Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สามัคคีเภทคำฉันท์

สามัคคีเภทคำฉันท์

Published by tuksina.m2, 2023-07-24 16:42:39

Description: สามัคคีเภทคำฉันท์

Search

Read the Text Version

เรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์ จัดทำโดย นายภัทรพล สุขพันธ์ เลขที่ ๑๐ นางสาวจุฬารัตน์ เชาวดี เลขที่ ๑๙ นางสาวทักษิณา บัวลา เลขที่ ๒๓ นางสาวธนัชพร ภักดี เลขที่ ๒๕ นางสาวสุพรรษา สีมันตะ เลขที่ ๓๖ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖.๒ เสนอ คุณครูณัฐยา อาจมังกร รายงานฉบับนี้เป็นส่วนประกอบของวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม

เรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์ จัดทำโดย นายภัทรพล สุขพันธ์ เลขที่ ๑๐ นางสาวจุฬารัตน์ เชาวดี เลขที่ ๑๙ นางสาวทักษิณา บัวลา เลขที่ ๒๓ นางสาวธนัชพร ภักดี เลขที่ ๒๕ นางสาวสุพรรษา สีมันตะ เลขที่ ๓๖ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖.๒ เสนอ คุณครูณัฐยา อาจมังกร รายงานฉบับนี้เป็นส่วนประกอบของวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๓๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม

คำนำ รายงานนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ ศึกษาความรู้และวิเคราะห์วรรณคดีไทยเรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์ ทั้งด้านการพิจารณาเนื้อหาและกลวิธี ในการแต่ง การใช้ภาษา ประโยชน์หรือคุณค่าในวรรณคดีและวรรณกรรมตลอดจนสามารถนำประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้เนื้อหาต่างๆ ได้มีการศึกษารวบรวมจากอินเทอร์เน็ตและจากอาจารย์โดยตรง ประโยชน์ที่ได้ จากการศึกษา ได้รู้และเข้าใจเนื้อหาอย่างละเอียด และสามารถเรียนรู้ความเป็นมา ลักษณะคำประพันธ์อื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับเนื้อหา ผู้จัดทำหวังว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจที่จะศึกษา หากรายงานฉบับนี้มีข้อผิดพลาด ประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทำ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖

ผู้แต่ง นายชิต บุรทัต กวีในรัชกาลที่ ๖ ในขณะที่บรรพชาเป็นสามเณรอายุเพียง ๑๘ ปี ได้เข้าร่วมแต่งฉันท์ สมโภชพระมหาเศวตฉัตรในงานราชพิธีฉัตรมงคล รัชกาลที่ ๖ เมื่ออายุ ๒๒ ปี ได้ส่งกาพย์ปลุกใจลงใน หนังสือพิมพ์ สมุทรสาร นายชิตมีนามสกุลเดิมว่า ชวางกูร ได้รับพระราชทานนามสกุล \"บุรทัต\" จาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯในปี ๒๔๕o เมื่ออายุ ๒๓ ปี ใช้นามปากกาว่า เจ้าเงาะ เอกชน และแมวคราว จุดประสงค์ของผู้แต่ง นายชิต บุรทัต อาศัยเค้าคำแปลของเรื่องสามัคคีเภทมาแต่งเป็นคำฉันท์ เพื่อแสดงความสามารถ ในเชิงกวีให้เป็นที่ปรากฏ และเป็นพิทยาภรณ์ประดับบ้านเมือง ที่มาของเรื่อง ในสมัยรัชกาลที่ - เกิดวิกฤตการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ เกิดกบฏ ร.ศ. ๑๓๐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของบ้านเมือง นายชิต บูรทัต จึงได้แต่งเรื่องสามัคคี เภทคำฉันท์ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗เพื่อมุ่งชี้ความสำคัญของการรวมกันเป็นหมู่คณะ เรื่องสามัคคีเภท เป็นนิทานสุภาษิตใน มหาปรินิพพานสูตร และ อรรถกถาสุมังคลวิลาสินี ทีฆนิกายมหาวรรด ลงพิมพ์ ในหนังสือธรรมจักษุ ของมหามกุฎราชวิทยาลัย โดยเรียบเรียงเป้าษาบาลี ลักษณะคำประพันธ์ คำประพันธ์ที่ใช้แต่งสามัคคีเภทคำฉันท์นั้นใช้ฉันท์และกาพย์สลับกัน จึงเรียกว่า คำฉันท์ โดยมีฉันท์ ถึง ๒ ชนิดด้วยกัน นับว่าเป็นวรรณคดีดำฉันท์เล่มหนึ่งที่อนุชนรุ่นหลังยกย่องและนับถือเป็นแบบเรื่อยมา โดยเน้นจังหวะลหุ คือเสียงเบาอย่างเคร่งครัดกำหนดเป็นสระเสียงสั้นไม่มีตัวสะกดเสมอ ชนิดของฉันท์ที่ใช้แต่ง กมลฉันท์,กาพย์ฉบัง,จิตรปทาฉันท์,โตฎกฉันท์,กุชงคประยาตฉันท์,มาณวกฉันท์,มาลินีฉันท์,วสันตดิลกฉันท์, วังสัฏฐฉันท์,วิชชุมมาลาฉันท์,สัททุลวิกกีฬิตฉันท์,สัทธราฉันท์,สาลินีฉันท์,สุรางคนางค์ฉันท์,อินทรวิเชียรฉันท์, นทรวงศ์ฉันท์,อีทิสังฉันท์,อุปชาติฉันท์,อุปัฏฐิตาฉันท์ และอุเปนทรวิเชียรฉันท์ แม้จะใช้กาพย์ฉบัง แต่ก็ยังจัดในหมวดของฉันท์ได้ ทั้งนี้กาพย์ฉบังที่ใช้ในเรื่องกำหนดเป็นคำรุทั้งหมด

ฉันทลักษณ์อินทรวิเชียรฉันท์ คณะและพยางค์ อินทรวิเชียรฉันท์ จำนวน ๑ บท มี ๒ บาท ๑ บาท มี ๒ วรรค ได้แก่ วรรดหน้าหรือวรรคต้นมี ๕ คำ (พยางค์) ส่วนวรรคหลังหรือวรรคท้ายมี ๖ คำ (พยางค์) อินทรวิเชียรฉันท์ ๑ บาท มีจำนวนคำ (พยางค์) ๑๑ คำ (พยางค์) ดังนั้น จึงกำหนดเลข ๑๑ ไว้ท้ายชื่อฉันท์ โดยยึดตามบาทของฉันท์นี่เอง สัมผัส ให้สังเกตสัมผัสบังคับ (สัมผัสนอก) และบังคับครุ-ลหุ คำครุ สัญลักษณ์แทนด้วย ั คำลหุ สัญลักษณ์แทนด้วย ุ

ฉันทลักษณ์วิชชุมมาลาฉันท์ คณะและลพยางค์ วิชชุมมาลาฉันท์ ๑ บท ประกอบด้วยคณะและพยางค์ ดังนี้ มี ๔ บาท บาทละ ๒ วรรค วรรคละ ๔ คำ ๑ บาท นับจำนวนคำได้ ๘ คำ/พยางค์ ดังนั้น จึงเขียนเลข ๘ หลังชื่อ วิชชุมมาลาฉันท์ ทั้งบทมีจำนวนคำทั้งสิ้น ๓๒ คำ สัมผัส พบว่า สัมผัสวิชชุมมาลาฉันท์ มีสัมผัสนอก (ที่เป็นสัมผัสภายในบท) บท จำนวน ๕ แห่ง ได้แก่ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ ส่งสัมผัสกับคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๒ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสกับคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๓ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ ส่งสัมผัสกับคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๖ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๕ ส่งสัมผัสกับคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๖ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๖ ส่งสัมผัสกับคำสุดท้าย ของวรรคที่ ๗ สัมผัสระหว่างบท พบว่า คำสุดท้ายของบทส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรค วรรคที่ ๔ ในบทต่อไป คำครุ ลหุ วิชชุมมาลาฉันท์ ๑ บท มีคำครุทั้งหมด ๓๒ คำ ปราศจากการใช้คำลหุ ให้นักเรียนสังเกตสัมผัสบังคับ (สัมผัสนอก) และบังคับครุ-ลหุ คำครุ สัญลักษณ์แทนด้วย ั คำลหุ สัญลักษณ์แทนด้วย ุ (ซึ่งในฉันท์ประเภทนี้ไม่ใช้คำลหุ)

เนื้อเรื่องย่อของสามัคคีคำฉันท์ สมัยก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานไม่นานนัก พระเจ้าอชาตศัตรูทรงครองราชสมบัติที่นครราชคฤห์ แคว้นมคธ พระองค์ทรงมีวัสสการพราหมณ์ ผู้ฉลาดและรอบรู้ศิลปศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาราชกิจทั่วไปขณะนั้น ทรงปรารภจะแผ่พระราชอาณาเขตเข้าไปถึงแคว้นวัชชี แต่กริ่งเกรงว่ามิอาจเอาชนะได้ด้วยการส่งกองทัพเข้ารุกราน เนื่องจากบรรดากษัตริย์ลิจฉวีมีความสามัคคีสูง และการปกครองอาณาประชาราษฎ์ด้วยธรรม อันนำความเจริญเข้มแข็ง มาสู่แว่นแคว้น พระเจ้าอชาตศัตรูทรงหารือเรื่องนี้เป็นการเฉพาะกับวัสสการพราหมณ์ จึงเห็นแจ้งในอุบายจะเอาชนะ ด้วยปัญญา วันหนึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จออกว่าราชการพร้อมพรั่งด้วย เสนาอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ เมื่อเสร็จวาระเรื่องอื่นๆ ลงแล้วจึงงตรัสในเชิงหารือว่า หากพระองค์จะยกทัพไปปราบแคว้นวัชชีใครจะเห็นคัดค้านประการใด วัสสการพราหมณ์ฉวยโอกาสเหมาะกับอุบายตนที่วางไว้ ก็กราบทูลท้วงว่าเห็นทีจะเอาชนะไม่ได้เลย เพราะ กษัตริย์ลิจฉวีทุกองค์ล้วนผูกพันเป็นกัลยาณมิตรอย่างมั่นคง มีความสามารถในการศึกและกล้าหาญ อีกทั้งโลก จะติเตียนหากฝ่ายมครจงใจประทุษร้ายรุกรานเมืองอื่น ขอให้ยับยั้งการทำศึกเอาไว้เพื่อความสงบของประชาราษฎร์ พระเจ้าอชาตศัตรูทรงแสร้งแสดงพระอาการพิโรธหนัก ถึงขั้นรับสั่งจะให้ประหารชีวิตเสีย แต่ทรงเห็นว่า วัสสการพราหมณ์รับราชการมานาน จึงลดโทษการดูหมิ่นพระบรมเดซานุภาพ ครั้งนั้นเพียงแค่ลงพระราชอาญาเฆี่ยนตี อย่างแสนสาหัสจนสลบไส ถูกโกนหัวประจานและเนรเทศออกไปจากแคว้นมคธ ข่าววัสสการพราหมณ์เดินทางไปถึง นครเวสาสี เมืองหลวงของแคว้นวัชชี ทราบไปถึงพระกรรณของหมู่กษัตริย์ลิจฉวี จึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานตีกลองสำคัญ เรียกประชุมราชสภาว่า ควรจะขับไล่หรือเลี้ยงเอาไว้ดี ในที่สุดที่ประชุมราชสภาลงมติให้นำเข้าเฝ้าเพื่อหยั่งทีและ ฟังคารมก่อน แต่หลังจากกษัตริย์ลิจฉวี ทรงซักซ้อมส่งเสียงด้วยประการต่าง ๆ ก็หลงกลวัสสการพราหมณ์ ทรงรับไว้ ทำราชการในตำแหน่งอำมาตย์ ผู้พิจารณาทิพากษาคดีและตั้งเป็นครูฝึกสอนศิลปวิทยาแก่ราชกุมารของ เหล่ากษัตริย์ลิจฉวีด้วย จากนั้นต่อมาพราหมณ์เฒ่าก็ทำที่ปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างดี ไม่มีสิ่งใดบกพร่อง จนหมู่กษัตริย์ลิจฉวี ไว้วางพระทัย

ภุชงคประยาต ฉันท์ ๑๒ การถอดคำประพันธ์ของสามัคคีเภทคำฉันท์ ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ กษัตริย์ลิจฉวีวาร ระวังเหือดระแวงหายี เหมาะแก่การณ์จะเสกสรร ปวัตน์วัญจโนบาย มล้างเหตุพิเฉทสาย สมัครสนธิ์สโมสร ถอดคำประพันธ์ พราหมณ์ผู้ฉลาดคาดคะเนว่ากษัตริย์ลิจฉวีวางใจคลายความหวาดระแวง เป็นโอกาสเหมาะ ที่จะเริ่มดำเนินการตามกลอุบายทำลายความสามัคคี ณ วันหนึ่งลุถึงกา ลศึกษาพิชากร กุมารลิจฉวีวร เสด็จพร้อมประชุมกัน ตระบัดวัสสการมา สถานราชเรียนพลัน ธ แกล้งเชิญกุมารฉัน สนิทหนึ่งพระองค์ไป ถอดคำประพันธ์ วันหนึ่งเมื่อถึงโอกาสที่จะสอนวิชา กุมารลิจฉวีก็เสด็จมาโดยพร้อมเพรียงกันทันใด วัสสการพราหมณ์ ก็มาถึงและแกล้งเชิญพระกุมารพระองค์ที่สนิทสนมเข้าไปพบ ลุห้องหับรโหฐาน ก็ถามการณ์ ณ ทันใด มิลี้ลับอะไรใน กถาเช่น ธ ปุจฉา จะถูกผิดกระไรอยู่ และคูโคก็จูงมา มนุษย์ผู้กระทำนา ประเทียบไถมิใช่หรือ ถอดคำประพันธ์ เมื่อเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้วก็ทูลถามเรื่องที่ไม่ใช่ความลับแต่ประการใด ดังเช่นถามว่า ชาวนาจูงโคมา คู่หนึ่งเพื่อเทียมไถใช่หรือไม่

กุมารลิจฉวีขัตติย ก็รับอรรถอออือ กสิกเขากระทำคือ ประดุจคำพระอาจารย์ ก็เท่านั้น ธ เชิญให้ นิวัติในมิช้านาน ประสิทธิ์ศิลป์ประศาสน์สาร สมัยเลิกลุเวลา ถอดคำประพันธ์ พระกุมารลิจฉวีก็รับสั่งเห็นด้วยว่าชาวนาก็คงจะกระทำดังคำของพระอาจารย์ ถามเพียงเท่านั้นพราหมณ์ก็เชิญให้เสด็จกลับออกไป ครั้นถึงเวลาเลิกเรียน อุรสลิจฉวีสรร พชวนกันเสด็จมา และต่างซักกุมารรา ชองค์นั้นจะเอาความ พระอาจารย์สิเรียกไป ณ ข้างใน ธ ไต่ถาม อะไรเธอเสนอตาม วจีสัตย์กะส่ำเรา ถอดคำประพันธ์ เหล่าโอรสลิจฉวีก็พากันมาซักไช้พระกุมารว่าพระอาจารย์เรียกเข้าไปข้างใน ได้ไต่ถามอะไรบ้างขอให้บอกมาตามความจริง อกุมารนั้นสนองสา วากย์วาทตามเลา เฉลยพจน์กะครูเสา วภาพโดยคดีมา กุมารอื่นก็สงสัย มิเชื่อในพระวาจา สหายราช ธ พรรณนา และต่างองค์ก็พาที ถอดคำประพันธ์ พระกุมารพระองค์ก็เล่าเรื่องราวที่พระอาจารย์เรียกไปถามแต่เหล่ากุมารสงสัย ไม่เชื่อคำพูด ของพระสหาย ต่างองค์ก็วิจารณ์

ไฉนเลยพระครูเรา จะพูดเปล่าประโยชน์มี เลอะเหลวนักละล้วนนี รผลเห็น บ เป็นไป เถอะถึงถ้าจะจริงแม้ ธ พูดแท้ก็ทำไม แนะชวนเข้า ณ ข้างใน จะถามนอก บ ยากเย็น ถอดคำประพันธ์ วิจารณ์ว่าพระอาจารย์จะพูดเรื่องเหลวไหลไร้สาระเช่นนี้เป็นไปไม่ได้และหากว่าจะ จริงเหตุใดจะต้องเรียกเข้าไปถามข้างในห้อง ถามข้างนอกห้องก็ได้ ชะรอยว่าทิชาจารย์ ธ คิดอ่านกะท่านเป็น รหัสเหตุประเภทเห็น ละแน่ชัดถนัดความ และท่านมามุสาวาท มิกล้าอาจจะบอกตาม พจีจริงพยายาม ไถลแสร้งแถลงสาร ถอดคำประพันธ์ สงสัยว่าท่านอาจารย์กับพระกุมารต้องมีความลับแน่นอนแล้วก็มาพูดโกหก ไม่กล้าบอกตามความเป็นจริง แกล้งพูดไปต่าง ๆ นานา กุมารราชมิตรผอง ก็สอดคล้องและแคลงดาล พิโรธกาจวิวาทการณ์ อุบัติขึ้นเพราะขุ่นเคือง พิพิธพันธไมตรี ประดามีนิรันตร์เนือง กะองค์นั้นก็พลันเปลือง มลายปลาตพินาศปลง ถอดคำประพันธ์ กุมารลิจฉวีทั้งหลายเห็นสอดคล้องกันก็เกิดความโกรธเคือง การทะเลาะวิวาทก็เกิดขึ้น เพราะความขุ่นเคืองใจ ความสัมพันธ์อันดีที่เคยมีมาตลอดก็ถูกทำลายย่อยยับลง

มาณวก ฉันท์ ๘ ล่วงลุประมาณ กาลอนุกรม หนึ่ง ณ นิยม ท่านทวิชงค์ เมื่อจะประสิทธิ์ วิทยะยง เชิญวรองค์ เอกกุมาร ถอดคำประพันธ์ เวลาผ่านไปตามลำดับ เมื่อถึงคราวที่จะสอนวิชาก็จะเชิญพระกุมารพระองค์หนึ่ง เธอจรตาม พราหมณ์ไป โดยเฉพาะใน ห้องรหูฐาน จึ่งพฤฒิถาม ความพิสดาร ขอ ธ ประทาน โทษะและไข ถอดคำประพันธ์ พระกุมารก็ตามพราหมณ์เข้าไปในห้องเฉพาะ พราหมณ์จึงถามเนื้อความแปลกๆ ช่วยตอบด้วย เธอน่ะเสวย ครูจะเฉลย ภัตกะอะไร ในทินนี่ ดี ฤ ไฉน พอหฤทัย ยิ่งละกระมัง ถอดคำประพันธ์ อย่าหาว่าตำหนิหรือลบหลู่ ครูขอถามว่าวันนี้พระกุมารเสวยพระกระยาหารอะไร รสชาติดีหรือไม่ พอพระทัยมากหรือไม่

ราช ธ ก็เล่า เค้า ณ ประโยค ตนบริโภค แล้วขณะหลัง วาทะประเทือง เรื่องสิประทัง อาคมยัง สิกขสภา ถอดคำประพันธ์ พระกุมารก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับพระกระยาหารที่เสวย หลังจากนั้นก็สนทนาเรื่องทั่วไป แล้วก็เสด็จกลับออกมายังห้องเรียน เสร็จอนุศาสน์ ราชอุรส ลิจฉวิหมด ต่าง ธ ก็มา ถามนยมาน ท่านพฤฒิอา จารยปรา รภกระไร ถอดคำประพันธ์ แล้วก็เสด็จกลับออกมายังห้องเรียน เมื่อเสร็จสิ้นการสอนราชกุมารลิจฉวีทั้งหมด ก็มาถามเรื่องราวที่มีมาว่าท่านอาจารย์ได้พูดเรื่องอะไรบ้าง เธอก็แถลง แจ้งระบุมวล ความเฉพาะล้วน จริงหฤทัย ต่าง บ มิเชื่อ เมื่อตรีไฉน จึ่งผลใน เหตุ บ มิสม ถอดคำประพันธ์ พระกุมารก็ตอบตามความจริง แต่เหล่ากุมารต่างไม่เชื่อ เพราะคิดแล้วไม่สมเหตุสมผล

ขุ่นมนเคือง เรื่องนฤสาร เช่นกะกุมาร ก่อนก็ระ เลิกสละแยก แตกคณะกล เกลียว บ นิยม คบดุจเดิม ถอดคำประพันธ์ ต่างขุ่นเคืองใจด้วยเรื่องไร้สาระเช่นเดียวกับพระกุมารพระองค์ก่อน และเกิดความแตกแยกไม่คบกันอย่างกลมเกลียวเหมือนเดิม อุเปนทรวิเชียร ฉันท์ ๑๑ ทิชงค์เจาะจงเจตน์ กลห์เหตุยุยงเสริม กระหน่ำและซ้ำเติม นฤพัทธก่อการณ์ ละครั้งระหว่างครา ทินวารนานนาน เหมาะท่าทิชาจารย์ ธ ก็เชิญเสด็จไป ถอดคำประพันธ์ พราหมณ์เจตนาหาเหตุยุแหย่ซ้ำเติมอยู่เสมอ ๆ แต่ละครั้ง แต่ละวัน นานนานครั้ง เห็นโอกาสเหมาะก็จะเชิญพระกุมารเสด็จไป บ ห่อนจะมีสา รฤหาประโยชน์ไร กระนั้นเสมอนัย เสาะแสดง ธ แสร้งถาม และบ้างก็พูดว่า น่ะแน่ะข้าสดับตาม ยุบลระบิลความ พจแจ้งกระจายมา ถอดคำประพันธ์ ไม่มีสารประโยชน์ แกล้งทูลถามบางครั้งก็พูดว่า นี่แน่ะข้าพระองค์ได้ยินข่าว เล่าลือกันทั่วไป

ละเมิดติเตียนท่าน ก็เพราะท่านสิแสนสา รพัดทลิทภา วและสุดจะขัดสน จะแน่มิแน่เหลือ พิเคราะห์เชื่อเพราะยากยล ณ ที่ บ มีคน ธ ก็ควรขยายความ ถอดคำประพันธ์ เขานินทาพระกุมารว่ายากจนและขัดสน จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือพิเคราะห์แล้วไม่น่าเชื่อ ณ ที่นี้ไม่มีผู้ใด ขอให้ทรงเล่ามาเถิด และบ้างก็กล่าวว่า น่ะแน่ะข้าจะขอถาม เพราะทราบคดีตาม วจลือระบือมา ติฉินเยาะหมิ่นท่าน ก็เพราะท่านสิแสนสา รพันพิกลกา ยพิลึกประหลาดเป็น ถอดคำประพันธ์ บางครั้งก็พูดว่าข้าขอทูลถามพระกุมาร เพราะได้ยินเขาเล่าลือกันทั่วไปเยาะเย้ยดูหมิ่น ท่านว่า ท่านนี้มีร่างกายผิดประหลาดต่าง ๆ นานาจะเป็นจริงหรือไม่ จะจริงมิจริงเหลือ มนเชื่อเพราะไป่เห็น ผิข้อ บ ลำเค็ญ ธ ก็ควรขยายความ กุมารองค์เสา วนเค้าคดีตาม กระทู้พระครูถาม นยสุดจะสงสัย ถอดคำประพันธ์ ใจไม่อยากเชื่อเลยเพราะไม่เห็น ถ้าหากมีสิ่งใดที่ลำบากยากแค้นก็ตรัสมาเถิด พระกุมารได้ทรงฟังเรื่องที่พระอาจารย์ถามก็ตรัสถามกลับว่า สงสัยเหลือเกิน

ก็คำมิควรการณ์ คุรุท่านจะถามไย ธ ซักเสาะสืบใคร ระบุแจ้งกะอาจารย์ ทวิชแถลงว่า พระกุมารโน้นขาน ยุบลกะตูกาล เฉพาะอยู่กะกันสอง ถอดคำประพันธ์ เรื่องไม่สมควรเช่นนี้ท่านอาจารย์จะถามทำไม แล้วก็ชักไซ้ว่าใครเป็นผู้มาบอก กับอาจารย์พราหมณ์ก็ตอบว่าพระกุมารพระองค์โน้นตรัสบอกเมื่ออยู่กันเพียงสองต่อสอง กุมารพระองค์นั้น ธ มิทันจะไตร่ตรอง ก็เชื่อ ณ คำของ พฤฒิครูและวู่วาม พิโรธกุมารองค์ เหมาะเจาะจงพยายาม ยุครูเพราะเอาความ บ มิดีประเดตน ถอดคำประพันธ์ กุมารพระองค์นั้นไม่ทันได้ไตร่ตรอง ก็เชื่อในคำพูดของอาจารย์ ด้วยความวู่วาม ก็กริ้วที่พระกุมารที่ยุพระอาจารย์ใส่ความตน ก็พ้อและต่อพิษ ทุรทิฐิมานจน ลุโทสะสืบสน ธิพิพาทเสมอมา และฝ่ายกุมารผู้ ทิชครูมิเรียกหา ก็แหนงประดารา ชกุมารทิชงค์เชิญ ถอดคำประพันธ์ จึงตัดพ้อต่อว่ากันขึ้น เกิดความโกรธเคืองทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอ ฝ่ายพระกุมารที่พราหมณ์ไม่เคยเรียกเข้าไปหาก็ไม่พอพระทัยพระกุมารที่พราหมณ์เชิญไปพบ

พระราชบุตรลิจ ฉวิมิตรจิตเมิน ณ กันและกันเหิน คณะห่างก็ต่างถือ ทะนงชนกตน พลล้นเถลิงลือ ก็หาญกระเหิมฮือ มนฮีก บ นึกขาม ถอดคำประพันธ์ พระกุมารลิจฉวีหมางใจและเหินห่างกัน ต่างองค์ทะนงว่าพระบิดาของตน มีอำนาจล้นเหลือ จึงมีใจกำเริบไม่เกรงกลัวกัน สัทธรา ฉันท์ ๒๑ ลำดับนั้นวัสสการพราหมณ์ ธ ก็ยุศิษยตาม แต่งอุบายงาม ฉงนงำ ปวงโอรสลิจฉวีดำ ริณวิรุธก็สำ คัญประดุจคำ ธ เสกสรร ถอดคำประพันธ์ ในขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ก็คอยยุลูกศิษย์ แต่งกลอุบายให้เกิดความแคลงใจ พระโอรสกษัตริย์ ลิจฉวีทั้งหลายไตร่ตรองในอาการน่าสงสัยก็เข้าใจว่าเป็นจริงดังถ้อยคำ ที่อาจารย์ปั้นเรื่องขึ้น ไปเหลือเลยสักพระองค์อัน มิละปิยะสหฉันท์ ขาดสมัครพันธ์ ก็อาดูร ต่างองค์นำความมิงามทูล พระชนกอดิศูร แห่ง ธ โดยมูล ปวัตติ์ความ ถอดคำประพันธ์ ไม่มีเหลือเลยสักพระองค์เดียวที่จะมีความรักใคร่กลมเกลียว ต่างขาดความสัมพันธ์ เกิดความเดือดร้อนใจ แต่ละองค์นำเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นไปทูลพระบิดาของตน

แตกร้าวก้าวร้ายก็ป้ายปาม ลุวรบิดรลาม ทีละน้อยตาม ณ เหตุผล ฟั่นเฝือเชื่อนัยดนัยตน นฤวิเคราะหเสาะสน สืบจะหมองมล เพราะหมายใด ถอดคำประพันธ์ ความแตกแยกก็ค่อย ๆ ลุกลามไปสู่พระบิดา เนื่องจากความหลงเชื่อโอรสของตน ปราศจากการใคร่ครวญเกิดความผิดพ้องหมองใจกันขึ้น แท้ท่านวัสสการใน กษณะตริเหมาะไฉน เสริมเสมอไป สะดวกดาย หลายอย่างต่างกล ธ ขวนขวาย พจนยุปริยาย วัญจโนบาย บ เว้นครา ถอดคำประพันธ์ ฝ่ายวัสสการพราหมณ์ครั้นเห็นโอกาสเหมาะสมก็คอยยุแหย่อย่างง่ายดาย ทำกลอุบายต่าง ๆ พูดยุยงตามกลอุบายตลอดเวลา ครั้นล่วงสามปีประมาณมา สหกรณประดา ลิจฉวีรา ชทั้งหลาย สามัคคีธรรมทำลาย มิตรภิทนะกระจาย สรรพเสื่อมหายน์ ก็เป็นไป ถอดคำประพันธ์ เวลาผ่านไปประมาณ ๓ ปี ความร่วมมือกันระหว่างกษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลายและ ความสามัคคีถูกทำลายลงสิ้น ความเป็นมิตรแตกแยก ความเสื่อม ความหายนะก็บังเกิดขึ้น

ต่างองค์ทรงแคลงระแวงใน พระราชหฤทยวิสัย ผู้พิโรธใจ ระวังกัน ถอดคำประพันธ์ กษัตริย์ต่างองค์ระแวงแคลงใจ มีความขุ่นเคืองใจซึ่งกันและกัน สาลินีฉันท์ ๑๑ พราหมณ์ครูรู้สังเกต ตระหนักเหตุถนัดครัน ราชาวัชชีสรร พจักสู่พินาศสม ยินดีบัดนี้กิจ จะสัมฤทธิ์มนารมณ์ เริ่มมาด้วยปรากรม และอุตสาหแห่งตน ถอดคำประพันธ์ พราหมณ์ผู้เป็นครูสังเกตเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีกำลังจะประสบ ความพินาศ จึงยินดีมากที่ภารกิจประสบผลสำเร็จสมดังใจ หลังจากเริ่มต้นด้วยความบากบั่น และความอดทนของตน ให้ลองตีกลองนัด ประชุมขัตติย์มณฑล เชิญซึ่งส่ำสากล กษัตริย์สู่สภาคาร วัชชีภูมีผอง สดับกลองกระหึมขาน ทุกไท้ไปเอาภาร ณ กิจเพื่อเสด็จไป ถอดคำประพันธ์ จึงให้ลองตีกลองนัดประชุมกษัตริย์ฉวี เชิญทุกพระองค์เสด็จมายังที่ประชุม ฝ่ายกษัตริย์วัชชีทั้งหลาย ทรงสดับเสียงกลองดังกึกก้อง ทุกพระองค์ไม่ทรงเป็นธุระในการเสด็จไป

ต่างทรงรับสั่งว่า จะเรียกหาประชุมไย เราใช่เป็นใหญ่ใจ ก็ขลาดกลัว บ กล้าหาญ ท่านใดที่เป็นใหญ่ และกล้าใครมิเปรียบปาน พอใจใคร่ในการ ประชุมชอบก็เชิญเขา ถอดคำประพันธ์ ต่างองค์รับสั่งว่าจะเรียกประชุมด้วยเหตุใด เราไม่ได้เป็นใหญ่ ใจก็ขลาด ไม่กล้าหาญ ผู้ใดเป็นใหญ่ มีความกล้าหาญไม่มีผู้ใดเปรียบได้ พอใจจะเสด็จไปร่วมประชุมก็เชิญเขาเถิด ปรึกษาหารือกัน ไฉนนั้นก็ทำเนา จักเรียกประชุมเรา บ แลเห็นประโยชน์เลย รับสั่งผลักไสส่ง และทุกองค์ ธ เพิกเฉย ไข่ได้ไปดั่งเคย สมัครเข้าสมาคม ถอดคำประพันธ์ จะปรึกษาหารือกันประการใดก็ช่างเถิด จะเรียกเราไปประชุมมองไม่เห็นประโยชน์ ประการใดเลยรับสั่งให้พ้นตัวไป และทุกพระองค์ก็ทรงเพิกเฉยไม่เสด็จไปเข้าร่วมการประชุมเหมือนเคย อุปัฏฐิตา ฉันท์ ๑๑ เห็นเชิงพิเคราะห์ช่อง ชนะคล่องประสบสม พราหมณ์เวทอุดม ธ ก็ลอบแถลงการณ์ ให้วัลลภชน คมดลประเทศฐาน กราบทูลนฤบาล อภิเผ้ามคธไกร ถอดคำประพันธ์ เมื่อพิจารณาเห็นช่องทางที่จะได้ชัยชนะอย่างง่ายดาย พราหมณ์ผู้รอบรู้พระเวท ก็ลอบส่งข่าวให้คนสนิทเดินทางกลับไปยังบ้านเมือง กราบทูลกษัตริย์แห่งแคว้นมคธอันยิ่งใหญ่

แจ้งลักษณสา สนว่ากษัตริย์ใน วัชชีบุรไกร วลหล้าตลอดกัน บัดนี้สิก็แตก คณะแผกและแยกพรรค์ ไข่เป็นสหฉัน ทเสมือนเสมอมา ถอดคำประพันธ์ ยิ่งใหญ่ ในสาสน์แจ้งว่ากษัตริย์วัชชีทุกพระองค์ขณะนี้เกิดความแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวกไม่สามัคคีกันเหมือนแต่เดิม โอกาสเหมาะสมัย ขณะไหนประหนึ่งครา นี้หากผิจะหา ก็ บ ได้สะดวกดี ขอเชิญวรบาท พยุห์ยาตรเสด็จกรี ขอเชิญวรบาท ริยยุทธโดยไว ถอดคำประพันธ์ จะหาโอกาสอันเหมาะสมครั้งใดเหมือนดังครั้งนี้คงจะไม่มีอีกแล้ว ขอทูลเชิญพระองค์ ยกกองทัพอันยิ่งใหญ่มาทำสงครามโดยเร็วเถิด วิชชุมลาฉันท์ ฉันท์ ๘ ข่าวเศึกเอิกอึง ทราบถึงบัดดล ในหมู่ผู้คน ชาวเวสาลี แทบทุกถิ่นหมด ชนบทบูรี อกสั่นขวัญหนี หวาดกลัวทั่วไป ถอดคำประพันธ์ ข่าวศึกแพร่ไปจนรู้ถึงชาวเมืองเวสาลี แทบทุกคนในเมืองต่างตกใจและ หวาดกลัวกันไปทั่ว

ขตื่นตาหน้าเผือด หมดเลือดสั่นกาย หลบลี้หนีตาย วุ่นหวั่นพรั่นใจ ชุกครอกซอกครัว ซ่อนตัวแตกภัย เข้าดงพงไพร ทิ้งย่านบ้านตน ถอดคำประพันธ์ หน้าตาตื่น หน้าซีดไม่มีสีเลือด ตัวสั่น พากันหนีตายวุ่นวาย พากันอพยพ ครอบครัวหนีภัย ทิ้งบ้านเรือนไปซุ่มซ่อนตัวเสียในป่า เหลือจักห้ามปราม ชาวคามล่าลาด พันหัวหน้าราษฎร์ ขุนด่านตำบล หารือแก่กัน คิดผันผ่อนปรน จักไม่ให้พล มาคธข้ามมา ถอดคำประพันธ์ ไม่สามารถห้ามปรามชาวบ้านได้ หัวหน้าราษฎรและนายด่นตำบลต่างๆ ปรึกษากันคิดจะยับยั้งไม่ให้ กองทัพมคธข้ามมาได้ จึ่งให้ตีกลอง ป่าวร้องทันที แจ้งข่าวไพรี รุกเบียนบีฑา เพื่อหมู่ภูมี วัชชีอาณา ชุมนุมบัญชา ป้องกันฉันใด ถอดคำประพันธ์ จึงตีกลองป่าวร้องแจ้งข่าวข้าศึกเข้ารุกราน เพื่อให้เหล่ากษัตริย์แห่งวัชชีเสด็จ มาประชุมหาหนทาง ป้องกันประการใด

ราชาลิจฉวี ไป่มีสักองค์ อันนึกจำนง เพื่อจักเสด็จไป ต่างองค์ดำรัส เรียกนัดทำไม ใครเป็นใหญ่ใคร กล้าหาญเห็นดี ถอดคำประพันธ์ ไม่มีกษัตริย์ลิจฉวีแม้แต่พระ องค์เดียวคิดจะเสด็จไป แต่ละพระอค์ทรงดำรัสว่า จะเรียกประชุมด้วยเหตุใด ผู้ใดเป็นใหญ่ ผู้ใดกล้าหาญ เชิญเทอญท่านต้อง ขัดข้องข้อไหน ปรึกษาปราศรัย ตามเรื่องตามที ส่วนเราเล่าใช่ เป็นใหญ่ยังมี ใจอย่างผู้ภี รุกปราศอาจหาญ ถอดคำประพันธ์ เห็นดีประการใดก็เชิญเถิด จะปรึกษาหารืออย่างไรก็ตามแต่ใจ ตัวของเรานั้น ไม่ได้มีอำนาจยิ่งใหญ่ จิตใจก็ขี้ขลาด ไม่องอาจกล้าหาญ ต่างทรงสำแดง ความแขงอำนาจ สามัคคีขาด แก่งแย่งโดยมาน ภูมิศลิจฉวี วัชชีรัฐบาล มัดกำกระนั้นปอง แม้แต่สักองค์ ถอดคำประพันธ์ แต่ละพระองค์ต่างแสดงอาการเพิกเฉย ปราศจากความสามัคคีปรองดองในจิตใจ กษัตริย์ลิจฉวีแห่งวัชซีไม่เสด็จมาประชุมกันแม้แต่พระองค์เดียว

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ปิ่นเขตมคธขัต ติยรัชธำรง ยั้งทัพประทับตรง นคเรศวิสาลี ภูธร ธ สังเกต พิเคราะห์เหตุ ณ ธานี แห่งราชวัชชี ขณะเศิกประชิดแดน ถอดคำประพันธ์ จอมกษัตริย์แห่งแคว้นมคธหยุดทัพตรงหน้าเมืองเวสาลี พระองค์ทรงสังเกตวิเคราะห์ เหตุการณ์ทางเมืองวัชชีในขณะที่ข้าศึกมาประชิดเมือง เฉยดู บ รู้สึก และมินึกจะเกรงแกลน ฤคิดจะตอบแทน รณทัพระงับภัย นิ่งเงียบสงบงำ บ มิทำประการใด ปรากฏประหนึ่งใน บุรว่างและร้างคน ถอดคำประพันธ์ ดูนิ่งเฉยไม่รู้สึกเกรงกลัวหรือคิดจะทำสิ่งใดโต้ตอบระงับเหตุร้าย กลับอยู่อย่างสงบเงียบ ไม่ทำการสิ่งใดมองดูราวกับเป็นเมืองร้างปราศจากผู้คน แนโดยมิพักสง สยคงกระทบกล ท่านวัสสการจน ลุกระนี้ถนัดตา ภินท์พัทธสามัค ผิวใครจะใคร่ลอง ชาวลิจฉวีวา รจะพ้องอนัตถ์ภัย ถอดคำประพันธ์ แน่นอนไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงจะถูกกลอุบายของวัสสการพราหมณ์จนเป็นเช่นนี้ ความสามัคคีผูกพัน แห่งกษัตริย์ลิจฉวีถูกทำลายลงและจะประสบกับภัยพิบัติ

ลูกข่างประดาทา รกกาลขว้างไป หมุนเล่นสนุกไฉน ดุจกันฉะนั้นหนอ ครูวัสสการแส่ กลแหย่ยุดีพอ ปั่นป่วน บ เหลือหลอ จะมิร้าวมิรานกัน ถอดคำประพันธ์ ลูกช่างที่เด็กขว้างเล่นได้สนุกฉันใด วัสสการพราหมณ์ก็สามารถยุแหย่ ให้เหล่ากษัตริย์ลิจฉวี แตกความสามัคคีได้ตามใจชอบและคิดที่จะสนุกฉันนั้น ครั้นทรงพระปรารภ ธุระจบ ธ จึ่งบัญ ชานายนิกายสรร พทแกล้วทหารหาญ เร่งทำอุหุมป์เว ฬุคะเนกะเกณฑ์การ เพื่อข้ามนที่ธาร จรเข้านครบรร ถอดคำประพันธ์ ครั้นทรงคิดได้ดังนั้นจึงมีพระราชบัญชาแก่เหล่าทหารหาญห้รีบสร้างแพไม้ไผ่ เพื่อข้ามแม่น้ำจะเข้าเมืองของฝ่ายศัตรู พวกทหารรับราชโองการแล้วก็ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับ เขารับพระบัณฑูร อดิศูรบดีศร ภาโรปกรณ์ตอน ทิวรุ่งสฤษฏ์พลัน จอมนาถพระยาตรา พยุหาธิทัพขันธ์ โดยแพและพ่วงปัน พลข้าม ณ คงคา ถอดคำประพันธ์ ในตอนเช้างานนั้นก็เสร็จทันที จอมกษัตริย์เคลื่อนกองทัพอันมีกำลังพลมากมาย ลงในแพที่ติดกัน นำกำลังข้ามแม่น้ำ

จนหมดพหลเนื่อง พิศเนืองขนัดคลา ขึ้นฝั่งลุเวสา ลิบุเรศสะดวกดาย ถอดคำประพันธ์ จนกองทัพหมดสิ้น มองดูแน่นขนัด ขึ้นฝั่งเมืองเวสาลีอย่างสะดวกสบาย จิตรปทา ฉันท์ ๘ นาครธา นิวิสาลี เห็นริปุมี พลมากมาย ข้ามติรชล ก็ลุพ้นหมาย มุ่งจะทลาย พระนครตน ถอดคำประพันธ์ ฝ่ายเมืองเวสาลีมองเห็นข้าศึกจำนวนมากข้ามแม่น้ำมาเพื่อจะทำลายล้างบ้านเมืองของตน ต่างก็ตระหนก ตื่น บ มิเว้น มนอกเต้น ตะละผู้คน ทั่วบุรคา เสียงอลวน มจลาจล อลเวงไป ถอดคำประพันธ์ ต่างก็ตระหนกตกใจกันถ้วนหน้า ในเมืองเกิดจลาจลวุ่นวายไปทั่วเมือง สรรพสกล มุขมนตรี ตรอมมนภี รุกเภทภัย บางคณะอา ทรปราศรัย ยังมิกระไร ขณะนี้เหนอ ถอดคำประพันธ์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต่างหวาดกลัวภัย บางพวกก็พูดว่าขณะนี้ยังไม่เป็นไรหรอก

ควรบริบาล พระทวารมั่น ต้านปะทะกัน อริก่อนพอ ขัตติยรา ชสภารอ ดำริจะขอ วรโองการ ถอดคำประพันธ์ ควรจะป้องกันประตูเมืองเอาไว้ให้มั่นคง ต้านทานข้าศึกเอาไว้ก่อน รอให้ที่ประชุม เหล่ากษัตริย์มีความเห็นว่าจะทรงทำประการใด ทรงตรีไฉน ก็จะได้ทำ โดยนยดำ รัสภูบาล เสวกผอง ก็เคาะกลองขาน อาณัติปาน ดุจกลองพัง ถอดคำประพันธ์ ก็จะได้ดำเนินการตามพระบัญชาของพระองค์เหล่าข้าราชการทั้งหลาย ก็ตีกลองสัญญาณขึ้นราวกับกลองจะพัง ศัพทอุโฆษ ประลุโสตท้าว ลิจฉวีด้าว ขณะทรงฟัง ต่าง ธ ก็เฉย และละเลยดัง ไท้มิอินัง ธุระกับใคร ถอดคำประพันธ์ เสียงดังกึกก้องไปถึงพระกรรณษัตริย์ลิจฉวีต่างองค์ทรงเพิกเฉยราวกับไม่เอาใจใส่ ในเรื่องราวของผู้ใด

ต่างก็ บ คลา ณ สภาคา แม้พระทวาร บุรทั่วไป รอบทิศด้าน และทวารใด เห็นนรไหน สิจะปิดมี ถอดคำประพันธ์ ต่างองค์ไม่เสด็จไปที่ประชุม แม้แต่ประตูเมืองรอบทิศทุกบานก็ไม่มีผู้ใดปิด สัททูลวิกกีหิต ฉันท์ ๑๙ จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยุหกรี ธาสู่วิสาลี นคร โดยทางอันพระทวารเปิดนรนิกร ฤารอต่อรอน อะไร ถอดคำประพันธ์ จอมทัพแห่งแคว้นมคธกรีธาทัพเข้าเมืองเวสาลีทางประตูเมืองที่เปิดอยูโดยไม่มีผู้คน หรือทหารต่อสู้ประการใด เบื้องนั้นท่านคุรุวัสสการทิชก็ไป นำทัพชเนนทร์ไท มคธ เข้าปราบลิจฉวิขัตติย์รัฐชนบท สู่เงื้อมพระหัตถ์หมด และโดย ถอดคำประพันธ์ ขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ก็ไปนำทัพของกษัตริย์แห่งมคธเข้ามาปราบ กษัตริย์ ลิจฉวี อาณาจักรทั้งหมดก็ตกอยู่ในงื้อมพระหัตถ์

ไ่ป่พักต้องจะกะเกณฑ์นิกายพหลโรย แรงเปลืองระดมโปรย ประยุทธ์ ราบคาบเสร็จ ธ เสด็จลุราชคฤหอุต คมเขตบุเรศดุจ ณ เดิม ถอดคำประพันธ์ กองทัพไม่ต้องเปลืองแรงในการต่อสู้ ปราบราบคาบแล้วเสด็จยังราชคฤห์ เมืองยิ่งใหญ่ดังเดิม เรื่องต้นยุกติก็แต่จะต่อพจนเติม ภาษิตลิขิตเสริม ประสงค์ ปรุงโสตเป็นคติสุนทราภรณจง จับข้อประโยชน์ตรง ตริดู ถอดคำประพันธ์ เนื้อเรื่องแต่เดิมจบลงเพียงนี้ แต่ประสงค์จะแต่งสุภาษิตเพิ่มเติมให้ได้รับฟังเพื่อ เป็นคติ อันทรงคุณค่า นำไปคิดไตร่ตรอง อินทรวิเชียนฉันท์ ฉันท์ ๑๑ อันภูบดีรา ชอชาตศัตรู ได้ลิจฉวีภู วประเทศสะดวกดี แลสรรพบรรดา วรราชวัชชี ถึงซึ่งพิบัติบี ฑอนัตถ์พินาศหนา ถอดคำประพันธ์ พระเจ้าอชาตศัตรูได้แผ่นดินวัชชีอย่างสะดวก และกษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลายก็ถึงซึ่ง ความพินาศ

เหี้ยมนั้นเพราะผันแผก คณะแตกและต่างมา ถือทิฐิมานสา หสโทษพิโรธจอง แยกพรรคสมรรคภิน ทนสิ้น บ ปรองดอง ขาดญาณพิจารณ์ตรอง ตริมลักประจักษ์เจือ ถอดคำประพันธ์ เหตุเพราะความแตกแยกกัน ต่างก็มีความยึดมั่นในความคิดของตน ผูกโกรธ ซึ่งกันและกัน ต่างแยกพรรค แตกสามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน ขาดปัญญาที่จะพิจารณาไตร่ตรอง เชื่ออรรถยุบลเอา รสเล่าก็ง่ายเหลือ เหตุหาก ธ มากเมือ คติโมหเป็นมูล จึ่งดาลประการหา ยนภาวอาดูร เสียแดนไผทสูญ ยศศักดิเสื่อมนาม ถอดคำประพันธ์ เชื่อถ้อยความของบรรดาพระโอรสอย่างง่ายดาย เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะกษัตริย์ แต่ละพระองค์ ทรงมากไปด้วยความหลง จึงทำให้ถึงซึ่งความฉิบหาย มีภาวะความเป็นอยู่อันทุกข์ระทม เสียทั้งแผ่นดิน เกียรติยศ และชื่อเสียงที่เคยมีอยู่ ควรชมนิยมจัด คุรุวัสสการพราหมณ์ เป็นเอกอุบายงาม กลงำกระทำมา พุทธาทิบัณฑิต พิเคราะห์คิดพินิจปรา รภสรรเสริญสา ธุสมัครภาพผล ถอดคำประพันธ์ ส่วนวัสสการพราหมณ์นั้นน่าชื่นชมอย่างยิ่ง เพราะ เป็นเลิศในการกระทำกลอุบายผู้รู้ ทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ได้ใคร่ครวญพิจารณากล่าวสรรเสริญว่าชอบแล้วในเรื่องผลแห่ง ความพร้อมเพรียงกัน คติโมหเป็นมูล

ว่าอาจจะอวยผา สุกภาวมาดล ดีสู่ ณ หมู่ตน บ นิราศนิรันดร หมู่ใดผิสามัค คยพรรคสโมสร ไปปราศนิราศรอน คุณไร้ไฉนดล ถอดคำประพันธ์ ความสามัคคีอาจอำนวยให้ถึงซึ่งสภาพแห่งความผาสุก ณ หมู่ของตนไม่เสื่อมคลาย ตลอดไป หากหมู่ ใดมีความสามัคคีร่วมชุมนุมกัน ไม่ห่างเหินกัน สิ่งที่ไร้ประโยชน์จะมาสู่ได้อย่างไร พร้อมเพรียงประเสริฐครัน เพราะฉะนั้นแหละบุคคล ผู้หวังเจริญตน ธุระเกี่ยวกะหมู่เขา พึงหมายสมัครเป็น มุขเป็นประธานเอา ธูรทั่ว ณ ตัวเรา บ มิเห็น ณ ฝ่ายเดียว ถอดคำประพันธ์ ความพร้อมเพรียงนั้นประเสริฐยิ่งนัก เพราะฉะนั้นบุคคลใดหวังที่จะได้รับความเจริญ แห่งตน และมีกิจธุระอันเป็นส่วนรวม ก็พึงตั้งใจเป็นหัวหน้าเอาเป็นธุระด้วยตัวของเราเองโดยมิเห็น ประโยชน์ตน แต่ฝ่ายเดียว ควรยกประโยชน์ยื่น นรอื่นก็แลเหลียว ดูบ้างและกลมเกลียว มิตรภาพผดุงครอง ยั้งทิฐิมานหย่อน ทมผ่อนผจงจอง อารีมิมีหมอง มนเมื่อจะทำใด ถอดคำประพันธ์ ควรยกประโยชน์ให้บุคคลอื่นบ้าง นึกถึงผู้อื่นบ้าง ต้องกลมเกลียว มีความเป็นมิตรกัน ต้องลดทิฐิ มานะ รู้จักข่มใจ จะทำสิ่งใดก็เอื้อเฟื้อกันไม่มีความบาดหมางใจ

ลาภผลสกลบรร ตามน้อยและมากใจ ลุก็ปันก็แบ่งไป สุจริตนิยมธรรม์ ถอดคำประพันธ์ ถ้ายังมีก็ควรจะมีขึ้นถ้ามีอยู่แล้วก็ควรให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปจึงจะถึงซึ่ง ความสุขสบาย พึงมรรยาทยึด สุประพฤติสงวนพรรค์ รื้อริษยาอัน อุปเฉทไมตรี ดั่งนั้น ณ หมู่ใด ผิ บ ไร้สมัครมี พร้อมเพรียงนิพัทธ์นี รวิวาทระแวงกัน ถอดคำประพันธ์ ควรยึดมั่นในมารยาทและความประพฤติที่ดีงามรักษาหมู่คณะโดยไม่มีความริษยากัน อันจะตัดรอนไมตรี ดังนั้นถ้าหมู่คณะใดไม่ขาดซึ่งความสามัคคีมีความพร้อมเพรียงกันอยู่เสมอ ไม่มีการวิวาทและระแวงกัน หวังเทอญมิต้องสง สยคงประสบพลัน ซึ่งสุขเกษมสันต์ หิตะกอบทวิการ ใครเล่าจะสามารถ มนอาจระรานหาญ หักล้าง บ แหลกลาญ ก็เพราะพร้อมเพราะเพรียงกัน ถอดคำประพันธ์ ก็หวังได้โดยไม่ต้องสงสัยว่า คงจะพบซึ่งความสุขความสงบและประกอบด้วยประโยชน์ มากมาย ใครเล่าจะมีใจกล้าคิดทำสงครามด้วยหวังจะทำลายร้างก็ไม่ได้ทั้งนี้เพราะความพร้อมเพรียงกัน

ป่วยกล่าวอะไรฝูง นรสูงประเสริฐครัน ฤๅสรรพสัตว์อัน เฉพาะมีชีวีครอง แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ลอง มัดกำกระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน ถอดคำประพันธ์ กล่าวไปไยกับมนุษย์ผู้ประเสริฐและสรรพสัตว์ที่มีชีวิตแม้แต่กิ่งไม้หากใครจะไคร้ลองเอา มามัดเป็นกรรมตั้งใจใช้กำลังหักก็ยากเต็มทน เหล่าไหนผิไมตรี สละลี้ ณ หมู่ตน กิจใดจะขวายขวน บ มิพร้อมมิเพรียงกัน อย่าปรารถนาหวัง สุขทั้งเจริญอัน มวลมาอุบัติบรร ลุไฉน บ ได้มี ถอดคำประพันธ์ หากหมู่ใดไม่มีความสามัคคีในหมู่คณะของตนและกิจการอันใดที่จะต้องขวนขวายทำ ก็มิพร้อมเพรียงกันก็อย่าได้หวังเลยความสุขความเจริญจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ปวงทุกข์พิบัติสรร พภยันตรายกลี แม้ปราศนิยมปรี ติประสงค์ก็คงสม ควรชนประชุมเช่น คณะเป็นสมาคม สามัคคิปรารม ภนิพัทธรำพึง ถอดคำประพันธ์ ความทุกข์พิบัติอันตรายและความชั่วร้ายทั้งปวงถึงแม้จะไม่ต้องการก็จะต้องได้รับ เป็นแน่แท้ผู้ที่อยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะหรือสมาคมควรคำนึงถึงความสามัคคีอยู่เป็นนิจ ไป่มีก็ให้มี ผิวมีก็คำนึง เนื่องเพื่อภิยโยจึง จะประสบสุขาลัยฯ ถอดคำประพันธ์ ถ้ายังมีก็ควรจะมีขึ้นถ้ามีอยู่แล้วก็ควรให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปจึงจะถึงซึ่งความสุขสบาย

คำศัพท์ คำศัพท์ยาก เกษมสันต์ ควรชน คำแปล เจริญอัน สุขสำราญ ชื่มชมยินดี ธูร ผู้คน ผู้อาศัยอยู่ร่วมกัน ติประสงค์ ความสุขความเจริญ นรสูง ไม้ได้ต้องการ นิพัทธ์นี มนุษย์ ปราศนิยม เนื่องเนื่อง สม่ำเสมอ ประจำ ประสบพลัน ไม่ได้ต้องการ ให้เกิดขึ้น ประเสริญครัน ประสบความสำเร็จโดยเร็ว ผลหัก ความวิเศษ เยี่ยมมาก ผิไมตรี พวก หมู่ กลุ่ม สองคนขึ้นไป มนอาญ กำลังขาดหรือหลุดออกจากกัน มวลมา ไม่มีความสามัคคี ไมตรี การล้าง ระรานหาญ ความทุกข์ รวิวาท ความเป็นเพื่อน ความหวังดีต่อกันและกัน สามัคคิ การต่อสู้ พาลเกเร สุขขาลัย การทะเลาะวิวาท หักล้าง ความสามัคคีรวมกลุ่มกัน หวังเทอญ ความสุข ความสบาย หิตะกอบ การทำสงคราม เหล่าไหน ความหวังว่าจะได้ แหลกลาญ ความเกื้อกูล ความเป็นประโยชน์ อุบัติ หมู่ใด พวกใด อถิยโย ย่อยยับ พังทลาย อุปเฉท มาเกิดขึ้นได้ ความสำเร็จยิ่งขึ้นไป ขาดสิ้น สูญ

คุณค่าวรรณคดี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ การเลือกสรรคำ ในเรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์ผู้แต่งเลือกสรรคำที่มีเสียงและความหมายไพเราะ อีกทั้งยังเลือกคำที่ ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่าย เสียงสัมผัส ผู้แต่งได้เลือกสรรหาคำเพื่อเสียงสัมผัสทั้งเสียงสัมผัสพยัญชนะและสระ สัมผัสพยัญชนะ ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ กษัตริย์ลิจวีวาร ระวังเหือดระแวงหาย มีการเล่นเสียงพยัญชนะคำว่า \"คะเนกล - คะนึงการ\" กับ \"ระวังเหือด - ระแวงหาย\" สัมผัสสระ ล่วงลุประมาณ กาลอนุกรม หนึ่ง ณ นิยม ท่านทวิชงค์ มีการเล่นเสียงสระคำว่า \"ประมาณ - กาล\" กับ\"อนุกรม -นิยม\"การเรียบเรียงคำ

การเรียบเรียงคำ การใช้คำที่เข้าใจง่าย มีการใช้คำที่ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ง่าย เช่น ตอนวัสสการพราหมณ์เข้าเมืองเวสาลี ผูกไมตรีจิต เชิงชิดชอบเชื่อง กับหมู่ชาวเมือง ฉันท์อัชฌาสัย เล่าเรื่องเคืองขุ่น ว้าวุ่นวายใจ จำเป็นมาใน ด้าวต่างแดนตน\" การใช้โวหารภาพพจน์ พรรณณาโวหาร \"ควรชมนิยมจัด คุรุวัสสการพราหมณ์ เป็นเอกอุบายงาม กลงำกระทำมา พุทธาทิบัณฑิต พิเคราะห์คิดพินิจปรา รภสรรเสริญสา ธุสมัครภาพผล\" อุปลักษณ์ \"ลูกข่างประดาทา รกกาลขว้างไป หมุนเล่นสนุกไฉน ดุจกันฉะนั้นหนอ\" เทศนาโวหาร \"ควรชนประชุมเช่น คณะเป็นสมาคม สามัคคิปรารม ภนิพัทธรำพึง ไปมีก็ให้มี ผิวมีก็คำนึง เนื่องเพื่อภิยโยจึง จะประสบสุขาลัย\" สาธกโวหาร \"ควรยกประโยชน์ยื่น นรอื่นก็แลเหลียว ดูบ้างและกลมเกลียว มิตรภาพผดุงครอง ยั้งทิฐิมานหย่อน ทมผ่อนผจงจอง อารีมิมีหมอง มนเมื่อจะทำใด\"

คุณค่าด้านสังคม สะท้อนวัฒนธรรมของคนในสังคม สะท้อนภาพการปกครองโดยระบอบสามัคคีธรรม เน้นทษของการแตกความสามัคคี ในหมู่คณะ และเน้นถึงหลักธรรม อปริหานิยธรรม 7 ประการ ซึ่งเป็นหลักธรรมที่ส่งผล ให้เกิดความเจริญของหมู่คณะ ปราศจากความเสื่อม ได้แก่ • หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ • พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิก พร้อมเพรียงกันทำกิจที่พึงทำ • ไม่บัญญัติสิ่งที่มิได้บัญญัติไว้ (อันขัดต่อหลักการเดิม) ไม่ล้มล้างสิ่งที่บัญญัติไว้ (ตามหลักการเดิม) ถือปฏิบัติตามวัชชีธรรม ตามที่วางไว้ • ท่านเหล่าใดเป็นใหญ่ในชนชาววัชชี เคารพนับถือท่านเหล่านั้น เห็นถ้อยคำของท่านว่าเป็นสิ่งควรรับฟัง • บรรดากุลสตรี กุมารีทั้งหลาย ให้อยู่โดยมิถูกข่มเหง หรือฉุดคร่าขืนใจ • เคารพสักการบูชาเจดีย์ (ปูชนียสถาน และปูชนียวัตถุ ตลอดถึงอนุสาวรีย์ต่างๆ ของชาววัชชี (ประจำชาติ) ทั้งหลาย ทั้งภายในและภายนอก ไม่ปล่อยให้ธรรมิกพลีที่เคยทำแก่เจดีย์เหล่านั้น เสื่อมทรามไป • จัดให้ความอารักขาคุ้มครอง ป้องกัน อันชอบธรรมแก่พระอรหันต์ทั้งหลาย (ในที่นี้หมายความรวมถึง บรรพชิตผู้ดำรงธรรมเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนทั่วไปด้วย) โดยตั้งใจว่า ขอพระอรหันต์ทั้งหลาย ที่ยังไม่ได้มา พึงมาสู่แว่นแคว้นที่มาแล้ว ขอให้โดยผาสุก คุณค่าด้านเนื้อหา ความสามัคคีเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการปกครองบ้านเมือง ประเทศชาติ ถ้าขาดความสามัคคีกัน ในหมู่คณะอาจทำให้บ้านเมือง ประเทศชาติ มีความหายนะ ทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข อยู่กันอย่าง ไม่เป็นสุข คุณค่าด้านการนำไปใช้ • ไม่ควรฟังความข้างใดข้างหนึ่งโดยไม่ใตร่ตรอง • หากหมู่คณะใดขาดความสามัคคีมีผู้ทำอันตรายได้ง่าย • การเลือกใช้บุคคลให้เหมาะสมกับงานจะทำงานสำเร็จได้ด้วยดี

บรรณานุกรม กัลยาณี ถนอมแก้ว. \"คุณค่าด้านวรรณศิลป์ในสามัคคีเภทคำฉันท์\". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.gotoknow.org/posts/mmbo๒@?fbclid=lwAR๓vMfbHBqXvZcVUaNQZwz pdl_@ApaPSdRzZ@bAumaC_Spc๖qwOih๒now๔/ ๒๕๕๓.สืบค้น ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖. กิ่งกาญจน์ สมจิตต์. \"สามัคคีเภทคำฉันท์\". [ออนไลน์. เข้าถึงได้จาก : https:/cutt.ly/qnG๗pCS/ ๒๕๕๘.สืบค้น ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖. จุฑามาศ เธียรโชติ. \"คำประพันธ์ประเภทฉันท์\". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com/sit/thaiprapanm/kha-praphanth/kha-praphanth-praphe th-chanth?fbclid=lwAR๑bpbFhPJoWrkRryHkinkg_o_GcEKMcSzkeXSvHomczGAF_Ui MFIFbliL๔/ ๒๕๖๐. สืบค้น ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖. ณัฐชยา เพ็ชรรัตน์. \"ใบความรู้เรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์ \". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://cutt.ly/cnG๘ClA/ ๒๕๕๘. สืบค้น ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖. ทิพวัลย์ ขาวคง. \"สามัคคีเภทคำฉันท์\". [ออนไลน์. เข้าถึงได้จาก : https://nidkawkong.wordpress.com/ สามัคคีเภทคำฉันท์/ ๒๕๕๖. สืบค้น ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖. อาทิตย์ รักเมือง. \"เนื้อเรื่องย่อ\". [ออนไลน์1. เข้าถึงได้จาก : https://cutt.ly/onZg๒TH/ ๒๕๕๖. สืบค้น ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖. Kanjana Pom Bintavihok. \"สามัคคีเภทคำฉันท์\". [ออนไลน์. เข้าถึงได้จาก : https://www.gotoknow.org/posts/406381?fbclid=lwAR1Mw9dlkJsDm70LgoMK85ZL upKGw6LnVu4lc3vwjMwa8jlGtBtge8RDr2E/ ๒๕๕๓. สืบค้น ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖. Samakkheephetkhamchan. \"ข้อคิดที่ได้\". [ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com/sit/samakkheephetkhamchan/khxkhid-thi-di?fbclid=IwA ๒๕๕๙. สืบค้น ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook