ครผู ู้สอน : โสพิศม์ ประยูรหงษ์ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของคา่ แรงงานและเงินเดือน 2. การควบคุมคา่ แรงงาน 3. การจดั ทาทะเบยี นคา่ แรงงาน 4. หลกั การบญั ชเี ก่ยี วกบั คา่ แรงงาน ทางตรง 5. หลักการบญั ชีเกี่ยวกบั ค่าแรงงาน ทางอ้อม จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของค่าแรงงานและ เงินเดือนได้ 2. อธิบายการควบคมุ ค่าแรงงานได้ 3. จัดทาทะเบียนค่าแรงงานได้ 4. บนั ทึกบัญชเี กีย่ วกบั ค่าแรงงานทางตรงได้ 5. บนั ทึกบญั ชเี กี่ยวกบั ค่าแรงงานทางอ้อมได้ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
คา่ จ้าง (Payroll) มีความหมายว่าเป็นค่าตอบแทนท่ีคิดให้สาหรับ คนงานท่ีปฏิบัติงานให้กิจการอาจคิดเป็นราย เดือน รายสัปดาห์ รายวัน รายชั่วโมง หรือราย ชิน้ ของงานก็ได้ แบ่งเป็น 2 ประเภท 1. คา่ แรงงาน 2. เงินเดือน จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
คา่ แรงงาน (Labor Cost หรือ Wage) ค่าแรงงงาน คือ ค่าจ้างที่จ่ายให้เป็นการตอบแทนการ ทางานของคนงาน มีความสาคัญมากต่อกิจการ เพราะว่าถ้ากิจการสามารถลดต้นทุนค่าแรงงานลงได้ เท่าใดก็หมายความว่า กิจการจะมีผลกาไรเพิ่มมากขึ้น เท่าน้ัน ดังนั้นฝ่ายบริหารจึงต้องควบคุมค่าแรงงานให้ รดั กมุ เพื่อให้ต้นทนุ ค่าแรงงานเป็น ไปตามความจริงและ ตามที่กาหนดไว้ การคิดค่าแรงงานส่วนใหญ่จะคิดโดย ปริมาณ หรือจานวนเวลาการทางานให้กับกิจการ ค่าแรงงานสามารถแบ่งเป็น ค่าแรงงานทางตรง และ ค่าแรงงานทางออ้ ม จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
คา่ แรงงานทางตรง (Direct Labor) เป็นค่าแรงงานคนงานที่ทาหน้าที่เกี่ยวกับ การผลิตสินค้า โดยตรง หรือเปลี่ยนสภาพวัตถุดิบให้เป็นสินค้าโดยตรง ค่าแรงงานทางตรงเป็นต้นทุนการผลิต ซึ่งผันแปรตาม ปริมาณการผลิตดว้ ย คา่ แรงงานทางอ้อม (Indirect Labor) เป็นค่าแรงงานที่ช่วยให้การผลิตสินค้าสาเร็จ แต่ ไม่ได้เป็นค่าแรงงานที่ผลิตสินค้าโดยตรง โดยมีส่วน เกี่ยวข้องกับการผลิตหรือช่วยให้สินค้าสามารถ ผลิตได้สาเร็จ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
เงนิ เดือน เงินเดอื น หมายถงึ คา่ ตอบแทนหรอื ค่าจ้างที่คิดให้เป็นรายเดือน สาหรบั พนักงานที่ปฏิบัติงานให้กจิ การ ซ่งึ เงินเดือนแบ่งเปน็ 1. เงินเดือนฝ่ายผลิตสินค้า 2. เงินเดือนฝ่ายขายและ เป็นค่าตอบแทนที่จ่ายให้กับ เงินเดือนฝ่ายบริหาร เป็น พนักงานที่ทางานเกี่ยวข้องกับ ค่ า ต อบ แ ทน ที่จ่ า ยใ ห้กั บ การผลิตสินค้าของกิจการ เช่น พ นั ก ง า น ฝ่ า ย ข า ย แ ล ะ เงิ น เดื อ น ผู้จั ด ก า ร โ รง ง า น พนักงานฝ่ายบริหารของ เงินเดือนวิศวกรโรงงาน ซึ่ง กิจการ จัดเป็นค่าใช้จ่ายใน จดั เป็นค่าใช้จา่ ย ในการผลิต การดาเนนิ งาน จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
การควบคุมคา่ แรงงาน จากที่กล่าวมาแล้วว่า ค่าแรงงาน เป็นต้นทุนผลิต รายการหนึ่งด้วย ซ่ึงมีความสาคัญต่อกิจการเป็นอย่าง มากทงั้ นเี้ นือ่ งจากค่าแรงงานเป็นต้นทุนผลิตถ้ากิจการมี ค่าแรงงานจานวนสูงก็หมายความว่าต้นทุนของสินค้าก็ จะสูงไปด้วย และถ้ากิจการมีค่าแรงงานจานวนต่าก็ หมายความว่าต้นทุนสินค้าก็ต่าไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น กิจการจึงต้องมีมาตรการหรือวิธีการควบคุมเก่ียวกับ ค่าแรงงานและป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น เกี่ยวกบั ค่าแรงงานของกจิ การ และเพือ่ ไม่ให้กิจการต้อง รับภาระคา่ แรงงาน ที่จ่ายเกินความเป็นจริงการควบคุม คา่ แรงงานมีขนั้ ตอนดังนี้ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
1. การเกบ็ เวลาทางาน การเก็บเวลาทางาน เปน็ การควบคุมค่าจ้างอย่างหนึ่ง เพื่อให้ทราบเวลาที่คนงานแต่ละคนทางานอยู่ใน โรงงานหรือทางานให้กิจการเป็นจานวนกี่ช่ัวโมงใน หนึ่งวันและได้ทางานอะไรไปบ้าง เอกสารที่ช่วยการ เก็บเวลาทางานสามารถแยกออกเปน็ ดงั น้ี 1.1 บตั รลงเวลาหรอื บตั รนาฬิกา (Clock Card) 1.2 บตั รจาแนกเวลาทางาน (Time Ticket) จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
1.1 บตั รลงเวลาหรือบตั รนาฬิกา (Clock Card) เป็นเอกสารหรือบัตรซ่ึงบันทึกเวลาเข้า–ออกของคนงาน พนักงานทุก ๆ คนในกิจการหรือสถานที่ทางาน ซ่ึงเป็น การเก็บเวลาที่คนงานแต่ละคนปฏิบัติงานอยู่ในกิจการ หรือทางานให้กิจการ จัดทาขึ้นสาหรับคนงานแต่ละคน เพอ่ื เปน็ ข้อมลู ในการคานวณหายอดค่าแรงในงวดหนึ่ง ๆ อาจจะเป็นหนึ่งสัปดาห์ สองสัปดาห์ หรือทุก 15 วัน ซ่ึง รายละเอียดในบัตรลงเวลาควรประกอบด้วย ชื่อ–สกุล คนงานเจ้าของบัตร รหัสประจาตัวคนงาน เลขที่บัตร แผนกที่พนักงานสังกัด ช่องบันทึกเวลาเข้า–ออกสถานที่ ทางาน ผู้คานวณค่าแรงและผู้ตรวจสอบ เป็นต้น จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
ตวั อยา่ ง บตั รลงเวลาหรือบัตรนาฬิกา จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
1.2 บัตรจาแนกเวลาทางาน (Time Ticket) เป็นเอกสารที่ใช้บันทึกเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของ งานที่ทา ซึ่งเป็นการเก็บเวลาทางานของคนงานแต่ ละคนว่าทางานอะไร ประเภทไหน แผนก และใช้ เวลาเท่าใด จึงต้องระวังเกี่ยวกับ ความถูกต้องของ ข้อมูลเพราะข้อมูลที่ได้จะต้องนามาคานวณหา ต้นทนุ ค่าแรงงานที่ต้องจา่ ยใหก้ ับคนงานตอ่ ไป จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
ตวั อยา่ ง บตั รจาแนกเวลาทางาน จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
การคานวณคา่ แรง การคานวณค่าแรง เพื่อจ่ายเป็นค่าตอบแทนของ คนงานจะต้องตรวจสอบบัตรจาแนกเวลาให้ถูกต้องตรงกับ บัตรนาฬิกา โดยใช้ข้อมูลของบัตรนาฬิกาเป็นข้อมูลในการ คานวณค่าแรงงานของ คนงานทกุ คน รวมท้ังรายการที่ต้อง หักจ่าย เช่น เงินสะสม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่ จ่าย เป็นต้น เมื่อการคานวณค่าแรงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะ จดั ทาทะเบียนคา่ จ้างหรอื ทะเบียนคา่ แรงงาน เพื่อจะได้ทราบ ค่าแรงทกุ งวดทีไ่ ด้รบั จากกจิ การ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
การคานวณค่าแรงปกติ ค่าแรงปกติ คือ ค่าแรงทีจ่ ่ายให้ คนงานทท่ี างานในเวลาทางานปกติ โดยทวั่ ไปจะเริ่มตั้งแตว่ นั จนั ทร์ถึงศุกร์ เวลา 08.00 น. ถึง 12.00 น. ในชว่ งเช้า และ 13.00 น. – 17.00 น. ในช่วงบา่ ย การคานวณค่าแรง ปกติจะคานวณตามรายชั่วโมงทางานหรืออาจคานวณตาม ชิ้นงานกไ็ ด้ การคานวณตาม ค่าแรงปกติ = จานวนช่ัวโมงการทางาน x ชวั่ โมงการทางาน อัตราค่าแรงรายชั่วโมง การคานวณตาม ค่าแรงปกติ = จานวนหนว่ ยทีผ่ ลิตได้ x ช้นิ งาน อตั ราค่าแรงรายชนิ้ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
การคานวณค่าแรงล่วงเวลา (Overtime) ในประเทศไทย การ กาหนดชวั่ โมงทางานของคนงานและอตั ราค่าจ้างขั้นต่าต้องเป็นไปตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ซึ่งตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้บัญญัติเกี่ยวกับกาหนดเวลาทางานปกติของกิจการ อุตสาหกรรมว่านายจ้างกาหนดชั่วโมงทางานปกติเท่าไรก็ได้ แต่ต้อง ไม่เกินสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง หากลูกจ้างทางานเกินกว่าเวลาและ ชั่วโมงทางานปกติที่กิจการกาหนดไว้ นายจ้างจะต้องจ่ายค่าแรง ล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้าง อัตราค่าล่วงเวลาตามกฎหมายคุ้มครอง แรงงาน แบง่ ได้เป็น ก. อัตราค่าล่วงเวลาในวันทางานปกติ หมายถึง ถ้าคนงาน ทางานนอกเวลาปกติ หรือเกินช่ัวโมงการทางานปกติในวันทา การ นายจ้างจะต้องจ่ายค่าแรงงานให้ลูกจ้างในอัตราหนึ่งเท่า คร่ึงของค่าแรงต่อชั่วโมงหรือต่อหน่วยของผลงานในเวลาทางาน ปกติ โดยคานวณให้ตามจานวนชั่วโมงสว่ นที่ทาเกินช่ัวโมงปกติ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
ข. อัตราลว่ งเวลาในวนั หยดุ ถ้าคนงานหรือพนกั งานลกู จา้ งทางานใน วนั หยุด หรือวันอืน่ ๆ ที่นอกเหนือจากวนั ทางานปกติ นายจา้ งตอ้ งจา่ ยค่า ลว่ งเวลาใหแ้ ก่ลกู จา้ งตามหลักเกณฑ์ดงั นี้ 1) ถ้าทางานในวันหยุดในช่วงเวลาการทางานปกติของวนั ทางาน เช่น เวลาทาการในวันปกติ คือ วนั จนั ทร์ – ศกุ ร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น. ดงั นั้น ถ้าลกู จ้างมาทางานในวนั เสารห์ รือวันอาทิตย์ ตง้ั แตเ่ วลา 08.00 น. – 17.00 น. นายจา้ งจะจ่ายค่าตอบแทนให้ลูกจา้ งสาหรัช่วงเวลา ดงั กลา่ วในอตั ราสองเท่าของอัตราค่าแรงต่อชวั่ โมงปกติ 2) ถ้าทางานในวันหยดุ และทาในช่วงเวลาที่เกินกว่าเวลาทาการ ปกติของกิจการ เช่น กิจการมีช่วงเวลาทาการปกติเหมือนข้อ 1.) และ ลูกจ้างมาทางานในวันเสาร์หรืออาทิตย์ แต่ทาในช่วงเวลาก่อน 08.00 น. และหลัง 17.00 น. ถือว่าลูกจ้างทางานล่วงเวลาในวันหยุดเกินเวลา ทางานปกติของวันทางาน นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้างใน อัตราสามเท่าของอตั ราค่าแรงต่อชั่วโมงปกติ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
การคานวณค่าแรงสุทธิ (Net Payroll or Net Earning) ในการจ่ายค่าแรงและเงินเดือนให้คนงานหรือ พนักงาน กิจการจะหักภาษีเงินได้ของคนงานไว้ เพื่อนาส่งสรรพากรท่ีต้ังอยู่ในเขตหรืออาเภอท่ี กิจการตั้งอยู่ นอกจากรายการภาษีเงินได้แล้วก็ อาจมีรายการหักอ่ืน ๆ อีก รายการหักดังกล่าว ทุกรายการจะนาไปหักจากค่าแรงเบ้ืองต้น เพื่อ คานวณหาค่าแรงสทุ ธปิ ระจางวด จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
• การคานวณค่าแรง สรปุ ได้วา่ มีการคานวณจ่ายค่าแรง ปกติ หรอื ค่าแรงล่วงเวลา เปน็ ดังนี้ ค่าแรงปกติ = ช่วั โมงทางาน อัตราค่าแรงปกติต่อชั่วโมง ค่าแรงล่วงเวลา = ช่วั โมงทางาน อัตราค่าแรงล่วงเวลาตอ่ ชวั่ โมง หรอื ค่าแรงปกติ = หนว่ ยที่ผลิตได้ อัตราค่าแรงปกตติ อ่ หนว่ ย ค่าแรงล่วงเวลา = หนว่ ยทีผ่ ลิตได้ อตั ราค่าแรงล่วงเวลาตอ่ หน่วย • หมายเหตุ : หลักการคานวณค่าแรงล่วงเวลา (Over Time Compensation) ตอ้ งเปน็ ไปตามกฎหมายแรงงานดว้ ย จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
การจาแนกค่าจา้ ง การจาแนกค่าจ้างแรงงาน เป็นการสรุปและวิเคราะห์ ค่าแรงทั้งหมดของกิจการ หรือเป็นการจาแนก ค่าแรงงานจากค่าแรงที่คานวณได้ โดยที่ถ้าเป็น ค่าแรงงานทางตรงก็จะเป็นต้นทุนผลิตของ ฝ่ายผลิต แตถ่ ้าจาแนกได้ว่าเปน็ ค่าแรงงานทางอ้อม ก็จะเข้าบัญชี ค่าใช้จ่ายในการผลิต และถ้าเป็นเงินเดือนฝ่ายขายหรือ ฝ่ายบริหารก็จะเป็นหมวดค่าใช้จ่ายของฝ่ายขายหรือ ฝ่ายบริหาร เปน็ ตน้ และเมื่อสามารถจาแนก ค่าแรงงาน ได้แล้ว ก็จะจัดทา ใบสรุปต้นทุนค่าแรง (Labor Cost Summary) หรือ ใบสรุปค่าจ้าง (Payroll Cost Summary) ต่อไป จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
ตวั อย่าง ใบสรปุ คา่ จา้ ง จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
การจ่ายค่าจา้ ง การจ่ายค่าจ้าง เม่ือถึงกาหนดงวดเวลาการจ่ายค่าจ้างแรงงาน กิจการจะจ่ายตามจานวน ค่าแรงสุทธิของแต่ละบุคคลโดยบันทึกใน ทะเบียนค่าจา้ ง หรือ ทะเบียนคา่ แรงงาน พร้อมทง้ั ส่งเอกสารต่อให้ แผนกบัญชีเพอ่ื ดาเนนิ การบนั ทึกบญั ชตี อ่ ไป จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
การจัดทาทะเบียนคา่ แรงงาน เป็นเอกสารหรอื สมุดบันทึกขั้นต้นเพือ่ ใช้บันทึกเกย่ี วกับค่าจ้าง แรงงานทีต่ ้องจ่ายชาระให้กับลกู จา้ ง คนงาน และเป็นการสรุป ยอดเกีย่ วกับเงินได้ค่าล่วงเวลาของลูกจา้ งหรอื คนงาน อาจจะ เป็นชว่ งเวลาหรอื เป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือนก็ได้ แล้ว รวมยอดเงินได้ตอนสิ้นงวดบัญชีผ่านรายการไปบัญชีแยก ประเภทท่ัวไป ซ่ึงทะเบียนค่าแรงงานส่วนใหญ่จะ มี รายละเอียดเก่ียวกับเงินได้ ประกอบไปด้วย ค่าจ้าง ค่า ล่วงเวลา และมีรายละเอียดเก่ียวกับรายการ หักค่าแรง เช่น รายการหักภาษีเงินได้ เงินประกันสังคม เงินสะสม เป็นต้น ซ่ึงรายการภาษีเงินได้ ที่กิจการหักไว้น้ันตามประมวล กฎหมายเก่ียวกับภาษีอากรกาหนดว่า กิจการซ่ึงได้หักภาษี ณ ที่จ่ายต้องนาส่งเงินภาษีเงินได้ ให้กรมสรรพกรภายใน 7 วนั ทาการด้วย จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
หลักการบัญชีเกีย่ วกบั ค่าแรงงานทางตรง ค่าแรงงานทางตรง (Direct Labor) หมายถึง ค่าจ้างของ คนงานที่ทางานในการผลิตสินค้า หรือ มีหน้าที่เปลี่ยน สภาพวัตถดุ ิบให้เป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เช่น คนงานที่ทา หน้าที่ในการผลิตสินค้าต่าง ๆ เช่น คนงานควบคุม เครื่องจกั รในการผลิตชิน้ ส่วนประกอบในรถยนต์ เป็นต้น การบนั ทึกบญั ชเี กีย่ วกับคา่ แรงงานทางตรง • กรณีท่ี 1 การจ่ายค่าแรงงานทางตรง โดยไม่ต้องหัก ภาษีเงนิ ได้ ณ ทีจ่ า่ ย การบนั ทึกบญั ชจี ะเป็นดังน้ี เดบิต บัญชีคา่ แรงงานทางตรง xx เครดิต บญั ชีเงนิ สด/ธนาคาร xx จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
ตัวอย่างที่4-1 โรงงานทอผ้าแห่งหน่ึงได้จ่ายค่าจ้างให้คนงานทอผ้า เม่อื วันที่ 31 กรกฎาคม 2556 จานวน 100,000 บาท ด้วยเช็คธนาคาร การบันทึกบญั ชีจะเปน็ ดงั น้ี การบนั ทึกบัญชี สมดุ รายวนั ทั่วไป หน้า 2 จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
• กรณที ี่ 2 การจ่ายค่าแรงงานทางตรงโดยหักเงนิ สะสมและภาษีเงินไดห้ ัก ณ ทีจ่ ่ายกรณีน้ี แยกออกเป็น ดงั นี้ จ่ายเปน็ เงินสดหรือเช็คธนาคาร จะลงบญั ชีดังนี้ เดบิต บญั ชีค่าแรงงานทางตรง xx เครดิต บญั ชีเงินสะสม xx บัญชีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย xx บัญชีเงินสด/ธนาคาร xx (บันทึกการจ่ายค่าแรงงานทางตรงและรายการหกั ตา่ ง ๆ) การบนั ทึกบัญชีค่าแรงงานค้างจ่าย และนาเงินภาษีเงินไดห้ ัก ณ ทีจ่ ่ายส่งกรมสรรพากร บันทึก บัญชีดังนี้ เดบิต บัญชีค่าแรงงานทางตรง xx เครดิต บญั ชีเงินสะสม xx บญั ชีค่าแรงงานค้างจ่าย xx บัญชีภาษีเงินได้หัก ณ ทีจ่ ่าย xx (บนั ทึกค่าแรงงานคา้ งจ่ายและรายการหกั ต่าง ๆ ) เดบิต บญั ชีค่าแรงงานคา้ งจ่าย xx บญั ชีภาษีเงินได้หกั ณ ที่จา่ ย xx เครดิต บญั ชีเงินสด/ธนาคาร xx (บนั ทึกการจ่ายค่าแรงงานค้างจ่ายและนาสง่ ภาษีเงนิ ไดใ้ ห้กรมสรรพากร) จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
ตัวอย่างที่4-2 โรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งหนง่ึ ได้จ่ายคา่ แรงงานให้คนงานทีผ่ ลิต เฟอร์นิเจอร์ของกิจการเมอ่ื วนั ที่ 31 กรกฎาคม 2556 จานวน 100, 000 บาท และ หักภาษีเงินได้ ณ ทีจ่ ่าย 5% และเงินสะสม 5% โดยกิจการจะจดั ทาและคานวณ ค่าแรงไวล้ ่วงหนา้ ก่อนวนั สิน้ เดอื นทุกเดือนการบันทึกบญั ชเี ปน็ ดงั นี้ การบันทึกบัญชี กรณที ี่จ่ายเป็นเงินสดหรือเช็คธนาคาร สมดุ รายวนั ท่วั ไป หนา้ 2 จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
กรณบี นั ทึกบญั ชีเปน็ คา่ แรงงานคา้ งจา่ ย หนา้ 2 สมุดรายวนั ท่วั ไป จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
กรณีที่จา่ ยค่าแรงงานคา้ งจ่ายและนาสง่ ภาษีเงินไดฯ้ ให้กรมสรรพากร สมดุ รายวันทวั่ ไป หนา้ 2 จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
ส่วนการคิดค่าแรงงานทางตรงเข้าเป็นต้นทุนผลิตจะบันทึก ค่าแรงงานทางตรงเข้าบัญชีสินค้าระหว่างผลิต หรือ บัญชีงาน ระหวา่ งทา การบนั ทึกบญั ชีจะเป็นดังนี้ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
จากตัวอย่าง 4-1 และ 4-2 การบนั ทึกค่าแรงงานทางตรงเปน็ ต้นทนุ ผลิต จะ เปน็ ดงั นี้ การบนั ทึกบัญชี สมุดรายวันทว่ั ไป หน้า 2 จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
หลกั การบญั ชเี กีย่ วกบั ค่าแรงงานทางอ้อม ค่าแรงงานทางอ้อม(Indirect Labor) หมายถึง ค่าจ้างของ คนงานที่ไม่ได้ทาหนา้ ทใ่ี นการผลิตสินคา้ โดยตรง หรือไมไ่ ดท้ างาน เกี่ยวกับการเปลี่ยนสภาพวัตถุดิบให้เป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ แต่เป็นแรงงานที่ช่วยสนับสนุนให้การผลิตสินค้าสาเร็จ เช่น ยาม รักษาความปลอดภยั หัวหนา้ งานคนงาน คนงานทาความสะอาด โรงงาน วศิ วกรประจาโรงงาน เป็นต้น กรณีที่ 1 การจ่ายค่าแรงงานทางออ้ มโดยไม่หักภาษีเงิน ได้ ณ ทจ่ี ่าย การบนั ทึกบญั ชี ดังนี้ จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยรู หงษ์
• ตัวอย่างท4ี่ -3 กิจการอุตสาหกรรมแหง่ หน่งึ บันทึกการจา่ ยคา่ แรงงาน ของหัวหนา้ คนงานเมอ่ื วนั ที่ 31 กรกฎาคม 2556 จานวน 5,000 บาท เป็นดังน้ี การบนั ทึกบัญชี สมดุ รายวนั ท่วั ไป หนา้ 2 จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
• กรณีที่ 2 การจ่ายค่าแรงงานทางออ้ ม โดยหักเงินสะสมและภาษเี งินได้หกั ณ ที่จ่าย การบันทึกบญั ชจี ะแยกเปน็ ดังนี้ จ่ายเป็นเงินสดหรือเช็คธนาคาร จะบนั ทกึ บญั ชดี งั นี้ บนั ทึกค่าแรงงานค้างจ่ายและนาส่งภาษีเงินได้หกั ณ ทีจ่ ่ายให้กรมสรรพากรจะ บนั ทึกบญั ชี ดังน้ี จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
ตัวอย่างที่ 4-4 กิจการจ่ายค่าแรงงานทางออ้ ม จานวน 50,000 บาท เม่อื วนั ที่ 31 กรกฎาคม 2556 และหกั เงินสะสมไว้ 5% ภาษเี งินได้หกั ณ ที่จ่าย 5% โดย กิจการจัดทาและคานวณคา่ แรงไว้ลว่ งหน้ากอ่ นวันส้ินเดอื นทกุ เดอื น และการ นาส่งภาษีเงินได้ จะนาส่ง ในวนั จ่ายค่าแรงงานดว้ ย การบนั ทึกบัญชเี ป็นดังนี้ กรณจี า่ ยเป็นเงนิ สดหรือเช็คธนาคาร สมุดรายวันทวั่ ไป หน้า 2 จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
กรณีบนั ทกึ บญั ชีคา่ แรงงานค้างจ่าย หนา้ 2 สมุดรายวันทัว่ ไป สมุดรายวนั ทัว่ ไป หนา้ 2 จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
ค่าแรงงานทางอ้อมเป็นค่าใช้จ่ายการผลิต กิจการจะบันทึก บญั ชีค่าแรงงานทางอ้อมเข้าบัญชีค่าใช้จ่ายในการผลิต จาก ตัวอย่างที่ 4.3 และ 4.4 การโอนค่าแรงงานทางอ้อมเข้า บัญชีคา่ ใชจ้ า่ ย ในการผลิต จะเป็นดังนี้ การบนั ทกึ บัญชี สมดุ รายวนั ทวั่ ไป หน้า 2 จดั ทำโดย ครูโสพศิ ม์ ประยูรหงษ์
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: