Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบวนการเรียนรู้ปรัชญา

ระบวนการเรียนรู้ปรัชญา

Description: ระบวนการเรียนรู้ปรัชญา

Search

Read the Text Version

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธปุ์ ัญญา พืชเป็นสิ่งมีชีวิตท่ีวิเศษมาก มันสามารถกินอาหารเพียงน้อยนิด เพื่อ สร้างตัวเองขนาดมหมึ าจากอากาศ พืชแยกคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจัดโครงสร้างใหม่ มันใช้พลังงาน แสงอาทิตย์ยึดธาตุต่างๆ ให้กลายเป็น แป้ง น้�ำตาล เซลลูโลส ฯลฯ แล้วมัน โตเอาๆ โดยสะสมพลงั งานแสงอาทติ ยไ์ วใ้ นพันธะของโครงสรา้ งใหม่นน้ั สตั วไ์ ม่วเิ ศษเท่าพชื เพราะไมส่ ามารถสร้างอาหารได้เอง สัตวจ์ ึงต้องกนิ พชื เปน็ อาหาร วธิ เี อาพลงั งานออกมาจากพชื สตั วจ์ งึ หายใจเอาออกซเิ จนเขา้ ไป เผาผลาญ แล้วสตั ว์หายใจออกมาเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ สัตว์และพืชจึงอิงอาศัยกัน สัตว์จ่ายคาร์บอนไดออกไซด์ให้พืชไปดึง พลังงานแสงอาทิตย์มาเก็บไว้ พืชจ่ายออกซิเจนให้สัตว์เอาไปเผาผลาญ แป้งและน้�ำตาลเพ่ือดึงพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ด�ำรงชีวิตต่อไป เม่ือพืช และสัตวต์ ายมนั สลายตวั กลบั เปน็ อากาศและแรธ่ าตคุ ืนส่ดู ิน กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ในธรรมชาติมีสิ่งไร้ระเบียบอยู่ พืชดึงเอาสิ่งไร้ ระเบยี บมาจดั ระเบยี บใหม่ สว่ นสตั วบ์ รโิ ภคสงิ่ มรี ะเบยี บจากการจดั การของพชื แลว้ ขับถ่ายออกมาเป็นสง่ิ ไรร้ ะเบียบใหพ้ ืช กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 29

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธุ์ปัญญา ในปา่ จงึ มพี ชื และสตั วช์ ว่ ยกนั ท�ำงาน ใบไม้ กง่ิ ไม้ ตน้ ไมท้ ล่ี ม้ ถกู จลุ นิ ทรยี ์ ย่อยสลายให้กลายเป็นอากาศธาตุ (คาร์บอนไดออกไซด์) และส่วนหนึ่ง กลายเป็นมวลเติมให้ดิน มวลนี้มาจากทั้งพืชและสัตว์ นานไปก็ทับถม เติมสารอาหารให้ดิน10 เปล่ียนโครงสร้างดินให้เหมาะแก่การเติบโตของพืช มากขน้ึ ไปอกี ปา่ จงึ ขยายใหญไ่ ดเ้ องจากกระบวนการของเกษตรอนิ ทรยี ล์ ว้ นๆ เกษตรอินทรีย์คือระบบธรรมชาติท่ีอยู่ในสภาพสมดุลในท่ามกลาง พลวัต เป็นระบบที่ตรงกับกรอบคิดของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เขียน ไว้ในบทที่ 1 โครงงานเกษตรอินทรีย์จึงเหมาะใช้สร้างการเรียนรู้ปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี งจากการลงมอื ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ใิ นทน่ี ผี้ มหมายถงึ การเรยี น รู้ใน 3 ส่วน คือ hand สู่ head และเปลี่ยนท่ี heart ซึ่งผมจะอธิบาย ในตอนทา้ ยของบทนี้ 10 เคยมีผู้สงสัยถามผมว่า ไม้เป็นคาร์บอน มันจะถูกสัตว์ (จุลินทรีย์) เปล่ียนให้เป็นธาตุอาหาร เช่น N, P, K ได้อย่างไร ผมถามกลับว่าวัวมันกินแต่หญ้า มันสร้างโปรตีนให้เป็นเนื้อและนมได้อย่างไร? องค์ประกอบของโปรตีนคือกรดอะมิโน ทีม่ ีธาตุอน่ื มากมาย 30 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ฉะน้ัน โครงงานเกษตรอินทรีย์จึงไม่ใช่การท�ำโครงงานเกษตรที่ไม่ใช้ สารเคมเี ฉยๆ แตต่ ้องให้เกิดการเรยี นรู้ท่ีโนม้ นา้ วจิตใจเข้าสู่ความเข้าใจการใช้ ชีวติ ตามปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เกษตรอนิ ทรีย์สอน SEM ในขณะที่การศึกษาของประเทศก�ำลังตื่นตัว STEM (Science, Technology, Engineering and Mathematics) การท�ำโครงงานเกษตร อนิ ทรยี ใ์ นความคดิ ผมคอื SEM ผมไมส่ นใจการมี T เพราะแมแ้ ต่ STEM เองผม กไ็ ม่เหน็ การไปถงึ T ท่แี ทจ้ ริง11 การสร้าง technology ยังห่างจากการศกึ ษา ข้ันพื้นฐานมาก ดังน้ัน STEM ควรมีเป้าหมายให้ผู้เรียนเข้าใจ technology มากกว่า (STEM literacy) รู้จักใช้เทคโนโลยีให้พอเหมาะพอควรตามแนว ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง วิทยาศาสตร์ (S) ของเกษตรอินทรีย์เป็นวิชาชีววิทยาอยู่ในพืชและ สัตว์ วชิ าฟสิ กิ สอ์ ย่ใู นดนิ และน้�ำ วชิ าคณิตศาสตร์อยใู่ นตัวแทนธรรมชาติ เรากลา่ วไดว้ า่ คณติ ศาสตร์ (M) เปน็ ตวั แทนธรรมชาติ เพราะคณติ ศาสตร์ เป็นภาษาท่ีนักวิทยาศาสตรใ์ ชแ้ ทนธรรมชาติ เพอ่ื ใหส้ ่อื สารถึงกันได้ 11 ผมเขียนหนังสือในโครงการเพาะพันธุ์ปัญญา “สะเต็มศึกษา : ความท้าทายใหม่ของการศึกษาไทย” (2558) วิพากษป์ ระเด็นน้ไี ว้มากแลว้ ผู้สนใจสามารถอ่านได้ โดย download ที่ www.kruvijai.wordpress.com กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 31

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธุป์ ัญญา สาระวิชาที่มนุษย์เรียนรู้จากการวิจัย/สังเกตธรรมชาติน้ัน เราเรียก วิชาวิทยาศาสตร์ ซ่ึงแบ่งเป็น 2 พวกหลักๆ คือ วิทยาศาสตร์กายภาพ (physical science) และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (biological science) ทเี่ ขา้ ใจ กันคือ วิชาฟิสิกส์ (รวมเคมีด้วย) และชีววิทยา ตามล�ำดับ คณิตศาสตร์เป็น ฝ่ายวิทยาศาสตร์กายภาพ เมื่อมนุษย์ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีหรือความรู้ ที่ลึกซ้ึงข้ึน เขาใช้คณิตศาสตร์มาท�ำความเข้าใจธรรมชาติที่ซับซ้อนขึ้น เช่น เอาความรู้เร่ืองการถ่ายโอนความร้อน (heat transfer) ผ่านคณิตศาสตร์ มาสรา้ งเทคโนโลยเี ครอื่ งปรบั อากาศ คณติ ศาสตรย์ งั ท�ำใหม้ นษุ ยเ์ ขา้ ใจความรู้ ท่ยี ากจะจบั ต้องได้ เชน่ เขา้ ใจเอกภพ การบรู ณาการวทิ ยาศาสตร์ 2 ประเภทนเี้ กดิ เมอ่ื มสี ง่ิ มชี วี ติ มาเกย่ี วขอ้ ง กบั โลกกายภาพ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพมนษุ ยเ์ มอื่ ตอ้ งอยใู่ นสถานอี วกาศเปน็ เวลานาน หรอื เมลด็ พชื มพี ฤตกิ รรมการงอกอยา่ งไรในอวกาศ เปน็ ตวั อยา่ ง ทด่ี ขี องการบรู ณาการวชิ าฟสิ กิ สก์ บั ชวี วทิ ยา การกระโดดบนั จจี มั ปใ์ นคมู่ อื กิจกรรมสะเต็มศกึ ษาของ สสวท. ท�ำให้เป็น STEM ได้เมอ่ื คดิ แบบวิศวกร ท่ีเอาฟิสิกส์มาบูรณาการกับชีววิทยา ได้ G-force สูงสุดที่กระท�ำต่อคน น�ำไปสู่การออกแบบการกระจายแรงไม่ให้เกิดอันตรายแก่ผู้เล่น12 ท่คี ณิตศาสตรเ์ ป็นผ้ใู ห้ค�ำตอบ การบรู ณาการยงั เกดิ ศาสตรใ์ หมๆ่ เชน่ ชวี เคมี ชวี สารสนเทศ วศิ วกรรม ชีวการแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ ฯลฯ การท�ำงานข้ามศาสตร์ท�ำให้มนุษย์ ต้องการภาษาที่พูดกันรู้เร่ือง เขาจึงเอาคณติ ศาสตรม์ าเปน็ สื่อกลาง 12 เรื่องคณิตศาสตร์เป็นตัวแทนธรรมชาติ และเร่ืองโครงงานบันจีจัมป์น้ีผมได้เขียนไว้โดยละเอียดแล้วในหนังสือโครงการ เพาะพนั ธ์ุปญั ญาล�ำดับท่ี 11 “เต็มศึกษา: ความทา้ ทายใหมข่ องการศึกษาไทย” 32 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพนั ธุ์ปัญญา ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเพื่อให้เข้าใจว่าคณิตศาสตร์เป็นตัวแทน ธรรมชาติได้อย่างไร ดังนั้น โครงงานเกษตรอินทรีย์สามารถมีคณิตศาสตร์ และไม่จ�ำเป็นต้องซับซ้อนเกินความเป็นจริงของชีวิตอย่างท่ีนักวิทยาศาสตร์ ใช้กัน คณิตศาสตร์ที่ตรงบริบทมากที่สุด คือ การคิดรายรับรายจ่าย ก�ำไร ขาดทุน การท�ำนายอนาคตดว้ ยศาสตร์การจ�ำลองสถานการณ์ (simulation) ทีจ่ ะน�ำไปสู่วิศวกรรมศาสตร์ (E) วิศวกรรมศาสตร์ในโครงงานเช่นนี้ไม่ใช่การสร้าง/ประดิษฐ์ชิ้นงาน แต่เป็นความคิดแบบวิศวกรมากกว่า เป็นความคิดที่เข้าใจการอยู่เป็นระบบ ของเกษตรอนิ ทรีย์ เราเรยี กความคิดเชิงระบบ (systems thinking) ความคดิ น้ีเกิดเมื่อเอาข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์สังเคราะห์ให้เข้าใจการอยู่ร่วมกันของ ดิน น้�ำ พืช สัตว์ (รวมทั้งคนด้วย) เห็นเศรษฐศาสตร์ของการประกอบอาชีพ เกษตรกรรมบนฐานทรพั ยากร และเหน็ เลยไปถงึ เหตแุ ละปจั จยั ของความยง่ั ยนื ของการด�ำรงชวี ติ ในพน้ื ท่ี ความเขา้ ใจนเี้ ปน็ ปญั ญาทสี่ รา้ งภมู คิ มุ้ กนั ใหใ้ ชช้ วี ติ อย่างพอเพียง ไม่โลภ มีเหตุผล สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 33

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา เกษตรอินทรยี ์เอื้อแนวคิดปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง การท�ำโครงงานเกษตรอนิ ทรยี ส์ รา้ งภมู คิ มุ้ กนั จากการเขา้ ใจความสมดลุ ของธรรมชาติ ใช้ธรรมชาติท�ำงาน เช่น น้�ำหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ การควบคุมด้วย ชีววิธี (bio-control) ฯลฯ การใช้ธรรมชาติท�ำงานเช่นน้ี คือการประคอง ให้เราอยู่ในทางสายกลาง (พอประมาณ) ตามวิถีธรรมชาติ อยู่อย่างสมดุล กับธรรมชาติ ไม่บีบค้ันธรรมชาติ ซ่ึงต่างกับการใช้สารเคมีท่ีก�ำกับบีบคั้นจาก แนวคิดผู้พิชิตธรรมชาติ การเข้าใจความสมดุลจากกฎ “ผลเกิดจากเหตุ” เรยี กว่าเข้าใจ “สภาวธรรม” ซ่ึงเป็นกรอบคิดหลกั 5 ประการดงั ไดก้ ลา่ วแล้ว ในบทท่ี 1 การเหน็ ชวี ติ ทอี่ ยรู่ ว่ มกนั เปน็ ระบบ ตงั้ แตป่ ศสุ ตั วผ์ บู้ รโิ ภคพชื แลว้ ถา่ ยมลู เปน็ ปยุ๋ กลบั ใหพ้ ชื เขา้ ใจกจิ กรรมของจลุ นิ ทรยี ใ์ นการท�ำปยุ๋ หมกั /นำ้� หมกั ท�ำให้ ผู้เรียนมองชีวิตอย่างพึงพา เห็นความจ�ำเป็นต้องสร้างหรือรักษาระบบนิเวศ ที่เอื้อต่อทุกชีวิต จะสุดโต่งเอาแต่กอบโกยไม่ได้ เป็นการลดอัตตา แล้วสร้าง คุณธรรมให้เกิดได้ง่ายจาก การไตร่ตรองสะท้อนคิดจน เกิดการเปล่ียนแปลงภายใน (transformative learning) การใช้ชีวิตหลังจบการศึกษา ของบุคคลเช่นนี้ จะมุ่งเพื่อ ความสมดุลของ 4 มิติ วัตถุ (เศรษฐกจิ ) สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม ตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 34 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพนั ธปุ์ ัญญา ไมใ่ ช่ STEM แต่ SHEM สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา ด้วยการเห็นชีวิตที่ต้องสมดุลกับธรรมชาติ โครงงานปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงไมใ่ ช่ STEM ไม่ใชแ่ ค่ SEM แต่คือ SHEM ผมจะขยายการกลา่ วถึง H และ E ในความหมายใหม่ H คือ Humanity (อาจรวมถึง Anthropology มานุษยวิทยา) มนุษยศาสตร์เป็นเรื่องของความดีงาม ความเช่ือ ความศรัทธา สุนทรียภาพ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม การออกจากมมุ มองเห็นแต่ตวั เองมาอยู่โซนใหมท่ ี่เห็นตัว เองในทา่ มกลางสรรพสง่ิ ในทา่ มกลางความแตกตา่ งของมนษุ ยชาติ สรา้ งจติ ท่ี ใหญข่ ึ้น ปลดคลายพนั ธนาการตา่ งๆ ทต่ี นเองมีอยู่ การศึกษามีเปา้ หมายเชน่ นมี้ ิใชห่ รอื E ในกรณีน้ีไม่ใช่เพียงการคิดเชิงระบบอย่างที่กล่าวมาก่อนหน้าน้ี เท่าน้ัน และไม่ใช่ E ท่ีอยู่ใน STEM วิศวกรรมศาสตร์ใน STEM มีเป้าหมาย เพื่อเอาวิทยาศาสตร์มาพิชิตธรรมชาติ โดยการสร้างเทคโนโลยีมา engineer วตั ถใุ หส้ นองความตอ้ งการของมนุษย์ E ใน SHEM เปน็ ศิลปะชวี ติ เป็นไปเพอื่ ใชค้ วามรสู้ ู่ความพอประมาณ วิศวกรรมศาสตร์ใน SHEM หมายถึง life หรือ self engineering เป็นการใช้วิศวกรรมศาสตร์ในฐานะศิลปะการด�ำรงชีวิต ผมคิดว่า E ใน SHEM ประกอบดว้ ย life direct, life guide, life learn และ self control การท�ำโครงงานเพ่ือความเข้าใจธรรมชาตเิ ชน่ เกษตรอินทรีย์ท�ำใหส้ งบ มีเวลาพิจารณาการเปล่ียนแปลงของธรรมชาติ และเข้าใจตนเองในฐานะ life of nature and self of nothing จะท�ำใหล้ ะกเิ ลส 3 ที่ขัดขวางการใช้ ชีวติ ตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงได้ง่าย กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 35

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธ์ุปัญญา ในท่ามกลางการพัฒนาครูสอน STEM ผมคิดว่าการศึกษาไทยต้อง พฒั นาครูสอน SHEM ด้วย เพอ่ื การพฒั นาประเทศท่ีสมดุลครบทงั้ 4 มิติ การ พัฒนาครูสอน SHEM อาจต้องเน้นครูสายสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ผมมี ความคิดส่วนตัวว่าน่าจะไม่ใช่งานง่าย ถ้าการประเมินคุณภาพการศึกษายัง เปน็ เชน่ สถานการณ์ปัจจุบัน กรอบคดิ โครงงานเกษตรอนิ ทรีย์ กรอบคิดโครงงานเกษตรอินทรีย์ท่ีเป็นการเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี ง คอื การเรียนรู้ความสมดุลในระบบนเิ วศขนาดเลก็ ทจี่ ดั การได้ ขอให้ นึกถึงเร่ืองป่าที่โตได้เองจากกิจกรรมของพืชและสัตว์ที่ร่วมกันท�ำงาน ระบบ นิเวศแบบป่าประกอบด้วยระบบย่อยของส่ิงมีชีวิต 2 ระบบ คือ พืชและสัตว์ พืชท�ำงานขั้นแรกร่วมกับดวงอาทิตย์และอากาศ มีน�้ำเป็นผู้ช่วย มีดินเป็น ปัจจัยเสริม ส่วนสัตว์ท�ำงานกับพืช แต่ละระบบมี input-process-output กระบวนการ (process) เปน็ เรอ่ื งของใครของมนั พชื process โดยการปรงุ รา่ ง จากการสังเคราะห์แสง (photosynthesis) เก็บพลังงานไว้ สัตว์ process โดยการปรุงร่างจากการเผาผลาญเอาพลังงานออกมาใช้ (metabolism) เมอ่ื ทง้ั พชื และสตั ว์ process เพอื่ ปรงุ รา่ งตนเอง มนั ตา่ งมี input และ output เช่อื มตอ่ กัน อิงอาศยั พงึ่ พากัน 36 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพันธุป์ ัญญา การคดิ แบบนตี้ อ้ งมขี อบเขตของระบบ (system boundary) ผมแสดง ด้วยรูป สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา ขอบเขตระบบหมายถึงพื้นท่ีศึกษาของเรา เช่น แปลงนา ในระบบนี้ ธรรมชาติก�ำลังท�ำงานร่วมกันระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ธรรมชาติส่วนที่ไม่มีชีวิตเอาเฉพาะท่ี เราควบคมุ ได้ คอื ดินกับนำ�้ 13 ส่ิงมีชวี ติ คือพชื และสตั ว์ การท�ำเกษตรอินทรยี ์ ใช้กรอบคดิ การอยู่ร่วมกันของธรรมชาตทิ ง้ั 2 แบบ ธรรมชาติภายในขอบเขต ของระบบเปลี่ยนแปลง (พลวัต) เพราะต้องการรักษาสมดุลระหว่างกิจกรรม ของพชื สัตว์ ดิน น้ำ� ดังนั้น การท�ำโครงงานควรได้ข้อมลู (และประสบการณ)์ ทใี่ ชอ้ ธบิ ายปฏสิ มั พนั ธข์ องผเู้ ลน่ ในระบบ โดยนกั เรยี นเปน็ ผอู้ �ำนวยการใหเ้ กดิ และเฝ้าสงั เกตการณ1์ 4 ผทู้ ค่ี นุ้ เคยกบั โครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญาอา่ นมาถงึ จดุ นคี้ งจบั ไดแ้ ลว้ วา่ ผมก�ำลงั พดู ถงึ การเรยี นรจู้ ากการท�ำโครงงานฐานวจิ ยั (Research-Based Learning ; RBL) 13 ในความเปน็ จรงิ เราสามารถรวมอากาศและแสงแดดไดด้ ้วย แต่กรอบคิดรวมทัง้ หมดเชน่ นจ้ี ะท�ำใหโ้ ครงงานยากเกนิ ไป 14 เรือ่ งน้จี ะถกู อธบิ ายอีกคร้ังในบทที่ 4 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 37

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ัญญา การท�ำโครงงานเพยี งใหไ้ ดล้ งมอื ท�ำอยา่ งเดยี วยงั ไมใ่ ชก่ ารเรยี นรอู้ ยา่ ง เตม็ ศักยภาพ ผู้เรียนไดเ้ พยี งทักษะพสิ ยั ไม่เกิดพทุ ธิพสิ ัย และจติ พิสัย ได้ เพยี ง hand ขาด head และ heart จงึ ตอ้ งมกี รอบปฏิบตั เิ ป็นหวั ขอ้ ตอ่ ไป กรอบปฏบิ ตั โิ ครงงานเกษตรอนิ ทรยี ์ จากกรอบคดิ มาสกู่ รอบปฏบิ ตั ิ การท�ำโครงงานทส่ี รา้ งการเรยี นรมู้ กี รอบ ปฏิบัติ 3 ข้ันตอนหลัก (แต่ละข้ันตอนมีรายละเอียดปลีกย่อย ที่ผมจะยกไป บทที่ 3) คอื 1) ปฏิบัติ นักเรียนจะได้ทักษะพิสัยจากการลงมือท�ำงานต้ังแต่ การใช้มือ ใช้ร่างกาย ไปจนถึงทักษะชีวิตจากการท�ำงานกลุ่ม เรียนรู้การ วางแผนจากความส�ำเร็จหรือความล้มเหลว โครงงานที่ท�ำควรเป็นพืชอายุสั้น เชน่ ขา้ ว มะเขอื เทศ โครงงานทเี่ ปน็ สตั วก์ ค็ วรเปน็ สตั วเ์ ลก็ เชน่ การเลย้ี งจงิ้ หรดี กบ ปลา ถ้าจะให้เข้าหลักของความเป็นระบบตามหัวข้อที่แล้ว ต้องเลือกพืช และสัตว์ทีม่ ีปฏสิ ัมพนั ธ์ตอ่ กัน เชน่ พชื เปน็ อาหารสตั ว์ได้ด้วย 2) อธิบายปรากฏการณ์ด้วยสาระวิชา ปรากฏการณ์ในท่ีนี้ผม หมายถงึ สง่ิ ทพี่ บจากการท�ำงาน เราเรยี กสง่ิ ทพ่ี บนน้ั วา่ “ขอ้ มลู ” เราใช้ sensor พ้ืนฐานในการพบ ใช้ตาเห็นความเคลื่อนไหว เห็นการเปลี่ยนแปลง ใช้จมูก จับกล่ิน ใช้หูรับเสียง ใช้กายสัมผัสรู้อุณหภูมิ รู้อ่อน-แข็ง แล้วเราบันทึก ปรากฏการณ์น้ันเป็นข้อความบ้าง เป็นตัวเลขบ้าง เราเรียกสิ่งท่ีได้มาน้ีว่า “รู้” การ “เรียนรู้” เกิดเม่ือใช้ sensor ท่ีละเอียดคือ “ใจ” หรือความคิด มาท�ำความเข้าใจปรากฏการณ์โดยการคิดเช่ือมโยง (คิดวิเคราะห์) กับสิ่งท่ีรู้ แลว้ เชน่ ทเ่ี รยี นมา หรอื ทเี่ ปน็ ความรนู้ อกหอ้ งเรยี น (ความรจู้ ากประสบการณ)์ 38 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธ์ุปญั ญา 3) เข้าสู่การเปล่ียนแปลง การเปลี่ยนแปลงคือการเกิดใหม่ เหมือนผีเสื้อออกจากดักแด้ การเข้าสู่การเปล่ียนแปลงเกิดจากกระบวนการ ไตร่ตรองสะท้อนคิดน�ำประสบการณ์ภายนอกมาผสานกับตนเอง เป็นการ ใช้ผัสสะท่ีละเอียด คือ ใจ จนเกิดการตระหนักรู้และเปลี่ยนแปลงตนเอง การเรยี นรสู้ กู่ ารเปลย่ี นแปลงเปน็ การเรยี นจากผสั สะ สว่ นมากการเปลยี่ นแปลง เกิดจากการไตร่ตรองสะท้อนคิดพิจารณาอารมณ์ความรู้สึกจากการท�ำงานท่ี มอี ุปสรรคและสามารถฝา่ ฟันสู่ความส�ำเร็จได้ นกั เรียนควรแบง่ เร่ืองกันศึกษา แล้วเอาประสบการณม์ าแลกเปลยี่ นเรยี นรกู้ ัน หากการท�ำโครงงานจบที่ขั้นตอนท่ี 1 นักเรียนได้เพียงทักษะพิสัย การท�ำถึงข้ันตอนที่ 2 เขาได้ปัญญา (พุทธิพิสัย) และการท�ำถึงข้ันท่ี 3 ท�ำใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงตนเอง (จติ พสิ ัย) ซึง่ ควรเป็นเปา้ หมายของการ ท�ำโครงงานเศรษฐกิจพอเพียง ผมคิดวา่ การท�ำโครงงานทีเ่ ปน็ การเรียนรู้มี 2 วิธี วิธีแรกผมเรียกการเรียนรู้บนโครงงานฐานวิจัย (Research-Based Learning ; RBL) ในระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา โครงการเพาะพันธุ์ปัญญา ใช้กระบวนการน้ีพัฒนาครูและนักเรียนกว่า 80 โรงเรียน เร่ิมด้วยการพัฒนา ระบบคดิ เชงิ เหตแุ ละผล (cause-effect) และตรรกะใหก้ บั ครแู ละนกั เรยี น เพอ่ื เปลี่ยนกระบวนทัศน์การวิจัยมาเป็นการสร้างความรู้เอง (constructivism) จากค�ำอธิบายด้วยเหตุ-ผล และตรรกะ จากนั้นนักเรียนท�ำโครงงานโดยมีครู และอาจารยม์ หาวทิ ยาลยั ในโครงการเปน็ coach สร้างการเรยี นรใู้ หน้ ักเรยี น กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 39

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธุป์ ัญญา วธิ ที สี่ องคอื ลงมอื ท�ำเลย ท�ำไปทา่ มกลางความไมร่ ู้ แตเ่ รยี นรไู้ ปพรอ้ มกบั การท�ำงาน อยากท�ำนากล็ งมอื ท�ำเลย แตก่ ต็ อ้ งสรุปแบบ RBL คือมีค�ำอธบิ าย ตามหลักเหตุ-ผล และตรรกะ15 จากประสบการณท์ ผ่ี า่ นมา ผมเชอ่ื วา่ วธิ ที ่ี 2 นา่ จะตรงกบั จรติ การเรยี น (learning style) ของนกั เรยี นในชนบทไทย เพราะไมต่ อ้ งเรมิ่ ดว้ ยความเบอื่ กบั การเรยี นรู้หลกั การตามแบบแรก แตไ่ ด้สนุกกับการปฏบิ ัติเลย ทักษะครทู งั้ 2 วธิ ีนี้ต่างกนั โดยส้ินเชิง วิธแี รกครูรลู้ ว่ งหน้า เอาท่รี ู้มา จัดการให้เกิดการเรียนรู้ของนักเรียน ครูต้องมีทักษะวิจัยท่ีเป็นกระบวน การคดิ เชงิ วทิ ยาศาสตร์ (ผลเกดิ จากเหต)ุ ไม่ใชต่ ิดเครือ่ งมือแบบสอบถาม แบบส�ำรวจ ท่ีครูคุ้นเคยอยู่ วิธีท่ี 2 ครูรู้พอๆ กับนักเรียน ครูต้องมี ทักษะถอดบทเรียน ครูต้องเข้าใจการประเมินเพื่อพัฒนา (formative assessment) ทง้ั 2 แบบครคู อื ผจู้ ดั การการเรยี นรทู้ น่ี กั เรยี นเปน็ ผเู้ รยี นเอง ครตู ้องมีทักษะตง้ั ค�ำถาม (“ถามคือสอน”) ให้นักเรยี นรเู้ องจากการคิด16 จะท�ำไดอ้ ยา่ งไร?..... โชคดที เี่ รามตี วั อยา่ งความส�ำเรจ็ ทผี่ มจะถอดความ รมู้ าเป็นบทที่ 3 15 ประสบการณเ์ พาะพนั ธป์ุ ญั ญาแบบนมี้ ตี วั อยา่ งทโี่ รงเรยี นแจห้ ม่ วทิ ยา ผมเขยี นเปน็ หนงั สอื โครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญาล�ำดบั ที่ 9 “ฤดกู าลเรยี นรู้ทแี่ จห้ ม่ วิทยา” 16“ถามคอื สอน” เปน็ วาทกรรมของโครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญา ทพี่ ฒั นาครใู หเ้ ปน็ ผตู้ งั้ ค�ำถาม ผมเขยี นหนงั สอื “ถามคอื สอน” ไว้ 2 เลม่ เปน็ ล�ำดบั ท่ี 6 และ 12 ของโครงการเพาะพนั ธปุ์ ัญญา 40 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพนั ธุ์ปัญญา บทที3่ กากเศราจรรดัษสกอฐานกริจโกคพารอรงเเงพรายี ียนงน สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา ปญั หาการน�ำเข้าส่สู ถานศึกษา หนังสือ “ถอดรหัสปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การสอนกระบวน การคิด” ของ รศ. ดร. ทิศนา แขมมณี (2558) อ้างอิงข้อค้นพบของมูลนิธิ สยามกัมมาจลว่า ปัญหาของการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สู่สถานศกึ ษาประกอบด้วย 1. ครยู ังมีปัญหาในการออกแบบการเรยี นรู้ 2. ครยู งั ขาดกระบวนการจดั การเรยี นร/ู้ เงอ่ื นไขทจี่ ะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี น เข้าใจ และเกดิ มโนทัศนท์ ี่ถกู ต้องเกี่ยวกบั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3. ครูมักตีความอุปนิสัยพอเพียงไปในเร่ืองคุณธรรม ไม่มีการสอน กระบวนการคดิ กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 41

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ัญญา 4. ครูสอนหลักคิด 3 ห่วง 2 เง่ือนไขของปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงแบบแยกส่วน กล่าวคือ สอนเรื่องความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมภี มู คิ ุม้ กนั แต่ละเรอ่ื งแยกจากกนั ไมม่ คี วามสมั พันธ์กัน 5. ครูวัดผลการเรียนรู้ของเด็กจากความรู้ หรือผลงานของเด็ก ไม่ได้ดูไปถึงกระบวนการคิด 6. ครูไมม่ ีตัวชีว้ ัดทีช่ ัดเจนในการวดั ผล 7. ครูไมเ่ ขา้ ใจและไมเ่ หน็ ปัญหาของตัวเอง ผมมีความเห็นว่าปัญหาทั้ง 7 ข้อเป็นปัญหาสามัญ (common) แทบทกุ เรอื่ งในบรบิ ทการศกึ ษาไทย ยง่ิ เมอื่ การสอนปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ต้องการผลเป็นการเกิดอุปนิสัยแล้ว ก็ยิ่งยากกว่าปกติ เพราะระบบการ ประเมินของเรามีแต่ส่งเสริมให้ครูสอนการจ�ำเนื้อความรู้ ปัญหาการสอน คดิ ของครู คอื ตดิ ทบ่ี นั ไดขน้ั ที่ 1 ของพทุ ธพิ สิ ยั เทา่ นนั้ ครสู อนคดิ ดว้ ยการ จ�ำเนอ้ื ความรู้ แตค่ ดิ เปน็ ทกั ษะทเ่ี กดิ จากการไดป้ ฏบิ ตั ซิ ำ�้ ๆ เทา่ นน้ั เหมอื น วา่ ยน้�ำ ถ้าไมฝ่ ึกในน้�ำจะวา่ ยเป็นได้อย่างไร? จากปัญหาเหล่าน้ีท�ำให้ รศ. ดร.ทิศนา แขมมณี เขียนหนังสือ “ถอดรหัสปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การสอนกระบวนการคิด” เพอื่ ใหค้ รเู ขา้ ใจวธิ กี ารและกระบวนการในหอ้ งเรยี น โดยใชก้ ารสอนผา่ นค�ำถาม ให้นักเรียนคิด หรือ “ถามคือสอน” ของโครงการเพาะพันธุ์ปัญญานั่นเอง มีตัวอย่างค�ำถามท่ีดีมากมายในหนังสือเล่มนี้ ผมสังเกตได้ว่าตัวอย่างค�ำถาม เกอื บทง้ั หมดท่ี รศ. ดร. ทิศนา ประมวลไว้นั้น ถามไปท่ีกระบวนการท�ำงาน/ 42 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธปุ์ ัญญา กระบวนการคิด เพ่ือให้นักเรียนตระหนักรู้ไปถึงพฤติกรรมของนักเรียน ไดเ้ อง เป็นค�ำถามทสี่ ร้าง growth mindset แกน่ ักเรียน ซงึ่ ตา่ งจากการสอน ปกตทิ ี่ครมู ักจะถาม “นยิ าม” หรือตัวความรู้ ซงึ่ เปน็ การสรา้ งทัศนคติติดตาย (fixed mindset) ในชว่ งปี 2555-2556 มูลนธิ สิ ยามกัมมาจลขับเคล่อื นการน�ำปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี งเขา้ สสู่ ถานศกึ ษา และรวบรวมตวั อยา่ งการจดั การเรยี นรู้ เพอ่ื เสรมิ สรา้ งอปุ นสิ ยั พอเพยี งของครตู น้ แบบ 9 ทา่ นพมิ พเ์ ผยแพรใ่ นเดอื น ตุลาคม 2558 บทที่ 3 นีผ้ มจะใช้ตัวอย่างท่ีมลู นธิ สิ ยามกมั มาจลรวบรวม ไวม้ าเปน็ ตน้ เร่อื ง 3 ตัวอย่าง แล้วตอ่ ดว้ ยการออกแบบโครงงานฐานวิจยั เพอื่ เรยี นรปู้ รัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง กระบวนการไตร่ตรองปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กับเป้าหมายการศกึ ษา ผมตีความกระบวนการไตร่ตรองความคิดเข้าสู่เป้าหมายการศึกษาได้ จากการสอนของคุณครูฉลาด ปาโส โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคม คุณครูเริ่ม การเรียนโดยให้นักเรียนน่ังสมาธิสงบ แล้วระลึกถึงงานท่ีท�ำส�ำเร็จ ที่ชื่นชอบ ท�ำแลว้ มคี วามสขุ จนอยากเลา่ ใหค้ นอนื่ ฟงั บา้ ง ใหเ้ ขยี นความส�ำเรจ็ ในกระดาษ รูปหัวใจ จากนั้นสร้างวงกลม 3 วงโดยรอบ เพื่อใส่ค�ำตอบส�ำหรับ 3 ค�ำถาม ไดแ้ ก่ กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 43

โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ? 1. มขี ้นั ตอนการท�ำอย่างไรจึงส�ำเร็จ? 2. การท�ำส�ำเรจ็ เราต้องมคี วามรู้อะไร? สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา 3. เราต้องมีคณุ งามความดีอะไรมาก�ำกบั จติ ใจ? ครสู อนโดยใหน้ กั เรยี นเอามอื ปดิ วงกลมทลี ะวง แลว้ ถามวา่ ถา้ เรามเี พยี ง 2 วง เราจะไดผ้ ลส�ำเร็จอย่างทเ่ี ขียนในรูปหัวใจตรงกลางไหม? ผมถอดความรู้ได้ว่าครูก�ำลังท�ำ AAR (After Action Review) ของการจัดการความรู้ โดยเอา 5 กรอบคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาท�ำให้นักเรียนเข้าใจเองโดยไม่ต้องสอนตัวความรู้ ค�ำถามแรกคือ กระบวนการท�ำงานท่ตี อ้ งเป็นทางสายกลางของ 3 ห่วง ค�ำถามที่ 2 และ 3 คอื เงอ่ื นไขของความรแู้ ละคณุ ธรรม ทง้ั 3 ขอ้ เปน็ ทกั ษะทเี่ กดิ จาก hand, head และ heart ตามล�ำดบั ซึง่ ก็คือ ทักษะพสิ ัย พุทธิพิสยั และจิตพิสยั นัน่ เอง 44 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญา ถึงตรงนีผ้ มมคี วามเหน็ ว่า 3 ห่วงโดยเนอ้ื แทก้ ค็ ือ ทกั ษะพสิ ัย พุทธพิ ิสยั และจติ พสิ ยั เพราะหมายถงึ ทกั ษะการใชช้ วี ติ อยา่ งพอประมาณ (อโลภะ ทกั ษะ พสิ ยั ) โดยอยูภ่ ายใตก้ รอบความคิดเหตุผล (อโทสะ พทุ ธิพิสัย) และภมู ิคุ้มกัน ทางความคิด (อโมหะ จิตพิสัย) แต่ท้ังหมดน้ียังรวบยอดเป็นทักษะพิสัย เพ่ือให้ความรู้และคุณธรรมเป็นพุทธิพิสัยและจิตพิสัย ตามล�ำดับ (เป็น 3 domain ที่ซ้อนกนั อยู่ ค่อนขา้ งเข้าใจยาก ขอใหด้ ูรปู ประกอบ) สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา ขัน้ ตอนต่อไป คณุ ครูฉลาดให้นักเรยี นทบทวนงานที่ท�ำส�ำเรจ็ โดยใช้ชุดค�ำถาม 3 ชุด คือ 1. นักเรียนท�ำท�ำไม ท�ำแล้วได้เรียนรู้อะไร เกิดผลอะไรกับ ตนเอง? ? 2. สง่ิ ที่ท�ำน้ันเหมาะสมกับศกั ยภาพและบทบาทหนา้ ท่ี ตนเอง เหมาะกับทรพั ยากรทมี่ ี และบริบทหรือไม่? 3. ท�ำส�ำเรจ็ ไดอ้ ยา่ งไร เตรยี มพรอ้ มปอ้ งกนั ความเสยี่ งอยา่ งไร? กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 45

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ญั ญา ผู้อ่านที่อ่านมาถึงจุดน้ีคงจับความนัยได้ว่าครูฉลาดก�ำลังซ้�ำ 3 ห่วง กับนักเรียน ค�ำถามข้อ 1 คือห่วงเหตุผล ข้อ 2 และ 3 คือพอประมาณและ ภมู ิคุ้มกัน ตามล�ำดบั ครสู อนโดยให้นกั เรียนถอดบทเรยี นของตนเอง (AAR) สรุปว่าค�ำถามมี 2 กลุ่ม กลุ่ม 3 ข้อแรกเป็นกรอบใหญ่ของ 3 ห่วง 2 เง่ือนไข มีท้ัง hand, head และ heart กล่มุ ที่ 2 คือ 3 หว่ ง ของเหตุผล พอประมาณ และภมู ิคุ้มกนั ซง่ึ กเ็ ปน็ เรือ่ งของ head, hand และ heart ตามล�ำดับ อีกเช่นกัน การถอดบทเรียนครูฉลาดช่วยท�ำให้ผมเห็นว่าผัง กรอบความคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งแทท้ ่ีจริงมพี ุทธพิ สิ ยั ทกั ษะพิสยั และจติ พิสยั ซ้อนกันอยู่ 2 ช้ัน อยา่ งรปู ทแ่ี สดงมาแล้ว ที่การศึกษาต้ังเป้าให้พัฒนาผู้เรียนให้ได้ Bloom’s taxonomy of education objectives ทง้ั 3 พสิ ยั นน้ั เราสามารถท�ำใหส้ �ำเรจ็ ไดด้ ว้ ยโครงงาน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี่เอง กลา่ วอีกทางหนึ่ง กรอบคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงก�ำเนิดมาเพ่ือการใช้ชีวิตให้เป็นการศึกษา ให้การศึกษาเป็นชีวิต ก็ไม่น่าผดิ พระพรหมคุณาภรณ์กล่าวว่าชีวิตเกิดมาเพ่ือท�ำภารกิจการศึกษา ทม่ี ีเปา้ หมายเพ่ือใหช้ ีวติ ได้อสิ รภาพ 46 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพันธปุ์ ัญญา กระบวนการห้องเรยี น สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา ผมเห็นกระบวนการในห้องเรียนท่ีดีจากการสอนของคุณครูสถาพร พันธุ์ประดิษฐ์ (โรงเรียนรัษฎา) ผมเห็นว่าหน่วยการเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงในวิชารัษฎาศกึ ษาใช้เทคนิคถอดบทเรยี น ครใู ห้นักเรยี นลงมือปฏิบตั ิ 2 จังหวะ กิจกรรมแรกเป็นการปฏิบัติทันที นักเรียนแบ่งกลุ่มใช้กระดาษ หนังสือพิมพ์ เทปกาว ฯลฯ สร้างหอสูงวางไข่ด้านบน หอเคล่ือนที่ได้โดยไข่ ไม่ตกแตก การปฏิบัติโดยไม่มีการเตรียมตัวได้สร้างการเรียนรู้จากการถอด บทเรียนด้วยค�ำถาม 8 ข้อ คือ 1. ท�ำไมออกแบบหอคอยเป็นแบบน้นั ? 2. ตอนเรม่ิ ท�ำวางแผนกันอยา่ งไร? มีข้ันตอนอย่างไร? ? 3. เม่ือลงมอื ท�ำค�ำนงึ ถงึ อะไรบา้ ง? 4. ใช้ความรู้เร่อื งอะไรมาช่วยในการท�ำหอคอยนี้บา้ ง? 5. นักเรยี นคิดวา่ ได้ฝึกทักษะอะไรบา้ ง? 6. นกั เรยี นพบปญั หาอะไรบา้ งระหวา่ งท�ำงาน? แลว้ แกไ้ ขอยา่ งไร? 7. ในระหว่างท�ำได้ฝึกนิสัยอะไรบ้าง? 8. นกั เรียนภมู ิใจกับการท�ำงานน้ีอย่างไรบา้ ง? กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 47

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ผมสังเกตว่าส่วนมากเป็นค�ำถาม “อะไรบ้าง?” กับ”อย่างไรบ้าง?” เ ป ็ น ค�ำ ถ า ม ที่ มี เ จ ต น า ใ ห ้ นักเรียนค้นหาค�ำตอบจาก ก า ร ท บ ท ว น ก า ร ท�ำ ง า น ของตนเอง (AAR) อย่างไร ก็ตาม ผมคดิ ว่าค�ำถามที่ดีน้ัน ครูต้องสังเกตการท�ำงานของ นักเรียนแล้วถาม “ท�ำไม” มากกว่า เช่น ท�ำไมเสร็จเร็ว ท�ำไมเสียงดังกว่ากลุ่มอื่น ท�ำไมทุกคนดูเครียด ท�ำไมเทปกาวไม่พอ ท�ำไม ไข่ไมต่ ก ฯลฯ ค�ำถามท�ำไมเหล่านี้ต้องออกแบบให้นักเรียนตอบเพ่ือเข้าใจ 3 ห่วง 2 เง่ือนไข โดยครูไม่จ�ำเป็นต้องอธิบายว่าค�ำถามไหนโยงเข้าหาห่วงไหนหรือ เง่ือนไขใด ให้นักเรียนในกลุ่ม หรือกลุ่มอ่ืน หรือท้ังห้องเป็นผู้ร่วมกันตอบ กระบวนการในหอ้ งเรยี นตอ้ งเออ้ื ใหน้ กั เรยี นทง้ั หอ้ งตงั้ ใจฟงั เมอ่ื ครโู ยนค�ำถาม “ท�ำไม” เขา้ สกู่ ลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เมือ่ นกั เรียนช่วยกนั ตอบ ครูจงึ กระตุ้นอกี ครัง้ ให้นักเรียนสรุปได้เอง (ตัวอย่างค�ำตอบ) “ไม่ได้วางแผนอย่างเป็นเหตุเป็นผล ก่อนลงมือท�ำจึงวุ่นวาย” “คิดการใหญ่เกินไปจึงไม่ส�ำเร็จ” “เก่ียงงานกันจึง เสรจ็ ไมท่ นั ” “ท�ำแบบเดาสมุ่ ขาดการเอาความรมู้ าใชแ้ กป้ ญั หาจงึ ....” “อารมณ์ รอ้ นไมอ่ ดทนพอจงึ ....” ฯลฯ ใหน้ กั เรยี นรเู้ องวา่ ค�ำตอบเหลา่ นคี้ อื อะไรในกรอบ ความคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผมยังคิดต่อว่า การเรียนรู้ที่สูงกว่านี้ คือ นักเรยี นอ่านความคดิ ของครูออกว่า “ครมู ีเจตนาอะไรทถ่ี ามค�ำถาม “ท�ำไม” เหลา่ นนั้ ? และเจตนานน้ั ตรงกบั การเรยี นรปู้ รชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งอยา่ งไร?” 48 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธปุ์ ญั ญา หลังจากนักเรียนได้เรียนรู้จากความผิดพลาดการสร้างหอคอยไข่ แล้ว ครูสถาพรให้ท�ำครั้งท่ี 2 เป็นโจทย์ใหม่สร้างอุปกรณ์ป้องกันน�้ำเข้าถัง (ในสถานการณ์น�้ำท่วมและฝนตก) คราวน้ีกลุ่มนักเรียนได้เงิน (ปลอม) ซ้ืออุปกรณ์ตามท่ีตนเองต้องการและเอามาสร้างช้ินงานในเวลาที่ก�ำหนด (ครจู ดั อปุ กรณแ์ ละตงั้ ราคาขาย) ครพู บวา่ คราวนนี้ กั เรยี นท�ำงานโดยใชค้ �ำถาม 8 ขอ้ จากประสบการณห์ อคอยไขน่ �ำความคดิ ท�ำงานสอดคลอ้ งกบั แนวปรชั ญา เศรษฐกจิ พอเพยี งมากขน้ึ นบั วนั การท�ำโครงงานในสถานการณจ์ �ำลองจะถกู ใชม้ ากขน้ึ โดยเฉพาะ STEM แต่จะให้ได้ผลเป็นการเรียนรู้เพ่ือให้เกิดทักษะชีวิตตามแนวปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี งนน้ั ครตู อ้ งเขา้ ใจกระบวนการเรยี นรขู้ องนกั เรยี น ออกแบบ การเรียนรู้ และที่ส�ำคัญคือการถอดบทเรียน ท�ำให้ได้อย่างที่คุณครูสถาพร ท�ำเป็นตวั อย่างไว้ ผมคดิ วา่ การถอดบทเรยี นมอี ย่างนอ้ ย 2 แบบ คอื ถอดกระบวนการ ท�ำงาน และถอดกระบวนการเกิดความรู้สึก ท้ัง 2 แบบนี้สามารถพา นักเรียนเข้าถงึ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงได้ กระบวนการท�ำงานเป็นเรื่อง ความรู้ เหตผุ ล ความพอประมาณ และภูมิคมุ้ กัน กระบวนการเกิดความ ร้สู ึกเปน็ เร่อื งคุณธรรม และภูมคิ ุ้มกนั ผมคิดว่าเราต้องใช้แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่กระบวนการสอน ของครูมากกว่าท่ีกระบวนการเรียนของนักเรียน หมายความว่าผมให้ความ ส�ำคัญที่ครู แต่เป็นความส�ำคัญที่เกิดผลกับนักเรียน กระบวนการของครูต้อง ท�ำใหเ้ กิดการเรยี นรู้โดยไมต่ ้องเรียนเนือ้ หา 3 ห่วง 2 เงื่อนไขเลย กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 49

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธ์ุปัญญา หากเป้าหมายอยู่ที่อุปนิสัยพอเพียง การศึกษาต้องท�ำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงข้างในคน ไม่ใช่ให้ “รู้” นิยาม แต่ให้ “ตระหนัก” เพื่อ ความส�ำเร็จเราต้องพัฒนาท่ีครู ให้ครู master เรื่องนี้ทั้ง content และ กระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน จากนั้น ควรให้อิสระแก่ครูไปออกแบบ การสอนเองให้ตรงกบั บรบิ ทของนักเรยี น ใหค้ รพู ัฒนากนั เองด้วยวง PLC (Professional Learning Community) ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใน SWOT ในบรรดาตัวอย่างการสอนของครูท่ีมูลนิธิสยามกัมมาจลรวบรวมไว้ ผมชอบของคุณครูปริศนา ตันติเจริญ โรงเรียนโยธินบูรณะเป็นพิเศษ เพราะท่านใช้เคร่ืองมือตา่ งจากครูท่านอ่นื ท่านใช้ SWOT ปกติ SWOT ใช้ในการพัฒนาองค์กร โดยวิเคราะห์ปัจจัยภายใน 2 มิติ คือ Strength และ Weakness และวเิ คราะห์ปัจจัยภายนอก 2 มิติ คือ Opportunity และ Threat คุณครูปริศนาเอา SWOT มาอธิบายปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างสวยงาม การสอนวิชาสังคมศึกษาเป็นโอกาสให้ครู ปรศิ นาใชก้ จิ กรรมจิตอาสาเปน็ โครงงานของนกั เรยี น แทนการขยายค�ำถาม 7 ข้อของ รศ. ดร. ทิศนา17 ครูปรศิ นายบุ รวมเหลือเพยี ง 4 ค�ำถามหลัก ไม่บอ่ ย นกั ทผี่ มเหน็ ครยู บุ รวมเชน่ น้ี การยบุ รวมแสดงใหเ้ หน็ วา่ ครเู หน็ ภาพใหญม่ ากขนึ้ และจบั หลกั การมากกวา่ รายละเอยี ด สขี่ นั้ ตอน คอื “ร”ู้ “คดิ ” “เลอื ก” “ท�ำ” 17 ส่วนต้นของหนังสือ“ตัวอย่างการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยพอเพียง” มูลนิธิสยามกัมมาจล (2558) มีบทสรุป ของ รศ. ดร. ทิศนา เกี่ยวกับค�ำถาม 7 ข้อของการท�ำโครงงานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงผมจะกล่าวถึงใน หวั ข้อถดั ไป 50 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพันธุป์ ัญญา “รู้” ประกอบด้วย รู้เรื่องท่ีท�ำ รู้ความสามารถตนเอง และรู้ว่าจะ หาความรู้ไดท้ ไ่ี หน สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา “คดิ ” ฝึกผา่ นการวเิ คราะห์ SWOT “เลือก” ใช้ข้อมูลจากคิด เอาข้อมูลมาตัดสินใจด้วยเหตุผลจาก จุดแข็ง (S) และโอกาส (O) “ท�ำ” ดว้ ยวงจร Deming คอื วางแผน (P) ลงมือท�ำ (D) ตรวจสอบ (C) และปรบั ปรงุ (A) นักเรียนใช้ “รู้” “คิด” “เลือก” “ท�ำ” มาอธิบายเป็นข้อเสนอการ ท�ำโครงงานเสนอครู ท้ัง 4 ข้ันตอนแฝงกรอบความคิดปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี งไดอ้ ยา่ งแนบเนยี น ฝกึ ใหร้ วู้ า่ การจะท�ำอะไรตอ้ งใชข้ อ้ มลู รอบดา้ นมา ตดั สนิ ใจอยา่ งมเี หตมุ ผี ล เหมาะสมกบั ทรพั ยากรทม่ี ี เมอ่ื เสรจ็ กจิ กรรม นกั เรยี น ตอ้ งตรวจสอบและประเมินตนเองด้วยค�ำถาม 7 ขอ้ 1. อะไรที่คิดไว้แล้วท�ำไมไ่ ด้? ? 2. อะไรที่ท�ำไดต้ ามที่คิดไว้? 3. ท�ำไมจึงเปน็ เช่นน้นั ? 4. ข้นั ตอนใดมีปัญหา แกป้ ัญหาได้อยา่ งไร? 5. เรยี นรู้อะไร ไดท้ กั ษะอะไรจากการท�ำงานบ้าง? 6. ความประทับใจ ภมู ิใจอะไรบา้ ง? 7. เห็นประโยชนแ์ ก่ตนเอง ผู้อน่ื ชุมชนอยา่ งไร? กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 51

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ค�ำถามเหล่านค้ี อื AAR ในการจดั การความรูน้ น่ั เอง ขอ้ 1-4 เป็น AAR การปฏิบัติเพื่อให้ได้แก่นความรู้ไว้ใช้งานคราวหน้า ข้อ 5-7 เป็น reflection เพอ่ื การเรยี นรตู้ นเอง ครตู อ้ งมที กั ษะการจดั บรรยากาศการเรยี นรทู้ ส่ี อดคลอ้ ง การเรยี นรใู้ นขอ้ 1-4 ต้องการบรรยากาศกระตนุ้ กระบวนการกลุม่ แต่ขอ้ 5-7 ตอ้ งการบรรยากาศสงบเพื่อการสะทอ้ นคิดลึกๆ ทผี่ มเลือกเรือ่ งราวของครู 3 ทา่ นมาถอดบทเรียนเป็นตวั อย่างเพราะ ประทับใจในความลึกของกระบวนการห้องเรียน ผมต้องการขยายความ ใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจเบอื้ งหลงั กระบวนการคดิ ของครู แมว้ า่ ครไู มไ่ ดอ้ ธบิ ายความคดิ ของตนไว้ในหนังสือของมลู นธิ ิสยามกัมมาจล แตผ่ มกเ็ ชื่อว่าครทู ั้ง 3 ทา่ น ไม่น่าคิดต่างจากท่ีผมตีความได้ หากต่างไปจากที่ครูคิดและไม่ถูกต้อง ผมขออภัยด้วย ขอบคุณคุณครูทั้ง 3 ที่ท�ำให้ผมได้ทราบกระบวนการ หอ้ งเรยี นทท่ี �ำใหเ้ กดิ การเรยี นรปู้ รชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งอยา่ งลกึ ซง้ึ แนบเนยี น คดิ โครงงานปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง : คดิ แบบทำ� วจิ ยั ในการขบั เคลอ่ื นโครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญาผมใชก้ ารเรยี นรผู้ า่ นการท�ำ โครงงานฐานวจิ ยั (Research-Based Learning ; RBL) เม่อื ได้อา่ น 7 ค�ำถาม ส�ำคัญเพ่ือพัฒนากระบวนการคิดตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ รศ. ดร. ทิศนา ท�ำให้ผมคิดว่า RBL ก็คือแนวทางการท�ำโครงงานเศรษฐกิจ พอเพยี ง เพราะค�ำถามทงั้ 7 สอดคลอ้ งกบั แนวทางการเขยี นขอ้ เสนอโครงงาน ฐานวจิ ยั ของเพาะพันธป์ุ ญั ญามาก ค�ำถามทง้ั 7 ประกอบด้วย 52 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา 1. จะท�ำอะไร? ท�ำไมจงึ ท�ำ? (พจิ ารณาความส�ำคญั ประโยชน์ คณุ คา่ ความคมุ้ คา่ ) 2. มีความพร้อม/ความเป็นไปได้ท่ีจะท�ำหรือไม่? (ดูความรู้และ ทรัพยากรสนบั สนนุ ) 3. มีความรู้เพียงพอในเรื่องท่ีจะท�ำไหม? หาความรู้เพิ่มได้จาก ทไ่ี หน? (พจิ ารณาความรอบรู้ทป่ี ระกอบดว้ ย รกู้ วา้ ง รลู้ กึ รลู้ ะเอยี ด) 4. ท�ำอยา่ งไรจงึ จะพอด/ี พอประมาณ รองรบั ปญั หาการเปลย่ี นแปลง ในอนาคตได้? (ยึดหลักคุณธรรมอะไร ผลท่ีเกิดตามมามีอะไรท่ี เบียดเบยี นตนเอง ผ้อู ื่น และสง่ิ แวดล้อมบ้าง) 5. ท�ำอย่างไรจึงจะส�ำเร็จ? (ใช้คุณธรรมอะไร เช่น ความเพียร ซ่อื สตั ย์ อดทน) ? 6. อะไรท่ีท�ำได้ด?ี อะไรทท่ี �ำไม่ได้ด?ี 7. เกิดการเรียนรู้อะไรบ้างจากการคิด การท�ำตามแนวปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง? ผมแบ่งค�ำถามทั้ง 7 ได้เป็น 2 กลุ่ม ข้อ 1-4 คือการออกแบบการท�ำ ซงึ่ ปกตนิ กั เรยี นปฏบิ ตั ผิ า่ นการคดิ ขณะเขยี นขอ้ เสนอโครงงานฐานวจิ ยั ค�ำถาม ขอ้ 5-7 เปน็ การไตร่ตรองสะทอ้ นคิดขณะท�ำและหลังท�ำ เพาะพนั ธุ์ปัญญาใช้ การเขยี นไดอารีแ่ ละแลกเปลีย่ นเรยี นรกู้ นั เอง กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 53

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธุป์ ัญญา เรามขี น้ั ตอนคดิ ท�ำโครงงานโดยเรมิ่ จากขอ้ 1 “ท�ำอะไร? ท�ำไมจงึ ท�ำ?” ขอ้ นค้ี อื หวั เรอื่ งโครงงาน และเหตผุ ล (rationale) ของการท�ำโครงงาน เมอ่ื คดิ จะท�ำอะไรแลว้ ค�ำถามทตี่ ามมาทนั ทคี อื “ท�ำไมจงึ ท�ำ?” นกั เรยี นตอ้ งมเี หตผุ ล อธิบายว่าท�ำไมจึงท�ำโครงงาน (เร่ือง) นี้ เหตุผลต้องมีน�้ำหนักมากพอ ผมมัก เรยี กจดุ เร่มิ ต้นนีว้ ่า “พระพรหม” เพราะเปน็ ผู้บันดาลให้เกดิ จากนัน้ ผมสอนให้ขา้ มไปขอ้ 3 “มีความรู้เพยี งพอในเรอ่ื งทจี่ ะท�ำไหม? หาความรเู้ พมิ่ ไดจ้ ากทไ่ี หน?” ขอ้ นเี้ ปน็ การทบทวนวรรณกรรม ทบทวนความรู้ เดมิ เพอ่ื เปน็ บนั ไดใหเ้ ราไตข่ นึ้ ไดส้ งู กวา่ เดมิ ดกี วา่ เดมิ การทบทวนวรรณกรรม เป็นจุดท่ีต้องพัฒนากันอีกมาก เพราะผมพบว่าครูและนักเรียนไม่เข้าใจว่า ทบทวนวรรณกรรมไปท�ำไม ข้อเสนอโครงงานจึงทบทวนวรรณกรรมเหมือน แก้บน คือให้ได้เอาความรู้ผู้อน่ื มาเขียนบอกวา่ “ฉันอา่ นแล้ว” แตไ่ ม่สามารถ สรุปได้วา่ “ดว้ ยเหตุน้ี ฉันจงึ ....” พูดง่ายๆ คอื การทบทวนวรรณกรรมนน้ั ไม่ ได้เชอื่ มโยงกับเหตผุ ลท่ีท�ำในข้อท่ี 1 เลย ผมเรียกขอ้ นีว้ ่า “ปู่” ข้อต่อไปคือข้อ 4 เมื่อ “ปู่” สรุปว่า “ด้วยเหตุนี้ ฉันจึง...” ก็มาถึง “พ่อ” ท่ีเกิดจากปู่ พ่อจะถามว่า “ท�ำอย่างไร?” ภาษาวิจัยเราเรียก วิธีการ (methodology) หลักการทด่ี ขี องวธิ กี ารคือ “ถกู เร็ว ดี” ถกู คอื ถูกสตางค์ เร็วคืออย่าใช้เวลามาก ส่วนดีหมายถึง ทั้งๆ ท่ีถูกและเร็วน้ัน ได้ผลดีด้วย ผลดีคอื ผลวจิ ยั ท่ีแม่นย�ำพอ เชือ่ ถอื ได้ เอาไปใช้งานได้ คาถา “ถกู เรว็ ด”ี จงึ เขา้ กบั ท�ำโดยพอประมาณ ตรงกบั การใชช้ วี ติ จรงิ ครทู �ำวจิ ยั โดยเรยี นรูผ้ ่านการท�ำวทิ ยานพิ นธ์ ซึง่ จ�ำนวนมากไม่ไดใ้ ชค้ าถา ถูก เร็ว ดี วทิ ยานพิ นธเ์ อา “ด”ี น�ำหนา้ คอื ตอ้ งรลู้ ะเอยี ดกวา่ ผอู้ น่ื แพงและชา้ ไมว่ า่ กนั (ถ้าได้ตพี ิมพ์) 54 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญา จากขอ้ 4 ผมจงึ วกกลบั มาข้อ 2 ตง้ั ล�ำดบั เป็น “ลูก” ถามว่า “ทีจ่ ะท�ำ อย่างพ่อว่าน้ัน ต้องใช้ทรัพยากรอะไรบ้าง เรามีไหม ถ้าไม่มีต้องท�ำอย่างไร” ท้ังพ่อและลูกรวมกนั เป็นแผนการท�ำวิจัย ซ่ึงผมสนับสนนุ ให้คิดเป็น process flow chart ผมเรียกว่าเป็นการคิดออกแบบท�ำโครงงานฐานวิจัยที่เช่ือมต่อแบบ วงศาคณาญาติ ทุก generation ต้องมีเหตุหรือผู้ให้ก�ำเนิด เหตุแรกสุดคือ พระพรหม ถ้าไม่มีเหตุแรกสุดก็ไม่สามารถเกิด generation หลังตามมาได้ พระพรหมจงึ หมายถงึ หว่ งเหตุผล ปู่ทบทวนวรรณกรรมจงึ เทียบไดก้ ับเง่ือนไข ความรู้ พ่อเป็นวิธีการท�ำที่ถูก เร็ว ดี กลายเป็นห่วงพอประมาณ ลูกดูความ พร้อมของทรัพยากรคือห่วงภูมิคุ้มกัน ส่วนเง่ือนไขคุณธรรมคือค�ำถามที่ 5 และ 7 ซึ่งเกดิ จาก reflection หลงั จากปฏิบัติแลว้ ดว้ ยเหตนุ ้ี ผมจงึ มน่ั ใจวา่ การสอนใหค้ รแู ละนกั เรยี นท�ำโครงงานฐานวจิ ยั ของเพาะพนั ธป์ุ ญั ญาไดบ้ ม่ เพาะแนวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งไวแ้ ลว้ ในการคิดงาน RBL นั้น เพาะพันธุ์ปัญญาชักชวนครูให้แปลงความคิด การท�ำงานออกมาเป็นผังกระบวนการ จะท�ำให้เห็นภาพการท�ำงานทั้งหมด ตัวอย่างโครงงานการปลูกดาวเรอื ง18 18 รายละเอยี ดโครงงานนอี้ ยใู่ นบทท่ี 4 55 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธปุ์ ญั ญา การคิดเป็น process flow ท�ำให้นักเรียนรู้จักขั้นตอนการท�ำงาน ว่าต้องท�ำอะไรก่อน อะไรหลัง มีสิ่งใดบ้างที่ท�ำขนานกันได้ ฯลฯ จากผัง process flow นกั เรยี นก�ำหนดทรพั ยากรเวลา และอปุ กรณส์ นบั สนนุ อน่ื เวลา ท�ำใหร้ วู้ า่ ท�ำถงึ ไหนแลว้ เหลอื เวลาอกี เทา่ ใด ชา้ กวา่ แผนไหม ตอ้ งเรง่ อะไรบา้ ง ปรบั แผนอยา่ งไรดี ฯลฯ อปุ กรณส์ นบั สนนุ ท�ำใหร้ จู้ กั วางแผนลว่ งหนา้ ดว้ ยการ ถามว่า ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง มีอุปกรณ์ไหม อยู่ที่ไหน ว่างให้เราใช้ในเวลาท่ี ต้องการไหม ถ้าไม่มีหรือใช้ไม่ได้จะแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าเราท�ำงานไม่ตรงผัง เวลาจะกระทบถึงทรัพยากรอื่นไหม ฯลฯ การตอบค�ำถามเหล่านี้สร้างทักษะ การท�ำงานด้วยตนเอง การท�ำงานจากการหาค�ำตอบของค�ำถามเหล่านี้ สร้างวธิ ีคดิ ใหเ้ กดิ ทศั นคติของอุปนสิ ยั พอเพยี ง ดงั ไดก้ ลา่ วตงั้ แตต่ น้ วา่ โครงงานเกษตรอนิ ทรยี เ์ ปน็ เครอื่ งมอื ใหเ้ ขา้ ใจ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง บทท่ี 4 เปน็ ตวั อยา่ งโครงงานทคี่ รนู า่ จะเขา้ ใจงา่ ย 56 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพนั ธปุ์ ญั ญา บทท4่ี ปรัชตญัวอาเยเพศ่าื่อรงเโษรคฐียรกนงจิ รงพู้าอนเพยี ง สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา เจตนาของตัวอย่างโครงงาน ก่อนหน้านี้ผมได้ให้ความเห็นว่าการท�ำเกษตรอินทรีย์สอดคล้องกับ กรอบความคิดท้ัง 5 ที่เป็นธรรมะของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (บทที่ 1) และให้หลักการของโครงงานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในบทท่ี 2 แต่ท่ีเขียน มาทั้งหมดออกไปในทางนามธรรม อาจจะเข้าใจ ยากส�ำหรับบางท่าน ดังนั้น บทนี้จึงเป็นตัวอย่าง รูปธรรมของโครงงาน 6 โครงงาน ที่จะเขียนต่อไปน้ียังไม่ใช่ proposal โครงงาน RBL เพราะผมเขียนเพียงหลักคิดของ โครงงานทผ่ี มเหน็ วา่ สอดคลอ้ งกบั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง สองตัวอย่างแรกเป็นกิจกรรมกลางของ โครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญา ท่ที ุกโรงเรียนท�ำเหมือน กนั เพื่อเอาผลมาเปรยี บเทียบกนั ในงานปลายปี กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 57

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธุป์ ัญญา โครงงานตน้ ดาวเรืองทำ� จากอากาศ (วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ) ผมไดก้ ลา่ วในเบอื้ งตน้ แลว้ วา่ ถา้ ตน้ ไม้ เติบโตมาจากดิน ดินในกระถางต้องหายไป เมื่อต้นไม้โตข้ึน ความจริงคือ ต้นไม้มาจาก อากาศ เพราะการสงั เคราะหแ์ สงเปลยี่ น CO2 ให้เป็นชีวมวล (เน้ือเย่อื พชื ) โดยใช้แร่ธาตใุ น ดินเพียงไม่เกิน 10% ของมวลพืชเท่านัน้ โครงการนมี้ เี จตนาใหน้ กั เรยี นบรู ณาการ วิชาชีววิทยา ฟิสิกส์ และคณิตศาสตร์ ให้เข้าใจธรรมชาติ ความสมดุลของมวล นักเรียนจะเข้าใจชีววิทยาในมุมมองใหม่ โดยการปลกู ดาวเรอื ง กอ่ นอนื่ ครตู อ้ งรวู้ ธิ กี ารทเี่ ปน็ หลกั การสมดลุ มวลกอ่ น หากตน้ ดาวเรอื ง ท�ำจากดินและอากาศ เราต้องก�ำจัดอิทธิพลของน้�ำออกไป โดยการหา สมดุลมวลแห้ง ดังน้ัน ต้องออกแบบการทดลองให้หามวลของดินที่หาย ไปอยใู่ นตน้ ดาวเรอื ง ครตู อ้ งกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นคดิ หาวธิ กี ารเอาเอง โดยครตู อ้ งทราบลว่ งหนา้ จากผัง process flow ท่ีผมเขียนไว้ในตอนท้ายของบทท่ี 3 ครูต้องรู้ว่าวิธี การที่ ถูก เร็ว ดี เป็นอย่างไร เพื่อให้ค�ำแนะน�ำนักเรียนได้เม่ือพวกเขาเสนอ แผนการท�ำงาน ครจู งึ ตอ้ งรวู้ า่ การทดลองนตี้ อ้ งระวงั อะไรบา้ ง ครตู อ้ งรวู้ า่ การ ออกแบบการหาค�ำตอบของนักเรียนน้ันตรงตามกรอบคิดปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงหรอื ไม่ หากไม่ตรง ครจู ะแกไ้ ขความคิดนักเรยี นอย่างไร โดยไม่บอก 58 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพันธ์ุปัญญา ครูท่ีสอนเรื่องน้ีได้ต้องเข้าใจกระบวนการที่มีข้ันตอนต่อไปนี้ (เปน็ กระบวนการทเี่ ขยี น process flow chart ในบทที่ 3) สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา 1. กระถางพลาสติกปากกว้าง 10 น้วิ ช่ังนำ�้ หนกั W1 2. ใสด่ ว้ ยดนิ ปลกู ตากแหง้ สนทิ ชงั่ นำ้� หนกั รวมได้ W2 วางในถาดรอง 3. ใสเ่ มลด็ ดาวเรอื ง 3 เมลด็ รดนำ�้ รอใหง้ อก ถอนใหเ้ หลอื ตน้ เดยี ว 4. ดแู ลจนดอกที่ 1 บานเตม็ ที่ (หา้ มตดั สว่ นใดสว่ นหนงึ่ ของตน้ ทงิ้ ) 5. ถอนตน้ เอาดนิ ออกจากรากให้หมด (อยา่ ใหร้ ากขาด) 6. เอาดนิ ทงั้ หมด (รวมทค่ี า้ งในจานรองดว้ ย) ไปตากใหแ้ หง้ สนทิ แล้วชั่งนำ้� หนกั W3 7. เอาต้นดาวเรืองทงั้ หมดไปตากใหแ้ หง้ สนิท ชัง่ น�้ำหนกั ได้ W4 8. มวลดนิ เริ่มตน้ = W2-W1 9. มวลดินหายไป = W2-W1-W3 = ดนิ ที่กลายเปน็ ตน้ ดาวเรือง 10. ต้นดาวเรืองท�ำจากอากาศ = W4-(W2-W1-W3) หาเป็น เปอรเ์ ซ็นต์ โครงงานนเ้ี ปน็ เรอื่ งจรงิ ของหอ้ งเรยี นเพาะพนั ธป์ุ ญั ญารนุ่ ปกี ารศกึ ษา 2558 นกั เรยี นปลกู หอ้ งละ 10 กระถาง เพอ่ื เอาค�ำตอบมาแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ กันปลายปี การท�ำโครงงานนี้ผมได้เรียนรู้ว่า แม้จะให้ขั้นตอนการท�ำงาน อย่างละเอียดเชน่ นแี้ ลว้ ครูยังจับหลักการของ ถกู เรว็ ดี ไมไ่ ด้ เพราะตอ่ มาผมต้องเขียนจดหมายถึงครู ใจความว่า กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 59

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธป์ุ ัญญา ถึงคณุ ครทู กุ ทา่ น ผมเห็นการปลูกดาวเรืองทาง FB แล้วหลายโรงเรียน มขี อ้ ทว้ งตงิ ดงั นี้ ก่อนอ่ืนเรามาเข้าใจหลักการทดลองน้ีก่อน เราทราบมาแล้ว ว่าต้นไม้ท�ำจากอากาศประมาณ 90% ดังนั้น 10% ต้องมาจากดิน เราต้องช่ังน้�ำหนักแห้งของต้นไม้ทั้งหมด ตอนปลูกก็ห้ามเด็ดใบท้ิง สมมตุ วิ า่ ตน้ ดาวเรืองแห้งหนกั 1 ขีด (100 กรัม) ดังน้นั ดนิ จะหายไป เพียง 10 กรัม (คอื 1 ใน 10 ของ 1 ขีด) การทดลองจงึ ตอ้ ง 1. ตาช่ังต้องสามารถอ่านได้ละเอียดอย่างน้อย 1 กรัม ถา้ ได้ 0.1 กรัม กย็ ง่ิ ดี ดังน้ัน ทเ่ี หน็ บางโรงเรยี นใชต้ าช่ัง ในตลาดน้ัน ย่อมเป็นไปไม่ได้ท่ีจะอ่านค่า 10 กรัม (1 ใน 10 ของ 1 ขีด) อย่างเก่งเราอ่านได้คร่ึงขีด คือ 50 กรัม การทดลองจะผิดมาก 2. ไม่ควรใช้กระถางดินเผา เพราะมันอมน้�ำ มีโอกาสท่ี น�้ำดินละลายเข้าแทรกในเนื้อดินเผา อีกทั้งเม่ือจบงาน จะลา้ งดนิ ออกยากอยา่ ลมื วา่ เราตอ้ งชง่ั ดนิ ทหี่ ายไปเพยี ง 10 กรมั ขอใหใ้ ชก้ ระถางพลาสตกิ สดี ำ� ทใี่ ชใ้ นเรอื นเพาะชำ� แทน การใช้กระถางดินเผายังท�ำให้น้�ำหนักเกินขอบเขต ท่ีตาช่ังละเอียดรับได้ (ปกติตาช่ังละเอียดในห้อง lab จะรับน�้ำหนักได้สูงสุด 3 กก. เท่านั้น) การใช้ตาชั่งต้อง set zero ทุกคร้งั ด้วย 60 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธป์ุ ัญญา 3. ตอบจบต้องแยกดินออกจากราก การแยกท่ีน่าจะท�ำได้ ง่าย คือ เอารากแช่น�้ำ ให้ดินที่เกาะรากละลายออก การช่ังทุกอย่างต้องม่ันใจว่าเป็นน้�ำหนักแห้งจริงๆ มคี วามชืน้ เม่อื ใดขอ้ มลู ก็เพ้ียนอกี 4. ตอ้ งใช้กระถางรอง อยา่ ใหน้ �้ำท่ีรดลน้ ทร่ี อง เพราะจะพา ดินออกไปด้วย อยา่ ให้ฝนชะดนิ หายไป ผมขอให้ครูทบทวนจาก PowerPoint ที่เคยสอน ความ จริงที่นักเรียนท�ำผิดๆ กันน้ัน ครูถือโอกาสสอนได้เลย ใช้เทคนิค “ถามคอื สอน” ใหน้ กั เรยี นรเู้ องวา่ ต้องใชต้ าชั่งแบบไหน ใหร้ วู้ ่าทำ� ไมไม่ควรใชก้ ระถางดนิ เผา ใหร้ ูว้ า่ ทำ� ไมต้องม่นั ใจวา่ ทุกอยา่ งแห้งจรงิ ตอนชั่ง ให้รูว้ า่ ท�ำไมห้ามรดน้ำ� จนลน้ จานรอง ความจริงนักเรียนควรท�ำ 2 รอบ ปล่อยให้ท�ำผิดๆ ในรอบแรก แล้วเอาที่ท�ำมาวิเคราะห์ให้รู้เองว่าผิดท่ีตรงไหน นักเรียนจะได้ทักษะ การทดลองวทิ ยาศาสตรต์ ดิ ตวั ไปดว้ ย ผมทราบวา่ มหี ลายโรงเรยี นทำ� รอบแรก ไปบา้ งแลว้ โรงเรยี นเหลา่ น้ันก็จะได้เปรยี บในการทำ� รอบ 2 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 61

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ประสบการณ์นี้ท�ำให้ผมรู้ว่าการสอนโครงงานปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงไม่ง่ายเลย ถ้าเราไม่พัฒนาครูให้เข้าใจหลักการส�ำคัญของธรรมชาติ ที่ผมเขียนไว้ในบทท่ี 1 นอกจากเข้าใจบทท่ี 1 แล้ว ครูยังต้องมีทักษะเป็น นักวจิ ัยท่ีดดี ้วย มฉิ ะนน้ั ครูจะไมส่ ามารถ coach นักเรียนใหท้ �ำงานแลว้ ถอด บทเรยี นเป็นปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งได้ โครงงานนย้ี ังขยายความไดอ้ กี 2 มติ ิ คือ ส่งิ แวดลอ้ มและพลังงาน การรณรงคใ์ หป้ ลกู ตน้ ไมล้ ดโลกรอ้ น ไมใ่ ชต่ อ้ งการรม่ เงา แตต่ น้ ไมเ้ ปน็ แหลง่ เกบ็ กกั คารบ์ อน ท�ำใหค้ ารบ์ อนไดออกไซด์ ทเี่ ปน็ greenhouse gas ลดลง นกั เรยี นทราบปรมิ าณคาร์บอนจากการวิเคราะห์ทางเคมี แลว้ วชิ า เคมใี หค้ �ำตอบวา่ ตน้ ดาวเรอื งมบี ทบาทลดคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นอากาศได้ เทา่ ใด ขยายความไปถงึ ต้นไมใ้ นโรงเรยี น และป่าชมุ ชน พลังงานในต้นไม้เก็บอยู่ในธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และซัลเฟอร์ ธาตุเหลา่ นีท้ �ำปฏกิ ิรยิ ากับออกซิเจนได้เป็นออกไซด์ เช่น คารบ์ อนไดออกไซด์ น้�ำ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ วิชาเคมีอีกเช่นกันท่ีจะบอกว่าปริมาณธาตุท้ัง 3 ที่มีในต้นดาวเรืองคิดเป็นพลังงานจากการเผาไหม้เท่าใด หรือนักเรียนจะ ทดลองหาพลังงานความร้อนด้วยหลักฟิสิกส์ก็ได้ ความเข้าใจพลังงาน สามารถขยายความคิดไปถึงค่าฟืน ถ่าน แก๊สหุงต้มท่ีบ้านใช้อยู่ ขยายไปถึง stock พลังงานในป่าชุมชน แล้วโยงพลังงานจากป่าชุมชนเข้ากับระบบนิเวศ เพอ่ื การตดั สินใจใช้ประโยชนจ์ ากปา่ 62 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญา นกั เรยี นทท่ี �ำนายงั สามารถเอาการเผาฟางขา้ วมาเรยี นรไู้ ดแ้ บบเดยี วกนั จะเหน็ วา่ เพยี งหลกั การธรรมดาๆ ครสู ามารถสรา้ งการเรยี นรใู้ หข้ ยาย เขา้ สคู่ วามเปน็ ระบบนเิ วศ จนตระหนกั ถงึ การใชป้ ระโยชนท์ รพั ยากรอยา่ ง ยั่งยนื ซง่ึ คือแนวคดิ ของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง น่ันเอง สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 63

โครงการเพาะพนั ธ์ุปญั ญา สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษาโครงงานวฎั จักรความย่งั ยนื ของเกษตรอินทรยี ์ (วทิ ยาศาสตร์กายภาพ-ชวี ภาพ) ต่อจากโครงงานต้นดาวเรือง นักเรียนเพาะพันธุ์ปัญญาปีต่อมา (รนุ่ ปกี ารศกึ ษา 2559) จะเรยี นรธู้ รรมชาตขิ องความสมดลุ จากการท�ำปยุ๋ หมกั ผมเรม่ิ ด้วยค�ำถามทา้ ทาย 2 ค�ำถาม ? 1. น้ำ� หนกั ปุ๋ยหมกั หายไปไหน เทา่ ใด? 2. การใช้ปยุ๋ หมักท�ำให้ต้นไม้ดึง CO2 กลับมาไดเ้ พิม่ เทา่ ใด? เมอื่ ท�ำปยุ๋ หมกั อนิ ทรยี ส์ ารจะถกู จลุ นิ ทรยี เ์ อาไปเปน็ อาหาร แลว้ ปลอ่ ย ออกมาในรปู CO2 (และความรอ้ น) นำ้� หนกั (แหง้ ) ทห่ี ายไปคอื การกลายสภาพ เปน็ CO2 เมอ่ื เอามาใส่ตน้ ไม้ การโตมากกวา่ ปกติ (ทไี่ มใ่ สป่ ยุ๋ ) ท�ำให้เห็นบทบาท ของปุ๋ยทีต่ ้นไม้น้ันดงึ CO2 กลับมาใหม่ การออกแบบการทดลองใช้หลักการไม่ต่างจากโครงงานต้นดาวเรือง ถ้าไม่อ่านต่อข้างล่างนี้ ครูลองออกแบบเอง ก็เป็นการฝึกท่ีดี ต่อไปนี้คือที่ผม เขียนสง่ ใหพ้ เ่ี ลีย้ งโครงการเพาะพันธ์ุปญั ญาทราบ 64 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธุ์ปัญญา 1. เรม่ิ ตน้ ทฟ่ี างขา้ ว 10 กก. (นกั เรยี นตอ้ งหาขอ้ มลู วา่ ตอ้ งใชม้ ลู ววั แห้งเท่าใด ท�ำปุ๋ยหมักอย่างไร) ท�ำปุ๋ยหมักจากฟางข้าวและ มูลววั ท�ำสมดุลนำ้� หนกั แห้งหานำ�้ หนกั ทีห่ ายไป ซึง่ กลายเปน็ CO2 ต่อน�ำ้ หนักปยุ๋ ที่ผลติ ได้ 2. ปลกู ขา้ วตน้ เดยี วในลงั โฟมเปรยี บเทยี บทใี่ สป่ ยุ๋ และทไ่ี มใ่ สป่ ยุ๋ เลย (ใช้ดินชุดเดียวกัน คลุกให้ทั่ว ให้เนื้อดินเหมือนกัน) นับการ แตกกอ ผลผลติ และนำ้� หนกั ชวี มวลแหง้ ของตน้ ขา้ ว คำ� นวณหา CO2 จากน�้ำหนักชีวมวลแห้ง โดยหาเปอร์เซ็นต์เถ้าก่อน (เถ้าคือส่วนทม่ี าจากดนิ ) 3. จาก 1 และ 2 ทำ� สมดลุ มวล เปรยี บเทียบระหว่างการใสแ่ ละ ไม่ใส่ปุ๋ย (ผลต่างคืออิทธิพลของปุ๋ย) เพื่อพิสูจน์ว่าการท�ำนา ใส่ปุ๋ยอนิ ทรีย์หมกั ท�ำใหเ้ กิดความย่ังยนื คอื ทกุ รอบมีอินทรีย์ สารเหลือมากกว่าท่ีต้องการใช้ในการท�ำปุ๋ย และผลผลิต ท่ีได้เพิ่มข้ึนมปี รมิ าณมากกว่ามวลทเี่ อาไปทำ� ปุย๋ 4. แต่ละศนู ยฯ์ ทำ� ขา้ ว 2 พนั ธ์ุ (1 พนั ธุ์ตอ่ 5 โรงเรียน) เพ่ือให้ ผลทเี่ ปรยี บเทยี บกนั ได้ แตล่ ะโรงเรยี นทำ� 2 ชดุ (ใสแ่ ละไมใ่ สป่ ยุ๋ ) แตล่ ะชุดทำ� 10 กลอ่ งโฟม 5. ให้ตกลงข้อก�ำหนดท่ีควบคุมเหมือนๆ กัน เช่นความลึกดิน ความลกึ น้ำ� ฯลฯ กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 65

โครงการเพาะพนั ธุป์ ญั ญา ด้วยหลักสมดุลมวล การค�ำนวณเลียนแบบโครงงานต้นดาวเรือง ความจรงิ การออกแบบการทดลองขา้ งตน้ นน้ั ครตู อ้ งทราบวธิ กี ารคำ� นวณ นี้กอ่ น ตวั อย่างการค�ำนวณต่อไปนอี้ ย่บู นฐานนำ้� หนักแห้ง สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา วตั ถดุ บิ ฟาง X กก. มลู ววั Y กก. ไดป้ ุ๋ย Z กก. ดอัตงั นรานั้ กการลเาปยลเป่ยี นน็ ฟCาOงเ2ป=็นปXยุ๋+Y=-ZZ/กXก.(1ก9ก. ปยุ๋ /กก. ฟาง) (1) อเอตั ารตา้นกขา้ารวผล(ริตวCมรOา2ก=แล(Xะข+้าYว-Z) )ห/าZเป(กอกร.เ์ ซC็นOเถ2/้ากไกด.้ ปุ๋ย) (2) W (%) ปแสลดกู งขวา้ ่าวตเป้นรขยี า้ บวมเทายีจบากกCารOท2ด(1ล0อ0ง-ทW่ีไม)่ใ(ส%่ป)ุ๋ย ได้ชีวม วลรวม (3) B กก. ท่ีใส่ปุ๋ย A กก. ได้ชีวมวล C กก. ผลต่างชีวมวลรวมท่ีเกิดจากการ ใส่ป๋ยุ = C-B (กก.) ซ่ึงเป็นการดดู CO2 เพ่มิ เขา้ มา = (C-B)(100-W)/100 (กก.) (4) ปยุ๋ A กก. ที่ใสท่ ำ� ใหเ้ กดิ CO2 จากการหมักทำ� ปุ๋ย = A(X+Y-Z)/Z (กก.) (5) ฟางขา้ วในกรณใี สป่ ยุ๋ มี D กก. กรณไี มใ่ สป่ ยุ๋ มี E กก. ผลตา่ ง = D-E (กก.) และจะกลับไปเปน็ ปุย๋ ได้ = (D-E)Z/X (กก.) (6) เราหวังว่าค่าที่ได้จาก (4) จะมากกว่าท่ีได้จาก (5) และค่าของ (6) มากกว่า A เพราะเป็นเงื่อนไขที่ท�ำให้ระบบอินทรีย์มีความย่ังยืน โดยธรรมชาติ โครงงานน้ีค่อนข้างซับซ้อน แต่ในท่ามกลางความซับซ้อน น้ันคือกฎธรรมชาติของเกษตรอินทรีย์ ที่อธิบายว่าเกษตรอินทรีย์ มคี วามยงั่ ยืนตามธรรมชาติของการทป่ี ่าขยายตัวไดเ้ อง 19 ความจรงิ มีมวลจุลนิ ทรียเ์ พ่ิมเข้ามาด้วย แตป่ ริมาณจะน้อยมาก 66 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธุป์ ญั ญา หากครูเข้าใจเหตุผลขั้นตอนการท�ำงานที่เขียนข้างต้น ครูสามารถใช้ ความเข้าใจน้ันออกแบบค�ำถามๆ นักเรียนให้เรียนรู้ธรรมชาติของเกษตร อนิ ทรยี ไ์ ดว้ า่ สอดคลอ้ งกบั กรอบคดิ 5 ขอ้ ในบทท่ี 1 อยา่ งไร ค�ำถามไมส่ ามารถ ออกแบบล่วงหน้าได้ มันต้องผุดขึ้นมาเองอย่างเป็นธรรมชาติในระหว่าง การรายงานผลและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มนักเรียน ดังน้ัน ครูต้อง เป็นผูฟ้ ังท่ดี ี นอกจากนั้น การท�ำโครงงานนี้สามารถให้นักเรียนเข้าใจว่า แทนการ รณรงค์ให้ชาวบ้านไม่เผาฟางเพ่ือลดโลกร้อนและปัญหาส่ิงแวดล้อม เราควร รณรงคใ์ ห้เขาเห็นประโยชนแ์ กต่ ัวเขาเองมากกวา่ ชาวบ้านเผาฟางเพราะเหน็ ฟางเปน็ “อปุ สรรค” ทตี่ อ้ งก�ำจดั แตห่ ากเหน็ ฟางเปน็ ปยุ๋ ฟางจะเปน็ “โอกาส” ที่เขาต้องรักษา ปัญหาหมอกควันก็หายไปเอง เพราะไม่มีเหตุให้เผา บัญชี การท�ำอาชีพจะบอกเขาเองว่าปุ๋ยจากฟางช่วยลดต้นทุนเท่าใด จะมีเงินเหลือ เพิ่มเท่าใด นักเรียนอาจขยายความคิดโครงงานไปศึกษาระบบนิเวศของนา เช่น โครงสร้างดิน จุลินทรีย์ในดิน อินทรีย์สารในดิน หรือเป็นเรื่องเศรษฐกิจก็จะ เห็นฟางเป็นเห็ด เห็นจ�ำนวนเห็ดในตลาด เห็นที่มาของเห็ดบนแผง เห็นผู้ซ้ือ เหด็ ยอ้ นกลับมาเหน็ เงนิ จ่ายตลาดของแม่ โครงงานไม่ใช่งานที่ท�ำส่งครู แต่เป็นงานที่ท�ำแล้วเรียนรู้บริบท เรียนรูช้ ีวติ ได้ทกั ษะชวี ิต กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 67

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา โครงงานความสมั พันธข์ องส่งิ มีชวี ติ ในระบบ (ความคิดเชงิ ระบบ) สองโครงงานกอ่ นหนา้ นใ้ี ชห้ ลกั ความสมดลุ มวลสาร จากโจทยง์ า่ ยๆ ของ ต้นดาวเรืองมาเป็นความซับซ้อนของมวลสารในระบบการท�ำเกษตรอินทรีย์ โดยใช้การท�ำปุ๋ยหมักเป็นโครงงานเรียนรู้ โครงงานที่ 3 จะได้เรียนรู้ความ สมั พนั ธข์ องสง่ิ มชี วี ติ และไมม่ ชี วี ติ ในขอบเขตของระบบขนาดเลก็ ทเ่ี ปน็ ตวั แทน ของระบบนเิ วศ ผมจะไมเ่ ขยี นวิธกี าร แตเ่ น้นอธบิ ายหลักคิดแทน โครงงานงานนี้มีเป้าหมายให้นักเรียนเข้าใจความสัมพันธ์ท่ีเชื่อมโยง ท้ังหมด ที่อยู่ในสถานะต่างๆ กัน บ้าง ก็สนับสนุนเป็นพันธมิตร บ้างก็เป็น ศัตรูกัน ครูควรหาพื้นท่ีปิดที่สามารถ ควบคมุ ปจั จยั ภายนอกไดง้ า่ ยเชน่ โรงเรอื น ขนาดใหญ่ (ใชพ้ ้ืนทเี่ ปิดกไ็ ดถ้ ้าหาไม่ได)้ ในพื้นท่ีน้ันมีทั้งดิน น้�ำ พืช และสัตว์ ( ท่ี มี ทั้ ง สั ต ว ์ กิ น เ นื้ อ แ ล ะ กิ น พื ช ที่อยู่ท้ังในน้�ำ บนบก และสะเทิ้นน้�ำ สะเทิ้นบก เม่ือสร้างระบบได้แล้วให้นักเรียนบันทึกข้อมูลทั้งกายภาพและ ชีวภาพของดิน น้�ำ พืช สัตว์ ที่อยู่ในพ้ืนที่ บันทึกส่วนที่มาจากนอกพ้ืนท่ี ด้วย เช่น ฤดูกาลท่ีอยู่นอกระบบปิดท่ีก�ำลังศึกษา แต่มีผลต่อระบบ เช่น อุณหภูมิ ช่วงเวลาแสง ฝนที่เติมน�้ำเข้าพื้นที่ ปล่อยให้ระบบปรับตนเอง สักระยะหนึ่งแล้วบันทึกข้อมูลเดิมซ�้ำ ท�ำเช่นน้ีไปเป็นเวลา 12 เดือน (อาจจะบันทกึ ทกุ เดอื น) 68 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพันธป์ุ ญั ญา สงิ่ ท่ีนกั เรยี นเห็นจากข้อมลู คือความเปลีย่ นแปลงทีร่ ะบบปรบั ตวั เขา้ สสู่ มดลุ เชน่ จ�ำนวนตก๊ั แตนกบั กบสมั พนั ธก์ นั พชื นำ�้ ขยายปรมิ าณในหนา้ ฝน ปรากฏขุยดินไส้เดือนในบางพ้ืนที่เท่านั้น ผีเสื้อ-ดอกไม้-น้�ำ-แมลงปอ- แสงแดดสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร การเขา้ ใจระบบธรรมชาตทิ อ่ี งิ อาศยั และปรบั สมดุลจะสร้างความคิดเชิงระบบท่ีเข้าใจ “ผลเกิดจากเหตุและปัจจัย” เหตุเดยี วท�ำใหเ้ กดิ หลายผลได้ และผลเดียวเกิดจากหลายเหตุได้ โครงงานนี้เหมาะส�ำหรับการเรียนรู้ท้ังห้อง การท�ำเป็นเวลานาน 12 เดือนท�ำให้นักเรียนมีวินัย มีความอดทนรอดูการเปล่ียนแปลง ครูต้องมี กระบวนการใหน้ กั เรยี นเกดิ ฉนั ทะขน้ึ เองเพอื่ รกั ษาระยะการเรยี นใหย้ าวนานได้ การปอ้ นกลบั (feedback) ทนั ที บอ่ ยๆ และสรา้ งการเรยี นรอู้ ยา่ งมคี วามหมาย การน�ำเสนอผลท่ีเปลี่ยนตามเวลาด้วยภาพ (กราฟ) ของข้อมูลทั้งหมด วิเคราะห์ความเชื่อมโยงเพ่ือสร้างความท้าทายและความคาดหวัง จะช่วย รักษาบรรยากาศไว้ได้ ท่ีส�ำคัญคือครูตอ้ งสนุกกบั การเรียนรไู้ ปพรอ้ มนกั เรียน สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 69

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธป์ุ ัญญา ผมได้ความคิดน้ีมาจากการลงแปลงนาโรงเรียนพระปริยัติธรรม นโิ ครธาราม ท่ี อ. ทา่ วงั ผา จงั หวดั นา่ น นกั เรยี น (เณร) ท�ำนาประมาณ 2 ไร่ นามคี นู ำ�้ ลอ้ มรอบใชเ้ ลย้ี งกบ เรม่ิ เกดิ แหนแดงลอยในคปู ระปราย ดา้ นหนงึ่ ของนาเปน็ เรอื นเพาะเหด็ ปลกู ผกั สวนครวั หา่ งจากนาแคถ่ นนคน่ั มหี นอง น้�ำขนาดใหญ่ หลังจากการไปเยี่ยมไม่ก่ีเดือนผิวน้�ำปิดแน่นด้วยจอกแหน นกฝูงใหญ่ลงมากินข้าวในนา การหว่านถั่วเขียวเป็นพืชหลังนาถูกฝูงนก แย่งกิน พื้นที่ทั้งหมดคือระบบท่ีมีขอบเขต ภาพท่ีเกิดตามกาลเวลาคือ การเปล่ียนแปลงท่ีระบบก�ำลังปรับสมดุล หลายโรงเรียนมีพื้นที่รกร้าง ไม่ต้องท�ำอะไรก็เรียนรู้ได้ การรกร้าง เป็นเวลานานคือความสมดุลที่ระบบจัดการไว้แล้ว เพียงแต่เราเข้าไป รบกวนระบบ เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ถางหญ้าท่ีใจกลางพ้ืนท่ีรกร้าง สัก 100 ตารางวา แล้วเฝ้าสังเกตระบบที่สร้างใหม่ท่ีถูกล้อมรอบ ดว้ ยระบบเก่า วา่ อะไรก�ำลังเกดิ ขน้ึ ทั้งในพื้นทรี่ ะบบใหมแ่ ละระบบเกา่ 70 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา โครงงานเรียนรบู้ ญั ชีชมุ ชน (สังคมศาสตร์) ข้อมูลเป็นจุดเร่ิมต้นของการสร้างการเรียนรู้ การเรียนรู้ตนเองในภาพ กวา้ งเพือ่ เขา้ ใจปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงควรใช้ข้อมูลชุมชน บัญชีชุมชนหมายถึงบัญชีที่เกี่ยวกับชีวิตในชุมชน ประกอบด้วย บัญชี การเงินครัวเรอื น บญั ชอี าชีพ (รวมทกุ อาชีพ เช่น เกษตรกรรม พานิชยกรรม บรกิ าร) บญั ชที รพั ยากร (รวมสภาพแวดลอ้ ม ภมู นิ เิ วศ) บญั ชที กั ษะ บญั ชแี รงงาน บัญชีผู้ด้อยโอกาส บัญชีสุขภาพ บัญชีทุนในพ้ืนท่ี (กลุ่มออมทรัพย์ การเงิน ชุมชน) บัญชปี ระเพณีวัฒนธรรม บญั ชีองค์ความรู้ (รวมภูมิปญั ญา) บัญชีทุน ทางสงั คม บัญชีปัญหาชมุ ชน ผังเครือญาติ แผนทเี่ ดนิ ดนิ ฯลฯ ลองจินตนาการดูว่าหากนักเรียนเห็นบัญชีท้ังหมดน้ี เขาจะเรียนรู้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงระดับครอบครัว และเครอื ขา่ ยชุมชนไดอ้ ย่างดี การเรียนรู้อยู่ที่การวิเคราะห์ข้อมูลทุกบัญชีให้เชื่อมโยงถึงกัน รู้ด้วย ตนเองว่าบัญชีท้ังหลายเช่ือมโยงถึงกัน มีสภาพพลวัต เห็นบางบัญชีเป็น ตัวแทนของหลักการ 3 ห่วง 2 เง่ือนไข จนในที่สุดวิเคราะห์แยกแยะจน เข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในหลายมิติต่างๆ ตามบัญชีท้ังหลายได้ หรอื เอามาเขา้ สู่ SWOT ของชมุ ชน เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจตนเองและความเชอื่ มโยง จากปัจจยั ภายนอก ในประเด็นเศรษฐกิจนักเรียนจะเห็น flow ของเงินและทรัพยากรใน พื้นท่ี พ้ืนท่ีใดท่ีมีเงินไหลเข้ามากกว่าไหลออกหมายถึงมีเงินออม พ้ืนท่ีใดมี ทรัพยากรไหลออกมากกว่าการสร้างข้ึนใหม่ (regenerate) หมายถึงความ เส่อื มโทรม และถ้าบัญชอี าชีพแสดงถึงการผลติ บนฐานทรัพยากร ก็ตคี วามได้ ว่าก�ำลังสูญเสียภูมิคุ้มกันทางทรัพยากร พื้นท่ีมีเงินออมที่แลกกับการสูญเสีย ภมู คิ ุ้มกนั อาจจะหมายถึงท่รี ะเริงในวันนี้เพื่อรอวันล่มสลายกไ็ ด้ กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 71

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ขอ้ มลู บญั ชที ง้ั หมดคอื เครอ่ื งมอื การเรยี นรทู้ งั้ ชมุ ชน ครตู อ้ งเปน็ ผชู้ กั จงู ใหน้ กั เรยี นตอบตนเองวา่ ตอ้ งการรอู้ ะไร แลว้ ชว่ ยกนั หาความหมายจากตวั เลข บัญชีท้ังหลาย เช่น ให้นักเรียนเห็นความสัมพันธ์ระหว่างหน้ีสินกับสถาบัน การเงินชุมชนและแหล่งเงินนอกระบบ สุขภาพกับการใช้สารเคมีเกษตร และระบบสวัสดิการชุมชน สุขภาพกับหนี้สิน แหล่งน�้ำกับหน้ีสิน ปุ๋ยเคมีกับ เศษพชื จ�ำนวนปศุสัตวแ์ ละขยะตลาดสด ฯลฯ ค�ำถามที่ครูควรใช้คือ “ถ้า.... จะท�ำให้..... และจะท�ำให้..... และจะ ท�ำให้....จึง....” เพื่อน�ำไปสู่ทางเลือกการจัดการตนเอง เช่น หนี้สิน สุขภาพ ปุย๋ เคมี เศษพืชมลู สัตว์ ไดค้ �ำตอบวา่ “ถ้าเอาเงนิ จากสถาบันการเงินชมุ ชนมา สร้างโรงปุ๋ยอินทรีย์ จะท�ำให้ลดการน�ำเข้าปุ๋ยเคมี และจะท�ำให้แหล่งน�้ำปน เปอ้ื นนอ้ ยลง และจะท�ำใหส้ ขุ ภาพดขี นึ้ และจะท�ำใหห้ นส้ี นิ ลดลง และจะท�ำให้ ใช้ทุนภายใน จึงได้ภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ตลอดจน อธิบายผลท่ีเกิดในมิติเศรษฐกิจ (เงินออมภายในถูกใช้ประโยชน์แทนการเป็น หน้ีขา้ งนอก) สังคม (เป็นสขุ เพราะเปน็ เครือขา่ ยเศรษฐกจิ กนั เอง) ส่ิงแวดลอ้ ม (ดินลดการปนเป้ือน) และวฒั นธรรม (รกั ษาทนุ ทางสังคมท่ีเกื้อกลู กนั ).... ฯลฯ 72 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพนั ธุ์ปัญญา ในท่ีสุดนักเรียนจะเข้าใจความเป็นระบบของ 4 มิติที่มีความสัมพันธ์ กันเอง นักเรียนจะเข้าใจภาพกว้างจากการฝึกคิดวิเคราะห์จากการตั้งค�ำถาม แนว scenario “ถา้ ......จะท�ำให.้ .... และจะท�ำให.้ ...จงึ .....” เม่ือเราใช้ข้อมูลมาตัดสินใจการกระท�ำอย่างใดอย่างหน่ึง การกระท�ำ นั้นจะรบกวนสภาพเดิม ท�ำให้ระบบเปลี่ยนแปลง (พลวตั ) อกี ครงั้ หน่งึ มผี ู้ได้ รบั ผลกระทบตอ่ เนือ่ งมากมายท้ังทางลบและบวก ร้จู กั คิดเอาข้อดีและเสียมา ประเมนิ เพ่ือน�ำไปส่กู ารตัดสนิ ใจที่ดีทีส่ ุด ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือการเดินทางสายกลางท่ีต้องเข้าใจการ ประนปี ระนอมระหว่างได้กับเสีย เราเรยี กการ optimization การแกป้ ญั หา สว่ นเสียเกิดเม่อื ส่วนได้ร้จู กั การชดเชย เราเรยี ก compensation ผมคิดวา่ การเตมิ เตม็ ในการเรียนรปู้ รัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ ท�ำให้ ผู้เรียนรู้จักตัดสินใจแบบ optimization และรู้จักการ compensation เพ่ือการอยรู่ ว่ มกนั เป็นสงั คมสงบสุข สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 73

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธป์ุ ัญญา โครงงานวเิ คราะหเ์ กษตรพันธสัญญา (สังคมศาสตร์) “ให้ผู้เลี้ยง (เกษตรกร) ซื้ออาหารปลาจากทางร้าน (ผู้รับจ้าง) ตามราคาและจ�ำนวนทีท่ างร้านแจง้ ให้ทราบในแตล่ ะรุน่ ” “ในกรณีเกิดโรคระบาดหรือเกิดเหตุอ่ืนท่ีผิดปกติจนเป็นเหตุให้ สกุ รตาย ผรู้ บั จา้ งจะตอ้ งชำ� ระคา่ ปรบั ตามจำ� นวนทขี่ าดในราคาตลาดและ รบั ผดิ ชอบท้งั คดีแพง่ และคดีอาญา” ในกรณีที่มีการใช้แหล่งน้�ำสาธารณะเป็นที่เลี้ยงปลาและเกิดความ เสียหายไม่ว่าจะด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ผ้เู ลยี้ ง (เกษตรกร) ตกลงรบั ผิดชอบ แตผ่ เู้ ดียว” “ผู้เล้ียงสุกรต้องท�ำการเลี้ยงสุกรตามมาตรฐาน ตามเกณฑ์ท่ีบริษัท ก�ำหนด รวมถึงหลักเกณฑ์ท่ีได้มีเพ่ิมเติมภายหลัง และเมื่อได้ก�ำหนดข้ึน เป็นประการใดแล้วใหถ้ อื เปน็ ส่วนหนง่ึ ของสัญญาด้วย” 74 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพันธ์ุปัญญา ข้อความข้างต้นคือส่วนหนึ่งของสัญญาท่ีเกษตรกรมีกับผู้จ้าง การท�ำ เกษตรพันธสัญญาดูเหมือนมีความม่ันคงท่ีมีผู้รับซื้อตามราคาที่รู้ล่วงหน้า แต่หากพิจารณาสัญญาให้รอบคอบ นักเรียนจะได้เรียนรู้การท�ำงานที่ไม่ สอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเลย มีท้ังหลอกล่อให้ไม่พอประมาณ (กู้มาลงทุนเกินตัว) การไม่มีเหตุไม่มีผล ไม่มีคุณธรรมของข้อตกลงธุรกิจ และการถูกบีบด้วยเหตุการณ์ข้างหน้าท่ีต่อรองไม่ได้อันเป็นความเสี่ยง (ขาดภูมคิ ุ้มกัน)20 สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา ความโลภ ความคดิ ทขี่ าดเหต-ุ ผล และการไมส่ ามารถวเิ คราะหเ์ งอ่ื นไข การท�ำงานได้ ท�ำใหห้ ว่ งทงั้ 3 ไมท่ �ำงาน เมอ่ื ผนวกกบั การขาดความรู้ และ การไรค้ ณุ ธรรมของผจู้ า้ ง ความทกุ ขข์ องชวี ติ เกษตรกรพนั ธสญั ญาจงึ เกดิ ขนึ้ การเรยี น โดยเอาสญั ญามาวเิ คราะห์ (ท�ำวจิ ยั ) ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ท�ำใหน้ ักเรียนมีปัญญารู้เทา่ ทนั เขา้ ใจปญั หาในบรบิ ทของครอบครัว ตนเอง ไม่ตกเป็นเหย่ือการโฆษณาชวนเช่ือของผู้จ้าง หรือตัวแทนผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย (ส่วนมากเปน็ ผู้น�ำชุมชนท่ชี าวบ้านไว้วางใจ) หากนกั เรยี นใชร้ ะบบบญั ชที สี่ มั พนั ธก์ นั ตามตวั อยา่ งโครงงานกอ่ นหนา้ น้ี เขาจะคิดได้กว้างไกลข้ึน แหล่งน้�ำสาธารณะเสียจากการเลี้ยงปลาส่งผล กระทบอะไรบ้างทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมของชุมชน ปัญหานั้นได้ท�ำลายห่วงอะไรในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เราจะแก้ปัญหานี้ อย่างไร วิธีคิดแก้ปัญหานั้นตั้งอยู่บนความรู้และคุณธรรมอะไร เม่ือแก้แล้ว จะท�ำใหห้ ่วงใดกลับมาเข้มแข็งข้นึ 20 มีสารคดีชุด “ข้าวปลาอาหาร” ของ Thai PBS ที่ใช้ศึกษาได้หลายตอน (ค้นได้จาก YouTube) หรือรายการเปิดปม ตอน “ช�ำแหละเกษตรพนั ธสัญญา” https://www.youtube.com/watch?v=3oeocD6L0E0 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 75

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธ์ุปญั ญา โครงงานสางความเชอ่ื (มนษุ ยศาสตร)์ “ไมเ่ ชือ่ อยา่ ลบหล”ู่ วลีข้างต้นเป็นค�ำอ้างชะงัดยิ่งต่อการเปล่ียนแปลงความเชื่อที่งมงาย ไร้เหตุผล ความเช่ือเป็นมิติมนุษยศาสตร์ แต่ความเชื่อท่ีไร้เหตุผลส่งผลเสีย มากมายต่อความพอประมาณและภูมิคุ้มกัน เช่ือคนทรงท�ำให้โลภทุ่มเงินเล่น หวย เชื่อสนิทใจท�ำให้สูญเสียภูมิคุ้มกันทางความคิด ไม่เป็นตัวของตัวเอง ละเลยการพง่ึ ตนเอง เปน็ เสน้ ทางอบายหลดุ วงโคจรปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง การท�ำโครงงานมนษุ ยศาสตร์ (สะ) สางความเชอ่ื จะท�ำใหน้ กั เรยี น (และชมุ ชน) กลบั มาตงั้ อยบู่ นฐานความรู้ มเี หตผุ ล และจะเปน็ จดุ วกกลบั เขา้ สวู่ งจรปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพียง หลกั คดิ นผี้ มไดม้ าจากงานวจิ ยั ทอ้ งถนิ่ ของ สกว. ทลี่ ม้ ลา้ งธรรมเนยี ม การเลย้ี งเหลา้ งานศพของพนื้ ทใี่ นจงั หวดั ล�ำปาง ตอ่ มางานไดข้ ยายไปสาง ความเชอ่ื เรอ่ื งการก�ำหนดการเผาศพของจงั หวดั นา่ น เพราะความเชอื่ เรอื่ ง การก�ำหนดวนั เผา ท�ำใหต้ อ้ งเกบ็ ศพไวน้ าน เจา้ ภาพเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยมาก งาน วจิ ยั ชน้ิ นวี้ เิ คราะหเ์ อกสารเกา่ ดทู มี่ าของความเชอื่ แลว้ รว่ มกนั ก�ำหนดหลกั เกณฑ์ใหม่ ท�ำให้เผาศพได้เร็วข้ึน งานวิจัยน้ีท�ำให้เราเห็นวิธีการพาสังคม เขา้ สชู่ วี ติ ทดี่ ขี น้ึ จากปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพราะใชข้ อ้ มลู ความรู้ และ เหตผุ ลมาสางความเช่ือทไ่ี รเ้ หตุผล 76 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน

โครงการเพาะพนั ธุป์ ัญญา เพราะค�ำว่า “ไม่เช่อื อยา่ ลบหล”ู่ จงึ ท�ำให้สงั คมสะสมความเชอื่ ผดิ ๆ ไว้ ความเชอ่ื นน้ั อาจเหมาะสมกบั บรบิ ทสมยั กอ่ น แตอ่ าจจะไมเ่ ปน็ จรงิ กบั สมยั นแ้ี ลว้ การสางความเชอื่ ใหเ้ หลอื เฉพาะทเ่ี ขา้ กนั ไดก้ บั บรบิ ทเปน็ ความ กลา้ หาญทางปญั ญาและจติ วญิ าณมาก ผมเช่ือว่ามีความเช่ือโบราณตกค้างเพราะ “ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่” อีกมาก และความเช่ือเหล่าน้ีท�ำให้ผู้คนจ�ำใจต้องปฏิบัติตนตรงข้ามกับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดังน้ัน หากนักเรียนท�ำโครงงานเช่นนี้ เขาและ ชุมชนจะเร่ิมวิถีชีวิตใหม่ได้21 การสะสางความเช่ือด้วยเหตุ-ผลที่มีบริบท ก�ำกบั ท�ำใหน้ กั เรยี นเรยี นรคู้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความเชอื่ กบั บรบิ ท ขยายยาว ไปถงึ ประวตั ศิ าสตรช์ มุ ชน ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งชมุ ชนทมี่ คี วามเชอื่ เหมอื นกนั การเลื่อน (shift) ความเชื่อและสาเหตุ ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อ กับภูมิปัญญาท้องถ่ิน รวมทั้งมุมมองความดีงามที่เป็นกุศโลบายซ่อนอยู่ ในความเชื่อนั้น สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา 21 งานช้ินนี้มีพระร่วมท�ำด้วย และให้ค�ำรับรองว่าถ้าเปลี่ยนการเผาศพตามท่ีสะสางกันใหม่แล้วเกิดอาถรรพ์ ส่ิงไม่ดี พระจะปัดรังควานให้ งานมนุษย์ศาสตร์เร่ืองความเช่ือ ความศรัทธาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ผู้สนใจสามารถดูสารคดี เรอ่ื ง “คนตาย(ไม่)ขายคนเปน็ ” ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=hubyjROzgk0 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน 77

สงวนลิข ิสท ์ิธอนุญาตเผยแพร่เพื่อการศึกษา โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ญั ญา บทสรุปของการท�ำโครงงานปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชด�ำรัสเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา เม่ือวันท่ี 4 ธันวาคม 2543 ว่า เศรษฐกิจพอเพียง เป็นทั้งเศรษฐกจิ หรือความประพฤติ ความตอนหนงึ่ ว่า “... เศรษฐกจิ พอเพยี งนข้ี อยำ้� วา่ เปน็ การทงั้ เศรษฐกจิ หรอื ความ ประพฤติ ท่ที �ำอะไรเพ่ือให้เกิดผลโดยมีเหตุและผล คอื เกดิ ผล มนั มาจากเหตุ ถา้ ทำ� เหตทุ ด่ี ี ถา้ คดิ ใหด้ ใี หผ้ ลทอ่ี อกมา คอื สงิ่ ท่ี ติดตามเหตุ การกระท�ำก็จะเป็นการกระท�ำที่ดี และผลของการ กระท�ำน้ัน ก็จะเป็นการกระท�ำท่ีดี ดีแปลว่ามีประสิทธิผล ดีแปลว่ามีประโยชน์ ดีแปลว่าท�ำให้มีความสุข...” 78 กระบวนการเรียนรู้ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากการทำ�โครงงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook