Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บุคคลสำคัญ

บุคคลสำคัญ

Published by Chompunuch Ploy, 2021-03-01 14:19:55

Description: บุคคลสำคัญ

Search

Read the Text Version

บคุ คลสาํ คญั เลม่ ๒ เสนอ คุณครวู ุฒิชยั เชื่อมประไพ โรงเรียนมธั ยมวดั หนองแขม สงั กดั สํานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาเขต ๑

บคุ คลสาํ คญั จดั ทาํ โดย นายภูริภทั ร อุนาสิทธ์ิ เลขท่ี ๖ นายปณิธาน เอกเสาร์ เลขท่ี ๑๒ นางสาวกนกพลอย สมใจ เลขท่ี ๑๓ นางสาว เกศริน ทศั นา เลขท่ี ๑๔ นางสาวเบญญาภา สิงหโ์ ครต เลขท่ี ๑๘ นางสาวพรทิภา นันทพรชยั เลขท่ี ๑๙ นางสาวจุฑากาญจน์ แสงสิงแกว้ เลขท่ี ๓๐ นางสาวชมพูนุช พะวร เลขท่ี ๓๑ นางสาวสิริยากร ภูค่ ุม้ เลขท่ี ๓๗ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕.๑๑ เสนอ คุณครูวุฒิชยั เช่ือมประไพ โรงเรียนมธั ยมวดั หนองแขม สงั กดั สาํ นักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาเขต ๑

คาํ นาํ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เร่ื องบุคคลสาํ คญั ฉบบั ท่ี ๒ เป็น สว่ นหน่ึงของรายวิชา ประวตั ิศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕รหสั วิชา ส๓๒๑๐๔ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือการศึกษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั ขอ้ มูล ของบุคคลสําคญั ของประเทศไทย โดยเน้ื อหาจะประกอบไปดว้ ย เน้ือหา รูปถา่ ย และผลงาน ท่ีมีประโยชน์ตอ่ สงั คม คณะผูจ้ ดั ทาํ หวงั เป็นอยา่ งย่ิงวา่ หนังสือเลม่ น้ีจะสามารถถา่ ยทอดความรูเ้ พ่ือใหเ้ กิด ประโยชน์ และสามารถนํามาพฒั นาสังคมตอ่ ไปได้ หากหนังสือ อิเล็กทรอนิกสเ์ ลม่ น้ีเกิดขอ้ ผิดพลาดประการใด คณะผูจ้ ดั ทาํ ขออภยั มา ณ ท่ีน้ีดว้ ย คณะผูจ้ ดั ทาํ

สารบญั รายการ หนา้ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั ๑ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อย่หู วั ๒ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล พระอฐั มรามาธิบดินทร ๓ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ๔ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ๕ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ๖ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ ๗ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ ๘ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ากรมพระยานริศรานุวดั ติ ๙ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจา้ ๑๐ เจา้ พระยาโกษาธิบดี (ปาน) ๑๑ หม่อมราโชทยั (หม่อมราชวงศก์ ระต่าย อิศรางกรู ) ๑๒ สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสรุ ิยวงศ์ (ช่วง บนุ นาค) ๑๓ ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ ๑๔ พระสงั ฆราชปัลเลอกวั ซ ๑๕ หมอบรดั เลย์ หรือ แดน บีช แบรดลีย์ ๑๖ พระยารษั ฎานุประดิษฐม์ หิศรภกั ดี (คอซิมบ๊ี ณ ระนอง) ๑๗ พระยากลั ยาณไมตรี (ฟรานซิส บี. แซร)์ ๑๘ อาจารยศ์ ิลป์ พีระศรี ๑๙ บรรณานุกรม ๒๐- ๒๒

๑.พระบาทสมเด็จ พระราชประวตั ิ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พ ร ะ ม ง กุ ฎ เ ก ล้ า เ จ้ า อ ยู่ หั ว พระมหากษตั ริย์รชั กาลท่ี 6 แห่งพระบรมราช จกั รวี งศ์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วนั เสาร์ เดอื น ย่ี ข้ึน 2 คาํ่ ปี มะโรง ตรงกบั วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2423 เป็ นพระราชโอรสพระองคท์ ่ี 29 ใน พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั เสวย ราชสมบัติเม่ือวนั เสาร์ท่ี 23 ตุลาคม ปี จอ พุทธศกั ราช 2453 และเสด็จสวรรคตเมื่อวนั ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 รวมพระ ชนมพรรษา 45 พรรษา เสด็จดาํ รงราชสมบตั ิ รวม 15 ปี ผลงานทสี่ าํ คญั พระองค์ทรงริเริ่มสรา้ งโรงเรียนข้ึนแทนวดั ประจํารชั กาล ไดแ้ ก่ โรงเรียน มหาดเล็กหลวง (ปัจจุบนั คือ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลยั ทง้ั ยงั ทรงสนบั สนุน กิจการของโรงเรียนราชวิทยาลยั ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ถาปนาข้ึนในปี พ.ศ. 2440 (ปัจจบุ นั คอื โรงเรียน ภ.ป.ร. ราช วทิ ยาลยั ในพระบรมราชูปถมั ภ)์ และในปี พ.ศ. 2459 ไดท้ รงพระกรุณาโปรด เกลา้ ฯ ใหป้ ระดิษฐานโรงเรียนขา้ ราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ข้ึนเป็ น “จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ” ซงึ่ เป็นมหาวทิ ยาลยั แหง่ แรกของประเทศไทย

๒.พระบาทสมเด็จพระ พระราชประวตั ิ ปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเป็ นพระมหากษตั ริย์ในราชวงศ์จกั รี ลําดบั ท่ี 7 แห่งราชอาณาจกั รสยาม พระองคเ์ สด็จพระราชสมภพ เมอ่ื วนั พุธ แรม 14 คาํ่ เดอื น 11 ปีมะเสง็ เวลา 12.25 นาฬิกา หรือตรงกบั วนั ที่ 8 พฤศจิกายน พุทธศกั ราช 2436 (ค.ศ. 1893) พระองคท์ รงเป็ นพระราชโอรสองค์ ที่ 76 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั (พระมหากษตั ริยแ์ ห่งราชอาณาจกั รสยาม ลาํ ดบั ที่ 5 แหง่ พระบรมราชจกั รีวงศ)์ เป็ นปีท่ี 9 ในสมเด็จพระพนั ปี หลวง (สมเด็จพระศรีพชั รินทราบรมราชินีนาถ) ข้ึน เสวยราชสมบัติเป็ นพระมหากษัตริย์ เม่ือวนั ท่ี 26 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2468 (ค.ศ. 1925) และทรงสละราช สมบตั ิเมื่อวนั ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477(นบั ศกั ราชแบบ เก่า) (ค.ศ. 1935) รวมดาํ รงสิริราชสมบตั ิ 9 ปี เสด็จ สวรรคต เม่ือวนั ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) รวมพระชนมพรรษา 48 พรรษา ผลงานทสี่ าํ คญั •การแกไ้ ขภาวะเศรษฐกจิ ตกตาํ่ •การจดั พิมพพ์ ระไตรปิฎกฉบบั พิมพอ์ กั ษรไทยที่สมบูรณ์ •การประกวดแตง่ หนงั สอื สอนพระพุทธศาสนาสาํ หรบั เดก็ •การพระราชทานปรญิ ญาบตั รสาํ หรบั ผสู้ าํ เร็จการศึกษาเป็นครงั้ แรก •พระราชกรณียกิจดา้ นการสอื่ สาร •การเสดจ็ ประพาสในประเทศและตา่ งประเทศ •การทบทวนและจดั ทาํ สนธสิ ญั ญาไมตรี •การสรา้ งระบบราชการใหเ้ ป็นคณุ ธรรม

พระราชประวตั ิ ๓.พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร เสด็จพระราชสมภพเมื่อวนั อาทิตย์ ข้ึน 3 คาํ่ เดือน 11 มหาอานนั ทมหิดล ปี ฉลู ณ เมืองไฮเดลแบรก์ ประเทศเยอรมนี ตรงกบั วนั ท่ี พระอฐั มรามาธิบดินทร 20 กนั ยายน พ.ศ. 2468 เป็ นพระโอรสของสมเด็จพระเจา้ พ่ียาเธอ เจ้าฟ้ ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลา นครินทร์ (ภายหลงั ดาํ รงพระยศเป็ น สมเด็จพระมหิตลาธิ เบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) และพระราช ชนนีศรีสงั วาลย์ (ภายหลงั ดาํ รงพระยศเป็ น \"สมเด็จพระ ศรีนครินทราบรมราชชนนี\") มีพระพ่ีนางและพระเจา้ นอ้ ง ยาเธอร่วมพระชนกชนนีอีก 2 พระองค์ ไดแ้ ก่ สมเด็จพระ เจา้ พี่นางเธอ เจา้ ฟ้ ากลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ และสมเด็จพระเจา้ นอ้ งยาเธอเจา้ ฟ้ าภูมิพลอ ดุลยเดช (ภายหลงั ทรงข้นึ ครองราชสมบตั เิ ป็ นพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล เสด็จข้ึน ทรงราชยเ์ ป็ นพระมหากษตั ริยล์ าํ ดบั ที่ 8 แห่งราชจกั รีวงศ์ เมื่อวนั ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 ขณะที่มี พระชนมายุเพียง 8 พรรษาและประทบั อยูท่ ปี่ ระเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ ดงั นนั้ จงึ มีการแตง่ ตงั้ คณะผูส้ าํ เร็จ ราชการแทนพระองคเ์ พื่อทาํ หนา้ ทบี่ รหิ ารราชการแผน่ ดนิ จนกวา่ พระองคจ์ ะทรงบรรลุนิตภิ าวะ ผลงานทสี่ าํ คญั พระองค์ไดเ้ สด็จพระราชดําเนินไปในพระราชพิธีพระราชทานรฐั ธรรมนูญฉบับใหม่ในวนั ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 และเปิ ดประชุมสภาผูแ้ ทนราษฎรในวนั ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2489 นอกจากน้ี ยงั เสดจ็ พระราชดาํ เนินทรงเยี่ยมราษฎรในจงั หวดั ตา่ ง ๆ และทรงเยีย่ มชาวไทยเช้อื สายจนี เป็ นครง้ั แรก ณ สาํ เพ็ง พระนคร พรอ้ มดว้ ยสมเด็จพระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟ้ าภูมพิ ลอดุลยเดช เมื่อวนั ท่ี 3 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ซ่ึงเป็ นช่วงที่เกิดความขดั แยง้ กนั ระหว่างชาวไทยและชาวไทยเช้ือสายจีนจนเกือบเกิด สงครามกลางเมอื ง เมือ่ พระองคท์ รงทราบเรือ่ ง มพี ระราชดาํ ริวา่ หากปลอ่ ยความขุน่ ขอ้ งบาดหมางไว้ เชน่ น้ี จะเป็ นผลรา้ ยตลอดไป จงึ ทรงตดั สนิ พระทยั เสด็จพระราชดาํ เนินสาํ เพ็ง ซึ่งใชร้ ะยะเวลาประมาณ 4 ชว่ั โมง และพระองคท์ รงพระราชดาํ เนินดว้ ยพระบาทเป็ นระยะประมาณ 3 กิโลเมตร การเสด็จพระ ราชดาํ เนินสาํ เพ็งในครง้ั น้ีจงึ เป็ นการประสานรอยรา้ วทเี่ กดิ ข้นึ ใหห้ มดไป

พระราชประวตั ิ (5 ธนั วาคม พ.ศ. 2470 — ) เป็ นพระมหากษตั ริยพ์ ระองค์ ปัจจบุ นั แหง่ ประเทศไทย และพระมหากษตั ริยล์ าํ ดบั ทเ่ี กา้ แหง่ ราชวงศจ์ กั รี ทรงครองราชยต์ งั้ แต่วนั ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ขณะน้ี จงึ เป็ นพระมหากษตั ริยผ์ เู้ สวยราชยน์ านที่สุดใน โลกทม่ี ีพระชนมชพี อยู่ และยาวนานทสี่ ุดในประวตั ศิ าสตรไ์ ทย พระองค์ทรงเป็ นที่สรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับ พระราชดําริในเรื่องปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยโคฟี อนั นนั เลขาธิการสหประชาชาติ ไดท้ ูลเกลา้ ฯ ถวายรางวลั ๔.พระบาทสมเด็จพระบรมชน ความสาํ เร็จสูงสุดดา้ นการพฒั นามนุษยแ์ ด่พระองค[์ 3] กบั กาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ย ทงั้ พระองคท์ รงเป็ นเจา้ ของสทิ ธิบตั รสิ่งประดษิ ฐ์ งานพระราช เดชมหาราช บรมนาถบพิตร นิพนธ์ และงานดนตรีจาํ นวนหนึ่ง[4]นอกจากน้ี พระองคย์ งั ทรงเป็ นผถู้ ือหุน้ รายใหญใ่ นบริษทั เอกชนหลายแหง่ ในปี 2553 นิตยสารฟอบสป์ ระเมินวา่ พระองคม์ ีพระราชทรพั ยส์ ่วนพระองค์ รวมถึงที่อยูใ่ นการบริหารจดั การ ของสาํ นกั งานทรพั ยส์ ินส่วนพระมหากษตั ริย์ เป็ นมูลค่ามากกวา่ เกา้ แสนหกหมื่นลา้ นบาท และดว้ ยเหตุน้ี จงึ ทรงไดร้ บั การจดั อนั ดบั ใหเ้ ป็ นพระมหากษตั รยิ ผ์ มู้ พี ระราชทรพั ยม์ ากทีส่ ุดในโลกนบั ตงั้ แตเ่ ดือนกนั ยายน 2552 พระองคแ์ ปรพระราชฐานจากพระตาํ หนกั จติ รลดารโหฐาน ไป โรงพยาบาลศิริราช ตราบปัจจบุ นั อนั เนื่องมาจากพระโรคไขห้ วดั และพระปัปผาสะอกั เสบในเดือนตุลาคม ปี เดียวกนั นน้ั ข่าวลือวา่ พระอาการ ประชวรทรุดหนกั ลง ไดย้ งั ใหต้ ลาดหุน้ ไทยรว่ งลงอยา่ งสาหสั ผลงานทสี่ าํ คญั พระองคท์ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทาน พระราชทรพั ย์ส่วนพระองคจ์ ดั ตง้ั มูลนิธิ อานนั ทมหดิ ลข้ึน เมือ่ ปี พ.ศ. 2502 โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อพระราชทานทุนแก่นิสติ นกั ศึกษาที่ มีผลการเรียนดีเด่นในดา้ นต่าง ๆ ใหน้ ิสิตนกั ศึกษาเหล่านนั้ ไดม้ ีโอกาสไปศึกษาหาความรู้ วชิ าการชน้ั สูงในต่างประเทศ และนําความรูน้ น้ั กลบั มาใชพ้ ฒั นาบา้ นเมือง ส่วนในประเทศ พระองคท์ รงใหก้ ารอุปถมั ภใ์ นดา้ นต่าง ๆ เช่น ทรงพระราชทานพระราชทรพั ยช์ ว่ ยเหลือ ให้ คาํ แนะนํา รวมทงั้ เสด็จพระราชดาํ เนินไปเย่ียมเยียนและพระราชทานพระบรมราโชวาทเพ่ือ สนบั สนุนและเป็นกาํ ลงั ใจแกค่ รูและนกั เรียนของโรงเรยี น

พระราชประวตั ิ ๕.สมเด็จพระมหาสมณเจา้ สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโร กรมพระยาวชิรญาณวโรรส รส เป็นสมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก พระองคท์ ่ี 10 แหง่ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ เสด็จสถิต ณ วดั บวรนิเวศราชวรวหิ าร ไดร้ บั มหาสมณุตตมาภิ เษกเมื่อปี พ.ศ. 2453 ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ดาํ รงพระอิสริยยศ 11 พรรษา ส้ินพระชนมเ์ มื่อปี พ.ศ. 2464 พระชนั ษา 61 ปี 112 วนั ผลงานทสี่ าํ คญั ทรงเริ่มพฒั นาการพระศาสนา โดยเริ่มตน้ ที่วดั บวรนิเวศวิหาร ไดแ้ ก่ริเริ่มใหภ้ ิกษุสามเณรที่บวชใหม่ เรียนพระธรรมวินยั ในภาษาไทย มีการสอบความรูด้ ว้ ยวิธีเขียน ต่อมาจึงกําหนดใหเ้ ป็ นหลกั สูตร การศึกษาสําหรบั คณะสงฆ์ เรียกว่า นกั ธรรม ทรงจดั ตงั้ มหามกุฎราชวิทยาลยั เป็ นการริเริ่มจดั การศึกษาของพระภิกษุ สามเณรแบบใหม่ คือ เรียนพระปริยตั ิธรรม ประกอบกบั วิชาการอ่ืน ท่ี เอ้ืออาํ นวยตอ่ การสอนพระพุทธศาสนา ผูท้ ี่สอบไดจ้ ะไดเ้ ป็ นเปรียญเชน่ เดียวกบั ท่ีสอบไดใ้ นสนามหลวง เรียกวา่ เปรียญมหามงกุฎ แตไ่ ดเ้ ลิกไปในอีก 8 ปี ตอ่ มา ทรงออกนิตยสาร ธรรมจกั ษุ ซึง่ เป็ นนิตยสาร ทางพระพุทธศาสนา ฉบบั แรกของไทย ทรงอํานวยการจดั การศึกษาหวั เมืองทวั่ ราชอาณาจกั รเมื่อปี พ.ศ. 2441 ตามพระราชดําริของ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทจี่ ะขยายการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานไปยงั ประชาชนทว่ั ราชอาณาจกั ร ทรงเห็นวา่ วดั เป็ นแหล่งใหก้ ารศึกษาแก่คนไทยมาแตโ่ บราณกาล เป็ นการขยายการศึกษาไดเ้ ร็วและ ทว่ั ถึง เพราะมีวดั อยู่ทวั่ ไปในพระราชอาณาจกั ร ไม่ตอ้ งส้ินเปลืองงบประมาณแผ่นดิน งานน้ีมี กระทรวงมหาดไทยเป็ นหน่วยสนบั สนุน พระองคด์ าํ เนินการอยู่ 5 ปี ก็สามารถขยายการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานคอื ชนั้ ประถมศึกษา ออกไปไดท้ วั่ ประเทศ จากนนั้ จงึ ใหก้ ระทรวงธรรมการ ดาํ เนินการตอ่ ไป

พระราชประวตั ิ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท มีพระ นามเดิมวา่ พระองคเ์ จา้ นวม เป็ นพระราชโอรสองคท์ ี่ ๔๙ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รชั กาลท่ี ๒) และองค์ท่ี ๒ ในเจา้ จอมมารดาปราง (ใหญ่) สายราชินิกุลบางชา้ ง ประสูติเม่ือวนั เสาร์ แรม ๒ คํา่ เดือน ๘ ปี มะโรง จุลศกั ราช ๑๑๗๐ ตรงกบั ๖.พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ วนั ที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๓๕๑ ก่อนส้ิน กรมหลวงวงศาธิราชสนิท รชั กาลที่ ๑ เพียง ๑ ปี ในปี ที่พระองคป์ ระสูตินน้ั มี บุคคลสาํ คญั ท่ี “เกดิ รว่ มสหชาติ” กบั พระองคอ์ กี ๓ ท่าน ซ่ึงต่อมาได้มีบทบาทสําคัญในการบริหารแผ่นดินร่วมสมัยกับพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกลา้ เจา้ อยู่หวั ในรชั กาลที่ ๔ สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ชว่ ง บุนนาค) ผูส้ าํ เร็จราชการแผ่นดินในรชั กาลท่ี ๕ และเจา้ พระยาภูธราภยั (นุช บุณยรตั พนั ธุ)์ สมุหนายก ในรชั กาลท่ี ๔ ผลงานทสี่ าํ คญั พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิทในรชั กาลพระบาทสมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจา้ อยูห่ วั ทรงกาํ กบั กรมหมอหลวง และทรงศึกษาวชิ าการแพทยส์ มยั ใหม่จากมิชชนั นารี ชาวอเมริกนั โปรดเกลา้ ฯ สถาปนาข้ึนเป็ นกรมหมื่นวงศาสนิท เมื่อครนั้ ปี พ.ศ. 2392 พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มีพระราชปรารภ ถึงความเสื่อมโทรมของภาษาไทย จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระองคเ์ จา้ นวม ทรงแต่งตาํ ราภาษาไทยข้ึนใหม่ เพื่อ อนุรกั ษ์ภาษาไทย พระนิพนธเ์ รื่อง “จินดามณี เล่ม 2” ซึ่งทรงดดั แปลงจากตาํ ราเดิม สมยั อยุธยา อธบิ ายหลกั เกณฑภ์ าษาไทยใหเ้ ขา้ ใจง่ายกวา่ เดมิ

พระราชประวตั ิ สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโร ปการ ประสูตเิ มื่อวนั เสาร์ เดือน 12 แรม 7 คาํ่ ปี มะเมีย สมั ฤทธิศก จ.ศ. 1220 ตรงกบั วนั ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2401มหาอาํ มาตยน์ ายก สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์ เธอ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ มีพระนามเดิมวา่ พระ เจา้ ลูกยาเธอ พระองคเ์ จา้ เทวญั อุไทยวงศ์ เป็ นพระราช โอรสในพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั กบั สมเด็จ ๗.สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระปิ ยมาวดี ศรีพชั รินทรมาตา (เจา้ คุณจอมมารดา กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ เป่ี ยม ในรชั กาลที่ 4) ร่วมพระชนนีเดียวกบั สมเด็จพระ ศรีสวรินทริ าบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้ สมเด็จพระศรีพชั รินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปี หลวง และสมเด็จพระนางเจา้ สุนนั ทา กุมารรี ตั น์ พระบรมราชเทวี และเป็ นพระปัยยกา (ทวด) ในสมเด็จพระนางเจา้ สริ ิกิติ์ พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวง โดยเป็ นพระเจา้ ลูกเธอชน้ั กลาง ลาํ ดบั ที่ 42 ในจาํ นวนทง้ั หมด 84 พระองค์ ผลงานทสี่ าํ คญั สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ ทรงบริหารราชการแผ่นดินตลอดพระชนมช์ ีพ จาก รชั กาลท่ี 5 ถึงรชั กาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหท้ รงดาํ รง ตาํ แหน่งไปรเวตสิเกรตารีฝรงั่ (ราชเลขานุการฝ่ ายตา่ งประเทศ) ทาํ หนา้ ทีด่ ูแลงานตา่ งประเทศ ทรงมีบทบาทสาํ คญั ดา้ นการทตู เป็ นผูเ้ จรจาขอ้ พิพาทกบั ฝรงั่ เศส ครงั้ วกิ ฤตการณ์ ร.ศ. 112 ทรงเสนอใหม้ ีการตง้ั สถานทูตในต่างประเทศ ที่ยุโรปและสหรฐั อเมริกา ทรงวา่ ราชการเป็ น เสนาบดีกระทรวงการตา่ งประเทศทง้ั ในรชั กาลที่ 5 และรชั กาลท่ี 6 เป็ นเวลา 37 ปี จนไดช้ อ่ื วา่ เป็ น องคบ์ ิดาแหง่ การตา่ งประเทศของไทย อกี ทง้ั ทรงสนพระทยั ในวชิ าโหราศาสตร์ เม่ือ พ.ศ. 2432 พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงประกาศใชป้ ฏิทนิ แบบใหม่ตามสุรยิ คตติ าม แบบสากล จากเดมิ ทป่ี ระเทศไทยใชแ้ บบจนั ทรคติ สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ ทรง เป็นผคู้ ดิ ปฏิทนิ ไทยใชต้ ามสุรยิ คติ เรยี กวา่ เทวะประติทนิ มีการกาํ หนดชอ่ื เดือนข้ึนมาใหม่ จาก เดมิ ทใ่ี ช้ เดอื นอา้ ย เดอื นย่ี ถึงเดอื นสบิ สอง เป็นชอ่ื เดอื นแบบทใ่ี ชก้ นั อยใู่ นปัจจบุ นั

พระราชประวตั ิ พลเอก สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดาํ รงรา ชานุภาพ (21 มิถุนายน พ.ศ. 2405 –1 ธนั วาคม พ.ศ. 2486) พระนามเดิม พระเจา้ ลูกยาเธอ พระองคเ์ จา้ ดิ ศวรกุมาร เป็ นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอม เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประสูตแิ ตเ่ จา้ จอมมารดาชุม่ ท.จ.ว. และ เป็ นองค์ตน้ ราชสกุลดิศกุลชาววงั ออกพระนามโดย ลาํ ลองวา่ \"พระองคเ์ จา้ ดศิ วรกุมาร หรือ เสด็จพระองค์ ๘.สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ ดิศ\" ทรงดาํ รงตาํ แหน่งที่สาํ คญั ทางการทหารและพล กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ เรือน เช่น เจา้ พนกั งานใหญ่ ผูบ้ ญั ชาการทหารบก อธบิ ดกี รมศึกษาธกิ าร (ตาํ แหน่งเทยี บเทา่ เสนาบด)ี องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร นายกราชบณั ฑิตยสภา องคมนตรใี นพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั และอภิรฐั มนตรีในพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ผลงานทสี่ าํ คญั ทรงพระปรีชาสามารถในดา้ นการศึกษา สาธารณสุข ประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี และ ศิลปวฒั นธรรม ทรงไดร้ บั พระสมญั ญานามเป็ น \"พระบิดาแห่งประวตั ิศาสตรไ์ ทย\" ใน วนั ท่ี 21 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ท่ีประชุมใหญ่ขององคก์ ารการศึกษา วทิ ยาศาสตร์ และ วฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ (UNESCO) ไดป้ ระกาศยกยอ่ งพระองคเ์ ป็ นบุคคลสาํ คญั ของโลกคนแรกของประเทศไทย[8] และวนั ที่ 27 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2544 คณะรฐั มนตรี ไดม้ ีมติใหว้ นั ท่ี 1 ธนั วาคม ของทุกปี ซงึ่ ตรงกบั วนั คลา้ ยวนั ส้นิ พระชนมข์ องพระองค์ เป็ น \"วนั ดาํ รงราชานุภาพ\" กาํ หนดข้ึนเพ่ือเป็ นการระลึกถึง สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรม พระยาดาํ รงราชานุภาพ

พระราชประวตั ิ ๙.สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พลเอก สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้ ากรมพระยา กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ นรศิ รานุวดั ตวิ งศ์ (28 เมษายน พ.ศ.2406 –10 มีนาคม พ.ศ. 2490) มีพระนามเดิมวา่ พระเจา้ ลูกยาเธอ พระองค์ เจา้ จิตรเจริญ เป็ นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองคเ์ จา้ พรรณราย (ต่อมาเป็ นพระสมั พนั ธวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ พรรณราย) ในรชั กาลพระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั พ.ศ. 2428 ทรงไดร้ บั พระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ สถาปนาเป็ นพระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟ้ ากรม ขุนนรศิ รานุวตั วิ งศ์ และพ.ศ. 2448 เป็ นสมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟ้ ากรมหลวงนริศรานุวตั ิวงศ์ ไดท้ รงเป็ นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ กระทรวง พระคลงั และกระทรวงกลาโหม ตลอดจนกระทรวงวงั นอกจากนนั้ ยงั ทรงพระปรีชาเป็ นพิเศษใน ทางการชา่ งและศิลปะทุกสาขารวมทงั้ วรรณศิลป์ ดนตรีและการละคร แมพ้ ระสุขภาพจะอ่อนแอจน ตอ้ งกราบถวายบงั คมลาออกจากราชการในพ.ศ.2452 ก็ยงั ทรงงานชา่ งและศิลปะถวายในรชั กาล พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โดยตลอด ตอ่ มาพ.ศ. 2456 ทรงไดร้ บั สถาปนาเป็ น สมเด็จ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ ากรมพระนริศรานุวดั ตวิ งศ์ ผลงานทสี่ าํ คญั ดา้ นศิลปกรรม งานสถาปัตยกรรมที่โปรดทาํ มากคือ แบบพระเมรุ โดยตรสั วา่ \"เป็ นงานที่ทาํ ข้ึนใช้ ชว่ั คราวแลว้ ร้ือท้ิงไป เป็ นโอกาสไดท้ ดลองใชป้ ัญญาความคิดแผลงไดเ้ ต็มที่ จะผิดพลาดไปบา้ งก็ไม่สู้ กระไร ระวงั เพียงอย่างเดยี วคือเรื่องทุนเทา่ นนั้ ” ดา้ นสถาปัตยกรรม พระอุโบสถวดั เบญจมบพิตร เมื่อ แรกสรา้ ง อาคารเรียนโรงเรียนมธั ยมวดั เบญจมบพิตร (ตกึ ชมพู) การออกแบบก่อสรา้ งพระอุโบสถวดั เบญจมบพิตร ถวายพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั เมื่อ พ.ศ. 2442 การออกแบบก่อสรา้ ง อาคารเรียนโรงเรียนมธั ยมวดั เบญจมบพิตร เริ่มก่อสรา้ งเมื่อ วนั ที่ 4 มิถุนายน รตั นโกสินทรศก 121 (พ.ศ. 2445)หรือ ร.ศ. 121 งานดา้ นสถาปัตยกรรมเป็ นงานที่พระองคท์ รงพิถีพิถนั อย่างมาก เพราะ ตรสั วา่ \"ตอ้ งระวงั เพราะสรา้ งข้ึนก็เพื่อความพอใจ ความเพลิดเพลินตา ไมใ่ ชส่ รา้ งข้ึนเพ่ืออยากจะร้ือท้ิง ทนุ รอนทเ่ี สยี ไปก็ใชจ่ ะเอาคนื มาได้ ผลทสี่ ุดก็ตอ้ งท้งิ ไวเ้ ป็ นอนุสาวรยี ส์ าํ หรบั ขายความอาย\"

พระราชประวตั ิ ๑๐.สมเด็จพระศรสี วรนิ ทิราบรม สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพนั วสั สา ราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้ อยั ยิกาเจา้ พระนามเดิม พระเจา้ ลูกเธอ พระองคเ์ จา้ สวา่ งวฒั นา (10 กนั ยายน พ.ศ.2405 — 17 ธนั วาคม พ.ศ. 2498) เป็ นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระ จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั เสด็จพระราชสมภพแต่สมเด็จพระ ปิ ยมาวดี ศรีพชั รินทรมาตา (เจา้ จอมมารดาเปี่ ยม) เป็ นพระอคั รมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั เป็ นพระราชชนนีในสมเด็จพระบรมโอรสาธิ ราช เจา้ ฟ้ ามหาวชริ ุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ซง่ึ เป็ น สยามมกุฎราชกุมารพระองคแ์ รกของไทย ผลงานทสี่ าํ คญั พระองคท์ รงดาํ รงตาํ แหน่งองคส์ ภาชนนีสภาอุณาโลมแดง อนั เป็ นช่อื ของสภากาชาดไทยเมื่อ ครง้ั แรกตงั้ ในตน้ รชั กาลท่ี 5 เป็ นพระองค์แรกและพระองค์เดียว และองค์สภานายิกา สภากาชาดไทย พระองคท์ ี่ 2 และทรงสรา้ งสถานพยาบาลข้ึน ปัจจบุ นั คอื โรงพยาบาลสมเด็จ พระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสภากาชาดไทย ในวนั ท่ี 11 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2554 ท่ีประชุมใหญ่องคก์ ารการศึกษา วทิ ยาศาสตร์ และวฒั นธรรมแห่ง สหประชาชาติ (ยูเนสโก) ไดป้ ระกาศยกย่องสมเด็จพระศรีสวรนิ ทิราบรมราชเทวฯี เป็ นบุคคล สําคญั ของโลก เน่ืองในโอกาสวนั ครบรอบ 150 ปี วนั คลา้ ยวนั พระราชสมภพ ในวนั ที่ 10 กนั ยายน พ.ศ. 2555 ในฐานะทท่ี รงมีผลงานดเี ดน่ ดา้ นการศึกษา วทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพและการ อนุรกั ษพ์ ฒั นาดา้ นวฒั นธรรม

พระราชประวตั ิ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) (พ.ศ.2176 –15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2242) เป็ นขา้ ราชการในอาณาจกั ร อยุธยาสมยั สมเด็จพระนารายณ์ เป็ นเอกอคั รราชทูต คนสาํ คญั ทเี่ ดนิ ทางไปเจรญิ สมั พนั ธไมตรกี บั ราชสาํ นกั ฝรง่ั เศสเมื่อ พ.ศ. 2229 ปานเป็ นโอรสของเจา้ แม่วดั ดุสติ (หมอ่ มเจา้ หญิงบวั ) ซงึ่ เป็ นพระราชธิดาในสมเด็จ พระเอกาทศรถ และเป็ นพระนมชน้ั เอกในสมเด็จพระ พระนารายณ์ กบั หมอ่ มเจา้ เจดิ อาํ ไพ เช้อื สายมอญของ ๑๑.เจา้ พระยาโกษาธิบดี พระยาเกียรดิ์ พระยาราม เกิดในรชั สมยั สมเด็จพระเจา้ (ปาน) ปราสาททองและเป็ นพระราชนดั ดาในสมเด็จพระเอกา ทศรถ นอกจากน้ีเขายงั เป็นป่ ูของพระยาราชนิกูล (ทองคาํ ) ซึ่งเป็ นบิดาของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก พระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระ พุทธยอดฟ้ าจฬุ าโลกมหาราช ผลงานทสี่ าํ คญั ออกญาโกษาปานไดบ้ รรดาศกั ดิ์ ออกพระวิสุทธสุนทร และไดร้ บั แต่งตงั้ เป็ นทูตออกไปเจริญ สมั พันธไมตรีกบั ฝรง่ั เศส ในสมยั ดงั กล่าว ฝรงั่ เศสมีอิทธิพลในราชสํานกั ของพระนารายณ์มาก จุดประสงคข์ องฝรงั่ เศส คือ เผยแพร่คริสตศ์ าสนา และพยายามใหพ้ ระนารายณเ์ ขา้ รีตเป็ นคริสตชน รวมทงั้ พยายามมีอาํ นาจทางการเมืองในอยุธยาดว้ ยการเจรจาขอตง้ั กาํ ลงั ทหารของตนที่เมืองบางกอก และเมืองมะริด คณะทตู ไปฝรง่ั เศสดงั กล่าว ประกอบดว้ ย ปาน เป็ นราชทตู , ออกหลวงกลั ยาราชไมตรี เป็ นอุปทตู , และออกขุนศรีวสิ ารวาจา เป็ นตรีทตู พรอ้ มทง้ั บาทหลวงเดอ ลีออง และผูต้ ิดตาม รวมกวา่ 40 คน ออกเดินทางจากกรุงศรีอยุธยาในวนั ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2229 ไดเ้ ขา้ เฝ้ าพระเจา้ หลุยสท์ ี่ 14 เม่ือวนั ที่ 1 กนั ยายน พ.ศ. 2229 ณ พระราชวงั แวรซ์ าย และเดินทางกลบั เมื่อวนั ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2230 ปานเป็ นนกั การทูตที่สุขุม ไม่พูดมาก ละเอียดลออในการจดบนั ทึกสิ่งที่พบเห็นในการเดินทาง [ตอ้ งการอา้ งอิง] ในการเขา้ เฝ้ าพระเจา้ หลุยสท์ ี่ 14 คณะทูตอยุธยาไดร้ บั การยกย่องชื่นชมจากชาว ฝรง่ั เศส เนื่องจากเป็ นครงั้ แรกทพี่ ระเจา้ แผน่ ดนิ ฝ่ ายตะวนั ออกแตง่ ทตู ไปยงั ฝรงั่ เศส พระเจา้ หลุยสท์ ี่ 14 ทรงรบั รองคณะทตู อยา่ งสมเกียรตยิ ศ โปรดใหท้ าํ เหรียญทรี่ ะลึกและเขยี นรูปเหตุการณเ์ อาไว้

พระราชประวตั ิ หมอ่ มราโชทยั นามเดมิ หมอ่ มราชวงศก์ ระตา่ ย อศิ ราง ๑๒.หม่อมราโชทยั (หม่อมราชวงศก์ ระต่าย อิศรางกรู ) กูร (12 มิถุนายน พ.ศ. 2363 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2410) เป็ นบุตรของพระวงศเ์ ธอ กรมหมื่นเทวานุรกั ษ์ เป็ นนดั ดาของสมเด็จพระสมั พนั ธวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ ากรม ขุนอศิ รานุรกั ษ์ และสมเดจ็ พระศรีสุริเยนทราบรมราชนิ ี ในรชั กาลที่ 2 เป็ นปนดั ดาของสมเด็จพระเจา้ พี่นางเธอ เจ้าฟ้ ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็ นพระพี่นางใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราช หม่อมราชวงศก์ ระตา่ ย อิศรางกูร เกิดตอนปลายสมยั พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา้ นภาลยั เมื่อเจริญวยั บิดาไดน้ าํ ไปถวายตวั อยู่กบั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ซึ่งขณะนนั้ ยงั ดาํ รงพระอิสริยยศ เป็ นเจา้ ฟ้ ามงกุฎ สมมุติเทวาวงศ์ พงศาอิศวรกระษตั ริย์ ขตั ติยราชกุมาร เมื่อเจา้ ฟ้ ามงกุฎผนวช หม่อมราชวงศ์กระต่ายก็ไดต้ ามเสด็จไปรบั ใช้ ต่อมาเมื่อเจา้ ฟ้ ามงกุฎทรงสนพระราชหฤทยั ใน ภาษาองั กฤษ หมอ่ มราชวงศก์ ระตา่ ยก็ไดศ้ ึกษาตามพระราชนิยม โดยมีมิชชนั นารีที่เขา้ มาสอนศาสนา เป็ นผูส้ อน จนไดช้ อื่ วา่ เป็ นผูม้ ีความรูภ้ าษาองั กฤษดี จนเจา้ ฟ้ ามงกุฎทรงใชใ้ หเ้ ป็ นตวั แทนเชญิ กระแส รบั สงั่ ไปพูดจากบั ชาวตา่ งชาตไิ ดเ้ ป็ นอยา่ งดี ผลงานทสี่ าํ คญั ครนั้ เม่ือเจา้ ฟ้ ามงกุฎเสด็จเถลิงถวลั ยราชสมบตั ิข้ึนเป็ นพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั หมอ่ มราชวงศก์ ระตา่ ยก็ติดตามสมคั รเขา้ รบั ราชการ ความสามารถของหม่อม ราชวงศ์กระต่ายที่ช่วยราชกิจไดด้ ี จึงไดร้ บั พระราชทานเล่ือนอิสริยยศเป็ น \"หม่อม ราโชทยั \" และดว้ ยความรูใ้ นภาษาองั กฤษดี พ.ศ. 2400 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั จึงโปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ม่อมราโชทยั เป็ นล่ามหลวงไปกบั คณะราชทูตไทยที่เชญิ พระ ราชสาสนแ์ ละเครอ่ื งมงคลราชบรรณาการ เดนิ ทางไปถวายสมเด็จพระราชนิ ีนาถวกิ ตอเรยี การเดนิ ทางไปในครงั้ นน้ั เป็นทม่ี าของหนงั สอื นิราศเมืองลอนดอน ซงึ่ แตง่ หลงั จากเดินทาง กลบั ได้ 2 ปี ตอ่ มาพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ และ ถือวา่ เป็ นหนงั สือเล่มแรกที่มีการขายลิขสิทธิ์เกิดข้ึนในไทยใหห้ ม่อมราโชทยั ข้ึนเป็ นอธิบดี พิพากษาศาลตา่ งประเทศเป็นคนแรกของไทย

พระราชประวตั ิ สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ นามเดิม ช่วง ๑๓.สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรสี รุ ิ (พ.ศ.2351 –2425) เป็ นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสกุล ยวงศ์ (ช่วง บนุ นาค) บุนนาคของสยามในสมยั รตั นโกสินทร์ ผูม้ ีบทบาท สาํ คญั ในการเมอื งการปกครองของสยาม โดยเริม่ เขา้ รบั ราชการเป็ นมหาดเล็กในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระ พุทธเลิศหลา้ นภาลยั และไดร้ บั การสถาปนาข้ึนเป็ น ส ม เ ด็ จ เ จ ้า พ ร ะ ย า บ ร ม ม ห า ศ รี สุ ริ ย ว ง ศ์ใ น ร ัช ส ม ัย พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ซึ่งนบั เป็ นผทู้ ี่ ดํารงตําแหน่ง \"สมเด็จเจา้ พระยา\" เป็ นคนสุดทา้ ย นอกจากน้ี ทา่ นยงั มบี ทบาทในการอญั เชญิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั ข้ึนครองสิริราชสมบตั ิและไดร้ บั การแตง่ ตง้ั เป็ นผูส้ าํ เร็จ ราชการแทนพระองคต์ ง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2411 - พ.ศ. 2416 ดว้ ย ผลงานทสี่ าํ คญั สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศเ์ ป็ นคน “หวั กา้ วหนา้ ” รวมทง้ั ชอบคบหาสมาคม กบั ชาวตา่ งประเทศและรบั ความเจรญิ มาจากชาติตะวนั ตก ทา่ นจึงมองเห็นถึงความสาํ คญั ของวชิ าความรู้ วทิ ยาการ และวทิ ยาศาสตรส์ มยั ใหม่ เช่น การแพทย์ การพิมพ์ และการ รกั ษาพยาบาลที่ทนั สมยั ของหมอสอนศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะมิชชนั นารีชาวอเมริกนั นนั้ เป็ นประโยชนแ์ ก่ประเทศชาติ แตค่ นเหลา่ น้ีมกั ถูกรงั เกียจจากเจา้ นายและขุนนางหวั เก่า จึง มกั ไดร้ บั ความยากลาํ บากในการหาที่อยู่อาศยั ท่ีทาํ งาน และการทาํ งาน ท่านไดใ้ หค้ วาม อปุ การะอาํ นวยความสะดวกแกห่ มอสอนศาสนาเหล่าน้ี และคอยตดิ ตอ่ เรยี นรูส้ ่งิ ใหม่ ๆ อยู่ ตลอดเวลา ดงั ลกั ษณะท่ีเรียกกนั ในปัจจบุ นั วา่ “การถ่ายทอดเทคโนโลยี” ซ่งึ ท่านหมนั่ เพียรเรียนรูว้ ชิ าการตะวนั ตกกบั ชาวตา่ งประเทศมาตง้ั แต่อยูใ่ นวยั หนุ่ม ทาํ ใหท้ า่ นสามารถ ตอ่ \"เรอื กาํ ปั่น\" ไดเ้ อง และนบั เป็นนายชา่ งสยามคนแรกทส่ี ามารถตอ่ เรือแบบฝรงั่ ได้

๑๔.ซีมง เดอ ลา ลแู บร์ พระราชประวตั ิ \"ลาลแู บร\"์ มีชอ่ื เตม็ วา่ \"ซมี ง เดอ ลา ลูแบร\"์ (21 เมษายน พ.ศ. 2185-26 มีนาคม พ.ศ. 2272) เป็ นราชทูตของพระเจา้ หลุยส์ท่ี 14 แห่งฝรง่ั เศส ไดเ้ ดินทางมาประเทศไทยในรชั สมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพื่อเจริญ สมั พนั ธไมตรกี บั ไทย โดยเดนิ ทางมาทก่ี รุงศรี อยุธยาพรอ้ มกบั เจา้ พระยาโกษาธิบดี (ปาน) และทหารของฝรง่ั เศสประมาณ 600 คน ผลงานทสี่ าํ คญั เดอ ลา ลูแบร์ ไดร้ บั การแต่งตงั้ ใหเ้ ป็ นหวั หนา้ คณะทูตฝรง่ั เศสร่วมกบั โกลด เซเบอแร ดูว์ บูแล (Claude Céberet du Boullay) เดินทางมาอยุธยาเพื่อเจรจาเรื่องศาสนาและการคา้ ของฝรงั่ เศสในอาณาจกั รอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2230 ในการเจรจานนั้ อยุธยาไมส่ ูจ้ กั ยินยอมรบั ขอ้ เสนอของฝรงั่ เศส ทาํ ใหเ้ สียเวลาในการเจรจาหลายสปั ดาห์ ในที่สุดฝ่ ายไทยก็ยินยอมรบั ขอ้ เสนอตามความประสงคข์ องฝรงั่ เศสและทงั้ สองฝ่ ายไดล้ งนามในสญั ญาการคา้ ที่เมือง ลพบุรเี ม่อื วนั ท่ี 11 ธนั วาคม นอกจากจะเป็นหวั หนา้ คณะทตู จากฝรง่ั เศสแลว้ เดอ ลา ลูแบร์ ยงั ไดร้ บั คําสง่ั ใหส้ งั เกตเร่ืองราวต่าง ๆ เกี่ยวกบั อาณาจกั รอยุธยาและบนั ทึกขอ้ สงั เกต ทง้ั หลายเหล่านนั้ กลบั ไปรายงานใหร้ าชสํานกั ของพระเจา้ หลุยส์ท่ี 14 ไดร้ บั ทราบดว้ ย จดหมายเหตุเหล่าน้ีไดก้ ลายเป็ นหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ท่ีมีคุณค่าต่อแวดวงวิชา ประวตั ิศาสตร์ไทยสมัยอยุธยา เพราะกล่าวถึงชีวิตความเป็ นอยู่ สังคม ประเพณี ประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรม หลายสิ่งหลายอยา่ งของคนในสมยั กรุงศรีอยุธยา จงึ นบั ไดว้ า่ เป็ น หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ม่ี ีจารึกเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร

พระราชประวตั ิ พระสงั ฆราชปัลเลอกวั ซเ์ กิดเมื่อวนั ท่ี 24 ตุลาคม พ.ศ. 2348 ท่ี เมืองโกต-ดอร์ ประเทศฝรง่ั เศส เม่ือทา่ นอายุ ได้ 23 ปี ท่านก็ไดต้ ดั สินใจบวชเป็ นบาทหลวง เมื่อ วนั ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2371 ทเ่ี ซมนิ ารขี องคณะมสิ ซงั ตา่ งประเทศแหง่ กรุงปารสี จากนนั้ ทา่ นก็ไดร้ บั หนา้ ที่ ใหไ้ ปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ณ ประเทศไทย และท่าน ไดอ้ อกเดินทางเมื่อวนั ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2371 ถึง ประเทศไทยเม่ือวนั ที่ 27 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2372 ในปี ๑๕.พระสงั ฆราชปัลเลอกวั ซ์ พ.ศ. 2381 ท่านไดร้ ับตําแหน่งอธิการโบสถ์คอน เซ็ปชญั ทา่ นไดป้ รบั ปรุงโบสถแ์ หง่ น้ี ซง่ึ สรา้ งข้นึ ตง้ั แต่ พ.ศ. 2217 ในสมยั สมเด็จพระนารายณม์ หาราช แลว้ จากถูกท้ิงรา้ งมานานแลว้ ยา้ ยไปอยู่ที่โบสถ์ อสั สมั ชญั ในปี พ.ศ. 2381 ผลงานทสี่ าํ คญั พระสงั ฆราชปัลเลอกวั ซ์ เป็ นบาทหลวงสงั กดั คณะมิสซงั ต่างประเทศแห่งกรุงปารีส ปฏิบตั ิ หนา้ ท่ีมิชชนั นารีในประเทศไทยในรชั สมยั ของพระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจา้ อยู่หวั ถึง พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั มีสมณศกั ด์ิเป็ นประมุขมิสซงั สยามตะวนั ออก (apostolic vicar of Eastern Siam) และมุขนายกเกียรตินามแห่งมาลลอสหรอื มลั ลุส (titular bishop of Mallos/Mallus) ทา่ นไดน้ าํ วทิ ยาการการถา่ ยรูปเขา้ มาในประเทศไทย และนอกจากน้ีทา่ นยงั จดั ทาํ พจนานุกรมสี่ภาษาเล่มแรกของไทยข้ึนชือ่ สพั ะ พะจะนะ พาสา ไท โดยมภี าษาทง้ั สที่ ว่ี า่ น้ีคอื ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ภาษาฝรง่ั เศส และภาษาละตนิ ทา่ นได้ เรยี นภาษาไทยและภาษาบาลี มีความรูใ้ นภาษาทงั้ สองเป็ นอยา่ งดีจนสามารถแตง่ หนงั สือได้ หลายเล่ม นอกจากน้ันท่านมีความรูท้ างดา้ นดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะฟิสกิ ส์ เคมแี ละดาราศาสตร์ มีความรูค้ วามชาํ นาญทางดา้ นวชิ าการถา่ ยรูปและชุบ โลหะ บุตรหลานขา้ ราชการบางคนไดเ้ รียนรูว้ ชิ าเหล่าน้ีกบั ทา่ น ทา่ นไดส้ รา้ งตึกทาํ เป็ นโรง พิมพภ์ ายในโบสถค์ อนเซป็ ชญั จดั พิมพห์ นงั สอื สวด

พระราชประวตั ิ หมอบรดั เลย์ หรือ แดน บีช แบรดลีย์ (DanBeach Bradley,M.D.)หรือบางคนเขียนเป็ น หมอบรดั เลหมอ ปลัดเล หมอปรัดเล หรือ หมอปรัดเลย์ เป็ น นายแพทยช์ าวอเมริกนั ทเี่ ขา้ มาเผยแพรศ่ าสนาครสิ ตใ์ น ประเทศไทยสมยั รชั กาลที่ 3 และยงั เป็ นผูเ้ ริ่มตน้ การ พิมพอ์ กั ษรไทยในประเทศไทยเป็ นครงั้ แรก และทาํ การ ผา่ ตดั ในประเทศไทยเป็ นครงั้ แรก แดน บีช บรดั เลย์ ๑๖.มอบรดั เลย์ หรอื เป็ นชาวเมืองมาร์เซลลัส (Marcellus)เกิดเมื่อ 18 แดน บีช แบรดลีย์ กรกฎาคม พ.ศ. 2347 บุตรคนที่หา้ ของนายแดน บรดั เลยแ์ ละนางยูนิช บีช บรดั เลย์ สาํ เร็จการแพทย์ จาก มหาวทิ ยาลยั นิวยอรก์ สมรสกบั ภรรยาคนแรก เอมลิ ี รอยส์ บรดั เลย์ และภรรยาคนทสี่ อง ซาราห์ แบลคลี บรดั เลย์ คนไทยกบั คนอเมริกนั ไดพ้ บเห็นหนา้ อย่างเป็ นทางการครงั้ แรกเมื่อในรชั กาลที่ ๓ ในครงั้ นน้ั ประธานาธิบดแี ย็กสนั (Andrew Jackson) ไดแ้ ตง่ ตงั้ ใหเ้ อมินราบดั หรือ เอดมนั ด์ รอเบิต (Edmond Roberts) เป็ นทตู ขี่เรือกาํ ปั่นเขา้ มาทาํ หนงั สอื สญั ญาทางพระราชไมตรีและการคา้ ขายเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ (ภายหลงั ประเทศองั กฤษ) และตอ่ จากนนั้ ๓ ปี หมอบรดั เลยก์ ็นงั่ เรือใบเขา้ มา ผลงานทสี่ าํ คญั ในดา้ นการแพทย์ -เป็ นผเู้ ริ่มตน้ การแพทยต์ ะวนั ตกในเมอื งไทย ในเรื่องของการผา่ ตดั : ผา่ ตดั เน้ืองอกทหี่ นา้ ผากของชาวบา้ นคนหนึ่ง : ตดั แขนคนไขท้ บี่ าดเจบ็ จากเหตกุ ารณป์ ืนใหญร่ ะเบิด -รกั ษาโรคตอ้ กระจก และทสี่ าํ คญั ทสี่ ุด คอื -การปลูกฝึ ป้ องกนั ไขท้ รพิษ ในดา้ นการพิมพ์ หมอบรดั เลยก์ ระทาํ มาอยา่ งตอ่ เนื่อง นอกจากเรยี บเรยี งคมั ภีรค์ รรภท์ รกั ษา -ใหค้ วามรูเ้ รื่องการคลอด และ รณรงคใ์ หเ้ ลิกอยูไ่ ฟ -๑๐ ปีแรกพิมพห์ นงั สอื เผยแพรศ่ าสนา เป็ นหนงั สอื เลม่ แรกทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั ศาสนา เขยี นเม่อื ปี ค.ศ. ๑๘๓๗ เขียนเกี่ยวกบั การสรา้ งโลกของพระเยซู

พระราชประวตั ิ มหาอํามาตย์โท พระยารษั ฎานุประดิษฐม์ หิศรภกั ดี (คอซมิ บี๊ ณ ระนอง) 8 เมษายน พ.ศ. 2400 – 10 เมษายน พ.ศ. 2456) เป็ นขา้ ราชการชาวไทย ระหวา่ ง เป็ นเจา้ เมืองตรงั ไดพ้ ฒั นาเมืองใหเ้ จริญกา้ วหนา้ จน กลายเป็ นเมืองเกษตรกรรม จึงไดเ้ ลื่อนตาํ แหน่งเป็ น สมุหเทศาภิบาลสาํ เร็จราชการมณฑลภูเก็ต และเป็ นผู้ ไดร้ บั พระราชทานนามสกุล ณ ระนอง คอซิมบี๊ ณ ๑๗.พระยารษั ฎานปุ ระดิษฐม์ หิศร ระนอง เกิดที่จงั หวดั ระนองเม่ือวนั พุธ เดือนหา้ ปี ภกั ดี (คอซิมบ๊ี ณ ระนอง) มะเส็ง ตรงกบั เดือนเมษายน พ.ศ. 2400 เป็ นบุตรคน สุดทอ้ งของพระยาดาํ รงสุจรติ มหศิ รภกั ดี (คอซเู้ จยี ง ณ ระนอง) ซ่ึงเป็ นชาวจีนฮกเก้ียนที่อพยพมาอยู่เมืองไทยตงั้ แต่รชั กาลที่ 3 และนางกิม ณ ระนอง ชื่อ \"ซิมบี๊\" เป็ นภาษาฮกเก้ียน แปลวา่ \"ผูม้ ีจิตใจดีงาม\" เม่ืออายุได้ 9 ปี ไดต้ ิดตามบิดาเดินทางกลบั ไป ประเทศจนี และอาศยั อยทู่ นี่ น่ั เป็ นเวลา 2 ปี ทาํ ใหไ้ ดเ้ รียนรูส้ งิ่ ตา่ ง ๆ และไดด้ แู ลกิจการแทนบิดา ทงั้ ๆ ท่มี ิไดเ้ รียนหนงั สือ มีความรูห้ นงั สอื เพียงแคล่ งลายมือชอื่ ตนไดเ้ ทา่ นนั้ แตม่ ีความสามารถพูดไดถ้ ึง 9 ภาษา บิดาจงึ หวงั จะใหส้ บื ทอดกิจการการคา้ แทนตน มิไดป้ ระสงคจ์ ะใหร้ บั ราชการเลย ผลงานทสี่ าํ คญั ดา้ นการปกครอง กุศโลบายหลกั ในการปกครองของท่านคือ หลกั พ่อปกครองลูก ทาํ นอง เดียวกบั ที่ใชใ้ นยุคสุโขทยั นอกจากจะยึดหลกั พ่อปกครองลูกแลว้ ยงั ยดึ หลกั ในการแบ่งงาน และความรบั ผิดชอบแก่ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชา ดงั จะเห็นไดจ้ าก การริเริ่มจดั ตง้ั ที่วา่ การกาํ นนั ข้ึน เป็ นแหง่ แรก ท่ีมณฑลภูเก็ต และไดจ้ ดั ระเบียบการประชุมผูใ้ หญ่บา้ น กาํ นนั นายอาํ เภอให้ เป็ นที่แน่นอน ดา้ นการสง่ เสริมอาชพี ราษฎร อาจจะเป็ นเพราะพระยารษั ฎานุประดิษฐฯ์ เกิด ในตระกูลพ่อคา้ ทา่ นจึงมีโลกทรรศน์ ตา่ งจากขุนนางอนื่ ๆ คือ มีอุปนิสยั บาํ รุงการคา้ เม่ือ เป็นเจา้ เมอื งตรงั ไดย้ า้ ยจากตาํ บลควนธานีไปอยตู่ าํ บลกนั ตงั ดว้ ยเหตุผลทว่ี า่ มีทาํ เลการคา้ ที่ ดกี วา่ เรือกลไฟ เรอื สินคา้ ใหญ่ สามารถเขา้ ถึงไดส้ ะดวก เหล่าน้ีเป็ นตน้ ดา้ นการคมนาคม พระยารษั ฎานุประดิษฐฯ์ ใหค้ วามสาํ คญั เป็ นทีส่ ุด โดยเฉพาะการสรา้ งถนน อกี ทงั้ ยงั ชวนให้ เห็นประโยชนข์ องการปลูกยางพาราและการทาํ สวนยางใน

๑๘.พระยากลั ยาณไมตรี พระราชประวตั ิ (ฟรานซิส บี. แซร)์ พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี. แซร์) เป็ น อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั ฮาร์วาร์ด แ ล ะ เ ป็ น บุ ต ร เ ข ย ข อ ง วู ด โ ร ว์ วิล สัน อ ดี ต ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ฟรานซิสเป็ นนิติ ศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ต่อมา เดนิ ทางมายงั ประเทศสยาม ในฐานะเอกอคั รราชทตู สหรฐั ประจําสยาม เมื่อ พ.ศ. 2468 แล้วกลับ สหรฐั อเมรกิ าใน พ.ศ. 2475 ผลงานทสี่ าํ คญั ในสมยั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั รชั กาลที่ ๕ ประเทศสยามมีความสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั มหาวทิ ยาลยั ฮารเ์ วริ ด์ ซงึ่ เป็ นมหาวทิ ยาลยั ทมี่ ชี อื่ เสยี งในประเทศสหรฐั อเมริกา โดยสมยั นน้ั พระองค์ ได้ว่าจ้างมิสเตอร์ เจนส์ ไอ. เวสสเตนการด์ (Jens.Iverson.Westengard)ศาสตราจารย์ที่ มหาวทิ ยาลยั แหง่ น้ีมาเป็ นทปี่ รกึ ษาดา้ นกฎหมาย เพราะถูกรุกลาํ้ ดนิ แดนและเอาเปรียบหลายๆ อย่าง จากประเทศองั กฤษ ประเทศฝรงั่ เศส รวมถึงชาตอิ ื่นๆ ในขณะท่ี ดร. ฟรานซิส บี. แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre) กาํ ลงั ทาํ การสอนอยูท่ ีม่ หาวทิ ยาลยั ฮารเ์ วริ ด์ คณบดีก็ไดเ้ รียกทา่ นเขา้ ไปพูดคยุ และ ถามวา่ “จะไปทาํ งานท่ีตะวนั ออกไกลในตาํ แหน่งที่ปรึกษาการตา่ งประเทศของพระเจา้ แผน่ ดินสยาม บา้ งไหม” แนน่ อนวา่ แมต้ อนนนั้ จะมีอาจารยจ์ ากมหาวทิ ยาลยั ฮารเ์ วริ ด์ หลายคนเคยไปเป็ นที่ปรึกษา แตใ่ นขณะนน้ั นอกจากตวั ท่านเองแลว้ ก็ยงั มีบุตรอีก ๓ คน ท่ีตอ้ งดูแลอีก ซึ่งคนโตก็อายุเพียง ๘ ปี และคนเล็กก็อายุเพียง ๔ ปี เท่านนั้ แตเ่ มื่อไดพ้ ูดคุยกบั เหล่ามิชชนั นารีถึงสภาพชีวติ ความเป็ นอยู่ใน กรุงเทพฯ ทา่ นจึงตดั สินใจไป ขณะนนั้ เมืองไทยกาํ ลงั มุ่งทีจ่ ะขอแกไ้ ขสนธิสญั ญาทางพระราชไมตรีท่ี ประเทศไทยเคยทาํ ไวก้ บั นานาประเทศ โดยเฉพาะทเี่ กี่ยวกบั อาํ นาจศาล และการภาษีอากร ซึ่งประเทศ ไทยเป็ นฝ่ ายเสียเปรียบอยู่ จนสามารถดาํ เนินการแกไ้ ขสนธิสญั ญาสาํ เร็จกบั ประเทศสหรฐั อเมริกา ประเทศองั กฤษ ประเทศฝรงั่ เศส ประเทศอิตาลี ประเทศฮอล์แลนด์ ประเทศเบลเยี่ยม ประเทศ เดนมารก์ ประเทศนอรเ์ วย์ ประเทศสวเี ดน ประเทศสเปน และประเทศโปรตุเกสไดส้ าํ เร็จ

พระราชประวตั ิ ศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี มีนามเดิมว่าคอรร์ าโด เฟโรชี เกิดเมื่อวนั ท่ี 15 กนั ยายน พ.ศ. 2435 ในเขต ซานโจวนั นี (San Giovanni) เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศ อิตาลี เป็ นบุตรของนายอาตูโด เฟโรชีและนางซานติ นา เฟโรชี ซึ่งประกอบธุรกิจการคา้ และเนื่องจากเกิด และอาศยั อยู่ ณ เมืองฟลอเรนซ์ นครแห่งการกาํ เนิด ศิลปะเรอเนซองส์ชื่อกอ้ งของอิตาลี คอร์ราโดจึงมี ๑๙.ศิลป์ พีระศรี ความสนใจในวชิ าศิลปะมาตงั้ แต่วยั เด็ก คอรร์ าโดนนั้ มีความสนใจและชนื่ ชอบในผลงานประตมิ ากรรมของ มิเกลนั เจโลและโลเรนโซ กีแบรต์ ีในมหาวหิ ารฟลอเรนซเ์ ป็ นอยา่ งมาก จงึ ไดส้ มคั รเป็ นลูกมือ ชว่ ยงานศิลปินที่มีช่อื เสียงตามสตดู ิโอตา่ งๆของเมืองฟลอเรนซ์ เขามีความตงั้ ใจแน่วแน่ที่จะ ศกึ ษาวชิ าศิลปะและเป็นศลิ ปินใหไ้ ด้ ผลงานทสี่ าํ คญั ศาสตราจารยศ์ ิลป์ ยงั เป็ นผูว้ างรากฐานท่ีเขม้ แข็งใหแ้ ก่วงการศิลปะไทยสมยั ใหม่จากการท่ี ไดพ้ ราํ่ สอนและผลกั ดนั ลูกศิษยใ์ หไ้ ดม้ ีความรูค้ วามสามารถในวชิ าศิลปะทง้ั งานจติ รกรรม และงานชา่ ง มีจดุ ประสงคใ์ หค้ นไทยมีความรูค้ วามเขา้ ใจในศิลปะและสามารถสรา้ งสรรคง์ าน ศิลปะไดด้ ว้ ยความสามารถของบุคลากรของตนเอง การก่อตงั้ มหาวิทยาลยั ศิลปากรจึง เปรียบเสมือนการหวา่ นเมล็ดพนั ธุใ์ หแ้ ก่คนไทยเพื่อที่จะออกไปสรา้ งศิลปะเพื่อแผน่ ดินของ ตน และถึงแม้จะริเริ่มรากฐานของความรูด้ า้ นศิลปะตะวนั ตกในประเทศไทย แต่ใน ขณะเดยี วกนั ศาสตรจารยศ์ ิลป์ ก็ไดศ้ ึกษาศิลปะไทยอยา่ งลึกซ้ึง เน่ืองจากตอ้ งการใหค้ นไทย รกั ษาความงามของศิลปะไทยเอาไว้ จึงไดเ้ กิดการสรา้ งลูกศิษยท์ ี่มีความรูท้ งั้ งานศิลปะ ตะวนั ตกและศิลปะไทยออกไปเป็ นกาํ ลงั สาํ คญั ใหแ้ ก่วงการศิลปะไทยเป็ นจาํ นวนมาก และ เกิดรูปแบบงานศิลปะไทยสมยั ใหมใ่ นท่สี ุด

บรรณานกุ รม ๑)วิกิพีเดีย. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั . (ออนไลน์). 2563, แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจา้ อยูห่ วั (12 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๒)วกิ ิพีเดยี . พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยูห่ วั . (ออนไลน)์ . 2563,แหลง่ ทีม่ า: https://th.wikipedia.org/wiki/พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ก เ ก ล ้า เ จ ้า อ ยู่ ห ัว ( 1 1 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๓) วกิ ิพีเดีย. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดลพระอฐั มรามาธิบ ดินทร. (ออนไลน์). 2563,แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล_พระอฐั มรามาธิบดินทร (11 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๔) วกิ ิพีเดีย. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร. (ออนไลน)์ . 2563,แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช_บรมนาถบพิตร(12 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๕) วกิ ิพีเดีย. สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส. (ออนไลน์). 2563,แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระมหาสมณเจา้ _กรม พระยาวชริ ญาณวโรรส (13 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๖) วกิ ิพีเดีย. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมหลวงวงศาธิราชสนิท. (ออนไลน)์ . 2563, แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระเจา้ บรมวงศ์เธอ_กรมหลวง วงศาธิราชสนิท(11 กุมภาพนั ธ์ 2564)

๗) วิกิพีเดีย. สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ. (ออนไลน)์ . 2563,แหลง่ ทม่ี า: https://th.wikipedia.org/wiki/สมเดจ็ พระเจา้ บรม วงศเ์ ธอ_กรมพระยาเทวะวงศว์ โรปการ (11 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๘) วกิ ิพีเดยี . สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดาํ รงราชานุภาพ. (ออนไลน)์ . 2563,แหล่งท่ีมา: https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ_ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพ (14 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๙) วกิ ิพีเดีย. สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอเจา้ ฟ้ ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ์. (ออนไลน)์ . 2563,แหลง่ ทม่ี า: https://th.wikipedia.org/wiki/สมเดจ็ พระเจา้ บรม วงศเ์ ธอ_เจา้ ฟ้ ากรมพระยานรศิ รานุวดั ตวิ งศ์ (14 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๑๐) วิกิพีเดีย. สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีพระพนั วสั สาอยั ยิกาเจา้ . (ออนไลน)์ . 2563,แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระศรีสว รนิ ทริ าบรมราชเทว_ี พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจา้ (14 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๑๑) วิกิพีเดีย. เจา้ พระยาโกษาธิบดี (ปาน). (ออนไลน์). 2563,แหล่งท่ีมา: https://th.wikipedia.org/wiki/เจา้ พระยาโกษาธิบดี_(ปาน) (12 กุมภาพันธ์ 2564) ๑๒) วกิ ิพีเดีย. หม่อมราโชทยั (หม่อมราชวงศก์ ระต่าย อิศรางกูร). (ออนไลน์). 2563,แหลง่ ทม่ี า: https://th.wikipedia.org/wiki/หมอ่ มราโชทยั _(หมอ่ มราชวงศ์ กระตา่ ย_อศิ รางกูร)(13 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๑๓) วกิ ิพีเดยี . สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรสี รุ ยิ วงศ์ (ชว่ ง บุนนาค). (ออนไลน)์ . 2563,แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุ รยิ วงศ_์ (ชว่ ง_บุนนาค) (14 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๑๔) วิกิพีเดีย. ซีมง เดอ ลา ลูแบร. (ออนไลน์). 2564,แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ซมี ง_เดอ_ลา_ลแู บร์ (14กุมภาพนั ธ์ 2564)

๑๕) วิกิพีเดีย. ฌ็อง-บาติสต์ ปาลกัว. (ออนไลน์). 2563,แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/ฌ็อง-บาตสิ ต_์ ปาลกวั (13กุมภาพนั ธ์ 2564) ๑๖) วิกิพีเดีย. แดน บีช บรัดเลย์. (ออนไลน์). 2564,แหล่งที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/แดน_บีช_บรดั เลย์ (13กุมภาพนั ธ์ 2564) ๑๗) วิกิพีเดีย. พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี(คอซิมบ๊ี ณ ระนอง). (ออนไลน์). 2563,แหล่งท่ีมา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระยารษั ฎานุ ประดษิ ฐม์ หศิ รภกั ด_ี (คอซมิ บ๊_ี ณ_ระนอง) (14 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๑๘) วิกิพีเดีย. พระยากลั ยาณไมตรี(ฟรานซิส บี. แซร์). (ออนไลน์). 2563, แหล่งท่ีมา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระยากลั ยาณไมตรี_(ฟรานซิส_บี._ แซร)์ (12 กุมภาพนั ธ์ 2564) ๑ ๙ ) วิกิ พี เ ดี ย . ศิ ล ป์ พี ร ะ ศ ร . ( อ อ น ไ ล น์ ) . 2 5 6 3 , แ ห ล่ ง ท่ี ม า : https://th.wikipedia.org/wiki/ศลิ ป์ _พีระศรี (13 กุมภาพนั ธ์ 2564)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook