บุคคลสาํ คญั
พระมหาธรรมราชาท่ี 1 พระยาลิไทยทรงเล่ือมใสในพระพุทธศาสนาเป็ นอย่างมากนโยบายการ ปกครองที่ใชศ้ าสนา เป็ นหลกั รวมความเป็ นปึ กแผ่นจึงเป็ นนโยบายหลกั ในรชั สมยั น้ี ดว้ ยทรงดาริว่าการจะขยายอาณาเขตต่อไปเช่นเดียวกบั ใน รชั กาลพ่อขุนรามคาแหง (พระอยั กา) ทรงสรา้ งเจดียท์ ่ีเมืองนครชมุ (กาแพงเพชร) ผนวชในพระพทุ ธศาสนาเมื่อ พ.ศ.1905 ที่วดั ป่ ามะม่วงการที่ทรงออกผนวช นบั วา่ ทาความมนั่ คงใหพ้ ทุ ธศาสนามากข้ึน ดงั กล่าวแลว้ วา่ หลงั รชั สมยั พ่อขนุ รามคาแหงมหาราชแลว้ บา้ นเมืองแตกแยก วงการสงฆเ์ องก็แตกแยก แต่ ละสานกั แต่ละเมืองก็ปฏิบตั ิแตกต่างกนั ออกไป เม่ือผูน้ าทรงมีศรทั ธาแรงกลา้ ถึงขน้ั ออกบวช พสกนิกรทงั้ หลายก็คลอ้ ยตามหนั มาเลื่อมใสตามแบบอย่างพระองค์ พระสงฆช์ น้ั ผูใ้ หญ่หลายรูปไดอ้ อกไปเผยแพร่ธรรมในแควน้ ต่าง ๆ เช่น อโยธยา หลวงพระบาง เมืองน่าน แมแ้ ต่พระเจา้ กือนาธรรมิกราชแห่ง อาณาจกั รลา้ นนาก็นิมนตพ์ ระสุมณเถระจากสุโขทยั ไปเพื่อเผยแพร่ธรรม ท่ีลา้ นนา
สมเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี 1 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจา้ อู่ทอง) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา เป็ นราชธานีเม่ือวนั ศุกร์ ข้ึน 6 ค่า เดือน 5 ปี ขาล จุลศกั ราช 712 ตรงกบั วนั ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 1893 ชีพอ่ พราหมณถ์ วายพระนามวา่ สมเด็จพระรามาธิบดี แลว้ โปรดใหข้ ุนหลวง พะงวั่ ซึ่งเป็ นพระเชษฐาของพระมเหสีเป็ น สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจา้ ไปครองเมืองสุพรรณบุรี ส่วนพระราเมศวร รชั ทายาทใหไ้ ปครองเมืองลพบุรี ตรากฎหมาย สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ทรงประกาศใชก้ ฎหมายถึง 10 ฉบบั
พระบรมไตรโลกนาถ ดา้ นการปกครองประกอบดว้ ยการจดั ระเบียบการปกครองส่วนกลางและส่วน ภูมิภาค อนั เป็ นแบบแผนซ่ึงยึดสืบต่อกนั มาจนถึงรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัวและการตราพระราชกําหนดศักดินา ซ่ึงทําใหม้ ีการ แบ่งแยกสิทธิ และหนา้ ที่ของแต่ละบุคคลแตกต่างกนั ไป รูปแบบการปกครองนบั ตงั้ แต่รชั สมยั สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 มีความหละหลวม หัวเมืองต่าง ๆ เบียดบังภาษีอากร และปั ญหาการแข็งเมืองในบางช่วงท่ี พระมหากษตั ริยอ์ ่อนแอ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงตราพระราชกําหนดศกั ดิ นาข้ึนเป็ นกฎเกณฑข์ องสงั คม ทําใหม้ ีการแบ่งประชากรออกเป็ นหลายชนชน้ั ทรงปฏิรปู การปกครองโดยมีการแบ่งงานฝ่ ายทหารและฝ่ ายพลเรือนออก จากกนั อย่างชดั เจน ใหส้ มุหพระกลาโหมดแู ลฝ่ ายทหาร และใหส้ มุหนา ยก ดแู ลฝ่ ายพลเรือน รวมทง้ั จตุสดมภใ์ นราชธานี
สมเดจ็ พระศรสี รุ โิ ยทยั พระราชพงศาวดาร ฉบบั พนั จนั ทนุมาศ (เจิม) ระบุว่า เม่ือวนั ที่ 3 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2090 สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิเสด็จออกไปดูกําลงั ขา้ ศึกที่ภูเขาทอง[พระ สุริโยทยั พรอ้ มดว้ ยพระราชโอรสพระราชธิดารวม 4 พระองคต์ ามเสด็จดว้ ย โดย พระองคท์ รงแต่งกายอย่างพระมหาอุปราช ทรงชา้ งพลายทรงสุริยกษตั ริยส์ ูง 6 ศอก ครนั้ ยกกองทพั ออกไปบริเวณท่งุ ภูเขาทอง ชา้ งทรงของสมเด็จพระมหาจกั รพรรดิเกิดเสียทีหนั หลงั หนีจากขา้ ศึก พระเจา้ แปรก็ทรงขบั ชา้ งไล่ตามมาอย่างกระชนั้ ชิด พระสรุ ิโยทยั ทอดพระเนตรเห็นพระราชสวามีกาํ ลงั อยู่ใน อนั ตรายจึงรีบขบั ชา้ งเขา้ ขวางพระเจา้ แปร ทาํ ใหท้ รงไม่สามารถติดตามต่อไปได้ พระเจา้ แปร จึงทาํ ยุทธหตั ถีกบั พระสรุ ิโยทยั เน่ืองจากพระนางอย่ใู นลกั ษณะเสียเปรียบ ชา้ งพระเจา้ แปรไดเ้ สยชา้ งพระสุริโยทยั จนเทา้ หน้าทง้ั สองลอยพน้ พ้ืนดิน แลว้ พระเจา้ แปรจึงฟันพระสุริโยทยั ดว้ ยพระแสงของา้ วตอ้ งพระ องั สาขาดถึงราวพระถนั ส่วนพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบบั หลวง ประเสริฐอกั ษรนิต์ิ ระบุวา่ มีพระราชธิดาส้ินพระชนมบ์ นคอชา้ งดว้ ย
สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ. 2135 พระเจา้ นนั ทบุเรง โปรดใหพ้ ระมหาอุปราชา นํากองทพั ทหารสองแสนส่ี หมื่นคน มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครงั้ น้ี สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่าพม่าจะ ยกทพั ใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกําลงั หนึ่งแสนคนเดินทางออกจากบา้ นป่ าโมกไป สพุ รรณบรุ ี ขา้ มนํ้าตรงท่าทา้ วอู่ทองและตง้ั ค่ายหลวงบริเวณหนองสาหร่าย เชา้ ของวนั จนั ทร์ แรม 2 คํา่ เดือนยี่ ปี มะโรง พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเครื่องพิชยั ยทุ ธ สมเด็จพระนเรศวรทรงชา้ ง นามว่า เจา้ พระยาไชยานุภาพ ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงชา้ งนามวา่ เจา้ พระยาปราบ ไตรจกั ร ชา้ งทรงของทง้ั สองพระองคน์ น้ั เป็ นชา้ งชนะงา คือชา้ งมีงาที่ไดร้ บั การฝึ กใหร้ จู้ กั การ ต่อสมู้ าแลว้ หรือเคยผ่านสงครามชนชา้ ง ชนะชา้ งตวั อ่ืนมาแลว้ ซึ่งเป็ นชา้ งที่กาํ ลงั ตกมนั ใน ระหวา่ งการรบจึงวิ่งไล่ตามพม่าหลงเขา้ ไปในแดนพม่า วา่ ชา้ งทรงของสองพระองคห์ ลงถลําเขา้ มาถึงกลางกองทพั และตกอยู่ในวงลอ้ มขา้ ศึกแลว้ แต่ดว้ ยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็ นการเสียเปรียบขา้ ศึกจึงไส ชา้ งเขา้ ไปใกล้ แลว้ ตรสั ถามดว้ ยคนุ้ เคยมาก่อนแต่วยั เยาวว์ ่า \"พระเจา้ พ่ีเราจะยืนอย่ใู ยในรม่ ไมเ้ ล่า เชิญออกมาทาํ ยทุ ธหตั ถีดว้ ยกนั ใหเ้ ป็ นเกียรติยศไวใ้ นแผ่นดินเถิด ภายหนา้ ไปไม่มี พระเจา้ แผ่นดินที่จะไดย้ ทุ ธหตั ถีแลว้
สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช สมเด็จพระนารายณม์ หาราชเป็ นพระมหากษตั ริยผ์ ูเ้ ป็ นที่เล่ืองลือพระ เกียรติยศในพระราโชบายทางคบคา้ สมาคมกบั ชาวต่างประเทศ รกั ษา เอกราชของชาติใหพ้ น้ จากการเบียดเบียนของชาวต่างชาติและรับ ผลประโยชนท์ งั้ ทางวิทยาการและเศรษฐกิจที่ชนต่างชาตินําเขา้ มา ทรงอุปถมั ภบ์ ํารุงกวีและงานดา้ นวรรณคดีอนั เป็ นศิลปะท่ีรุ่งเรืองท่ีสุดในยุคนนั้ เมื่อสมเด็จพระ นารายณเ์ สด็จเถลิงถวยั ราชสมบตั ิ ณ ราชอาณาจกั รศรีอยูธยาแลว้ ปัญหากิจการบา้ นเมืองใน รชั สมยั ของพระองคเ์ ป็ นไปในทางเกี่ยวขอ้ งกบั ชาวต่างประเทศเป็ นส่วนใหญ่ ดว้ ยในขณะนน้ั มี ชาวต่างประเทศเขา้ มาคา้ ขาย และอย่ใู นราชอาณาจกั รไทยมากวา่ ที่เคยเป็ นมาในกาลก่อน ชาวยุโรปซึ่งเป็ นชาติใหญ่มีกาํ ลงั ทรพั ย์ กาํ ลงั อาวุธ และผูค้ น ตลอดจน มีความเจริญรุ่งเรือง ทางวิทยาการต่าง ๆ เหนือกว่าชาวเอเซียมาก และชาวยุโรปเหล่าน้ีกําลงั อยู่ในสมยั ขยาย การคา้ ศาสนาคริสต์ และอาํ นาจทางการเมืองของพวกตนมาส่ดู ินแดนตะวนั ออก ยกตวั อย่าง เช่นในปี พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) ออกญาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี พระยาพระคลงั และ ออกพระศรีพิพทั ธร์ ตั นราชโกษาไดล้ งนามในสนธิสญั ญาทางการคา้ กบั ประเทศฝรงั่ เศส
สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช หลงั จากท่ีกรุงศรีอยุธยาแตก กฎหมายบา้ นเมืองกระจดั กระจายสูญหายไปมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหท้ ําการสืบเสาะ คน้ หามารวบรวมไวไ้ ดป้ ระมาณ 1 ใน 10 และโปรดฯ ใหช้ ําระกฎหมายเหล่าน้ัน ฉบบั ใดยงั เหมาะแก่กาลสมยั ก็ โปรดฯ ใหค้ งไว้ ฉบบั ใดไม่เหมาะก็โปรดใหแ้ กไ้ ขเพ่ิมเติมก็มี ยกเลิกไปก็มี ตรา ข้ึนใหม่ก็มี และเป็ นการแกไ้ ขเพ่ือราษฎรไดร้ บั ผลประโยชนม์ ากข้ึน โปรดฯ ใหแ้ กไ้ ขกฎหมายว่าดว้ ยการพนนั ใหอ้ ํานาจการตดั สินลงโทษข้ึนแก่ศาล แทนนายตราสิทธิ์ขาด และยงั หา้ มนายตรานายบ่อนออกเงินทดลองใหผ้ ูเ้ ล่น เกาะ กุมผูกมัดจําจองเร่งรัดผู้เล่น กฎหมายพิกัดภาษีอากรก็เกือบไม่มี เพราะ ผลประโยชนแ์ ผ่นดินไดจ้ ากการคา้ สําเภามากพอแลว้ กฎหมายว่าดว้ ยการจุกช่อง ลอ้ มวงก็ยงั ไม่ตราข้ึน เปิ ดโอกาสใหร้ าษฎรไดเ้ ฝ้ าแหนตามรายทาง โดยไม่มีพนักงานตํารวจ แม่นปื นคอยยิงราษฎร ซ่ึงแมแ้ ต่ชาวต่างประเทศก็ยงั ชื่นชมในพระราช อธั ยาศยั น้ี
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธ ทรงจดั ทําเมื่อเสด็จข้ึนครองราชย์ คือการโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อม ใหต้ ง้ั กรุง ยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราช รตั นโกสินทรเ์ ป็ นราชธานีใหม่ ทางตะวนั ออกของแม่น้ําเจา้ พระยา แทนกรุงธนบุรี ดว้ ยเหตุผลทางดา้ นยุทธศาสตร์ เน่ืองจากกรุงธนบุรีตง้ั อยู่บนสองฝั่งแม่น้ํา ทําให้ การลําเลียงอาวธุ ยุทธภณั ฑ์ และการรกั ษาพระนครเป็ นไปไดย้ าก อีกทงั้ พระราชวงั เดิมมีพ้ืนท่ีจํากดั ไม่สามารถขยายได้ เนื่องจากติดวดั อรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหารและวดั โมลีโลกยารามราชวรวิหาร ส่วนทางฝั่งกรุง รตั นโกสินทรน์ น้ั มีความเหมาะสมกว่าตรงท่ีมีพ้ืนแผ่นดินเป็ นลกั ษณะหวั แหลม มี แม่น้ําเป็ นคเู มืองธรรมชาติ มีชยั ภูมิเหมาะสม และสามารถรบั ศึกไดเ้ ป็ นอย่างดี ทรงประกอบพิธียกเสาหลกั เมือง เม่ือวนั อาทิตย์ ข้ึน 10 คํา่ เดือน 6 ปี ขาล จ.ศ. 1144 ตรง กบั วนั ท่ี 21 เมษายน พ.ศ. 2325 และโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมใหส้ รา้ งพระบรมมหาราชวงั สืบทอดราชประเพณี และสรา้ งพระอารามหลวงในเขตพระบรมมหาราชวงั ตามแบบกรุงศรี อยุธยา ซ่ึงการสรา้ งเมืองและพระบรมมหาราชวงั เป็ นการสืบทอดประเพณี วฒั นธรรม และ ศิลปกรรมดงั้ เดิมของชาตินอกจากน้ียงั โปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมใหส้ รา้ งส่ิงต่าง ๆ อนั สาํ คญั ต่อการสถาปนาราชธานีไดแ้ ก่ ป้อมปราการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: