การรบั รูเ้ ก่ียวกบั อปุ สรรคการจดั การความปวดของพยาบาลวิชาชีพ กลมุ่ การพยาบาล โรงพยาบาลยโสธร จงั หวดั ยโสธร กีรติ คาทอง1 สุณิสา ชน่ื ตา2 ศภุ ลกั ษณ์ คาทอง2 เพญ็ ประกาย สรอ้ ยคา2 สมคิด เผ่าผา2 ทองศรี กา่ แกว้ 2 บทคดั ยอ่ อุปสรรคการจดั การความปวดของประเทศไทย อาจจะมีความแตกต่างตามบริบท พ้ ืนท่ีและนโยบาย อีกท้ังยังมีข้อมูลจากัดในประเด็นน้ ี การวิจัยเชิงพรรณนาแบบ ภาคตดั ขวางน้ ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ศึกษาการ รบั รูข้ องพยาบาลเกี่ยวกบั อุปสรรคการจดั การ ความปวด กลุ่มตัวอย่างเป็ นพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลยโสธรจานวน 218 คน เคร่ืองมือวิจยั เป็ นแบบสอบถามการรับรูท้ ี่เป็ นอุปสรรคในการจดั การความปวด จานวน 21 ขอ้ มาตรวดั 5 ระดบั ผลการวจิ ยั พบวา่ พยาบาลรอ้ ยละ 100 เป็ นเพศหญิง อายุเฉล่ีย 40.41 (SD±9.1) เป็ นพยาบาลระดบั ปฏิบตั ิการเป็ นสว่ นใหญ่ ไดร้ บั การอบรมการจัดการ ความปวดหลกั สูตรระยะสน้ั รอ้ ยละ 36.9 มปี ระสบการณ์ในการดูแลผูป้ ่ วยมากกว่า 10 ปี รอ้ ยละ 49.8 อุปสรรคการจดั การความปวด พบว่า พยาบาลเห็นความสาคญั ของการ จดั การความปวด รบั รอู้ ุปสรรคการจดั การความปวดเก่ียวกบั ความรู้ การประเมินความ ปวดในระดบั ปานกลาง และพยาบาลมีความกงั วลตอ่ ผูป้ ่ วยด้ ือและติดยาบรรเทาความปวด แพทย์ใหก้ ารรักษาจัดการความปวดอยู่ในระดับมาก ความล่าชา้ ของเภสัชกรในการ ประมวลผล ใบสงั่ ยาของแพทย์ และความล่าชา้ ในการสง่ ยาจากแผนกจ่ายยาเป็ นอปุ สรรค อยู่ในระดบั ปานกลาง ผลการวิจัยท่ีพบเพ่ือเป็ นแนวทางการพฒั นาคุณภาพของพยาบาล ในการจดั การความปวดใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ คาสาคญั : การจดั การความปวด, อุปสรรคการจดั การความปวด, พยาบาลวิชาชีพ 1 รองผอู้ านวยการฝ่ายการพยาบาลโรงพยาบาลยโสธร 2 ฝ่ายการพยาบาลโรงพยาบาลยโสธร
56 วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ ปีท่ี 1 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) Perception of Barriers to Pain Management of Register Nurse: Nursing Department in Yasothon Hospital Abstract Pain management in Thailand, there may be differences in context, area, and policy. There are also limited information on this issue. The objective of this cross sectional descriptive design was to identify barriers perceived as interfering with nurses’ (RNs) ability to provide optimal pain management. The samples were 218 professional nurses in Yasothon Hospital. The research instrument was a questionnaire for perceived barriers to pain management, 21 items (5 ratting). The results showed that 100% of the nurses were female, the mean age was 40.41 (SD ± 9.1). Most of them are the nursing staff, 49.8% had experience in caring for patients over 10 years. Of 36.9% was trained in short-term pain management program. The nurses perceived pain management was the importance for nurse. Perceived barriers to pain management with knowledge of pain assessment at moderate level, and nurses were concerned about patients with tolerance and addict and pain medication. Doctors treated pain management that was at a high level. Delays in pharmacists' processing of prescriptions and the delay in drug delivery from the dispensary department was moderate. The results of the research were found to improve quality of nursing care in pain management. Keywords: pain management, pain management barrier, register nurse
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ 57 ปีท่ี 1 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) ความเป็ นมาและความสาคญั ของปัญหา ความปวดถือเป็ นปัญหาทางคลินิกที่พบบ่อยที่สุดในผปู้ ่ วยที่มารบั บริการในสถาน บริการพยาบาล จากรายงานขององคก์ ารอนามยั โลก (WHO) พบว่า รอ้ ยละ 80 ถึง รอ้ ยละ 90 ของผูป้ ่ วยมคี วามปวด1การจดั การความปวดท่ีมปี ระสิทธิภาพสามารถบรรเทา ความปวดไดท้ าใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์การดูแลดีข้ ึน ส่งผลใหว้ นั นอนในโรงพยาบาลส้ันลง และ ลดตน้ ทุนการบริการ2 ในปัจจุบนั ยงั พบว่าการจดั การความปวดในผูป้ ่ วยกลุ่มโรคและวยั ต่างๆ ยงั คงตา่ กว่าเกณฑท์ ่ีผูป้ ่ วยพึงจะไดร้ บั 3-5 แมว้ ่าระบบบริการสุขภาพมีแนวปฏิบตั ิการจดั การความ ปวดทางคลินิกสาหรบั แพทยแ์ ละพยาบาล6 แนวปฏิบตั ิการจดั การความปวดยงั ไม่สามารถ นาสู่การปฏิบัติอย่างเป็ นรูปธรรมไดท้ ้งั หมด ทาใหผ้ ูป้ ่ วยไดร้ ับการบรรเทาความปวดไม่ เหมาะสมและเพียงพอ7 ความปวดท่ีไม่ไดร้ ับการบรรเทามีผลกระทบต่อดา้ นร่างกายและ จิตใจ การทาหน้าที่ กิจวตั รประจาวนั ส่งผลใหค้ ุณภาพชีวิตของผูป้ ่ วยลดลง8 การจดั การ ความปวดท่ีมีประสิทธิภาพจึงมีความสาคญั งานวิจยั ที่ผ่านมาพบว่าอุปสรรคท่ีทาใหก้ าร จดั การความปวดไม่มปี ระสิทธภิ าพน้ัน ประกอบดว้ ย อปุ สรรคดา้ นบุคลากรบริการสุขภาพ อุปสรรคดา้ นตัวผูป้ ่ วย และอุปสรรคดา้ นระบบบริการสุขภาพ5,9 ซึ่งรายละเอียดแต่ละ ประเด็นมคี วามแตกต่างกนั อุปสรรคดา้ นบุคคลากรบริการสุขภาพ ประกอบดว้ ย ความรูข้ องบุคคลากรท่ีไม่ เพียงพอหรือลา้ สมยั และทศั นคติเก่ียวกบั การจดั การความปวด งานวิจยั พบว่าพยาบาล ขาดความรูท้ างทฤษฎีเกี่ยวกบั ความปวด การประเมินความปวด และพ้ นื ฐานหลกั การทาง เภสชั วิทยา10 การขาดความรูข้ องพยาบาลในประเด็นดงั กล่าวเป็ นอปุ สรรคต่อการจดั การ ความปวด11, 12 มีขอ้ เสนอแนะจากผลงานวิจยั พบว่าพยาบาลไม่ใหค้ วามสาคญั กับการ จดั การกบั ความปวดมากเทา่ กบั บทบาทอ่ืนๆ13 งานวจิ ยั พบว่าแมว้ ่าพยาบาลใหค้ วามสาคญั กับการจัดการความปวดแต่ผลลัพธ์ในทางปฏิบัติไม่ได้สะท้อนขอ้ ความดังกล่าว14 การจดั การความปวดที่ดีเริ่มจากการประเมินความปวด พบว่าพยาบาลมีทศั นคติท่ีดีต่อ การประเมินความปวดช่วยใหก้ ารปฏิบตั ิที่ดี แต่เม่ือพยาบาลไม่เห็นความสาคญั ในการ ประเมินความปวด สง่ิ น้ ีเป็ นอปุ สรรคตอ่ การจดั การความปวดในทางปฏิบตั ิมากทสี่ ุด15 อุปสรรคดา้ นตวั ผูป้ ่ วย พบว่าทัศนคติและความเชื่อของผูป้ ่ วยน้ันเป็ นอุปสรรคท่ี สาคญั ในการจดั การความปวด ซ่ึงทาใหม้ ีความเขา้ ใจผิดเก่ยี วกบั ความปวดและการจดั การ ความปวด3 ผปู้ ่ วยท่มี ีความปวดอาจไม่เลือกใชป้ ระโยชน์จากระบบบริการสขุ ภาพเนื่องจาก ความเช่ือทผี่ ิด ถงึ แมว้ ่ามีทรพั ยากรพรอ้ มในการจดั การความปวดใหก้ บั ผปู้ ่ วย จากงานวจิ ยั
58 วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ ปีท่ี 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) พบประเด็นต่างๆ ดังน้ ี ผูป้ ่ วยกลัวคิดว่ายาบรรเทาปวดบางชนิดเป็ นสารเสพติด ดงั น้ัน ผูป้ ่ วยเลือกที่จะไม่ใชย้ าเนื่องจากกลวั การติดยา16 อุปสรรคอีกประการคือกลวั ด้ ือยา เช่น ในผปู้ ่ วยมะเร็ง ผปู้ ่ วยมีความกงั วลถา้ เริ่มใชย้ าในช่วงตน้ ของโรค เมื่อโรคกา้ วหน้าข้ นึ ยาจะ ไม่สามารถบรรเทาความปวดได้ และผปู้ ่ วยเชื่อวา่ ควร \"รกั ษาดว้ ยยา\" เมอื่ ตอ้ งการจริงๆ17 นอกจากน้ ีผูป้ ่ วยมีความกงั วลกบั ผลขา้ งเคียงของยาบรรเทาความปวด ผูป้ ่ วยบางรายไม่มี ความอดทนต่อผลขา้ งเคียงของยา เช่นยาบรรเทาปวดกลุ่มอนุพันธฝ์ ิ่น ทาให้ คล่ืนไส้ ทอ้ งผูก ดงั น้ันผูป้ ่ วยบางรายอาจเลือกที่จะอยู่กับความปวดมากกว่ามีอาการทอ้ งผูก และ รูส้ ึกคลื่นไส้ ความเชื่อน้ ีมีผลต่อความคาดหวงั ของผูป้ ่ วยที่มีต่อการจดั การความปวด18 การรายงานความปวดเช่นกันท้งั น้ ีการประเมินความปวดท่ีเป็ นมาตรฐานคือผูป้ ่ วยบอก ความปวดดว้ ยตนเอง (self-report) ผูป้ ่ วยบางรายลงั เลท่ีจะรายงานความปวดของตนเอง เน่ืองจากคิดว่าความปวดที่มากข้ ึนน้ันเป็ นส่ิงที่ระบุว่าโรคแย่ลง19 ผูป้ ่ วยบางรายตอ้ งการ เป็ นผูป้ ่ วยท่ีดี (good patient) ผูป้ ่ วยท่ีดีในมุมมองของแพทยแ์ ละพยาบาลน้ันคือผูป้ ่ วยไม่ บ่นเกย่ี วกบั ความปวดใหแ้ พทยห์ รือพยาบาลรบั ทราบ18 ท้งั หมดน้ ีเป็ นอุปสรรคดา้ นผปู้ ่ วยท่ี ทาใหเ้ กดิ การจดั การความปวดท่ตี า่ กวา่ เกณฑ์ อุปสรรคดา้ นระบบบริการสุขภาพน้ันพบว่าการสงั่ ซ้ ือยาที่ไมเ่ พียงพอหรือมียาท่ีไม่ เพียงพ อในโรงพ ยาบาล14 ซึ่งเป็ นอุปสรรคท่ีสาคัญ การไม่มีเวลาและนโยบาย ใหค้ วามสาคญั การจัดการความปวด ความแตกต่างและไม่คงท่ีในการจดั การความปวด ของบคุ คลากรบริการสุขภาพถูกระบุว่าเป็ นอุปสรรคของระบบ2, 14 การปฏิบตั ิจดั การความ ปวดที่ดีทีส่ ุดโดยพยาบาลเป็ นคนประสานกบั ทมี สุขภาพ แต่ยงั พบว่าการขาดความร่วมมือ ระหว่างทีมสขุ ภาพ7 วัฒ นธรรมองค์กรพยาบาลเป็ นส่วนหน่ึ งของระบบบริการสุขภาพ และมี ความสาคัญในการขับเคลื่อนการจัดการความปวด งานวิจัยพบว่าวฒั นธรรมองค์กร พยาบาลมีผลกระทบต่อการจดั การความปวด จากการศึกษากลุ่มตัวอย่าง 2 หอผูป้ ่ วย พบว่ากลุ่มตวั อย่างประเมินความปวดผูป้ ่ วยแตกต่างกนั ในแต่ละหอผูป้ ่ วย20 ดงั น้ันบริบท ของหอผูป้ ่ วยมีอิทธิพลต่อการปฏิบตั ิของพยาบาลในการประเมินความปวด จดั การความ ปวดยงั คงไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากถา้ ไมค่ านึงถงึ ปัจจยั ตามบริบทขององคก์ รพยาบาล ฝ่ายการพยาบาลโรงพยาบาลยโสธร เห็นความสาคญั และตระหนักถึงอปุ สรรคการ จดั การความปวด ท้งั น้ ีพยาบาลเป็ นผอู้ ยใู่ กลช้ ิดผปู้ ่ วยมากท่สี ดุ จากการทบทวนวรรณกรรม ที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่เป็ นงานวิจยั ของต่างประเทศ ขอ้ มูลเก่ียวกบั อุปสรรคการจดั การ ความปวดของประเทศไทย อาจจะมคี วามแตกต่างตามบริบทพ้ นื ที่และนโยบาย อกี ท้งั ยงั มี
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ 59 ปีที่ 1 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) ขอ้ มูลจากดั ในประเด็นน้ ี ดงั น้ัน การศึกษาการรบั รูถ้ ึงอุปสรรคต่อการจดั การความปวด ของพยาบาลจึงมีความจาเป็ น ท้งั น้ ีขอ้ มูลท่ีไดจ้ ะเป็ นแนวทางในการพฒั นาประสิทธิภาพ ของพยาบาลในการจดั การความปวด เพือ่ ผลลพั ธก์ ารดแู ลผปู้ ่ วยทมี่ ีประสิทธภิ าพยงิ่ ข้ ึน วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั เพื่อศกึ ษาการรบั รูข้ องพยาบาลวิชาชพี เกย่ี วกบั อปุ สรรคการจดั การความปวด วิธีดาเนินการวิจยั การวิจัยคร้ังน้ ี เป็ นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง (Cross sectional descriptive design) ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง ประชากรเป็ นพยาบาลวิชาชพี ปฏิบตั งิ านในโรงพยาบาลยโสธร จานวน 325 คน กลุ่มตวั อย่าง เป็ นพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลยโสธร คานวณขนาดตวั อย่างดว้ ย วิธีของ Tora Yamane (1967) n = N ÷ 1+ Ne2 โดยกาหนดค่าความคลาดเคล่ือนที่สูง ทส่ี ุดท่ีผูว้ ิจยั รบั ได้ กาหนด e = 0.05 แทนค่ากลุ่มตวั อย่าง n = 325 ÷ 1+ {325 (.05)2} ไดเ้ ท่ากับ 190 ราย ปรับเพิ่มขนาดกลุ่มตวั อย่างเพ่ือป้ องกันการสูญหาย รอ้ ยละ 20 จานวนกลุ่มตัวอย่างท่ีศึกษาท้ังหมดจานวน 218 คน ใชว้ ิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) เครอ่ื งมือการวจิ ยั เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลการวจิ ยั คร้งั น้ ี ประกอบดว้ ย 2 สว่ น ดงั น้ ี 1) แบบบันทึกขอ้ มูลทัว่ ไป ประกอบดว้ ย ขอ้ มูล ส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ ระดับ การศึกษา ประสบการณก์ ารทางาน การอบรมเกี่ยวกบั การจดั การความปวด 2) แบบสอบถามอุปสรรคการจดั การความปวด แบบสอบถามทมี วิจยั ไดพ้ ฒั นาจากการ ทบทวนวรรณกรรม ประกอบดว้ ย อุปสรรคการจดั การความปวด ดา้ นบุคคลากร สขุ ภาพ ดา้ นผปู้ ่ วย และ ดา้ นระบบบริการสุขภาพ แบบสอบถามประกอบดว้ ย 21 ขอ้ มาตรวดั Likert scale 5 ระดบั (มากที่สุด- มาก- ปานกลาง- น้อย และน้อย ที่สดุ ) ความตรงเน้ ือหาของเครื่องมือ ตรวจสอบโดยผูเ้ ช่ยี วชาญ 3 ท่าน แลว้ นามา ปรับปรุงแกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะ ค่าดชั นีความตรงตามเน้ ือหา (IOC) มีค่าระหว่าง 0.67 -1.00 ตรวจสอบความเชื่อมนั่ ชนิดความสอดคลอ้ งภายในของแบบสอบถาม มคี า่ สมั ประสิทธ์อิ ลั ฟ่ าของครอนบาคในกลุ่มตวั อยา่ งน้ ี เทา่ กบั 0.87
60 วารสารวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ ปที ่ี 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) การวิเคราะหข์ อ้ มูล ขอ้ มูลเชิงปริมาณ ใชส้ ถิติเชิงพรรณนา หาค่า ความถ่ี รอ้ ยละ ค่าเฉลี่ย และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อวิเคราะหข์ อ้ มูลทวั่ ไป และอุปสรรคการจดั การความปวด ในการ แปลผลใชช้ ว่ งคะแนน จากพิสยั ยุบจาก 5 ระดบั เพอ่ื แปลผลเพียง 3 ระดบั โดยการหาพสิ ยั คือค่าสงู สุดลบดว้ ยค่าตา่ สุด แลว้ หารดว้ ยจานวนช่วงที่ตอ้ งการ นั่นคือ หาค่าพิสยั เท่ากบั 5-1 = 4/3 = 1.33 นาไปจดั ชว่ งคะแนนเป็ น 3 ระดบั ไดด้ งั น้ ี ผลการวจิ ยั ช่วงคะแนน 3.67-5.00 อยูใ่ นระดบั มาก ช่วงคะแนน 2.34-3.66 อยู่ในระดบั ปานกลาง ชว่ งคะแนน 1.00-2.33 อยใู่ นระดบั น้อย ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลทวั ่ ไปของกลมุ่ ตวั อยา่ ง กลุ่มตวั อยา่ งเป็ นเพศหญงิ รอ้ ยละ 100 อายมุ ากที่สุด 59 ปี นอ้ ยท่ีสุด 22 ปี อายุ เฉลี่ย 40.41 (SD±9.1) เป็ นพยาบาลระดบั ปฏบิ ตั ิการเป็ นส่วนใหญ่ ไดร้ บั การอบรมการ จดั การความปวดหลกั สตู รระยะสน้ั รอ้ ยละ 36.9 มปี ระสบการณใ์ นการดแู ลผปู้ ่ วยมากกวา่ 10 ปี รอ้ ยละ 49.8 ดงั แสดงในตารางที่ 1 ตารางที่ 1 แสดงขอ้ มลู ทวั่ ไปของกลุ่มตวั อยา่ ง จานวน รอ้ ยละ ขอ้ มลู 218 100 204 93.5 เพศหญิง 14 6.5 การศกึ ษา 32 14.7 186 85.3 ปริญญาตรี 85 38.9 ปริญญาโท บทบาทในหอผูป้ ่ วย หวั หน้าและรองหวั หน้าหอผปู้ ่ วย ระดบั ปฏิบตั กิ าร การอบรมการจดั การความปวด
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ 61 ปที ี่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) ขอ้ มลู จานวน รอ้ ยละ ประสบการณใ์ นการดแู ลผูป้ ่ วย 8 3.7 17 7.8 ตา่ กวา่ 6 เดอื น 39 18 6 เดือน - 2 ปี 46 21.2 มากกวา่ 2 - 5 ปี 108 49.8 มากกวา่ 5 - 10 ปี มากกว่า 10 ปี ข้ นึ ไป
62 ตอนท่ี 2 การรบั รูข้ องพยาบาลเกยี่ วกบั อุปสรรคการจดั การความปวด วารสารวทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ การรบั รูข้ องพยาบาลเกย่ี วกบั อุปสรรคการจดั การความปวด พบว่าพยาบาลและทีมพยาบาลใหค้ วามสาคญั เก่ียวกบั การจดั การ ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) ความปวดมีคะแนนเฉล่ียมากท่สี ดุ พยาบาลมีขอ้ จากดั ในความรแู้ ละการประเมินในระดบั ปานกลาง ไมม่ ีรูปแบบเอกสารและการบนั ทึก ความปวดมคี า่ คะแนนเฉล่ียน้อยท่ีสุด การจดั การความปวดของแพทยอ์ ยใู่ นระดบั มาก ระบบการจา่ ยยาของโรงพยาบาลมีความล่าชา้ ใน ระดบั ปานกลาง ดงั แสดงในตารางท่ี 2 ตารางที่ 2 แสดงจานวน ความถ่ี คา่ เฉลยี่ และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐานของการรบั รูเ้ กย่ี วกบั อปุ สรรคการจดั การความปวด หวั ขอ้ มากท่สี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทสี่ ุด mean SD แปลผล n (%) n (%) n (%) n (%) n (%) 1. ท่านมีขอ้ จากดั เก่ียวกบั ความรูใ้ นการจดั การความปวด 3 (1.4) 48 (21.9) 67 (30.6) 48 (21.9) 52 (23.7) 2.60 1.25 ปานกลาง 2. ทา่ นมีขอ้ จากดั เกยี่ วกบั ความสามารถในการประเมินความปวด 4 (1.8) 42 (19.2) 42 (19.2) 67 (30.6) 63 (28.8) 2.35 1.14 ปานกลาง 3. ท่านกงั วลผปู้ ่ วยอาจจะด้ ือยาบรรเทาความปวด 6 (2.7) 37 (16.9) 59 (26.9) 69 (31.5) 47 (21.5) 2.49 1.08 ปานกลาง 4. ทา่ นกงั วลผปู้ ่ วยอาจจะติดยาบรรเทาความปวด 12 (5.5) 35 (16.0) 53 (24.2) 64 (29.2) 54 (24.7) 2.49 1.18 ปานกลาง 5. ทา่ นกงั วลเก่ียวกบั ผลขา้ งเคยี งของยาบรรเทาความปวด 12 (5.5) 50 (22.8) 68 (31.1) 67 (30.6) 21 (9.6) 2.85 1.05 ปานกลาง 6. ท่านตอ้ งใชเ้ วลามากในการใหก้ ารพยาบาลเพือ่ จดั การความ 10 (4.6) 38 (17.4) 93 (42.5) 55 (25.1) 22 (10.0) 2.82 .98 ปานกลาง ปวด 7. ท่านใหค้ วามสาคญั เกี่ยวกบั การจดั การความปวด 100 (45.7) 99 (45.2) 16 (7.3) 1 (.5) 2 (.9) 4.36 .68 มาก 8. ทีมพยาบาลใหค้ วามสาคญั เก่ยี วกบั การจดั การความปวด 83 (37.9) 112 (51.1) 19 (8.7) 2 (.9) 2 (.9) 4.26 .69 มาก 9. ทีมบรหิ ารพยาบาลใหค้ วามสาคญั เกยี่ วกบั การจดั การความ 79 (36.1) 110 (50.2) 23 (10.5) 5 (2.3) 1 (.5) 4.21 .72 มาก ปวด 10. หอผปู้ ่ วยขาดแนวปฏบิ ตั ิในการจดั การความปวด 7 (3.2) 26 (11.9) 42 (19.2) 72 (32.9) 71 (32.4) 2.21 1.11 น้อย 11. ไม่มีรูปแบบเอกสารและการบนั ทึกความปวด 5 (2.3) 13 (5.9) 46 (21.0) 69 (31.5) 85 (38.8) 2.02 1.02 นอ้ ย 12. ผปู้ ่ วยมคี วามลังเลในการบอกระดับความรนุ แรงของความปวด 10 (4.6) 51 (23.3) 83 (37.9) 47 (21.5) 27 (12.3) 2.86 1.06 ปานกลาง
หวั ขอ้ มากทีส่ ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยที่สุด mean SD แปลผล วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ n (%) n (%) n (%) n (%) n (%) ปที ่ี 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) 13. ผปู้ ่ วยมีความลังเลในการใชย้ าบรรเทาความปวด 4 (1.8) 19 (8.7) 87 (39.7) 44 (20.1) 2.32 .96 น้อย 14. ญาติผปู้ ่ วยมีความเชือ่ มนั่ ในการรกั ษาดว้ ยยาบรรเทาความปวด 29 (13.2) 99 (45.2) 64 (29.2) 13 (5.9) 9 (4.1) 3.58 .95 มาก 15. แพทยใ์ หค้ วามสาคญั เกยี่ วกบั การจดั การความปวด 45 (20.5) 112 (51.1) 68 (31.1) 8 (3.7) 8 (3.7) 3.82 .94 มาก 16. แพทยล์ งั เลในการใหก้ ารรกั ษาเพื่อจดั การความปวด 8 (3.7) 26 (11.9) 45 (20.5) 88 (40.2) 46 (21.0) 2.37 1.07 ปานกลาง 17. กอ่ นทาหตั ถการไม่มกี ารใหย้ าบรรเทาความปวด 50 (22.8) น้อย 18. กอ่ นทาหตั ถการไมร่ อใหย้ าบรรเทาปวดออกฤทธ์ิ 58 (26.5) 70 (32.0) 16 (7.3) 6 (2.7) 2.28 1.03 น้อย 19. แพทยใ์ หก้ ารรกั ษาดว้ ยยาบรรเทาปวดไมเ่ พยี งพอ 52 (23.7) 100 (45.7) 68 (31.1) 19 (8.7) 8 (3.7) 2.22 1.03 น้อย 20. ความล่าชา้ ของเภสชั กรในการประมวลผลใบสงั่ ยาของแพทย์ 4 (1.8) 16 (7.3) 39 (17.8) 83 (37.9) 47 (21.5) 2.30 .96 ปานกลาง 21. ความล่าชา้ ในการส่งยาจากแผนกจา่ ยยา 5 (2.3) 13 (5.9) 68 (31.1) 85 (38.8) 36 (16.4) 2.38 .93 ปานกลาง 8 (3.7) 15 (6.8) 79 (36.1) 87 (39.7) 34 (15.5) 2.43 .98 74 (33.8) 63
64 วารสารวทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ ปที ่ี 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) อภิปรายผล โรงพยาบาลยโสธร มีความมุ่งมนั่ ในการจดั การความปวดผูป้ ่ วยใหเ้ พียงและมี ทรพั ยากรสนับสนุนความมุ่งมนั่ น้ ี เป้ าหมายของการศกึ ษาคร้งั น้ ีเพื่อระบกุ ารรบั รอู้ ุปสรรค ของพยาบาลวชิ าชีพต่อการจดั การความปวด กลุ่มตวั อย่างรอ้ ยละ 100 ตอบแบบสอบถาม และใหข้ อ้ มูลกลับ พยาบาลวิชาชีพส่วนใหญ่ใหค้ วามสาคญั กบั การจดั การความปวด อกี ท้งั ทีมพยาบาลและทีมบริหารพยาบาลของโรงพยาบาลใหค้ วามสาคญั เกี่ยวกบั การจัดการ ความปวด สอดคลอ้ งกับงานวิจัยของ Czarnecki และคณะศึกษาในอุปสรรคการจัดการ ความปวดในเด็ก21 ท้งั น้ ีเน่ืองจากการจดั การความปวดเป็ นนโยบายและเป็ นมาตรฐานของ พยาบาลในการดูแลผปู้ ่ วย ซ่ึงทมี บริหารการพยาบาลตอ้ งวางกลยุทธท์ ี่จะทาใหพ้ ยาบาลให้ ความสาคญั ของการจดั การความปวดทง้ั ระบบ ทาใหม้ ีผลต่อความสามารถในการปรบั ปรุง เก่ียวกบั แนวทางการจดั การความปวดในหอผปู้ ่ วยทง้ั โรงพยาบาล การรบั รูอ้ ุปสรรค พบว่า พยาบาลมีขอ้ จากดั เกี่ยวกบั ความรู้ การประเมิน และการ จัดการความปวดอยู่ในระดับปานกลาง สอดคล้องกับงานวิจัยของต่างประเทศ22 -23 ท่ีพบว่าอุปสรรคของการจดั การความปวดคือความรู้ การประเมิน และการจดั การความ ปวด ท้งั น้ ีเน่ืองจากนโยบายของโรงพยาบาล ในการอบรมการจดั การความปวดใหก้ ับ พยาบาลไดร้ อ้ ยละ 38.9 อาจะทาใหพ้ ยาบาลบางส่วนยงั ขาดความมนั่ ใจเก่ียวกับความรู้ การใชเ้ ครื่องมอื ในการประเมินผปู้ ่ วย รวมถงึ การจดั การความปวดใหก้ บั ผปู้ ่ วย ผลดงั กล่าว ทาใหพ้ ยาบาลรบั รู้ กงั วลผูป้ ่ วยอาจจะด้ ือยาบรรเทาความปวด และกงั วลผปู้ ่ วยอาจจะตดิ ยา บรรเทาความปวด ซึ่งเป็ นอุปสรรคในการจัดการความปวด ผลดังกล่าวสอดคลอ้ งกับ การศกึ ษาของ Czarnecki และคณะ21 เชน่ กนั แนวทางการพฒั นาคอื ใหค้ วามรู้ และพฒั นา ทกั ษะการประเมินความปวดและการจดั การความปวดใหก้ บั พยาบาลวิชาชพี อยา่ งต่อเน่ือง สนับสนุนใหม้ ีการใชแ้ นวปฏิบัติของโรงพยาบาลอย่างเขม้ แข็ง ท้งั น้ ีโรงพยาบาลมีแนว ปฏิบัติการจัดการความปวดและรูปแบบการบันทึกความปวด และพยาบาลรับรูว้ ่าเป็ น อปุ สรรคท่ีมีค่าเฉล่ียนอ้ ย การรบั รูอ้ ุปสรรคเก่ียวกบั แพทยผ์ ูใ้ หก้ ารรกั ษาผูป้ ่ วย พบว่า แพทยใ์ หค้ วามสาคญั เกี่ยวกบั การจดั การความปวดในระดบั มาก ทง้ั น้ ีเนื่องจากเป็ นนโยบายของโรงพยาบาลและ ทรัพยากรสนับสนุน เช่น ยา หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ทาใหแ้ พทยส์ ามารถรักษาและจดั การ ความปวดใหผ้ ูป้ ่ วยไดอ้ ย่างเพียงพอ สอดคลอ้ งกับการศึกษาของ Czarnecki และคณะ24 แต่ในการศึกษาคร้งั น้ ีพบว่าแพทยล์ งั เลในการใหก้ ารรกั ษาเพ่ือจดั การความปวดในระดับ
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธปิ ระสงค์ 65 ปที ี่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) ปานกลาง ท้ังน้ ีอาจจะเนื่องจากกลุ่มผูป้ ่ วยที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งตอ้ งการขอ้ มูลเชิง คุณภาพในการอภิปรายผลดงั กล่าว การรบั รูอ้ ปุ สรรคของความล่าชา้ ของเภสชั กรในการประมวลผลใบสงั่ ยาของแพทย์ และความล่าชา้ ในการส่งยาจากแผนกจ่ายยาพบว่าอยู่ในระดบั ปานกลาง สอดคลอ้ งกบั การศึกษาของ Czarnecki และคณะ24 เน่ืองจากระบบยาท่ีเป็ นกลุ่มอนุพนั ธฝ์ ิ่นซึ่งมีระบบ เก็บในหอ้ งยา และเม่ือแพทยใ์ หก้ ารรกั ษาระบบของโรงพยาบาลจะตอ้ งใหเ้ ภสชั กรในการ ประมวลผลใบสงั่ ยาของแพทยแ์ ละสง่ ยามายงั หอผปู้ ่ วย ทาใหพ้ ยาบาลใหย้ ากบั ผปู้ ่ วยอาจจะ ล่าชา้ ได้ ปัญหาดงั กล่าวโรงพยาบาลจะตอ้ งมาทาแนวปฏิบตั เิ พ่อื ใหค้ วามล่าชา้ ลดลง ขอ้ จากดั ของการศกึ ษา การศึกษาคร้งั น้ ีมีขอ้ จากดั การนาผลการวิจยั ไปใชจ้ งึ ควรพิจารณาดงั ต่อไปน้ ี เป็ น การศึกษาภาคตัดขวาง กลุ่มตวั อย่างเฉพาะในโรงพยาบาลยโสธร ซ่ึงมีระบบและแนว ปฏบิ ตั ทิ ่ีแตกต่างจากโรงพยาบาลอนื่ อาจจะไมส่ ามารถอา้ งอิงกบั โรงพยาบาลอน่ื ๆ ได้ ขอ้ เสนอแนะในการนาผลกการศกึ ษาไปใช้ การจดั การความปวดเป็ นบทบาทท่ีสาคญั ของพยาบาล ทีมบริหารพยาบาลของ โรงพยาบาลจาเป็ นตอ้ งทบทวนแนวปฏิบัติในการจดั การความปวด และการใหค้ วามรู้ เก่ยี วกบั การประเมินและการจดั การความปวดใหก้ บั บคุ คลากรทางการพยาบาลอยา่ งทวั่ ถึง อา้ งอิง 1. Hoy D, March L, Brooks P, Blyth F, Woolf A, Bain C, et al. The global burden of low back pain: estimates from the Global Burden of Disease 2010 study. Annals of the rheumatic diseases. 2014:annrheumdis-2013-204428. 2. Wynne-Jones G, Main CJ. Overcoming pain as a barrier to work. Current opinion in supportive and palliative care. 2011Jun;5(2):131-6. 3. Potter VT, Wiseman CE, Dunn SM, Boyle FM. Patient barriers to optimal cancer pain control. Psycho‐Oncology. 2003;12(2):153-60. 4. MacLean S, Obispo J, Young KD. The gap between pediatric emergency department procedural pain management treatments available and actual practice. Pediatric emergency care. 2007;23(2):87-93.
66 วารสารวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ ปที ่ี 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) 5. Bair MJ, Matthias MS, Nyland KA, Huffman MA, Stubbs DL, Kroenke K, et al. Barriers and facilitators to chronic pain self‐management: A qualitative study of primary care patients with comorbid musculoskeletal pain and depression. Pain Medicine. 2009;10(7):1280-90. 6. Chou R, Fanciullo GJ, Fine PG, Adler JA, Ballantyne JC, Davies P, et al. Clinical guidelines for the use of chronic opioid therapy in chronic noncancer pain. The Journal of Pain. 2009;10(2):113-30. e22. 7. Dulko D, Hertz E, Julien J, Beck S, Mooney K. Implementation of cancer pain guidelines by acute care nurse practitioners using an audit and feedback strategy. Journal of the American Association of Nurse Practitioners. 2010;22(1):45-55. 8. Deshpande MA, Holden RR, Gilron I. The impact of therapy on quality of life and mood in neuropathic pain: what is the effect of pain reduction? Anesthesia & Analgesia. 2006;102(5):1473-9. 9. Parker SJ, Jessel S, Richardson JE, Reid MC. Older adults are mobile too! Identifying the barriers and facilitators to older adults’ use of mHealth for pain management. BMC geriatrics. 2013;13(1):43. 10. Henry M. Knowledge and attitudes of nurses about pain management in patients with cancer. 2010. 11. Vincent CVH. Nurses’ knowledge, attitudes, and practices: Regarding children’s pain. MCN: The American Journal of Maternal/Child Nursing. 2005;30(3):177-83. 12. Bernardi M, Catania G, Lambert A, Tridello G, Luzzani M. Knowledge and attitudes about cancer pain management: a national survey of Italian oncology nurses. European Journal of Oncology Nursing. 2007;11(3):272-9. 13. Twycross A. Nurses' views about the barriers and facilitators to effective management of pediatric pain. Pain Management Nursing. 2013;14(4):e164- e72.
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ 67 ปที ี่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) 14. Oldenmenger WH, Smitt PAS, van Dooren S, Stoter G, van der Rijt CC. A systematic review on barriers hindering adequate cancer pain management and interventions to reduce them: a critical appraisal. European Journal of Cancer. 2009;45(8):1370-80. 15. Samuels JG, Fetzer S. Pain management documentation quality as a reflection of nurses' clinical judgment. Journal of nursing care quality. 2009;24(3):223- 31. 16. Bennett DS, Carr DB. Opiophobia as a barrier to the treatment of pain. Journal of pain & palliative care pharmacotherapy. 2002;16(1):105-9. 17. Jacobsen R, Møldrup C, Christrup L, Sjøgren P. Patient‐related barriers to cancer pain management: a systematic exploratory review. Scandinavian journal of caring sciences. 2009;23(1):190-208. 18. Luckett T, Davidson PM, Green A, Boyle F, Stubbs J, Lovell M. Assessment and management of adult cancer pain: a systematic review and synthesis of recent qualitative studies aimed at developing insights for managing barriers and optimizing facilitators within a comprehensive framework of patient care. Journal of pain and symptom management. 2013;46(2):229-53. 19. Chen CH, Tang ST, Chen CH. Meta-analysis of cultural differences in Western and Asian patient-perceived barriers to managing cancer pain. Palliative medicine. 2012;26(3):206-21. 20. Lauzon Clabo LM. An ethnography of pain assessment and the role of social context on two postoperative units. Journal of advanced nursing. 2008;61(5):531-9. 21. Czarnecki ML, Salamon KS, Thompson JJ, Hainsworth KR. Do barriers to pediatric pain management as perceived by nurses change over time? Pain Management Nursing. 2014;15(1):292-305. 22. Wang HL, Tsai YF. Nurses’ knowledge and barriers regarding pain management in intensive care units. Journal of Clinical Nursing. 2010;19(21‐22): 3188-96.
68 วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ปที ่ี 1 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) 23. Ameringer S. Barriers to pain management among adolescents with cancer. Pain Management Nursing. 2010;11(4):224-33. 24. Czarnecki ML, Simon K, Thompson JJ, Armus CL, Hanson TC, Berg KA, et al. Barriers to pediatric pain management: A nursing perspective. Pain Management Nursing. 2011;12(3):154-62.
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: