Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผีเสื้อ11116

ผีเสื้อ11116

Published by sutathipjang2831, 2017-07-18 05:44:31

Description: ผีเสื้อ11116

Search

Read the Text Version

ววิ ฒั นาการของผเี ส้ือ[ชื่อรองของเอกสาร]

1ววิ ฒั นาการของผเี สื้อ ผเี ส้ือ เป็น แมลง ทุกชนิดใน อนั ดบั เลพิดอปเทรา (Lepidoptera) มีวงชีวติ เริ่มแรกต้งั แต่ระยะไข่ ระยะหนอน ระยะดกั แด้ ตราบจนระยะการเปล่ียนสัณฐานเขา้ สู่ระยะการโตเตม็ วยั ท่ีมีปี กหลากสีตอ้ งตาผคู้ น ในทางกีฏวทิ ยาการจดั จาแนกแมลงกลุ่มน้ีจะใชเ้ ส้นปี กในการจดั จาแนก ผเี ส้ือ คือ สตั วป์ ี กอีกชนิดหน่ึงที่มีสีสรรสวยงามเเตม่ ีอายไุ ม่ยนื ยาว ข้ึนอยกู่ บั สายพนั ธุ์ ป่ าไมท้ ่ีอุดมสมบรู ณ์จะมีผเี ส้ืออยมู่ ากดงั น้นั ผเี ส้ือก็ เป็ นเครื่องบ่งช้ีความอุดมสมบรู ณ์ของป่ าไมด้ งั น้นัเราควรรักษาผีเส้ือ ใหอ้ ยคู่ ูก่ บั ป่ าตลอดไป ลกั ษณะของผเี ส้ือ ผเี ส้ือก็เหมือนกบั เเมลงทว่ั ไป คือเป็นสตั วท์ ่ีไมม่ ีกระดูกสันหลงั มีขาเป็นปลอ้ งจานวน 6 ขา มีกระดูกสนั หลงั อยนู่ อกลาตวั ห่อ หุม้ อวยั วะตา่ งๆไว้ ร่างกายประกอบดว้ ย 3 ส่วนดว้ ยกนั คือ หวั อกเเละทอ้ ง ซ่ึงเเตล่ ะส่วนเป็ นท่ีต้งั ของอวยั วะสาคญั ในบรรดาสัตวต์ ่าง ๆ ที่อยบู่ นโลกน้ี สตั วจ์ าพวกแมลงมีจานวนชนิดมากถึง 3 ใน 4 ของสตั ว์ท้งั หมด ดว้ ยววิ ฒั นาการอนั ยาวนาน แมลงจึงมีลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั อยา่ งหลากหลายมาก ซ่ึงจากการศึกษา ซากดึกดาบรรพข์ อง ผเี ส้ือท่ีคน้ พบในปัจจุบนั พบวา่ แมลง ในกลุ่มของผเี ส้ือ มีแผน่ ปี กบาง ๆ ซ่ึงชารุด เสียหายไดง้ ่ายหลงั จากท่ีมนั ตายไปแลว้ จึงเป็นการยากท่ีจะบอกเรื่องราว ในอดีตไดม้ ากนกั เราตอ้ งอาศยั จินตนาการและการคาดเดาในบางส่วน ผเี ส้ือไดช้ ่ือวา่ เป็นแมลงแสนสวย ธรรมชาติสร้างสรรคส์ รีระของผเี ส้ือออกมาไดอ้ ยา่ งลงตวัผเี ส้ือจึงคูค่ วรกบั ดอกไมซ้ ่ึงเป็นพชื ท่ีมีอายขุ ยั ส้นั เช่นกนั แตท่ ้งั ดอกไมแ้ ละผเี ส้ือ คือสิ่งมีชีวติ ท่ีมีอายขุ ยั ส้นั เหมือนกนั ก่อนจะมาเป็นผเี ส้ือ แมลงชนิดน้ีไม่ถูกเรียกวา่ “ลูกผเี ส้ือ” แตเ่ ร่ิมตน้ จากคาวา่ไข่ หนอน และดกั แด้ และตวั เตม็ วยั หรือ ผเี ส้ือการท่ีเราจะศึกษาถึงความเป็นมาของผเี ส้ือ เราตอ้ งอาศยั การศึกษาใน Lepidoteran species ซ่ึงในการศึกษาววิ ฒั นาการของสตั วน์ ้นั โดยปกติแลว้ เราจะอาศยั ซากฟอสซิล เป็นหลกั แตใ่ นการศึกษาววิ ฒั นาการของผเี ส้ือ น้นั ไม่สามารถทาได้ นกั วทิ ยาศาสตร์ได้สันนิษฐาน การมาจากแมลงปอและ แมลงเต่าทอง และเป็นจานวนมากในช่วงก่อนยคุ เพอร์เมียน (PERMIAN) หรือประมาณ 280 ลา้ นปีก่อน และไดก้ ลายมาเป็นผเี ส้ือ (อยา่ งในสมยั ปัจจุบนั ) ในยคุ เพอร์เมียน เอกสารประกอบการเรียนชีววทิ ยา ม.6

2 แต่ก่อนที่จะพฒั นามาเป็นผเี ส้ือไดก้ ต็ อ้ งใชเ้ วลา หลงั จากน้นั อีกหลายลา้ นปี เพราะซากดึกดาบรรพข์ องผีเส้ือกลางคืนที่สุดที่คน้ พบ มีอายรุ าว 100 -140 ลา้ นปี ก่อน ส่วนซากดึกดาบรรพข์ องผเี ส้ือกลางวนั มีอายแุ ค่ 40 ลา้ นปี เท่าน้นั นกั วทิ ยาศาสตร์บางกลุ่ม สันนิษฐานวา่ ผเี ส้ือน่าจะมีกาเนิดมาพร้อม ๆ กบั การเริ่มตน้ ของ พืชดอกไม้ นนั่ ก็คือ มหายคุ เมโสโซอิค (ประมาณ 70 - 225 ลา้ นปีก่อน) โดยเช่ือวา่ ผเี ส้ือน้นั ไดว้ วิ ฒั นาการมาจากแมลง ในยคุ คาร์โบนิเฟอรัส ไม่วา่ ผเี ส้ือถือกาเนิดจากยดุ ใดกต็ าม แตม่ นั ก็ไดว้ วิ ฒั าการปรับเลี่ยนตวั เองมาไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง เป็นร้อย ๆ พนั ๆ ปี จนกลายมาเป็นผเี ส้ือท่ีมีสีสันสวยงาม ผคู้ นต่างก็ยอมรับวา่ เป็ นแมลงท่ีสวยท่ีสุดโครงสร้างของผเี สื้อผเี ส้ือประกอบไปดว้ ยรูปร่างท่ีมีโครงกระดูกภายนอก เช่นเดียวกบั แมลงทวั่ ไปเป็นเปลือกนอกเเขง็เป็นสารจาพวกไคติน (chitin) ห่อหุม้ ร่างกายภายในเปลือกแขง็ เป็นท่ียดึ ของกลา้ มเน้ือใชใ้ นการเคลื่อนที่ พ่ือใหเ้ คล่ือนไหวไดส้ ะดวก วงแหวนท่ีเช่ือมต่อกนั เป็นลาตวั ผเี ส้ือมีท้งั หมด 14 วง แบง่ออกเป็ นส่วนหวั 1 วง ส่วนอก 3 วง และส่วนทอ้ ง 10 วงผเี ส้ือน้นั มีโครงสร้างที่แบ่งเป็น 3 ส่วนดว้ ยกนั คือ ส่วนหัว ( Head ) ส่วนลาตัว (Thorax) ส่วนท้อง ( abdomen)ส่วนหัว (Head)ส่วนหวั ประกอบดว้ ยตาเลก็ รูปหกเหล่ียม ๆ มากมายมารวมกนั เพ่ือใชเ้ ป็นตวั รับแสง ตาของผเี ส้ือน้นั ไมส่ ามารถมองเห็นภาพไดช้ ดั เจน มองเห็นไดเ้ พยี งสีขาว ดา แต่สามารถมองเห็นความเคล่ือนไหวไดเ้ ป็นอยา่ งดี บนส่วนหวั ก็จะมี Antennae ซ่ึงมีลกั ษณะเหมือนหนวด 2 เส้น มีหนา้ ที่ในการรับกล่ิน และการสัมผสั และ Antennae ยงั เป็นตวั ท่ีสร้างความสมดุลในการบิน เมื่อปี กบางส่วนฉีกขาด เอกสารประกอบการเรียนชีววทิ ยา ม.6

3ปาก (Mouth) ของผเี ส้ือจะมีลกั ษณะ เป็นหลอดดูด (proboscis) เพื่อใชดูดอาหารท่ีเป็ นของเหลวโดยปกติแลว้ proboscis จะมว้ นเกบ็ อยใู่ ตส้ ่วนหวั และจะขยายเม่ือกินอาหารส่วนลาตัว (Thorax)ส่วนของลาตวั จะประกอบดว้ ยขา 3 คูู่ บนขาจะมีขนปกคลุมซ่ึงขนน้ีจะใชส้ าหรับรับกล่ิน จะมีความสาคญั อยา่ งยง่ิ เมื่อ ผเี ส้ือตวั เมียวางไข่ ขาของผเี ส้ือมีลกั ษณะเป็นขอ้ ๆ ซ่ึงแต่ละขาแบ่งออกเป็น5 ขอ้ ส่วนท่ี ติดกบั ลาตวั เป็นโคนขา (coxa) ขอ้ ตอ่ โคนขา (trochanter) ตน้ ขา(femur) ปลายขา(tibia) และขอ้ เทา้ (tarsus) มีเลบ็ เป็นจานวนคู่ที่ปลายขา 1 หรือ 2 คู่ แลว้ แต่ชนิดของผเี ส้ือ ผเี ส้ือหลายชนิด มีขาคูห่ นา้ เส่ือมไปมาก หดแนบอยู่ กบั ลาตวั สงั เกตเห็นยาก ไม่มีส่วนของขอ้ เทา้เป็นกระจุกขน เป็นพู่ บางชนิด จะพบเฉพาะในเพศผเู้ ทา่ น้นั ปี กคูห่ นา้ ติดอยกู่ บั ส่วนอกปลอ้ งท่ี 2 ปี กคูห่ ลงั ติดอยกู่ บั อกปลอ้ งท่ี 3พนื้ ผวิ ของปี ก (The membranous wing) จะปกคลุมไปดว้ ย เกลด็ เล็ก ๆ คลา้ ยเกล็ดปลา สีท่ีเกิดข้ึนบนปี กเกิดจากเมด็ สีภาย ในเกลด็ ซ่ึงทาใหผ้ เี ส้ือมีสีสันสวยงาม แตเ่ กลด็ บางชนิดกไ็ ม่มีเมด็ สีระบบเลอื ด ( Venation) ของผเี ส้ือน้นั เราไม่สามารถเห็นไดเ้ พราะถูกปกคลุมไปดว้ ยเกลด็ แต่หากเราตอ้ งการเห็นระบบของมนั เลือดก็เพียงหยด แอลกอฮอล์ (alcohol ) ลงบนปี กแลว้ รอสกั ครู่ ระบบเลือดน้นั จะเป็นตวั ท่ีมีความสาคญั ในการใชแ้ ยกประเภทของผเี ส้ือ เม่ือเราไมส่ ามารถแยกประเภทของผเี ส้ือไดด้ ว้ ยตาปล่าว เอกสารประกอบการเรียนชีววทิ ยา ม.6

4ส่วนท้อง ( Abdomen)ส่วนทอ้ งจะมีลกั ษณะเป็นปลอ้ งๆ ประกอบท้งั หมด 10 ปลอ้ ง แตม่ ีเพยี ง 8 ปลอ้ ง เท่าน้นั ท่ีสามารถเห็นได้ อีก 2 ปลอ้ งจะเป็นอวยั วะ ท่ีทางานเก่ียวขอ้ งกบั อวยั วะภายใน ส่วนทอ้ งเป็นส่วนท่ีมีขนาดใหญ่กวา่ ส่วนอ่ืน ๆ เป็นที่ สะสมอาหารและไข่ (สาหรับตวั เมีย) ปลอ้ งทา้ ยสุด ของส่วนทอ้ งเป็นที่อยู ของ อวยั วะเพศและรูทวารสาหรับขบั ถ่าย แต่ละชนิดจะมีลกั ษณะอวยั วะเพศ แตกตา่ งกนัออกไปและ ไมส่ ามารถ ผสมพนั ธุ์ขา้ มชนิดกนั ได้ ลกั ษณะเพศของ ผเี ส้ือมีความสาคญั ในการจาแนกผเี ส้ือกลุ่มที่มี ลกั ษณะภายนอก ใกลเ้ คียงกนั มาก ที่ยากแก่การจาแนก หากดูดว้ ยสายตาปกติส่วนทอ้ งและบางส่วนของลาตวั (Throax) จะทาหนา้ ที่แทน จมกู ซ่ึงจะมีช่องเพื่อใชใ้ นการหายใจ(spiracles) จะมีจานวน 1 คู่ในหน่ึงปลอ้ ง และช่องน้ี สามารถปิ ดเปิ ดได้ ขาคู่แรกของผเี ส้ือบางชนิดใน สกลุ Nymphalidae จะมีลกั ษณะท่ีส้ันมาก ๆ หรืออาจไม่มีเลย และถึงแมว้ า่ ผเี ส้ือจะไม่มีส่วนท่ีใชใ้ นการฟัง แต่กส็ ามารถใชป้ ี กเป็นตวั รับเสียงได้วฎั จักรชีวติ ของผเี สื้อวฎั จกั รชีวิตของผเี ส้ือน้นั แบง่ ออกเป็ น 3 ระยะดว้ ยกนั คือ ระยะไข่ (Egg) ระยะตัวหนอน (Larva, Caterpillar) ระยะดักแด้ (Pupa, Chrysalis) ระยะโตเต็มวยั (Adult)ระยะไข่ (Egg) การผสมพนั ธ์ การหาคู่ของผเี ส้ือเพศผมู้ ีหลายวธิ ีดว้ ยกนั บางชนิดรอใหต้ วั เมีย บินเขา้ มาในพ้ืนที่ของตวั เอง บางชนิดกาหนดอาณาเขตของตวั เอง แลว้ บินวนหาตวั เมีย ภายในพ้ืนที่น้นั ผเี ส้ือที่กาหนดอาณาเขตของตวั เองไวจ้ ะไม่ยอมใหผ้ เี ส้ือตวั อื่นเขา้ มาใกล้ บางคร้ังเมื่อมีผบู้ ุกรุก ผเี สื่อเจา้ ถิ่นจะออกไปขบั ไล่ ถา้ ผบู้ ุกรุกไม่ออกไปก็ตอ้ งต่อสู้กนั จนกวา่ จะแพก้ นั ไปขา้ งหน่ึงเช่น ผเี ส้ือในวงศข์ าหนา้ พู่ จะหวงถิ่นมาก มนั จะไล่ไม่เวน้ แมแ้ ต่แมลงปอ หรือนกที่บินเขา้ มา แมว้ า่ ผลสุดทา้ ย มนัอาจจะตกเป็ นอาหารของนกก็ตาม หลงั จากตวั ผพู้ บตวั เมียก็จะเร่ิมเก้ียว ดว้ ยการบินเขา้ ไปหา และกระพือปี ก ปล่อยกลิ่น สญั ญาณเพศ (pheromones) ใหก้ ระจายออกไป เพ่อื บอกใหต้ วั เมียรู้วา่ เป็นผเี ส้ือ ชนิด เดียวกนั จากน้นั มนั จะพยายาม ใหต้ วั เมียลงเกาะ เพื่อตวั เองจะไดล้ งเกาะ บนหลงั และทาการ ผสมพนั ธ์ กลิ่นสญั ญาณ เอกสารประกอบการเรียนชีววทิ ยา ม.6

5เป็นสิ่งสาคญั ท่ีจะทาใหต้ วั เมีย ยอมรับ การผสมพนั ธุ์ถา้ ตวั เมียไม่พอใจ ก็จะบินหนีไป ผเี ส้ือบางชนิดมีต่อมสญั ญาณกล่ิน ท่ีปี กคูห่ ลงั เช่น ผเี ส้ือในสกุล ผเี ส้ือหนอนใบรัก บางชนิด ก็อยทู่ ่ีปลายส่วนทอ้ ง เช่น ผเี ส้ือในสกลุ ผเี ส้ือจรกา ต่อมกล่ินเพศในผเี ส้ือหนอนใบรัก เพศผู้ การวางไข่หลงั จากผเี ส้ือตวั เมียไดร้ ับการผสมพนั ธ์เรียบร้อยแลว้ มนั จะรอจนไขท่ ่ีผสมแลว้ แก่พอท่ีจะไข่ได้ มนั จะบินหาพืชอาหาร ของตวั หนอน เพื่อวางไข่ โดยมนั จะใชป้ ลายส่วนทอ้ งแตะที่ใบพืช และรู้ดว้ ยสญั ชาติญาณพิเศษทนั ทีวา่ ใช่พืชที่เป็นอาหารของหนอนหรือไม่ ถา้ ไม่ใช่มนั จะบินหาต่อไป แต่ถา้ ใช่มนั จะยดื ส่วนหางเล็กนอ้ ยแลว้ ค่อย ๆ วางไข่ ขณะที่วางไข่ผเี ส้ือจะขบั สารเหนียวๆ ออกมาดว้ ย เพื่อใหไ้ ข่ยดึ ติดกบั ใบไม้ ลกั ษณะไขข่ องผเี ส้ือมีหลายลกั ษณะแตกต่างกนั ตามวงศ์ ซ่ึงมีท้งั กลม เรียว แบน ส่ีเหล่ียม ท้งั ผวิ เรียบและลวดลาย มีสีต่าง ๆ กนั ไปตามแต่ละชนิด ผเี ส้ือตวั เมียจะวางไข่เป็นฟอง เดี่ยว หรืออาจเป็ นกลุ่ม 2-3 ฟอง ใตใ้ บ จานวนไขท่ ่ีวางต่อคร้ัง คือ 30 - 50 ฟอง ส่วนมากตวั อ่อนหนอน เกาะและกินใบไมช้ นิดน้ี ใน เมืองไทยจดั อยใู่ นสกุล Aristolochia pothieri ระยะเวลาที่ฟักตวั เป็นหนอนใชร้ ะยะเวลาประมาณ 7 วนัระยะตัวหนอน (Larva, Caterpillar) เม่ือไขฟ่ ักตวั ไดค้ รบกาหนด ตวั หนอนก็จะ กดั กิน เปลือกไข่ เพ่ือออกมาจากไข่ ในระยะน้ี ส่วนลาตวั จะประกอบไปดว้ ยขา 3 คู่ และในส่วนของทอ้ ง (abdomen) จะมีขา 5 คู่ ตวั หนอนจะสร้างตอ่ มสร้างใยในช่วงเดือนแรก ที่ฟักเป็ นตวั จะมีการเพ่มิ ขนาดของลาตวั เร่ือย ๆ โดยการลอกคราบเพื่อเปล่ียนขนาดซ่ึงโดยทว่ั ไปหนอนจะลอกคราบ 4-5 คร้ัง ผเี ส้ือกลางวนั เมื่อลอกคราบ คร้ังสุดทา้ ยผนงั ช้นั ในเม่ือสมั ผสั กบั อากาศภายนอกจะแขง็ ตวั กลายเป็นเปลือกแขง็ หุม้ ลาตวั ไวเ้ ป็นดกั แด้ และรูปร่างจะเปลี่ยนไปจาก เดิมโดยสิ้นเชิง ระยะเวลาของการเป็ นตวั หนอนใชเ้ วลาประมาณ 15 - 20 วนั เอกสารประกอบการเรียนชีววทิ ยา ม.6

6ระยะดักแด้ (Pupa, Chrysalis) ระยะเวลาตอนปลายของการเป็นตวั นอน หนอนผเี ส้ือเมื่อมีขนาดโตเตม็ ที่ จะเขา้ สู่ระยะดกั แด้หนอน เม่ือเจริญเติบโต เตม็ ท่ี จะหยดุ กินอาหาร และถ่ายของเสียออกจากร่างกายจนหมด แลว้ คลานหาท่ีเหมาะสมที่มนั คิดวา่ ปลอดภยั จากศุตรูแลว้ ชกั ใยให้ ตวั เองยดึ ติดกบั กิ่งไม้ หนอนท่ีแก่เตม็ ที่ ก็จะเริ่มหาก่ิงไมเ้ ล็ก ๆ เกาะ โดยผกู ตวั ของมนั เอง ไว้ กบั ก่ิงไมโ้ ดยใชใ้ ย และเร่ิมลอกคราบเพื่อกลายเป็น ดกั แดซ้ ่ึงดกั แดข้ อง หนอนผเี ส้ือแต่ละชนิด จะมีลกั ษณะแตกต่างกนั ไปตามสายพนั ธุ์ หนอน บางชนิดจะชกั ใย หุม้ ตวั เองไวภ้ ายในก่อน เช่น หนอนผเี ส้ือกลางคืนบาง ชนิด จาพวกผเี ส้ือหนอนไหม ผเี ส้ือหนอนกระทอ้ น ระยะน้ีจะเห็นวา่ ตวั หนอนมีขนาดเล็กลง จากเดิมหนอนจะเกาะ อยนู่ ิ่ง ๆ ไม่ขยบั เขย้อื น เรียก ระยะน้ีวา่ ระยะก่อนดกั แด้ หลงั จากน้นั อี 2-3 วนั หนอนจะลอกคราบ ออกเป็ นดกั แดต้ ่อไป ดกั แดใ้ นระยะแรกจะมีสีสวา่ งใส แต่เมื่อระยะเวลาผา่ นไป ดกั แดก้ ็ เปล่ียนแปลงตวั มนั เองไปเรื่อย ๆ เพ่ือกลายเป็นผเี ส้ือ ในระยะหลงั ๆ ของ การเป็นดกั แด้ สีของดกั แดก้ ็จะเปล่ียนเป็นสีท่ีเขม้ ข้ึน ระยะเวลาของการเป็ นดกั แดป้ ระมาณ 20 วนัระยะโตเต็มวยั (Adult) ตวั ที่โตเตม็ วนั แลว้ จะออกจากการเป็นดกั แดใ้ นตอนเชา้ ตรู่ ส่วนที่ออกจากดกั แด่เป็นส่วนแรกคือส่วนหวั และส่วนอ่ืน ๆ ตามมา หลงั ออกจากดกั แดใ้ หม่ ๆ จะมีลาตวั อว้ นและปี กจะยบั ยยู่ ้เี หมือนกระดาษถูกขยาผเี ส้ือจะหายใจเอาอากาศเขา้ ไปในตวั ใหม้ ากท่ีสุดท้งั ทางรูหายใจและทางปาก แรงดนั ของอากาศและการหดตวัของกลา้ มเน้ือจะช่วย ขบั ของเหลว ในร่างกายเขา้ ไปในเส้นปี กเพ่อื ใหป้ ี กกางออกเตม็ ที่ ช่วงน้ีจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที แลว้ หลงั จากน้นั อีกประมาณ 1-2 ชวั่ โมง เพื่อรอใหป้ ี กแขง็ แรงและแหง้ สนิทจึงจะออกบินไปหากินต่อไป ระหวา่ งท่ีรอใหป้ ี กแหง้ ผเี ส้ือจะขบั ของเสียที่อยใู่ นร่างกายออกมาจนหมด ของเสียน้ีเรียกวา่ มีโคเนียม (Meconium) ทาใหส้ ่วนทอ้ งมีขนาดเล็กลงเพื่อลดน้าหนดั ตวั ให้เบาข้ึนเพ่ือท่ีจะบินไปหากินไดง้ ่าย วอ่ งไวรวดเร็ว เป็นประโยชน์ในการบิบหลบหนีอนั ตราย จากศตั รูในธรรมชาติดว้ ย เอกสารประกอบการเรียนชีววทิ ยา ม.6

