้ มลู ต่าง ๆ ทางอนิ เตอร์เนต็ และห้องสมดุระยะเวลำในกำรศกึ ษำ 10วัน บทที่ 2
เอกสำรท่ีเกีย่ วข้องประวัตคิ วำมเป็นมำ ร่มบ่อสรำ้ ง ในสมยั โบราณ มพี ระธุดงคร์ ปุ หนึ่งมาปกั กลดทต่ี าบลบ่อสรา้ ง อาเภอสันกาแพงจงั หวดั เชยี งใหม่ปรากฎว่ามีลมแรงพัดกลดเสียหายใชก้ ารไม่ได้ ชายชราชื่อนายเผอื ก เป็นชาวบา้ นบ่อสร้างไดซ้ อ่ มให้ แล้วกเ็ กิดความคดิ ว่า ถ้ากลดมคี นั ยาวก้็จะใชถ้ ือไปไหนมาไหนไดส้ ะดวกจึงคิดดัดแปลงจากกลดโดยใส่คันร่มเข้าไปจนกลายเปน็ รม่ ในสมัยแรก ๆ ก็ใชส้ ขี องเปลือกไมท้ าเปน็ ลักษณะสพี ื้นสีเดยี วคือสแี ดง ครน้ั ตอ่ มาไดว้ ิวัฒนาการเขยี นลวดเป็นดอกไม้ โดยทาพน้ื เปน็ สีตา่ งๆต้ังแต่อดตี จนปัจจุบันหมบู่ า้ นตาบลบอ่ สรา้ งก็ยังคงทาร่มกันทุกครวั เรอื นและเป็นหมู่บา้ นเดียวใน ประเทศไทยที่ยังรกั ษาเอกลกั ษณใ์ นการทารม่ นี้ไว้ ในการจดั นิทรรศการทางการท่องเทย่ี วท่ี ลอส แองเจลสิ อเมรกิ า เม่ือปี พ.ศ. 2518 ไดม้ ปี ระเทศตา่ ง ๆรวมทั้งประเทศไทยจดั รา้ นเข้าประกวดรวม 372 ร้าน สาหรับร้านของไทยนั้น อ.ส.ท. สานกั งาน อลส แองเจลิส ได้จดั ให้มกี ารเผยแพร่เอกสารการท่องเทย่ี ว และได้มีการวาดร่มพื้นเมืองทางเหนือเป็นศลิ ปพ้ืนบา้ นของไทย โดย น.ส. จิตรา สวุ รรณ จากร้านบา้ นสุวรรณ บ่อสรา้ ง อ. สันกาแพง เชียงใหม่ ซึ่งเป็นของเปน็ ของแปลกสาหรบั คนตา่ งประเทศ ทาให้ได้รบั ความสนใจจากผู้ ไปชมงานอยา่ งกว้างขวาง และปรากฎวา่ รา้ นนิทรรศการของประเทศไทยที่ อ.ส.ท. จัดขน้ึ ไดร้ บั รางวลั ชนะเลศิ ทุกประเภทลักษณะของร่มกระดำษทมี่ ีคุณภำพดี1. มีรปู ทรงสวยงาม2. โครงร่มและส่วนประกอบของรม่ จะตอ้ งมคี วามเรียบรอ้ ยแข็งแรง3. กระดาษทีใ่ ช้ปิดรม่ มีความหนาพอสมควร4. สแี ละน้ามนั ท่ใี ช้ทาไม่ตกและหลดุ ลอกได้งา่ ย5. เวลาใชส้ ามารถกางขึน้ ลงไดส้ ะดวกกำรทำร่มเพ่อื ให้มีคุณภำพดี
1. คดั เลอื กวัตถุดิบเอาแตช่ นิดท่ีมคี ณุ ภาพดี 2. กรรมวิธีในการผลิต นับว่ามีความมสี าคัญมากเพราะร่มจะมคี ุณภาพดีมคี วามสวยงามนั้น ขน้ึ อยกู่ บักรรมวิธีในการผลิตท้งั สิ้นการประกอบรม่ ทุกขัน้ ตอนจะต้องทาดว้ ยความประณีตเสมอ 3. การเก็บรักษาร่ม และส่วนประกอบของร่มจะต้องมีการป้องกนั ตวั แมลงต่างๆ มิใหม้ าทาลายรม่ ได้สว่ นประกอบของร่มท่เี ปน็ ไม้ไผ่ควรจะได้รับการแชน่ ้ายาเพ่ือ ปอ้ งกันแมลงเสียกอ่ นขนำดของร่มกระดำษสำแบ่งออกไดเ้ ป็น 5 ขนำด 1. รม่ ขนาด 44 นว้ิ 2. รม่ ขนาด 20 น้วิ 3. ร่มขนาด 17 นว้ิ 4. รม่ ขนาด 14 น้ิว 5. รม่ ขนาด 10 นิว้วตั ถดุ บิ และส่วนประกอบของรม่ วตั ถดุ ิบและส่วนประกอบของรม่ ร่มกระดาษใช้วัตถุดิบและส่วนประกอบ คือ 1. หวั ร่ม ตุม้ ร่ม ทาดว้ ยไมเ้ น้ืออ่อน เช่นไมโ้ มกมนั ไมส้ มเห็ด ไมซ้ ้อ ไมต้ ะแบก และไมเ้ นื้อออ่ นชนิดอื่นๆ เม่ือไม้แห้งแล้วไมห่ ดตวั มาก การทีเ่ ลอื กเอาไมเ้ น้ืออ่อนเปน็ หวั รม่ ตุม้ ร่มน้ันเพราะว่าไม้เนื้ออ่อน สะดวกแก่การกลึงและผา่ ร่องซี่ 2. ซีร่ ม่ ทาด้วยไม่ไผ่ ไม้ไผท่ ่จี ะนามาทาเป็นซรี่ ่มต้องมีลักษณะปลอ้ งของไมไ้ ผจ่ ะต้องยาวถงึ 1 ฟตุ ข้ึนไป เนอ้ื ไม้ไมห่ นาน้อยกว่า 1 นิ้ว และเป็นไม้ที่มีอายตุ ้ังแต่ 2 ปีข้นึ ไป ไมอ้ ่อนใช้ไม่ได้ เพราะไมอ้ ่อนเวลาแหง้แลว้ ไมะ้ หดตวั มาก และตวั มอดยังชอบกินอกี ดว้ ย 3. กระดาษปิดร่ม ใชก้ ระดาษทม่ี ีเนือ้ นิ่มไม่แข็งกระด้าง และมคี วามหนาพอสมควร แต่เท่าน้นี ยิ มกันมากได้แก่กระดาษสา และกระดาษห่อของสีนา้ ตาล 4. นา้ มันทารม่ ใชท้ าด้วยนามันมะมื่อ หรอื นามนั ทัง
5. สีทาร่ม ใชท้ าด้วยสีน้ามัน 6. นา้ ยางปดิ ร่ม ใชป้ ดิ ด้วนน้ายางตะโก หรือ น้ายางมะค่า 7. ด้าย ที่ใช้ในการรอ้ ยประกอบส่วนตา่ งๆ ของรม่ ใช้ดา้ ยดิบหรือด้ายมนั นามากรอเปน็ เส้นและตีควบเปน็ เกลยี วตามขนาดท่ีต้องการ 8. คนั ร่ม ใช้ไม้เนื้ออ่อนกลงึ หรือทาด้วยไม้ไผถ่ ้าเป็นไม้ไผต่ ้องใช้ปลายไม้ขนาดเลก็ หรือต้นไผ่ขนาดเล็กกไ็ ด้ วัดเสน้ ผา่ นศูนย์กลางของลาต้นไม่เกนิ 7/8 น้ิว และต้องมีรูข้างในด้วยเพ่ือสะดวกในการติดสปริงดนั รม่ 9. หวายสาหรับพันดา้ มรม่ ถ้าคนั รม่ ทาดว้ ยไม้ไผต่ รงส่วนท่เี ปน็ ดา้ มถือ จะต้องพันด้วยเส้นหวายผา่ ซีกขนาดเลก็ ( หวายเลยี ด ) หรือจะใช้ เสน้ พลาสตกิ พันแทนก็ได้ 10. ปลอกสวมหัวร่ม ใชใ้ บลาน ใบตาล หรอื กระดาษหนา ทม่ี ีความหนาใกลเ้ คียงกันก็ได้ 11. น้ามันสาหรบั ผสมกบั สี ใชน้ ้ามันกาา ด 12. ห่วงรม่ ทาจากเส้นตอกไมไ้ ผ่ ขดเปน็ วงกลมและพันดว้ ยกระดาษสาใหร้ อบชุบน้ายางตะโกและตากแดดใหแ้ ห้ง 13. โลหะครอบหัวรม่ ทาด้วยแผน่ ป๊ัมหรอื พลาสตกิ ปม๊ั กไ็ ด้วธิ ที ำรม่ กระดำษ 1. การทาหัวรม่ ตุ้มร่ม นาไม้สาหรบั ทาหัวร่ม และ ตมุ้ รม่ ขนาดโตวดั เส้นผา่ ศนู ย์กลางขนาด 2-2.5น้ิวนาเอามาตัดทอ่ นๆความเท่ากบั ขนาดของหวั รม่ และตุ่มร่มทต่ี อ้ งการแล้วเจาะรตู รงกลางขนาดพอทจ่ี ะใสค่ นัร่มชนิดนน้ั ๆ ได้แลว้ จงึ เอาไปกลึงเป็นหัวร่มรอื ตุ่มรม่ ตามแบบท่ีได้กาหนดไว้ 2. การทาซ่ีร่ม หลังจากได้ไม้ไผ่มาแล้งกน็ าเอามาตดั ออกเป็นท่อนๆถ้าเปน็ ไม้ไผท่ ี่มปี ลอ้ งยาวกต็ ัดระหวา่ งขอ้ แตถ่ ้าเป็นไมป้ ล้องสั้นกต็ ัดใหข้ ้อไม้อยู่ตรงกลางความยาวของท่อนไม้ที่ตัดเท่าขนาดของรม่ ท่จี ะทาเช่น ทารม่ ขนาด 20น้วิ กต็ ดั ไม้ไผ่ยาว 20นวิ้ เป็นตน้ เม่อื ตดั ไมไ้ ผเ่ ป็นท่อนยาวแลว้ กใ็ ช้มีดขูดผวิ ไม้ออกให้หมดแล้วทาเคร่ืองหมายสาหรับเจาะรูไว้โดยการใชต้ ะปูตอกบนไม้ ขอใหป้ ลายตะปโู ผลอ่ อกมานิดหนึ่งแลว้ ใช้ไม้ขอขีดรอบปลอ้ งไม้ตรงกับระยะท่ีตอ้ งการเจาะรแู ลว้ จงึ ผา่ ไม้ออกเปน็ 4 ช้ิน แตล่ ะช้ินขนาดเท่ากนั ใช้มดี ตรงท้องตามระยะทีไ่ ด้กะไวใ้ ห้เสมอกันทกุ ชนิ้ ใหท้ างปลายซ่เี รียว และใชม้ ีดจกั เปน็ ซีๆ่ ตรงหวั ไม้ ความหนาแต่ละซ่ีประมาณ 1/8 นวิ้ แลว้ ใช้มือฉกี
ออกเป็นซ่ๆี ถ้าฉกี ไม่ออกก็ใชม้ ีดผ่าออกไปตรงๆ แลว้ เหลาทัง้ สองข้างให้ เรยี บและปาดตรงหวั ซีท่ ้ัง 2 ใหบ้ างพอดีทจ่ี ะใส่เข้ารอ่ งหัวรม่ ไดแ้ ลว้ ซีต่ รงท้องนดิ นึงเพ่ือให้มุมมนแลว้ เหลาตรงท้องซ่ึงให้ ป้ ลายซร่ี ่มเรียวเท่ากนัทกุ ๆซี่ ใชม้ ดี ปลายแหลมแทงลงไปตรงรอยปาดท้องซี่ ให้ปลายมดี ทะลุออกด้านหลังซง่ึ ตรงกลางแลว้ ผ่าตรงออกไปตามยาวประมาณ 2 นิว้ เพือให้ปลายซส่ี ้ันสอดเขา้ ไปเวลาร้อยคอื ประตดิ กับซ่ีส้นั สว่ นการทาซ่รี ่มสน้ั นั้น ตัดไมย้ าวตามขนาดที่ต้องการแลว้ เกลาเอาผิวไม้ออก แล้วทาเครอ่ื งหมายสาหรับเจาะรู แลว้ จกั เปน็ ซ่ๆี เหลาสองขา้ งให้เรยี บรอ้ ย ปลายซงึ่ ข้างหนึ่งปาดท้องซ่ีใหเ้ ปน็ มมุ แล้วเหลา 2 ขา้ ง ใหบ้ างทจี่ ะสอดเขา้ รองตุม่ ร่มได้ สว่ นอีกข้างหน่งึ เหลาปลายให้มน และเหลาตรงปลาย 2 ขา้ งให้บางพอสมควร 3. การเจาะรูซรี่ ่มสน้ั และซรี่ ม่ ยาว ใชเ้ หล็กแหลมชนิดปลายเปน็ สามเหล่ยี มเจาะโดยการหมนุ ไปหมนุ มาหรือ จะใช้เหล็กแหลมเผาไฟให้ร้อนแลว้ เจาะรกู ็ได้(ถ้าไมม่ เี ครอื่ งเจาะ) แตถ่ า้ มีเครอื่ งเจาะซีร่ ม่ โดยเฉพาะ กใ็ ช้เคร่อื งเจาะเพราะจะไดเ้ ร็ว 4. การมดั หัวรม่ และตมุ่ ร่มนาเอาซ่ีร่มยาวและซร่ี ่มสน้ั ทีเ่ จาะรแู ลว้ ร้อยติดกนั เรยี งเป็นตับโดยรอ้ ยเอาทางหลงั ซี่ขึ้นข้างบนทกุ ซ่ี แลว้ เอาหัวร่มท่ีผ่ารอ่ งซี่แลว้ มาปาดซ่ีออกเศีย 1 ช่อง เพื่อสาหรับจะได้ไวผ้ กู ปมเชอื ก เอาซีร่ ม่ ทร่ี ้อยแลว้ ใส่ลงไป ในหัวร่มชอ่ งละซี่ แล้วดงึ เชือกให้ตึงแล้วใสต่ อ่ ไปอีกจนครบทุกชอ่ ง แล้วดึงปลายเชือกทง้ั 2 ข้างให้ตึง เอาปลายเชือกผกู ใหแ้ นน่ แล้วตดั เชอื กที่ผูกออกให้เหลือปลายเชือกไว้ประมาณขา้ งละ 1 นวิ้การมดั หัวร่มและต้มุ รม่ ทาด้วยวิธีเดียวกันกำรเดินทำงไปบำ้ นบอ่ สรำ้ ง รม่ บอ่ สรา้ ง เปน็ สนิ ค้าพน้ื เมืองทไ่ี ด้รบั ความนิยมอย่างมากในหม่นู กั ท่องเท่ียวท้ังชาว ไทยและชาวต่างชาติ สาเหตุท่ีเรียกว่าร่มบ่อสรา้ งเพราะร่มน้ีผลติ กันทีบ่ า้ นบอ่ สรา้ ง อ.สันกาแพง จ.เชียงใหม่ สามารถไปจากตัวเมืองเชียงใหม่ตามถนนสายเชยี งใหม่-สนั กาแพง 9 กโิ ลเมตร จะมที างแยกซา้ ยมือเข้าบา้ นบ่อสร้าง ทงั้ นี้ผูท้ ี่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพ่ิมเติมได้ท่ี www.onchiangmai.com โทร.081 9986000 ใครท่ีมีโอกาสได้ไปเท่ยี วเชียงใหม่ก็น่าจะลองแวะไปทบ่ี ่อสร้างเพ่ือ ชมข้นั ตอนการผลิตรม่ และความสวยงามของร่มบอ่ สร้างท่ีไดร้ ับการสืบทอดต่อๆกันมาจนมีอายเุ ป็นรอ้ ยปีงำนรม่ บอ่ สรำ้ ง ว่ากนั ถงึ ความเป็นมาในอดตี ของ\"เทศกาลรม่ บ่อสร้าง\"ท่สี ร้างช่อื เสยี งใหก้ บั จงั หวัดเชียงใหม่ และนกั ทอ่ งเทยี่ วท้ังชาวไทยและชาวต่างประเทศไดร้ ้จู ักกันในนามของหมบู่ ้านทม่ี ีงานผลติ รม่ หัตถกรรมพ้ืนบ้าน
ของบ่อสร้างนัน้ การจัดงานติดต่อกันมาครั้งที่จะถงึ นี้ถือเป็นคร้ังที่ 24 ครง้ั นี้ผูบ้ ริหารเทศบาลตาบลตน้ เปาตง้ั ใจกนั ไวว้ า่ จะให้ยิ่งใหญ่กวา่ ทกุ ๆครั้งท่ีผา่ นมา จัด 16 กจิ กรรมต่อเนื่อง ตั้งแต่วนั ท่ี 19-21 ม.ค.2550 แรกเรม่ิ เดมิ ที เทศกาลร่มบอ่ สร้างหรอื งานร่มบา้ นบ่อสรา้ งน้ัน ในอดีตหมู่บา้ นบ่อสรา้ ง อ.สนั กาแพง เปน็หม่บู า้ นเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาตแิ บบชนบท ประชาชนสว่ นใหญท่ าอาชพี เกษตรกรรม ทาไร่ทานาทาสวนยามว่างเวน้ จากการทาการเกษตรมักจะผลติ รม่ ออกจาหนา่ ย ซ่ึงเป็นร่มกระดาษสา ตอ่ มาเติมแต่งลวดลายกลายเป็นรม่ ทีส่ วยงาม นา่ ซ้ือไว้ใช้และเป็นของฝากของที่ระลกึ เม่อื ประมาณ 20 กว่าปที ่ีผ่านมา\"ทา่ นอนิ ศวร ไชยซาววงศ์ ลูกพ่อขุนเปา ซง่ึ มีอาชีพเป็นพ่อคา้ และเป็นคนพน้ื ท่ี ได้เลง็ เหน็ ว่าหมูบ่ ้านบอ่ สรา้ ง เปน็ หมูบ่ า้ นที่ประชาชนมีฝมี อื สามารถผลิตร่มออกขายไดเ้ งินได้ทองกนั จานวนมาก จงึ ชกั ชวนกบั ชาวบ้านและผู้นาทอ้ งถิน่ ในสมยั นนั้ รเิ ร่ิมจัดงานขึน้ ครั้งแรก ปแี รก มีผคู้ นหล่ังไหลกนั เขา้ มาเทีย่ วชมงานกนั อยา่ งล้นหลาม ด้วยกิจกรรมนานาชนดิ และการละเล่นพืน้ บ้าน ตอ่ มามนตข์ ลังของงานร่มบอ่ สรา้ ง ไดจ้ างหายไปจัดกันขึน้ มาต่อเนือ่ งเช่นกัน ประสบความสาเรจ็ บา้ งไม่ประสบความสาเรจ็ บ้านแตท่ ากันมาตลอดโดยจะจัดขนึ้ ประมาณเดือนมกราคมของทุกปี ทบ่ี รเิ วณศนู ย์หตั ถกรรมร่มบ่อสร้าง มีการแสดงและจาหน่ายผลิตภัณฑต์ ่างๆ ที่ทาจากกระดาษสา โดยเฉพาะรม่ บ่อสรา้ ง มีการแสดงทางวฒั นธรรม ขบวนแห่ ประเพณพี ้นื บ้าน และการประกวดตา่ งๆที่นา่ สนใจ ซึ่งจดั มาจนถึงปนี ้เี ปน็ครง้ั ท่ี 24 เเล้วจดุ เรม่ิ ตน้ ของงำนรม่ บ่อสรำ้ ง มลู เหตุที่ทาให้เกิดมีงานเทศกาลร่มบ่อสรา้ งข้ึนมาน้ัน เกิดจากในช่วงเวลาหนงึ่ ทีช่ าวบา้ นบอ่ สร้างซ่งึสว่ นใหญ่มฐี านะยากจน กาลังจะละทง้ิ อาชัพการทารม่ แล้วหันไปประกอบอาชพี อนื่ ท่ีให้ผลกาไรมากกว่า ไดแ้ ก่การแกะสลกั ไม้ เป็นเคร่ืองเรือนชนดิ ต่างๆ จนเป็นท่ีน่าวติ กวา่ ในอนาคตอันใกลแ้ หล่งผลิตงานศิลปหัตถกรรมพน้ื เมือง อนั เปน็ สญั ลกั ษณ์ของชาวเชยี งใหมน่ ัน้ จะตอ้ งสูญสลายไป ในทส่ี ดุ หนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้อง ไดแ้ ก่ การท่องเท่ียวแหง่ ประเทศไทย หรือ ททท. อาเภอสันกาแพง จังหวัดเชียงใหม่ และกรมส่งเสริมอตุ สาหกรรม ซง่ึเป็นหน่วยงานที่เพง่ เล็งเหน็ ความสาคญั ในการสญู เสียสง่ิ อันมคี า่ น้ไี ด้เขา้ มามบี ทบาทส่งเสริมงานอนรุ ักษแ์ ละฟ้นื ฟูการทาร่มของชาวบอ่ สร้าง เมอ่ื ปี พ.ศ. 2520 โดยแกไ้ ขปัญหาต่างๆ ให้ลลุ ว่ งไปด้วยดี ไมว่ ่าจะเป็นปัญหาเกีย่ วกบั วัตถุดิบ มาตรฐานการผลิต เงินทุน และการตลาด ฯลฯ เมือ่ ชาวบ้านบ่อสร้างไดร้ ับการส่งเสรมิ จากหนว่ ยงานดงั กลา่ ว จึงมีกาลงั ใจที่จะหนั กลบั มาทารม่ ผลติ ภัณฑ์พื้นบา้ นอนั มคี ่าของตนดังเดิม การจัดงานเทศกาลรม่ บ่อสร้างจงึ เกิดข้ึนตาม แผนงานรณรงค์การประชาสมั พันธ์ เพอื่ อนรุ กั ษแ์ ละฟ้ืนฟกู ารทาร่มบ่อสรา้ งอีกขน้ั หนึ่ง ซงึ่ ในข้ันนเ้ี ป็นข้นั สาคัญ อนั จะสอดคล้องกบั แผนงานสง่ เสริมการท่องเท่ียว คอื โครงการจดั ต้งั ศนู ย์
วัฒนธรรมและหัตถกรรมพืน้ บ้านประจาภาคเหนือทจ่ี ังหวัดเชียงใหม่ตามแผนพฒั นาการท่องเที่ยวในระยะแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 5 (พ.ศ. 2525-2529)วตั ถปุ ระสงค์ในกำรจัดงำนเทศกำลรม่ บ่อสร้ำง 1. อนรุ กั ษ์ให้ร่มบอ่ สรา้ ง มรดกทางวฒั นธรรม ซ่ึงเป็นศลิ ปหัตถกรรมอนั เปน็ เอกลกั ษณ์แห่งแรกและแหง่ เดียวในประเทศไทยใหค้ งอย่ตู ลอดไป 2. สง่ เสริมให้หมบู่ า้ นทารม่ คงอยใู่ นแผนท่องเทยี่ วของจังหวดั เชยี งใหม่ตลอดไป 3. สนับสนนุ ให้บ้านบ่อสรา้ งเป็นแหล่งท่องเทยี่ วทางศิลปวัฒนธรรมท่ีเปน็ จดุ ดึงใหน้ ักทอ่ งเทย่ี วทง้ั ชาวไทยและชาวต่างประเทศไดเ้ ดินทางไปยงั ทอ้ งถิน่ ที่ผลติ อนั เปน็ ผลใหม้ กี ารกระจายรายได้ไปสู่ประชาชน 4. ยกระดับมาตรฐานการผลิต ตลอดจนการพัฒนารูปแบบใหเ้ ปน็ ทนี่ ยิ มของนักท่องเท่ยี วซึ่งมีผลสืบเนื่องต่อการขยายตลาดให้กว้างออกไป ท้งั ในประเทศและต่างประเทศ และเป็นการสร้างงานสรา้ งอาชีพให้คนในท้องถิ่นเพม่ิ มากขึ้นและในปี 2526 ไดม้ ีการจัดงานเทศกาลรม่ บ่อสรา้ งเปน็ ปีแรก ปรากฎวา่ งานนไี้ ดร้ บัความช่ืนชมจากผู้ไปเทย่ี วงานมาก เนือ่ งจากเปน็ ลักษณะการจัดงานที่แตกต่างจากงานเทศกาลอื่นๆ โดยลกั ษณะงานเป็นแบบ “Street Fair” กล่าวคือ ใช้พ้ืนท่ีของหม่บู ้านบ่อสร้าง ซ่งึ ขนานกนั ตลอดแนวถนน ตั้งแต่บรเิ วณปากทางเขา้ หม่บู ้านจนถงึ ท้ายหมู่บ้านระยะทางประมาณ 1 กโิ ลเมตร เปน็ สถานท่ีจัดงาน โดยตกแต่งบา้ น และร้านคา้ ต่างๆ เป็นแบบลา้ นนาไทย ใชร้ ่มสญั ลักษณข์ องหมู่บา้ นเปน็ สว่ นประกอบสาคญั ในการตกแต่งพรอ้ มท้ังประดบั ประทีปโคมไฟแบบพื้นเมือง มกี จิ กรรมประกวดการแขง่ ขัน นทิ รรศการ การแสดงทางวฒั นธรรม การแสดงพื้นบา้ น มหรสพนานาชนดิ ตลอดท้ังวนั ทงั้ คนื บทที่3 อปุ กรณแ์ ละวธิ กี ำรทำกำรทดลองอุปกรณ์
1.คอมพิวเตอร์2.ห้องสมุด3.กระดาษ4.เครือ่ งปริน้วิธกี ำรดำเนินงำน1.ศกึ ษาข้อมูลความสาคัญและสิ่งท่ีหน้าสนใจจากแหล่งตา่ ง ๆ2.เลือกหัวขอ้ ทีจ่ ะศกึ ษา ในที่นีเ้ ลือก การทารม่ บ่อสรา้ ง3.ดาเนนิ การหาข้อมูลจากแหลง่ ตา่ ง ๆ4.รวมรวบความคิดรวบยอด5.สรุปส่ิงท่ไี ด้จากการศึกษา นาเสนอคณุ ครู บทที่4 ผลการดาเนินงาน
บทที่ 5สรปุ ผลการดาเนนิ งาน
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: