Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผักอินทรี

ผักอินทรี

Description: ผักอินทรี

Search

Read the Text Version

โรคเหี่ยวจากเชือ้ รา สาเหตุ เช้ือราฟิวซาเลยื่ ม ออกซีส่ ปอรล์ มั (Fusarium oxysporum) ลกั ษณะอาการ เชอ้ื สาเหตุเขา้ สตู่ ้นพชื ทางราก ในระยะตน้ อ่อนใบเลี้ยงจะเห่ยี วเปลีย่ นเปน็ สีเหลอื ง ร่วง พชื แสดงอาการเหยี่ วเฉาจากสว่ นยอดลงมา ส่วนของเถาของ ต้นทีโ่ ตแล้วจะแสดงอาการใบล่างเหลืองโดยอาการเริม่ ตน้ แสดงหลายอยา่ ง เช่น ตน้ แตก เกิดอาการเน่าที่โคนและซอกใบ ถ้าเกดิ อาการเน่า และพบ เชอ้ื ราสีขาวบรเิ วณรอยแตก หลงั จากนั้นพชื จะแสดงอาการเห่ยี วและตาย การปอ้ งกันกาจัด 1. ปรับสภาพความเปน็ กรด – ดา่ ง ของดนิ ปลกู ใหเ้ หมาะสมคอื อยู่ที่ pH 6.5 2. ใส่ปุย๋ คอกหรอื ป๋ยุ หมกั เพอื่ เพมิ่ ความอุดมสมบูรณข์ องดนิ 3. ถอนตน้ ทเ่ี ปน็ โรค(เผา)ทิ้งและป้องกันโรคโดยการใช้ไตรโคเดอร์มาฉีด พน่ ทุกๆ 5-7 วนั หรือราดดนิ ก่อนปลูก

แมลงศตั รพู ชื ตระกลู แตงท่สี าคญั

เพลีย้ ไฟ ลกั ษณะการทาลาย เพลย้ี ไฟเปน็ แมลงทีเ่ ข้าทาลายพืชตระกลู แตงหลายชนิด เชน่ แตงโม เมล่อน โดยการดดู นา้ เลีย้ ง และใช้ปากเข่ยี เซลให้เปน็ แผลเพื่อดูดนา้ เลยี้ ง การทาลาย ของเพลีย้ ไฟตอ่ ส่วนการเจรญิ เติบโต จะทาใหย้ อดอ่อนแคระแกรน็ เติบโตชา้ พชื อ่อนแอ และทา้ ให้ใบ ล้าต้น แหง้ ตายได้ เพลย้ี ไฟจะมกี ารแพร่กระจายโดย ลม ทาให้การระบาดเป็นไปอย่างกว้างขวาง และรวดเรว็ การป้องกนั กาจดั 1. ฉดี พน่ เช้อื ราบวิ เวอรเ์ รยี ทุกๆ 5-7 วนั 2. เพ่มิ การให้นา้ แตงในชว่ งอากาศรอ้ นใน ตอนกลางวนั จะช่วยลดการระบาดได้ 3. ใชก้ บั ดกั กาวเหนยี ว เพ่ือดกั จับเพล้ยี ไฟ ลดการระบาด

แมลงวนั ทอง แมลงวันทองจะทาลายโดยการเจาะและวางไข่ท่ีผล ตวั ออ่ นถา้ มกี ารระบาดรุนแรงจะทาใหผ้ ลรว่ งเน่า หรอื แกก่ อ่ นเวลา ทา้ ใหไ้ ด้ผลมคี ุณภาพตา้่ การปอ้ งกันกาจัด 1. ใชก้ ับดักแมลงวนั ทอง โดยใช้สารเมทิลยูจีนนอล 2. ฉีดพ่นสารสกัด ขา่ สะเดา ยาสบู เพ่อื ขบั ไล่แมลงวนั ทอง เต่าแตง โดยปกตทิ วั่ ไปเต่าแตงจะมสี ีของลาตัว 2 สี คอื ชนดิ สดี า และเตา่ แตงชนดิ สแี ดง เต่าแตง เปน็ แมลงปีกแขง็ ขนาดลาตัวยาวประมาณ 0.8 เซนติเมตร มีทัง้ สแี ดง สีน้าตาลเกือบดา แตส่ ีแดงจะพบเห็นมากกว่า อยา่ งไรกต็ ามใน ต่างประเทศลักษณะของเตา่ แตงจะมสี ี และ ลักษณะต่างกันออกไปเช่นตัวออ่ นอาศัยอย่ใู น ดนิ การเข้าท้าลายจะเขา้ แทะกดั กินใบและ ยอดอ่อน นอกจากนเ้ี ต่าแตงยงั สามารถเปน็ พาหะของเชือ้ ไวรัสได้อีกดว้ ย การป้องกนั กาจดั 1. ใช้กบั ดักแมลงหรือกาวดักแมลงหรอื จบั ทาลาย 2. ไสเ้ ดอื นฝอยกาจัดแมลงฉดี พน่ เพือ่ ทาลายตัวออ่ นในดิน 3. ฉีดพน่ สารสกัด ตะไครห้ อม ยาสูบ บอระเพ็ด สะเดา ชว่ ยขบั ไลด่ ว้ งเตา่ แตง

แมลงหวขี่ าว ลกั ษณะการทาลาย แมลงหวข่ี าวเข้าทาลายพืชตระกูลแตงค่อนขา้ ง กว้างขวาง โดยท่ัวไปแมลงหว่ีขาวจะอยูบ่ รเิ วณ ใต้ใบอ่อน แมลงชนดิ นี้จะเป็นพาหะของโรคไวรัส ในพชื ตระกลู แตงหลายชนดิ การป้องกันกาจดั 1. ฉดี พน่ เช้อื ราบวิ เวอรเ์ รีย ทกุ ๆ 5-7 วนั ใชป้ อ้ งกันกาจัดแมลงหวขี่ าว 2. ฉีดพน่ สารสกัดยาสบู วา่ นนา้ หรือหางไหล ฉดี พ่นทกุ ๆ 5-7 วันสลับกนั 3. เก็บใบทมี่ ีตัวออ่ นแมลงหวี่ขาวไปทาลาย การเก็บเกี่ยวแตงกวา การเกบ็ เกย่ี วแตงมกั เร่มิ เก็บเกี่ยวหลังจากหยอดเมล็ดไดป้ ระมาณ 40 วนั และจะ เกบ็ ไปเรอ่ื ยๆ ได้อกี ประมาณ 1 เดอื น การเกบ็ ควรค้านงึ ถึงขนาดของผลและ จดุ ประสงคข์ องการใช้ สา้ หรับใช้ในการดองน้นั มักเก็บเม่ือผลมอี ายุได้ 3-4 วนั หลงั จากผสมเกสร ในการบรโิ ภคสดมักเกบ็ เม่ืออายุ 6-7 วนั หลงั จากผสม เกสร ระยะผสมเกสรเป็นระยะท่ดี อกแตงบาน หากทงิ้ ผลทม่ี ีอายมุ ากไวก้ ับตน้ ตน้ จะโทรม ผลจะมีสีเขยี วปนขาว แตงแก่จะมีสีเหลอื ง หลงั จากเกบ็ เก่ยี วมาได้ 2-3 วนั คุณภาพจะเสอ่ื มลง แตงกวาพนั ธ์พุ น้ื เมืองของไทยจะมขี นาดอยู่ที่ ประมาณ 7-10 เซนตเิ มตร พนั ธ์ตุ ่างประเทศจะมีขนาดของผลประมาณ 20- 25 เซนตเิ มตร และผลออ่ นจะมสี ีเขยี วเข้มมาก

การปลกู ผกั กาดหอมอนิ ทรยี ์

การเตรยี มดนิ ไถพรวนดินตากไว้ประมาณ 7-10 วนั เพือ่ ทาลายวชั พชื และศตั รูพืชบางชนิดที่อยูใ่ น ดนิ จากน้ันจงึ ไถพรวนเก็บเอาเศษวัชพืชออก แล้วเตรยี มแปลงขนาดกวา้ ง 1-1.2 เมตร โดยมคี วามยาวตามลกั ษณะของพน้ื ท่ี แล้วจงึ ใสป่ ๋ยุ อินทรีย์ลงไป เพอ่ื ปรบั โครงสรา้ ง ของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต สภาพดนิ ควรร่วนซยุ มคี วามอดุ มสมบูรณ์ และ มอี ินทรีย์วตั ถุสูง ควรมหี นา้ ดนิ ลกึ และอมุ้ นา้ ไดด้ ีปานกลาง พนื้ ท่ีปลูกควรโล่ง และ ไดร้ บั แสงแดดอย่างเต็มท่ี เน่ืองจากผักกาดหอมมีลกั ษณะบาง ไมท่ นตอ่ ฝน ดงั นั้น ในช่วงฤดูฝนควรมีแสลนด้วย วธิ ีปลูก 1. การปลกู ผักกาดหอม โดยใชเ้ มล็ดพันธ์ปุ ระมาณ 50 กรัม ซ่งึ จะได้กลา้ สาหรบั ปลูก ในแปลง 1 ไร่ เม่ือทาการหว่านเมลด็ พันธแุ์ ลว้ ใหใ้ ช้ดนิ ผสมมลู สตั วห์ ว่านโรยทบั หนา้ แปลงอกี ครงั้ คลุมด้วยฟาง หรอื จะใช้วิธีโรยเปน็ แถว ใหแ้ ตล่ ะแถวห่างกัน ประมาณ 10 เซนตเิ มตรคลมุ ดว้ ยฟาง และรดน้าใหช้ ุ่ม 2. เมื่อมีอายปุ ระมาณ 15-20 วนั หลงั เมลด็ งอก หรือมใี บแท้ 3-5 ใบ เลือกตน้ กล้าที่สมบรู ณไ์ ว้โดยมรี ะยะระหว่างตน้ และแถวที่ 30-40 ซม. 3. รดน้าเป็นประจาทกุ วนั วนั ละ 2 ครง้ั เชา้ -เย็นไม่รดจนแฉะเกินไปและใสป่ ุ๋ยคอก หรอื ปยุ๋ หมกั ทุก 10-15 วนั ทง้ั น้ีข้ึนอยกู่ บั ความอุดมสมบูรณ์ของดนิ และปริมาณป๋ยุ คอกท่ใี ช้ 4. ควรกาจดั วัชพืชเปน็ ประจา เพือ่ ปอ้ งกนั การเกิดโรคและแมลง 5. ในพืน้ ทีป่ ลูก 100 ตารางวา หวา่ นเมลด็ ประมาณ 0.2 กโิ ลกรมั จะได้ผลผลิต เฉลยี่ ประมาณ 150 กิโลกรมั โดยในฤดูหนาวจะเหมาะสมการปลูกผักกาดหอมมากที่ และมีรอบระยะเวลาในการหว่านเมล็ดทุกๆ 10-15 วัน/ครง้ั เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลผลิตท่ี ต่อเน่อื งทุกวัน สภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสม ผักกาดหอมเป็นพืชทส่ี ามารถเจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นดินแทบทุกชนิด ไมว่ ่าจะเปน็ ดนิ เหนียว ดนิ ร่วน หรือดนิ รว่ นปนทราย แตส่ ามารถปลูกผกั กาดหอม ไดผ้ ลดีทสี่ ุดในดินรว่ น ซึ่ง มกี ารระบายน้า และระบายอากาศดี มคี วามชื้นในดินพอสมควร พน้ื ท่ปี ลกู ผักกาดหอม ควรใหไ้ ด้รบั แสงเต็มท่ีตลอดวนั เพราะผกั กาดหอมต้องการแสงเตม็ ท่ีตลอดวนั

การดูแลรกั ษา การรดน้า เน่อื งจากผกั กาดหอมเป็นผักรากตนื้ จึงไมส่ ามารถดดู น้าในระดับลกึ ได้ จึงควรให้ น้าอย่างสมา่ เสมอและเพยี งพอ โดยในระยะ 2 สัปดาหแ์ รก หลังจากยา้ ยปลูก ควรใหน้ ้าทุกวนั ในตอนเชา้ และเยน็ โดยใช้บวั ฝอยละเอยี ดรดรอบๆ โคนตน้ ไม่ รดจนแฉะเกนิ ไป และใหน้ ้าแบบวนั เว้นวันในสปั ดาห์ตอ่ ๆมาสาหรบั ผกั กาดหอม ใบนั้นควรจะมกี ารใหน้ ้าอย่างสมา่ เสมอและเพยี งพอ เนอื่ งจากอายุการเก็บเกี่ยว สน้ั สว่ นผกั กาดหอมห่อหวั นน้ั ควรดจู ากสภาพความช้ืนในดินเปน็ สาคญั แต่ใน ระยะท่ีกาลงั หอ่ หวั อยนู่ นั้ ไม่ควรใหน้ ้าไปถูกหัวเพราะอาจทาใหเ้ กดิ โรคเน่าเละได้ การใสป่ ยุ๋ ช่วงเตรยี มดนิ ควรใสป่ ยุ๋ คอกหรือปุ๋ยหมักรองพื้นประมาณ 1-2 ตนั ตอ่ ไร่ เมือ่ ผักกาดหอมอายไุ ด้ 7 วัน ควรใสป่ ยุ๋ นา้ หมัก โดยละลายนา้ รดในอตั รา 100ซซี ี ต่อนา้ 1 ปบ๊ี รดวันเว้นวนั เพ่อื เรง่ การเจรญิ เติบโตในระยะแรก เมอ่ื ผักการหอม อายไุ ด้ 15-20 วนั ให้ใส่ปุ๋ยคอกหรือปยุ๋ หมกั ในอตั รา 300-500 กิโลกรมั ต่อไร่ และใส่ทุกๆ 7-10 ครงั้ ตลอดจนเกบ็ เกย่ี ว ท้ังนี้ขึ้นอยกู่ บั ความอดุ ม สมบูรณ์ของดินแต่ละแหง่ ดว้ ย

โรคของพืช ตระกูลผกั กาดหอม

โรคเนา่ เละ สาเหตเุ กดิ จากเชอื้ แบคทเี รยี เออร์วิเนยี (Erwinia sp.) ลกั ษณะอาการ อาการท่วั ไปที่เกดิ กบั ผักกาดหอมห่อเริม่ จากแผลรอยช้าเลก็ ๆ เปน็ จุดฉา่ นา้ เมื่อ สงิ่ แวดล้อมเหมาะสมแผลจะขยายตวั ทกุ ทศิ ทาง ท้ังดา้ นยาว กว้างและลกึ เนอ้ื เยื่อ ของพืชสว่ นนั้นจะอ่อนยุบตัวลงและเน่าอย่าง รวดเรว็ มีเมอื กเยิม้ มกี ลิ่นแรงมาก กลิ่นน้ีจะเป็นกลน่ิ เฉพาะของโรคน้ี หลังจากนั้นผกั จะเน่ายุบตายไปทั้งต้น ซึง่ อาจ แห้งเปน็ สนี ้าตาลอย่บู นผวิ ดนิ อาการเน่ามักจะเร่มิ ท่โี คนกา้ นใบ หรอื ตรงกลาง ลาต้นกอ่ น การป้องกันกาจัด 1. ในการเก็บเกยี่ วควรใช้มีดทีค่ มตัดให้ขาดเพยี งคร้ังเดยี ว เพ่ือไม่ให้เกิดรอยแผล ช้า เพอื่ ป้องกันการเกิดแผลซ่ึงจะเปน็ ทางเขา้ ทาลายของเชือ้ 2. หลงั จากเก็บเกี่ยวควรผึง่ ผกั ไว้ในที่โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี เพ่อื ใหแ้ ผลตรง รอยตัดแห้ง และทาปูนแดงทแ่ี ผลดว้ ย 3. การบรรจภุ าชนะตอ้ งระวงั อย่าให้เกดิ การเบียด ซงึ่ จะทาให้เกดิ แผลชา้ หรอื ฉีก ขาด ควรล้างหรือทาความสะอาดภาชนะเสยี ก่อน 4. ฉีดพ่นเช้ือจลุ ินทรียป์ ฏปิ ักษ์ บาซลิ ลัส หรือบเี อส (Bacillus subtilis)

โรคขอบใบทอง สาเหตุ เกดิ จากเชื้อแบคทเี รยี ซานโทโมแนสแคมเพสทริส (Xanthomonas campestris) พบระบาดทั่วไปในฤดฝู นหรือฤดทู ม่ี คี วามช้นื สูง ลกั ษณะอาการ เชอ้ื สาเหตุสามารถเขา้ ทาลายได้ทกุ ระยะการเจรญิ เติบโต โดยจะพบว่าทข่ี อบใบ หรอื ใบเลยี้ งมีอาการไหม้แห้ง เสน้ ใบเนา่ เป็นสีดา ใบทแ่ี สดงอาการจะบางกวา่ ปกติ โดยอาการจะเริ่มเหลอื งและแหง้ ตายบรเิ วณขอบใบข้นึ กอ่ น แลว้ คอ่ ย ๆ ลามลึกเข้ามาในเน้ือใบตามแนวเส้นใบท่อี ยู่ระดับเดียวกันจนจรดแกนกลางของใบ การปอ้ งกันกาจัด 1. ปลกู พืชหมนุ เวยี น โดยหลีกเลี่ยงพชื ตระกูลกระหล่า 2. เลือกใชเ้ มลด็ พนั ธทุ์ ี่สะอาดปราศจากโรค 3. ในช่วงการเตรยี มดนิ ปลกู ควรฉีดพน่ เช้อื ราไตรโคเดอร์มาลงในดิน หรอื คลกุ เมลด็ กอ่ นปลกู 4. หากพบการระบาดให้ฉีดพ่นเชอื้ ราไตรโคเดอร์มาทกุ ๆ 5-7 วนั 5. ฉีดพ่นเชอ้ื จุลนิ ทรียป์ ฏิปักษ์ บาซิลลสั หรือบเี อส (Bacillus subtilis)

แมลงศัตรพู ชื ตระกูลผักกาดหอม ท่สี าคัญ

เพลย้ี ออ่ น ลกั ษณะการทาลาย จะเกาะตดิ เป็นกลมุ่ สีดาตามตน้ , ใบ โดยดดู กนิ นา้ เล้ียง ทาใหช้ ะงกั การเจริญเติบโต มมี ดเป็น ตวั นาพามา จงึ ควรหาทางกาจัดมดไม่ให้เข้าไปในแปลงปลกู การปลูกบนรอ่ งทีม่ นี ้าล้อมรอบ ไม่ควรให้ไมท้ อดสะพานติดกบั ร่อง เพราะมดจะใชเ้ ป็นทางเดินนาเพลยี้ ออ่ นเข้ามาภายใน แปลง การปอ้ งกนั และกาจดั 1. หมั่นสารวจวา่ มกี ารระบาดของเพลย้ี อ่อนหรือไม่ หากพบ ใหเ้ กบ็ ทาลาย และฉดี พน่ เชอื้ ราบิวเวอรเ์ รยี หรอื สารสกดั ยาสูบ ผสมกบั น้ายาล้างจานหรอื สารจับใบเล็กนอ้ ย ทกุ ๆ 3-7 วัน ควรฉดี พน่ ในช่วงเยน็ 2. อนุรกั ษ์ศัตรูธรรมชาตขิ องเพลีย้ อ่อน คอื ด้วงเต่า จะชว่ ยควบคมุ ปริมาณของเพลย้ี อ่อน ไม่ใหเ้ กดิ การระบาดมากเกนิ หนอนกระทผู้ กั ลักษณะการทาลาย จะเช้ากัดกินใบและลาต้น ตลอดช่วงระยะเวลาชองการเจรญิ เติบโตของผกั กาดหอม ลกั ษณะ หนอนจะมลี ้าตัวอ้วนผิวหนงั เรียบ ลายสีดาจะสงั เกตเหน็ แถบดาทีค่ อชดั เจน ตวั โตเต็มท่ี ประมาณ 3-4 ซม. และเคลอื่ นไหวช้า การปอ้ งกนั และกาจดั 1. หนอนกระท้ผู กั สามารถปอ้ งกนั จากดั ไดไ้ มย่ าก เมื่อพบกลมุ่ ไข่หรอื หนอนทฟี่ ักออกจากไข่ ควรเก็บทาลาย หากปลอ่ ยใหห้ นอนโตจนหนอนจะแยกย้ายหลบซ่อนตวั กัดกนิ เจาะเป็นรูลกึ ในใบ ดอก และฝัก 2.ฉดี พน่ เชือ้ แบคทเี รยี บที ี ทกุ 5-7 วัน สลบั กับฉดี พน่ สารสกัด สะเดา ยาสูบ หนอน ตายอยาก โดยฉดี พน่ ในช่วงเยน็ 3. ควบคมุ ปรมิ าณของตัวแม่ผีเสอื้ โดยฉีดพน่ สารสกัดขมนิ้ ชัน บอระเพด็ สาบเสอื ในชว่ ง เยน็ เพื่อขับไล่ ป้องกันการวางไข่ 4. ใช้ไส้เดอื นฝอยกาจดั แมลง อตั รา 1 ภาชนะบรรจุ/นา้ 10 ลติ ร ฉดี พ่นทกุ ๆ 7 วันครัง้

การเกบ็ เก่ียวผกั กาดหอม ผกั กาดหอมจะเก็บเกี่ยวได้หลังจากปลูกไดป้ ระมาณ 40-45วัน ควรตัดทันที เพราะถ้าผักกาดหอมแก่จะทาให้มคี วามเหนียวกระด้าง และมีรสชาติขม ไมน่ า่ รบั ประทาน และราคายงั ตกอีกดว้ ย วธิ ตี ัดผกั กาดหอมกง็ า่ ยๆ โดยใช้มดี ตัด ตรงโคน แล้วนาไปชุบนา้ เพ่ือล้างนา้ ยางออก มดั รวมเป็นมัดๆและจดั จาหน่าย ต่อไป

ท่ปี รกึ ษา ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอเมอื งสุโขทยั ครูชานาญการ นายสมมาตร คงเรอื ง ครอู าสาสมัคร กศน. นางสาวเสรี คงเนยี ม ปราชญ์ชาวบา้ น นางพชั รพี ร ดวงดาว นางมารศรี ศรีมว่ ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook