คู่มอื การตรวจสอบ การเบิกจ่ายค่าเชา่ บ้านข้าราชการ กลุ่มตรวจสอบภายใน สป.ทส
สารบญั สาระสาคญั ของกฎหมายและระเบียบที่เกยี่ วข้อง 2 พระราชบัญญัติการกาหนดหลักเกณฑ์เก่ียวกับการจ่ายเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย 2 พ.ศ. 2518 พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ ฉบับท่ี 1 พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพ่ิมถึงฉบับท่ี 5 2 พ.ศ. 2561 ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเก่ียวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน 6 ขา้ ราชการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2549 และทีแ่ กไ้ ขเพมิ่ เติมถึงฉบบั ท่ี 2 พ.ศ. 2552 หลักเกณฑ์และวิธีปฏบิ ัตใิ นการจดั ข้าราชการเข้าพักอาศัยในทพี่ กั ของทางราชการ พ.ศ. 2560 11 แนวทางปฏิบัตติ ามข้อกฎหมาย ระเบยี บ และหลกั เกณฑว์ ่าด้วยค่าเชา่ บา้ นขา้ ราชการ 15 แนวทางการตรวจสอบการเบิกจา่ ยค่าเชา่ บา้ นขา้ ราชการ 36 แนวทางปฏิบตั ิงานตรวจสอบ 38 บัญชีอัตราคา่ เช่าบ้านข้าราชการ 44 การจัดทากระดาษทาการ 46
สาระสาํ คญั ของกฎหมายและระเบียบท่เี กี่ยวข้อง การกาหนดสิทธิและวิธกี ารเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านตามสิทธิข้าราชการ กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง จงึ ไดก้ าหนดกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑท์ ีเ่ ก่ียวข้องเพอื่ เปน็ แนวปฏิบัติเดียวกัน ดังน้ี 1. พระราชบัญญัตกิ ารกําหนดหลักเกณฑเ์ กีย่ วกับการจา่ ยเงินบางประเภทตามงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2518 มาตรา 3 การจา่ ยเงินตามงบประมาณรายจา่ ยในประเภทดังต่อไปน้ี ให้กระทาไดโ้ ดยตราเป็นพระราชกฤษฎกี า (1) ค่าเชา่ ซ้ือบา้ นขา้ ราชการ (2) คา่ เช่าบ้านขา้ ราชการหรือคา่ ที่อยู่อาศัยของข้าราชการ (3) คา่ ใช้จา่ ยในการเดินทางไปราชการ (4) เบีย้ ประชมุ กรรมการ (5) เงินเดอื นระหว่างลาของข้าราชการ (6) เงนิ สวสั ดิการจากทางราชการ พระราชกฤษฎกี าตามวรรคหน่งึ ให้กาหนดหลกั เกณฑ์เกย่ี วกบั การจ่ายเงิน วธิ ีการเบิกจ่ายอัตราการจ่าย ของผมู้ ีสิทธิไดร้ ับเงินนัน้ และหลกั เกณฑอ์ นื่ ตามทเี่ ห็นสมควร มาตรา 4 นับแต่วันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบค่าเช่าบ้านข้าราชการ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบ้ียประชุมกรรมการ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจา่ ยเงินเดอื นระหว่างลาของข้าราชการพลเรอื นและตลุ าการและพระราชกฤษฎีกา ว่าดว้ ยการจ่ายเงินเดือนระหว่างลาของของข้าราชการอัยการ และประกาศกระทรวงการคลังที่ออกตามความ ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และระเบียบการจ่ายเงินช่วยเหลือข้าราชการในประเภทต่าง ๆ ท่ีใช้อยู่ในวันท่ี พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้คงใช้ได้ต่อไประหว่างที่ยังมิได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาประกาศ กระทรวงการคลงั หรอื ระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญตั นิ ขี้ ้ึนใหม่ มาตรา 5 ใหร้ ัฐมนตรวี า่ การกระทรวงการคลังรกั ษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี 2. พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบา้ นขา้ ราชการ ฉบบั ที่ 1 พ.ศ. 2547 และที่แกไ้ ขเพมิ่ ถงึ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2561 มาตรา 21 พระราชกฤษฎีกาน้ใี ห้ใช้บังคบั ตัง้ แต่วันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเลิก (1) พระราชกฤษฎกี าค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 (2) พระราชกฤษฎกี าค่าเช่าบ้านขา้ ราชการ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2532 (3) พระราชกฤษฎีกาค่าเชา่ บา้ นข้าราชการ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2533 (4) พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบา้ นขา้ ราชการ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2535 (5) พระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบ้านข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2539 (6) พระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบา้ นข้าราชการ (ฉบบั ที่ 6) พ.ศ. 2541 (7) พระราชกฤษฎกี าค่าเชา่ บ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2541 (8) พระราชกฤษฎีกาคา่ เชา่ บ้านข้าราชการ (ฉบบั ที่ 8) พ.ศ. 2545 1 ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 121/ตอนพิเศษ 81 ก/หนา้ 29/27 ธนั วาคม 2547 02
มาตรา 4 ในพระราชกฤษฎีกาน้ี “ข้าราชการ”5 หมายความว่า ข้าราชการพลเรือนตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ข้าราชการฝ่ายอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ ข้าราชการพลเรือนใน สถาบนั อดุ มศกึ ษาตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบยี บข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการรัฐสภาตาม กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา ข้าราชการตารวจตามกฎหมายว่าด้วยตารวจแห่งชาติข้าราชการ ทหารตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบข้าราชการทหาร และขา้ ราชการครูตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ ครูและบุคลากรทางการศึกษา” “เงินเดอื น” หมายความวา่ เงินเดอื นสุทธิทีข่ ้าราชการได้รับ ทั้งน้ี เมื่อหักเงินเบิกลดเนื่องจากการปรับ ชั้นเงินเดือนออกแล้ว และรวมกับเงินเพ่ิมพิเศษรายเดือนสาหรับค่าวิชาหรือเงินเพ่ิมการเล่ือนฐานะ หรือ สาหรบั ประจาตาแหน่งทต่ี อ้ งฝา่ อันตรายเป็นปกติ หรอื สาหรับการส้รู บ “สถาบันการเงิน” หมายความว่า สถาบันการเงิน รัฐวิสาหกิจ หรือสหกรณ์ท่ีดาเนินกิจการเกี่ยวกับ การเคหะ ทั้งน้ี ตามที่กระทรวงการคลังกาหนด และกองทุนบาเหน็จบานาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วย กองทุนบาเหน็จบานาญข้าราชการ “ท้องท่ี” หมายความว่า กรุงเทพมหานคร อาเภอ ก่ิงอาเภอ หรือท้องที่ของอาเภอหรือกิ่งอาเภอ ทีก่ ระทรวงการคลังประกาศกาหนดใหเ้ ปน็ ทอ้ งทเ่ี ดียวกันตามมาตรา 5 “ทอ้ งทที่ ี่เร่ิมรับราชการคร้ังแรก” หมายความว่า ท้องที่ท่ีได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ปฏิบัติราชการ หรอื มคี าส่ังใหไ้ ปปฏบิ ัตริ าชการ และได้มีการรายงานตวั เพอ่ื ปฏบิ ตั ริ าชการตามพระราชกฤษฎีกาน้เี ปน็ ครง้ั แรก “ท้องท่ีที่กลับเข้ารับราชการใหม่” หมายความว่า ท้องที่ที่กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตาม พระราชกฤษฎีกานี้ “ภัยพิบัติ” หมายความว่า ภัยธรรมชาติหรือความเสียหายอย่างใด ๆ ซึ่งเกิดขึ้นโดยท่ีผู้ซึ่งได้รับความ เสยี หายนัน้ ไมม่ ีสว่ นท่จี ะต้องรว่ มรับผดิ ด้วย มาตรา 5 ให้กระทรวงการคลังมีอานาจประกาศกาหนดให้อาเภอหรือกิ่งอาเภอหลายท้องท่ีรวมกัน เป็นท้องทีเ่ ดยี วกันได้ มาตรา 6 การจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายเป็นเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และอตั ราตามพระราชกฤษฎีกาน้ี การเบิกจา่ ยใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการที่กระทรวงการคลังกาหนด มาตรา 72 ข้าราชการผู้ใดได้รับคาสั่งให้เดินทางไปประจาสานักงานในต่างท้องที่มีสิทธิได้รับค่าเช่า บ้านข้าราชการเท่าที่ตอ้ งจ่ายจรงิ ตามที่สมควรแก่สภาพแห่งบ้าน แต่อย่างสูงไม่เกินจานวนเงินท่ีกาหนดไว้ตาม บัญชอี ตั ราค่าเช่าบ้านข้าราชการทา้ ยพระราชกฤษฎกี านี้ ท้ังนี้ เว้นแตผ่ ู้น้นั (๑)3 ทางราชการได้จัดท่พี กั อาศยั ใหต้ ามหลกั เกณฑ์ท่ีกระทรวงการคลังกาหนด (1) ทางราชการได้จัด ท่ีพกั อาศัยให้อยูแ่ ล้ว (2) มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรสในท้องท่ีที่ไปประจาสานักงานใหม่ โดยไม่มี หน้ีค้างชาระกบั สถาบันการเงนิ 1 ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 121/ตอนพิเศษ 81 ก/หน้า 29/27 ธันวาคม 2547 5 มาตรา 4 แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชกฤษฎีกาค่าเชา่ บ้านขา้ ราชการ (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ. 2561 2 มาตรา 7 แก้ไขเพ่มิ เติมโดยพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบา้ นขา้ ราชการ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2550 3 มาตรา 7 (1) แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบ้านขา้ ราชการ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2556 03
(3) ไดร้ ับคาสงั่ ใหเ้ ดินทางไปประจาสานกั งานใหม่ในตา่ งทอ้ งทตี่ ามคาร้องขอของตนเอง ความในวรรคหน่งึ ให้ใชบ้ ังคับแกข่ ้าราชการผู้ได้รับคาสั่งให้เดินทางไปประจาสานักงานในต่างท้องที่ท่ี เป็นท้องท่ที ีเ่ รม่ิ รับราชการครั้งแรกหรอื ท้องทีท่ ี่กลับเขา้ รับราชการใหม่ด้วย ข้าราชการผู้ใดได้รับเงินเดือนไม่ตรงกับท่ีกาหนดในบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการท้ายพระราช กฤษฎีกานี้ ให้ได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามส่วนของเงินเดือนโดยคานวณตามวิธีการท่ีกระทรวงการคลัง กาหนด มาตรา 7/14 ในกรณีท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งไม่ใช่ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ โอนมาเป็น ข้าราชการไม่วา่ ครง้ั ใดกต็ าม การบรรจแุ ละแต่งตั้งผู้โอนมาเป็นข้าราชการน้ันในท้องท่ีใดให้ถือว่าเป็นการบรรจุ และแต่งต้ังในท้องท่ีท่ีเริ่มรับราชการคร้ังแรกตามพระราชกฤษฎีกานี้ และไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ จนกว่าจะได้รับคาส่งั ให้เดนิ ทางไปประจาสานักงานในตา่ งท้องทตี่ ามมาตรา 7 มาตรา 8 ข้าราชการผู้ใดต้องไปปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องที่เนื่องจากสานักงาน ท่ีปฏิบัติราชการประจาอยู่เดิมได้ย้ายสถานท่ีทาการไปต้ังในท้องท่ีใหม่ มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตาม พระราชกฤษฎีกานี้เช่นเดียวกับข้าราชการซ่ึงได้รับคาสั่งให้เดินทางไปประจาสานักงานในต่างท้องที่ตามมาตรา ๗ เว้นแต่ท้องที่ใหม่ที่สานักงานได้ย้ายไปนั้นอยู่ใกล้เคียงกับท้องที่ที่ต้ังสานักงานเดิมตามหลักเกณฑ์ท่ีกระทรวง การคลังกาหนดมาตรา 7 มาตรา 9 ข้าราชการผู้ใดรับราชการหรือได้รับคาสั่งให้ไปรับราชการในท้องที่ใด และไม่มีสิทธิได้รับ ค่าเช่าบ้านข้าราชการเพราะเหตุท่ีมีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรสตามมาตรา 7(2) แม้ว่า กรรมสิทธิ์ในเคหสถานได้โอนไปด้วยเหตุใด ก็ไม่ทาให้เกิดสิทธิที่จะได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการในระหว่างรับ ราชการในท้องทนี่ ้ัน เวน้ แต่เคหสถานน้นั ถูกทาลายหรือเสยี หายเน่อื งจากภัยพิบัติจนไม่สามารถพักอาศยั อย่ไู ด้ มาตรา 10 ถ้าข้าราชการและคู่สมรสรับราชการในท้องท่ีเดียวกันและต่างก็มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้เบิกจ่ายได้เฉพาะคนใดคนหนึ่งข้าราชการผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ีและมีคู่สมรสเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานคร พนักงานส่วนท้องถิ่น หรือ พนักงาน หรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ องคก์ รอิสระตามรฐั ธรรมนูญ หรือองค์การมหาชน ถ้าคู่สมรสของผู้น้ันได้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านหรือข้าราชการ ผนู้ ้ันไดอ้ ยู่ในทพ่ี กั อาศยั ท่ีทางราชการจัดให้แก่คู่สมรสในท้องที่เดียวกันข้าราชการผู้น้ันไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ มาตรา 11 ข้าราชการซึ่งมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการอยู่แล้ว ภายหลังได้รับเงินเดือนเพิ่มข้ึน ให้มสี ิทธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บา้ นข้าราชการเทา่ ท่ตี ้องจ่ายจริงตามที่สมควรแก่สภาพแห่งบ้าน แต่อย่างสูงไม่เกินจานวน เงนิ ที่กาหนดไว้ตามบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการท้ายพระราชกฤษฎีกาน้ี ถ้าเงินเดือนท่ีได้รับเพิ่มขึ้นไม่ตรง กับที่กาหนดในบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการดังกล่าว ให้ได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามส่วนของเงินเดือน โดยคานวณตามวิธกี ารที่กระทรวงการคลงั กาหนด มาตรา 12 การลดหรืองดเบิกจ่ายเงินเดือนแก่ข้าราชการผู้ใด เน่ืองจากการถูกตัดเงินเดือนหรือการลา โดยไม่มสี ทิ ธไิ ด้รบั เงนิ เดือน ไม่กระทบตอ่ สิทธิของผู้น้ันท่ีจะได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ี และใหผ้ ้นู ัน้ มีสิทธไิ ด้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเสมือนหนึ่งไม่มีการลดหรืองดเบิกจ่ายเงินเดือนเช่นว่าน้ัน เว้นแต่ เป็นการลาติดตามคู่สมรสซงึ่ ยา้ ยไปรับราชการในตา่ งประเทศ 4 มาตรา 7/1 เพ่มิ โดยพระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบา้ นข้าราชการ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2556 04
มาตรา 13 ข้าราชการผู้ใดซ่ึงมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการถูกส่ังพักราชการหรือถูกส่ังให้ออก จากราชการไว้กอ่ น หรือมกี รณีอนื่ ใดอันเป็นเหตุให้ถูกงดเบิกจ่ายเงินเดือนให้งดเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการ เม่ือกรณถี งึ ท่สี ดุ ถา้ ปรากฏว่าผูน้ ้ันมีสทิ ธไิ ด้รับเงินเดอื นในระหว่างกรณีเช่นว่าน้นั สาหรบั เดอื นใด ใหม้ ีสิทธิได้รับ คา่ เช่าบ้านขา้ ราชการสาหรบั เดือนนั้นตามพระราชกฤษฎีกาน้ี มาตรา 14 ให้ข้าราชการมีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการต้ังแต่วันที่ข้าราชการผู้นั้นได้เช่าอยู่ จรงิ แตไ่ มก่ อ่ นวันที่รายงานตัวเพอ่ื เขา้ รบั หน้าท่ี และใหส้ นิ้ สดุ ในวนั ทข่ี าดจากอตั ราเงนิ เดือนหรือวันท่ีอยู่ในข่าย หมดสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ถ้าผู้ซึ่งได้รับแต่งต้ังให้ไปรับราชการในท้องท่ีอ่ืน ไมส่ ามารถออกเดนิ ทางไปได้ในวนั ท่ีส่งมอบหนา้ ทใี่ หม้ ีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการต่อไปอีกไม่เกินสิบวันนับ แตว่ ันส่งมอบหน้าท่ี เวน้ แต่มคี วามจาเปน็ จะต้องอยู่ต่อไปอีก ให้เบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการต่อไปได้เท่าท่ีจาเป็น โดยไดร้ บั การอนมุ ตั ิจากผ้อู อกคาสั่งแตง่ ต้ัง มาตรา 15 ในกรณีที่ข้าราชการซ่ึงได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการอยู่แล้วในท้องที่หน่ึงและต่อมาได้รับ แต่งตั้งให้ไปรับราชการในท้องที่อ่ืนซึ่งตนมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ขา้ ราชการผู้นน้ั มีสทิ ธินาหลกั ฐานการชาระค่าเช่าบ้านในท้องที่เดมิ มาเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการในท้องที่ใหม่ ได้ถ้าคู่สมรสหรือบุตรซึ่งอยู่ในอุปการะของข้าราชการผู้น้ันไม่อาจติดตามข้าราชการผู้นั้นไปได้ และมีความ จาเป็นตอ้ งอาศัยอย่ใู นบา้ นในท้องที่เดมิ ตอ่ ไป มาตรา 16 ข้าราชการซ่ึงรับราชการประจาในต่างประเทศ ถ้าจาเป็นต้องเช่าบ้านให้เบิกค่าเช่าบ้าน ขา้ ราชการไดต้ ามหลกั เกณฑ์และอตั ราทีก่ ระทรวงการคลงั กาหนด มาตรา 17 ในกรณีที่ขา้ ราชการซง่ึ มีสิทธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บา้ นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ีได้เช่าซ้ือ หรือผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านท่ีค้างชาระอยู่ในท้องท่ีที่ไปประจาสานักงานใหม่ เพ่ือใช้เป็นที่อยู่อาศัย และได้อาศัยอยู่จริงในบ้านน้ัน ให้ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้ ดงั กล่าวมาเบิกค่าเช่าบ้านขา้ ราชการได้ไม่เกินจานวนเงินที่กาหนดไว้ตามบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการท้าย พระราชกฤษฎีกาน้ี ตามเงอ่ื นไขดงั ตอ่ ไปนี้ (1) ตนเอง หรือคสู่ มรส ไดท้ าการผอ่ นชาระคา่ เช่าซื้อหรอื ผอ่ นชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านในท้องท่ี น้ัน จะเบิกจ่ายได้เฉพาะบ้านหลังแรกเท่านั้น เว้นแต่บ้านหลังที่เคยใช้สิทธิถูกทาลายหรือเสียหายเน่ืองจากภัย พบิ ัตจิ นไม่สามารถพกั อาศัยอยูไ่ ด้ (2) หากเช่าซ้ือหรือกู้เงินเพื่อชาระราคาบ้านร่วมกับบุคคลอื่นซ่ึงไม่ใช่คู่สมรสและมีกรรมสิทธ์ิรวมกับ บุคคลอ่ืนในบ้านน้ัน จะเบิกจ่ายค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้ได้ตามสัดส่วนแห่งกรรมสิทธิ์สาหรับบ้านหลัง ดังกลา่ ว (3) จะต้องเปน็ การผ่อนชาระค่าเช่าซือ้ หรือผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านกับสถาบันการเงินและ สญั ญาเช่าซอ้ื หรือสญั ญาเงินกจู้ ะตอ้ งเป็นไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารท่ีกระทรวงการคลังกาหนด (4) จะต้องไม่เคยใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้สาหรับบ้านหลังหน่ึง หลังใดในท้องท่ีนั้นมาแล้ว เว้นแต่เป็นกรณีท่ีได้รับแต่งต้ังให้กลับไปรับราชการในท้องท่ีท่ีเคยใช้สิทธินั้นอีก และเป็นการใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้ตามท่ีได้เคยใช้สิทธิมาแล้ว หรือ ขณะทยี่ า้ ยมารับราชการในท้องทนี่ ้นั บา้ นท่ีเคยใช้สิทธิไดโ้ อนกรรมสทิ ธไิ์ ปแล้ว (5) หากเงนิ กเู้ พอื่ ชาระราคาบา้ นสูงกวา่ ราคาบา้ น ให้นาค่าผ่อนชาระเงินกู้มาเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ ได้ โดยให้คานวณตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการทีก่ ระทรวงการคลังกาหนด ใหน้ าบทบัญญัติมาตรา ๙ ถึงมาตรา ๑๔ มาใช้บังคับกับการเช่าซ้ือหรือการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระ ราคาบา้ นโดยอนโุ ลม 05
มาตรา 18 ข้าราชการซึ่งได้ใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระ ราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการตามมาตรา 17 และต่อมาได้รับแต่งต้ังให้ไปรับราชการในท้องท่ีอ่ืนซึ่ง ตนมีสทิ ธไิ ด้รบั ค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ข้าราชการผู้น้ันมีสิทธินาหลักฐานการชาระค่า เช่าซ้ือหรอื คา่ ผอ่ นชาระเงินกเู้ พือ่ ชาระราคาบา้ นในท้องท่ีเดิมมาเบิกคา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการในท้องทีใ่ หม่ได้ มาตรา 19 สิทธิท่ีจะเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบค่าเช่าบ้าน ข้าราชการ พุทธศักราช 2483 ซึ่งมาตรา 18 และมาตรา 19 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527 กาหนดให้มีอยู่ต่อไปนั้น ให้ยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่าจะหมดสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย ระเบยี บค่าเชา่ บ้านข้าราชการ พุทธศกั ราช 2483 มาตรา 20 สิทธิที่จะเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการของข้าราชการซึ่งได้รับคาส่ังให้เดินทางไปประจา สานักงานใหม่ตามคาร้องขอของตนเองตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2527 ซ่ึงมีอยู่ก่อน วันที่พระราชกฤษฎีกาน้ีใช้บังคับ ให้ยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่าจะหมดสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ขา้ ราชการ พ.ศ. 2527 3. ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเก่ียวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการ ฉบบั ที่ 1 พ.ศ. 2549 และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เติมถงึ ฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2552 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 4 มาตรา 6 วรรคสอง มาตรา 7 วรรคสอง มาตรา 8 มาตรา 11 และมาตรา 17 (3) และ (5) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 กระทรวงการคลังจึง ออกระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรยี กว่า“ระเบียบกระทรวงการคลังว่าดว้ ยหลักเกณฑ์และวธิ กี ารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงนิ ค่าเชา่ บ้านข้าราชการ พ.ศ. 2549” ข้อ 2 ระเบยี บนใี้ ห้ใชบ้ ังคบั ตง้ั แตว่ ันถดั จากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ต้นไป ข้อ 3 บรรดาระเบียบ ประกาศ คาสั่ง และหลักเกณฑ์อ่ืนใดที่เกี่ยวกับค่าเช่าบ้านข้าราชการในส่วนท่ี กาหนดไว้แล้วในระเบียบน้ี หรอื ซง่ึ ขดั หรือแย้งกบั ระเบียบน้ี ให้ใช้ระเบยี บนแ้ี ทน ข้อ 4 ในกรณีที่ส่วนราชการไม่สามารถปฏิบัติตามที่กาหนดไว้ในข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 และข้อ 17 หรอื มคี วามจาเปน็ ต้องปฏบิ ตั ินอกเหนือจากขอ้ กาหนดดังกลา่ ว ใหป้ ลดั กระทรวง หัวหน้าส่วนราชการท่ีข้ึนตรง ต่อนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี หรือหัวหน้าส่วนราชการที่ไม่สังกัดสานักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง แล้วแต่กรณีเป็นผู้วินิจฉัย ทั้งนี้ โดยคานึงถึงความประหยัดและประโยชน์ของราชการเป็นสาคัญ แล้วแจ้งให้ ปลัดกระทรวงการคลงั ทราบด้วย นอกเหนือจากท่ีกาหนดไวใ้ นวรรคหนง่ึ ใหส้ ่วนราชการหารอื หรอื ขอทาความตกลงกบั กระทรวงการคลงั ข้อ 5 บรรดาแบบพิมพ์ท่ีใชเ้ กยี่ วกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน ให้เป็นไปตามแบบท้ายระเบียบนี้หรือ ตามที่กรมบัญชกี ลางกาหนดในกรณีทไ่ี ม่ได้กาหนดไว้ในระเบียบนี้ ข้อ 6 ให้ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านย่ืนคาขอรับค่าเช่าบ้านตามแบบขอรับค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) ท้ายระเบยี บน้ี ณ สานกั งานท่ีข้าราชการผู้นั้นปฏบิ ตั ิราชการ เวน้ แต่ระเบยี บน้ีจะกาหนดไว้เปน็ อย่างอื่น ข้อ 7 การยืน่ แบบ 6005 ให้ยน่ื ต่อผูร้ ับรองการมีสิทธิตามข้อ 8 พร้อมด้วยสัญญาเช่าบ้านสัญญาเช่า ซ้ือ หรอื สญั ญาเงนิ กเู้ พ่ือชาระราคาบา้ นและหลกั ฐานอนื่ ทเ่ี กย่ี วข้อง 06
ในกรณีการย่ืนหลักฐานที่เป็นสัญญาเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้าน ต้องแนบสัญญาซ้ือขายบ้าน สัญญาซ้ือ ขายบ้านพร้อมที่ดิน หรือสัญญาจ้างปลูกสร้างบ้าน แล้วแต่กรณี เป็นหลักฐานประกอบด้วย และหากวงเงินใน สัญญาดังกล่าวต่ากว่าสัญญาเงินกู้ ข้าราชการผู้ใช้สิทธิต้องยื่นหลักฐานท่ีสถาบันการเงินรับรองว่า หากมีการกู้ เงนิ ตามวงเงนิ ในสัญญาดงั กล่าว จะต้องมกี ารผอ่ นชาระรายเดอื นเปน็ จานวนเท่าใด 1 “ใหขาราชการผูใชสทิ ธิจดั สงรายงานขอมลู ของขาราชการในการขอรับคาเชาบานพรอมการย่ืนแบบ 6005 และใหผูมีอานาจรับรองการมีสิทธิตามขอ 8 มีอานาจพิจารณารับรายงานขอมูลขาราชการในการ ขอรับคาเชาบานทีย่ ่นื โดยใหแจงรายละเอียดประกอบอยางนอยดังตอไปนี้ (1) ขอมูลประวัติการรับราชการต้ังแตเร่ิมรับราชการ และการโอน ยาย ในกรณีเปนการยายใหช้ีแจง ข้อมูลวาเกิดจากคารองขอของตนเองหรือไม (2) ขอมลู การมีเคหสถานของขาราชการและคสู มรสทุกแหงในทองทีท่ ี่รับราชการ (3) ขอมูลดานอาชพี และสถานทที่ างานของคูสมรสของขาราชการ และใหแจงวาหนวยงานแหงน้ันได ใหสทิ ธเิ บิกคาเชาบาน หรอื จัดบานพกั ใหกับคูสมรสในทองท่ีท่รี ับราชการของขาราชการหรอื ไม (4) ขอมลู การมีเคหสถานของบดิ า มารดา ของคูสมรสและของขาราชการ รวมท้ังบุตรท่ียังไมบรรลุนิติ ภาวะทุกแหงในทองท่ที ่ีรับราชการ (5) ขอมูลสถานะการมชี ีวิตอยูของบดิ า มารดา ของคูสมรสและของขาราชการ หากในภายหลังมีกรณี ท่บี คุ คลดังกลาวเสยี ชีวติ หรือสาบสูญ ใหแจงรายละเอียด วัน เดือน ป ที่เสยี ชวี ติ หรือสาบสูญ” 2ขอ 8 ใหบุคคลดังตอไปนี้ เปนผูรับรองการมีสิทธิไดรับคาเชาบานของขาราชการในสังกัดในแบบ 6005 (1) สวนราชการในราชการบริหารสวนกลาง ใหเลขานุการรัฐมนตรี เลขานุการกรมหรือหัวหนาสวน ราชการต้ังแตระดับกองหรอื เทียบเทาขน้ึ ไป เปนผูรบั รองสวนราชการในราชการบริหารสวนกลางท่ีมีสานักงาน อยูในภูมิภาคหรือแยกตางหากจากกระทรวง ทบวง กรม ใหหัวหนาสานักงานซ่ึงดารงตาแหนงไมต่ากวา ประเภทท่ัวไป ระดับชานาญงานข้ึนไป ประเภทวิชาการ ระดับชานาญการข้ึนไป หรือดารงตาแหนงไมต่ากว่า ระดบั 6 หรือเทยี บเทาเปนผูรบั รอง (2) สวนราชการในราชการบริหารสวนภูมิภาค ใหหัวหนาสวนราชการประจาจังหวัดหรือหัวหนาสวน ราชการประจาอาเภอ แลวแตกรณีเปนผูรับรอง (3) สวนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมหรือสานักงานตารวจแหงชาติ ใหผูบังคับบัญชาที่มียศต้ัง แตพนั ตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี หรือพนั ตารวจตรีข้นึ ไป เปนผูรับรองใหผูบังคับบัญชาเหนือขึ้นไปอยางนอย หน่ึงระดับหรือหน่ึงช้ันยศ เปนผูรับรองการมีสิทธิของบุคคลตาม (1) (2) และ (3) ซึ่งมิไดดารงตาแหนงตาม ท่ีกาหนดไวในวรรคสามใหขาราชการประเภททั่วไป ระดับอาวุโสข้ึนไป ประเภทวิชาการ ระดับชานาญการ พิเศษข้ึนไป ประเภทอานวยการ ประเภทบริหาร หรือดารงตาแหนงตั้งแตระดับ 8 ขึ้นไป หรือเทียบเทาหรือ ขาราชการทหารที่มียศพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก หรือขาราชการตารวจท่ีมียศพันตารวจเอกขึ้นไป เปนผูรบั รองการมสี ทิ ธิของตนเอง” ข้อ 9 เมื่อมีการรับรองสิทธิขอรับค่าเช่าบ้านแล้ว ให้ผู้มีอานาจอนุมัติการเบิกค่าเช่าบ้านตามข้อ 10 แต่งต้ังข้าราชการจานวนไม่น้อยกว่าสามคนเป็นคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายละเอียด ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) กรณีเช่าบ้าน ให้ตรวจสอบว่าได้เช่าบ้านและพักอาศัยอยู่จริง ระยะเวลาเร่ิมต้นของการเช่าบ้าน และการเขา้ พักอาศยั ตลอดจนความเหมาะสมของอตั ราค่าเช่าบ้านเม่ือเปรียบเทียบกับสภาพแหง่ บา้ น 1 ข้อ 7 แก้ไขเพิม่ เติมโดยระเบยี บกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารเก่ยี วกบั การเบกิ จ่ายเงนิ ค่าเช่าบ้านขา้ ราชการ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2552 2 ข้อ.8 แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยระเบยี บกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารเก่ยี วกบั การเบกิ จา่ ยเงนิ ค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2552 07
(2) กรณีเช่าซ้อื บ้านหรอื กเู้ งนิ เพื่อชาระราคาบ้าน ให้ตรวจสอบสัญญาเช่าซื้อบ้านหรือสัญญาเงินกู้เพ่ือ ชาระราคาบ้าน วงเงินเช่าซ้ือหรือวงเงินกู้ เอกสารหลักฐานอ่ืนที่เก่ียวข้อง และวันเร่ิมต้นการเข้าพักอาศัยอยู่ จริงในบ้าน เม่ือคณะกรรมการตรวจสอบข้อเทจ็ จรงิ และรายละเอียดครบถ้วนแล้ว ให้จัดทารายงานการตรวจสอบ การขอรับค่าเช่าบ้านตามแบบท้ายระเบียบนี้ เสนอต่อผู้มีอานาจอนุมัติการเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการตามข้อ 10 เพ่อื พิจารณาอนมุ ตั ิการเบิกจา่ ยตอ่ ไป ข้อ 10 การอนุมตั ิใหเ้ บิกคา่ เชา่ บ้านในแบบ ๖๐๐๕ ใหเ้ ป็นอานาจของบคุ คล ดังตอ่ ไปนี้ 3“(1) สวนราชการในราชการบริหารสวนกลาง ใหเปนอานาจของหัวหนาสวนราชการระดับ กรมหรอื ผู้ที่หัวหนาสวนราชการระดบั กรมมอบหมายซึ่งดารงตาแหนงไมต่ากวาประเภทท่ัวไป ระดับอาวุโสข้ึน ไป ประเภทวิชาการ ระดับชานาญการข้ึนไป ประเภทอานวยการ ประเภทบริหาร หรือดารงตาแหน งไมต่า กวาระดับ ๗ หรือเทียบเทา หรือขาราชการทหารที่มียศตั้งแตพันโท นาวาโท นาวาอากาศโทหรือขาราชการ ตารวจทมี่ ยี ศพันตารวจโทขึ้นไป” (2) ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้หัวหน้าส่วนราชการซ่ึงเป็นผู้เบิกเงินจาก คลงั เปน็ ผู้อนมุ ัติ เวน้ แต่เป็นการเบกิ คา่ เชา่ บา้ นของหวั หนา้ สว่ นราชการน้ัน ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั เปน็ ผอู้ นมุ ตั ิ สาหรับค่าเช่าบ้านของหัวหน้าส่วนราชการประจาอาเภอหรือก่ิงอาเภอ ที่เบิกเงินจาก สานักงานคลังจังหวัด ณ อาเภอ ให้นายอาเภอหรอื ปลัดอาเภอผเู้ ปน็ หัวหน้าประจาก่งิ อาเภอเป็นผอู้ นุมตั ิ ขอ้ 11 ขา้ ราชการซึ่งได้รับอนมุ ัติใหเ้ บิกค่าเช่าบ้านตามสิทธิแล้ว ให้ยื่นขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านประจาเดือน ตามแบบขอเบิกเงินค่าเช่าบา้ น (แบบ 6006) ทา้ ยระเบียบนี้ พร้อมหลักฐานการชาระเงิน ณ สานกั งานที่ข้าราชการ ผ้นู ั้นปฏบิ ตั ิราชการ ใหบ้ ุคคลตามข้อ 10 เปน็ ผูม้ ีอานาจอนุมตั กิ ารเบิกจา่ ยเงนิ ค่าเช่าบ้านตามวรรคหนึ่ง ข้อ 12 ค่าเช่าบ้านถือเป็นรายจ่ายที่เกิดข้ึนเม่ือส่วนราชการได้รับแบบ 6006 และให้เบิกจ่ายจาก งบประมาณรายจา่ ยประจาปงี บประมาณทไี่ ด้รบั แบบดงั กลา่ ว ข้อ 13 สัญญาเช่าบ้าน สัญญาเช่าซื้อ หรือสัญญาเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้าน ตามข้อ 7 ให้เป็นไปตาม หลกั เกณฑ์และวธิ ีการ หรอื อยา่ งนอ้ ยต้องมสี าระสาคัญ ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) สัญญาเช่าบา้ น ต้องระบุวัน เดือน ปี ที่ทาสัญญา ชื่อคู่สัญญา สถานท่ีเช่า วันเร่ิมต้นแห่ง สัญญาเช่า ระยะเวลาการเชา่ วนั สิ้นสุดสัญญาเชา่ และอัตราค่าเชา่ ตอ่ เดือน (2) สญั ญาเชา่ ซ้ือหรือสัญญาเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้าน ให้ใช้ตามแบบสัญญาของสถาบันการเงิน ได้ โดยต้องระบุช่ือคู่สัญญา สถานที่เช่าซ้ือหรือสถานที่กู้เงิน วันเร่ิมต้นแห่งสัญญา ระยะเวลาการชาระค่าเช่า ซ้ือหรอื การผ่อนชาระเงินกู้ วันสิน้ สุดสญั ญา จานวนวงเงนิ ที่เชา่ ซื้อหรอื วงเงินกู้ และจานวนเงินท่ีต้องผ่อนชาระ รายเดือน ข้อ 14 การทาสัญญาเช่าซ้ือหรือสัญญาเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านของข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่า บา้ นต้องทากบั สถาบนั การเงนิ ดังต่อไปน้ี (1) ธนาคารพาณชิ ยต์ ามกฎหมายว่าดว้ ยธนาคารพาณิชย์ (2) รัฐวิสาหกิจท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือดาเนินกิจการเกี่ยวกับการเคหะ หรือดาเนินธุรกิจ เกยี่ วกบั การให้กยู้ ืมเงนิ เพอ่ื เช่าซื้อบ้านหรอื ผ่อนชาระราคาบ้าน 3 ข้อ 10 (1) แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยระเบียบกระทรวงการคลังวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารเกีย่ วกบั การเบกิ จ่ายเงนิ คา่ เชา่ บ้านขา้ ราชการ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2552 08
(3) สหกรณ์ที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์และมีวัตถุประสงค์เพ่ือดาเนินกิจการ เกย่ี วกับการเคหะ (4) กองทนุ บาเหนจ็ บานาญข้าราชการตามกฎหมายวา่ ด้วยกองทนุ บาเหนจ็ บานาญขา้ ราชการ (5) ธนาคารอสิ ลามแห่งประเทศไทยตามกฎหมายวา่ ด้วยธนาคารอิสลามแหง่ ประเทศไทย (6) บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามพระราชกาหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 ซ่ึงดาเนิน กิจการรับซอื้ หรือรบั โอนสินทรัพยด์ อ้ ยคณุ ภาพของสถาบันการเงนิ ตาม (1) (7) นิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์และดาเนินกิจการเก่ียวกับการเคหะ หรือการให้เช่าซ้ือบ้านหรือ ให้กยู้ มื เพ่อื ชาระราคาบา้ น ข้อ 15 ใหข้ ้าราชการผ้มู สี ิทธิได้รบั คา่ เช่าบ้านยนื่ แบบ 6005 ฉบบั ใหม่ ในกรณดี งั ต่อไปนี้ (1) โอนยา้ ยโดยเปล่ยี นสงั กดั หรอื เปลีย่ นสานกั เบกิ เงนิ เดอื น (2) ได้รบั คาส่ังให้เดินทางไปประจาสานกั งานในต่างท้องที่โดยไมเ่ ปล่ยี นสานักเบกิ เงินเดอื น (3) เปลีย่ นแปลงสญั ญาเชา่ บ้าน สญั ญาเช่าซอื้ บ้าน หรือสญั ญาเงนิ กู้เพือ่ ชาระราคาบ้าน ในกรณนี าหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านในท้องท่ีเดิม มาเบิกต่อเนื่องในท้องท่ีใหม่ ให้คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งตามข้อ 9 วรรคหน่ึง ตรวจสอบหลักฐานที่ นามาเบิกค่าเช่าบ้านในช่วงเวลาที่รับราชการในท้องที่เดิมและระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายค่าเช่าบ้าน แลว้ ดาเนินการตอ่ ไปตามข้อ 9 วรรคสอง ข้อ 10 และขอ้ 11 4“ขอ 16 การรับรองสิทธิ การอนุมัติเบิกจายเงินคาเชาบานและการแตงต้ังคณะกรรมการตรวจสอบ การใชสิทธเิ บิกคาเชาบานของขาราชการตามขอ 15 (2) ใหถือปฏิบตั ิ ดังนี้ (1) ใหบคุ คลตามขอ 8 ประจาสานกั งานท่ผี ูใชสิทธิไปปฏิบตั ริ าชการเปนผูรับรองสิทธใิ นแบบ 6005 (2) ใหบุคคลตามขอ 10 ประจาสานักงานท่ีเบิกเงินเดือนของผูใชสิทธิเปนผูมีอานาจอนุมัติในแบบ 6005 และแบบ 6006 (3) ใหบุคคลตามขอ 10 ประจาสานักงานที่ผูใชสิทธิไปปฏิบัติราชการเปนผูมีอานาจแตงต้ังคณะกรรมการ ตรวจสอบการใชสิทธเิ บิกคาเชาบานขาราชการตามขอ 9” ขอ้ 17 ข้าราชการผูม้ ีสิทธเิ บกิ คา่ เช่าบ้านในอตั ราทเ่ี พิม่ ข้ึน เนอื่ งจากได้รับเงนิ เดือนหรอื เล่ือนตาแหน่ง สงู ขึน้ ใหย้ ื่นหลกั ฐานทเ่ี กยี่ วข้องเพื่อประกอบการเบิกจา่ ยโดยไมต่ อ้ งย่นื แบบ 6005 ใหม่ ข้อ 18 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านซึ่งได้ย่ืนแบบ 6005 ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติต่อมา ได้รับคาส่ังให้เดินทางไปประจาสานักงานใหม่ในสังกัดเดิม ไม่ว่าอยู่ในท้องท่ีเดียวกันหรือต่างท้องท่ี หรือได้รับ คาสง่ั ให้เดินทางไปประจาสานกั งานใหมโ่ ดยไมเ่ ปลีย่ นสานักเบิกเงินเดือน ให้ยื่นแบบ 6005 และแบบ 6006 พร้อมท้ังหลักฐานการชาระค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าซ้ือ หรือค่าผ่อนชาระเงินกู้ในช่วงเวลาท่ีตนมีสิทธิ ณ สานักงาน เดิมท่ีสานกั งานใหม่ ในกรณีท่ีข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านได้รับคาส่ังตามวรรคหน่ึง หากได้รับอนุมัติในแบบ 6005 ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ย่ืนแบบ 6006 หรือย่ืนไว้แล้วแต่ยังไม่ได้รับอนุมัติ ให้ย่ืนแบบ 6006 ใหม่ พร้อมทั้งหลักฐาน ตามวรรคหนงึ่ ทส่ี านกั งานใหม่ สาหรับแบบ 6005 ท่ีได้รับอนุมัติแล้ว ให้สานักงานเดิมจัดส่งให้สานักงานใหม่ โดยเร็ว ข้อ 19 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านได้รับคาส่ังให้โอนไปรับราชการประจาสานักงานใหม่โดย เปลี่ยนสังกัด แต่ยังไม่ได้ยื่นขอรับค่าเช่าบ้านหรือยังไม่ได้ย่ืนขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านในช่วงเวลาที่ตนมีสิทธิ ณ สานกั งานเดิม ใหย้ ่นื แบบ 6005 และแบบ 6006 ที่สานกั งานเดิม 4ข้อ 16 แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยระเบยี บกระทรวงการคลังว่าดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการเกีย่ วกบั การเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบา้ นขา้ ราชการ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2552 09
ข้อ 20 การยืน่ ขอรับคา่ เช่าบ้านหรือขอเบกิ ค่าเช่าบา้ นของขา้ ราชการผมู้ สี ทิ ธิได้รับคา่ เชา่ บา้ นซ่งึ ถงึ แก่ กรรม หรอื เกษยี ณอายุราชการ หรอื ลาออกจากราชการไปกอ่ นย่นื คาขอใหด้ าเนินการ ดังนี้ (1) กรณีถึงแก่กรรม ให้ทายาทของข้าราชการผู้นั้นย่ืนคาขอ ณ สานักงานท่ีรับราชการครั้ง สุดท้าย (2) กรณเี กษยี ณอายรุ าชการหรือลาออกจากราชการ ใหข้ า้ ราชการผู้นั้น ย่ืนคาขอ ณ หน่วยงาน ผ้เู บกิ บานาญหรอื สานักงานทีร่ ับราชการครั้งสดุ ทา้ ย แลว้ แต่กรณี ข้อ 21 ภายใต้บังคับข้อ 13 และข้อ 14 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แต่คู่สมรสได้เช่าบ้าน เช่าซ้ือบ้าน หรือกู้เงินเพื่อชาระราคาบ้านในระหว่างสมรสและปรากฏช่ือคู่สมรสแต่เพียงผู้เดียวในสัญญาเช่า บ้านสัญญาเช่าซ้ือ สัญญาเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้าน สัญญาซ้ือขายที่ดินหรือบ้านพร้อมที่ดิน สัญญาจ้างปลูก สร้างบา้ นโฉนดท่ีดนิ หรือหลกั ฐานการชาระเงนิ ให้ขา้ ราชการผู้นัน้ นาหลักฐานดงั กลา่ วมาประกอบการเบิกจ่าย คา่ เชา่ บา้ นจากทางราชการได้ นับแต่วันทมี่ สี ิทธิได้รบั ค่าเช่าบา้ น ขอ้ 22 ในกรณีทีศ่ าลมีคาพิพากษาถึงท่ีสุดให้ข้าราชการผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านให้ข้าราชการผู้น้ัน นาหลักฐานการชาระเงินและสาเนาคาพิพากษาดังกล่าวมาเป็นหลักฐานประกอบการย่ืนแบบ 6005 และ แบบ 6006 โดยไมต่ อ้ งมีการแตง่ ต้งั คณะกรรมการเพอื่ ตรวจสอบข้อเทจ็ จริงตามขอ้ 9 5“ขอ 23 ในกรณที ี่มกี ารขยายวงเงินกูหรือขยายระยะเวลาการผอนชาระเงินกูเพื่อชาระราคาบานให นาหลักฐานการผอนชาระมาเบิกคาเชาบานไดตามจานวนเงินกูและระยะเวลาการผอนชาระท่ีเหลืออยูของ สัญญาเงินกฉู บับแรกเทานน้ั ” ความในวรรคหนง่ึ ไม่ใชบ้ งั คบั กบั การเปลีย่ นแปลงขอ้ กาหนดในสญั ญาเงนิ กู้เพื่อชาระราคาบ้านทค่ี ้าง ชาระอยูเ่ นื่องจากสถาบันการเงินเปลีย่ นแปลงอตั ราดอกเบ้ีย ทงั้ น้ี ต้องมิใช่เหตจุ ากผู้กู้ ข้อ 24 การย้ายสถานที่ทาการของสานักงานไปตั้งในท้องที่ใหม่ตามมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกา คา่ เชา่ บ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 ให้ท้องทีใ่ หม่ท่อี ยูใ่ กลเ้ คียงกับท้องท่ีต้ังสานักงานเดิมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) การยา้ ยทตี่ ั้งสานักงานจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดใกล้เคียง ต้องเป็นเขตท้องท่ีใกล้เคียง หรือติดต่อกับกรุงเทพมหานครและมีรถยนต์โดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพให้บริการตามบัญชีรายช่ือ ท้องทใี่ กลเ้ คยี งทา้ ยระเบียบนี้ (2) การย้ายที่ตั้งสานักงานภายในจังหวัดเดียวกันหรือระหว่างจังหวัด ต้องเป็นเขตท้องที่ ตดิ ต่อกนั และมีขนสง่ สาธารณะประจาทางใหบ้ รกิ าร ข้อ 25 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ให้เบิกจ่ายค่าเช่าบ้านได้ตามอัตราเงินเดือนสุทธิแต่ถ้า อัตราเงินเดือนสุทธิข้ันใดไม่ตรงกับอัตราเงินเดือนในบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ข้าราชการ พ.ศ. 2547 ให้เบิกในอตั ราท่ีใกล้เคียงแต่ไมเ่ กินอตั ราเงินเดอื นสุทธทิ ่ีได้รบั ข้อ 26 ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านซ่ึงมีเงินเพ่ิมพิเศษรายเดือนสาหรับค่าวิชาหรือเงินเพ่ิม การเลื่อนฐานะหรือสาหรับประจาตาแหน่งที่ต้องฝ่าอันตรายเป็นปกติหรือสาหรับการสู้รบ ให้นาเงินเพิ่มดังกล่าว มารวมกับเงนิ เดอื นสุทธิท่ไี ดร้ ับ แลว้ เทียบกับอัตราเงินเดือนตามขั้นเงินเดือนในระดับหรือชั้นยศที่ได้รับในปัจจุบัน หรอื ข้นั เงินเดือนใกล้เคียงในระดบั หรือชั้นยศเดียวกันหรือระดับหรือชั้นยศถัดไปตามลาดับ แล้วให้ได้รับค่าเช่า บา้ นตามขนั้ เงินเดอื นน้นั 5ข้อ 23 แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยระเบยี บกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการเกี่ยวกบั การเบกิ จา่ ยเงนิ คา่ เช่าบ้านขา้ ราชการ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2552 10
กรณที ตี่ อ้ งเบกิ ลดเนือ่ งจากการปรบั ช้นั เงนิ เดอื น ให้นาเงินเดือนสุทธิที่หักเบิกลดเน่ืองจากการปรับชั้น เงินเดือนแล้วเทียบกับอัตราเงินเดือนตามข้ันเงินเดือนในระดับหรือชั้นยศที่ได้รับในปัจจุบันหรือขั้นเงินเดือน ใกล้เคียงในระดับหรือชั้นยศเดียวกันหรือระดับหรือช้ันยศต่าลงมาตามลาดับ แล้วให้ได้รับค่าเช่าบ้านตามข้ัน เงินเดอื นนัน้ กรณีทห่ี ักเบกิ ลดแล้ว เงนิ เดอื นสุทธติ า่ กว่าอตั ราเงินเดอื นข้ันต่าสุดตามบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านแต่ละประเภท ใหไ้ ด้รับคา่ เช่าบา้ นเท่าที่จ่ายจรงิ แตต่ ้องไม่เกนิ เดือนละ 800 บาท ท้องท่ีใกลเ้ คยี งกรณกี รุงเทพมหานครกับจังหวัดใกล้เคยี ง 1. จงั หวดั นนทบรุ ี 1.1 อาเภอเมืองนนทบรุ ี 1.2 อาเภอบางกรวย 1.3 อาเภอบางบวั ทอง 1.4 อาเภอบางใหญ่ 1.5 อาเภอปากเกร็ด 2. จงั หวัดปทุมธานี 2.1 อาเภอเมืองปทมุ ธานี 2.2 อาเภอคลองหลวง 2.3 อาเภอธญั บุรี 2.4 อาเภอลาลกู กา 3. จังหวดั สมุทรปราการ 3.1 อาเภอเมอื งสมทุ รปราการ 3.2 อาเภอบางบ่อ 3.3 อาเภอบางพลี 3.4 อาเภอพระประแดง 3.5 อาเภอพระสมุทรเจดีย์ 4. จงั หวัดสมทุ รสาคร 4.1 อาเภอเมืองสมุทรสาคร 5. จงั หวดั นครปฐม 5.1 อาเภอพุทธมณฑล 4. หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทางราชการ พ.ศ. 2560 โดย รายละเอยี ดเกีย่ วกับกฎหมาย ระเบยี บ และหลกั เกณฑด์ ังกล่าวขา้ งต้นแสดงไดด้ งั ต่อไปน้ี อาศัยอานาจตามความในมาตรา 7 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ แก้ไข เพม่ิ เติมโดยมาตรา ๓ แหง่ พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2556 กระทรวงการคลัง จงึ กาหนดหลกั เกณฑ์และวธิ ีปฏิบัตใิ นการจดั ข้าราชการเขา้ พกั อาศัยในทพี่ กั ของทางราชการ ดังต่อไปนี้ 11
ข้อ 1 หลักเกณฑ์นี้เรียกว่า “หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทาง ราชการ พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ 2 หลักเกณฑ์นี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดหน่ึงร้อยยี่สิบวันนับแต่วันท่ีหลักเกณฑ์น้ี ประกาศใช้ บังคบั เป็นตน้ ไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และวธิ ีปฏบิ ตั ิในการจดั ขา้ ราชการเข้าพักอาศยั ในที่พกั ของทางราชการ พ.ศ. 2551 บรรดาหลักเกณฑ์หรือวิธีปฏิบัติอื่นใดซ่ึงขัดหรือแย้งกับหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัตินี้ให้ใช้ หลกั เกณฑแ์ ละวธิ ปี ฏิบัตินแี้ ทน ข้อ 4 ท่ีพักของแต่ละส่วนราชการจะกาหนดให้เป็นที่พักสาหรับข้าราชการระดับใด ให้พิจารณาตาม ความจาเปน็ และเหมาะสม รวมทั้งความประหยัดและประโยชน์ของทางราชการเป็นสาคัญ และสามารถปรับเปล่ียน ได้ ซ่ึงการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทางราชการให้หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าของงบประมาณหรือ ผู้ท่ีหัวหน้าส่วนราชการมอบหมายเป็นผู้มีอานาจจัดท่ีพัก และสามารถกาหนดวิธีปฏิบัติ ในการจัดข้าราชการ เข้าพักอาศยั ในท่ีพกั ของทางราชการ ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ดังตอ่ ไปนี้ (1) เม่ือที่พักของทางราชการว่างอยู่และสามารถเข้าพักอาศัยได้ ให้ผู้มีอานาจจัดที่พัก ดาเนินการจัด ให้ข้าราชการเข้าพักอาศัยตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติน้ีโดยไม่ต้องรอให้ข้าราชการยื่นคาร้องขอเพ่ือเข้า พัก อาศัย (2) เม่ือผู้มีอานาจจัดที่พักของแต่ละส่วนราชการได้จัดที่พักให้แก่ข้าราชการผู้ดารงตาแหน่ง ประเภท ท่ัวไป ระดบั อาวโุ สขนึ้ ไป ประเภทวิชาการ ระดับชานาญการพิเศษขึ้นไป ประเภทอานวยการ ประเภทบริหาร หรอื เทียบเทา่ หรอื ข้าราชการทหารซงึ่ มียศพนั เอก นาวาเอก นาวาอากาศเอกขึ้นไป หรือข้าราชการตารวจซ่ึงมี ยศพันตารวจเอกขึ้นไป หรือข้าราชการตุลาการและข้าราชการอัยการ ทุกระดับชั้น เข้าพักอาศัยในที่พักของ ทางราชการแลว้ ข้าราชการผูน้ ั้นจะตอ้ งเข้าพกั อาศัยไม่ว่าจะเปน็ ผ้มู สี ทิ ธิ ไดร้ บั คา่ เช่าบ้านข้าราชการหรือไม่ (3) ที่พักของแต่ละสว่ นราชการนอกจากที่พักตาม (2) ใหจ้ ัดข้าราชการผู้ดารงตาแหน่ง ประเภทท่ัวไป ระดับชานาญงานลงมา ประเภทวิชาการ ระดับชานาญการลงมา หรือเทียบเท่า หรือข้าราชการทหาร ซ่ึงมียศ พันโท นาวาโท นาวาอากาศโทลงมา หรือข้าราชการตารวจซ่ึงมียศพันตารวจโทลงมา และเป็นผู้มีสิทธิได้รั บ คา่ เชา่ บา้ นขา้ ราชการเขา้ พักอาศัยไมว่ ่าข้าราชการผูน้ นั้ กาลังใชส้ ทิ ธิเบิกคา่ เชา่ บ้านข้าราชการอยหู่ รือไม่กต็ าม (4) ในการจัดท่พี ักตาม (2) และ (3) หากข้าราชการผู้ใดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ และย่ืนขอ ใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้าน จากทาง ราชการในท้องที่ท่ีปฏิบัติราชการ ตามมาตรา 17 หรือมาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม และได้รับการอนุมัติให้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ ในท้องท่ีนั้นก่อนท่ี ถูกจัดท่ีพัก ผู้มีอานาจจัดที่พักไม่ต้องจัดข้าราชการผู้นั้นเข้าพักอาศัยในที่พักของราชการ แม้ต่อมาข้าราชการ ดงั กลา่ วได้รบั คาส่งั ใหเ้ ดินทางไปประจาสานักงานใหมซ่ งึ่ อยใู่ นท้องทีเ่ ดียวกนั กไ็ มต่ ้องจดั ข้าราชการผู้น้ันเข้าพัก อาศยั ในทพี่ กั ของทางราชการเชน่ กัน (5) ในการจดั ท่พี ักตาม (2) และ (3) หากข้าราชการผู้ใดได้ใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือ คา่ ผอ่ นชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการในท้องที่เดิมแล้ว ตามมาตรา 1) หรือ มาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ต่อมาได้รับคาสั่ง ให้เดินทางไปรับราชการในท้องท่ีใหม่ซ่ึงตนมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ ให้ผู้มีอานาจจัดท่ีพักดาเนินการ 12
จัดทีพ่ ักให้แกข่ า้ ราชการรายอน่ื เข้าพกั อาศยั กอ่ น แล้วจึงจัดที่พักให้แก่ข้าราชการผู้ใช้สิทธิดังกล่าวเข้าพักอาศัย ในลาดับถัดไป (6) กรณสี ว่ นราชการมีท่พี ักประจาตาแหน่งของหัวหน้าหน่วยงาน หัวหน้าหน่วยงานต้องเข้าพักอาศัย หากมีข้าราชการรายอนื่ ไดพ้ ักอาศัยในทพ่ี กั ดงั กลา่ วอยู่ ผูม้ อี านาจจัดที่พักต้องดาเนินการจัดให้ข้าราชการรายอื่น นั้นออกจากท่ีพักโดยเร็ว และหัวหน้าหน่วยงานดังกล่าวต้องเข้าพักอาศัยในที่พักของทางราชการแทนภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่รายงานตัวเพ่ือเข้ารับหน้าท่ี แต่ในระหว่างที่ผู้มีอานาจจัดท่ีพัก ยังไม่ดาเนินการดังกล่าว หากหัวหน้าหน่วยงานผู้นั้นเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการจาเป็นต้องเช่าบ้าน หรือเช่าซ้ือหรือผ่อนชาระ เงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้าน และได้อาศัยอยู่จริง ย่อมมีสิทธินาหลักฐานมาเบิกค่าเช่าบ้าน จากทางราชการได้ในช่วง ระยะเวลาทไ่ี ม่สามารถเขา้ ทพี่ ักของทางราชการ โดยไม่ได้รบั ประโยชน์ ตามข้อ 4 (4) (7) กรณีข้าราชการมีคู่สมรสซ่ึงรับราชการอยู่ในสังกัดเดียวกัน และสามารถพักอาศัยอยู่ในที่พักเดียวกัน ได้ ผู้มีอานาจจัดทพี่ กั สามารถใชด้ ลุ ยพินิจจดั ให้ข้าราชการดงั กล่าวใหเ้ ขา้ พักอาศยั ในท่ีพักของทางราชการด้วยกันได้ (8) เม่ือจัดท่ีพักตามหลักเกณฑ์ข้างต้นแล้ว ยังคงมีที่พักเหลือว่างอยู่ ผู้มีอานาจจัดท่ีพักสามารถจัด ขา้ ราชการทีบ่ รรจุเข้ารับราชการคร้ังแรกและเดือดร้อนในเร่ืองท่ีอยู่อาศัยเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทางราชการ ได้โดยการกาหนดระยะเวลาเข้าอยู่อาศัยให้อยู่ในดุลพินิจของส่วนราชการและต้องบริหารเงินงบประมาณท่ีได้รับ ให้อยภู่ ายในวงเงนิ ที่ไดร้ ับจัดสรรดว้ ย กรณีท่ีมีการใช้ดุลพินิจจัดข้าราชการท่ีบรรจุเข้ารับราชการครั้งแรกเข้าพักอาศัย ในท่ีพักของทาง ราชการแล้วกระทบตอ่ เงนิ งบประมาณท่สี ่วนราชการมีอยู่ กส็ ามารถจัดให้ออกจากท่ีพกั ของทางราชการได้ (9) เมอ่ื จัดทพี่ กั ตามหลักเกณฑ์ขา้ งต้นแล้ว ยังคงมีท่พี กั เหลอื ว่างอย่ผู ู้มอี านาจจัดท่ีพักอาจจัดให้ ข้าราชการ ผทู้ ีไ่ ม่มสี ิทธิได้รบั คา่ เช่าบ้านข้าราชการเข้าพกั อาศยั ไดเ้ ปน็ การช่วั คราว (10) กรณีท่ีพักของทางราชการมีไม่เพียงพอสาหรับผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ หรือกรณี ที่ข้าราชการท่ีมสี ทิ ธิไดร้ ับคา่ เช่าบ้านข้าราชการซึ่งย้ายมาใหมไ่ ม่สามารถเขา้ อยอู่ าศัยในที่พักของทางราชการได้ เน่ืองจากผู้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการได้เข้าพักอาศัยอยู่ก่อนแล้วตาม (9) ทาให้ไม่สามารถจัดให้ผู้มี สิทธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บา้ นข้าราชการเขา้ อยอู่ าศัยได้ กรณดี งั กล่าว ผู้มีอานาจจัดท่ีพักต้องดาเนินการจัดให้ผู้ไม่มีสิทธิ ได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการออกจากท่ีพักของทางราชการและจัดให้ผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเข้ าอยู่ อาศัยในที่พักของทางราชการแทนภายใน 7 วัน นับแต่วันท่ีรายงานตัวเพ่ือเข้ารับหน้าท่ี แต่ในระหว่างที่ผู้มี อานาจจัดท่ีพักยังไม่ดาเนินการดังกล่าว หากผมู้ สี ทิ ธิไดร้ บั คา่ เช่าบ้านข้าราชการจาเป็นต้องเช่าบ้าน หรือเช่าซื้อ หรอื ผ่อนชาระเงินกู้เพอื่ ชาระราคาบา้ น และไดอ้ าศยั อยู่จริง กย็ ่อมมีสิทธินาหลักฐานมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทาง ราชการไดใ้ นช่วงระยะเวลาท่ไี ม่สามารถเขา้ ทพี่ ักของทางราชการ โดยไม่ไดร้ บั ประโยชน์ ตามข้อ 4 (4) (11) หากผู้มีอานาจจัดที่พักจัดให้ข้าราชการผู้มีสิทธิได้ค่าเช่าบ้านข้าราชการ ตาม (2) และ (3) เข้า พักแลว้ ข้าราชการผู้นั้นไมเ่ ขา้ พักให้ถือว่าสละสิทธิการเข้าพักอาศัย และถือว่าทางราชการได้จัดท่ีพักอาศัย ให้ อยแู่ ลว้ ตามมาตรา 7 (1) แหง่ พระราชกฤษฎกี าค่าเชา่ บา้ นข้าราชการ พ.ศ. 2547 และทีแ่ กไ้ ขเพ่ิมเติม ขอ้ 5 ข้าราชการทไ่ี ดส้ ละสทิ ธิการเขา้ พกั อาศยั ในที่พักของทางราชการ หากต่อมาข้าราชการ ดังกล่าว ร้องขอเข้าพักขณะที่ที่พักของทางราชการว่างลง หรือได้ที่พักมาใหม่ เนื่องจากมีความเดือดร้อนในเรื่องที่อยู่ อาศยั ผูม้ อี านาจจัดทพี่ กั อาจพจิ ารณาจดั ให้ข้าราชการดังกลา่ วเขา้ พักในท่พี ักของทางราชการได้ ข้อ 6 ข้าราชการที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเน่ืองจากผู้มีอานาจจัดที่พักได้จัดท่ีพักให้แล้ว แต่สละสิทธิการเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทางราชการ หากต่อมาที่พักของทางราชการนั้นได้ถูกร้ือถอนไป 13
ท้ังหมด ให้ถือว่าข้าราชการผู้น้ันไม่มีที่พักของทางราชการจัดให้ จึงไม่เป็นผู้ต้องห้ามในการได้รับสิทธิค่าเช่า บ้านข้าราชการ ตามมาตรา 7 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไข เพมิ่ เตมิ อกี ต่อไปนับแต่วันทีท่ ่พี ักของทางราชการได้ถกู รือ้ ถอนไปทั้งหมด ข้อ 7 กรณีที่พักของทางราชการว่างลง แต่มีสภาพชารุด ทรุดโทรม มีลักษณะไม่ปลอดภัย ต่อชีวิต รา่ งกายและทรพั ย์สินของผู้เข้าอยู่อาศัย หรือมีเหตุสุดวิสัย เช่น ไฟไหม้ น้าท่วม หรือมีเหตุอื่นใดอันเป็นเหตุให้ ไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ ผู้มีอานาจจัดที่พักไม่ต้องจัดให้ข้าราชการเข้าพักจนกว่าจะซ่อมแซมท่ีพักแล้วเสร็จ หรือเหตุสุดวิสัยนั้นได้รับการแก้ไขหรือบรรเทาจนสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ และให้ผู้มีอานาจจัดที่พักจัดให้ ขา้ ราชการ เข้าพักอาศัยต่อไป กรณีได้จัดให้ข้าราชการเข้าพักอาศัยในท่ีพักของทางราชการแล้ว ต่อมาเกิดเหตุตามวรรคแรก จนไม่ สามารถอยู่อาศัยได้ หากขา้ ราชการผนู้ ้นั เปน็ ผมู้ สี ทิ ธไิ ด้รบั ค่าเช่าบ้านข้าราชการจาเป็นต้องเช่าบ้าน หรือเช่าซ้ือ หรือผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้าน และได้อาศัยอยู่จริง ให้มีสิทธินาหลักฐานมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทาง ราชการได้ จนกว่าจะซ่อมแซมท่ีพักเสร็จ หรือเหตุสุดวิสัยนั้นได้รับการแก้ไขหรือบรรเทาจนสามารถเข้าอยู่ อาศัยได้ และส่วนราชการได้จัดข้าราชการผู้นั้น หรือผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการรายอื่นเข้าพักอาศัย ตอ่ ไป กรณีข้าราชการได้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการตามวรรคสองแล้ว เมื่อซ่อมแซมท่ีพักแล้ว เสร็จหรือเหตุสุดวิสัยน้ันได้รับการแก้ไขหรือบรรเทาจนสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ และเมื่อผู้มีอานาจจัดท่ีพัก จัดให้ข้าราชการดังกล่าวกลบั เขา้ พกั อาศยั แล้ว หากข้าราชการผู้นั้นไม่เข้าพักให้ถือว่าสละสิทธิการเข้าพักอาศัย และถือว่าทางราชการได้จัดที่พักอาศัยให้อยู่แล้ว ตามมาตรา 7 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่แี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ และไมไ่ ด้รับประโยชน์ ตามขอ้ 4 (4) ข้อ 8 ให้ผู้มีอานาจจัดที่พักจัดให้มีทะเบียนควบคุมการจัดข้าราชการเข้าและออกในท่ีพัก ของทาง ราชการตามแบบที่หน่วยงานกาหนดทุกคร้ัง และให้มีการมอบทะเบียนควบคุมดังกล่าวให้แก่ผู้มีอานาจ จัดท่ี พกั คนตอ่ ไปทกุ ครั้งทพ่ี น้ ตาแหนง่ หนา้ ที่ ข้อ 9 ในกรณีข้าราชการได้รับคาส่ังให้ไปช่วยปฏิบัติราชการประจาต่างสานักเบิกเงินเดือน หรือต่าง สานักงานในท้องทเ่ี ดยี วกัน ให้ผู้มีอานาจจัดท่ีพักซ่ึงประจาสานักงานท่ีข้าราชการผู้น้ันปฏิบัติราชการอยู่ เป็นผู้ มอี านาจจัดข้าราชการดังกลา่ วเขา้ พักอาศยั ในที่พกั ของทางราชการตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบตั ิน้ี ข้อ 10 กรณีหน่วยงานใดได้จัดให้ข้าราชการผู้ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเข้าพักอาศัยใน ท่ีพักของทางราชการก่อนวันที่หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัตินี้มีผลใช้บังคับ ให้ข้าราชการผู้น้ันมีสิทธิอยู่อาศัยใน ทีพ่ กั ของทางราชการจนกว่าจะถกู จัดออกจากที่พกั ของทางราชการตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีปฏิบัตนิ ้ี ขอ้ 11 ในการจัดข้าราชการเข้าพกั อาศยั ในที่พกั ของทางราชการครั้งแรกตามหลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติน้ี หากหวั หน้าส่วนราชการหรอื ผมู้ อี านาจจัดทพ่ี ักเห็นว่ามคี วามจาเปน็ และไม่เสียหายแก่ทางราชการ อาจใช้ดุลพินิจ จัดข้าราชการเข้าพักอาศัยในที่พักของทางราชการเสียใหม่ โดยข้าราชการซึ่งเดิมถูกจัดเข้าพักในท่ีพักของทาง ราชการไม่ว่าจะเขา้ พกั อาศยั หรอื สละสทิ ธิการเขา้ พกั อาศัยกต็ าม หากขา้ ราชการดังกล่าว ไม่ถูกจัดเข้าพักอาศัย ในท่ีพักของทางราชการในครั้งใหม่ก็จะถือว่าทางราชการไม่ได้จัดท่ีพักอาศัยให้อีกต่อไป ทั้งนี้ นับแต่วันที่ได้มี การจดั ขา้ ราชการเข้าพักอาศัยในที่พักของทางราชการในครั้งใหม่ 14
5. แนวทางปฏบิ ัติตามขอ้ กฎหมาย ระเบยี บ และหลกั เกณฑ์วา่ ด้วยค่าเช่าบา้ นขา้ ราชการ แนวทางปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ว่าด้วยค่าเช่าบ้านข้าราชการ แบ่งประเด็น การนาเสนอออกเป็น 2 สว่ น ไดแ้ ก่ ส่วนท่ี 1 พระราชกฤษฎกี าคา่ เช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไข เพ่มิ เติมถึงฉบับท่ี 5 พ.ศ. 2561 และส่วนท่ี 2 การย่ืนขอรับเงนิ ค่าเชา่ บา้ น ดงั น้ี ส่วนท่ี 1 พระราชกฤษฎกี าค่าเชา่ บ้านขา้ ราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแกไ้ ขเพิ่มเติม 1.1 พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2550 พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2552 พระราชกฤษฎีกา ค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2556 และพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2561 สทิ ธกิ ารไดร้ ับคา่ เชา่ บ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นั้น กาหนดข้ึนเพ่ือเป็นการช่วยเหลือข้าราชการท่ีมีภาระค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย อันเน่ืองมาจากการท่ีข้าราชการ ได้รับคาสั่งให้เดินทางไปประจาสานักงานในต่างท้องท่ี และมีความเดือดร้อนในเร่ืองที่อยู่อาศัยอันเน่ืองมาจาก ทางราชการเป็นเหตุ แต่โดยท่ีผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านไปโดย ทุจริตมาโดยตลอด จึงจะขอชี้แจงการใช้สิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้านเสียก่อนว่า ค่าเช่าบ้าน ข้าราชการนั้น คณะรัฐมนตรีไดม้ มี ติ เม่อื วนั ที่ 24 มีนาคม 2541 หากตรวจพบว่าข้าราชการผู้ใดมีเจตนากระทาผิดในการใช้ สิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้านให้ถือว่าเป็นการกระทาโดยทุจริต มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ท้ังน้ี ให้ส่วนราชการ พิจารณาลงโทษไล่ออกจากราชการ ไม่มีสิทธิได้รับบาเหน็จบานาญ ต่อไปจะได้กล่าวถึงสิทธิการได้รับค่าเช่า บ้านตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 พอสงั เขปบางบทมาตราที่มีความสาคญั ในการพิจารณาถงึ สิทธขิ องตนเองท่ีจะได้รับค่า เช่าบ้านหรอื ไม่ สาหรับพระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบ้านข้าราชการ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2552 ได้มีการปรับปรุงแก้ไข บัญชอี ตั ราคา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการท้ายพระราชกฤษฎกี าว่าดว้ ยค่าเชา่ บา้ นข้าราชการใหส้ อดคล้องกับการกาหนด ตาแหน่งและอัตราเงินเดือนตามบัญชีเงินเดือนข้ันต่าข้ันสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญท้าย พระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ส่วนพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. 2556 ได้มกี ารปรับปรุงแกไ้ ขมาตรา 7 (1) และแกไ้ ขเพิ่มเตมิ มาตรา 7/1 กรณีเจ้าหน้าท่ีขอรัฐตามกฎหมายอื่นโอน มาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกาน้ี และสาหรับพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 5) ได้มี การปรับปรุงแก้ไข มาตรา 4 และยกเลิกบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการดังน้ี (1) บัญชีอัตราค่าเช่าบ้าน ขา้ ราชการหมายเลข 1 2 6 ให้ใช้บญั ชที ้ายพระราชกฤษฎีกานี้ 1.2 บคุ คลผ้มู สี ทิ ธไิ ดร้ บั ค่าเช่าบ้าน (มาตรา 3) ขา้ ราชการ 8 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. ขา้ ราชการพลเรือนตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน 2. ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยตุ ิธรรมตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบยี บขา้ ราชการฝ่ายตลุ าการศาล ยุติธรรม 3. ข้าราชการฝ่ายอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบยี บข้าราชการฝ่ายอยั การ 4. ขา้ ราชการพลเรือนในมหาวทิ ยาลยั ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบขา้ ราชการพลเรือนใน มหาวิทยาลยั 5. ข้าราชการฝา่ ยรัฐสภาตามกฎหมายว่าด้วยระเบยี บขา้ ราชการฝา่ ยรัฐสภา 6. ขา้ ราชการตารวจตามกฎหมายวา่ ด้วยตารวจแหง่ ชาติ 7. ข้าราชการทหารตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบขา้ ราชการทหาร 15
8. ขา้ ราชการครูตามกฎหมายวา่ ด้วยระเบยี บขา้ ราชการครู 1.3 การเกิดสิทธิได้รบั ค่าเช่าบา้ น (มาตรา 7) ข้าราชการผู้ได้รับคาส่ังให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องท่ีและไม่เข้า ข้อยกเว้นทท่ี าให้ไมม่ ีสิทธิไดร้ บั คา่ เช่าบ้าน ในกรณดี ังต่อไปน้ี มสี ิทธิได้รับคา่ เช่าบา้ น 1. ทางราชการไดจ้ ดั ที่พักอาศยั ใหต้ ามหลกั เกณฑท์ กี่ ระทรวงการคลงั กาหนด 2. มเี คหสถานอันเป็นกรรมสิทธ์ิของตนเองหรือคู่สมรสในท้องท่ีที่ไปประจาสานักงานใหม่โดยไม่ มีหนีค้ ้างชาระกับสถาบันการเงิน 3. ได้รับคาส่ังให้เดินทางไปประจาสานักงานใหม่ในต่างท้องที่ตามคาร้องขอของตนเองสาหรับ กรณีที่ข้าราชการได้รับคาส่ังให้เดินทางไปประจาสานักงานใหม่ในท้องที่ท่ีเร่ิมรับราชการคร้ังแรกหรือท้องท่ีที่ กลับเข้ารับราชการใหม่ได้ถูกยกเลิกโดยพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 แล้ว จึงไม่เขา้ ข้อยกเวน้ ทท่ี าใหไ้ มม่ สี ิทธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บ้าน มาตรา 7/1 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐซ่ึงไม่ใช่ข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้โอนมาเป็น ข้าราชการไม่ว่าคร้ังใดก็ตาม การบรรจุและแต่งตั้งผู้โอนมาเป็นข้าราชการนั้นในท้องที่ใด ให้ถือว่าเป็นการบรรจุ และแต่งตั้งในท้องที่ที่เริ่มรับราชการคร้ังแรกตามพระราชกฤษฎีกาน้ี และไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ จนกว่าจะได้รับคาสั่งให้เดินทางไปประจาสานักงานในต่างท้องท่ีตามมาตรา 7 (หากโอนมาก่อนวันท่ี 10 ตุลาคม 2556 ซ่งึ พระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบา้ นข้าราชการ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2556 มีผลใชบ้ งั คับสทิ ธิการได้รับ คา่ เชา่ บา้ นยอ่ มมตี อ่ ไป) 1.4 กรณีใดเป็นการได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติราชการประจาหรือลักษณะประจาในสานักงานแห่งใหม่ พิจารณาจากการท่ีสว่ นราชการมคี าสงั่ ใหข้ ้าราชการย้ายไปปฏิบตั ริ าชการอีกหน่วยงานหน่ึง ได้แก่ การเดินทาง ไปประจาสานักงาน ไปรักษาการในตาแหน่งหรือรักษาราชการแทน เพ่ือดารงตาแหน่งใหม่ ณ สานักงานแห่งใหม่ นอกจากนน้ั หากส่วนราชการได้มีคาสั่งให้ข้าราชการเดินทางไปประจาต่างสานักงานในลักษณะประจา แม้จะ ไม่ได้โอนอัตราเงินเดือนตามตัวไปด้วย (ไม่ได้เบิกจ่ายเงินเดือนทางสานักงานใหม่) หรือไม่มีอัตราว่างในสานักงาน แห่งใหม่ก็ตาม และข้าราชการผู้น้ันได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคาส่ังดังกล่าวหรือได้รับคาสั่งให้ไป ช่วยราชการประจา หรือได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติราชการต่างสานักงานท่ีไม่มีกาหนดระยะเวลาก็ถือว่าเป็นการ ไปราชการประจาเช่นเดียวกัน รวมท้ังกรณีท่ีส่วนราชการมีคาสั่งให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการต่างสานักงาน โดยมีกาหนดระยะเวลาตงั้ แต่หนง่ึ ปีข้ึนไปดว้ ย ตัวอยา่ ง นายปวรรุจ และนายพฒุ ิภัทร รับราชการทอ่ี าเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ต่อมาส่วนราชการมีคาส่ัง ใหน้ ายปวรรุจ ไปปฏิบตั ริ าชการท่ีอาเภอเมอื ง จงั หวัดเพชรบรุ ี เปน็ ระยะเวลา 9 เดือน ส่วนนายพุฒิภัทร ได้รับ คาส่งั ให้ไปช่วยราชการ ทีอ่ าเภอเมอื ง จังหวดั เพชรบรุ ี โดยไม่มีกาหนดระยะเวลาจนกว่าจะมีคาส่ังเปลี่ยนแปลง เช่นกันกรณีของนายปวรรุจ ไม่ถือว่าได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในลักษณะประจา เพราะมีกาหนด ระยะเวลาเพียง 9 เดือน กรณีการได้รับคาส่ังให้ไปปฏิบัติราชการประจา จะต้องมีระยะต้ังแต่ 1 ปีขึ้นไปกรณี ของนายพุฒิภัทร ถือว่าได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในลักษณะประจา เพราะเป็นคาส่ังท่ีไม่มีกาหนด ระยะเวลาท่แี น่นอนจนกว่าจะมีคาสง่ั เปลี่ยนแปลง 1.5 กรณใี ดถือวา่ ขา้ ราชการไดร้ บั คาสัง่ ใหเ้ ดินทางไปปฏบิ ัติราชการประจาสานักงานในต่างทอ้ งที่ คาว่า“ท้องท่ี” ตามมาตรา 4 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ี แก้ไขเพิ่มเติม หมายความว่า กรุงเทพมหานคร อาเภอ กิ่งอาเภอ หรือท้องที่ของอาเภอหรือกิ่งอาเภอท่ี 16
กระทรวงการคลังประกาศกาหนด ให้เป็นท้องท่ีเดียวกันตามมาตรา 5 แต่ปัจจุบันกระทรวงการคลังยังมิได้ อาศยั อานาจตามมาตรา 5 ประกาศรวมท้องท่ีหลายท้องท่ีเป็นท้องที่เดียวกัน เพราะหากได้มีการประกาศรวม เขตท้องท่ีเป็นท้องท่ีเดียวกันจะทาให้ข้าราชการบางส่วนได้ประโยชน์ แต่ก็จะทาให้ข้าราชการอีกส่วนหน่ึงเสีย ประโยชน์เชน่ กัน เช่น หากกระทรวงการคลังได้ประกาศรวมเขตท้องที่กรุงเทพมหานครกับอาเภอเมืองนนทบุรี จะทาให้ข้าราชการกลุ่มท่ีมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านในท้องท่ีกรุงเทพมหานครหรือในท้องท่ีอาเภอเมืองนนทบุรี สามารถใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระค่าเช่าซ้ือหรือผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านในท้องท่ีทั้งสองแห่ง มาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้ แต่กลุ่มของข้าราชการที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านในทั้งสองท้องท่ี หาก ต่อมาได้รับคาส่ังย้ายไปปฏิบัติราชการในท้องท่ีใดท้องที่หนึ่งระหว่างกรุงเทพมหานครหรืออาเภอเมืองนนทบุรี ก็ไม่ทาให้เกดิ สิทธิไดร้ ับค่าเชา่ บ้าน เป็นตน้ ตัวอยา่ ง ก) นายกรวิทย์ รับราชการทส่ี านกั งานซ่งึ ตงั้ อย่ใู นเขตกรงุ เทพมหานคร ต่อมาไดร้ บั คาสั่งให้เดินทางไป ปฏิบัติราชการประจาในอาเภอเมืองจังหวัดนนทบุรี กรณีเช่นนี้ถือว่านายกรวิทย์ ได้รับคาส่ังให้ไปปฏิบัติงาน ประจาในต่างท้องที่ หากนายกรวิทย์ ไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามมาตรา 7 (1) – (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่า บ้านขา้ ราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพม่ิ เตมิ นายกรวทิ ย์ ยอ่ มมสี ทิ ธิได้รบั คา่ เช่าบา้ นจากทางราชการ ข) นายลพชัย รับราชการที่กรุงเทพมหานคร เขตดุสิต ต่อมาได้รับคาส่ังให้ไปปฏิบัติราชการประจา ต่างสานักงาน ซ่ึงต้ังอยู่ในกรุงเทพมหานคร เขตสาธร กรณีเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการได้รับคาส่ังให้ไ ปปฏิบัติ ราชการต่างท้องท่ีเพราะ คาว่า”ท้องท่ี” ตามมาตรา 4 กาหนดเขตท้องที่ของกรุงเทพมหานครท้ังหมดทุกเขต เป็นท้องที่เดียวกันดังน้ัน สิทธิการได้รับค่าเช่าบ้านกรณีท่ีนายลพชัย เป็นผู้ไม่มีสิทธิอยู่แล้วก็ย่อมไม่เกิดสิทธิ ได้รับค่าเช่าบ้านแต่อย่างใดและหากนายลพชัย เป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านอยู่ก่อนแล้วในท้องท่ี กรุงเทพมหานครก็ไม่ทาให้สิทธิการได้รับค่าเช่าบ้านเปลี่ยนแปลง เว้นแต่การท่ีนายลพชัย ย้ายจากเขตดุสิตไป ปฏิบตั ริ าชการ เขตสาธร และท่ีสานักงานใหม่มีท่ีพกั จดั ให้ จะทาใหน้ ายลพชยั ไม่มีสทิ ธิได้รบั คา่ เช่าบ้าน 1.6 ข้อยกเวน้ ท่ีทาให้ไม่มีสิทธิได้รบั ค่าเช่าบา้ นตามมาตรา 7 (1) - (3) เมื่อข้าราชการได้รับคาสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องที่ก็จะเกิดสิทธิ ได้รับค่าเช่าบ้าน แต่หากการไปปฏิบัติราชการนั้น เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 7 (1) - (3) ดังต่อไปนี้ ย่อมทาให้ ไมม่ ีสทิ ธไิ ดร้ ับคา่ เชา่ บ้านจากทางราชการ 1.6.1 ทางราชการไดจ้ ัดท่พี กั อาศัยให้ตามหลักเกณฑท์ ก่ี ระทรวงการคลงั กาหนด การท่ีทางราชการจัดทพ่ี กั ไวใ้ ห้ วัตถปุ ระสงค์เพ่ือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับข้าราชการท่ี ได้รับคาสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติประจาท่ีสานักงานแห่งใหม่ และเพื่อประหยัดเงินงบประมาณรายจ่ายค่าเช่า บ้านให้กับข้าราชการโดยให้มีบ้านอยู่อาศัยตามสมควรแก่ฐานะและตาแหน่งหน้าท่ี เมื่อข้าราชการผู้ใดได้รับ คาสั่งใหไ้ ปปฏบิ ัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องท่ีและได้รับการจัดบ้านพักจากทางราชการแล้ว ย่อมไม่มี สทิ ธิไดร้ บั ค่าเช่าบา้ นจากทางราชการ หากไมย่ อมเข้าอยูอ่ าศัยถือวา่ สละสิทธิในบ้านพัก และข้าราชการผู้นั้นจะ เป็นผู้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านจากทางราชการ โดยหลักเกณฑ์ในการจัดบ้านพักของทางราชการน้ัน หัวหน้า สว่ นราชการหรือผมู้ อี านาจจัดบ้านพกั ของส่วนราชการ จะตอ้ งถอื ปฏบิ ตั ิตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัด ข้าราชการเข้าพักอาศยั ในที่พักของทางราชการ พ.ศ. 2547 หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้า พักอาศัยในที่พักของทางราชการ พ.ศ. 2550 และหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจัดข้าราชการเข้าพักอาศัย ในท่พี กั ของทางราชการพ.ศ. 2551 แลว้ แต่กรณี 1.6.2 มเี คหสถานอันเปน็ กรรมสทิ ธข์ิ องตนเองหรอื คสู่ มรสในท้องที่ท่ีไปประจาสานักงานใหม่โดย ไม่มหี นีค้ ้างชาระกบั สถาบนั การเงนิ ตามมาตรา 7 (2) 17
ขา้ ราชการรายใดไดร้ บั คาสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจาสานักงานใหม่ในต่างท้องที่ แต่ในท้องท่ีน้ันมีเคหสถานที่ตนเองหรือคู่สมรสมีกรรมสิทธ์ิอยู่ ข้าราชการผู้น้ันย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน เว้นแต่เคหสถานที่ตนเองหรือคู่สมรสมีกรรมสิทธิ์อยู่นั้นยังมีหน้ีที่ค้างชาระกับสถาบันการเงินอยู่ กรณีเช่นนี้ ขา้ ราชการย่อมมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านจากทางราชการ จนกว่าจะได้รับคาสั่งให้โอนย้ายไปรับราชการในท้องท่ี อน่ื หรอื จนกว่าเคหสถานแหง่ นน้ั จะหมดภาระไมม่ ีหนี้ท่ีคา้ งชาระกบั สถาบนั การเงินแลว้ ข้าราชการผู้น้ีก็จะเป็น ผ้ไู มม่ สี ทิ ธไิ ด้รบั ค่าเช่าบา้ นในท้องที่ดงั กล่าว ตวั อยา่ ง นายภานุ รบั ราชการที่กรุงเทพมหานครไดร้ บั คาสง่ั ให้ไปปฏบิ ตั ริ าชการประจาทอ่ี าเภอเมือง จงั หวดั นครปฐมซงึ่ ในเขตท้องท่ีอาเภอดงั กลา่ วค่สู มรสของนายภานุ มีบา้ นทม่ี ีกรรมสิทธอิ์ ยู่ โดยไมม่ หี น้ีค้างชาระกับ สถาบนั การเงนิ กรณเี ช่นน้ี นายภานุย่อมไมม่ ีสทิ ธิได้รับคา่ เช่าบ้าน กรณีข้อเท็จจริงข้างต้นเปลี่ยนเป็นคู่สมรสของนายภานุ มีเคหสถานตั้งอยู่ในเขตท้องที่ที่นายภานุ ได้รับคาสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจา แต่มีหนี้ค้างชาระกับพี่สาวของคู่สมรส เนื่องจากคู่สมรสไปยืม เงินมาปลูกสร้างบา้ น กรณีเชน่ น้ี นายภานกุ ็ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน เพราะเคหสถานท่ีคู่สมรสมีกรรมสิทธิ์นั้น มิไดม้ หี นีค้ า้ งชาระกบั สถาบนั การเงินแต่เปน็ หน้กี บั บุคคลธรรมดา 1.6.3 ไดร้ ับคาสงั่ ใหเ้ ดนิ ทางไปประจาสานกั งานใหมใ่ นตา่ งทอ้ งทีต่ ามคารอ้ งขอของตนเอง การรอ้ งขอยา้ ยของขา้ ราชการไม่ว่าจะมีความประสงค์ไปในท้องที่ใด อาเภอใด เม่ือได้แจ้ง ความประสงค์กับส่วนราชการแล้ว และส่วนราชการได้มีคาสั่งให้ไปปฏิบัติราชการในสานักงานท้องที่ท่ีตนได้ แจง้ ความประสงค์ไว้ ย่อมทาให้ข้าราชการผู้น้ันไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แต่หากส่วนราชการมิได้มีคาส่ังให้ไป ปฏบิ ัตริ าชการในท้องท่ที ี่ข้าราชการไดแ้ จง้ ความประสงคข์ อยา้ ยไว้ โดยส่งั ให้ไปปฏิบัติราชการในท้องท่ีอื่น หรือ อาเภออื่นแทนขา้ ราชการผูน้ ้นั ยอ่ มไม่เข้าข้อยกเว้นทท่ี าใหไ้ ม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านกรณีย้ายตามคาร้องขอของ ตนเอง กรณีท่ีจะพิจารณาว่ากรณีใดจะถือว่าเป็นการย้ายตามคาร้องขอของตนเองนั้น ให้ พิจารณาว่าเป็นการย้ายเน่ืองจากความต้องการของตัวข้าราชการผู้ย้ายเองเป็นหลัก มิใช่เนื่องจากความ ตอ้ งการของทางราชการตวั อยา่ ง เช่น การขอย้ายตดิ ตามค่สู มรส เป็นต้น กรณีที่ข้าราชการได้ย้ายตามคาร้องขอของตนเอง แต่ในคาส่ังให้ข้าราชการเดินทางไป ปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องท่ีไม่ได้ระบุข้อความไว้ในคาสั่งว่า“ตามคาร้องขอของตนเอง” หาก ข้อเทจ็ จรงิ ปรากฏวา่ ขา้ ราชการผู้น้ันเป็นผูร้ อ้ งขอย้ายจรงิ ก็ถือวา่ เปน็ กรณที ่ีข้าราชการได้รับคาสั่งให้เดินทางไป ปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องท่ีตามคาร้องขอของตนเอง ย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านจากทาง ราชการซึ่งการกาหนดให้ระบุไว้ในคาสั่งว่า “ตามคาร้องขอของตนเอง” ในกรณีท่ีข้าราชการร้องขอย้ายก็ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการพิจารณาอนุมัติใช้สิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้าน และเพื่อประโยชน์ในการควบคุมการ เบิกจ่ายเงนิ ค่าเช่าบา้ นของสว่ นราชการต่าง ๆ ใหเ้ ป็นไปในแนวทางเดียวกนั กรณีการโอนข้าราชการไม่ว่ากรณีใด ๆ ย่อมเป็นไปเพ่ือประโยชน์ของทางราชการและมี สาเหตุมาจากส่วนราชการท่ีรับโอนขาดแคลนบุคลากรหรือต้องการให้ข้าราชการท่ีมีความรู้ความสามารถ เฉพาะดา้ นของส่วนราชการอ่ืนมารับราชการในส่วนราชการน้ัน ย่อมไม่ถือว่าเป็นการได้รับคาส่ังให้เดินทางไป ประจาสานักงานใหม่ตามคาร้องขอของตนเอง (หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0526.5/ว 109 ลงวนั ท่ี 20 ธันวาคม 2542) หากไม่เข้าข้อยกเวน้ ตามมาตรา 7 อนุมาตราอื่น ย่อมมสี ทิ ธิไดร้ ับค่าเช่าบ้าน สาหรับกรณีท่ีข้าราชการได้โอนเปลี่ยนหน่วยงานซึ่งส่วนราชการจะมีข้อตกลงในการโอน ของข้าราชการผนู้ น้ั วา่ “จะไมข่ อใช้สทิ ธิเบกิ ค่าเช่าบ้านนั้น” กย็ อ่ มจะมผี ลผูกพนั คสู่ ญั ญาระหว่างข้าราชการกับ 18
ส่วนราชการท่ีทาให้ขา้ ราชการผู้น้ันไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามข้อตกลงท่ีได้ให้ไว้แก่ส่วนราชการ เว้นแต่ ส่วน ราชการนั้นจะไม่ยึดถือข้อตกลงดังกล่าวเป็นสาระสาคัญอีกต่อไป โดยจะยินยอมให้ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธิเบิก คา่ เชา่ บ้านจากทางราชการได้ ตัวอย่าง นายกัมปนาท รับราชการในท้องที่อาเภอเมือง จังหวัดเลย ได้ร้องขอย้ายไปปฏิบัติราชการ ที่อาเภอเมืองจังหวัดลาปาง แต่ส่วนราชการมีคาส่ังให้ย้ายไปปฏิบัติราชการในอาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง แทน กรณีเช่นนี้ถือว่าข้าราชการผู้น้ีได้รับคาสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องท่ี โดย มิใช่กรณีย้ายตามคาร้องขอของตนเอง หากไม่เข้าข้อต้องห้ามที่ทาให้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 แหง่ อนมุ าตราอน่ื ย่อมมีสิทธิไดร้ ับคา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการผู้ซ่ึงได้รับคาส่ังให้ย้ายไปรับราชการทางสานักงานแห่ง ใหม่ ไม่ว่าจะโดยการโอน หรือย้ายตามคาร้องขอของตนเอง หากสานักงานแห่งใหม่น้ันยังอยู่ในท้องที่เดียวกัน กับสานักงานเดมิ ซึ่งไดร้ บั สิทธิเบิกคา่ เช่าบ้านอยู่กอ่ นแล้ว ก็ใหเ้ บกิ คา่ เชา่ บา้ นในทอ้ งทีน่ นั้ ไดต้ อ่ ไป ตัวอย่าง นายปิยะวัฒน์ มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในกรุงเทพมหานคร ต่อมาได้ร้องขอย้ายตนเองไป ปฏิบัติราชการในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร กรณีเช่นนี้เป็นกรณีที่ได้รับคาสั่งย้ายไปปฏิบัติงานในท้องท่ีเดียวกัน คือ ท้องที่กรุงเทพมหานคร สิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านจึงยังไม่เปลี่ยนแปลง เว้นแต่ สานักงานในเขตดุสิตที่ ข้าราชการได้ขอย้ายไปมีบ้านพักของทางราชการว่างอยู่ และข้าราชการผู้นี้ถูกจัดเข้าพักอาศัยในบ้านพักของ ทางราชการ ย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 7 (1) แต่มิจาต้องพิจารณาตามมาตรา 7 (3) เพราะ กรณีดงั กล่าว ยังมใิ ชก่ รณีไดร้ บั คาส่ังให้ไปปฏบิ ตั ิราชการประจาสานกั งานใหมใ่ นตา่ งท้องที่ กรณีสอบเลื่อนระดับของข้าราชการ การท่ีส่วนราชการแจ้งให้ผู้ท่ีสอบคัดเลือกได้แสดง ความประสงค์เลือกท้องท่ีท่ีจะขอรับการแต่งต้ัง เป็นเพียงเพ่ือใช้ในการประกอบการพิจารณาแต่งต้ัง และเพ่ือ ประโยชนใ์ นการบรหิ ารงานบุคคลภายในของสว่ นราชการเท่านั้น ดังนั้น กรณที ่ขี ้าราชการได้รับการเลื่อนระดับ ตาแหน่งให้ไปดารงตาแหน่ง ณ สานักงานใหม่ตรงตามประสงค์ จึงไม่ถือว่าเป็นการย้ายตามคาร้องขอของ ตนเอง กรณีขา้ ราชการย้ายไปประจาสานักงานในต่างท้องท่ีตามคาร้องขอของตนเอง ซึ่งกรณีที่ไม่ เข้าข้อยกเว้นท่ีทาให้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ ต้องพิจารณาว่าข้าราชการที่ได้รับคาสั่งให้ย้ายไป ประจาสานักงานในต่างท้องท่ีตามคาร้องขอของตนเอง เป็นผู้มีสิทธิอยู่ก่อนตามมาตรา 5 แห่งพระราช กฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้าน ข้าราชการ (ฉบับท่ี 7) พ.ศ. 2541 หรือไม่โดยให้พิจารณาว่าข้าราชการดังกล่าวมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านก่อน วันที่พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 6) พ.ศ. 2541 ใช้บังคับ (วันที่ 26 มิถุนายน 2541) หรือไม่ โดยไม่ต้องพิจารณาว่า ได้มีการเช่าบ้านหรือเช่าซ้ือหรือกู้เงินเพื่อชาระราคาบ้านอยู่ก่อนวันดังกล่าว หรือไม่ ตวั อย่าง นายกึกก้อง ข้าราชการได้ร้องขอย้ายไปปฏิบัติราชการประจาในท้องที่กรุงเทพมหานคร ก่อนวันที่ 26 มิถุนายน 2541 โดยไม่ถูกจัดเข้าบ้านพัก ไม่มีเคหสถานเป็นของตนเองหรือคู่สมรส และไม่ใช่ ท้องที่ที่เริ่มรับราชการครั้งแรกหรือท้องท่ีท่ีกลับเข้ารับราชการใหม่ โดยท่ีนายกึกก้อง ไม่เคยใช้สิทธิเบิกค่าเช่า บา้ นเลยภายหลังจากวนั ที่ 26 มถิ นุ ายน 2541 นายกกึ ก้อง กย็ ่อมมีสทิ ธไิ ดร้ บั คา่ เชา่ บ้าน โดยไม่ต้องพิจารณา วา่ นายกึกกอ้ งได้เคยใชส้ ิทธเิ บกิ คา่ เชา่ บา้ นมาแล้วหรอื ไม่ 19
1.7 สทิ ธไิ ดร้ ับคา่ เช่าบา้ นเกดิ ขน้ึ ในกรณีสานกั งานทีป่ ฏบิ ัตริ าชการประจาอย่เู ดิมได้ย้ายสถานท่ีทาการ ไปต้งั อยู่ในต่างท้องที่ (มาตรา 8) กรณีท่ีสานักงานท่ีปฏิบัติราชการประจาอยู่ต้องย้ายสานักงานไปตั้งในท้องท่ีใหม่ ข้าราชการที่ ปฏิบัติราชการในสานักงานแห่งน้ันต้องย้ายไปปฏิบัติราชการด้วย จึงได้รับความเดือนร้อนเร่ืองที่อยู่อาศัยหาก ทางราชการไม่ได้จัดบ้านพักให้ ไม่มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธ์ิของตนเองหรือคู่สมรส หรือได้รับคาส่ังให้ เดินทางไปประจาสานักงานใหม่ในต่างท้องที่ตามคาร้องขอของตนเอง ข้าราชการผู้น้ันย่อมมีสิทธิได้รับค่าเช่า บ้านจากทางราชการเว้นแต่กรณีท่ีสานักงานที่ย้ายไปนั้นต้ังอยู่ในท้องท่ีใกล้เคียงกับท้องท่ีท่ีต้ังสานักงานเดิม กรณีเช่นนี้ ไมท่ าใหข้ า้ ราชการเกดิ สทิ ธิไดร้ ับค่าเช่าบ้านในกรณีสานักงานย้ายที่ต้ังสานักงานโดยหลักเกณฑ์การ พจิ ารณาท้องท่ใี กลเ้ คยี งกับท้องท่ีทีต่ ง้ั สานักงานเดิม ซงึ่ ไมม่ สี ทิ ธิได้รับค่าเชา่ บ้านเป็นไปตามท่ีกระทรวงการคลัง กาหนด ไว้ในร ะเบียบ กระทร วงกา รคลังว่ าด้วยห ลักเกณฑ์ และวิ ธีปฏิบั ติในกา รใช้สิทธิเบิกเ งินค่าเ ช่าบ้า น ข้าราชการ พ.ศ. 2549 และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เตมิ ตวั อย่าง สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเดิมต้ังอยู่ในบริเวณกระทรวงศึกษาธิการ ในท้องท่ี กรงุ เทพมหานครต่อมาไดย้ ้ายไปตั้งอยทู่ พ่ี ทุ ธมณฑล อาเภอพุทธมณฑล จงั หวัดนครปฐม ซึ่งเป็นท้องท่ีใกล้เคียง ท่ีทาให้ข้าราชการของสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่เกิดสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามประกาศของ กระทรวงการคลัง แต่มีข้อยกเว้นสาหรับข้าราชการของสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่เดิมก่อนท่ี สานักงาน จะย้ายไปอาเภอพุทธมณฑลตนได้เป็นผู้มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาการท่ีสานักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ย้ายไปที่พุทธมณฑลซ่ึงเป็นท้องท่ีใกล้เคียงท่ีไม่ทาให้เกิดสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน สาหรับขา้ ราชการรายนีก้ จ็ ะยงั คงมสี ิทธไิ ด้รับคา่ เชา่ บ้านอยเู่ ว้นแต่การยา้ ยไปปฏิบตั งิ านทีพ่ ุทธมณฑลน้ัน ได้เข้า ขอ้ ยกเวน้ ตามมาตรา 7 (1)-(3) กรณเี ช่นนี้จะทาใหข้ า้ ราชการรายนไี้ มม่ ีสทิ ธไิ ด้รับคา่ เชา่ บ้านไดเ้ ช่นกัน ตัวอย่าง กรณีหากรัฐบาลมนี โยบายย้ายที่ทาการของสานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปท่ีอาเภอบ้าน นา จังหวัดนครนายกกรณีเช่นนี้ มิใช่การย้ายสานักงานไปในท้องท่ีใกล้เคียงกับท่ีต้ังสานักงานเดิม ตาม หลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังได้วางไว้ ดังนั้น ข้าราชการของสานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ย่อมมีสิทธิได้รับ คา่ เชา่ บ้าน หากไม่เข้าข้อยกเว้นที่ทาใหไ้ มม่ ีสทิ ธิได้รับค่าเชา่ บ้านตามมาตรา 7 (1) - (3) 1.8 การงดหรือลดเบิกจ่ายเงินเดือนเนื่องจากการถูกตัดเงินเดือนหรือการลาโดยไม่มีสิทธิได้รับ เงนิ เดอื นไม่กระทบตอ่ สทิ ธกิ ารไดร้ ับค่าเช่าบ้าน (มาตรา 12) กรณีที่ข้าราชการเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านแต่ถูกตัดเงินเดือนหรือลาโดยไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือน จะนาเหตุการณ์ตัดเงินเดือนหรือลาดังกล่าวไปตัดสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านไม่ได้ ข้าราชการผู้นี้ย่อมมีสิทธิได้รับ ค่าเชา่ บา้ นเสมอื นหนง่ึ ไมม่ ีการงดหรือลดเบิกจ่ายเงินเดือน เว้นแต่กรณีการลาติดตามสามีหรือภริยา ซึ่งย้ายไป รับราชการในต่างประเทศ ตวั อยา่ ง ข้าราชการอยรู่ ะหวา่ งลาศึกษาต่อ หากมคี วามจาเปน็ ต้องเชา่ บ้านใหค้ รอบครัวของข้าราชการอยู่อาศัย หรือเพื่อเก็บสัมภาระ ก็มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้ แต่การจะนาบ้านท่ีใช้สิทธิไปให้ผู้อื่นเช่าโดยที่ ข้าราชการผู้น้ันมิได้อยู่อาศัยด้วย หรือไม่มีความจาเป็นต้องเก็บสัมภาระ หรือให้ครอบครัวอยู่อาศัยย่อมเป็น การปฏิบัติที่ขัดกับพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ ที่ข้าราชการจะต้องเป็นผู้เดือดร้อนเรื่องท่ีอยู่อาศัย ย่อมไมส่ ามารถเบกิ คา่ เช่าบา้ นในกรณดี ังกลา่ วได้ 20
กรณีข้าราชการที่ปฏิบัติราชการอยู่อาเภอเมือง จังหวัดยะลา ได้ลาศึกษาต่อท่ีกรุงเทพมหานคร ข้าราชการผู้น้ีย่อมมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านท่ีจังหวัดยะลาได้ แต่การจะมาเช่าบ้านอยู่ในกรุงเทพมหานครแล้วนา หลักฐานการเช่าบ้านไปเบิกค่าเช่าบ้านที่สานักงานในท้องที่อาเภอเมือง จังหวัดยะลา กรณีเช่นนี้ ไม่สามารถ กระทาได้เพราะการเช่าบ้านในกรุงเทพมหานครมิใช่การเช่าเพื่อปฏิบัติราชการในท้องที่อาเภอเมือง จังหวัด ยะลา 1.9 สทิ ธิการได้รบั ค่าเชา่ บ้าน (มาตรา 14) ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน จะมีสิทธิได้รับต้ังแต่วันที่ข้าราชการผู้นั้นได้เช่าอยู่จริง แต่ไม่ ก่อนวันรายงานตัวเพ่ือเข้ารับหน้าที่ และให้สิ้นสุดลงในวันท่ีขาดจากอัตราเงินเดือน หรือวันท่ีอยู่ในข่ายหมด สิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกาฯ วันรายงานตัวเพื่อเข้ารับหน้าที่ หมายถึง วันท่ีข้าราชการผู้นั้นได้ ไปรายงานตัวเพื่อเขา้ รบั หน้าท่ี ณ สานักงานแหง่ ใหมใ่ นต่างท้องท่ี ตวั อย่าง นายระพีพงศ์ รับราชการที่กรุงเทพมหานครไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน ต่อมาได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติ ราชการท่ีอาเภอเบตง จังหวัดยะลา มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 ซึ่งในระหว่างท่ีนายระพีพงศ์ ยังไม่ได้ เดินทางไปรายงานตัวที่อาเภอเบตง จังหวัดยะลา นายระพีพงศ์ ได้ทาสัญญาเช่าบ้านกับนายเกริก ท่ีอาเภอ เบตง จังหวัดยะลาแล้วต่อมาอีก 5 วัน นายระพีพงศ์ จึงมาปฏิบัติราชการที่อาเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยได้ รายงานตัวแล้ว กรณีเช่นน้ีนายระพีพงศ์ ย่อมมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ตั้งแต่วันรายงานตัวเพื่อปฏิบัติราชการ โดยไมม่ สี ิทธไิ ด้รบั ค่าเช่าบ้านในช่วงเวลา 5 วัน ทน่ี ายระพีพงศ์ ไดท้ าสัญญาเช่าบา้ นกบั นายเกริก แต่ยังไม่ได้มา รายงานตัวเพอ่ื ปฏบิ ตั ริ าชการ วนั ทข่ี าดจากอตั ราเงินเดือนหรือวันที่อยู่ในข่ายหมดสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามพระราชกฤษฎีกานี้ เช่น วันท่ีได้รับการแต่งตั้งให้ไปดารงตาแหน่งใหม่โดยขาดจากอัตราเงินเดือนและไปต้ังเบิกเงินเดือน ณ สานักเบิก เงินเดือนแห่งใหม่ วันท่ีข้าราชการถึงแก่ความตาย วันพ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญ ขา้ ราชการวันที่ไดร้ บั อนญุ าตให้ลาออกจากราชการ หรือวันท่ีหมดภาระในการชาระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระ เงนิ ก้เู พ่ือชาระราคาบ้านทีค่ า้ งชาระอยู่ ตามนัยมาตรา 17 และมาตรา 18 แห่งพระราชกฤษฎกี านี้ เปน็ ตน้ สิทธทิ ่จี ะได้รบั ค่าเช่าบ้านขา้ ราชการ กรณที ี่ไม่สามารถออกเดินทางไปได้ในวันส่งมอบหน้าที่ ในกรณีท่ี ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการได้รับคาส่ังให้เดินทางไปประจาสานักงานแห่งใหม่ในต่างท้องที่ สิทธิทีจ่ ะไดร้ บั คา่ เช่าบ้านข้าราชการย่อมสิ้นสุดลงในวนั ท่ขี าดจากอตั ราเงนิ เดอื นเดิม และไปตั้งเบิกเงินเดือน ณ สานักเบิกเงินเดือนแห่งใหม่ แต่ถ้าเป็นกรณีท่ีข้าราชการผู้ได้รับแต่งตั้งให้ไปรับราชการในท้องที่อื่นไม่สามารถ ออกเดินทางได้ในวนั ที่สง่ มอบหนา้ ที่ ใหม้ ีสิทธิได้รับคา่ เชา่ บา้ นขา้ ราชการตอ่ ไปอีกไม่เกินสิบวนั นับแต่วันส่งมอบ หน้าท่ี เวน้ แต่ กรณีที่จาเป็นจะต้องอยตู่ ่อไปอีกใหเ้ บิกได้เท่าที่จาเป็นโดยไดร้ บั การอนุมัตจิ ากผอู้ อกคาสงั่ แตง่ ต้ัง สาหรับวันสง่ มอบหน้าท่ี ตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม มไิ ดก้ าหนดไวว้ า่ จะต้องส่งมอบหน้าท่ีกันเมื่อใด เพียงแต่กาหนดไว้ว่า กรณีท่ีผู้ซึ่งได้รับแต่งต้ังให้ไปรับราชการ ในท้องท่ีอ่ืน ไม่สามารถออกเดินทางไปได้ในวันส่งมอบหน้าท่ี ให้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านต่อไปอีกไม่เกินสิบวัน นบั แตว่ ันส่งมอบหนา้ ที่ เวน้ แต่ กรณจี าเป็น ฉะน้นั เมือ่ มกี ารแตง่ ตง้ั ให้ขา้ ราชการไปรบั ราชการในท้องท่ีอ่ืนก็ถือ ว่าขา้ ราชการผูน้ นั้ พ้นจากตาแหน่งเดิมแล้ว ตามนัยระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับส่งงานในหน้าที่ ราชการพ.ศ. 2524 ให้ผู้บังคับบัญชากาหนดวันรับส่งงานในหน้าที่ตามที่เห็นสมควร แต่ไม่ให้เกินสามสิบวัน นบั แตว่ ันทีผ่ ้พู น้ จากตาแหน่งทราบคาสั่ง เวน้ แตจ่ ะมกี ฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติคณะรัฐมนตรีกาหนด ไว้เป็นอย่างอนื่ 21
ตัวอยา่ ง นายศิรวัฒน์ รับราชการคร้ังแรกในท้องที่อาเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบันรับราชการใน ท้องท่ีอาเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน ต่อมาส่วนราชการมีคาส่ังให้นายศิรวัฒน์ กลับไป ปฏิบัติราชการท่ีอาเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี จึงทาให้ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านท้องที่อาเภอบ้านแหลม เพราะเปน็ ทอ้ งที่ทเี่ ร่มิ รบั ราชการครงั้ แรก แตเ่ นอื่ งจากนายศิรวัฒน์ ก. ยังไม่สามารถส่งมอบงานให้เสร็จภายใน วนั ท่ี 30 กนั ยายน 2548 จะตอ้ งอยปู่ ฏิบตั ริ าชการต่อไปอีก 30 วัน ตามคาสั่งผู้บังคับบัญชา กรณีเช่นน้ีย่อม ถือว่า นายศิรวฒั น์ สนิ้ สุดสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านในท้องท่ีอาเภอเมืองในวันที่ 30 ตุลาคม 2548 เม่ือส่งมอบ งานเสรจ็ แล้ว แตห่ ากนายศิรวัฒน์ยังไม่สามารถส่งมอบงานให้แล้วเสร็จตามคาส่ังผู้บังคับบัญชา นายศิรวัฒน์ก็ ย่อมมสี ิทธิได้รบั คา่ เช่าบา้ นต่อไปอีกไมเ่ กิน 10 วัน นับแตว่ นั ท่สี ง่ มอบงาน 1.10 สิทธกิ ารนาหลกั ฐานการชาระคา่ เช่าบ้านขา้ ราชการในท้องที่เดิมมาเบิกค่าเช่าบ้านในท้องที่ใหม่ (มาตรา 15) ขา้ ราชการผ้ใู ดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านโดยเช่าบ้านอยู่แล้ว ต่อมาได้ย้ายไปประจาในท้องท่ีอ่ืนซ่ึง ตนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ค่าเชา่ บา้ น หากคสู่ มรสหรือบุตรซ่ึงอยู่ในอุปการะของข้าราชการผู้น้ัน ไม่อาจติดตามข้าราชการ ผู้นั้นไปได้และบุคคลดังกล่าวมีความจาเป็นต้องอาศัยอยู่ในบ้านในท้องท่ีเดิมต่อไป ก็ให้ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธิ นาหลกั ฐานการชาระค่าเช่าบ้านในท้องที่เดิมมาเบิกคา่ เช่าในท้องท่ีใหม่ได้ ตวั อย่าง นายสุวโรจน์ ปฏิบัติราชการในท้องท่ีอาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,500 บาท ต่อมาได้รับคาสงั่ ใหไ้ ปปฏิบตั ิราชการประจาที่อาเภอรามนั จังหวัดยะลา ทาให้ครอบครัวของนาย สุวโรจน์ไม่สามารถไปอาศัยอยู่ในอาเภอรามัน จังหวัดยะลาได้ เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบของ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ โดยการไปปฏิบัติงานที่จังหวัดยะลา นายสุวโรจน์ มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านจากทางราชการซึ่ง สามารถนาหลักฐานการเช่าบ้านในท้องท่ีอาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ท่ีครอบครัวของนายสุวโรจน์ ใช้เป็นท่ี พักอาศยั มาเบิกค่าเชา่ บา้ นจากทางราชการได้ 1.11 สทิ ธิการนาหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่า บา้ น (มาตรา17) สิทธิการนาหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่า บ้านจะต้องทาความเข้าใจเสียก่อนว่า สิทธิตามมาตรา 17 นี้ มิได้เกิดขึ้นทันทีที่ข้าราชการได้รับคาสั่งให้ เดนิ ทางไปปฏิบัติราชการประจาในต่างท้องท่ี ข้าราชการผทู้ ่จี ะสามารถใช้สทิ ธิตามมาตรา 17 นี้ได้ จะต้องเป็น ผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 ก่อน กล่าวคือ ต้องได้รับคาส่ังให้เดินทางไปประจาสานักงานในต่าง ท้องท่ีโดยไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามมาตรา7 (1) - (3) จึงสามารถใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระ ราคาบา้ นมาเบิกค่าเชา่ บ้านจากทางราชการได้ตามมาตรา 17 ดังนนั้ จึงเป็นหลักสาคัญมากท่ีจะใช้พิจารณาว่า ข้าราชการผไู้ ด้รบั คาสั่งใหไ้ ปปฏิบัติงานประจาสานักงานในต่างท้องที่ จะมีสิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้ เพ่ือชาระราคาบ้านมาเบิกคา่ เชา่ บ้านจากทางราชการตามมาตรา 17 ได้หรือไม่ 22
1.12 หลักเกณฑ์การใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพื่อซื้อบ้านมาเบิก คา่ เช่าบา้ น มดี งั นี้ 1. จะตอ้ งอย่รู ะหวา่ งการผอ่ นชาระคา่ เช่าซอ้ื บ้าน หรือผอ่ นชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านที่ค้าง ชาระอยู่ในขณะนัน้ 2. บ้านหลังที่เช่าซื้อหรือผ่อนชาระเงินกู้น้ัน จะต้องอยู่ในท้องท่ีท่ีข้าราชการผู้นั้นย้ายไปปฏิบัติ ราชการประจาอยู่ทส่ี านักงานแห่งใหม่ 3. บ้านท่ีเช่าซ้ือหรือผ่อนชาระเงินกู้ จะต้องใช้เพ่ือเป็นท่ีอยู่อาศัยและข้าราชการผู้น้ันได้อยู่ อาศยั จริง 4. ตนเองหรือคู่สมรส ได้ทาการผ่อนชาระค่าเช่าซื้อหรือผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านใน ท้องท่ีนัน้ จะเบกิ จา่ ยไดเ้ ฉพาะบ้านหลังแรกเท่านน้ั เวน้ แตบ่ ้านหลงั ท่ีเคยใช้สิทธถิ ูกทาลายหรอื เสยี หายเน่ืองจาก ภัยพิบัตจิ นไม่สามารถพกั อาศัยอยูไ่ ด้ 5. หากเช่าซ้ือหรือกู้เงินเพื่อชาระราคาบ้านร่วมกับบุคคลอื่น ซึ่งไม่ใช่คู่สมรสและมีกรรมสิทธ์ิ รวมกับบุคคลอื่นในบ้านนั้น จะเบิกจ่ายค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านได้ตามสัดส่วนแห่ง กรรมสิทธสิ์ าหรับบา้ นหลังดังกล่าว 6. จะต้องเปน็ การผอ่ นชาระค่าเชา่ ซ้อื หรอื ผอ่ นชาระเงินกูเ้ พือ่ ชาระราคาบ้านกับสถาบันการเงิน และสัญญาเช่าซื้อหรือสัญญาเงินกู้จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกาหนด (ตาม หนังสอื กรมบญั ชีกลาง ด่วนทส่ี ดุ ท่ี กค 0409.5/ว 162 ลงวันท่ี 10 พฤศจิกายน 2549) 7. จะต้องไม่เคยใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้สาหรับบ้านหลัง หนง่ึ หลังใดในทอ้ งที่นนั้ มาแล้ว เว้นแต่เป็นกรณีที่ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปรับราชการในท้องท่ีที่เคยใช้สิทธินั้นอีก และเป็นการใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้ตามที่ได้เคยใช้สิทธิมาแล้ว หรือ ขณะทย่ี า้ ยมารบั ราชการในท้องท่นี ัน้ บ้านท่ีเคยใชส้ ทิ ธไิ ด้โอนกรรมสทิ ธไ์ิ ปแลว้ 8. หากเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านสูงกว่าราคาบ้าน ให้นาค่าผ่อนชาระเงินกู้มาเบิกค่าเช่าบ้าน ขา้ ราชการได้ โดยใหค้ านวณตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารท่ีกระทรวงการคลงั กาหนด (ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ดว่ นทีส่ ุด ที่ กค 0409.5/ว 162 ลงวนั ท่ี 10 พฤศจกิ ายน 2549) ตัวอย่าง ขา้ ราชการรายหน่ึงได้ซอ้ื บา้ นจานวน 2 หลังในท้องทที่ ่สี านกั งานที่ตนปฏิบัติราชการต้ังอยู่ ข้าราชการ ผนู้ ้จี ะมีสิทธนิ าหลกั ฐานการผอ่ นชาระเงินกู้เพอื่ ชาระราคาบา้ นมาเบกิ ค่าเชา่ บ้านไดเ้ พียงหลังแรกท่ีตนเองซ้ือมา ตามมาตรา 17 (1) หากซื้อมาพร้อมกันท้ังสองหลังให้เลือกว่า จะใช้สิทธินาหลักฐานบ้านหลังใดมาเบิกค่าเช่า บ้านจากทางราชการ ตัวอย่าง นายองค์เอก เป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ได้ร่วมกับน้องชายทาสัญญาซื้อขายบ้านในท้องท่ีท่ีปฏิบัติ ราชการประจาเพื่ออยู่อาศัย โดยผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ในราคา 500,000 บาท นายองค์เอก สามารถนาหลักฐานการผ่อนชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ครึ่งหน่ึงของ สดั สว่ นกรรมสทิ ธิเ์ ปน็ จานวนเงนิ 250,000 บาท ตามมาตรา 17 (2) กรณีสามีภริยาซ้ือบ้านร่วมกับบิดาของภริยา ราคา 300,000 บาท สามีและภริยาจะมีสัดส่วนของ กรรมสิทธ์ิเป็น2 ใน3 ส่วน สามีหน่ึงส่วน ภริยาหน่ึงส่วน และบิดาของภริยาหน่ึงส่วน เม่ือสามีและภริยารับ ราชการในทอ้ งทีเ่ ดยี วกนั โดยสามีเป็นผ้มู ีสิทธเิ บิกคา่ เชา่ บ้านเพยี งคนเดียว สามีสามารถใช้สิทธินาหลักฐานการ ผ่อนชาระเงนิ กมู้ าเบิกคา่ เช่าบา้ นไดเ้ ปน็ จานวน 2 ใน 3 สว่ นของกรรมสทิ ธข์ิ องราคาบ้าน คือ 200,000 บาท 23
กรณีที่ก่อนจดทะเบียนสมรส นายอติรุจ กับนางสาวปัทมา และบิดาของนางสาวปัทมา ได้ซื้อบ้าน รว่ มกันราคา 3,000,000 บาท ต่อมานายอติรุจ และนางสาวปัทมา ได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยที่นายอติรุจ เป็นผู้มสี ิทธเิ บกิ ค่าเชา่ บ้าน นายอติรุจ สามารถนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้มาเบิกค่าเช่าบ้านได้ตามสัดส่วน ของกรรมสิทธิ์เพียงหนึ่งส่วน เป็นจานวนเงิน 1,000,000 บาท เพราะเป็นการได้กรรมสิทธิ์มาก่อนสมรส จึง ตกเป็นสนิ ส่วนตวั ของแตล่ ะคนระหวา่ งนายอติรุจ นางสาวปัทมา และบิดาของนางสาวปัทมา เมื่อนายอติรุจ มี สทิ ธนิ าหลกั ฐานการผอ่ นชาระเงนิ กู้เพื่อชาระราคาบา้ นมาเบิกค่ าเช่าบา้ น จงึ สามารถใช้สทิ ธิได้ตามสัดส่วนของ กรรมสทิ ธิ์ในสว่ นของนายอติรุจเองเท่านน้ั สิทธิการนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 17 เม่ือ ข้าราชการรายใดใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านในท้องท่ีใดแล้ว ต่อมาได้รับคาสั่งให้เดินทางไปปฏิบัติราชการในท้องที่ใหม่และมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในท้องที่น้ัน ก็สามารถใช้ สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 17 ในท้องที่ใหม่ได้ ซ่ึง หากต่อมาได้ย้ายกลับมาปฏิบัติราชการในท้องที ่เคยใช้สิทธิตามมาตรา 17 แล้ว แต่ยังผ่อนชาระไม่หมดก็ สามารถนาหลกั ฐานการผ่อนชาระเงนิ ก้บู า้ นหลงั ทเ่ี คยใช้สิทธิมาเบิกค่าเช่าบ้านต่อไปได้ตามมาตรา 17 (4) แต่ จะซ้อื บ้านหลังใหมใ่ นท้องทที่ ่ีเคยใชส้ ทิ ธิ และนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้ในบ้านหลังใหม่มาเบิกค่าเช่าบ้าน กับทางราชการไม่ได้เพราะต้องเป็นการใช้สิทธใิ นบ้านหลงั แรกเทา่ น้ัน เว้นแต่ ก่อนย้ายมาในท้องท่ีที่เคยใช้สิทธิ ตามมาตรา 17 ได้ขายบา้ นหลังนน้ั ไปก่อนที่จะยา้ ยมาปฏบิ ตั ิหนา้ ทใี่ นท้องท่นี ้ัน กรณีเช่นน้ีสามารถซื้อบ้านหลัง ใหม่และใชส้ ทิ ธเิ บกิ คา่ เช่าบา้ น ตามมาตรา 17 ได้ ตัวอยา่ ง นายอนุภัทร รับราชการท่ีกรุงเทพมหานคร ได้ใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคา บ้านมาเบิกค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 17 ในท้องท่ีกรุงเทพมหานคร ต่อมาได้รับคาสั่งย้ายไปปฏิบัติราชการท่ี อาเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด และมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน กรณีนี้นายอนุภัทร สามารถใช้สิทธิตามมาตรา 17 ใน ท้องท่ีอาเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ดได้ และหากต่อมานายอนุภัทร ได้รับคาส่ังให้ย้ายกลับมาปฏิบัติราชการที่ กรุงเทพมหานครอีกคร้ัง และมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน นายอนุภัทร ก็สามารถนาหลักฐานการผ่อนชาระราคา บ้านหลังที่เคยใช้สิทธิในท้องท่ีกรุงเทพมหานครมาเบิกค่าเช่าบ้านได้อีก แต่นายอนุภัทร ไม่มีสิทธินาหลักฐาน การผอ่ นชาระบ้านหลังอน่ื ในท้องทกี่ รงุ เทพมหานครมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ เน่ืองจากไม่ใช่การใช้สิทธิในบ้านหลัง แรกของท้องที่กรงุ เทพมหานคร เว้นแต่การท่ีนายอนุภัทร ได้รับคาสั่งให้กลับมาปฏิบัติราชการที่กรุงเทพมหานคร น้ัน นายอนุภัทรได้ขายบ้านหรือโอนกรรมสิทธิ์ไปให้บุคคลอ่ืนแล้ว ก่อนที่ตนจะย้ายกลับมาปฏิบัติราชการท่ี กรุงเทพมหานคร กรณีเช่นนีน้ ายอนุภทั ร สามารถใชส้ ิทธนิ าหลักฐานการผอ่ นชาระราคาบ้านหลังใหม่มาเบิกค่า เช่าบา้ นในทอ้ งท่กี รงุ เทพมหานครได้ กรณขี ้าราชการใชส้ ิทธนิ าหลกั ฐานการชาระคา่ เชา่ ซอ้ื หรอื ค่าผ่อนชาระเงินกเู้ พ่ือชาระราคาบ้านมาเบิก ค่าเช่าบ้านได้ขายบ้านหลังดังกล่าวไประหว่างท่ียังผ่อนชาระบ้านหลังดังกล่าวไม่หมด ไม่ทาให้มีสิทธิได้รับค่า เชา่ บา้ นอกี คร้งั ตามมาตรา 17 วรรคสอง ประกอบมาตรา 9 ตัวอย่าง นายสมิทธิ์ รับราชการในท้องที่กรุงเทพหมานคร และได้ใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อ ชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการตามมาตรา 17 ต่อมาระหว่างที่ยังผ่อนชาระราคาบ้านไม่ หมด ได้โอนบ้านหลังดังกล่าวให้กับบิดามารดาไป นายสมิทธิ์ ไม่มีสิทธินาหลักฐานการเช่าบ้านผู้อ่ืนมาเบิกค่า เช่าบ้านจากทางราชการได้ตามมาตรา 17 วรรคสองประกอบมาตรา 9 และไม่มีสิทธินาหลักฐานการผ่อน 24
ชาระเงินกู้บ้านหลังใหม่ในท้องที่กรุงเทพมหานคร มาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้ตามมาตรา 17 (1) และ 17 (4) 1.13 สิทธิการนาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านในท้องท่ีเดิม มาเบกิ คา่ เช่าบ้านตอ่ เนอื่ งในท้องที่ใหม่ (มาตรา18) ข้าราชการผู้ที่ได้ใช้สิทธินาหลักฐานค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่า บ้านตามมาตรา 17 แล้ว ต่อมาได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องที่และมีสิทธิได้รับ ค่าเช่าบา้ นตามมาตรา 7 ในท้องทีน่ นั้ ขา้ ราชการผนู้ ัน้ สามารถนาหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระ เงนิ กู้เพื่อชาระราคาบ้านในท้องท่เี ดิมมาเบกิ คา่ เชา่ บา้ นในทอ้ งท่ใี หมไ่ ด้ ตวั อยา่ ง นายสิรภิ มู ิ รับราชการทกี่ รงุ เทพมหานคร และได้ใชส้ ิทธนิ าหลกั ฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคา บ้านในท้องท่ีกรุงเทพมหานครมาเบิกค่าเช่าบ้าน ต่อมานายสิริภูมิ ได้รับคาส่ังให้เดินทางไปปฏิบัติราชการที่ อาเภอเมอื งจงั หวดั ราชบรุ ี และเกิดสิทธิไดร้ บั ค่าเชา่ บ้านในทอ้ งท่อี าเภอเมือง จังหวัดราชบุรี นายสิริภูมิ สามารถ นาหลกั ฐานการผ่อนชาระเงินกเู้ พอ่ื ชาระราคาบ้านในท้องทกี่ รุงเทพมหานคร มาเบิกค่าเช่าบ้านในท้องท่ีอาเภอ เมอื ง จงั หวัดราชบุรไี ดต้ ามมาตรา 18 หรือนายสิรภิ ูมิ จะซ้ือบ้านท่ีอาเภอเมือง จงั หวัดราชบุรี แล้วนาหลักฐาน การผอ่ นชาระเงินกูบ้ ้านหลงั ที่จงั หวดั ราชบุรีมาเบิกค่าเชา่ บา้ นกไ็ ด้ ตามมาตรา 17 หากข้าราชการรายใดมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 แล้วเป็นผู้ขอใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อน ชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้าน จะต้องเป็นผู้ท่ีได้รับอนุมัติจากผู้มีอานาจอนุมัติในแบบขอรับ ค่าเช่าบ้านไวแ้ ล้ว (แบบ 6005) หากตอ่ มาไดร้ ับคาสงั่ ให้ไปปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องที่และมี สิทธิไดร้ บั คา่ เชา่ บ้านในท้องท่ใี หม่ จงึ จะสามารถใช้สทิ ธนิ าหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือซ้ือบ้านในท้องท่ีเดิม มาเบกิ ค่าเชา่ บ้านในทอ้ งทใี่ หมไ่ ด้ ตามมาตรา 18 สิทธิการนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามาตรา 17 และสิทธิ การนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านในท้องท่ีเดิมมาเบิกค่าเช่าบ้านในท้องที่ใหม่ตามมาตรา 18 น้ีมิใช่สิทธิที่ติดตามตัวของข้าราชการผู้เคยใช้สิทธิตามมาตรา 17 และมาตรา 18 โดยอัตโนมัติ เมื่อ ข้าราชการผู้นั้นได้รับคาส่ังให้ไปปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องท่ี ส่วนราชการจะต้องพิจารณาว่า ข้าราชการดังกล่าวท่ีได้รับคาสั่งให้ย้ายไปปฏิบัติราชการประจาสานักงานในต่างท้องท่ีน้ัน มีสิทธิได้รับค่าเช่า บ้านตามมาตรา 7 แล้วหรือไม่เม่ือข้าราชการผู้น้ันเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 จึงจะสามารถใช้ สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 17 ได้ และเมื่อเป็นผู้ที่ ส่วนราชการได้อนุมตั ิในแบบขอรับคา่ เช่าบา้ น (แบบ 6005) แล้ว จึงถอื ว่าเปน็ ผไู้ ด้ใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อน ชาระเงนิ กู้ เพือ่ ชาระราคาบ้านมาเบกิ คา่ เชา่ บ้านหากตอ่ มาไดร้ บั คาสงั่ ยา้ ยไปปฏิบตั ิราชการประจาสานักงานใน ต่างท้องท่ีและมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 จึงจะมีสิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคา บ้านในท้องที่เดมิ มาเบิกคา่ เช่าบ้านในทอ้ งทใ่ี หม่ตามมาตรา 18 ได้ แต่ถ้าหากข้าราชการผู้ท่ีได้ใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านอยู่ในท้องที่ใด ได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติราชการประจาต่างท้องท่ีอีกท้องที่หน่ึง ซึ่งในท้องที่น้ันส่วนราชการได้จัดบ้านพักให้กับ ข้าราชการเข้าพักอาศัย ซ่ึงทาให้ข้าราชการผู้น้ันไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 มิใช่เป็นการรอนสิทธิ ของข้าราชการแต่อย่างใด ท้ังนี้ เพราะสิทธิข้าราชการที่จะนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคามา เบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 18 มิได้ติดตามตัวมาด้วย เป็นแต่เพียงสิทธิที่จะสามารถใช้ได้เม่ือตนเองเกิดสิทธิ ได้รบั ค่าเชา่ บา้ นเท่าน้นั เม่ือยา้ ยมารบั ราชการในท้องทใ่ี หมส่ ่วนราชการก็สามารถพิจารณาสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ในทอ้ งทีใ่ หมไ่ ด้ 25
1.14 แนวทางการพิจารณาสิทธิการได้รบั ค่าเชา่ บา้ นตามมาตรา 7 1. ตามนัยมาตรา 9 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม กาหนดว่า “ข้าราชการผใู้ ดรับราชการหรอื ไดร้ ับคาสง่ั ให้ไปรบั ราชการในท้องที่ใดและไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน เพราะเหตุมีเคหสถานของตนเองหรือของคู่สมรส แม้ข้าราชการผู้นั้นได้โอนกรรมสิทธ์ิในเคหสถานนั้นไป ก็ไม่ ทาให้เกิดสิทธิที่จะได้รับค่าเช่าบ้านในระหว่างรับราชการในท้องที่น้ัน” หรือเคหสถานนั้นเป็นสินส่วนตัวของคู่ สมรสอีกฝ่ายหน่ึง (มีอยู่ก่อนจดทะเบียนสมรส) ซ่ึงข้าราชการผู้นั้นมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ิร่วมด้วย เม่ือคู่ สมรสไดข้ ายเคหสถานนัน้ ไปขา้ ราชการดังกล่าวอย่ใู นข่ายต้องหา้ มทีท่ าให้ไมม่ ีสิทธไิ ด้รับค่าเชา่ บา้ นในทอ้ งทน่ี น้ั 2. ข้าราชการที่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน ถ้าสละสิทธิไม่เข้าพักอาศัยในบ้านพักท่ีทางราชการจัดให้จะมา ขอเบิกคา่ เช่าบา้ นไม่ได้ แตก่ ารสละสิทธิบ้านพักของทางราชการดังกล่าว ไม่มีผลผูกพันข้าราชการหากบ้านพัก ของทางราชการทัง้ หมดได้ร้ือถอนไปแล้ว จนไม่มีบา้ นพักท่ที างราชการจะสามารถจัดให้ข้าราชการเข้าพักอาศัย ไดห้ ากข้าราชการมคี วามจาเปน็ ตอ้ งเช่าบา้ น เชา่ ซอ้ื หรอื ผอ่ นชาระเงินกู้ และได้อยู่อาศัยจริงก็มีสิทธิเบิกค่าเช่า บา้ นจากทางราชการได้ 3. ข้าราชการมีเคหสถานของตนเองอยู่ในท้องที ท่ ่ีย้ายมารับราชการประจา โดยไม่มีหนี้ค้างชาระกับ สถาบันการเงนิ ตอ่ มาบ้านชารุดทรุดโทรมมาก จึงร้ือถอนท้ังหลังแล้วไปกู้เงินเพื่อก่อสร้างบ้านหลังใหม่ทดแทน หลังเดิมน้ัน เป็นกรณีข้าราชการได้มีเคหสถานเป็นของตนเองในท้องท่ีที่รับราชการประจา ซ่ึงต้องห้ามมิให้มี สิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามมาตรา 7 (2) ประกอบมาตรา 9 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ และในเม่ือ ขา้ ราชการไม่มสี ิทธิไดร้ บั คา่ เชา่ บ้านข้าราชการในท้องที่ที่ตนรับราชการประจาอยู่ ตามมาตรา 7 ต้ังแต่ต้นแล้ว แมว้ ่าข้าราชการผนู้ ้นั ไดร้ บั ความเดือดร้อนเร่ืองที่อยู่อาศัย ซ่ึงมิใช่ความผิดของตนก็ตาม ก็ไม่มีสิทธินาหลักฐาน การชาระค่าเช่าซ้อื หรอื ค่าผอ่ นชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบา้ นมาเบิกคา่ เชา่ บา้ นข้าราชการ ตามมาตรา 17 แห่ง พระราชกฤษฎีกาฯ 4. ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านและได้เช่าซื้อบ้านหรือผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านใน ท้องทีท่ ป่ี ฏิบัตริ าชการประจา แต่ยังมิได้เข้าพักอาศัยอยู่ในบ้านน้ัน เนื่องจากมีเหตุจาเป็นไม่อาจเข้าพักในบ้าน หลังดังกล่าวได้ หากข้าราชการผู้น้ันได้เช่าบ้านผู้อ่ืนเพ่ืออยู่อาศัยและได้อาศัยอยู่จริงในบ้านน้ัน ก็ยังคงมีสิทธิ ได้รับค่าเช่าบ้านดังกล่าวอยู่ต่อไปจนกระท่ังสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการส้ินสุดลง กล่าวคือ เมื่อข้าราชการ ผู้น้ันได้ย้ายเข้าไปพักอาศัยในบ้านหลังที่ตนเองเช่าซ้ือหรือผ่อนชาระเงินกู้ สิทธิในการนาหลักฐานการเช่าบ้าน ผอู้ น่ื มาเบิกค่าเช่าบา้ นย่อมสน้ิ สุดลง ตวั อย่าง นายเอกอรณุ เป็นผู้มสี ทิ ธิได้รับคา่ เช่าบา้ น และได้เชา่ บา้ นอยู่อาศัย ต่อมาได้ซ้ือบ้านโดยการผ่อนชาระ เงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านกับธนาคาร แต่เน่ืองจากข้อเท็จจริงปรากฏว่า บ้านหลังท่ีนายเอกอรุณ ซ้ือถูกน้าท่วม จนไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ กรณีน้ีถือว่า นายเอกอรุณ มีเหตุจาเป็นอันไม่อาจเข้าพักอาศัยได้ เม่ือนายเอก อรุณยังต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังที่เช่า ก็ย่อมมีสิทธินาหลักฐานการเช่าบ้านผู้อ่ืนมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ จนกว่า นายเอกอรณุ จะยา้ ยเขา้ ไปอยู่อาศยั ในบา้ นหลังทีต่ นซอ้ื 5. ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับมรดกเป็นบ้าน โดยเจ้าของมรดกมิได้ทาพินัยกรรมไว้ บ้านย่อมเป็นมรดก ตกทอดแก่ทายาททุกคน ข้าราชการผู้นั้นจะไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกา ฯแต่มสี ิทธิได้รบั คา่ เช่าบา้ นหรอื ไม่ จะพจิ ารณาตามขอ้ เทจ็ จริง ดังน้ี - หากข้าราชการผู้นั้นเป็นทายาทคนเดียว ท่ีมีสิทธิได้รับมรดก ย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ ตอ้ งห้ามตามมาตรา 7 (2) 26
- หากข้าราชการได้รับส่วนแบ่งมรดกโดยบ้านเป็นกรรมสิทธิ์รวม จะต้องพิจารณาว่าข้าราชการผู้นั้น สามารถพักอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าวได้ โดยไม่ขัดต่อสิทธิแห่งเจ้าของรวมคนอื่น ตามมาตรา 1360 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์หรือไม่ กล่าวคือ การเข้าอยู่อาศัยของข้าราชการในบ้านนั้น ต้องไม่เป็นการ รบกวนสิทธิการอยู่อาศัยของเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ย่อมถือว่าข้าราชการผู้น้ีไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ตาม มาตรา 7 (2) - หากข้าราชการไม่ได้รับส่วนแบ่งมรดกไม่ว่าจะโดยการแบ่งปันทรัพย์มรดกหรือโดยการสละมรดก ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่า ข้าราชการผู้น้ันสามารถพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวได้ แต่ไม่ยอมรับส่วนแบ่ง มรดกหรือสละมรดก ก็ต้องถือว่าข้าราชการผู้นั้นได้รับความเดือดร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยอันเนื่องมาจากตนเอง เป็นเหตจุ ึงไมค่ วรมีสิทธไิ ด้รบั คา่ เชา่ บ้านตามมาตรา 7 (2) แต่ถ้าข้าราชการผู้นั้นแม้ได้รับส่วนแบ่งมรดกหรือไม่ สละมรดกก็ไม่สามารถพักอาศัยอยู่ในบ้านนั้นได้ ย่อมมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน นับแต่วันที่เช่าอยู่อาศัยจริง แต่ อย่างไรก็ตามการไม่ได้รับแบ่งมรดกหรือการสละมรดกของข้าราชการ จะต้องเป็นไปโดยสุจริตมิได้มีเจตนา เพ่อื ใหต้ นมีสิทธเิ บกิ ค่าเช่าบา้ นข้าราชการได้ 6. โดยท่ีค่าเช่าบ้านข้าราชการเป็นเงินท่ีข้าราชการมีสิทธิจะได้รับจากการไปรับราชการในสานักงาน ต่างท้องที่ เพราะทางราชการเป็นเหตุ จึงมีการกาหนด “ท้องท่ี” ท่ีข้าราชการเริ่มรับราชการครั้งแรกขึ้น เพื่อ เป็นข้อสันนิษฐานเบ้ืองต้นว่าข้าราชการอยู่ ณ ท่ีใดเมื่อเข้ารับราชการครั้งแรก โดยมาตรา4 แห่งพระราช กฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ได้นิยาม “ท้องที่” ไว้ว่าหมายความถึง กรุงเทพมหานครอาเภอ หรือกิ่งอาเภอ หรือท้องท่ีของอาเภอหรือกิ่งอาเภอที่กระทรวงการคลังประกาศ กาหนดให้เปน็ ทอ้ งทเ่ี ดียวกันซง่ึ จะเหน็ ได้ว่านยิ ามดังกล่าวมไิ ดป้ ระสงค์ใหใ้ ช้ตาบลเป็นหลัก แต่จะใช้อาเภอหรือ กิง่ อาเภอเป็นหลกั ในการกาหนดเป็นท้องท่ีท่ีรับราชการครั้งแรก จึงต้องพิจารณาจากท้องท่ีที่เป็นเขตพ้ืนที่การ ปกครองของอาเภอหรอื ก่งิ อาเภอตามสภาพความเป็นจริง โดยการเปล่ียนแปลงเขตพ้ืนที่การปกครองที่เกิดข้ึน ภายหลัง จะต้องไม่มีผลกระทบสิทธิที่เกิดข้ึนมาก่อน ดังน้ัน เขตพื้นท่ีการปกครองของอาเภอหรือก่ิงอาเภอที่ เป็นอยู่ในขณะท่ีข้าราชการได้รับคาสั่งให้ไปประจาท้องที่ใดในการเริ่มรับราชการคร้ังแรกของตน ย่อมเป็น ท้องที่ท่เี ริ่มรับราชการคร้งั แรกของขา้ ราชการผูน้ ั้น 7. สานักงานท่ีข้าราชการเริ่มรับราชการครั้งแรก ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณของอาเภอเดิม ต่อมา ข้าราชการได้รับคาสั่งให้ย้ายไปประจาสานักงานใหม่ ซึ่งเดิมสานักงานใหม่ตั้งอยู่ในตาบลหน่ึงตาบลใดของ อาเภอเดมิ แต่ปจั จุบันตาบลเหล่านั้น ได้รับการยกฐานะข้ึนเป็นอาเภอใหม่แล้ว น้ัน เป็นกรณีที่จะต้องพิจารณา ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกับข้อ 6 ข้างต้น ดังน้ัน ท้องท่ีเริ่มรับราชการคร้ังแรกของข้าราชการดังกล่าว จึงได้แก่ ทอ้ งท่ตี ามเขตพน้ื ทีก่ ารปกครองของอาเภอหรือกงิ่ อาเภอในขณะที่ขา้ ราชการผู้นั้นเริ่มรับราชการ และกรณีเป็น การย้ายไปประจาสานักงานในท้องท่ีที่เริ่มรับราชการคร้ังแรกตามมาตรา 7 (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าเช่า บ้านข้าราชการ พ.ศ. 2547 ข้าราชการดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามบทบัญญัติ ดังกล่าว (ปัจจุบันการย้ายมารับราชการ ณ ท้องที่ท่ีเริ่มรับราชการครั้งแรกต้ังแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2550 เป็นตน้ ไป ไมเ่ ขา้ ข้อยกเว้นดงั กลา่ ว) 8. กรณีข้าราชการท่ีย้ายมารับราชการประจาในท้องท่ีหนึ่งตามคาร้องขอของตนเองก่อนวันท่ี 26 มิถุนายน 2541 ซ่ึงเป็นวันที่พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 6) พ.ศ. 2541 มีผลใช้บังคับ และพกั อาศัยอยู่ในบา้ นท่ีคสู่ มรสเชา่ อย่เู พียงผ้เู ดยี ว โดยคสู่ มรสเป็นผูใ้ ช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าบ้านมา เบกิ คา่ เชา่ บา้ นจากทางราชการมาโดยตลอด ต่อมาภายหลังวันที่ 26 มิถุนายน 2541 คู่สมรสได้เสียชีวิตหรือ ไดย้ ้ายไปรับราชการประจาในท้องที่อื่น ถือว่าข้าราชการมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านจากทางราชการตามมาตรา 5 27
แห่งพระราชกฤษฎกี าค่าเชา่ บ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 6) พ.ศ. 2541 ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชกฤษฎีกาค่า เช่าบา้ นขา้ ราชการ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2541 ตวั อยา่ ง นางไขแข เดิมรับราชการที่อาเภอเมือง จังหวัดลาพูน ต่อมาวันที่ 20 มกราคม 2541 ได้ย้ายมารับ ราชการประจาในท้องท่ีอาเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ตามคาร้องขอของตนเอง โดยได้พักอาศัยในบ้านที่สามี เช่าอยู่เพียงผู้เดียวและสามีเป็นผู้ใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการมา โดยตลอด ตอ่ มาในวนั ที่ 6 กรกฎาคม 2546 สามีได้ย้ายไปรับราชการประจาในท้องท่ีกรุงเทพมหานคร กรณี เช่นนี้ นางไขแขสามารถขอเช่าบ้านหลังดังกล่าวและใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าบ้านมาเบิกจากทาง ราชการได้ เพราะนางไขแขเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ก่อนวันท่ี 26 มิถุนายน 2541 1.15 แนวทางการพิจารณาสิทธิการนาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระ ราคาบา้ นมาเบิกคา่ เช่าบ้านตามมาตรา 17 1. กรณีข้าราชการใชส้ ทิ ธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านมา เบิกค่าเชา่ บา้ นจากทางราชการ ขณะเดียวกันก็แบง่ หอ้ งบา้ นหลงั ดงั กลา่ วใหผ้ ู้อน่ื เช่าอยอู่ าศยั ให้เบิกค่าเช่าบ้าน จากทางราชการได้ไม่เกินสิทธิท่ีกาหนดไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ โดยไม่ต้องหักเงินค่าเช่าที่ได้รับจากการแบ่ง หอ้ งเช่าจากเงนิ ที่ผอ่ นชาระเงนิ กูร้ ายเดือน แต่ทง้ั นี้ จะตอ้ งอาศัยอยู่จรงิ ในบ้านหลังดังกล่าวด้วย ในกรณีข้าราชการได้เช่าห้องที่แบ่งให้เช่าน้ัน หากเช่าและอาศัยอยู่จริง ก็เบิกค่าเช่าบ้านจากทาง ราชการไดเ้ ชน่ กัน 2. ข้าราชการซ่ึงอยู่ระหว่างการใช้สิทธิเบิกค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านใน ท้องท่ีท่ีรับราชการประจาตามมาตรา 17 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ต่อมาบ้านทรุดโทรมมากจึงร้ือถอนออกไป ทั้งหลังแล้วไปกู้เงินมาปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ทดแทนหลังเดิม สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการเพื่อการเช่าซื้อ หรือการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านหลังแรกตามมาตรา 17 ส้ินสุดลง เม่ือมีการร้ือถอนบ้านท้ังหลัง เพราะพระราชกฤษฎกี าคา่ เชา่ บ้านขา้ ราชการดังกล่าว ได้ให้สิทธิข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ มีสทิ ธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านหลังแรกและได้อาศัยอยู่จริงใน บ้านนนั้ มาเบกิ ค่าเช่าบ้านได้ เม่ือบ้านหลังแรกสิ้นสภาพไป สิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามมาตรา 7 แห่ง พระราชกฤษฎีกาฯของข้าราชการผู้น้ันย่อมหมดไป และการใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือค่าผ่อน ชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านสาหรับบ้านหลังใหม่ย่อมเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 17 (4) เนื่องจาก ข้าราชการผู้นั้นได้เคยใช้สิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อนชาระเงินกู้สาหรับบ้านในท้องที่ที่ ประจานั้นมาแล้ว รวมท้ังไม่มีสิทธินาหลักฐานการเช่าบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 17 วรรคสอง ประกอบมาตรา 9 3. กรณีขา้ ราชการผู้หนึ่งร่วมกับคู่สมรสกู้เงินและซื้อบ้านในท้องที่ที่ตนรับราชการประจาอยู่และได้ใช้ สทิ ธนิ าหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านดังกล่าวมาเบิกค่าเช่าบ้าน ย่อมถือว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นสินสมรส ซึ่งข้าราชการรายดังกล่าวมีส่วนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยแล้ว หากข้าราชการผู้นี้ได้จดทะเบียน หยา่ จากคู่สมรส และได้ยกบ้านหลังดงั กล่าวพร้อมทั้งภาระหนี้สินตามสัญญากู้เงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คู่สมรส เพียงผู้เดียว ก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แม้ต่อมาจะได้เช่าบ้านหรือเช่าซ้ือบ้านหรือกู้เงินเพื่อชาระราคาบ้าน หลังใหม่ก็ไม่มีสิทธิที่จะนาหลักฐานการชาระค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าซ้ือ หรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้าน 28
หลังใหม่มาเบิกค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 17 วรรคสอง ประกอบมาตรา 9 และมาตรา 17 (1) แห่งพระราช กฤษฎีกาฯ ตวั อย่าง นางชมพูนุช ได้รับคาส่ังให้ย้ายไปรับราชการประจาที่อาเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งตนมีสิทธิ ได้รับค่าเช่าบ้าน และใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านหลังดังกล่าวจากทางราชการ ต่อมาได้จดทะเบียนหย่าจากคู่สมรสโดยตกลงยกบ้านและภาระหนี้ตามสัญญากู้ดังกล่ าวท้ังหมดให้แก่คู่สมรส เพยี งผเู้ ดยี วและไปเช่าบ้านหลงั อ่นื เพ่ืออยู่อาศยั กรณเี ช่นนี้ นางชมพูนุช จะนาหลักฐานการชาระค่าเช่าบ้านมา เบกิ ค่าเช่าบ้านได้หรอื ไม่ และหากนางชมพนู ุช ไปกู้เงินมาเพ่อื ซ้ือบ้านหลงั ใหม่ในทอ้ งท่ีอาเภอปากเกร็ด จังหวัด นนทบรุ จี ะนาหลกั ฐานการผ่อนชาระเงนิ กูเ้ พื่อชาระราคาบา้ นหลังใหม่มาเบิกคา่ เช่าบา้ นได้หรอื ไม่ กรณีดังกล่าวเม่ือนางชมพูนุช ได้กู้เงินและซื้อบ้านในท้องที่ดังกล่าวร่วมกับคู่สมรสและได้ใช้สิทธินา หลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านมาแล้ว ย่อมถือว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็น สินสมรส ซ่ึงนางชมพูนุช มีส่วนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย แม้ต่อมาจะได้หย่าจากคู่สมรสและยกบ้านและภาระ หนี้สินตามสัญญาดังกล่าว นางชมพูนุช ก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านอีกต่อไปและไม่สามารถนาหลักฐานการ ชาระค่าเชา่ บ้านทีต่ นเช่าอยู่มาเบกิ ค่าเชา่ บา้ น ตามมาตรา 17 วรรคสองและมาตรา 9 แหง่ พระราชกฤษฎกี าฯ สาหรับกรณีที่นางชมพูนุช ไปกู้เงินมาเพ่ือซ้ือบ้านหลังใหม่ในท้องที่อาเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เมือ่ นางชมพูนุช เคยใช้สิทธินาหลกั ฐานการผ่อนชาระเงนิ ก้เู พอื่ ชาระราคาบ้านหลังแรกในท้องท่ีดังกล่าวมาเบิก คา่ เชา่ บ้านจากทางราชการมาแล้ว ย่อมไม่สามารถนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านหลังใหม่ ในทอ้ งทนี่ ั้นมาเบกิ ค่าเช่าบ้านจากทางราชการไดอ้ ีก ตามมาตรา 17 (4) แหง่ พระราชกฤษฎกี าฯ 4. นายจิรายุ เป็นขา้ ราชการไดซ้ ือ้ บ้านหลงั หนึ่งในท้องที่ท่ีเร่ิมรับราชการคร้ังแรก จึงไม่มีสิทธิได้รับค่า เช่าบ้านทาให้ไม่สามารถนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อซ้ือบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ ต่อมาได้สมรสกับ นางสาวพลอยพรรณซ่ึงเป็นข้าราชการและได้ย้ายมาปฏิบัติราชการในท้องที่ท่ีนายจิรายุได้ซื้อบ้านไว้ นางสาว พลอยพรรณมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านในท้องที่ที่มาปฏิบัติราชการโดยไม่ติดเงื่อนไขว่า มีเคหสถานของคู่สมรส เพราะยงั อยรู่ ะหว่างการผ่อนชาระเงนิ กู้ ตามมาตรา 7 (2) นางสาวพลอยพรรณจะใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อน ชาระเงินกู้บ้านหลังท่ีนายจิรายุซ้ือไว้ก่อนสมรสมาเบิกค่าเช่าบ้านไม่ได้ เพราะไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของนางพลอย พรรณเปน็ สนิ ส่วนตัวของนายจิรายุ และจะไปซ้ือบ้านหลังใหม่แล้วมาเบิกค่าเช่าบ้านก็ไม่ได้ เพราะมีเคหสถาน ของคสู่ มรสในทอ้ งทีด่ งั กล่าวแลว้ 5. นายจรัสพงษ์ ข้าราชการ รับราชการท่ีอาเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านได้ซ้ือ บ้านในทอ้ งท่ีดังกล่าว และนาหลักฐานการผ่อนชาระเงนิ กู้มาเบิกค่าเชา่ บ้านแล้ว ต่อมาได้รับคาส่ังย้ายไปปฏิบัติ ราชการประจาอาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน จึงได้นาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือ ซอ้ื บา้ นในทอ้ งทอ่ี าเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มาเบิกค่าเช่าบ้านต่อเนื่องในท้องท่ีท่ีสานักงานตั้งอยู่ คือ อาเภอ เมอื งจังหวดั เชยี งใหม่ ตามมาตรา 18 ตอ่ มาไดร้ ักชอบกับนางสาวจันทร์สม ท่ีรับราชการที่อาเภอเมือง จังหวัด เชียงใหมร่ วมทัง้ นางสาวจันทรส์ ม กม็ ีสทิ ธิเบิกค่าเช่าบา้ นในทอ้ งทีด่ งั กล่าวดว้ ย และได้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านอยู่ เมื่อนายจรัสพงษ์และนางจันทร์สม จดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการฯ มาตรา 10 กาหนดให้ข้าราชการท่ีมีคู่มีสมรสท่ีรับราชการในท้องท่ีเดียวกันและมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านทั้งสอง คนให้เบกิ จ่ายได้เฉพาะคนใดคนหนึ่ง นายจรัสพงษ์ และนางจันทร์สม จึงตกลงให้นายจรัสพงษ์ เป็นคนใช้สิทธิ เบิกค่าเช่าบ้านหลังท่ีนายจรัสพงษ์ เป็นผู้ซ้ือไว้ในอาเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี มาเบิกต่อเน่ืองตามมาตรา 18 ตอ่ มาเม่อื นายจรสั พงษไ์ ดร้ ับคาส่งั ยา้ ยไปปฏิบตั ิราชการในท้องที่อ่นื และไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในท้องท่ีท่ีย้าย ไป นางจันทร์สม ก็ไม่สามารถนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือซ้ือบ้านหลังท่ีนายจรัสพงษ์ ซื้อไว้ท่ีจังหวัด 29
ปทุมธานีมาเบิกค่าเช่าบ้านท่ีอาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ได้ ตามมาตรา 18 เพราะนางจันทร์สม ไม่ใช่เป็นผู้ เคยใช้สิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อซ้ือบ้านหลังที่ต้ังอยู่จังหวัดปทุมธานีมาก่อนตามมาตรา 17 แต่ นางจันทร์สม สามารถใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 และใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านกรณีเช่าซ้ือหรือผ่อน ชาระเงนิ กตู้ ามมาตรา 17 ในท้องท่ีอาเภอเมอื งจังหวดั เชยี งใหม่ได้ หากต่อมานางจันทร์สม ได้รับคาส่ังให้ย้ายไปปฏิบัติราชการท่ีอาเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี และมีสิทธิ ไดร้ ับค่าเช่าบา้ น กไ็ ม่สามารถนาหลกั ฐานการผอ่ นชาระเงนิ ก้เู พ่ือซ้ือบ้านหลงั ที่นายจรสั พงษ์ ซื้อไว้มาเบิกค่าเช่า บ้านตามมาตรา 17 ได้ เพราะนางจันทร์สม ไม่มีกรรมสิทธ์ิในบ้านหลังดังกล่าว และจะใช้สิทธิเช่าบ้านหลัง ดังกล่าวจากนายจรัสพงษ์ ผู้เป็นสามี แล้วนามาเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 7 ก็มิได้ เพราะความสัมพันธ์ ระหว่างสามีภริยาท่ีจะต้องเลี้ยงดูซ่ึงกันและกัน และความสัมพันธ์ในการจัดการทรัพย์สินของสามีภริยาตามที่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ได้กาหนดไว้ นางจนั ทร์สม จะซ้ือบ้านหลังอ่ืน แล้วนามาเบิกค่าเช่าบ้านตาม มาตรา 17 ก็มไิ ดเ้ น่อื งจากติดบ้านหลังแรกตามมาตรา 17 (1) 6. นายดนิ ข้าราชการ มีสิทธไิ ด้รับคา่ เช่าบ้านในทอ้ งทอี่ าเภอเมือง จงั หวัดอ่างทอง ได้นาหลักฐานการ ผอ่ นชาระเงนิ กเู้ พอ่ื ชาระราคาบ้านในเขตอาเภอเมอื ง จงั หวดั อ่างทอง มาเบกิ คา่ เช่าบา้ น ตามมาตรา 17 ต่อมา ไดร้ ับคาสั่งย้ายไปปฏิบัติราชการท่ีกรุงเทพมหานคร มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน จึงนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้ เพือ่ ซอ้ื บ้านท่จี ังหวดั อา่ งทอง มาเบิกค่าเชา่ บา้ นตอ่ เน่ืองทกี่ รงุ เทพมหานครตามมาตรา 18 ต่อมาได้แต่งงานกับ นางสาวฟ้า ซึง่ เป็นขา้ ราชการรับราชการทก่ี รงุ เทพหมานคร และมสี ทิ ธิได้รบั ค่าเช่าบา้ นด้วยเช่นกัน จึงตกลงกัน ให้นายดินเป็นผู้ใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 10 โดยเปล่ียนสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านมาเป็นการซ้ือบ้านท่ี กรุงเทพมหานครและนาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านมาเบิกค่าเช่าบ้าน ต่อมาเม่ือนายดิน ได้รับคาสั่งย้ายไปปฏิบัติราชการที่อาเภอเมือง จังหวัดอ่างทองอีกครั้ง นายดินก็สามารถนาฐานการผ่อนชาระ เงินกู้บ้านหลังท่ีเคยใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในท้องที่อาเภอเมือง จังหวัดอ่างทองเดิมมาเบิกค่าเช่าบ้านตาม มาตรา 17 (4) ได้อกี คร้งั ส่วนนางฟา้ ทีย่ ังคงรบั ราชการทก่ี รุงเทพมหานคร ก็สามารถใช้สิทธินาหลักฐานการ ผ่อนชาระเงินกู้เพื่อซ้ือบ้านหลังที่ต้ังอยู่กรุงเทพมหานครมาเบิกค่าเช่าบ้านต่อจากนายดินผู้เป็นสามีต่อไปได้ ตามมาตรา 17 เพราะการทส่ี ามีภรยิ ามีสิทธิได้รับค่าเชา่ บา้ นในท้องที่เดียวกัน แล้วให้คนใดคนหน่ึงใช้สิทธิเบิก ค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 17 ย่อมถือว่าคู่สมรสอีกฝ่ายหน่ึงเป็นผู้ร่วมใช้สิทธิด้วยตามมาตรา 10 แห่งพระราช กฤษฎกี าฯ 7. นายกฤตชยั กับนางสาวฟ้ารุ่ง รบั ราชการในท้องทอ่ี าเภอเมือง จังหวัดพังงา มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ทั้ง 2 คน ได้ร่วมกันกู้เงินเพ่ือซื้อบ้านที่ท้องที่ดังกล่าวเป็นจานวนเงิน 1 ล้านบาท ข้าราชการทั้งสองคนได้นา หลกั ฐานการผอ่ นชาระเงนิ ก้เู พ่อื ซ้ือบ้านหลังดังกล่าวมาเบิกค่าเช่าบ้าน ตามมาตรา 17 โดยธนาคารกาหนดให้ ผ่อนชาระเดือนละ 10,000 บาท เมื่อบ้านหลังดังกล่าวมีกรรมสิทธ์ิรวม 2 คน จึงเบิกค่าเช่าบ้านได้ตาม สัดส่วนของกรรมสิทธิ์คนละคร่ึง เท่ากับ 5,000 บาท ข้าราชการท้ังสองคนมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน เดือนละ 3,000 บาท นายกฤตชัยจึงเบิกค่าเช่าบ้านกรณีเช่าซ้ือตามมาตรา 17 ได้เดือนละ 3,000 บาท นางสาวฟ้า ร่งุ กส็ ามารถเบกิ คา่ เชา่ บา้ นในกรณีเชา่ ซอ้ื ได้เดือนละ 3,000 บาท เช่นกัน หากต่อมานายกฤตชัย และนางสาวฟ้ารุ่ง ได้จดทะเบียนสมรสกัน สิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านตามมาตรา 10 กาหนดใหใ้ ชส้ ิทธเิ บิกได้เฉพาะคนใดคนหนึ่ง กรณเี ชน่ น้ี นายกฤตชัย และนางฟ้ารุ่งจะต้องตกลงให้ใครเป็น คนใชส้ ิทธเิ บกิ คา่ เชา่ บ้าน โดยทจ่ี ะเบิกได้เพยี ง 3,000 บาทต่อเดือน และคู่สมรสอีกฝ่ายไม่สามารถใช้สิทธิเบิก ค่าเช่าบ้านตามสิทธิของตนท่ีเคยเบิกไว้ได้ และหากต่อมานายกฤตชัย และนางฟ้ารุ่ง ได้หย่าขาดจากกัน ก็จะ ทาให้ข้าราชการท้ังสองคนกลับมามีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านในกรณีเช่าซ้ือตามมาตรา 17 ตามสิทธิของตนได้อีก 30
คร้งั คอื นายกฤตชัย สามารถเบิกค่าเช่าบา้ นได้เดือนละ 3,000 บาท และนางฟา้ รุ่ง กส็ ามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ เดือนละ 3,000 บาท ส่วนที่ 2 การย่ืนขอรบั เงนิ ค่าเช่าบ้าน 2.16 แนวปฏบิ ัติในการย่นื ขอรบั เงินค่าเชา่ บ้าน การยื่นขอรบั เงินค่าเช่าบ้านคร้ังแรก หรือมีการโอนย้ายโดยเปล่ียนสังกัด หรือเปลี่ยนสานักเบิกเงินเดือน หรือมีการเปลี่ยนแปลงค่าเช่าบ้านท่ีได้รับอนุมัติไว้แล้ว หรือมีการเปลี่ยนบ้านเช่า เปล่ียนสัญญากู้เงินหรือ สญั ญาเช่าบ้านเดิมครบกาหนด ผู้มีสิทธไิ ด้รับคา่ เช่าบ้านจะต้องยื่นแบบการขอรับค่าเชา่ บา้ น (แบบ 6005) ต่อ ผมู้ อี านาจรับรองการใชส้ ิทธทิ กุ ครง้ั พร้อมแนบเอกสารดังต่อไปน้ี 1. บันทกึ ขอ้ ความขออนุมัตเิ บกิ เงินคา่ เช่าบ้าน 2. สาเนาคาส่ังบรรจุแต่งตั้ง คาสั่งการโอน ย้าย ในกรณีเป็นการย้ายให้ชี้แจงข้อมูลว่าเกิดจากคาร้อง ขอของตนเองหรอื ไม่ 3. แบบรายงานข้อมูลการขอรบั ค่าเช่าบ้าน ประกอบด้วยขอ้ มลู ดงั นี้ ข้อมลู ประวัติการรบั ราชการตง้ั แต่เร่ิมรับราชการ และการโอน ย้าย ในกรณีเป็นการย้ายให้ ชแ้ี จงขอ้ มูลว่าเกดิ จากคาร้องขอของตนเองหรือไม่ ข้อมลู การมเี คหสถานของข้าราชการและคูส่ มรสทุกแห่งในท้องที่ทีร่ ับราชการ ข้อมูลด้านอาชีพและสถานที่ทางานของคู่สมรส และให้แจ้งว่าหน่วยงานแห่งน้ันได้ให้สิทธิ เบกิ คา่ เช่าบา้ นหรอื จัดบา้ นพักใหก้ ับคู่สมรสในท้องที่ทีร่ บั ราชการของขา้ ราชการหรือไม่ ขอ้ มูลการมีเคหสถานของบิดา มารดา คู่สมรสและของข้าราชการ รวมทั้งบุตรที่ยังไม่บรรลุ นิติภาวะทกุ แห่งในทอ้ งทีท่ ร่ี ับราชการ ข้อมูลสถานการณ์มีชีวิตอยู่ของบิดา มารดา คู่สมรสและของข้าราชการ หากในภายหลัง บุคคลดงั กล่าวเสียชวี ติ หรือสาบสูญใหแ้ จ้งรายละเอียดวัน เดือน ปี ทเี่ สยี ชีวติ หรือสาบสญู 4. แบบรายงานการตรวจสอบการขอรบั คา่ เช่าบา้ น และการรับรองของคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจรงิ 5. คาสัง่ เลือ่ นขน้ั เงนิ เดือนและแตง่ ต้ังขา้ ราชการ 6. หลักฐานที่ตอ้ งแนบประกอบการเบิกคา่ เช่าบ้านมดี งั น้ี 1) กรณเี ชา่ บ้าน หนังสือสญั ญาเช่า แผนทท่ี างไปบ้านเช่า หลกั ฐานแสดงกรรมสิทธใิ์ นบ้านของเจา้ ของบ้านเชา่ ถา้ เป็นการเช่าช่วงใหแ้ สดงสัญญาเชา่ ระหวา่ งผใู้ ห้เชา่ ชว่ งกับเจา้ ของบา้ นเช่า 2) กรณีเชา่ ซื้อ สัญญาเช่าซ้ือบา้ น สาเนาทะเบยี นบ้านของบา้ นท่ีเช่าซอ้ื 3) กรณีผอ่ นชาระเงนิ ก้เู พื่อชาระราคาบ้าน (ก้เู งนิ เพ่ือซ้อื บ้าน) สญั ญาซือ้ ขายบา้ นและทีด่ นิ **ท่จี ดทะเบยี นต่อพนกั งานเจ้าหน้าท่ี สัญญากู้เงิน สญั ญาจานอง 31
สาเนาทะเบยี นบ้านของบา้ นท่ีผ่อนชาระเงินกู้ สาเนาโฉนดท่ีดนิ พร้อมฉบับจรงิ เพอื่ ใหค้ ณะกรรมการตรวจสอบ 4) กรณผี อ่ นชาระเงินกเู้ พื่อชาระราคาบ้าน (กเู้ งนิ เพื่อปลูกสรา้ งบ้าน) สัญญาจา้ งปลูกสร้างบา้ น** หนงั สอื ขออนญุ าตปลกู สร้างบ้าน หลักฐานการขอหมายเลขประจาบ้าน สัญญาขายท่ีดินท่ีจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ กรณีซ้ือที่ดินและปลูกสร้างบ้านใน คราวเดยี วกนั สาเนาโฉนดที่ดินพร้อมฉบับจรงิ เพ่อื ใหค้ ณะกรรมการตรวจสอบ สญั ญาก้เู งิน สัญญาจานองหรือหนงั สอื ค้าประกัน 7. เจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนเอกสารหลักฐาน ประกอบการขอเบกิ คา่ เช่าบา้ น หากไมถ่ ูกตอ้ งให้ส่งคืนผู้ขอใช้สิทธิเพ่ือแก้ไข เมื่อถูกต้องแล้วให้เสนอผู้มีอานาจ ลงนามรบั รองสทิ ธิการได้รบั เงนิ คา่ เช่าบา้ น (แบบ 6005) 8. หัวหน้าส่วนราชการผู้มีอานาจอนุมัติการเบิกค่าเช่าบ้าน แต่งตั้งข้าราชการจานวนไม่น้อยกว่าสาม คนเปน็ คณะกรรมการตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ 9. คณะกรรมการรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจรงิ 10. ผู้มีอานาจรบั รองการใช้สิทธิและอนุมัติให้เบิกเงินค่าเช่าบ้านได้ตามสิทธิในแบบขอรับค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) 11. เมื่อได้รับอนุมัติให้เบิกค่าเช่าบ้านได้ตามสิทธิแล้ว ให้ผู้มีสิทธิย่ืนขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านประจาเดือน ตามแบบขอเบกิ เงนิ ค่าเช่าบา้ น (แบบ 6005) พร้อมแนบหลักฐานการชาระเงนิ (ใบเสรจ็ รบั เงนิ คา่ เช่าบ้าน/เช่า ซอ้ื /ผอ่ นชาระเงนิ ก)ู้ ณ สานกั งานทข่ี ้าราชการผ้นู ั้นปฏิบตั ริ าชการ 12. ผูม้ ีอานาจอนมุ ตั ิให้เบิกจา่ ยเงินค่าเช่าบ้านได้ตามสิทธิ หมายเหตุ**กรณีวงเงินในสัญญาซ้ือขายหรือสัญญาจ้างปลูกสร้างบ้านต่ากว่าสัญญากู้เงิน ผู้ใช้สิทธิต้องย่ืน หลกั ฐานท่สี ถาบนั การเงนิ รบั รองวา่ หากมีการกู้เงินตามวงเงินในสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจ้างดังกล่าว จะต้อง มกี ารผ่อนชาระรายเดอื นเปน็ จานวนเทา่ ใด 3.17 ผู้รบั รองการมสี ิทธไิ ด้รบั ค่าเชา่ บา้ นในแบบ 6005 1. สว่ นกลางในราชการบริหารส่วนกลาง ให้เลขานุการรัฐมนตรี เลขานุการกรม หรือหัวหน้าส่วนราชการต้ังแต่ระดับกองหรือเทียบเท่า ขน้ึ ไปเปน็ ผู้รับรอง ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลางท่ีมีสานักงานอยู่ในภูมิภาคหรือแยกต่างหากจาก กระทรวง ทบวง กรม ให้หัวหน้าสานักงานซึ ่งดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าประเภททั่วไป ระดับชานาญงานขึ้นไป ประเภทวิชาการ ระดับชานาญการขึ้นไป หรือดารงตาแหนง่ ไม่ตา่ กวา่ ระดบั 6 หรือเทยี บเท่า เป็นผู้รับรอง 2. ส่วนราชการในราชการบริหารสว่ นภมู ิภาค ให้หัวหน้าส่วนราชการประจาจังหวัด หรือหัวหน้าส่วนราชการประจาอาเภอ แล้วแต่กรณี เปน็ ผ้รู บั รอง 32
3. ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมหรือสานักงานตารวจแห่งชาติ ให้ผู้บังคับบัญชาที่มี ยศตง้ั แตพ่ ันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี หรือพันตารวจตรขี ้นึ ไป เปน็ ผู้รับรอง ให้ผู้บงั คับบัญชาเหนอื ขึน้ ไปอย่างนอ้ ยหนึง่ ระดับหรือหน่ึงชั้นยศ เปน็ ผ้รู ับรองการมีสทิ ธขิ อง บคุ คลตามข้อ 1 ขอ้ 2 และ ข้อ 3 ซ่งึ มไิ ดด้ ารงตาแหนง่ ตามทีก่ าหนดไว้ใน ข้อ 4 4. ให้ขา้ ราชการประเภททว่ั ไป ระดับอาวโุ สข้ึนไป ประเภทวิชาการ ระดบั ชานาญการพเิ ศษขึ้น ไปประเภทอานวยการ ประเภทบรหิ าร หรอื ดารงตาแหน่งตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นไป หรือเทียบเทา่ หรอื ข้าราชการ ทหารทม่ี ียศพนั เอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก หรอื ข้าราชการตารวจทม่ี ยี ศพนั ตารวจเอกข้นึ ไป เปน็ ผรู้ ับรอง การมีสทิ ธขิ องตนเอง 3.18 ผูม้ อี านาจอนมุ ตั ิให้เบิกคา่ เชา่ บา้ นในแบบ 6005 1. สว่ นราชการในราชการบริหารสว่ นกลาง ใหห้ ัวหนา้ สว่ นราชการระดับกรม หรือผู้ที่หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมมอบหมายซ่ึงดารง ตาแหนง่ ไมต่ า่ กวา่ ประเภททั่วไป ระดบั อาวโุ สขึ้นไป ประเภทวิชาการ ระดับชานาญการขึ้นไป ประเภทอานวยการ ประเภทบริหารหรือดารงตาแหน่งไม่ต่าระดับ 7 หรือเทียบเท่า หรือข้าราชการทหารที่มียศตั้งแต่พันโท นาวา โท นาวาอากาศโทหรือข้าราชการตารวจที่มียศพันตารวจโทขึ้นไป เป็นผู้อนุมัติส่วนราชการในราชการบริหาร สว่ นกลางท่ีมีสานักงานอยใู่ นสว่ นภมู ิภาคหรือแยกตา่ งหากจากกระทรวง ทบวง กรม หัวหน้าส่วนราชการระดับ กรมจะมอบหมายให้หวั หนา้ สานกั งานซึง่ เป็นผูเ้ บกิ เงินจากคลังเป็นผอู้ นุมัตสิ าหรบั หนว่ ยงานน้ันกไ็ ด้ 2. ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ให้หวั หนา้ ส่วนราชการซงึ่ เป็นผู้เบกิ เงินจากคลังเป็นผู้อนุมตั ิ เวน้ แต่ เป็นการเบกิ ค่าเชา่ บา้ น ของหัวหนา้ สว่ นราชการน้นั ให้ผู้วา่ ราชการจงั หวดั เป็นผูอ้ นุมตั ิ สาหรับค่าเช่าบา้ นของหัวหน้าสว่ นราชการประจาอาเภอ ให้นายอาเภอเป็นผู้อนุมัติเมื่อได้รับอนุมัติให้ เบิกค่าเช่าบ้านตามสิทธิแล้ว ให้ยื่นขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านประจาเดือนตามแบบขอเบิกเงินค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) พรอ้ มแนบหลกั ฐานการชาระเงิน ณ สานักงานท่ขี ้าราชการผู้น้ันปฏบิ ตั ิราชการ 3.19 การขอเบิกค่าเชา่ บ้านประจาเดือนในแบบ 6006 1. ผู้มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านต้องย่ืนขอเบิกเงินค่าเช่าบ้านประจาเดือนตามแบบขอเบิกเงินค่าเช่า บ้าน (แบบ 6006) ต่อผมู้ ีอานาจอนุมตั ิการเบิกจ่ายเงินคา่ เช่าบ้าน โดยแบง่ เปน็ 2 กรณี (1) กรณีเบิกค่าเช่าบ้านเดือนแรก แบบขอรับค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) ที่ได้รับอนุมัติแล้ว และแบบขอเบิกเงินค่าเช่าบ้าน (แบบ 6006) พร้อมหลักฐานการชาระเงินค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าซ้ือหรือค่าผ่อน ชาระเงนิ กู้แลว้ แตก่ รณี (2) กรณีเบิกค่าเช่าบ้านเดือนต่อไป ให้ย่ืนเฉพาะแบบขอเบิกค่าเช่าบ้าน (แบบ 6006) พร้อมหลกั ฐานการชาระเงินคา่ เชา่ บ้านคา่ เช่าซือ้ หรือคา่ ผอ่ นชาระเงนิ กู้ แล้วแตก่ รณีจนส้นิ สดุ สญั ญา 2. เจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วนของหลักฐาน ขอเบิกเงินค่าเช่าบ้าน หากไม่ถูกต้องให้ส่งคืนผู้มีสิทธิเพ่ือแก้ไข เม่ือถูกต้องแล้วให้จัดทาบันทึกขออนุมัติ เบิกจ่ายค่าเช่าบ้านประจาเดือน และควบคุมการเบิกจ่ายเงินของผู้มีสิทธิเป็นรายบุคคลไว้ในทะเบียนคุมการ เบกิ จา่ ยเงินค่าเช่าบ้าน 3. ผมู้ อี านาจอนมุ ัตใิ หเ้ บิกจ่ายเงนิ ค่าเช่าบา้ นตามสิทธใิ นแบบขอเบกิ เงินคา่ เชา่ บ้าน (แบบ 6006) 4. เจ้าหน้าท่ีผูร้ ับผดิ ชอบเบิกจ่ายเงินคา่ เช่าบา้ น พร้อมจา่ ยเงินประจาเดือนใหแ้ ก่ผ้มู ีสทิ ธิเบิกคา่ เช่าบา้ น 33
แสดงขั้นตอนการขอเบิกคา่ เช่าบ้านได้ดังภาพท่ี 1 ภาพที่ 1 ขน้ั ตอนการขอเบิกคา่ เช่าบ้าน 3.20 สาระสาคัญของสัญญาเช่าบ้าน เช่าซ้ือ หรือผ่อนชาระเงินกู้ สัญญาเช่าบ้าน เช่าซื้อ หรือผ่อน ชาระเงินกู้อยา่ งน้อยต้องมีสาระสาคญั ดงั ต่อไปนี้ กรณีสญั ญาเชา่ บ้าน (1) ต้องระบวุ นั เดือน ปี ที่ทาสญั ญา (2) ระบุชอ่ื คสู่ ญั ญา (3) ระบุสถานที่เช่า (4) ระบวุ นั เร่มิ ต้นและวันสน้ิ สุดสญั ญาเชา่ รวมท้งั ระยะเวลาท่เี ชา่ (5) อัตราคา่ เช่าต่อเดือน กรณีสัญญาเช่าซอื้ /สัญญาเงนิ กเู้ พ่ือชาระราคาบ้านใช้สัญญาตามแบบของสถาบันการเงนิ ได้ โดย (1) ต้องระบุช่ือคสู่ ัญญา (2) ระบสุ ถานที่เช่าซ้ือหรือสถานทกี่ ้เู งิน (3) ระบุวนั เร่ิมตน้ วนั สิ้นสุดแห่งสัญญา และระยะเวลาการชาระค่าเชา่ ซ้ือหรือผ่อนชาระเงินกู้ (4) ระบุวงเงนิ เชา่ ซื้อหรือวงเงินกแู้ ละจานวนเงินท่ตี อ้ งผ่อนชาระรายเดือน 3.21 สถาบันการเงินท่กี าหนดใหท้ าสญั ญาเชา่ ซอ้ื /สัญญาเงินก้เู พอ่ื ชาระราคาบ้าน 34
1. ธนาคารพาณชิ ยต์ ามกฎหมายว่าดว้ ยธนาคารพาณิชย์ 2. รัฐวสิ าหกิจท่ดี าเนินกจิ การเกี่ยวกับเคหะ หรอื ให้กู้ยืมเพื่อเชา่ ซอื้ หรอื ผอ่ นชาระราคาบ้าน 3. สหกรณ์ทจ่ี ดทะเบยี นตามกฎหมายและดาเนนิ กิจการเกยี่ วกบั การเคหะ 4. กองทนุ บาเหน็จบานาญข้าราชการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยกองทุนบาเหนจ็ บานาญขา้ ราชการ 5. ธนาคารอิสลามแหง่ ประเทศไทยตามกฎหมายวา่ ด้วยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 6. บริษทั บริหารสินทรัพย์ตามพระราชกาหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 ซึ่งดาเนิน กิจการรับซอื้ หรือรับโอนสินทรัพย์ดอ้ ยคุณภาพของธนาคารพาณชิ ยต์ ามกฎหมาย 7. นติ ิบคุ คลทด่ี าเนินกิจการเกี่ยวกับการเคหะ การใหเ้ ชา่ ซอื้ หรือให้กยู้ ืมเพือ่ ชาระราคาบ้าน 3.22 หลักเกณฑ์และวธิ ีปฏิบัตใิ นการจัดขา้ ราชการเข้าพกั อาศัยในท่ีพักของทางราชการ พ.ศ. 2560 การกาหนดที่พักสาหรับข้าราชการ เป็นอานาจของหัวหน้าส่วนราชการหรือผู้ได้รับมอบหมายใช้ดุลพินิจ กาหนดท่ีพกั ของทางราชการ 1. ความจาเป็นและเหมาะสม 2. ความประหยดั และประโยชน์ของทางราชการเปน็ สาคัญ 3. สามารถปรบั เปลี่ยนได้ การจดั ข้าราชการเขา้ พกั อาศัยในทีพ่ ัก กรณีที่ 1 ข้าราชการระดับอาวโุ ส ชานาญการพิเศษขึน้ ไป หรอื ระดับ 7 ข้ึนไป หรือเทียบเทา่ (ทหารยศชน้ั พนั โท ตารวจยศพนั ตารวจโท) ถ้าถูกจดั ต้องเข้าพักอาศัย * ไม่ว่าขา้ ราชการจะมสี ิทธิเบิกค่าเชา่ บ้านหรือไม่ * ไมว่ ่าข้าราชการจะเป็นผใู้ ช้สทิ ธิเบิกค่าเช่าซ้ือหรอื ผ่อนชาระเงนิ ก้อู ยู่ก่อนแล้วหรอื ไม่ กรณีที่ 2 ขา้ ราชการระดับชานาญงาน ชานาญการลงมา หรอื ระดบั 6 ลงมา หรือเทียบเท่าทหารซึ่งมี ยศพันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรีลงมา ตารวจซงึ่ มยี ศพนั ตารวจตรีลงมา - จัดผมู้ สี ิทธิไดร้ ับคา่ เชา่ บ้าน ไมว่ ่าจะใช้สิทธเิ บิกค่าเชา่ บ้านอยู่หรอื ไม่ - ถา้ เปน็ ผมู้ ีสิทธซิ ึง่ อยรู่ ะหว่างใชส้ ิทธเิ ชา่ ซ้ือหรอื ผอ่ นชาระเงนิ กู้ ไมต่ อ้ งจดั เข้าทพี่ กั - ยา้ ยภายในท้องท่ที รี่ บั ราชการประจา ไม่ต้องจัดเข้าทพ่ี กั ของทางราชการ - ยา้ ยต่างท้องทจ่ี ัดเขา้ บ้านพกั ได้ แมท้ ้องทีเ่ ดิมทอ่ี ยูร่ ะหวา่ งใชส้ ทิ ธเิ บิกคา่ เช่าซอ้ื การสละสทิ ธิเ์ ขา้ พกั ในทพ่ี ักที่ทางราชการจัดให้ การสละสิทธิ์เข้าพักในที่พักที่ทางราชการจัดให้ ข้าราชการผู้น้ันจะหมดสิทธ์ิได้รับค่าเช่าบ้าน เนื่องจากทางราชการจดั ทพ่ี กั ให้แล้ว หรอื กรณีทางราชการจดั ทีพ่ กั ใหแ้ ต่ไม่ไดอ้ ยู่อาศัยโดยไปพักอาศัยในที่อ่ืน กรณสี ทิ ธกิ ลับคนื มาเมื่อบ้านพกั ถูกรอ้ื ถอนทง้ั หมด หรือมีการจัดเขา้ พักในที่พักใหม่ท้ังหมด ข้าราชการท่ีสละบ้านพักไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านภายหลังบ้านพักว่างลง ผู้มีอานาจจัดที่พักอาจ พจิ ารณาจดั ใหข้ ้าราชการเข้าพักในทพี่ ักของทางราชการได้ 35
แนวทางการตรวจสอบการเบกิ จ่ายคา่ เช่าบา้ นขา้ ราชการ การกาหนดแนวทางการตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านเป็นขั้นตอนที่สาคัญเนื่องจากเป็นข้ันแรก ของการตรวจสอบซึ่งผตู้ รวจสอบจะต้องดาเนินการจัดทาแผนปฏิบัติงานตรวจสอบ (Engagement Plan) โดย กาหนดวัตถปุ ระสงค์ให้สอดคล้องกับแผนการตรวจสอบประจาปีที่ได้รับอนุมัติ และดาเนินการตรวจสอบ ตาม ประเด็นและวัตถุประสงค์ที่กาหนด เพื่อให้การใช้สิทธิและการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านของข้าราชการในสังกัด สานักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นไปตามระเบียบที่กาหนด รวมท้ังมีระบบ ควบคมุ การเบกิ จ่ายเงินค่าเชา่ บ้านที่เพียงพอเหมาะสม มคี วามถูกตอ้ งครบถ้วน เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาค่า เชา่ บ้านข้าราชการ และระเบยี บกระทรวงการคลงั กาหนดจงึ ไดก้ าหนดแนวทางในการปฏิบัติงานตรวจสอบการ เบกิ จ่ายคา่ เช่าบา้ น ดังน้ี กลมุ่ ตรวจสอบภายใน สป.ทส. แผนการปฏบิ ตั งิ าน หนว่ ยรบั ตรวจ สานักงานสง่ิ แวดลอ้ มภาคที่ ................................................................. กิจกรรมทต่ี รวจสอบ การเบิกจ่ายคา่ เช่าบ้านขา้ ราชการ ประเด็นการตรวจสอบ 1. การเบกิ จา่ ยเงินค่าเชา่ บ้านให้ผมู้ สี ิทธถิ ูกตอ้ งตามพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ และระเบียบ ทเ่ี กย่ี วข้อง 2. ระบบการควบคมุ การเบิกจ่ายท่ีรดั กุม เหมาะสม และถือปฏิบัตอิ ยา่ งสมา่ เสมอ วัตถปุ ระสงค์ในการตรวจสอบ 1. เพื่อให้ทราบว่าการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการให้ผู้มีสิทธิถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบ ทเี่ กย่ี วข้อง 2. เพื่อให้ทราบว่าระบบควบคุมการเบิกจ่ายค่าเช่าบ้านข้าราชการมีความเพียงพอเหมาะสม และถือ ปฏิบตั อิ ยา่ งสมา่ เสมอ ขอบเขตการตรวจสอบ ตรวจสอบเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจาปีงบประมาณ ............................ แหลง่ ขอ้ มลู 1. ทะเบียนคุมการเบิกจา่ ยเงินคา่ เชา่ บา้ น 2. ทะเบยี นคุมหลักฐานการขอเบิกเงินคา่ เชา่ บ้าน 3. แบบการขอรบั ค่าเช่าบา้ น 4. แบบขอเบิกเงนิ ค่าเช่าบ้านและหลกั ฐานประกอบ 36
แนวทางปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ระเบียบ หนงั สือส่งั การท่ีเก่ียวข้อง 1. พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 1) พ.ศ. 2547 และแก้ไขเพ่ิมเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2560 2. ระเบยี บกระทรวงการคลังว่าดว้ ยหลักเกณฑ์และวิธีการเก่ียวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับท่ี 1) พ.ศ. 2547 และท่ีแกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552 3. หลักเกณฑ์และวิธปี ฏิบัติในการจัดขา้ ราชการเขา้ พกั อาศัยในท่ีพักของทางราชการ พ.ศ. 2560 4. หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุดท่ี กค 0409.5/ว 15 ลงวันท่ี 6 กุมภาพันธ์ 2547 เร่ือง ซอ้ มความเข้าใจเก่ียวกบั การใชส้ ิทธินาหลักฐานการชาระคา่ เช่าซอ้ื หรอื ค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านใน ท้องทที่ รี่ บั ราชการเดมิ มาเบกิ คา่ เช่าบ้านในทอ้ งท่รี บั ราชการแหง่ ใหมต่ อ่ ไป 5. หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนท่ีสุดที่ กค 0409.5/ว 19 ลงวันท่ี 13 กุมภาพันธ์ 2547 เรื่อง แนวปฏิบตั ิเกยี่ วกับหลกั ฐานการชาระราคาทดี่ นิ เพื่อการใช้สทิ ธิเบกิ คา่ เช่าบ้านขา้ ราชการ 6. หนังสือกระทรวงการคลัง ที่ กค 0409.5/ว 20 ลงวันท่ี 23 เมษายน 2550 เรื่อง แนวทาง ปฏิบัติในการใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ กรณีผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้านของโครงการบ้านเอื้อ อาทร การเคะแห่งชาติ 7. หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ท่ี กค 0408.5/ว 34 ลงวันท่ี 10 เมษายน 2561 เรื่อง การใช้ใบเสร็จรับเงินจากช่องทางการให้บริการด้านอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานในการประกอบการเบิกค่าเช่า บา้ นข้าราชการ 8. หนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ท่ี กค 0409.5/ว 99 ลงวันท่ี 24 มิถุนายน 2548 เร่ือง ประกาศกระทรวงการคลงั เร่ือง การกาหนดสถาบันการเงนิ เพอ่ื สิทธใิ นการเบกิ ค่าเชา่ บา้ น 9. หนังสือกระทรวงการคลัง ดว่ นที่สุด ที่ กค 0406.3/ว 332 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2546 เรื่อง ประกาศกระทรวงการคลัง เร่ือง หลักเกณฑ์การปฏิบัติเก่ียวกับการผ่อนชาระหนี้ กรณีเจ้าหน้าท่ีของรัฐหรือ ทายาทได้รับเงนิ เกนิ สิทธหิ รือได้รับเงินไปโดยไมม่ ีสทิ ธิ จานวนวันในการตรวจสอบ ระหวา่ งวนั ท่ี............................................รวม............วัน ผ้รู บั ผดิ ชอบในการตรวจสอบ 1.................................................................................... 2.................................................................................... 3.................................................................................... 37
แนวทางปฏิบตั งิ านตรวจสอบ ชอ่ื วนั ที่ รหัส ผ้ตู รวจ ตรวจสอบ กระดาษ วธิ กี ารตรวจสอบ สอบ ทาการ ประเด็นที่ 1 การเบิกจ่ายเงินคา่ เชา่ บา้ นให้ผ้มู สี ิทธถิ ูกตอ้ งตามพระราช กฤษฎีกาค่าเช่าบ้านขา้ ราชการและระเบียบท่ีเก่ียวขอ้ ง 1. ตรวจสอบวา่ ผเู้ บิกค่าเช่าบ้านมสี ทิ ธิตามกฎหมาย โดยการสอบทานเอกสารหลักฐาน ดังนี้ 1.1 ตรวจสอบว่าผู้เบิกค่าเช่าบ้านเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายโดยตรวจสอบจากเอกสาร หลักฐานประกอบการยื่นขอรับค่าเช่าบ้าน (กพ.7 คาส่ังบรรจุและคาสั่งโอนย้าย รวมท้ัง คาสง่ั เล่ือนขน้ั เงินเดือน) ว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติตามข้อกาหนดของพระราชกฤษฎีกาค่าเช่า บ้านข้าราชการหรือไม่ โดยผู้ท่ีจะมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านจากทางราชการได้ ต้องเป็น ข้าราชการที่ได้รับคาส่ังให้เดินทางไปประจาสานักงานในต่างท้องท่ีและไม่เข้าข่าย ข้อ หา้ ม ดงั นี้ 1) ทางราชการไดจ้ ดั ท่พี กั อาศัยใหอ้ ย่แู ล้ว 2) มีเคหสถานอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรสในท้องท่ีไปประจาสานักงาน ใหม่ โดยไม่มหี นค้ี า้ งชาระกับสถาบนั การเงิน เว้นแต่เคหสถานนั้นถูกทาลายหรือเสียหาย เน่ืองจากภยั พิบัตจิ นไมส่ ามารถพกั อาศัยอยูไ่ ด้ 3) ได้รับคาสั่งให้เดินทางไปประจาสานักงานใหม่ในต่างท้องท่ีตามคาร้องขอของ ตนเอง 4) สานักงานท่ีปฏิบัติราชการประจาอยู่เดิมได้ย้ายสถานท่ีทาการไปตั้งในท้องที่ใหม่ และท้องที่ใหม่อยู่ใกล้เคียงกบั ทอ้ งทีท่ ่ีต้งั สานกั งานเดิมตามหลักเกณฑ์ทีก่ ระทรวงการคลงั กาหนด นอกจากน้ีหากจะเบิกค่าเช่าบ้านในลักษณะการเช่าซื้อหรือผ่อนชาระเงินกู้เพื่อ ชาระราคาบา้ นยงั ตอ้ งเป็นผ้มู ีสิทธทิ ีเ่ ข้าข่ายตามเงอ่ื นไขในมาตรา 17 ดังนี้ 1) ตนเองหรือคู่สมรสได้ทาการผ่อนชาระค่าเช่าซ้ือหรือเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้าน ในทอ้ งทน่ี ั้นจะเบกิ ไดเ้ ฉพาะบา้ นหลงั แรกเท่านั้น เว้นแต่ บ้านหลังที่เคยใช้สิทธิถูกทาลาย เสยี หายเนื่องจากภยั พบิ ัติ จนไมส่ ามารถอาศัยอยู่ได้ 2) หากเช่าซ้ือหรือผ่อนชาระราคาบ้านร่วมกับบุคคลอื่นท่ีไม่ใช่คู่สมรสและมี กรรมสิทธ์ิร่วมกับบุคคลอ่ืน จะเบิกค่าเช่าซ้ือหรือผ่อนชาระเงินกู้ได้ตามสัดส่วนแห่ง กรรมสิทธ์ิสาหรับบ้านดังกล่าว 3) จะต้องเปน็ การผอ่ นชาระค่าเช่าซ้ือหรือผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านกับ สถาบันการเงิน และสัญญาเช่าซ้ือหรือสัญญาเงินกู้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กระทรวงการคลงั กาหนด 4) ตอ้ งไม่เคยใชส้ ิทธินาหลักฐานการชาระค่าเช่าซื้อหรือผ่อนชาระเงินกู้บ้านหลัง หนึ่งหลังใดในท้องที่นั้นมาแล้ว เว้นแต่ ถูกแต่งต้ังให้กลับเข้ารับราชการในท้องที่ที่เคยใช้ สิทธิมาแล้ว หรือขณะท่ีย้ายมารับราชการในท้องที่นั้นบ้านท่ีเคยใช้สิทธิได้โอนกรรมสิทธิ์ ไปแลว้ 5) หากกเู้ งนิ สงู กว่าราคาบา้ น ใหน้ าค่าผอ่ นชาระเงินกมู้ าเบกิ ค่าเชา่ บา้ นได้ โดยให้ คานวณตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารกระทรวงการคลงั กาหนด
วธิ กี ารตรวจสอบ ช่ือ วนั ท่ี รหัส ผูต้ รวจ ตรวจสอบ กระดาษ 2. สอบทานรายงานขอ้ มูลการขอรบั ค่าเชา่ บ้านและแบบ 6005 สอบ 2.1 ขอ้ มลู ประวตั กิ ารรบั ราชการตงั้ แต่การเร่ิมรับราชการและการโอนย้าย โดยกรณี ทาการ เปน็ การยา้ ยใหช้ ้แี จงวา่ เกดิ จากคารอ้ งขอของตนเองหรอื ไม่ 2.2 ข้อมูลการมีเคหะสถานของข้าราชการ คู่สมรส บิดา มารดาทั้งของข้าราชการ และคูส่ มรส รวมท้งั บุตรทีไ่ มบ่ รรลุนิติภาวะ ทกุ แหง่ ในทอ้ งท่ีทีร่ บั ราชการ 2.3 ข้อมูลด้านอาชีพและสถานทท่ี างานของคสู่ มรส และหน่วยงานแห่งน้ันได้ให้สิทธิ เบกิ คา่ เช่าบา้ น หรอื จัดบา้ นพกั ใหค้ ูส่ มรสในท้องที่ที่รบั ราชการของขา้ ราชการหรอื ไม่ 2.4 ขอ้ มูลสถานการณ์มีชีวิตอยู่ของบิดา มารดา ของข้าราชการและคู่สมรส หากใน ภายหลังบุคคลดังกลา่ วเสียชีวิตหรอื สาบสูญให้แจง้ รายละเอียด วันเดือนปี ท่ีเสียชีวิตหรือ สาบสญู ด้วย 3. ตรวจสอบหลักฐานประกอบการขอใชส้ ทิ ธิเบิกค่าเช่าบ้าน 3.1 กรณยี น่ื ขอเบิกครั้งแรกหรือมีการโอนยา้ ยโดยเปลย่ี นสังกัดหรอื เปล่ียนสานักเบิก เงินเดือน หรือเปล่ียนแปลงค่าเช่าบ้านที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว หรือมีการเปล่ียนบ้านเช่า เปล่ียนสญั ญากูเ้ งนิ หรอื สญั ญาเชา่ บา้ น ต้องดาเนนิ การตรวจสอบ ดังน้ี 3.1.1 ตรวจสอบแบบการขอรับค่าเช่าบ้าน (แบบ 6005) ท่ีย่ืนพร้อมกับ หลักฐาน ประกอบการขอเบิกค่าเช่าบ้าน ว่ามีการบันทึกข้อมูลรายละเอียดถูกต้อง ครบถ้วน และไดร้ ับอนุมตั ริ บั รองสทิ ธิ การเบิกค่าเช่าบา้ นจากผู้มีอานาจ 3.1.2 ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ครบถว้ นของหลักฐานประกอบการขอเบิกเงินค่า เชา่ บ้านของข้าราชการผู้ใชส้ ทิ ธิ แตล่ ะกรณี ดงั น้ี กรณีเชา่ ซอ้ื 1) หลักฐานประกอบ ได้แก่ สัญญาเช่าซ้ือบ้านพร้อมท่ีดิน สาเนาทะเบียนบ้าน ของบ้านท่เี ช่าซ้ือ 2) การตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาเช่าซื้อบ้าน ให้ใช้ตามแบบสัญญาของ สถาบันการเงินได้ โดยต้องระบุช่ือคู่สัญญา สถานท่ีเช่าซื้อตรงตามสาเนาทะเบียนบ้าน พรอ้ มตรวจสอบระยะเวลาการชาระคา่ เชา่ ซ้ือ วนั เรม่ิ ต้นและวันสนิ้ สดุ แห่งสัญญา จานวน วงเงินท่ีเช่าซื้อและจานวนเงินท่ีต้องผ่อนชาระต่อเดือน โดยต้องไม่เกินจานวนตามบัญชี อัตราค่าเช่าบ้านขา้ ราชการ กรณผี อ่ นชาระเงินกเู้ พ่อื ซื้อบ้าน 1) หลักฐานประกอบ ไดแ้ ก่ หลกั ฐานแสดงกรรมสทิ ธบ์ิ ้านที่ซ้ือ (สัญญาขายบ้าน หรือสัญญาขายท่ีดินซ่ึงระบุว่าขายพร้อมบ้านต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี ) สาเนาโฉนดท่ีดินหรือ น.ส.3 หรือ น.ส.3ก. สาเนาสัญญากู้เงินและจานองกับสถาบัน การเงนิ สาเนาทะเบยี นของบา้ นทีผ่ อ่ นชาระเงนิ กู้ และสาเนาบตั รประจาตวั ผเู้ สยี ภาษขี อง ผู้ขายบา้ น 2) การตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาเงินกู้และสัญญาซ้ือขายบ้าน โดยต้องมี สาระสาคญั ดังน้ี - สัญญาเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้าน ให้ใช้สัญญาตามแบบสัญญาของสถาบัน การเงนิ โดยตอ้ งระบุ ช่อื คสู่ ัญญา สถานทกี่ ู้เงิน วนั เรม่ิ ตน้ แหง่ สัญญา ระยะเวลาการผ่อน ชาระเงนิ กู้ วนั สิ้นสดุ สัญญา วงเงนิ กู้และจานวนเงินทตี่ ้องผ่อนชาระรายเดอื น
วธิ ีการตรวจสอบ ชือ่ วันที่ รหสั ผูต้ รวจ ตรวจสอบ กระดาษ - การย่นื หลกั ฐานท่เี ปน็ สัญญาเงนิ กูเ้ พอ่ื ชาระราคาบา้ น โดยต้องแนบสัญญา สอบ ซ้ือขายบ้าน หรือสัญญาซ้ือขายบ้านพร้อมที่ดิน แล้วแต่กรณีเป็นหลักฐานประกอบด้วย ทาการ และหากวงเงินในสัญญาซื้อขายดังกล่าว วงเงินในสัญญาเงินกู้ ให้ยื่นหลักฐานที่สถาบัน การเงินรับรองว่าหากกู้เงินตามวงเงินในสัญญาดังกล่าว จะต้องผ่อนชาระรายเดือนเป็น จานวนเทา่ ใด - อัตราการผ่อนชาระต่อเดือนโดยต้องไม่เกินจานวนที่กาหนดตามบัญชี อัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการ (หากอัตราการผ่อนชาระต่อเดือนสูงกว่าบัญชีอัตราค่าเช่า บ้านให้เบิกไดต้ ามบัญชีอัตราค่าเช่าบา้ น แตห่ ากอตั ราการผ่อนชาระต่อเดือนต่ากว่าบัญชี อัตราคา่ เช่าบา้ นให้เบกิ ได้เทา่ อัตราการผอ่ นชาระตอ่ เดือน) - สาเนาทะเบียนบา้ นของบา้ นท่ผี ่อนชาระเงินกู้ โดยตอ้ งมีช่อื ผ้มู ีสิทธิย้ายเข้า อยู่ตามทะเบียนบา้ น และต้องไมก่ อ่ นวันก้เู งนิ จากธนาคาร 3) รายละเอียดที่ตอ้ งตรวจสอบเพ่มิ เติม สาหรบั กรณผี ่อนชาระเงินกู้เพอื่ ซอื้ บ้าน - กรณกี ู้เงนิ เพือ่ ซือ้ บ้านพร้อมท่ดี นิ ในคราวเดียวกัน และมีการทาสัญญาซื้อ ขาย และจดทะเบียนทัง้ บา้ นและท่ดี นิ ให้ตรวจสอบว่าหลกั ฐานแสดงกรรมสิทธ์ิบ้านที่ซื้อ เช่น สัญญาขายบ้านพร้อมท่ีดิน หรือสัญญาขายท่ีดินซึ่งต้องระบุว่าขายพร้อมบ้าน ข้าราชการผู้สิทธิต้องดาเนินการทานิติกรรมซ้ือขายบ้านและที่ดิน โดยจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าท่ี รวมท้ังตรวจสอบ วันเดือนปี ในสัญญาซ้ือขาย สัญญาเงินกู้สัญญา จานอง และการสลักหลังโฉนดทด่ี นิ ต้องกระทาในวนั เดยี วกัน - กรณีกู้เงินเพ่ือซื้อบ้านพร้อมท่ีดินในคราวเดียวกัน แต่มีการทาสัญญาซ้ือ ขายและจดทะเบียนเฉพาะท่ีดินไม่รวมส่ิงปลูกสร้าง ให้ตรวจสอบว่าหลักฐานแสดง กรรมสิทธ์ิบ้านที่ซ้ือ เช่น สัญญาขายท่ีดินและสัญญาซ้ือขายบ้าน ข้าราชการจะต้อง ดาเนินการทานิติกรรมซ้ือขายบ้านและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้อง ครบถ้วน จึงจะมีสิทธินาหลักฐานการผ่อนชาระเงินกู้เพื่อชาระราคาบ้านพร้อมที่ดินมา เบิกจากทางราชการได้ นับต้ังแต่วันท่ีทาสัญญาซื้อขายบ้านและจดทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหนา้ ที่ รวมทั้งตรวจสอบวนั เดือนปี ในสัญญาซอ้ื ขายท่ีดิน สัญญาซ้ือขายบ้าน สัญญา เงินกู้ สญั ญาจานอง และการสลกั หลังโฉนดทด่ี ินต้องกระทาในวนั เดยี วกนั - กรณกี ูเ้ งินเพ่อื ซ้อื ทดี่ นิ และจา้ งปลกู สรา้ งบา้ นบนทีด่ ินทซ่ี ้อื ในคราวเดียวกัน ใหต้ รวจสอบวา่ หลักฐานแสดงกรรมสทิ ธิ์บ้านทป่ี ลูกสรา้ ง เชน่ สัญญาขายที่ดนิ สญั ญาจา้ ง ปลูกสร้างบา้ น โดยสญั ญาขายทดี่ นิ ต้องจดทะเบยี นตอ่ พนักงานเจ้าหนา้ ที่ รวมทงั้ วนั เดือน ปใี นสญั ญาขายที่ดนิ สัญญาจ้างปลกู สร้างบ้าน ใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร สัญญากู้เงิน สญั ญาจานอง และการสลักหลังโฉนดทีด่ นิ ต้องกระทาในวันเดียวกนั กรณีผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือปลูกสร้างบ้าน โดยมีที่ดินเป็นของตนเองอยู่ก่อนแล้ว หรอื ปลูกสร้างบา้ นบนท่ดี ินของบุคลอ่ืน โดยตนมีสทิ ธติ ามกฎหมาย 1) ให้ตรวจสอบรายละเอยี ด ดังนี้ - สาเนาหลกั ฐานการขอหมายเลขประจาบา้ นและใบอนญุ าตปลูกสรา้ งบา้ น - สาเนาหนังสือใบอนญุ าตใหก้ ่อสร้างอาคาร - สาเนาสัญญากูเ้ งนิ และจานองกบั สถาบันการเงนิ - สาเนาสัญญาจ้างปลูกสร้างบ้าน สาเนาบัตรประจาตัวผู้เสียภาษีของผู้ รับจา้ ง - สาเนาโฉนดท่ีดิน นส.3 หรอื . น.ส3. ก
วธิ ีการตรวจสอบ ช่ือ วันที่ รหสั ผู้ตรวจ ตรวจสอบ กระดาษ - สญั ญาขายท่ดี ินทจี่ ดทะเบยี นตอ่ พนกั งานเจ้าหน้าท่ี (กรณปี ลกู สรา้ งบ้าน สอบ ของตนเอง) ทาการ - เอกสารท่ีแสดงถึงสิทธิในการก่อสร้างบ้านบนที่ดนิ ของบุคคลอนื่ (กรณีท่ี ปลูกสร้างบา้ นบนท่ีดินของบุคคลอ่นื ) - สาเนาทะเบียนบา้ นของบา้ นที่ผอ่ นชาระเงินกู้ โดยตอ้ งมีชื่อของผู้ใชส้ ิทธิ 2) การตรวจสอบสาระสาคญั ในสัญญาเงินกู้และสญั ญาจา้ งปลูกสร้างบา้ น ดังนี้ - มสี ทิ ธิเบิกคา่ เชา่ บา้ นต้องเป็นผู้ขออนุญาตปลูกสร้างบ้านและขอหมายเลข ประจาบ้าน - วันเดือนปี ท่ีทาสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงิน ต้องเป็นวันท่ีก่อนการเข้า อย่อู าศัยบ้าน หากเปน็ วันทภ่ี ายหลงั จากการเข้าอยู่อาศัยในบ้านจะไม่ถือว่าเป็นการกู้เงิน มาเพื่อปลูกสร้างบ้าน เว้นแต่ จะมีหลักฐานอ่ืนท่ีน่าเช่ือถือมาพิสูจน์ว่าวันที่ย้ายเข้าตาม สาเนาทะเบียนบา้ น บา้ นหลังดงั กลา่ ว ยงั กอ่ สร้างไม่แลว้ เสรจ็ - เบิกคา่ เช่าบา้ นไดต้ ามวงเงนิ กแู้ ตไ่ ม่เกนิ ราคาบ้านตามสญั ญาจ้างปลูกสร้าง บ้าน โดยอัตราการผ่อนชาระต่อเดอื นตอ้ งไม่เกนิ จานวนเทา่ กาหนดตามบัญชีอัตราค่าเช่า บ้านข้าราชการ (หากอัตราการผ่อนชาระต่อเดือนสูงกว่าบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านให้เบิกได้ ตามบัญชีอัตราค่าเช่าบ้าน แต่หากอัตราการผ่อนชาระต่อเดือนต่ากว่าบัญชีอัตราค่าเช่า บา้ นให้เบิกได้เทา่ อัตราการผอ่ นชาระต่อเดอื น) - กรณีวงเงินในสัญญาจ้างปลูกสร้างบ้านต่ากว่าวงเงินในสัญญาเงินกู้ผู้มี สิทธิ ยื่นหลักฐานท่ีสถาบันการเงินรับรองว่าหากมีการกู้เงินตามวงเงินในสัญญาจ้าง ดังกลา่ ว จะตอ้ งมีการผอ่ นชาระรายเดือนเปน็ จานวนเท่าใด 3.1.3 สอบทานรายงานผลการตรวจสอบการขอรับค่าเช่าบ้านของ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสภาพบ้านว่ามีการบันทึกข้อมูลรายละเอียด พร้อมให้คารับรองเสนอต่อหัวหน้าหน่วยงาน ถูกต้อง ครบถ้วน โดยมีรายละเอียดการ ตรวจสอบในแต่ละกรณี ดังน้ี กรณีเชา่ บ้าน - บคุ คลทีท่ านติ ิกรรมมีตัวตน - ตรวจสอบกรรมสิทธิข์ องบ้านทีเ่ ชา่ ว่าเป็นของใคร กรณผี ใู้ หเ้ ช่าไมใ่ ชเ่ จ้าของให้ ตรวจสอบสัญญาเชา่ ระหว่างผูใ้ หเ้ ชา่ ช่วงกบั เจา้ ของบา้ น - ขนาดของบ้านเหมาะกบั จานวนคนในครอบครวั ท่ีอาศัยอยู่จริงเพยี งใด - สภาพของบ้านเหมาะสมกับราคาเชา่ - ตรวจสอบการเขา้ พักอาศัยอยจู่ รงิ ในบา้ น ต้ังแตเ่ ม่อื ใด กรณีเชา่ ซอื้ บา้ น - สัญญาเช่าซื้อบ้านว่าเป็นการทากันระหว่างผู้ขอรับเงินค่าเช่าบ้านกับผู้ให้ซื้อ และ ระบุวนั เริม่ ต้น วันส้ินสดุ แห่งสัญญาจานวนเงนิ ท่ผี อ่ นชาระรายเดือนไว้หรือไม่ - ตรวจสอบการเข้าพกั อาศัยอยจู่ ริงในบา้ นที่เช่าซอ้ื ตั้งแต่เมื่อใด การกเู้ งินเพอื่ ซื้อบ้าน - ตรวจสอบสัญญากู้เงินธนาคาร และระบุวันที่เริ่มต้นวันสิ้นสุดแห่งสัญญา รวมทง้ั จานวนเงินท่ีผ่อนชาระรายเดือน - ช่ือผกู้ ตู้ ามสญั ญาเงินกกู้ ับชอื่ ผู้แสดงกรรมสิทธใ์ิ นบา้ นจะต้องเป็นบุคคลเดียวกัน และไม่เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในบ้านน้ันก่อนการกยู้ ืมเงิน
วธิ กี ารตรวจสอบ ช่อื วนั ที่ รหัส ผตู้ รวจ ตรวจสอบ กระดาษ - วงเงินตามสัญญาเงินกู้เท่ากับราคาบ้านที่ระบุตามสัญญาท่ีแสดงกรรมสิทธ์ิใน สอบ บา้ น หากวงเงินตามสัญญากู้สูงกว่าการเบิกจ่าย จะเบิกได้ตามราคาบ้านที่ซ้ือขาย แต่ถ้า ทาการ วงเงนิ กู้ต่ากว่าราคาบ้านกใ็ ห้เบิกได้ไมเ่ กนิ ตามวงเงนิ กู้ - หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ในบ้านจะต้องจัดทาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ พนกั งานเจา้ หน้าที่ เช่น สัญญาขายท่ีดินต้องทาโดยกรมที่ดินหรือสานักงานท่ีดิน สัญญา ขายบา้ นตอ้ งทาทสี่ านักงานเขตหรอื เทศบาล - ตรวจสอบการเขา้ พักอาศัยอยู่จรงิ ในบา้ นทผ่ี อ่ นชาระเงนิ กู้ ตัง้ แต่เมอื่ ใด การกู้เงินเพอ่ื ปลกู สร้างบา้ น - ตรวจสอบหลกั ฐานการขออนญุ าตปลูกสร้างบ้าน และหลักฐานการใหห้ มายเลข ประจาบ้านโดยตอ้ งเปน็ ของผู้ขอรับค่าเชา่ บา้ น - สญั ญากูเ้ งิน กาหนดวันเริ่มต้น และวันส้ินสุดแห่งสัญญาตลอดจนจานวนเงินที่ ผ่อนชาระรายเดือน - การก้เู งนิ เพ่อื ปลกู สร้างบ้านได้กระทาก่อนบ้านสร้างเสร็จหรือไม่โดยตรวจสอบ ไดจ้ ากวันที่ยา้ ยเขา้ ตามสาเนาทะเบยี นบ้าน หรือจากหลกั ฐานอน่ื ทีเ่ ชือ่ ถือได้ - ตรวจสอบการเข้าพักอาศัยอยจู่ รงิ ในบา้ นทีป่ ลกู สรา้ งจรงิ ตงั้ แต่เมื่อใด 3.1.4 ตรวจสอบการควบคุมการเบิกค่าเช่าบ้านแต่ละราย ไม่ให้เบิกเกินสิทธิ ตามบัญชอี ตั ราคา่ เช่าบ้านข้าราชการท่ีกาหนดทา้ ยพระราชกฤษฎกี าคา่ เชา่ บ้าน 3.2 การย่ืนขอเบกิ ค่าเชา่ บา้ นรายเดือน 3.2.1 ตรวจสอบแบบขอเบกิ คา่ เช่าบ้าน (แบบ 6006) ที่ยื่นพร้อมกับหลักฐาน ประกอบการเบิกจา่ ยเงนิ คา่ เชา่ บา้ น ได้แก่ ใบเสรจ็ รบั เงนิ คา่ เช่าบ้าน หรอื ค่าผ่อนชาระค่า เช่าซื้อบ้าน หรือค่าผ่อนชาระเงินกู้เพ่ือชาระราคาบ้าน ว่ามีข้อมูลรายละเอียดถูกต้อง ครบถว้ น พรอ้ มทงั้ อนมุ ัติให้เบิกจ่ายเงินคา่ เช่าบ้านจากผ้มู ีอานาจ 3.2.2 มกี ารเสนอผมู้ ีอานาจลงนามในแบบขอเบกิ คา่ เช่าบ้าน (แบบ 6006) ประเดน็ ที่ 2 หน่วยงานมีระบบการควบคมุ การเบิกจ่ายที่รดั กมุ และเหมาะสม สอบทานกระบวนเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน ว่ามีระบบควบคุมภายในท่ีเพียงพอ เหมาะสม หรอื ไม่ โดยสอบถามเจา้ หน้าทผ่ี ้รู บั ผิดชอบ พรอ้ มตรวจสอบหลกั ฐานทีเ่ กยี่ วขอ้ ง ดงั น้ี 1. สอบทานว่ามีการจัดทาทะเบียน/เอกสารคุมการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน เพื่อควบคุม การเบิกจ่ายเงินรายเดือนของผู้มีสิทธิเป็นรายบุคคลให้ถูกต้อง และไม่เกินสิทธิท่ี ข้าราชการผู้นั้นพึงได้รับเงินค่าเช่าบ้านจากทางราชการ โดยสาระสาคัญที่ต้องควบคุม มี ดงั น้ี - ช่ือ สกุล ผู้มสี ทิ ธิ - เลขท่ีแบบขอรบั คา่ เชา่ บ้าน (แบบ 6005) - อตั ราเงนิ เดอื น และระดบั ตาแหนง่ - วงเงนิ กู้หรอื เช่าซ้อื - ระยะเวลาการเช่า/ระยะเวลาการผอ่ นชาระเงนิ กู้ (วันเริ่มตน้ และวนั สิน้ สดุ ) - อัตราคา่ เช่าบา้ นทเี่ บิกไดต้ ามสิทธิ 2. สอบทานว่ามกี ารควบคุมหลกั ฐานขอเบิกเงนิ คา่ เชา่ บา้ น เพือ่ ป้องกันมิให้ขอเบกิ สูญ หายและไมเ่ บกิ จ่ายซา้ ซอ้ น
วิธีการตรวจสอบ ช่ือ วนั ท่ี รหัส ผตู้ รวจ ตรวจสอบ กระดาษ 3. สอบทานว่าได้มีการตรวจสอบความถกู ต้องครบถ้วนของหลักฐานขอเบกิ เงนิ คา่ เช่า สอบ ทาการ บ้าน (แบบ 6006) พร้อมใบเสรจ็ รบั เงินค่าเชา่ บ้าน/ใบเสรจ็ รบั เงนิ คา่ ผ่อนชาระเงินก)ู้ 4. สอบทานวา่ กอ่ นการวางเบิกเงินคา่ เชา่ บา้ น มีการอนมุ ตั หิ ลักฐานขอเบกิ เงนิ คา่ เช่าบ้าน จากผูม้ อี านาจอนมุ ตั เิ บิกจา่ ยคา่ เชา่ บ้าน (แบบ 6006) ครบถว้ น 5. สอบทานว่ามรี ะบบการจดั เกบ็ เอกสารหลักฐานประกอบการเบิกจา่ ยเงนิ คา่ เชา่ บ้านที่ สะดวกต่อการค้นหาและการตรวจสอบ ผจู้ ัดทา....................................................... วันท่ี………………………………………………………………… ผู้จัดทา....................................................... วันที่………………………………………………………………… ผสู้ อบทาน................................................. วันท่ี........................................................... 43
บัญชีอัตราค่าเช่าบ้านขา้ ราชการ บัญชีอัตราค่าเชา่ บา้ นขา้ ราชการหมายเลข 1 สาหรับข้าราชการพลเรือน ขา้ ราชการศาลยตุ ธรรม ขา้ ราชการธุรการตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบขา้ ราชการฝา่ ยอัยการ และข้าราชการรฐั สภา ตาแหน่งประเภทบริหาร เงินเดือน/บาท ค่าเช่าบ้านไม่เกนิ เดอื นละ/บาท ระดบั ต้น ตง้ั แต่ 24,400 แต่ไมถ่ งึ 34,270 5,000 ตง้ั แต่ 34,270 ขึ้นไป 6,000 ระดับสูง 6,000 - ตาแหนง่ ประเภทอานวยการ เงินเดือน/บาท คา่ เช่าบ้านไม่เกนิ เดอื นละ/บาท ระดบั ต้น ตั้งแต่ 19,860 แต่ไม่ถงึ 27,887 4,000 ตง้ั แต่ 27,887 แต่ไม่ถึง 34,270 5,000 ระดับสูง ตั้งแต่ 34,270 ขน้ึ ไป 6,000 ตง้ั แต่ 24,400 แต่ไม่ถึง 34,270 5,000 ตั้งแต่ 34,270 ขน้ึ ไป 6,000 ตาแหนง่ ประเภทวิชาการ เงนิ เดอื น/บาท คา่ เช่าบา้ นไมเ่ กินเดือนละ/บาท ระดับปฏิบตั ิการ ตั้งแต่ 7,140 แต่ไม่ถึง 15,065 2,500 ตง้ั แต่ 15,065 แต่ไม่ถงึ 18,480 3,000 ระดับชานาญการ ตงั้ แต่ 18,480 ขน้ึ ไป 4,000 ตั้งแต่ 13,160 แตไ่ มถ่ งึ 17,721 3,000 ต้ังแต่ 17,721 แต่ไม่ถึง 25,470 4,000 ต้ังแต่ 25,470 แต่ไม่ถงึ 34,680 5,000 ตง้ั แต่ 34,680 ขน้ึ ไป 6,000 44
ตาแหน่งประเภทวชิ าการ เงนิ เดือน/บาท คา่ เช่าบ้านไม่เกินเดอื นละ/บาท ระดับชานาญการพเิ ศษ ตั้งแต่ 19,860 แตไ่ มถ่ งึ 27,887 4,000 ตง้ั แต่ 27,887 แตไ่ ม่ถึง 34,270 5,000 ระดบั เชย่ี วชาญ ต้ังแต่ 34,270 ขน้ึ ไป ระดบั ทรงคณุ วุฒิ ตั้งแต่ 24,400 แต่ไมถ่ งึ 34,270 6,000 ตง้ั แต่ 34,270 ขน้ึ ไป 5,000 - 6,000 6,000 ตาแหนง่ ประเภททว่ั ไป เงนิ เดือน/บาท ค่าเชา่ บ้านไมเ่ กนิ เดอื นละ/บาท ระดบั ปฏบิ ัติงาน ตั้งแต่ 4,870 แตไ่ ม่ถงึ 15,065 2,500 ตั้งแต่ 15,065 ขนึ้ ไป 3,000 ระดับชานาญงาน ตั้งแต่ 10,190 แต่ไม่ถึง 14,410 2,500 ตั้งแต่ 14,410 แตไ่ ม่ถงึ 18,480 3,000 ระดบั อาวุโส ตง้ั แต่ 18,480 ขนึ้ ไป 4,000 ตั้งแต่ 15,410 แต่ไม่ถงึ 27,887 4,000 ระดับทกั ษะพเิ ศษ ต้งั แต่ 27,887 แต่ไมถ่ งึ 34,270 5,000 ตง้ั แต่ 34,270 ขึ้นไป 6,000 6,000 - 45
การจัดทากระดาษทาการ เมื่อผู้ตรวจสอบภายในดาเนินการตรวจสอบตามประเด็นที่กาหนดไว้ ในแผนปฏิบัติงานตรวจสอบแล้วจะต้อง เก็บรวบรวมข้อมูลให้ครบทุกประเด็น โดยการบันทึกข้อมูลลงในกระดาษทาการของผู้ตรวจสอบภายในแยก ตามประเดน็ ท่ีกาหนดไว้ โดยมแี บบฟอร์มในการสรปุ ขอ้ มูล ดังนี้ 1. กรณีเช่าบ้านดาเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานและหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกาหนดว่า ผู้เบิกมีสิทธิตาม กฎหมายและวงเงนิ ในการเบิกค่าเชา่ บ้านต่อเดือนไมเ่ กินสทิ ธิทีก่ าหนดไว้ 2. กรณีเช่าซ้ือ ดาเนินการตรวจสอบเหมือนกับกรณีเช่าบ้าน โดยเก็บข้อมูลและตรวจสอบดูวงเงินที่เบิกในแต่ ละเดอื นว่าถกู ตอ้ งไมเ่ กนิ สิทธิท่ีกาหนด 3. การเก็บข้อมูลกระดาษทาการตามประเด็นท่ีกาหนดในแผนปฏิบัติงานตรวจสอบ ซ่ึงเป็นการเก็บรวบรวม ขอ้ มลู ทง้ั หมดท่ีได้จากการตรวจสอบ จากในข้อที่ 1 และข้อท่ี 2 46
กรณีเช่าบา้ น กระดาษทาการตรวจสอ หน่วยรับตรวจ……………… ตรวจสอบการเบกิ จา่ ยเงิน เดอื นทต่ี รวจสอบ………………… ลาดบั ท่ี เลขทเ่ี อกสาร จานวน มหี ลกั ฐาน ฃื่อ-สกลุ สงั กดั เลขทแี่ บบ 6005 ฎีกา บจ/บค เงนิ ทจี่ ่าย ครบ ไมค่ รบ ผลการตรวจสอบ :
อบคา่ เช่าบา้ นข้าราชการ WP-rental ……………………………….. …………………………………….. ตรวจสอบสทิ ธกิ ารเบกิ สถานที่ การย้าย วนั ทยี่ า้ ย รายงานผลการตรวจสอบ สญั ญาเช่า อตั ราคา่ เชา่ เงนิ เดอื น อตั ราเบิก บรรจุคร้ัง ตามสิทธิ คาร้องขอ คาสง่ั ถกู ตอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ ง วนั ทเี่ ร่ิมตน้ วนั สนิ้ สุด 47
กรณเี ช่าซอื้ กระดาษทาการตรวจสอบคา่ เช หน่วยรับตรวจ……………………… ตรวจสอบการเบกิ จา่ ยเงิน เดอื นทต่ี รวจสอบ………………………… ลาดบั ท่ี เลขทเ่ี อกสาร จานวน มหี ลกั ฐาน ฃอื่ -สกลุ สงั กดั เลขทแ่ี บบ สถาน 6005 บรรจุค ฎีกา บจ/บค เงนิ ทจ่ี ่าย ครบ ครบ/ไมค่ รบ ผลการตรวจสอบ :
Search