7 ระยะเวลาของระยะโตเตม็ วยั น้นั ประมาณ 20 วนั การมีอายสุ ้นั -ยาวของผเี ส้ือน้นั ข้ึนอยกู่ บั ปัจจยัหลายดา้ นดว้ ยกนั เช่น สภาพอากาศ อุณหภมู ิ อาหาร สภาพแวดลอ้ มท่ีอยอู่ าศยั ที่อุณหภูมิเหมาะสมและมีอาหารอุดมสมบรู ณ์ ผเี ส้ือหก็จะมีอายอุ ยดู่ ห้ ลายวนั บางทีอาจเกิน 20 วนั แต่หาที่อยอู่ าศยั มีอุณหภูมิ ท่ีร้อนหรือเยน็ จดั จนเกินไป อาหารขาดแคน ผเี ส้ือจะมีอายสุ ้นั ลง อาจอยไู่ ดไ้ ม่ถึง10วนั ก็ตาย นอกจากน้ียงั มีศตั รูธรรมชาติอีกมากมาย ท่ีควบคุมทาใหผ้ เี ส้ือมีปริมาณสมดุลกบั แหล่งอาหารการออกหาอาหารในวนั ท่ีอากาศสดใสมีแสงส่องลงมาถึงพ้ืนช่วงเชา้ ๆ ผเี ส้ือจะเกาะน่ิงเพ่ือผ่งึ ปี ก รับแสงแดดอบอุน่ร่างกาย เม่ือแขง็ แรงดีแลว้ ก็บินออกหากิน ในช่วงเวลาประมาณแปดโมงเชา้ ถึง สิบโมงเชา้วนั ท่ีอากาศร้อนจดั ในตอนกลางวนั ผเี ส้ือจะเกาะหลบตามร่มไม้ และออกหากินอีกคร้ัง ในช่วง บ่ายสามโมงถึง หา้ โมงเยน็ ถา้ ฝนตกผเี ส้ือ จะเกาะ หลบฝนใตใ้ บไม้ และออกหากินใหม่หลงั ฝนหยดุสาหรับวนั ท่ีทอ้ งฟ้ ามืดมวั ไมม่ ีแสงแดดอากาศมีความช้ืนสูง ผเี ส้ือมกั ไมอ่ อกหากิน ผเี ส้ือบางชนิดมกั ออกหากินในเวลาเชา้ ตรู่ หรือเวลาหวั ค่า ส่วนเวลากลางวนั แดดจดั จะหลบพกั ตามตน้ ไม้ เช่นผเี ส้ือในสกลุ ผเี ส้ือสายณั ห์ชนิด และการแยกประเภทของผเี สื้อผเี สื้อกลางวนั ผเี สื้อกลางคืน Butterfly : Moth เอกสารประกอบการเรียนชีววทิ ยา ม.6

8 ผเี ส้ือแบง่ ออกเป็ น 2 กลุ่ม ใหญ่ ๆ คือ ผีเส้ือกลางวนั และผเี ส้ือกลางคืน หากดูเพยี งผวิ เผนิจะเห็นวา่ ท้งั ผเี ส้ือกลางวนั และผเี ส้ือกลางคืน ไม่มีอะไรแตกตา่ งกนั เลย แต่ในทางอนุกรมวธิ านผเี ส้ือกลางวนั กบั ผเี ส้ือกลางคืนอยใู่ นอนั ดบั ยอ่ ย(suborder) ตา่ งกนั คือ อนั ดบั ยอ่ ย ผเี ส้ือกลางวนั(butterfly) และอนั ดบั ยอ่ ยผเี ส้ือกลางคืน(moth) หรือท่ีเราเรียกวา่ แมลงมอธ ในจานวนผีเส้ือนบั แสนชนิดในโลกน้ี พบวา่ ส่วนใหญเ่ ป็นผเี ส้ือกลางคืน มีผเี ส้ือกลางวนั ประมาณ 10 % ของผเี ส้ือท้งั หมดแตด่ ว้ ยสีสรรอนั สวยงาม และสดุดตา และโอกาสท่ีพบเห็นไดง้ ่าย ในเวลากลางวนั ผเี ส้ือกลางวนั จึงเป็นที่รู้จกั มากกวา่ ในการท่ีจะช้ีชดั ลงไปวา่ เป็นผเี ส้ือกลางวนั หรือผเี ส้ือกลางคืนน้นั จะตอ้ งใช้หลกั เกณฑห์ ลาย ๆอยา่ งประกอบการพิจารณา หากจะให้ละเอียดลงไป ตอ้ งอาศยั ลกั ษณะทางกายวภิ าค และพฤติกรรมอ่ืน ๆ มาประกอบดว้ ย ผเี ส้ือกลางวนั และผเี ส้ือกลางคืนมีความแตกตา่ งกนัหลายประการ ลกั ษณะสาคญั ท่ีพอจะสงั เกตไดง้ ่าย ๆ คือ1. หนวดผเี ส้ือกลางวนั จะมีปลายหนวดพองโตออกคลา้ ยกระบอง บางพวกมีปลายหนวดโคง้ งอเป็นตะขอเวลาเกาะจะชู หนวดข้ึนเป็ นรูปตวั วี (V) ส่วนผเี ส้ือกลางคืนมีหนวดรูปร่างต่างกนั หลายแบบ เช่นรูปเรียวคลา้ ยเส้นดา้ ย รูปฟันหวี หรือแบบพขู่ นนก เวลาเกาะพกั จะวางแนบไปกบั ขอบปี กคูห่ นา้ แต่บางชนิดก็มีลษั ณะคลา้ ยผเี ส้ือกลางวนั2 ลาตวัผเี ส้ือกลางวนั มีลาตวั ค่อนขา้ งยาวเรียวเม่ือเปรียบเทียบกบั ความกวา้ งของปี กไม่มีขนปกคลุม หรือมีเพียงบาง ๆ เห็นไมช่ ดั เจน ในขณะท่ีผเี ส้ือกลางคืน มีลาตวั อว้ นส้นั มีขนปกคลุมมากและเป็นเส้นยาวเห็นไดช้ ดั เจน3. การออกหากนิผเี ส้ือกลางวนั ส่วนใหญจ่ ะออกหากินในเวลากลางวนั แต่มีบางชนิดออกหากินในเวลาเชา้ มืดและเวลาใกลค้ ่า ในขณะท่ีผเี ส้ือกลางคืน ออกหากินในเวลากลางคืน ดงั ท่ีเราพบเห็นบินมาเล่นแสงไฟตามบา้ นเรื่อนแตก่ ็มีบางชนิดที่ออกหากินกลางวนั เช่น ผเี ส้ือทองเฉียงพร้า ซ่ึงจะมีสีสันฉูดฉาดสวยงาม ไม่แพผ้ เี ส้ือกลางวนั เอกสารประกอบการเรียนชีววทิ ยา ม.6

94. การเกาะพกัผเี ส้ือกลางวนั ขณะเกาะพกั มกั จะหุบปี กข้ึนต้งั ตรง ยกเวน้ กรณีที่ปี กเปี ยกฝนอาจกางปี กออกผ่งึ แดดแต่ก็มีผเี ส้ือบางชนิด ที่กางปี กตลอดเวลา เช่น ผเี ส้ือในสกุลผเี ส้ือกะลาสี ส่วนผเี ส้ือกลางคืน จะกางปี กออกแนบกบั พ้ืนที่เกาะ ขอบปี กดา้ นหนา้ จะอยขู่ า้ งลาตวั ต่ากวา่ ระดบั ของหลงั เป็นรูปสามเหล่ียมหนา้ จว่ั หรือคลา้ ยกระโจม และคลุมปี กคู่หลงั จนมิด ผเี ส้ือกลางวนั เวลาเกาะ ต้งั ปี กข้ึน5. ปี กโดยทวั่ ไปผเี ส้ือกลางวนั จะมีปี กกวา้ งเมื่อเทียบกบั ขนาดของลาตวั ยกเวน้ ผีเส้ือในวงศผ์ เี ส้ือกลางคืนจะมีขนาดเลก็ ใกลเ้ คียงกบั ลาตวั แต่ก็มีบางชนิดที่ปี กมีขนาดใหญม่ าก ๆ เช่นผเี ส้ือหนอนกะทอ้ น6. การเช่ือมตดิ ของปี กเพอ่ื ใหป้ ี กกระพือไปพร้อมกนั เวลาบินของผเี ส้ือกลางวนั ปี กคู่หลงั จะขยายกวา้ งยน่ื เขา้ ไปซอ้ นทบัและแนบสนิทอยใู่ ตป้ ี กคู่หนา้ แต่ในผเี ส้ือกลางคืนจะมีขนแขง็ จากปี กคู่หลงั ซ่ึงอาจจะมี 1 หรือ 2เส้น สอดเขา้ ไปเก่ียวกบั ตะขอเล็ก ๆ ท่ีโคนปี กดา้ นใตข้ องปี กคู่หนา้Butterfly : Mothลกั ษณะที่กล่าวมาท้งั หมดน้ี เป็นเพยี งลกั ษณะกวา้ งๆ ท่ีคนทวั่ ไปพอจะแยกไดเ้ ท่าน้นั ยงั ไมอ่ าจช้ีชดัลงไปโดยเด็ดขาดวา่ เป็ นผเี ส้ือกลางวนั หรือผเี ส้ือกลางคืน ยงั มีรายละอเยดปลีกยอ้ ยอีกมากตอ้ งอาศยัความชานาญการสงั เกตร่วมดว้ ย ผเี ส้ือเป็นแมลงที่มีความแตกตา่ งกนั ในเร่ืองขนาดมากท่ีสุด บางชนิดเลก็ มาก เม่ือกางปี กเตม็ ที่กวา้ งเพียง 0.25 นิ้ว บางชนิดกใ็ หญ่มากเมื่อกางปี กเตม็ ที่กวา้ งถึง 12 นิ้ว โลกของเราใบน้ีมีผเี ส้ืออยู่มากกวา่ 140,000 ชนิด สาหรับประเทศไทยน้นั มีผเี ส้ือกลางวนั (Butterfly) อยทู่ ้งั หมด 5 วงศ์ มีจานวนไม่นอ้ ยกวา่ 1,300 ชนิด และผเี ส้ือกลางคืน (Moth) มีมากกวา่ 10,000 ชนิดข้ึนไปพฤติกรรมแปลก ๆ ของผเี สื้อ ผเี สื้อเมา (Drunk butterfly )คุณทราบไหมวา่ ผเี ส้ือเมาได้ เมื่อมนั กินผลไม้ หรือน้าหวานท่ีมี แอลกอฮอล์ ผสมอยู่ มนั ก็จะเกิดอาการบินแปลก ๆ หรือเราเรียกไดว้ า่ มนั เมา เอกสารประกอบการเรียนชีววทิ ยา ม.6

10 หวงถ่นิคุณทราบไหมวา่ ผเี ส้ือบางชนิดหวงถิ่นมาก มนั จะขบั ไลแมลงตวั อ่ืน ๆ หรือแมก้ ระท้งั นก กต็ ามและดูเหมือนวา่ มนั จะประสบความสาเร็จเสียดว้ ย มันกนิ อาหารทไ่ี ม่น่ากนิ ได้คุณทราบไหมวา่ ผีเส้ือกลางคืนบางชนิด กินของแหลวในตา กวาง ววั หรือแมก้ ระท้งั ชา้ ง และผเี ส้ือกลางคืนของเอเซียบางชนิดสามารถเจาะผวิ หนงั ของสตั ว์ เพอ่ื ดืมเลือดของสตั ว์ มันจาทางกลบั บ้านของมันได้เสมอในการออกไปหาอาหารในแหล่งใหม่ หนอนผเี ส้ือ Tent (Malacosoma americanum) มนั จะทาเคร่ืองหมายเพอื่ ที่มนั จะกลบั รังมนั ไดถ้ ูก ผสี ื้อบางชนิดอาศัยอย่ใต้นา้หนอนผเี ส้ือ Shout moths (Pyralisisae) อาศยั อยบู่ นพชื น้า มนั พฒั นาระบบบการหายใจ เป็น 2 ทางมนั จะมว้ นใบไมแ้ ละเขา้ ไปอยใู่ นน้นั โดยมีช่องใหอ้ ากาศเขา้ อีกทางหน่ึงท่ีมนั สร้างข้ีนเพ่อื ที่จะทาใหม้ นั หายใจไดก้ ็คือ การพฒั นาเหงือกชนิดหน่ึงข้ึนมาเพื่อใชใ้ นการหายใจ ผเี ส้ือโตเตม็ วยั ชนิด(Aquatic moth (Acentropus niveus) มีการฟักไขใ่ ตน้ ้า ไข่ของมนั จะถูกปกคลุมดว้ ยไขมนั เพ่ือไม่ให้สมั ผสั กบั น้าทม่ี าhttp://ms.src.ku.ac.th/travel/Butterfly/Butterfly1.htmlhttp://butterflytukta.wordpress.com


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook