Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การปลูกผักปลอดสารพิษ

การปลูกผักปลอดสารพิษ

Published by warunya9933, 2021-03-16 14:55:32

Description: การปลูกผักปลอดสารพิษ

Search

Read the Text Version

การปลกู ผักปลอดสารพษิ พชื ผกั เป็นพชื อาหารทค1ี นไทยนิยมนาํ มาใชร้ บั ประทานกนั มากเน1ืองจากมคี ุณค่าทางอาการทAงั วติ ามินและแร่ธาตุต่างๆ ที1เป็นประโยชน์ตอ่ ร่างกายสูงแตค่ า่ นิยมในการบริโภคผกั นAนั มกั จะเลอื กบริโภคผกั ทส1ี วยงามไม่มรี ่องรอยการทาํ ลายของหนอนและแมลงศตั รูพชื จึงทาํ ใหเ้ กษตรกรทป1ี ลกู ผกั จะตอ้ งใช้ สารเคมีป้องกนั และกาํ จดั แมลงฉีดพน่ ในปริมาณท1มี าก เพอ1ื ให้ไดผ้ กั ทีส1 วยงามตามความตอ้ งการของตลาด เมือ1 ผูซ้ Aือนาํ มาบริโภคแลว้ อาจไดร้ บั อนั ตรายจากสารพษิ ทตี1 กคา้ งอยใู่ นพืชผกั นAนั ได้ เพอื1 เป็นการแกป้ ัญหา ดงั กลา่ ว เกษตรกรจึงควรหนั มา ทาํ การปลูกผกั ปลอกภยั จากสารพษิ โดยนาํ เอาวธิ ีการป้องกนั และกาํ จดั ศตั รูพชื หลายวธิ ีมาประยกุ ตใ์ ชร้ ่วมกนั เป็นการทดแทนหรือลดปริมาณการใชส้ ารเคมใี ห้นอ้ ยลง เพ1อื ความ ปลอดภยั ของเกษตรกร ผบู้ ริโภคและส1ิงแวดลอ้ ม ข้อดขี องการปลูกผักปลอดภัยจากสารพิษ 1. ทาํ ใหไ้ ดพ้ ชื ผกั ที1มคี ณุ ภาพ ไม่มีสารพษิ ตกคา้ ง เกดิ ความปลอดภยั แก่ผบู้ ริโภค 2. ช่วยให้เกษตรกรผูป้ ลกู ผกั มสี ุขภาพอนามยั ดขี Aึนเน1ืองจากไมม่ ีการฉีดพน่ สารเคมปี ้องกนั และกาํ จดั ศตั รูพืช ทาํ ให้ เกษตรกรปลอดภยั จากสารพิษเหลา่ นAีดว้ ย 3. ลดตน้ ทุนการผลิตของเกษตรกรดา้ นคา่ ใชจ้ า่ ยในการซAือสารเคมปี ้องกนั และกาํ จดั ศตั รูพชื 4. ลดปริมาณการนาํ เขา้ สารเคมีป้องกนั และกาํ จดั ศตั รูพชื 5. เกษตรกรจะมรี ายไดเ้ พ1ิมมากขAึน เน1ืองจากผลผลติ ทไ1ี ดม้ คี ุณภาพ ทาํ ให้สามารถขายผลผลิตไดใ้ นราคาสูงขAึน 6. ลดปริมาณสารเคมปี ้องกนั และกาํ จดั ศตั รูพืชที1จะปนเปAือนเขา้ ไปในอากาศและนAาํ ซ1ึงเป็นการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาต และลดมลพิษของส1ิงแวดลอ้ มไดท้ างหน1ึง การจาํ แนกประเภทผกั การจาํ แนกประเภทของผกั ออกเป็นประเภทต่างๆนAนั มีเกณฑอ์ ยู่หลายอย่าง ทส1ี ามารถใชใ้ นการจาํ แนก ประเภทของผกั ได้ แต่ทีน1 ิยมกนั หลกั ๆแลว้ ใชเ้ กณฑจ์ าํ แนกตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์, จาํ แนกส่วนทใ1ี ชใ้ นการบริโภค และจาํ แนกตามฤดปู ลกู ท1ี เหมาะสม รายละเอียดของ เกณฑก์ ารจาํ แนกดงั กลา่ ว 1.การจําแนกผกั ตามลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ การจาํ แนกประเภทนAี เป็นท1นี ยิ มใชใ้ นแวดวงการศกึ ษา การวจิ ยั ต่างๆ และคอ่ นขา้ งจะเป็นเกณฑก์ ารจาํ แนกทเ1ี ป็นสากล โดยอาศยั ความเกย1ี วขอ้ งใกลเ้ คียงกนั ของผกั มีการเจริญเตบิ โต ในสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศคลา้ ย คลงึ กนั

นอกจากนAีผกั ประเภทเดยี วกนั มกั มรี ะบบการเจริญเติบโต ทางราก ลาํ ตน้ และใบ ระบบการสืบพนั ธุ์ ไดแ้ ก่ ดอก ผล และ เมล็ด ทค1ี ลา้ ยคลึงกนั และส่วนมาก นิยมจาํ แนกผกั ตามลกั ษณะ ทางพฤกษศาสตรน์ Aี ถงึ แค่ระดบั ตระกลู (Family) ยกตวั อย่าง เช่น ตระกลู กะหลา1ํ ไดแ้ ก่ กะหล1าํ ดาว กะหล1าํ ดอก กะหลา1ํ ปลี กวางตุง้ คะนา้ ผกั กาดขาวปลี ผกั กาดเขียวปลี ผกั กาดหวั บรอคคอลี ตระกลู แตง ไดแ้ ก่ แตงกวา แตงเทศ แตงโม ตาํ ลงึ บวบเหลยี1 ม บวบหอม นAาํ เตา้ ฟักทอง มะระ ตระกลู ถวั1 ไดแ้ ก่ กระถิน แค ชะอม ถวั1 แขก ถว1ั ฝกั ยาว ถวั1 ลนั เตา มนั แกว โสน ตระกูลมะเขอื ไดแ้ ก่ พริก พริกยกั ษ์ พริกหวาน มะเขือ มะเขอื เทศ มะแวง้ ตระะกลู มะเขอื ไดแ้ ก่ กระเทยี ม หอมแดง หอมแบง่ หอมหวั ใหญ่ ตระกลู อนื1 ๆ ไดแ้ ก่ ขา้ วโพดหวาน คน1ื ฉ่าย เคร1ืองเทศ ผกั กาดหอม ผกั ชี ผกั บุง้ จนี สมุนไพร 2.การจําแนกผักตามส่วนทีDใช้บริโภค ส่วนของผกั ทใ1ี ชบ้ ริโภค ไดแ้ ก่ ใบ ลาํ ตน้ ราก ดอก ผล และเมล็ด การผลติ ผกั เพือ1 ตอ้ งการ ส่วนของใบ และลาํ ตน้ จึง จาํ เป็นตอ้ งเพ1ิม ปริมาณป๋ ุยที1ธาตุไนโตรเจน ส่วนการผลติ ผกั เพือ1 บริโภคส่วนของดอก ผล เมล็ด และระบบราก ท1ี แข็งแรงตอ้ งเพ1มิ ปริมาณ ป๋ ุยท1ีให้ธาตุฟอสฟอรัส ส่วนความแข็งแรง และรสชาติหวานของผล ไดร้ บั จากป๋ ุยที1ให้ธาตุ โปแตสเซียมเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนAี การปลูกผกั ที1ตอ้ งการส่วนตา่ งๆ ในการบริโภค ยงั เกีย1 วกบั การเขตกรรม เชน่ ผกั ทีบ1 ริโภคส่วนของระบบราก จะไมเ่ พาะกลา้ เพอื1 ทาํ การยา้ ยปลกู ส่วนทีใ1 ชบ้ ริโภคของผกั จาํ แนกไดด้ งั นAี ราก – รากแกว้ ไดแ้ ก่ แครอท เทอร์นิพ ผกั กาดหวั – รากแขนง ไดแ้ ก่ มนั เทศ ลําต้น – ลาํ ตน้ เหนือดนิ ไดแ้ ก่ กะหล1าํ ปม หน่อไมฝ้ รงั1 – ลาํ ตน้ ใตด้ นิ ไดแ้ ก่ ขงิ ขา่ เผือก มนั ฝรง1ั มนั มอื เสือ หน่อไม้ ใบ – ตระกลู หอม ไดแ้ ก่ กระเทยี ม กระเทยี มตน้ หอมแดง หอมแบ่ง หอมหัวใหญ่ – กล่มุ ใบกวา้ ง ไดแ้ ก่ กะหลา1ํ ปลี คะนา้ ปวยเหร็ง ผกั กาดขาวปลี ผกั กาดหอม ดอก – ตาดอกออ่ น ไดแ้ ก่ กะหลา1ํ ดอก บรอคอลี – ดอกแก ไดแ้ ก่ แค โสน ผล – ผลออ่ น ไดแ้ ก่ กระเจยี\\ บเขยี ว ขา้ วโพดฝักออ่ น แตงกวา ถว1ั ฝกั ยาว ถว1ั ลนั เตา บวบเหล1ยี ม มะเขือ มะระ

– ผลแก่ ไดแ้ ก่ ตระกูลแตง เช่น แตงเทศ แตงโม ฟักทอง ตระมะเขอื ไดแ้ ก่ พริก มะเขอื เทศ 3.จําแนกตามฤดปู ลูกทเีD หมาะสม การใชเ้ กณฑฤ์ ดูปลกู ทเ1ี หมาะสมในการจาํ แนกผกั นAนั จะขAึนอย่กู บั ฤดกู าล อนั มีผลเกย1ี วเน1ืองจากลกั ษณะทางสภาพ ภมู ิอากาศและภูมิประเทศของพAนื ทนี1 Aนั ๆ สําหรบั ประเทศประเทศไทยนAนั อยู่ในเขนร้อนชAืน ตลอดปี มี 3 ฤดู ไดแ้ ก่ ฤดฝู น เดอื น มถิ นุ ายน-กนั ยายน ฤดหู นาว เดือน ตุลาคม-มกราคม ฤดูร้อน เดือน กมุ ภาพนั ธ์-พฤษภาคม โดยทวั1 ไปพืชผกั สามารถปลกู ไดต้ ลอดปี แต่ในปัจจบุ นั มกี ารปรับปรุงพนั ธุ์ผกั ใหส้ ามารถปลกู ในแตล่ ะฤดู ไดอ้ ย่าง เหมาะสม สามารถจาํ แนกผกั ท1ีเจริญเติบโต ไดอ้ ยา่ งปกติในสภาพอณุ หภมู ิ ตา่ งๆ ดงั นAี ผักฤดูหนาว สามารถเจริญเติบโต ไดด้ ีระหวา่ งอณุ หภูมิ 18-28 องศาเซลเซียส ผกั กลุม่ นAี สามารถเจริญเตบิ โต และ ใหผ้ ลผลติ สูง ในฤดหู นาว หากตอ้ งการปลูในฤดรู ้อน และฝนควร ควรเลือกปลกู พนั ธุ์ท1ีทนรอ้ น และฝน หรือพนั ธุเ์ บา สามารถเจริญเติบโต และให้ผลผลติ สูงเช่นกนั หากเลือกใชพ้ นั ธุท์ ี1ไม่เหมาะสม อาจทาํ ใหผ้ ลผลิตตา1ํ หรือเสียหาย ไดแ้ ก่ กระหลา1ํ ดอก กะหลา1ํ ปลี กระเทียม แครอท บรอคอลี ผกั กาดเขยี าปลี ผกั กาดหัว ผกั กาดหอม มนั ฝรั1ง และหอมหวั ใหญ่ ผักฤดูรอน สามารถเจริญเติบโต ไดด้ ใี นสภาพอุณหภมู ิระหวา่ ง 25-35 องศาเซลเซียส การปลกู ในประเทศไทย สามารถเจริญเติบโต ให้ผลผลติ สูงตลอดปี ไดแ้ ก่ กระเจ\\ียบเขียว ขา้ วโพดหวาน ผกั ตระกลู แตงทุกชนดิ ผกั ตระกลู มะเขอื ทAงั หมด ยกเวน้ พริกยกั ษ์ พริกหวาน สําหรับผกั ตระกลู ถวั1 ยกเวน้ ถว1ั ลนั เตา ผกั ฤดูฝน สามารถเจริญเติบโต ไดด้ ีในสภาพอุณหภมู ริ ะหว่าง 25-35 องศาเซลเซียส และทนฝน ไดแ้ ก่ ผกั ตระกลู แตงทAงั หมด ยกเวน้ แตงเทศ ผกั ตระกูลมะเขือ และถว1ั ฝักยาว ผกั กลุ่นAีเจริญเตบิ โตไดผ้ ลดีในทกุ ฤดู สาเหตกุ ารแพร่ระบาดของศัตรูพชื เมอ1ื จาํ นวนประชากรเพม1ิ มากขAึน ความตอ้ งการอาหารและผลติ ผลจากพชื ปลูกชนิดตา่ งๆ กเ็ พิม1 มากขAนึ ตามไปดว้ ย ทาํ ให้กสิกรตอ้ งปรับปรุงการกสิกรรมให้ไดผ้ ลผลิตมากขAนึ เช่น การขยายพAืนที1ปลกู เพ1ิมมากขAนึ การปรบั ปรุงพนั ธุพ์ ืชปลกู ตลอดจนการปรบั ปรุงการกสิกรรมดว้ ยวธิ ีตา่ งๆ ดงั นAนั จึงพบว่าศตั รูพืชกไ็ ด้ ระบาดเพมิ1 มากขAนึ ตามไปดว้ ย โดยมสี าเหตุตา่ งๆ ดงั นAี 1) การนาํ เขา้ มา ไมว่ ่าจะเป็นศตั รูจากตา่ งประเทศหรือจากแหล่งใกลเ้ คยี งอาจถกู นาํ เขา้ มาโดยเจตนา หรือไม่เจตนาได้ ซ1ึงโดยมากมกั เกดิ จากการละเลย การขาดความรู้และการไมร่ ะมดั ระวงั เช่น การตดิ มาของ โรคพชื หรือแมลงในระยะหน1ึงระยะใด หรือเมลด็ วชั พืชปะปนเขา้ มาร่วมกบั เมลด็ พนั ธุ์ ผลผลิต ส่วน ขยายพนั ธุ์ หรือกบั เคร1ืองจกั รกลการเกษตร

2) การเปลี1ยนแปลงหรือทาํ ลายสภาพสมดลุ ธรรมชาติ ศตั รูพืชจากแหล่งใกลเ้ คียงอาจอพยพเขา้ ไปในพAืนท1ี ทาํ กสิกรรม ถา้ แหล่งอาศยั ตามธรรมชาติของมนั ถูกทาํ ลาย เชน่ การเปล1ียนแปลงสภาพป่ าไปเป็นพAืนทก1ี สิกร รม ทาํ ให้เกิดการระบาดของตก\\ั แตนปาทงั กา้ (Patanga succincta)ในแหล่งปลกู ขา้ วโพดของจงั หวดั ลพบุรี การระบาดของหนูในนาขา้ วภาคกลางของประเทศ การระบาดของหญา้ คาเขา้ ไปในสวนยางพาราและสวน ปาลม์ นAาํ มนั ทเี1 ริ1มปลูกใหม่ๆ การระบาดของหนอนกระทยู้ บิ ซี (Agrostis ypsilon) เพ1ิมมากขAนึ เมอื1 มกี ารใช้ ระบบชลประทานเขา้ ไปในรัฐเทนเนสซ1ี 3) การปลูกพืชชนิดเดยี วกนั ตดิ ต่อกนั เป็นบริเวณกวา้ ง หรือติดตอ่ กนั นานหลายปี ทาํ ให้มกี ารสะสมของ ศตั รูพืชซ1ึงอย่ใู นบริเวณนAนั เพิ1มจาํ นวนมากขAึน หรือทาํ ให้ศตั รูพืชจากแหลง่ ใกลเ้ คยี งสามารถปรับตวั เขา้ ทาํ ลายพืชปลูกได้ เช่น การระบาดของแมลงศตั รูฝา้ ยจะเกดิ รวดเร็วในแหล่งท1ีทาํ การปลกู ฝา้ ยตดิ ตอ่ กนั เป็น บริเวณกวา้ ง การระบาดของโรครากเน่าของสม้ ทุเรียน ยางพารา กเ็ ป็นผลเน1ืองมาจากการปลกู พชื ชนิดนAนั ติดต่อกนั เป็นเวลานาน 4) การลดลงของศตั รูธรรมชาติ อาจเกดิ เนื1องจากสาเหตขุ องการเปลย1ี นแปลงสภาพแวดลอ้ ม หรือการใช้ วิธีการควบคุมศตั รูพืชทีไ1 มถ่ ูกตอ้ ง เช่น การใชส้ ารเคมคี วบคุมแมลงศตั รูพืชมากเกนิ ความจาํ เป็น ทาํ ให้ ปริมาณของศตั รูธรรมชาติ เช่น ตวั หAาํ (predator) ตวั เบียน (paresite) ลดลงไปดว้ ย การฆ่างู พงั พอน หรือ เหยีย1 ว ที1เป็นศตั รูธรรมชาตขิ องหนู ทาํ ใหร้ ะดบั ของการควบคมุ โดยธรรมชาตเิ สียสมดุลไป จาํ นวนศตั รูพชื ก็ กลบั แพร่ระบาดเพ1ิมมากขAนึ การเตรียมแปลงปลกู ผกั ความสําคญั ของการเตรียมดินปลกู ผกั ปลอดสารพษิ การเตรียมแปลงปลกู นบั เป็นขAนั ตอนที1มี ความสาํ คญั มาก เพราะจะชว่ ยให้ผกั ทป1ี ลกู เจริญเติบโตสมบรูณแ์ ขง็ แรงดแี ลว้ ยงั เป็นการชว่ ยลดปัญหาจาก การทาํ ลายศตั รูพชื และท1ีสาํ คญั ในการเตรียมดนิ ทดี1 ีเป็นการป้องกนั การงอกของวชั พชื ท1ีอาจเกดิ ขAึนในชว่ ง ระหวา่ งการปลกู ผกั ไดเ้ ป็นอยา่ งดีเมอ1ื พชื ผกั เจริญเติบโต แขง็ แรงและสมบรู ณเ์ ราก็ไมจ่ าํ เป็นจะตอ้ งใช้ สารเคมใี นการดูแลรกั ษา ดงั นAนั การเตรียมแปลงในการปลกู พืชผกั ใหป้ ลอดสารพษิ ถือว่าเป็นขAนั ตอนท1ี สาํ คญั อีกขอ้ หน1ึงทจี1 ะขาดไมไ่ ด้ สําหรบั ผูป้ ลูกพืชผกั สําหรบั การจาํ หน่ายโดยเฉพาะ หากมกี ารแพร่ระบาด ของแมลงศตั รูพืชจะหลีกเล1ยี งไม่ใชย้ าฆ่าแมลงเขา้ ช่วยเลยกไ็ มไ่ ด้ แตผ่ ลกระทบจะไมเ่ กิดกบั ผปู้ ลูกโดยตรง เพราะคนกินจะเป็นผูบ้ ริโภคทหี1 าซAือผกั ตามตลาดเสียมากกวา่ ส่วนผปู้ ลูก เขามกั แยกแปลงผกั ไวก้ ินต่างหาก อาจฉีดยาฆา่ แมลงนอ้ ยหรือไม่ฉีดเลย น1ีคือความจริง แตส่ าํ หรบั ผูป้ ลกู ผกั สวนครวั สาํ หรับรับประทานเอง ถอื เป็นแนวทางเลอื กทต1ี อ้ งการรับประทานผกั ปลอด สารพิษอยา่ งแทจ้ ริง ดงั นAนั โพสนAีทางพืชเกษตร ขอแชร์เทคนิคการปลกู ผกั สวนครัวทไ1ี ดท้ Aงั งาม ปลอดแมลง และปลอดสารพษิ ใหล้ องไปใชด้ คู รับ

1. การเตรียมแปลง – ให้เตรียมแปลงดว้ ยการขดุ พรวนให้ลกึ จากนAนั หวา่ นโรยดว้ ยป๋ ยุ คอก อาทิ มลู โค-กระบือ มลู สุกร มลู ไก่ เป็นตน้ หรือใชว้ สั ดอุ 1นื เชน่ ป๋ ุยหมกั หรือ แกลบดาํ จากนAนั พรวนผสมกบั ดนิ ในแปลงให้เขา้ กนั – แปลงทปี1 ลกู ในหนา้ แลง้ ไมต่ อ้ งยกแปลงสูง ส่วนแปลงในหนา้ ฝน ให้ยกแปลงสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ไมต่ อ้ งยกสูงมาก เพราะเดี_ยวดินในแปลงจะค่อยๆยบุ ตวั ลงเอง 2. การเตรียมเมล็ด และการปลกู – ผกั ทปี1 ลกู ดว้ ยเมลด็ ใหแ้ ชน่ Aาํ ก่อน 1-3 ชว1ั โมง จากนAนั นาํ มาบม่ ในห่อผา้ 1-2 วนั คอ่ ยนาํ เมล็ดลงหวา่ นบน แปลง – การปลกู ผกั ที1เตรียมตน้ กลา้ กอ่ น หรือ ใชห้ ัวพนั ธุป์ ลูก ควรใหม้ รี ะยะห่างพอเหมาะทแี1 ตกตา่ งกนั ไมค่ วร ปลกู ถ1ีมาก เช่น หอมแบง่ ประมาณ 5-10 เซนตเิ มตร คะนา้ ประมาณ 15-25 เซนติเมตร ดงั นAนั จะปลกู พืช อะไรตอ้ งดรู ะยะห่างใหเ้ หมาะสม 3. การให้นํOา – พืชผกั เป็นพชื อายุสAัน เติบโตเร็ว ดAงั นAนั จาํ เป็นตอ้ งให้นAาํ ตลอด ทกุ วนั หรือ อยา่ งนอ้ ยวนั เวน้ วนั และรด พอชมุ่ หรือ ดแู ลการใหน้ Aาํ อย่าให้หนา้ ดนิ แหง้ 4. การให้ป๋ ยุ – สําหรับผกั ทานตน้ ทานใบ แนะนาํ ให้ใส่ป๋ ยุ สูตรทมี1 เี ลขชดุ แรกสูงตลอดอายกุ ารปลกู เช่น 18-8-8 และ แนะนาํ ให้ใชว้ ิธีผสมนAาํ รดดีท1สี ุด เพราะหากใชก้ ารหว่านมกั ทาํ ใหผ้ กั ลวกหรือเกดิ อาการใบไหม้ – สาํ หรบั ผกั ทานดอก ฝกั ผล หรือ หัว แนะนาํ ให้ใส่ป๋ ุยสูตรท1มี เี ลขชดุ แรกสูงในชว่ ง 7 วนั หลงั ปลูก-อายุ 20 วนั เช่น 18-8-8 หลงั จากนAนั ใหเ้ ปล1ียนเป็นสูตรที1มตี วั เลขหลงั สูง เชน่ 13-13-21 5. เสริมด้วยอินทรีย์ชีวภาพ ทOงั ช่วยเพDิมผลผลิต และป้องกนั แมลง นAาํ หมกั ชีวภาพ มกั ถกู มองขา้ ม แตแ่ ทจ้ ริงแลว้ สามารถเพิ1มผลผลติ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รวมถงึ ชว่ ยในการ ปรบั ปรุงดนิ และตา้ นการเกิดโรคเชAือราไดอ้ ีกดว้ ย – การเพิม1 ผลผลิต โดยให้ใชน้ Aาํ หมกั ชีวภาพฉีดพน่ หรือ รดเป็นประจาํ อยา่ งนอ้ ยอาทติ ยล์ ะ 1 ครAัง ตลอดอาย-ุ กอ่ นเก็บเกี1ยว – การป้องกนั และไลแ่ มลง แนะนาํ ใชน้ Aาํ หมกั ชีวภาพสมุนไพรตา่ งๆ โดยเฉพาะสมุนไพรทีม1 ีสารออกฤทธ`ิ ไลแ่ มลง เช่น สะเดา พริก ตะไคร้หอม สาบเสือ สาบหมา เป็นตน้ ถงึ แมจ้ ะกาํ จดั แมลงไม่ได้ แต่สามารถ

ป้องกนั ไดร้ ะดบั หน1ึง – แนวทางเลือกการไล่ และกาํ จดั แมลงไดด้ ว้ ยสารสกดั จากพืช คอื สารสกดั เมล็ดมนั แกว ดว้ ยวิธีการสกดั จากเอทธิลแอลกอฮอล์ (แอลกอฮอล์ลา้ งแผล 70%) ซ1ึงทาํ ใหไ้ ดส้ ารออกฤทธ`ิทเ1ี ขม้ ขน้ กวา่ การสกดั ดว้ ย นAาํ เปล่า วธิ ีนAี ผมเองทดสอบ และลองใชแ้ ลว้ ไดผ้ ล สามารถกาํ จดั แมลงศตั รูพชื ไดท้ ุกชนดิ การเตรียมดนิ ปลูกพชื ผกั ปลอดสารพษิ การเตรียมดนิ ที1ดจี ะมผี ลตอ่ การเจริญเติบโตและงา่ ยต่อการดูแลรักษาทาํ ให้การปลกู พืชผกั ปลอด สารพิษประสบผลสําเร็จ ซ1ึงมหี ลกั การปฏบิ ตั ดิ งั นAี 1. ปรบั พAนื ท1ปี ลกู ใหร้ าบเรียบ ไม่ควรให้เป็นแอง่ มนี Aาํ ขงั 2. จดั ทาํ ครู ะบายนAาํ เพอื1 ระบายนAาํ ที1ให้มากจนเกนิ ความจาํ เป็นออกจากแปลง 3. พAืนท1ที เ1ี ป็นแหลง่ หลบอาศยั ของศตั รูตา่ งๆ กค็ วรทาํ ลายแหลง่ อาศยั ให้หมด เพอื1 ป้องกนั ไมใ่ ห้ สตั วเ์ หลา่ นAีเขา้ ทาํ ลายในแปลง ผกั 4. หลงั จากเตรียมพAนื ทีเ1 สร็จแลว้ จึงทาํ การการไถดะให้ลกึ 1 ครAัง แลว้ ตากดนิ ไวอ้ ยา่ งนอ้ ย 7 วนั เพ1ือท1จี ะใหแ้ สงแดดช่วยทาํ ลายดกั แดแ้ ละตวั ออ่ นของแมลง ทาํ ลายไส้เดือนฝอยและเชAือโรคท1ีสะสมอยูใ่ น ดิน ส่วนวชั พชื ทข1ี Aึนอยู่ตามผวิ ดินจะถูกพลกิ กลบลงในดินและยอ่ ยสลายเป็นธาตอุ าหารแก่พืชผกั ต่อไป นอกจากนAียงั ทาํ ให้โครงสรา้ งของดนิ โปร่ง สามารถระบายนAาํ และอากาศไดด้ ขี Aนึ 5. หลงั จากไถดะและตากดินแลว้ จึงทาํ การไถพรวนอกี 1 ครAัง เพือ1 ท1ีจะทาํ ใหด้ ินมีเนAือละเอยี ด ร่วน ซุย เหมาะสมแกก่ ารปลูกผกั นอกจากนAีหากมตี น้ ออ่ นของวชั พชื ท1งี อกมากจ็ ะถกู ไถกลบทาํ ลายไปดว้ ย สาํ หรับในบางพAืนท1ที ีม1 ปี ัญหาวชั พชื และศตั รูเคยระบาดอยา่ งรุนแรงมากอ่ น ก็ควรจะตากดนิ ทงAิ ไวอ้ ีก 7 วนั แลว้ ไถพรวนอีกครAงั หน1ึงกจ็ ะสามารถลดปัญหาต่าง ๆ ทจ1ี ะเกดิ ขAนึ ในภายหลงั ได้ 6. ปรบั สภาพดนิ ทีเ1 ป็นกรดดว้ ยการใส่ปนู ขาว ปูนมาร์ล หรือปนู โดโลไมท์ ให้มสี ภาพเป็นกลาง โดยทวั1 ไปแลว้ จะใส่ประมาณไร่ละ 100 กโิ ลกรัมทกุ ๆ ปี

การปลกู และการดแู ล การเลอื กวธิ ีการปลกู ระยะปลกู เป็นเท่าใดนAนั จะขAนึ อยู่กบั ชนิดของพชื ผกั ท1เี กษตรกรเลอื กปลูก แต่มี ขอ้ แนะนาํ คือ เกษตรกรควรปลกู ผกั ใหม้ ีระยะห่างพอสมควร อยา่ ใหแ้ น่นจนเกนิ ไป เพือ1 ใหม้ ีการระบาย อากาศท1ีดี เป็นการปรบั สภาพแวดลอ้ มไมใ่ ห้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค นอกจากนAีควรหมนั1 ตรวจ แปลงอย่เู สมอ โดยอาจเลือกสํารวจเป็นจุดๆ ประมาณ 10-20 จุด/ไร่ ถา้ พบว่ามกี ารระบาดของโรคและแมลง ในระดบั ท1ีก่อใหเ้ กิดความเสียหายแกพ่ ืชผกั นAนั กค็ วรดาํ เนนิ การกาํ จดั โรคและแมลงทีพ1 บทนั ที การใหธ้ าตอุ าหารเสริมแกพ่ ืช จะมคี วามจาํ เป็นต่อพืชผกั ในบางชนิดเทา่ นAนั ทAงั นAีเพ1อื สรา้ งความตา้ นทานโรคให้แก่พชื นAนั เชน่ พืช ในตระกูลกะหลา1ํ จะตอ้ งการธาตโุ บรอนเพ1ือสร้างความตา้ นทานโรคไสก้ ลวงดาํ มะเขือเทศจะตอ้ งการธาตุ แคลเซียมเพ1อื สรา้ งความตานทานโรคผลเน่า เป็นตน้ การใชก้ บั ดกั แสงไฟ รูปที1 8 กบั ดกั ล่อแมลงดว้ ยแสงไฟจากหลอดฟลูออร์เรสเซนต์

เป็นการใชแ้ สงไฟจากหลอดฟลอู อร์เรสเซนต์ (หลอดนีออน) หรือหลอดไฟแบลค็ ไลท์ ลอ่ แมลงใน เวลากลางคืน เชน่ ผเี สAือ หนอน กระทูห้ อม หนอนกระทูผ้ กั ให้มาเล่นไฟและตกลงในภาชนะทบ1ี รรจนุ Aาํ มนั เครื1องหรือนAาํ ท1รี องรับอยดู่ า้ นล่าง การติดตAงั กบั ดกั และแสงไฟจะตดิ ตAงั ประมาณ 2 จดุ /พAนื ที1 1 ไร่โดยติดตAงั ใหส้ ูงจากพAืนดินประมาณ 150 เซนติเมตร และใหภ้ าชนะท1รี องรับอยู่ห่างจากหลอดไฟ 30 เซนติเมตรและ ควรปิ ดส่วนอื1นๆ ทจ1ี ะทาํ ให้แสงสว่างกระจายเป็นบริเวณกวา้ งเพ1อื ล่อจบั แมลงเฉพาะในบริเวณแปลง มใิ ชล้ ่อ แมลงจากทีอ1 ื1นใหเ้ ขา้ มาในแปลง การใชพ้ ลาสติกหรือฟางขา้ วคลุมแปลงปลูก รูปที1 9 การปลกู ผกั ในโดม เป็นการควบคุมปริมาณวชั พชื และเก็บรกั ษาความชAืนในดนิ ไวไ้ ดน้ าน ทาํ ใหป้ ระหยดั นAาํ ท1ีใชร้ ด แปลงผกั การใชพ้ ลาสติกหรือฟางขา้ วคลุมแปลงปลกู นAี ควรใชก้ บั พชื ผกั ที1มรี ะยะปลูกแน่นอน ในแปลงที1 พบการระบาดของโรคทมี1 เี ชAือไวรัสเป็นสาเหตุ และมเี พลAียออ่ นหรือแมลงเป็นพาหะ แนะนาํ ให้ใชพ้ ลาสตกิ ที1 มีสีเทา-ดาํ โดยให้ดา้ นทมี1 ีสีเทาอยู่ดา้ นบน เน1ืองจากสีเทาจะทาํ ใหเ้ กดิ จากสะทอ้ นแสงจึงชว่ ยไล่แมลงทเ1ี ป็น พาหนะได้

การใชส้ ารสกดั จากพชื พชื ท1นี ิยมนาํ มาใชส้ กดั เป็นสารควบคุมโรคและแมลง คอื สะเดา เนื1องจากในสะเดามสี ารอะซาดแิ ร คติน (Azadirachtin) ซ1ึงมีคณุ สมบตั ิชว่ ยในการป้องกนั และกาํ จดั แมลงไดโ้ ดย • สามารถใชฆ้ า่ แมลงไดบ้ างชนิด • ใชเ้ ป็นสารไลแ่ มลง • ทาํ ใหแ้ มลงไม่กนิ อาหาร • ทาํ ให้การเจริญเติบโตของแมลงผิดปกติ • ยบั ยAงั การเจริญเตบิ โตของแมลง • ยบั ยAงั การวางไข่และการลอกคราบของแมลง • เป็นพิษตอ่ ไข่ของแมลงทาํ ให้ไขไม่ฟัก • ยบั ยงAั การสรา้ งเอนไซมใ์ นระบบยอ่ ยอาหารของแมลง วิธีการใช้ คอื นาํ เอาผลสะเดาหรือสะเดาทบ1ี ดแลว้ 1 กโิ ลกรัม แชใ่ นนAาํ 20ลิตร ทงAิ คา้ งคนื ไว้ 1 คนื แตถ่ า้ เกษตรกรมเี ครื1องกวนส่วนผสมดงั กลา่ ว กจ็ ะลดเวลาเหลือเพยี ง 3-4 ชว1ั โมง จากนAนั กรองเอาแตน่ Aาํ มา ผสมดว้ ยสารจบั ใบประมาณ 1ชอ้ นโต๊ะ แลว้ นาํ ไปรดพชื ผกั ทนั ทีส่วนกากของสะเดาทเ1ี หลอื ให้นาํ ไปโรย โคนตน้ เพ1อื ปรบั ปรุงสภาพดนิ และกาํ จดั แมลงในดนิ ไดอ้ ีกดว้ ย ขอ้ ควรระวงั พชื บางชนิดเมอ1ื ไดร้ บั สารนAีแลว้ อาจเกิดอาการใบไหมเ้ หี1ยวยน่ หรือตน้ แคระแกร็น ดงั นAีเม1อื พบอาการต่างๆ เหล่านAีกค็ วรจะงดใชส้ ารสกดั จากสะเดาทนั ที ชนิดของแมลงทส1ี ามารถกาํ จดั ไดด้ ว้ ยสะเดา 1. ชนิดทใี1 ชแ้ ลว้ ไดผ้ ลดี ไดแ้ ก่ หนอนใยผกั หนอนหนงั เหนียว หนอนกระทชู้ นิดต่างๆ หนอนกดั กนิ ใบ หนอนเจาะยอด หนอนชอนใบ หนอนมว้ นใบ หนอนหวั กระโหลก 2. ชนิดท1ีใชแ้ ลว้ ไดผ้ ลปานกลาง ไดแ้ ก่ เพลAียจกั จนั1 หนอนเจาะ สมอฝา้ ย หนอนตน้ กลา้ ถวั1 แมลงหว1ี ขาว แมลงวนั ทอง เพลAยี ไกแ่ จ้ เพลAยี อ่อน 3. ชนิดที1ใชแ้ ลว้ ไดผ้ ลนอ้ ย ไดแ้ ก่ หนอนเจาะฝกั ถวั1 เพลAยี ไฟ ไรแดง มวนและดว้ งชนิดตา่ งๆพืชผกั ที1 ใชส้ ารสกดั จากสะเดาไดผ้ ล ไดแ้ ก่ ผกั คะนา้ กวาง ผกั กาดหอม กะหลา1ํ ปลี กะหลา1ํ ดอกแตงกวา แตงโม แตง เทศ มะเขือเทศ มะเขือยาว หน่อไมฝ้ รั1ง ขา้ วโพดอ่อน พริกขAีหนู ตาํ ลึง มะนาว มะกรูด

การปลูกผกั ในโรงเรือนมุง้ ตาข่ายไนลอ่ น พAืนทท1ี ี1จะใชป้ ลกู ผกั ในโรงเรือน ควรเป็นพAนื ทท1ี ีส1 ามารถปลกู ผกั ไดอ้ ยา่ งต่อเน1ือง ไม่นอ้ ยกวา่ 3 ปี เพื1อจะไดค้ ุม้ คา่ ตอ่ การสร้างโรงเรือนและการใชต้ าขา่ ยไนลอ่ น โครงสรา้ งของโรงเรือนอาจทาํ ดว้ ย เหลก็ หรือไม่กไ็ ดข้ Aนึ อยกู่ บั เกษตรกรว่าตอ้ งการจะใชพ้ Aนื ทน1ี Aีปลูกผกั นานเท่าใด ส่วนตาข่ายทีใ1 ชน้ Aนั จะใชม้ งุ้ ตาข่าย ไนล่อนท1ีมีขนาด 16 ช่องต่อความยาว 1 นAิว โดยมุง้ สีขาวมคี วามเหมาะสมกบั การปลกู ผกั เนื1องจากแสงผา่ น ไดเ้ กอื บปกติส่วนมงุ้ สีฟ้าไมค่ อ่ ยเหมาะสม เนื1องจากแสงผา่ นไดเ้ พียงร้อย ละ 70 เท่า การปลกู ผกั ในโรงเรือนมงุ้ ตาขา่ ยนAี จะไมส่ ามารถป้องกนั แมลงศตั รูพืชผกั ไดท้ กุ ชนิด มเี พยี งหนอนผเี สAือและดว้ งหมดั ผกั เท่านAนั ทส1ี ามารถป้องกนั ไดส้ ่วนเพลAียออ่ น เพลAียไฟ หนอนแมลงวนั ชอบใบแมลงหว1ีขาวและไร ซ1งึ เป็นแมลงขนาดเลก็ จะไมส่ ามารถป้องกนั ไดร้ ้อย เปอร์เซน็ ต์ ซ1ึงถา้ หากใชม้ งุ้ ไนลอ่ นทม1ี คี วามถี1เพม1ิ ขAนึ เป็น 24 และ 32 ชอ่ งต่อนิAวแลว้ จะป้องกนั ไดแ้ ต่อาจมี ปัญหาเรื1องอณุ หภมู ิและความชAืนภายในมงุ้ ขอ้ ควรระวงั สําหรับการปลูกผกั ในโรงเรือนมงุ้ ตาขา่ ย - อย่าใหม้ ีหนอนผเี สAือหรือหนอนต่างๆ หลดุ เขา้ ไปในโรงเรือนไดเ้ พราะหนอนต่างๆ เหล่านAีจะ สามารถขยายพนั ธุไ์ ดอ้ ย่าง รวดเร็ว - ในการยา้ ยกลา้ จะตอ้ งตรวจดกู ลา้ ผกั อยา่ ให่มไี ขต่ วั หนอนหรือดกั แดต้ ดิ เขา้ ไปใน โรงเรือน - ควรดแู ลอย่าใหม้ งุ้ ตาขา่ ยชาํ รุดฉีดขาด เพราะอาจทาํ ใหด้ ว้ งหมดั ผกั เลด็ ลอดเขา้ ไปไดอ้ าจจะมกี าร รองดว้ ยผา้ หรือแผ่นยางบริเวณท1ีมกี ารเสียดสีระหว่างตาข่ายกบั โครงสรา้ งเพ1ือป้องกนั การฉีด ขาด - มุง้ ตาข่ายจะตอ้ งปิ ดมิดชิดตลอดเวลา และควรทาํ ประตเู ป็นแบบสอง ชAนั -การปลูกผกั ในโรงเรือนมงุ้ ตาขา่ ยไม่สามารถป้องกนั แมลงขนาดเลก็ ไดด้ งั นAนั จึงอาจจะตอ้ งใช้ วิธีการกาํ จดั ศตั รูพืชอ1นื ๆร่วม ดว้ ย - ผกั ท1ีปลกู ไดใ้ นมงุ้ ตาขา่ ยไนลอ่ น

ประเภทกนิ ใบ ไดแ้ ก่ คะนา้ ผกั กาดขาว กวางตงุ้ ฮ๋องเต้ ต่งโอ๋ ปวยเล๋ง ขAนึ ฉ่าย เป็น ตน้ ประเภทกนิ ดอก ไดแ้ กก่ ะหลา1ํ ดอกเป็นตน้ ประเภทกนิ ฝักและผล ไดแ้ ก่ ถวั1 ฝกั ยาว มะเขอื เปราะ ถว1ั ลนั เตา เป็นตน้ รูปที1 10 การปลกู ผกั ในมุง้ ตาขา่ ยไนล่อน การควมคุมโดยชีววธิ ี เป็นการใชส้ 1ิงมชี ีวติ ควบคุมศตั รูพชื ซ1ึงไดแ้ ก่ แมลง ตวั หAาํ ตวั เบียน ท1ที าํ ลายแมลงศตั รูพืชชนิดอืน1 หรืออาจใชส้ ิ1งมีชีวติ เลก็ ๆ เช่น เชAือบกั เตรีเชAือไวรสั เชAือรา ไสเ้ ดอื นฝอย เป็นตน้ ในการควบคมุ ซ1ึงมี รายละเอยี ด ดงั นAี เชAือบกั เต รี ทนี1 ิยมใชใ้ นการควบคุมแมลง คอื เชAือบที ี (BT) โดยแมลงท1ไี ดร้ บั เชAือบกั เตรีชนิดนAีเขา้ ไปแลว้ นAาํ ยอ่ ยใน ลาํ ไส้ของแมลงจะละลายผลึกของเชAือบกั เตรี ทาํ ใหเ้ กิดสารพษิ ทาํ ลายระบบย่อยอาหารและอวยั วะของแมลง ทาํ ให้ขากรรไกรแข็ง กินอาหารไม่ไดเ้ คลอื1 นไหวชา้ ลง และตายไปในท1สี ุด เชAือบกั เตรีทีม1 ขี ายเป็นการค่าจะ มี 2 กลุ่ม คือ 1. Kurstaki ไดแ้ ก่ แบคโทรฟันเอชพี ดบั เบAิลยูพ,ี เซน็ ทารี1ยดู จี ี มปี ระสิทธิภาพในการกาํ จดั หนอน ในผกั หนอนกระทูห้ อม และหนอนคบื กะหล1าํ 2. Aizawai ไดแ้ ก่ ฟลอร์แบค เอชพ,ี ฟลอร์แบค เอฟซี, ธูรีไซด์ เอชพีมีประสิทธิภาพในการกาํ จดั หนอนใยผกั และหนอนคบื กะหลา1ํ เทา่ นAนั ดงั นAนั การทจี1 ะใชเ้ ชAือบกั เตรีให้ไดผ้ ล ควรเลอื กชนิดของเชื1อให้

ตรงกบั แมลงศตั รู และควรฉีดพน้ เมือ1 หนอนยงั เป็นตวั ออนอยู่ หลกี เล1ยี งแสงในขณะฉีดพน้ และไมค่ วรให้นAาํ หลงั จากฉีดพน้ เชAือบกั เตรีแลว้ เชAือไวรสั ทีใ1 ชใ้ นการควบคมุ คอื เอน็ พีวี (NPV) โดยใชใ้ นการกาํ จดั หนอนหลอดหอมหรือหนอน หนงั เหนียว ซ1ึงเชAือไวรสั ชนิดนAีจะเขา้ ไปทาํ ลายระบบต่างๆ ของร่างกาย ทาํ ใหห้ นอนลดการกนิ อาหาร เคลอ1ื นไหวชา้ ลาํ ตวั มสี ีซีดลง มจี ดุ สีขุ่นหรือส้ม แลว้ จะใชข้ าเทยี มเกาะทีต1 น้ พชื ห้อยหวั ลงมาตายในท1ีสุด เชAือรา ทีใ1 ชใ้ นการควบคมุ คอื ไตรโครเดอร์มาจะควบคุมเชAือสาเหตขุ องโรครากเน่า โคนเน่า เน่าคอ ดนิ ของมะเขือเทศและผกั กาดหัว โดยจะใชเ้ ชAือราผสมกบั ราํ ขา้ วและป๋ ุยหมกั ในอตั รา 1:10:40 แลว้ ใชร้ องกน้ หลมุ หรือโรยรอบโคนตน้ ไส้เดือนฝอย จะช่วยควบคุมดว้ งหมดั ผกั โดยชอนไชเขา้ สู่ระบบเลือดหรือกระเพาะอาหาร เม1ือเขา้ ไปแลว้ จะถกู ย่อยทาํ ลาย จากนAนั จะปลดปลอ่ ยเชAือบกั เตรีท1ีเป็นอนั ตรายตอ่ แมลงออกมา ทาํ ใหแ้ มลงตายใน ที1สุด ในการใชไ้ ส้เดอื นฝอยนAนั เกษตรกรควรเกบ็ รกั ษาไวใ้ นทีเ1 ยน็ และใชไ้ สเ้ ดือนฝอยในการควบคุม หลงั จากการให้นAาํ แกต่ น้ พืชชว่ งเวลาเยน็ ๆ เน1ืองจากไส้เดอื นฝอยจะไม่ทนทานตอ่ สภาพทแ1ี หง้ แลง้ หรือถูก แสงแดด การป้องกนั และกาํ จดั โรคแมลงโดยใช้สมนุ ไพร 10 ชนดิ สมนุ ไพรที1ขบั ไลแ่ มลงไดม้ ดี งั นAี คณุสมบตั ิของสมนุ ไพร 1.ข่า สรรพคุณ ป้องกนั กาํ จดั แมลงวนั ทอง หมดั กระโดด เพลAยี ไฟ 2.ตะไคร้หอม สรรพคุณ ป้องกนั กาจดั หนอนต่างๆ เชAือรา ยงุ แมลงสาบ 3.บอระเพด็ สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั เพลAยี หนอน โรคขาว 4.หางไหลแดง สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั เพลAยี หนอน ไรแดง ตก\\ั แตน 5.สะเดา สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั แมลง หนอน เพลAยี ดวง ไสเดอื นฝอย 6.หนอนตายยาก สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั หนอน แมลงวนั ทอง 7.กลอย สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั เพลAยี ออ่ น 8.พริกสด สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั ไวรสั แมลง 9.กระเทยี ม สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั เพลAยี ออ่ น หนอนกระทู ราต่างๆ 10.ยาสูบ สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั ดวง หนอน เชAือรา ไวรัส เพลAยี 11.สาบเสือ สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั เพลAยี หนอน

12.ขมินA ชนั สรรพคณุ ป้องกนั กาจดั ดวง ไรแดง หนอนกระทู คุณธรรมในการประกอบอาชีพทส1ี าํ คญั มีดงั นAี 1. ความขยนั หมน1ั เพยี ร มคี วามขยนั ในการปฏบิ ตั งิ าน 2. มีความขยนั และอดทน ในการทาํ งานเราจะตอ้ งมคี วามมุ่งมน1ั ตอ่ งานทเี1 รารับมอบหมาย เพอื1 งานนAนั บรรลุ เป้าหมาย ตามท1ไี ดต้ Aงั ไว้ เมือ1 พบปัญหาหรืออปุ สรรคในการทาํ งานให้นาํ ปัญหาหรืออปุ สรรคนAนั มาปรบั ปรุงและ แกไ้ ขให้ดยี ิ1งขAนึ 3. มีความเสียสละ ในการทาํ งานร่วมกบั ผอู้ นื1 เราจะตอ้ งเห็นแกป่ ระโยชนส์ ่วนรวมมากกว่าประโยชนส์ ่วน ตน ไมเ่ ห็นแก่ตวั รูจ้ กั การให้และการแบง่ บนั ช่วยคนอนื1 โดยไม่หวงั ผลตอบแทน 4. สุจริตเป็นคนตรงไมเ่ อารดั เอาเปรียบบุคคลอื1น ไม่คดโกง ถอื คติ “ซื1อกนิ ไมห่ มด คดกนิ ไมน่ าน ๕. มคี วามรับผิดชอบ ในการทาํ งานเราจะตอ้ งมีความรับผดิ ชอบตอ่ งานทไ1ี ดร้ บั มอบหมายผูร้ ่วมงาน ลกู คา้ สังคม และส1ิงแวดล้อม โดยใช้วตั ถุดิบที1มีคุณภาพมาผลิตสินคา้ ร่วมทAงั ไม่ทาํ ลายทรัพยากร ธรรมชาติและ สิ1งแวดลอ้ ม 6. เขา้ ใจตนเอง และสงั คมคือเป็นคนท1ีไวใ้ จซ1ึงกนั และกนั ๗. มีการประกอบอาชีพท1ีสุจริต ในการทาํ งานเราจะต้องเลือกประกอบอาชีพที1สุจริตไม่ทาํ ให้ผู้อื1นไม่ เดือดร้อน ไม่เป็นภยั ต่อสังคม ซ1ึงสังคม ซ1ึงสังคมท1ียอมรับอาชีพนAนั เป็นอาชีพท1ีสุจริต และคนทว1ั ไปเลือกที1จะ ประกอบอาชีพนAนั จงึ เรียกไดว้ า่ เรามกี ารเลือกประกอบอาชีพท1สี ุจริต หลกั ในการยดึ ถอื ปฏิบตั ิของผปู้ ระกอบอาชีพทว1ั ไปพึงกระทาํ เพ1ือความเจริญกา้ วหน้าในอาชีพของตน และ ร่วมรบั ผดิ ชอบในสงั คม ควรมีดงั นAี 1. ความซ1ือสัตยส์ ุจริต และมคี วามรับผดิ ชอบต่อสงั คม 2. การมจี ริยธรรมตอ่ สิ1งแวดลอ้ ม 3. ความน่าเช1ือถอื และความปลอดภยั ในบริการ 4. การมจี รรยาอาชีพและดาํ เนนิ กิจการอย่างมคี ณุ ภาพ 5. การสรา้ งสัมพนั ธภาพทด1ี ีตอ่ ลกู คา้ 6. การเคารพสิทธิและรกั ษาผลประโยชนข์ องผูอ้ 1นื 7. การใชจ้ ริยธรรมในการตดิ ต่อสื1อสาร 8. การสรา้ งสัมพนั ธภาพกบั ชมุ ชน 9. การสรา้ งวินยั ในการประกอบอาชีพ 10. การดาํ เนินงานอยา่ งถกู ตอ้ งตามกฎหมาย 11. การใหแ้ หล่งขอ้ มลู ขา่ วสารอยา่ งถกู ตอ้ ง 12. การประกอบอาชีพดว้ ยความขยนั หมน1ั เพียร ผลของการทาํ ปลกู ผกั แบบใชส้ ารเคมีสงั เคราะห์ก่อใหเ้ กดิ ปญั หาต่างๆ ตามมาอยา่ งมากมายหลายประการ ดงั ต่อไปนAี ๑.ผลกระทบตอ่ ส1ิงแวดลอ้ ม

การทาํ เกษตรแผนใหมท่ าํ ใหเ้ กิดปัญหาสิ1งแวดลอ้ มและความเสื1อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาตติ ามมาที1เหน็ ได้ ชดั เจนไดแ้ ก่ ปัญหาการพงั ทลายของหน้าดิน ดนิ เสื1อมความอุดมสมบรู ณ์ ปัญหามลพษิ ในส1ิงแวดลอ้ มและการ ระบาดของโรคและแมลงเกษตรกรรมแผนใหมท่ ี1มงุ่ เนน้ เพิ1มผลผลิตทางการเกษตรโดยการใชป้ ๋ ยุ เคมเี ป็นจาํ นวน มากและใชต้ ิดต่อกนั เป็นระยะเวลานานจะทาํ ให้เกดิ ปัญหาความเส1ือมโทรมของโครงสรา้ งดินและดินขาดความ อุดมสมบรู ณ์ เนื1องจากการใชป้ ๋ ุยเคมีไม่ใชก่ ารบาํ รุงดนิ แตเ่ ป็นการอดั แร่ธาตุอาหารใหแ้ กพ่ ชื โดยไมม่ กี ารเติม อินทรียวตั ถเุ พมิ1 ลงในดิน และการใชป้ ๋ ุยเคมียงั เร่งอตั ราการสลายตวั ของอนิ ทรียวตั ถใุ นดนิ ทาํ ใหโ้ ครงสร้างของดนิ เสื1อมลง ดินจึงกระดา้ งมกี ารอดั ตวั แน่น ไมอ่ ุม้ นAาํ ในฤดูแลง้ ๒. ผลกระทบดา้ นเศรษฐกจิ การทาํ เกษตรแผนใหมเ่ ป็นการทาํ การเกษตรทตี1 อ้ งพ1งึ ปัจจยั ภายนอก เพ1อื นาํ มาเพมิ1 ผลผลิตใหไ้ ดเ้ ป็น จาํ นวนมาก แตก่ ็มิไดห้ มายความว่าเกษตรกรจะประสบความสาํ เร็จทางเศรษฐกิจเสมอไป ในทางตรงกนั ขา้ มกลบั พบว่าเกษตรกรที1ทาํ การเกษตรแผนใหมจ่ าํ นวนมากประสบปัญหาภาวะขาดทุน และหนAีสิน เกิดความลม้ เหลวทาง เศรษฐกิจ เนื1องมาจากตน้ ทนุ การผลิตทสี1 ูงและราคาผลผลติ ทีต1 กต1าํ ในประเทศไทยการพฒั นาการเกษตรแผนใหม่ กลบั เป็นการผลกั ดนั ให้เกษตรกรตอ้ งตกอยภู่ ายใตก้ ารครอบงาํ ของบริษทั เน1ืองจากตอ้ งพ1ึงพาปัจจยั การผลิต และ เทคโนโลยีต่างๆ จากบริษทั ไมว่ า่ จะเป็นเมล็ดพนั ธุ์ ป๋ ยุ หรือสารเคมีกาํ จดั ศตั รูพชื เป็นการทาํ การเกษตรทถี1 กู ผกู ขาด จากบริษทั ขนาดใหญ่ ดงั นAนั จะเหน็ ไดว้ า่ การทาํ เกษตรแผนใหม่เป็นการสร้างรายไดใ้ ห้แกบ่ ริษทั เอกชนขนาดใหญ่ มากกวา่ เกษตรกรทแ1ี ทจ้ ริง ๓.ผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกรและผบู้ ริโภค การใชส้ ารเคมกี าํ จดั ศตั รูพชื นอกจากจะส่งผลกระทบต่อส1ิงแวดลอ้ มแลว้ ยงั กอ่ ให้เกิดปัญหาการไดร้ บั สารพษิ เขา้ สู่ร่างกายของเกษตรกรผใู้ ช้ และยงั มสี ารพิษตกคา้ งในผลผลิตทางการเกษตรอกี ดว้ ย การใชส้ ารเคมที าง การเกษตรนานๆ จนทาํ ใหพ้ ชื ผกั มีพิษตกคา้ งจาํ นวนมาก ก่อให้เกดิ ปัญหาต่อสุขภาพของผบู้ ริโภค จากการตรวจพบ สารพษิ ตกคา้ งในผลผลติ ทางการเกษตรของประเทศไทย พบวา่ ผลผลิตมสี ารพษิ ตกคา้ งอยู่สูงจนในผลผลติ บาง ชนิดไมผ่ า่ นมาตรฐานมผี ลกระทบตอ่ การส่งออกสินคา้ เกษตรของไทย นอกจากนAีการท1ีคนไทยบริโภคผลผลติ ที1มี สารพษิ ตกคา้ งอยู่ทาํ ให้มกี ารสะสมสารพษิ ในร่างกายเป็นระยะเวลานาน และเกดิ การเจบ็ ป่ วย เช่น โรคภมู แิ พ้ โรค เครียด โรคมะเร็ง ฯลฯ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ซ1ึงจะเหน็ ไดจ้ ากสถติ ิคนไทยที1ป่ ายเป็นโรคมะเร็งมีจาํ นวนมากขAึนทุก ปี ๔.ผลกระทบต่อวถิ ชี ีวติ และภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ1

เกษตรกรรมแผนใหม่ทาํ ใหเ้ กิดความเปลย1ี นแปลงในวถิ ชี ีวติ ของเกษตรกรไทย ทาํ ลายฐานการเกษตรแบบยงั ชีพ ของเกษตรกร ทาํ ลายระบบสังคมของชมุ ชน และมผี ลตอ่ การเปลย1ี นแปลงความคิดท1มี ีต่อภมู ิปัญญาพืAนบา้ นของไทย ภูมิปัญญาทอ้ งถน1ิ ถูกละเลย ดว้ ยเขา้ ใจวา่ เป็นความเชือ1 หรือวธิ ีการปฏบิ ตั ิทไี1 ม่ทนั สมยั ไม่เป็นวทิ ยาศาสตร์ และไม่มี ประสิทธิภาพ โดยลมื ไปว่าความรูแ้ ละภมู ิปัญญาทถ1ี กู ถ่ายทอดต่อๆ กนั มาไดม้ าจากประสบการณข์ องคนรุ่นกอ่ นมา นานหลายรุ่น ท1อี ย่ใู นพนืA ทท1ี อ้ งถน1ิ ทพี1 วกเขาอาศยั อยู่ ซ1ึงความคดิ นAีไดร้ ุนแรงมากขAึนเม1ือเริ1มเขา้ สู่ยุคปฏวิ ตั ิเขยี ว ความรูแ้ ละแนวทางการพฒั นาการเกษตรจะถกู รวมไปอยใู่ นสถาบนั การเกษตรตา่ งๆ ของรฐั และบริษทั ธรุ กิจ การเกษตรขนาดใหญ่ การพฒั นาและแกไ้ ขปัญหาของเกษตรกรกลายเป็นบทบาทของผเู้ ช1ียวชาญทางการเกษตรจาก หน่วยงานของรฐั หรือบริษทั การเกษตรทเี1 ขา้ ไปเปลยี1 นแปลงความคดิ และวถิ ีชีวิตของการทาํ การเกษตร โดยท1ี เกษตรกรกลายเป็นเพยี งผูร้ ับเท่านAนั เอง ซ1ึงหากองคค์ วามรูท้ 1ีไดร้ บั นAนั ไม่ถกู ตอ้ งผทู้ ไ1ี ดร้ ับความเสียหายคอื ตวั เกษตรกรเอง