รหสั วิชา กฎหมายธุรกิจ 30001-1055 จัดทาโดย ครูโสพิศม์ ประยูรหงษ์ จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
บทท่ี กฎหมายลักษณะบุคคล 1 จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของบุคคล 2. การเรมิ่ สภาพบุคคลและส้นิ สภาพบุคคล 3. ส่วนประกอบของสภาพบุคคล 4. ความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย 5. นิติบุคคล จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
ความหมายของบุคคล บุคคล” คอื ส่ิงที่สำมำรถมสี ทิ ธิ และหน้ำที่ได้ ตำมกฎหมำย บุคคลตามกฎหมายแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ บุคคลธรรมดา กับนิติบุคคล จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
1. บุคคลธรรมดา (Person) “บุคคลธรรมดา” หมำยถึง มนุษย์ทั้งปวง ไม่ว่ำจะเป็น เ ด็ ก ผู้ ให ญ่ ผู้ ห ญิ ง ผู้ ช ำ ย ค น พิ ก ำ ร คนชรำ ล้วนเป็นบุคคลธรรมดำ โดยไม่ ค ำ นึ ง ถึ ง ส ภ ำ พ ค ว ำ ม บ ก พ ร่ อ ง ท ำ ง รำ่ งกำยหรอื จิตใจ จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. นิติบุคคล (Corporate) “นิติบุคคล” 1.นิติบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิ ชย์ น้ันมีบัญญัติเอำไว้หลำย ป ร ะ เ ภ ท เช่ น ห้ ำ ง หุ้ น ส่ ว น ส ำ มั ญ จ ด ทะเบียนห้างหุ้นส่วนจากัด บริษัทจำกัด เป็นต้น ซึ่งเป็น นิติบุคคล ท่ีจัดต้ังข้ึนเพื่อ ประโยชน์ทำงกำรค้ำหรอื ธรุ กิจ และแบบไม่ แสวงหำผลกำไรหรือผลประโยชน์ เช่น มูลนิธิ สมำคม เปน็ ต้น จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. นิติบุคคล (Corporate) “นิติบุคคล” 2.นิ ติ บุคคล ตาม กฎหม ายอื่ น คือ นิ ติ บุ ค ค ล ที่ ตั้ ง ข้ึ น โ ด ย มี ก ฎ ห ม ำ ย ก ำ ห น ด ใ ห้ ส ำม ำรถ ทำกิ จก รรม อื่น ๆ ได้ เช่น วัด จังหวัด กระทรวง ทบวง กรม องค์กำร มหำชน เป็นต้น จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. การเรม่ิ สภาพบุคคลและการส้นิ สภาพบุคคล 2.1 การเรม่ิ สภาพบุคคล ประมวลกฎหมำยเพ่งและพำณิย์ (ป.พ..พ) มำตรำ 15 วรรค 1 บัญญัติว่ำ “สภำพบุคคลย่อมเรมิ่ ต้นเม่ือคลอด แล้วอยู่รอดเป็นทำรก หมำยถึง กำรเรม่ิ ต้นของสภำพ บุคคลน้ันต้องประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ คือ 1. คลอด ในทำงกฎหมำย หมำยถึง กำรที่ ทำรกคลอดออกมำให้พ้นจำกตัวมำรดำ และมี กำรหำยใจของทำรก 2. อยู่รอดเป็นทารก หมำยถึง มีกำรเต้น ของหัวใจ มีกำรหำยใจ แม้เสี้ยววินำทีก็ถือว่ำมี ชีวิต จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. การเรมิ่ สภาพบุคคลและการสิ้นสภาพบุคคล 2.2 การสน้ิ สภาพบุคคล (ป.พ..พ) มำตรำ 15 วรรค 1 บัญญัติว่ำ “สภำพบุคคล... สิ้นสุดลงเมื่อตำย” เม่ือบุคคลถึงแก่ควำมตำย สทิ ธิและ หน้ำท่ีของผู้ตำยย่อมตกทอดไปยังทำยำทของผู้ตำย โดยกำรตำยของบุคคลมีอยู่2 ลักษณะด้วยกัน คือ 1. การตายตามธรรมชาติ หมำยถึง กำร ส้ินชวี ิตไรล้ มหำยใจสมองตำยไรค้ วำมสำมำรถ ในกำรสั่งกำรใหอ้ วัยวะในรำ่ งกำยทำงำน หัวใจ หยุดเต้น 2. การสาบสูญ เป็นกำรสิ้นสภำพบุคคล โดยผลของกฎหมำย ผู้ใดถูกศำลสั่งให้เป็นคน สำบสูญ ก็เท่ำกับว่ำถึงแก่ควำมตำย จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. การเรม่ิ สภาพบุคคลและการส้ินสภาพบุคคล 2.3 หลักเกณฑ์ของการเป็นคนสาบสูญ บุคคลที่หำยจำกภูมิลำเนำหรอื ถิ่นที่อยู่ โดยไม่มีใครทรำบ ขำ่ วครำว ไม่รูว้ ่ำมชี ีวิตอยูห่ รอื ไม่ หลักเกณฑ์ของกำรเป็น คนสำบสญู มีดังนี้ (ป.พ.พ. มำตรำ 61) 1. กรณีธรรมชาติ บุคคลใดได้ไปจำกภูมิลำเนำหรือ ถ่ินท่ีอยู่ และไม่มีใครรู้ว่ำบุคคลน้ันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตลอดระยะเวลำ 5 ปี 2. กรณีพเิ ศษ ลดเหลือ 2 ปี - กรณีเขำ้ รว่ มในสงครำมนับแต่สงครำมส้ินสดุ - ยำนพำหนะในกำรเดินทำงอับปำง ถกู ทำลำย หรอื สูญหำยไป เช่น เรอื อับปำง เครอ่ื งบินตก เปน็ ต้น - วันท่เี หตุอันตรำยแก่ชีวิตนอกจำกท่ีระบุไว้ ได้ ผ่ำนพ้นไป ถ้ำบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรำย เช่น ถูกก่อกำร รำ้ ยจับตัวไป เปน็ ต้น จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. การเรม่ิ สภาพบุคคลและการสน้ิ สภาพบุคคล 2.4 ผูม้ ีสทิ ธริ อ้ งขอต่อศาลใหม้ ีคาสงั่ แสดงการสาบสูญ 1. ผมู้ สี ว่ นได้เสีย 2. พนักงานอัยการ ผู้มสี ว่ นได้เสยี คือ ผู้มสี ่วนได้หรอื ส่วนเสียในควำมเปน็ ควำมตำยของผู้นั้น เชน่ บิดำ มำรดำ สำมี ภรรยำ บุตร เป็นต้น ซึ่งกำรส่ังให้เป็นคนสำบสูญน้ันเป็นดุลยพินิจ ของศำล จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. การเรมิ่ สภาพบุคคลและการสน้ิ สภาพบุคคล 2.5 การนับอายุของบุคคล ป.พ.พ. มำตรำ 16 บัญญัติไว้ว่ำ “กำรนับอำยุของบุคคล ใหเ้ รมิ่ นับแต่วันเกิด แยกได้ดังนี้ 1. กำรนับอำยุของบุคคล ให้เรม่ิ นับแต่วันเกิด 2. ในกรณีทร่ี ูว้ ่ำเกิดในเดือนใดแต่ไม่รูว้ ันเกิด ให้นับ วันท่ีหน่ึงแหง่ เดือนน้ันเปน็ วันเกิด ตวั อย่าง นำยชัยเกิด พ.ศ. 2499 แต่ไม่รูว้ ่ำเกิดวันไหน ให้ถือเอำวันที่ 1 มกรำคม พ.ศ. 2499 จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
3. สว่ นประกอบของสภาพบุคคล 2.5 การนับอายุของบุคคล เมอื่ บุคคลหน่ึง ๆ มสี ภำพบุคคลตำมกฎหมำยแล้ว กำร จะระบุลงไปว่ำ “เขำคือใคร” หรอื “เขำเปน็ ใคร” น่ันคือ กำรพิจำรณำ “สิ่งท่ีประกอบกำรเป็นบุคคล” โดยมีอยู่ ด้วยกัน 5 องค์ประกอบ คือ 1. สญั ชาติ 2. ชือ่ 3. ภมู ิลาเนา 4. สถานะ 5. ความสามารถของบุคคล จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
1. สญั ชาติ สัญชาติ ผู้ท่ไี ด้สัญชำติไทยโดยกำเนิด 1. ผู้เกิดโดยมบี ิดำหรอื มำรดำเปน็ ผู้มสี ัญชำติไทย 2. ผเู้ กิดในรำชอำณำจักรไทย หำกบุคคลมสี ญั ชำติในรฐั ทตี่ นเองพำนักอำศัย เรำเรยี กผู้ท่ีมีสัญชำติของรฐั ทีต่ นพำนักอำศยั อยู่น้ีว่ำ “คนชาติ” และเรยี กบุคคลท่ีไม่มีสัญชำติในรฐั ท่ีตน พำนักอำศัยนั้นวำ่ “คนต่างด้าว” จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. ชื่อ ชื่อ เป็นสญั ลักษณ์หรอื สิ่งเรยี กขำนตัวบุคคล ซง่ึ ตำมพระรำชบัญญตั ิช่อื บุคคล พ.ศ. 2505 กำหนดกำรเรยี กชอ่ื ไว้ 3 ลักษณะดว้ ยกัน คือ - ช่อื ตัว ชอ่ื ประจำบุคคล - ชอ่ื รอง ชอ่ื ประกอบถัดจำกชอ่ื ตัว - ชอื่ สกลุ ชอ่ื ประจำวงศส์ กลุ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
3. ภูมิลาเนา ภูมิลาเนา หมำยถึง ถิ่นอันบุคคลมีสถำนที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญ ภูมิลำเนำเป็นท่ี อยู่ตำมกฎหมำยของบุคคล กำรกำหนดภมู ิลำเนำ ป.พ.พ. มำตรำ 37 มีลักษณะ 2 ประกำร คือ 1. เป็นถ่ินที่บุคคลได้อยู่อำศัยกินอยู่หลับนอน ได้แก่ บ้ำนเรือน ตึกแถว อำคำร โรงแรม เรอื วัด เป็นต้น 2. สถำนทอ่ี ยู่ต้องเปน็ แหล่งสำคัญ ตวั อยา่ ง นำงรุง่ ทำงำนที่กรุงเทพฯ เขำมีบ้ำนอยู่ท่ีกรุงเทพฯ หลังหน่ึง และมีบ้ำนพักอยู่ท่ี จังหวัดตรงั อีกหลังหน่ึง นำงรุง่ จะไปพักผ่อนที่บำ้ นพักจังหวัดตรงั ปลี ะประมำณหน่ึงเดือน เช่นน้ี บ้ำนพักของนำงรุง่ ท่ีกรุงเทพฯ เป็นสถำนท่ีอยู่เป็นแหล่งสำคัญ ไม่ใช่ท่ีพักช่ัวครำว เหมือนท่ีพักจังหวัดตรงั ดังนั้นบำ้ นพักท่ีกรุงเทพฯ จึงเปน็ ภูมิลำเนำของนำงรุง่ จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
4. สถานะ สถานะของบุคคล หมำยถึง ฐำนะหรือตำแหน่งที่บุคคลดำรงอยู่ในสังคม เช่น เปน็ เพศชำยหรอื เพศหญงิ เปน็ เดก็ หรอื ผใู้ หญ่ เปน็ คนไทยหรอื ต่ำงดำ้ ว จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
5. ความสามารถ ความสามารถ หมำยถึง ควำมสำมำรถของบุคคลตำมกฎหมำยมีสทิ ธแ์ิ ละ หน้ำท่ี โดยบุคคลทีถ่ กู จำกัดควำมสำมำรถน้ี แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คือ 1. ผูเ้ ยาว์ 2. คนไรค้ วามสามารถ 3. คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
4. ความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย 4.1 ผู้เยาว์ ผู้เยาว์ คือ ผู้ท่ีไม่บรรลุนิติภำวะ เป็นผู้ที่ยังอ่อนด้ำน สติปญั ญำ ควำมคิด และรำ่ งกำย ผู้เยำว์ไม่สำมำรถทำ นิติกรรมได้ตำมลำพังตนเอง เพรำะขำดควำมรู้ ควำม ชำนำญ การบรรลุนิติภาวะของผู้เยาว์ ด้วยเหตุ 2 ประการ 1. บรรลุนิติภำวะโดยอำยุ เม่ืออำยุ 20 ปี บรบิ ูรณ์ (ป.พ.พ. มำตรำ 19) 2. บรรลุนิติภำวะโดยสมรส กำรสมรสทำได้เม่ือ ชำยและหญิ งมีอำยุ 17 ปีบริบู รณ์ (ป.พ.พ . มำตรำ 20 และ 1448) จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
4. ความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย 4.1 ผ้เู ยาว์ ผู้เยาว์ทานิติกรรม ป.พ.พ. มำตรำ 21 บัญญัติว่ำ “ผู้เยำว์จะทำนิติกรรมใด ๆ ต้องได้รับควำมยินยอม ของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน กำรใด ๆ ท่ีผู้เยำว์ได้ทำ ลงปรำศจำกควำมยนิ ยอมเชน่ นั้นเปน็ โมฆยี ะ เว้นแต่จะ บัญญัติไว้เปน็ อย่ำงอื่น” ผ้แู ทนโดยชอบธรรม ได้แก่ ผู้ใช้อำนำจปกครอง ผู้ใช้อำนำจปกครองเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของ บุตร (ป.พ.พ. มำตรำ 1569) ผู้ใชอ้ านาจปกครอง ได้แก่ บดิ ำ มำรดำของบุตร เกรด็ ความรู้ !!! โมฆยี ะ หมำยควำมว่ำ อำจเปน็ โมฆะได้เม่ือมกี ำรบอกล้ำง จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
4. ความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย 4.1 ผเู้ ยาว์ ผลของกำรทผี่ ู้เยำว์ทำนิติกรรมโดยไมร่ บั ควำมยินยอม ของผู้แทนโดยชอบธรรมนิติกรรมน้ันย่อมเปน็ โมฆียะ ตัวอย่าง ผู้เยำว์ไปซื้อแหวนเพชร 1 วง โดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำก ผูแ้ ทนโดยชอบธรรม นิติกรรมซอ้ื แหวนเพชรทผ่ี ู้เยำว์ทำกับผู้ขำยนั้นย่อม เป็นโมฆะ เพรำะกฎหมำยบัญญัติไว้ว่ำ ผู้เยำว์จะทำนิติกรรมต้องได้รบั ควำมยินยอมจำกผู้แทนโดยชอบธรรม เม่ือเป็นโมฆียะแล้วผู้มีสิทธิบอก ล้ำง คือผแู้ ทนโดยชอบธรรมของผู้เยำว์ เมือ่ บอกล้ำง คือ ผู้แทนโดยชอบ ธรรมของผู้เยำว์ เมื่อบอกล้ำงแล้วทำให้โมฆีกรรมนั้นกลำยเป็นโมฆะ ค่กู รณีต้องกลับคืนสฐู่ ำนะเดิม ผูเ้ ยำวต์ ้องคืนแหวนเพชรให้กับผู้ขำย และ ผขู้ ำยต้องคืนเงินให้แก่ผ้เู ยำว์ เกรด็ ความรู้ !!! โมฆีกรรม หมำยควำมว่ำ กำรแสดงเจตนำทำนิติกรรมท่ีเมอื่ ทำ ขนึ้ แล้วมผี ลในกฎหมำย ผกู พนั กนั ได้ แต่เปน็ นิติกรรมทไ่ี มส่ มบูรณ์ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
4. ความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย 4.1 ผเู้ ยาว์ นิติกรรมทีผ่ ู้เยำว์สำมำรถทำได้ตำมลำพังตนเอง 1. นิติกรรมที่ทำให้ผู้เยำว์ได้ไปซ่ึงสิทธิอันใดอันหน่ึงหรอื นิติกรรมท่ีทำให้ ผู้เยำว์หลุดพน้ จำกหน้ำทอี่ นั ใดอนั หนึ่ง พจิ ำรณำได้ดังนี้ ❖ นิติกรรมทที่ ำให้ผู้เยำว์ได้ไปซ่งึ สิทธอิ นั ใดอนั หน่ึง เชน่ นำย ก มอบเงิน ทุนกำรศึกษำให้เด็กขำย ข ผ้เู ยำว์ สำมำรถทำสัญญำรบั เงินได้โดยไม่ ต้ อ ง ข ออ นุ ญ ำ ต จ ำ กผู้ เท นโ ด ย ชอ บ ธ รร ม เพ ร ำ ะผู้ เ ย ำ ว์ ไ ด้ รับ ผลประโยชน์ โดยไมเ่ สียผลประโยชน์ ❖ นิติกรรมทผ่ี ู้เยำว์ต้องทำเองเฉพำะตัว เชน่ ทำบตั รประจำตัวประชำชน ❖ นิติกรรมซ่ึงเป็นกำรสมแก่ฐำนำนุรูป เช่น ผู้เยำว์เป็นนักเรยี นซ้ือสมุด เสอ้ื ผ้ำ รองเท้ำ เพือ่ ใสไ่ ปโรงเรยี น 2. ผเู้ ยำว์ทำพินัยกรรม ได้เม่อื อำยุ 15 ปีบรบิ ูรณ์ 3. ผเู้ ยำวป์ ระกอบธุรกิจกำรค้ำหรอื ทำสัญญำเปน็ ลูกจ้ำง จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
4. ความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย 4.2 คนไรค้ วามสามารถ หลักเกณฑ์ บุคคลท่ีจะถูกศำลสั่งให้เป็นคนไร้ ควำมสำมำรถ จะต้องเปน็ คนวิกลจรติ มีลักษณะดังนี้ 1. ต้องเป็นอย่ำงมำก คือ วิกลจริตที่พูดไม่รู้เรื่อง ไม่มีควำมรูส้ ึกผิดชอบใด ๆ ทั้งส้ิน ไม่รูส้ ึกตัวว่ำ ทำอะไร 2. เป็นประจำ คือ วิกลจริตอยู่สม่ำเสมอ แต่ไม่ จำเปน็ ต้องตลอดเวลำ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
4. ความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย 4.2 คนไรค้ วามสามารถ ผลของการเป็นคนไรค้ วามสามารถ 1. ต้องอยู่ในควำมอนุบำล (ผู้อนุบำลของคนไร้ ควำมสำมำรถ ได้ แก่ บิดำ มำรดำ สำมี ภรรยำ ของคนไรค้ วำมสำมำรถ) 2. ถูกกฎหมำยจำกัดควำมสำมำรถในกำรทำ นิติกรรม จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
4. ความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย 4.3 คนไรค้ วามสามารถ หลักเกณฑ์ มีเหตบุ กพรอ่ งบำงอย่ำง เหตบุ กพรอ่ งท่ี ศำลอำจส่ังให้บุคคลเป็นคนเสมือนไร้ควำมสำมำรถ ได้แก่ กำยพิกำร จิตฟ่ ันเฟือน ไม่สมประกอบ เสเพล เปน็ อำจิณ เปน็ ต้น ตัวอยา่ ง นำยต้อยมีรำ่ งกำยพิกำรแขนด้วนและติดสุรำ แต่นำยต้อยสำมำรทำงำนของตนเองได้ตำมปกติไม่เกิด ควำมเสียหำย เช่นน้ีนำยต้อยก็ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์คนไร้ ควำมสำมำรถ จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
4. ความสามารถของบุคคลตามกฎหมาย 4.3 คนไรค้ วามสามารถ ผลของการเปน็ คนเสมือนไรค้ วามสามารถ 1. ต้องอยู่ในควำมพิทักษ์ ได้แก่ บิดำ มำรดำ สำมี หรอื ภรรยำ ของคนไรค้ วำมสำมำรถ 2. คนเสมอื นไรค้ วำมสำมำรถทำนิติกรรมได้ทุก อย่ำง ยกเว้นนิติกรรมบำงประเภทที่กำหนด ไว้ใน ป.พ.พ. มำตรำ 34 ต้องได้รับควำม ยินยอมจำกผู้พิทักษ์ก่อน ได้แก่ นำทรพั ย์ไป ลงทุน รบั คืนทรพั ย์สินที่ไปลงทุน กู้ยืมให้ให้ ก้ยู ืมเงิน ยมื หรอื ใหย้ มื ค้ำประกัน เปน็ ต้น จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. นิติบุคคล “นิติบุคคล” หมำยถึง บุคคลท่ีกฎหมำยสมมติขึ้นให้ สำมำรถกระทำกำรบำงอย่ำงได้ดังเช่นบุคคล ธ ร ร ม ด ำ แ ต่ ก ำ ร ก ร ะ ท ำ บ ำ ง อ ย่ ำ ง ท่ี เป็ น กิจกรรมท่ีกำหนดให้เฉพำะบุคคลธรรมดำทำ นิติบุคคลก็ไม่สำมำรถทำได้ เช่น กำรสมรส กำรจดทะเบียนรบั รองบุตร กำรจดทะเบียนรบั บุตรบุญธรรม บรษิ ัทมหำชน จำกัดเปน็ ต้น จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. นิติบุคคล “นิติบุคคล” ตำมกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มีท้ังส้ิน 4 ประเภท ไดแ้ ก่ ❖ ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน (ห้าง หุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล) ห้างหุ้นส่วน จากัด ❖ บรษิ ัทจากัด ❖ สมาคม ❖ มลู นิธไิ ดร้ บั อานาจแล้ว จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
2. นิติบุคคล “นิติบุคคลตามกฎหมายอ่ืน” ❖ สำนักนำยกรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง กรม จังหวดั เป็นนิติบุคคลตำม พระรำชบญั ญัตริ ะเบยี บบรหิ ำรรำชกำรแผน่ ดิน พ.ศ. 2534 ❖ วดั เป็นนิตบิ ุคคลตำมพระรำชบญั ญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2535 ❖ บรษิ ัทมหำชน เป็นนิติบุคคลตำมพระรำชบัญญัติบรษิ ัทมหำชนจำกัด พ.ศ. 2535 ❖ เมอื งพทั ยำ เป็นนิตบิ ุคคลตำมพระรำชบญั ญตั ิระเบยี บบรหิ ำรรำชกำร เมอื งพทั ยำ พ.ศ. 2521 ❖ องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัด เป็นนิติบุคคลตำมพระรำชบัญญัติ องคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นจังหวัด พ.ศ. 2540 ❖ เทศบำล เปน็ นิติบุคคลตำมพระรำชบญั ญตั เิ ทศบำล พ.ศ. 2496 ❖ มหำ วิ ท ย ำ ลั ย รำ มคำ แหง เป็ น นิ ติ บุ คคล ต ำ ม พ ร ะร ำ ชบั ญ ญั ติ มหำวิทยำลัยรำมคำแหง พ.ศ. 2514 ❖ สถ ำ บัน อุ ด มศึก ษำ เอกชน เป็ น นิ ติ บุ คคล ต ำม พ ระร ำ ชบั ญ ญั ติ สถำบนั อดุ มศกึ ษำมหำชน พ.ศ. 2546 จัดทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
เสรมิ สาระ หนังสือบรคิ ณห์สนธิ (Memorandum of Association) คือ เอกสำรสำคัญชนิด หนึ่ง เป็นบทบัญญัติเก่ียวกับกรอบกำรจัดกำรงำนของบรษิ ัท ใช้ในกำรจดทะเบียน บรษิ ัท เพ่ือเปน็ กำรเปิดเผยเจตนำต่อบุคคลท่วั ไป โดยเปน็ เอกสำรทก่ี ำหนดรำยละเอียด ต่ำง ๆ เกี่ยวกับกำรจัดต้ังบรษิ ัทจำกัด อำทิเช่น กรอบวัตถุประสงค์ของบรษิ ัท ทุนเรอื น หุ้นท่จี ดทะเบยี นรำยชอ่ื ผู้เรมิ่ ก่อกำร เปน็ ต้น จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
สรุป เม่ือกฎหมำยเปน็ บรรทัดฐำนที่มนุษย์สรำ้ งขึน้ กฎหมำยก็ควรบังคับใช้ กับมนุษยห์ รอื บุคคล โดยในทำงกฎหมำยบุคคลแยกออกได้เปน็ 2 ลักษณะ คือ บุคคลธรรมดา ซ่ึงกฎหมำยได้กำหนดหลักเกณฑ์ต่ำง ๆ ไว้ และนิติ บุคคล ซึง่ เปน็ บุคคลทก่ี ฎหมำยสมมติข้ึน กฎหมำยได้กำหนดให้นิติบุคคล ดำเนินกำรโดยผู้แทนนิติบุคคล ภำยใต้วัตถุประสงค์ท่ีปรำกฏในตรำสำร จัดตั้งนิติบุคคล จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: