ไฟฟา้ คืออะไร สาเหตุของการเกิดไฟฟา้ สถติ วตั ถทุ ัว่ ไปมีสภาพเปน็ กลางทางไฟฟ้า เมื่อไดร้ ับแรงจากนอก จะสง่ ผลให้อิเล็กตรอนอสิ ระที่อยู่ภายใน วัตถุเคลือ่ นท่ีอย่างรุนแรงจนจนหลดุ พน้ แรงยึดเหนยี่ วของนิวเคลยี สของอะตอม ทำใหว้ ตั ถุน้ันมสี ถานะทาง ไฟฟา้ เป็นบวก สว่ นวตั ถุที่รบั อเิ ลก็ ตรอนดังกล่าวจะมสี ถานะทางไฟฟา้ เปน็ ลบ วงจรไฟฟ้า วงจรไฟฟ้า คอื ทางเดินของไฟฟ้าเป็นวง ไฟฟ้าจะไหลไปตามตัวนำหรอื สายไฟจนกระทัง่ ไหลกลับตาม สายมายัง เครอื่ งกำเนดิ ไฟฟา้ เป็นวงครบรอบ คือ ออกจากเคร่ืองกำเนดิ แลว้ กลับมายังเคร่ืองกำเนิดอีกครงั้ หนึง่ จนครบ 1 เท่ียว เรียกวา่ 1 วงจร หรือ 1 Cycle วงจรไฟฟา้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ วงจรปิด (Closed Circuit) จากรปู จะเห็น กระแสไฟฟ้าไหลออกจากแหลง่ กำเนดิ ผา่ นไปตามสายไฟ แล้วผา่ น สวทิ ช์ไฟซึ่งแตะกันอยู่ (ภาษาพดู ว่าเปิดไฟ) แล้วกระแสไฟฟา้ ไหลต่อไปผา่ นดวงไฟ แลว้ ไหลกลับมาที่ แหลง่ กำเนิดอีกจะ เห็นไดว้ า่ กระแสไฟฟา้ สามารถไหลผ่านได้ครบวงจร หลอดไฟจงึ ตดิ žวงจรเปดิ (Open Circuit) ถ้าดตู ามรูป วงจรเปิด ไฟจะไม่ติดเพราะวา่ ไฟออกจากแหล่งกำเนดิ ก็จะไหลไป ตาม สายพอไปถึงสวทิ ช์ซ่ึงเปิดห่างออกจากกัน (ภาษาพดู ว่าปิดสวทิ ช์) ไฟฟา้ ก็จะผา่ นไปไมไ่ ด้ กระแสไฟฟ้าไม่ สามารถจะไหล ผา่ นใหค้ รบวงจรได้
วงจรไฟฟ้าประกอบดว้ ยสว่ นทีส่ ำคญั 4 ส่วนคือ - แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ หมายถงึ แหลง่ จ่ายไฟฟา้ ไปยงั วงจรไฟฟ้า เช่น แบตเตอร่ี - ตัวนำไฟฟา้ หมายถึง สายไฟฟ้าหรอื ส่ือท่จี ะเปน็ ตวั นำให้กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นไปยังเครื่องใชไ้ ฟฟ้า ซ่งึ ต่อระหว่างแหลง่ กำเนิดกบั เครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ - เครื่องใช้ไฟฟ้า หมายถงึ เคร่ืองใชท้ ีส่ ามารถเปลีย่ นพลงั งานไฟฟา้ ให้เปน็ พลงั งานรปู อน่ื ซ่ึงจะเรยี ก อกี อย่างหน่งึ ว่า โหลด - สะพานไฟ (Cut out) หรือสวิทช์ (Switch) เปน็ ตัวตัดและต่อกระแสไฟฟ้า วงจรไฟฟ้ากระแสตรง การแสดงการต่อวงจรไฟฟา้ เบ้ืองตน้ โดยการต่อแบตเตอรต่ี ่อเขา้ กบั หลอดไฟ หลอดไฟฟา้ สวา่ งได้ เพราะวา่ กระแสไฟฟ้าสามารถไหลไดต้ ลอดท้ังวงจรไฟฟา้ และเม่ือหลอดไฟฟา้ ดบั ก็เพราะวา่ กระแสไฟฟา้ ไม่ สามารถไหลไดต้ ลอดท้งั วงจร เนื่องจากสวติ ซเ์ ปิดวงจรไฟฟ้าอยูน่ นั่ เอง การต่อวงจรไฟฟ้ากระแสตรงต้องต่อขั้ว ไฟให้ถูกต้องเพราะอุปกรณใ์ นวงจรดงั กลา่ วจะมีขว้ั ไฟดังแสดงในรูป วงจรไฟฟ้ากระแสสลับ วงจรไฟฟ้ากระสลับ การตอ่ วงจรไฟฟา้ กระแสสลับจะตอ้ งต่ออปุ กรณ์ได้โดยไม่คำนึงถึงขั้วไฟ
ตวั นำไฟฟา้ - โลหะ - สารละลายของกรดเกลอื กรดกำมะถนั , นำ้ เกลอื ฉนวนไฟฟ้า - ยาง พลาสติก - กระจก - กระดาษ ความต้านทาน ความต้านทานมหี น่วยเป็นโอห์ม (Ohm ใชส้ ัญลักษณ์ W) ความตา้ นทาน1 โอห์มคือ ความตา้ นทาน ของวัตถุที่ยอมใหก้ ระแสไฟฟ้า 1 แอมแปร์ โดยมแี รงดนั ไฟฟ้า 1 โวลต์ ตัวต้านทาน ตวั ต้านทาน คืออุปกรณ์ตา้ นทานการไหลไฟฟ้าทงั้ กระแสตรงและกระแสสลบั โดยท่วั ไป ตวั ต้านทาน จะมอี ยูห่ ลายแบบ แตกต่างกันตามขนาดรูปรา่ ง ตามแต่อตั ราทนกำลังไฟฟ้า และตามค่าของมนั ซงึ่ ค่าของ ความ ต้านทาน จะมีหน่วยเป็นโอหม์ (ohm) ค่าความตา้ นทานน้ใี นตัวต้านทานบางแบบจะพิมพ์ลงบนตัวมัน เลย และกม็ บี างแบบเชน่ กนั ท่ีจะ บอกคา่ ความต้านทานมาเปน็ แถบสี
ตัวต้านทาน ตวั ต้านทาน เป็นอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกสต์ วั หน่ึงที่ ทำหน้าที่จำกดั ปรมิ าณกระแสไฟฟ้าในวงจรหรือใน ส่วนของวงจร เพราะเมื่อตอ่ ความตา้ นทานในวงจร ค่ากระแสไฟฟา้ จะลดลง ในการต่อตัวตา้ นทานในวงจรไม่ ต้องคำนึงถึงข้ัวหรือปลายของตัวต้านทาน ตัวตา้ นทานแบง่ ออกได้ 2 ชนิด คอื 1. ตัวตา้ นทานคงที่ เป็นตวั ต้านทานท่มี ีค่าความต้านทานไมเ่ ปลยี่ นแปลง ผ้ใู ช้สามารถอา่ นคา่ ความต้านทานไดจ้ ากแถบสีท่ีคาดรอบตัวตา้ นทาน 2. ตวั ตา้ นทานแปรคา่ ได้ เปน็ ตวั ต้านทานอีกชนดิ หนงึ่ ทผี่ ใู้ ชส้ ามารถเปล่ยี นค่าความ ต้านทานไดโ้ ดยการหมุนหรอื เล่ือนปมุ่ ปรับคา่ เพ่ือเพิ่มหรอื ลดค่าความต้านทานท่ีต้องการ วิธีวัดแรงดันไฟฟ้า วธิ ีต่อแบตเตอร่ี
การตอ่ ตัวต้านทาน การต่อแบบอนุกรม สตู รคำนวณ R = R1+R2+… การต่อแบบขนาน สตู รคำนวณ R = 1 + 1 + 1 +/R1 R2 R3…
วิธวี ัดกระแสไฟฟา้ ตัวเกบ็ ประจุ ตวั เกบ็ ประจุ หรือ ตวั เก็บอิเล็กตรอน(Capacitor) ตวั เกบ็ ประจมุ ีหลายชนิดด้วยกนั แตท่ ำหนา้ ท่เี หมือนกนั คือเก็บประจุ ค่าความจุของตัวเกบ็ ประจใุ ช้หนว่ ย เปน็ ฟารดั (farad ) ใชส้ ญั ลกั ษณ์ F
หลักการทำงาน หากจะเปรยี บการทำงานของตวั เกบ็ ประจกุ ับสปริง ขณะเรายืดสปริงออกน้ันหมายถงึ เรากำลงั ให้ พลังงานกบั สปริง และถ้าปลอ่ ยมอื สปรงิ ก็จะหดตัวกลับที่เดมิ ทำให้ก้อนหนิ ถูกดดี ออกไป ดงั รูป เปรียบเทียบ การเกบ็ ประจุและการปล่อยมือให้สปริงหดตัวกบั การคายประจุ ของตวั เกบ็ ประจุ การเกบ็ ประจุ การเกบ็ ประจกุ ็คอื การเก็บอเิ ลก็ ตรอนไวท้ ่แี ผ่นเพลตของตัวเกบ็ ประจุนัน่ เอง ซึง่ อธิบายโดยละเอยี ดดัง รูป เม่ือนำแบตเตอร่ีอื่นๆ ต่อกับตัวเก็บประจุ อิเล็กตรอนจากข้ัวลบของแบตเตอร่ี จะเข้าไปออกันท่ีแผ่นเพลต ทำให้เกิดประจุลบข้ึนและยังส่งสนามไฟฟ้าไป ผลักอิเล็กตรอนของแผ่นเพลตตรงข้าม (เหมือนกับนำแผ่น แม่เหล็กที่มีข้ัว เหมือนกันมาใกล้กันมันก็จะผลักกัน) ซึ่งโดยปกติในแผ่นเพลตจะมี ประจุเป็น + และ - ปะปน กันอยู่ เม่ืออิเล็กตรอนจากแผ่นเพลตน้ีถูก ผลักให้หลุดออกไปแล้วจึงเหลือประจุบวกมากกว่าประจุลบ ย่ิง อิเล็กตรอนถกู ผลักออกไปมากเท่าไร แผน่ เพลตนั้นกจ็ ะเป็นบวกมากข้ึนเทา่ น้ัน (เม่อื เทียบกับอกี ดา้ น) การอา่ นค่าโดยตวั เกบ็ ประจุ การอ่านค่าความจุในลักษณะน้ีจำเป็นจะต้องอาศัยเทคนิคเล็กน้อยในรูป สังเกตได้ว่าค่าของตัวเก็บ ประจุทบ่ี อกเป็นรหัส (ตัวเลข) สองหลักแรกให้คงไวแ้ ละหลักท่สี ามเป็นจำนวนศนู ยท์ ่ีนำมาต่อท้ายเลขสองหลัก แรก เชน่ 101 ก็จะเท่ากับ 100 สว่ นหน่วยทีไ่ ด้จาก การอ่านคา่ วิธนี ้ีคอื พโิ กฟารัด เพราะฉะนั้นค่าที่ได้จึงเท่ากับ 100 พิโกฟารัดน่ันเองส่วนค่าผิดพลาดถูกบอกในรูปของอักษรแทนเช่น ตัว K มีค่าผิดพลาดเท่ากับ + - 10% ดังแสดงไวใ้ นรปู
การตอ่ ตัวเกบ็ ประจุ การต่อตัวเกบ็ ประจุแบบอนุกรม - อตั ราทนแรงดนั ไฟฟ้ามากขึ้น - ผลรวมคา่ ความจลุ ดลง ž- สูตรคำนวณ 1 = 1 + 1 + 1 …+1 Cs C1 C2 C3… Cn
การต่อตวั เกบ็ ประจุแบบขนาน - อัตราทนแรงดันไฟฟ้าเทา่ กัน - ผลรวมค่าความจุเท่ากับผลรวม ของคา่ ความจุตวั เกบ็ ประจุ ž- สตู รคำนวณ Cp = C1 + C2+ C3+… +Cn ไดโอดหรอื ไดโอดเปลง่ แสงหรือ LED ไดโอดหรอื ไดโอดเปล่งแสงหรอื LED ไดโอดเปล่งแสงทำหน้าที่เหมือนหลอดไฟฟ้าคือให้แสงสว่างได้แต่ทั้งน้ีต้องต่อขาของไดโอดให้ถูกต้อง คือข้ัวบวกของไดโอดเปล่งแสงต้องต่อทางขั้วบวกของถ่านไฟฉายและขั้วลบก็ต้องต่อกับข้ัวลบของถ่านไฟฉาย น่ันคือขั้วบวกของไดโอดต้องต่อเข้ากับจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงกว่าข้ัวลบของไดโอดไดโอดทำหน้าท่ีกำหนดทิศการ ไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าหรือสว่ นของวงจรไฟฟ้าทรานซสิ เตอร์
ข้อสังเกตวา่ ขาใดของไดโอดเป็นขาบวกหรือขาลบ พิจารณาดงั น้ี 1. ไดโอดท่มี ีลักษณะเปน็ รูปทรงกระบอกจะมีแถบสคี าดท่ีปลายหน่งึ ของทรงกระบอก ซง่ึ แสดงขาลบหรือขวั้ ลบ ขาท่ีอยู่ตรงข้ามจะเปน็ ขาบวก 2. ไดโอดเปล่งแสงมักจะมขี าท้ังสองข้างยาวไมเ่ ทา่ กนั ขาท่ียาวกว่าจะเป็นขาบวก สว่ นขาท่สี น้ั กว่าจะ เปน็ ขาลบ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบวา่ ปลายขาลบด้านที่อยใู่ นครอบพลาสติกจะโตกว่าขาบวก สายไฟฟา้ สายไฟฟา้ สายไฟฟา้ ประกอบดว้ ยส่วนประกอบทีส่ ำคัญ 2 ส่วนคือ ตวั นำและฉนวน - ตัวนำ ตวั นำของสายไฟฟ้าทำมาจากโลหะที่มีความนำไฟฟา้ สูง อาจเปน็ ตวั นำเด่ียว (solid) หรือตวั นำตี เกลยี ว (strand) ท่ีนยิ มได้แก่ ทองแดง และอลูมิเนยี ม ซึ่งมีขอ้ ดี-ข้อเสยี ดงั น้ี • ทองแดง มีความนำไฟฟ้าสงู มาก แข็งแรง เหนียว ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี ขอ้ เสยี คือ น้ำหนักมาก ราคาแพง จึงไม่เหมาะกับงานแรงดนั สงู แต่เหมาะกบั งานทัว่ ไปโดย เฉพาะงานในอาคาร • อลูมเิ นยี ม มีความนำไฟฟา้ รองจากทองแดง แตเ่ มื่อเทียบกรณกี ระแสเทา่ กนั แล้ว อลมู เิ นยี มจะเบาและราคาถกู กวา่ จึงเหมาะกบั งานนอกอาคารและแรงดนั สูง อลูมิเนียม ถา้ ท้ิงไวใ้ นอากาศ จะเกิดออกไซดเ์ ปน็ ฉนวนฟลิ ์มบางๆ ป้องกนั การสกึ กรอ่ น แต่ทำให้ การเชอื่ มต่อทำไดย้ าก - ฉนวน ทำหน้าท่หี อ่ หุ้มตัวนำ เพ่ือปอ้ งกันการสัมผัสโดยตรง ระหว่างตัวนำ หรือตวั นำกบั ส่วนทต่ี ่อลงดนิ ในระหวา่ งท่ตี วั นำ นำกระแสไฟฟ้าจะเกิดพลังงานสญู เสยี ในรูปความร้อน ซึง่ จะถา่ ยเทไปยังเนื้อ ฉนวน ความสามารถในการทนตอ่ ความร้อน ของฉนวน จะเปน็ ตวั กำหนด ความสามารถในการ ทนความรอ้ นของสายไฟฟา้ น่ันเอง การเลือกใชช้ นดิ ของฉนวน จะข้นึ กบั อุณหภูมิใช้งาน แรงดัน ของระบบ และสภาพแวดลอ้ มในการติดตัง้ วสั ดทุ น่ี ิยมใชเ้ ป็น ฉนวนมากทีส่ ดุ ในขณะน้คี ือ Polyvinyl Chloride (PVC) และ Cross Linked Polyethylene (XLPE)
ประเภทของสายไฟฟ้า - ประเภทของสายไฟฟ้าแบง่ ออกได้หลายลักษณะเช่น แบ่งตามลกั ษณะแรงดนั ไฟฟา้ (แรงดันไฟฟา้ สงู และแรงดันไฟฟ้าตำ่ ) แบ่งตามขนาด แบ่งตามลักษณะงานทใี่ ช้ เป็นตน้ สายไฟสำหรบั แรงดนั ไฟฟา้ สูง - สายเปลือย - สายหมุ้ ฉนวน ซง่ึ แตล่ ะชนดิ จะมปี ระเภทยอ่ ย ๆ แตกตา่ งกนั ออกไปเชน่ 35KV or Lower XPEL Insulation Power Cable สายไฟฟ้าสำหรบั แรงดนั ไฟฟ้าตำ่ สายไฟฟา้ แรงดันต่ำ - เปน็ สายไฟฟา้ ทใ่ี ช้กบั แรงดนั ไมเ่ กิน 750 V. เปน็ สายหุม้ ฉนวน ทำดว้ ยทองแดง หรืออลมู เิ นียม โดยท่ัวไปเป็นสายทองแดงสายขนาดเล็กจะเป็นตวั นำเดย่ี ว แตส่ ายขนาดใหญเ่ ป็นตัวนำตีเกลยี ว วสั ดฉุ นวนที่ใชก้ บั สายแรงดันตำ่ คือ Polyvinyl Chloride (PVC) และ Cross-linked Polyethylene (XLPE) —วีเอเอฟ (VAF) —ทเี อชดบั เบิลยู (THW) —เอ็นวายวาย (NYY) —วีซที ี (VCT) สายไฟฟ้าชนดิ VAF สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ - สายชนิด วีเอเอฟ (VAF) สายไฟตาม มอก.11-2531 ท่ตี ามท้องตลาดเรียกว่าสายชนดิ วเี อเอฟ (VAF) เป็นสายชนดิ ทนแรงดัน 300 V มีทง้ั ชนดิ ที่เปน็ สายเดี่ยว สายคู่ และทมี่ ีสายดนิ อยดู่ ้วย ถ้าเปน็ สายเดี่ยว จะเปน็ สายกลม และถ้าเปน็ ชนดิ 2 แกน หรือ 3 แกน จะเป็นสายแบน ตวั นำนอกจาก จะมฉี นวนห้มุ แล้วยังมเี ปลือกหุม้ อีกชน้ั หนง่ึ สายคู่ จะนิยมรัดด้วยเข็มขัดรดั สาย (Clip) ใชใ้ นบ้านอยอู่ าศัยทว่ั ไป สายชนิดนี้หา้ มใช้ในวงจร 3 phase ท่ีมแี รงดนั 380 V เชน่ กนั ( ในระบบ 3 phase แต่แยกไปใชง้ านเป็นแบบ 1 phase แรงดัน 220 V. จะใชไ้ ด้ )
สาย THW สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ - สายชนิด ทีเอชดบั เบิลยู (THW)สายไฟฟ้าตาม มอก.11-2531 ที่ในทอ้ งตลาด นยิ มเรยี กว่า ทเี อชดับเบลิ ยู (THW) เป็นสาย ไฟฟ้าชนิดทนแรงดนั 750 V เป็นสายเดย่ี ว นิยมใช้กนั อย่าง กว้างขวาง โดยเฉพาะใน โรงงานอตุ สาหกรรม เนื่องจากใช้ในวงจรไฟฟ้า 3 phase ได้ ปกตจิ ะเดนิ ร้อยในท่อ ร้อยสาย ช่อื THW เป็นชอ่ื ตามมาตรฐานอเมริกัน ซ่ึงเป็นสายชนดิ ทนแรงดนั 600 V อุณหภมู ิใชง้ านที่ 75 องศาเซลเซียส แตใ่ นประเทศไทยนิยม เรียกสายทผ่ี ลิตตาม มอก. 11 -2531 ว่า สาย THW เนื่องจากมี โครงสร้างคล้ายกนั และรู้กันทั่วไปในท้องตลาด สาย NYY สายไฟฟ้าแรงดันตำ่ - สายชนิด เอ็นวายวาย (NYY) สายไฟฟา้ ตาม มอก.11-2531 ตามท้องตลาดนิยมเรยี กวา่ สายชนิด เอน็ วายวาย (NYY) มที ้ังชนดิ แกนเดียว และหลายแกน สายหลายแกน ก็จะเป็นสายชนิดกลมเชน่ กัน สายชนดิ นที้ นแรงดนั ที่ 750 V. นิยมใชอ้ ย่าง กวา้ งขวางเช่นกัน เนื่องจากว่ามี ความทนต่อสภาพแวดล้อม เพราะมเี ปลือกห้มุ อีกชนั้ หนึง่ บางทเี รยี กว่าเปน็ สายฉนวน 3 ชั้น ความจรงิ แลว้ สายชนดิ นมี้ ีฉนวนชนั้ เดียว อีกสองชน้ั ที่เหลอื เป็นเปลือก เปลือกช้ันในทำ หน้าทเ่ี ป็นแบบ (Form) ใหส้ ายแตล่ ะแกนท่ตี เี กลียวเขา้ ด้วยกนั มลี กั ษณะกลม แลว้ จึงมีเปลอื กนอกหมุ้ อีก ช้นั หนง่ึ ทำหน้าทป่ี อ้ งกนั ความเสยี หายทางกายภาพ
สาย VCT สายไฟฟา้ แรงดันต่ำ - สายชนดิ วีซที ี (VCT) สายไฟฟ้าตาม มอก.11 - 2531 ตามท้องตลาดเรยี กวา่ สาย วซี ีที (VCT) เป็นสายกลมมี ทั้งชนดิ หนึ่ง แกน 2 แกน 3 แกนและ 4 แกนทนแรงดันที่ 750 V. มฉี นวนและเปลอื กเช่นกนั มขี ้อพเิ ศษกวา่ กค็ ือ ตวั นำจะ ประกอบไปดว้ ย ทองแดงฝอยเส้นเล็ก ๆ ทำให้มีข้อดีคือ ออ่ นตัวและ ทนตอ่ สภาพการส่นั สะเทอื นไดด้ ี เหมาะ ทีจ่ ะใช้เป็น สายเดินเข้าเครื่องจักร ที่มกี ารส่ันสะเทือนขณะใชง้ าน สายชนิดนี้ ใช้งานไดท้ ่วั ไปเหมือนสายชนิด NYY สาย VCT มีหลายแบบตามรูปทรงโดยแบง่ ไดท้ ั้งแบบ VCT - GRD ซึง่ มี 2 แกน 3 แกนและ 4 แกน และมี สายดนิ เดนิ ร่วมไปดว้ ยอีกเส้นหนึง่ เพอื่ ให้เหมาะสำหรับใช้เครอ่ื งอุปกรณ์ไฟฟ้าทต่ี ้องต่อลงดิน ปล๊กั ไฟฟ้า เปน็ อุปกรณห์ รอื วัสดสุ ำหรบั จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์หรือโหลด ฟวิ ส์ ฟิวส์ เปน็ วสั ดุตัวนำไฟฟา้ ที่มจี ุดหลอมละลายตำ่ ใชต้ ่ออนกุ รมกับวงจรไฟฟ้า เมอ่ื มีกระแสฟ้าไหลผา่ น สูงเกนิ พิกดั ของกระแสฟวิ ส์ เชน่ กรณเี กดิ ลดั วงจร จะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านฟวิ ส์มาก ฟิวสจ์ ะร้อนจัดจน หลอมละลายหรือขาดในทสี่ ุด ดว้ ยเหตุนีฟ้ ิวส์จึงใช้ประโยชนใ์ นการป้องกันอุปกรณไ์ ฟฟ้าได้ ฟิวสม์ หี ลายแบบ หลายขนาด ต้องเลือกให้เหมาะสมกบั การใชง้ าน
หมอ้ แปลงไฟฟ้า(transformer) เปน็ อปุ กรณท์ ใ่ี ช้กับไฟฟา้ กระแสสลบั เทา่ นน้ั หน้าท่หี ลักของหมอ้ แปลงไฟฟา้ คอื ปรับแรงดนั ไฟฟ้าหรอื แรงเคลื่อนไฟฟ้าใหเ้ พมิ่ ขึน้ หรือลดลง สวติ ชไ์ ฟฟ้า(switch) เปน็ อุปกรณส์ ำหรบั ต่อหรือตัดกระแสไฟท่ไี หลผา่ นวงจร เพ่อื ให้อปุ กรณห์ รือเครอื่ งมือทำงานหรอื หยดุ ทำงานตามความต้องการ ซึ่งทต่ี ัวสวติ ชจ์ ะบอกขนาดของพิกดั ของแรงดันไฟฟา้ (V) และกระแสไฟฟา้ (A) สายดนิ (groudning wire) ปอ้ งกันไม่ให้มผี ถู้ กู ไฟฟา้ ดูดกรณมี ีกระแสไฟฟา้ ร่ัวจากเคร่ืองใช้ไฟฟา้ เนอ่ื งจากกระแสไฟฟา้ ร่วั จาก เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ จะไหลลงดนิ ทางสายดิน โดยไม่ผ่านร่างกายผ้สู ัมผสั เครื่องใช้ไฟฟ้าน้ัน เป็นผลทำใหอ้ ปุ กรณ์ ปอ้ งกนั ไฟฟา้ ลัดวงจร และ/หรือไฟฟ้าร่ัวจะตัดกระแสไฟฟ้าออกทันทเี ครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ บางประเภท เชน่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อปุ กรณส์ ่ือสารอาจทำงานได้ไมส่ มบูรณ์หรือชำรดุ ได้ง่ายหากไม่มสี ายดนิ
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: