นาฏศลิ ป์ บุคคลสาคัญในวงการละครไทย เสนอ คุณครูฉลั ยาญาราภรณ์ ทวีแสง
นาย เสรี หวงั ในธรรม สาขา: ศลิ ปะการแสดง (นาฏศลิ ป์ไทย) สาขาย่อย: ศิลปะการละคร ประวตั ิ:นายเสรี หวงั ในธรรม เกิดวนั ท่ี ๓ มกราคม ๒๔๘๐ ท่ีกรุงเทพมหานคร รับราชการเป็นศิลปินของกรมศลิ ปากร ดา้ นนาฏดรุ ิยางค์ศิลป์ รวมท้งั ศลิ ปะเก่ียวเนอ่ื งกับการละครอนั เปน็ เอกลักษณข์ องชาติ มผี ลงานดเี ดน่ ตลอดระยะเวลากว่า ๓๐ ปี ตั้งแต่เรมิ่ ตน้ รบั ราชการจนดารงตาแหน่งผูอ้ านวยการ กองการสังคีต กรมศิลปากรในปจั จุบัน เปน็ ทร่ี ู้จักกวา้ งขวางในฐานะศิลปนิ ทส่ี มบรู ณ์ในความคิดสรา้ งสรรค์และความสามารถรอบดา้ น ท้ังในฐานะผจู้ ัด รายการหรือผอู้ านวยการสรา้ ง ผ้กู ากับการแสดง ผู้ประพนั ธ์เรอื่ งและแตง่ บทท้งั รอ้ ยแก้วและรอ้ ยกรอง และเปน็ ผู้แสดงทงั้ ละคร ดนตรี ขบั รอ้ ง ท้ังเป็นนกั พูด นักบรรยาย เป็นกวี และพธิ กี รในงานต่าง ๆ ได้สร้างสรรค์รายการแสดงชุดต่าง ๆ ผลงาน:ได้เผยแพร่ศิลปวฒั นธรรมไทยให้ไดร้ ับความนยิ มเพม่ิ ขึน้ ตลอดมา ไดจ้ ัดการแสดงและให้ความรู้ชุดดนตรีไทยพรรณนานาฏยาภิธาน ขบั ขาน วรรณคดี ศรีสขุ นาฏกรรมและธรรมบนั เทิง โดยเฉพาะรายการศรสี ุขนาฏกรรม ซ่ึงไดร้ บั ความนยิ มตดิ จ่อกันมา ๑๓ ปีเศษแลว้ และรายการชุดใหมท่ ท่ี า ชอ่ื เสยี งเปน็ ประวตั กิ ารณ์ คอื ละครพนั ทางเรื่อง ผู้ชนะสบิ ทิศ ซงึ่ ทาขน้ึ จากบทประพันธข์ องยาขอบ ไดแ้ สดงมาแล้วประมาณ ๔๐ ตอน ในระยะเวลาสาม ปเี ศษ และยงั คงดาเนนิ การตอ่ ไป นบั เป็นศลิ ปนิ ทีเ่ พียบพร้อมทั้งพรสวรรค์ความเช่ียวชาญและคุณสมบัติอืน่
ครรู จั นา พวงประยงค์ คาประกาศเกยี รตคิ ุณ ประวัติ:รจั นา พวงประยงค์ ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศลิ ปไ์ ทย - ละคร) พทุ ธศักราช ๒๕๕๔ รัจนา พวงประยงค์ เกดิ เมอ่ื วันศกุ ร์ที่ 6 ตลุ าคม พ.ศ. 2484 ณ บา้ นถนนข้าวสาร อาเภอพระนคร จงั หวัดพระนคร (ปัจจุบนั คอื เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร) เปน็ ธิดาของนายหลี และนาง สมพล พวงประยงค์ นายหลีผเู้ ปน็ บิดาเคยเป็นคนละครสมัยเกา่ มาก่อน สว่ นมารดาของนางรจั นา พวงประยงค์ น้นั เคยหัดละครอยู่กบั นางมัลลี คง ประภศั ร์ (ครหู มนั ) แต่เนอ่ื งจากไม่สนใจอย่างจริงจัง และไมช่ อบเร่อื งนาฏศลิ ป์ จึงไมไ่ ดเ้ ป็นนกั แสดง ผลงาน:นบั เป็นศิลปนิ บทนางทมี่ ีความสามารถสงู ส่งตีบทได้สมจริงทุกบทบาท ทัง้ มคี วามสงา่ งาม สมท่เี ป็นแบบอย่างที่ดีย่งิ แกศ่ ลิ ปินรุ่นหลงั นางรจั นา พวงประยงค์มีพรอ้ มท้ังความสามารถในการกากับการแสดง การออกแบบทา่ ราในระบาต่าง ๆ ทไ่ี ดส้ รา้ งขน้ึ ไวใ้ นกรมศิลปากรหลายชดุ มผี ลงานการ แสดงท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศ เปน็ ครทู ่ีพรอ้ มดว้ ยความเมตตาและมคี วามต้ังใจจรงิ ในการถ่ายทอดความรู้ มศี ิษย์เป็นจานวนมากไดร้ บั การ ถ่ายทอดวชิ าความรไู้ ว้ ลา่ สุดในปี ๒๕๕๔ ได้รบั พระราชทานเข็มพระบรมฉายาลกั ษณ์ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ในงานแสดงโขน ตอนศึกมยั ราพณส์ ะกดทพั ในฐานะศลิ ปนิ อาวุโส
นาง สุวรรณี ชลานุเคราะห์ สาขา: ศลิ ปะการแสดง (นาฏศลิ ปไ์ ทย) ประวตั ิ:นางสวุ รรณี ชลานเุ คราะห์ เกิดเม่อื วนั ที่ ๑พฤษภาคม พทุ ธศักราช ๒๔๖๙ ที่จังหวัดนนทบรุ ี เป็นละครหลวง สานกั พระราชวังรุ่น สุดท้าย ปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยหู่ วั เป็นนาฏศลิ ปนิ ที่มีความเช่ียวชาญนาฏศลิ ป์ไทย ท้ังแบบพื้นเมืองและแบบราช สานกั เคยแสดงเป็นตวั เอกในละครแบบตา่ งๆใหก้ รมศลิ ปากรมาแลว้ มากมายหลายเรอื่ งหลายตอน บทบาทท่ไี ด้รบั การยกย่องและนยิ ม ชมชอบจากผูช้ มมากทส่ี ดุ “ ตัวพระ ” เข่น อินเหนา สังข์ทอง พระไวย ไกรทอง สัตยวาน บางครัง้ กแ็ สดงเป็น “ นางเอก ” เช่น ละเวงวลั ลา เปน็ ตน้ ผลงาน:เปน็ ผอู้ นุรักษแ์ บบแผนท่ารานาฏศิลป์ไทย และละครราไวไ้ ด้มากที่สดุ เคยแสดงและนาคณะไปแสดงแลกเปล่ียนวฒั นธรรมใน หลายประเทศ ไดถ้ ่ายทอดวิชานาฏศิลป์ให้กบั นิสติ นกั ศกึ ษาในมหาวิทยาลยั วิทยาลัยและโรงเรยี นต่าง ๆ หลายแหง่ เปน็ ผเู้ พยี บพร้อม ด้วยจริยธรรมคุณธรรมและอุทิศตนเพ่อื ประโยชน์ใหแ้ กส่ าขาวชิ าชีพมาเป็นเวลากว่า๔๐ ปี จนเป็นท่ยี อมรบั กนั ในวงการนาฏศิลปนิ ว่า เปน็ ผู้มคี วามสามารถสงู ยงิ่ ตอ่ เนอ่ื งมาตลอด นางสุวรรณี ชลานเุ คราะห์ จึงไดร้ ับการยกย่องเชดิ ชูเกียรติเป็นศลิ ปินแหง่ ชาตสิ าขา ศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ - ละครรา) ปพี ุทธศักราช ๒
ครู สมพันธ์ โชตนา สาขา: ศลิ ปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย) สาขายอ่ ย: นาฎศลิ ป์พน้ื เมอื งลา้ นนา ปีท่ไี ดร้ ับ: ๒๕๔๒ ประวตั ิ:นางสมพันธ์ โชตนา เกดิ เมอื่ วนั ที่ ๑๕ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๖๔ ที่ค้มุ เจ้าหลวงนครเชียงใหม่ เข้ารบั การฝึกอบรมนาฏศลิ ป์ในค้มุ เจา้ หลวงนครเชยี งใหมเ่ ม่อื อายุ ๙ ปี โดยหดั เปน็ ตวั พระกบั ครหู ม่อมแส ณ เชยี งใหม่ ครลู ะมูล ยมะคปุ ต์ แมค่ รูเผอ่ื น วรศิลปฯ์ แสดงละคร ราเป็นตวั พระ และตัวพ่อ ในละครเรอื่ ง ไชยเชษฐ์, คาวี, สวุ รรณหงส์ ฯลฯ ต่อมาได้ต้งั คณะชา่ งฟ้อน ผลงาน:คดิ ประดษิ ฐ์ทา่ เต้นของชาวเขา เป็นระบาชาวเขาเผาตา่ ง ๆ ปรับปรงุ ทา่ ราชุดพน้ื เมอื ง ภาคเหนือใหแ้ ก่วิทยาลัยนาฏศิลป์ เชยี งใหม่ ไดแ้ ก่ ชุดราไทยเขิน ฟ้อนวี ฟอ้ นกมผัด ฟ้อนนพบรุ ศี รนี ครพิงค์เชียงใหม่ เปน็ ผสู้ บื สานพัฒนานาฏศิลป์พื้นเมอื งชุดลา้ นนา ให้ ดารงอยู่ท่ามกลางกระแสความปลยี่ นแปลงของสงั คม เคยไดร้ ับเชดิ ชูเกียรตเิ ป็นผ้มู ผี ลงานด้านวัฒนธรรมท้องถ่นิ และผูอ้ นรุ กั ษม์ รดก ไทยจงั หวัดเชียงใหม่ นางสมพันธ์ โชตนา จึงไดร้ ับการประกาศยกยอ่ งเชดิ ชเู กียรตเิ ป็นศลิ ปนิ แห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลปพ์ ืน้ เมืองล้านนา) ประจาปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒
ครมู ลั ลี คงประภศั ร์ สาขา: ศลิ ปะการแสดง นาฏศลิ ปไ์ ทย ประวตั ิ:มลั ลี (หมนั ) คงประภศั ร์ มีนามเดิมวา่ “ปุย” เปน็ บุตรีคนท่ี ๓ ของนายกกุ และนางนวม ชา้ งแกว้ เกดิ เมื่อวนั ท่ี ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๖ มภี ูมิลาเนาอย่ทู บี่ า้ นปาก คลองวดั รว้ั เหลก็ (ปจั จุบันคอื วัดประยรุ วงศาวาส) อาเภอบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุรี เมื่อเด็กหญิงปยุ อายุ ๘ ขวบบดิ าก็สียชวี ิต นางนวมผเู้ ปน็ มารดาจงึ ไดส้ มัครเข้ารับ ราชการเป็นพนักงานประจาห้องเสวยของพระองค์เจา้ สรุ ิยวงศฯ์ ไดพ้ าเด็กหญิงปยุ ไปอยู่ด้วย เดก็ หญิงปุยไดม้ ีโอกาสชมละครราของพระองคเ์ จ้าวัชรวี งศฯ์ ทเี่ ขา้ ไปแสดงประจา ในวังหลวงจึงมคี วามหลงไหลพอใจในบทบาทของตัวละครมากจนถึงกับแอบหนมี ารดาตดิ ตามคณะละครเจา้ ขาวไป ได้รับการฝึกสอนจาก “หมอ่ มแม่เปา้ ” ครูละครคนสาคญั ของวงั เจ้าขาว แม้มารดาจะมารับตวั กลับ แตเ่ ด็กหญิงปยุ กไ็ มย่ อมขออยู่หดั ละครใหไ้ ดจ้ นมารดายอมแพ้ ใหห้ ัดละครอยู่ในวังเจ้าขาว (ปัจจุบนั คอื โรงเรยี นสวนกหุ ลาบ วทิ ยาลัย) เม่อื อายุ ๑๐ ขวบไดม้ ีโอกาสไปแสดงในงานต่างๆมากมาย ครั้งหนงึ่ ได้แสดงหน้าพระท่ีนง่ั เป็นตวั “สมนั น้อย” ในละครเรื่องดาหลงั ปรากฏวา่ เปน็ ทพ่ี ึงพอพระราช หฤทัยของเจา้ นายฝา่ ยในหลายพระองค์ จนทรงจาได้และเรียกเด็กหญิงปุยด้วยความเอน็ ดูว่า “ไอห้ มัน”จนเป็นเหตุให้ใครต่อใครเรียกตามกันจนเคยชนิ และเจา้ ตัวก็พอใจช่ือ ใหม่นี้ เพราะถือเปน็ มงคลนาม ได้ใชช้ ื่อนม้ี าจนถึงแก่กรรม ต่อมาเมื่ออายุ ๒๒ ปี ก็ได้กราบทูลขอลาออกมาแต่งงานกบั นายสม คงประภศั ร์ โดยยังยดึ อาชพี รบั จ้างแสดง ละครตามปกติ ตอ่ มาประมาณปพี .ศ.๒๔๗๗ เมอ่ื มีการจดั ตั้งโรงเรียนยาฏดุรยิ างคศาสตร์ขน้ึ มา หม่อมครตู ว่ นและอาจารยล์ ะม่อม วงทองเหลือ อาจารยใ์ หญโ่ รงเรยี นนาฏดุริ ยางคศาสตร์ ได้มาชักชวน “ครหู มัน” ให้ไปชว่ ยสอนนกั เรยี น หวา่ นล้อมนานพอสมควร แม่ครหู มนั จงึ ยอมไปสอน หม่อมครตู ว่ นจงึ พาไปพบกับหลวงวิจิตรวาทการและสมคั ร เขา้ รบั ราชการเปน็ ศิลปนิ ช้ัน๓ ตั้งแตว่ ันที่ ๑ มถิ ุนายน พ.ศ.๒๔๗๗ ทาหนา้ ทเ่ี ป็นครูสอนนาฏศลิ ปต์ ั้งแต่นนั้ เป็นตน้ มา ผลงาน:ครูหมันกับครูลมุล ยมะคปุ ต์ ไดร้ ่วมกันประดิษฐท์ า่ รา แม่บทใหญ่ ครูหมันไดถ้ กู เลิกจา้ งด้วยอาการหลงลมื ในวัย 80 ปี ครหู มันได้ถึงแกอ่ นิจกรรมเมอื่ วนั ท่ี 5 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2514 ด้วยวยั 88 ปี[2] และไดร้ บั พระราชทานเพลิงศพเมอ่ื วนั ท่ี 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 ณ พระเมรุวัดเทพศิรนิ ทราวาส[3] ตลอดเวลาทท่ี ่านเขา้ รบั ราชการ ท่านได้เดนิ ทางไปแสดงในนามรัฐบาลไทยในประเทศญ่ีปนุ่ และได้รบั การยกยอ่ งในความสามารถของทา่ นทสี่ ามารถแสดงบทบาทในละครได้ ทกุ บทบาท และในการแสดงโขน ทา่ นสามารถข้ึนแสดงแทนในบทบาทชายได้
นายวจิ ติ ร คูณาวุฒิ สาขา: ศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละคร) สาขาย่อย: ภาพยนตร์ ปที ่ไี ด้รบั : ๒๕๓๐ ประวัติ:นายวจิ ติ ร คูณาวุฒิ ผู้ใชน้ ามปากกาวา่ \"คุณาวุฒิ\" เกดิ เม่อื วันที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๖๕ เป็นผมู้ ีผลงานประสบการณ์หลายดา้ น อาทิ เปน็ ทั้ง นักเขยี นเรอ่ื งส้นั และสารคดี นักข่าว นกั หนงั สอื พิมพ์และนกั นติ ยสาร นกั ทาละครโทรทศั น์เพอื่ การกศุ ลแต่มีผลงานดีเดน่ เปน็ พิเศษ ในด้านสรา้ งสรรค์ความ เจริญในวงการภาพยนต์ มาเป็นเวลานานกวา่ ๔๐ ปี ในฐานะผอู้ านวยการสร้าง ผกู้ ากับการแสดง ผู้ประพันธเ์ รื่อง ผ้ทู าบทภาพยนต์ และผู้ลาดบั ภาพ ผลงาน:มผี ลงานทยี่ กยอ่ งทุกแขนง ได้รับรางวัลยอดเย่ยี มรวมถงึ ๒๗ รางวัล ซง่ึ มากท่สี ุดเป็นประวัติการณ์มที ัง้ รางวลั ระดับชาตริ างวัลระหว่างประเทศ นาย วจิ ิตร คุณาวุฒิ ไดบ้ าเพญ็ ตนเป็นประโยชนต์ ่อสงั คมและประเทศชาติเสมอมาและไดร้ บั ปรญิ ญาดษุ ฎบี ัณฑติ กิติมศักด์จิ ากจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัยเมือ่ ปี พุทธศกั ราช ๒๕๒๘ นายวิจิตร คุณาวฒุ ิ หรือ คุณาวุฒิ สมควรได้รับยกยอ่ งเชดิ ชูเกยี รติเปน็ ศิลปินแหง่ ชาติ สาขาศลิ ปะการแสดง (ภาพยนต์) ประจาปี พุทธศกั ราช ๒๕๓๐
สาขา: ศิลปะการแสดง (นาฏศิลปไ์ ทย) สาขายอ่ ย: นาฏศิลป์-ละคร ปีทีไ่ ดร้ ับ: ๒๕๓๑ ประวตั ิ:นางสาวจาเรียง พทุ ธประดับ เกิดวันท่ี ๑๑ มกราคม ๒๔๕๙ ทีจ่ ังหวดั เพชรบุรี เป็นศิลปินผู้เชยี่ วชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย ของ วทิ ยาลัยนาฏศลิ ป์ กรมศิลปากร มคี วามสามารถรอบรู้กระบวนการงานนาฏศิลป์ การแสดงละครทุกประเภทเปน็ หลักและแมแ่ บบ โด เฉพาะตวั นาง เป็นผู้อนรุ กั ษแ์ บบแผนการแสดงนาฏศิลปก์ ารละครรวมทั้งสร้างสรรค์ ผลงาน:ประดิษฐ์ผลงานการแสดงของวิทยาลยั หลายชดุ เปน็ ผู้รว่ มพิจารณาหลักสตู รสาขาวชิ านาฏศลิ ปไ์ ทย และพัฒนารา่ งหลกั สตู ร รายวิชา ตลอดจนสือ่ การเรยี นการสอนระดับปริญญา เปน็ อาจารย์ท่ีปรึกษาและวิทยากรในวิชาศิลปะนิพนธ์ นเิ ทศการสอนวิชา นาฏศิลป์ไทย ทั้งในวิทยาลยั นาฏศลิ ปะส่วนกลางและส่วนภูมภิ าค เปน็ วทิ ยากรอบรมวิชานาฏศิลป์แกห่ น่วยงานราชการ รัฐวิสาหกจิ และองคก์ รภาคเอกชน เป็นศลิ ปนิ ผูแ้ สดงดีเดน่ เปน็ หัวหนา้ คณะไปแลกเปล่ยี นศลิ ปวฒั นธรรมในต่างประเทศ เป็นผทู้ ่ีเพยี บพร้อมดว้ ย จริยธรรมและคณุ ธรรม อทุ ศิ ตนเพอ่ื ประโยชนท์ างการศึกษาในสาขาวชิ านาฏศลิ ป์อยา่ งสมา่ เสมอมากกวา่ ๕๐ ปี ตลอดจนใหค้ าปรกึ ษา แนะนาแก่ศิษยแ์ ละบรกิ ารงานสังคมอยา่ งดยี ่งิ จนเปน็ ทยี่ อมรับในวงการนาฏดรุ ยิ างค์ศิลป์ ตลอดระยะเวลาอนั ยาวนาน นางสาว จาเรยี ง พทุ ธประดับ สมควรไดร้ บั การประกาศยกย่องเชิดชเู กียรตเิ ปน็ ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ สาขาศลิ ปะการแสดง (นาฏศิลป์-ละคร) ประจาปี พุทธศกั ราช ๒๕๓๑
พระสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประวัติ:พระบาทสมเด็จพระบรมราชพงษเชษฐมเหศวรสนุ ทร พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย (24 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2310 - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367; ครองราชย์ 8 กนั ยายน พ.ศ. 2352[2] - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367) พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยรัชกาลท่ี 2 ในราชวงศจ์ ักรี มพี ระนามเดิมว่า ฉิม (สมเด็จพระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟ้า กรมหลวงอิศรสุนทร) พระราชสมภพเมือ่ วนั พธุ ข้ึน 7 ค่า เดือน 4 ปีกนุ เวลาเชา้ 5 ยาม ซง่ึ ตรงกบั วันที่ 24 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2310 เป็นพระราชโอรสพระองค์ ที่ 4 ในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช เสวยราชสมบตั เิ มอื่ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2352 - 2367 ขณะมพี ระชนมพรรษาได้ 42 พรรษาพระองค์ทรงกวี เอก ผลงาน: ไดท้ รงพระราชนพิ นธ์วรรณคดีไวห้ ลายเล่ม เปน็ ตน้ วา่ รามเกียรติ์ ตอนลกั สดี า จนถึงวานรถวายพล ตอนพเิ ภกสวามภิ ักดิ์ ตอนนางลดี าลยุ ไฟ ได้ทรง ปรับปรงุ จากบทความเดิมใหม้ ีความไพเราะเหมาะสาหรบั การแสดงดขน และไดท้ รงพระราชนิพน บทพากยโ์ ขน เร่อื งรามเกยี รติ์ ตอนนางลอย ตอนศึกอินทร ชิตหกั คอชา้ งเอราวณั เปน็ บทเสภาเรอื่ ง ขนุ ชา้ งขุนแผน ตอนพลายแก้วพบนางพิมพ์ ตอนขุนแผนข้ึนเรือนขนุ ชา้ งสว่ นพระราชนิพนธ์ เร่อื ง อิเหนา นนั้ ทรงไดร้ บั การยกยอ่ งจากวรรณคดใี สโมสรในรชั กาลพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หวั ว่าเปน็ ยอดของ กลอนบทละครรา ด้วยเปน็ เนื้อเร่ืองทด่ี ที ้ังเนือ้ ความและ ทานองกลอน สว่ นบทละครนอก พระสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลัยทรงพระราชนพิ นธ์ขึน้ มาด้วยกนั 1 เร่ือง ได้แก่ ไชยเชษฐ์ เป็นเรอ่ื งราวเสียดสีในราช สานัก สงั ขท์ อง เคา้ เรอ่ื งเกยี่ วกับการเสยี ดสเี่ รอ่ื งราวในพระราชสานัก มณี ไกรทอง เดิมเป็นนทิ านพ้นื คาวี มีเน้ือเรื่องเหมือนกับเสือโคคาฉนั ท์ และอน่ื ๆ
พลโท พระเจา้ วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ - สาขา: ศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละคร) สาขายอ่ ย: ผูส้ รา้ งภาพยนตร์-ผูก้ ากับภาพยนตร์ ปที ไ่ี ด้รับ: ๒๕๓๙ ประวตั ิ:พลโท พระเจา้ วรวงค์เธอ พระองคเ์ จ้าอนสุ รมงคลการ ประสูติ เมือ่ วันที่ ๑ เมษายน ๒๔๕๘ ทจ่ี ังหวัดสงขลา ทรงสนพระทัยด้านภาพยนตร์ ตั้งแต่ พระชนมายุ ๑๗-๑๘ พรรษา ซงึ่ ขณะนน้ั กาลงั ศึกษาทป่ี ระเทศอังกฤษ โดยรบั จา้ งทางานเกีย่ วกบั ละครของบริษัทองั กฤษช่อื โกมองท์ บรติ ิส ซึ่งเปน็ งานกึ่ง รับจ้างกง่ึ เรียนในลักษณะฝึกงาน ต่อมาได้ไปศึกษางานการสร้างภาพยนตร์ทฮี่ อลลวี ู้ด ประเทศสหรัฐอเมริกาความสามารถของพระองคท์ าให้คนไทยคนแรกทม่ี ี พระนามในกลมุ่ ผผู้ ลิตภาพยนตร์ของฮอลลีวดู้ ๒ เรอื่ ง ในตาแหนง่ ผชู้ ว่ ยผูก้ ากับ พลโท พระเจ้าวรวงคเ์ ธอ พระองค์เจ้าอนสุ รมงคลการ เปน็ นักสร้างภาพยนตร์ คนแรกของวงการภาพยนตร์ไทย ทน่ี าระบบควิ การแสดงมาใช้กับการกากับการแสดงในฉากการตอ่ สู้ ผลงาน:เป็นผบู้ ุกเบกิ การนาเทคนิคพเิ ศษมาใชใ้ นการสรา้ งภาพยนตร์เรอื่ งแมน่ าคพระโขนง อาทิ เทคนิคการยืดมอื ยาว ๆ ของแม่นาคพระโขนงและการลอ่ งหน หายตวั ซึ่งเปน็ ต้นแบบของการใช้เทคนคิ ในการสรา้ งภาพยนตรใ์ นร่นุ ต่อมา นอกจากนัน้ ยงั เปน็ ทั้งผู้สร้าง ผกู้ ากับ ผู้เขยี นบทประพันธ์ ผูล้ า้ งฟลิ ม์ ผู้ลาดับภาพ ซง่ึ นับวา่ ตอ้ งใชค้ วามสามารถทางดา้ นภาพยนตร์เป็นอยา่ งสงู ภาพยนตร์ที่ทรงสร้างและกากบั ทาให้นกั แสดงประสบความสาเร็จได้รับรางวัลตุ๊กตาทองหลายคน เปน็ ผู้ให้ความร้ใู นการสร้างภาพยนตร์แก่นักสรา้ งภาพยนตร์รุ่นหลงั สนับสนนุ ใหม้ กี ารกอ่ ตงั้ สมาคมผ้อู านวยการสร้างแห่งประเทศไทย ดาเนินการใหเ้ กิดการ สง่ เสรมิ การลงทนุ ด้านอุตสาหกรรมภาพยนตรไ์ ทยของประเทศไทย พลโท พระเจ้าวรวงคเ์ ธอ พระองค์เจา้ อนสุ รมงคลการ จงึ ได้รับการยกย่องเชดิ ชูเกียรตเิ ปน็ ศลิ ปินแหง่ ชาตสิ าขาศิลปะการแสดง (ผู้สรา้ งภาพยนตร์ - ผู้กากับภาพยนตร์) ประจาปพี ทุ ธศักราช ๒๕๓๙
นาย สมชาย อาสนจินดา (ส. อาสนจินดา) สาขา: ศลิ ปะการแสดง (ภาพยนตร์และละคร) สาขายอ่ ย: ละครเวที ภาพยนตแ์ ละละครโทรทัศน์ ประวัติ:เกดิ เม่ือวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๖๔ ท่กี รงุ เทพมหานคร เป็นศิลปนิ อาวโุ สท่ีมีความรคู้ วามสามารถเปน็ เลศิ ทางดา้ นศลิ ปะการแสดง หลากหลายบทบาท นอกจากนีย้ ังมีความสามารถยอดเยี่ยมในการเปน็ ผอู้ านวยการสรา้ ง ผ้กู ากบั การแสดงผู้เขียนเร่ือง ผูเ้ ขยี นบท และผ้ลู าดับภาพชนิด หาตัวจับได้ยาก ส.อาสนจินดา เป็นศิลปนิ นกั แสดงทม่ี ุ่งมนั่ ประกอบแตค่ ณุ งามความดีมจี ิตใจเสยี สละเพื่อวงการอย่างแทจ้ ริง มคี วามเพยี รพยายามและ ความอดทนในการทางานท่คี วรแก่การสรรเสริญ จนคนในวงการบนั เทิงพากันยกยอ่ ง ให้ฉายาแก่ ส.อาสนจินดา ด้วยนามต่าง ๆ เช่น “ศิลปินชน้ั ครู” “ศลิ ปินทมี่ คี วามสามารถรอบตวั ” และ “บรุ ษุ เหลก็ แห่งวงการบนั เทิง” ตลอดระยะเวลาเกือบคร่ึงศตวรรตท่ีผา่ นมา ส.อาสนจนิ ดา ผลงาน:ไดอ้ ุทศิ ตนสร้างสรรคผ์ ลงาอันทรงคุณคา่ มอบไวใ้ ห้แก่วงการละครเวทีและวงการละครโทรทศั น์มากมายควบคู่มากบั พัฒนาการของท้ังละครเวที และภาพยนตร์ไทย ส.อาสนจนิ ดายังยนื หยัดอยกู่ ัลวงการแสดง มผี ลงานทสี่ ามารถสร้างความประทับใจใหแ้ กผ่ ชู้ มสมเปน็ เอกศลิ ปินอยา่ งแท้จรงิ และด้วย ความรูค้ วามสามารถที่สูงย่งิ ดงั กลา่ ว ส.อาสนจนิ ดา จึงได้รบั รางวลั ท้ังรางวัลท้ังรางวัลระดับชาติ และรางวลั ระดับกลุ่มประเทศอาเชยี น มากมายหลาย รางวัล นายสมชาย อาสนจินดา หรือ ส.อาสนจินดา จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกยี รตเิ ปน็ ศิลปนิ แห่งชาตสิ าขาศลิ ปะการแสดง (ละครเวที ภาพยนตร์ และ ละครโทรทัศน)์ ปีพุทธศักราช ๒๕๓๓
คณะผจู้ ัดทา ๑.นางสาวศริ วิ รรณ พุทธระสุ เลขท่ี ๓๑ ๒.นายภาณพุ งษ์ รัตนมาลี เลขที่ ๓๒ ๓.นางสาวนา้ ทิพย์ พศิ เพง็ เลขท่ี ๓๓ ๔.นายนราธร พันธ์ชู เลขท่ี ๓๔ ๕.นายธนั ยบรู ณ์ พิลาบุตร เลขท่ี ๓๕ ๖.นางสาววิภารัตน์ นาเมืองรักษ์ เลขท่ี ๓๖ ๗.นางสาวณฐั วรา คาภานุช เลขท่ี ๓๗ ๘.นางสาวมาลืณี ทาโพธ์ิ เลขท่ี ๓๘ ๙.นางสาวชาลณิ ยี ์ ลรี ัตน์ เลขท่ี ๓๙ ๑๐.นายเนรมิตร พรหมทา เลขที่ ๔๐
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: