»‚·Õ詺Ѻ·ÕèÁ¡ÃÒ¤ÁàÁÉÒ¹ ISSN:1686-0152
วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ ISSN: 1686-0152 ปที ่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – เมษายน 2562) เจา้ ของ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ วตั ถุประสงค์ เพ่ือส่งเสรมิ และเผยแพรผ่ ลงานวิชาการในรูปแบบรายงานการวจิ ัย (Research article) บทความทางวิชาการ (Academic article) และบทความปริทัศน์ (Review article) สาขาการพยาบาล และวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพ กาหนดการออกวารสาร ฉบับท่ี 1 มกราคม – เมษายน ฉบบั ท่ี 2 พฤษภาคม – สงิ หาคม ฉบบั ท่ี 3 กนั ยายน – ธนั วาคม คณะผู้จดั ทา ทีป่ รกึ ษา ดร.ปัทมา ผอ่ งศิริ ผ้อู านวยการวิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ บรรณาธกิ าร ดร.พชั รี ใจการณุ ผ้ชู ่วยบรรณาธกิ าร อาจารย์ลกั ขนา ชอบเสียง อาจารย์ชนกุ ร แก้วมณี อาจารย์ทัตภณ พละไชย กองบรรณาธิการ รองศาสตราจารย์ ดร.สมใจ พุทธาพิทักษผ์ ล คณะพยาบาลศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช รองศาสตราจารย์ ดร.พูลสขุ เจนพานิชย์ วิสุทธพิ ันธ์ คณะแพทยศาสตรโ์ รงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวิทยาลัยมหิดล รองศาสตราจารย์ ดร.เนาวนติ ย์ สงคราม คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณดี สทุ ธนิ รากร คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ รองศาสตราจารย์ ดร.เดชา ทาดี คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นันทวรรณ กติ ิกรรณากรณ์ คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่
รองศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ บญุ เชียง คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สพุ ัตรา บวั ที คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชชู าติ วงศ์อนชุ ิต มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิรยิ า ออ่ นสอาด คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สภุ าพร ใจการณุ คณะสาธารณสุขศาสต์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุบลราชธานี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพ็ญศริ ิ ดารงภคภากร คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนครพนม ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จินดารัตน์ ชัยอาจ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จดิ าภา ผกู พันธ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม ดร.นพ.สธุ รี ์ รตั นะมงคลกุล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ดร.สเุ พียร โภคทพิ ย์ โรงพยาบาลสรรพสทิ ธิประสงค์ ดร.วิโรจน์ เซมรมั ย์ สานกั งานสาธารณสขุ จังหวดั อุบลราชธานี ดร.คมวฒั น์ ร่งุ เรอื ง วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรุ นิ ทร์ ดร.นิสากร วิบูลชัย วทิ ยาลยั พยาบาลศรีมหาสารคาม ดร.ศภุ วดี แถวเพยี วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ขอนแก่น ดร.กมลทิพย์ ต้ังหลกั ม่นั คง วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี อดุ รธานี ดร.พทิ ยา ศรีเมอื ง วทิ ยาลยั การสาธารณสุขสริ นิ ธร จงั หวัดขอนแกน่ ดร.สินศกั ดชิ์ นม์ อุน่ พรมมี ศูนยอ์ นามยั ที่ 9 นครราชสมี า ดร.ชลยิ า วามะลุน โรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี ดร.อนชุ ตรา วรรณเสวก โรงพยาบาลมะเรง็ อุบลราชธานี ดร.เกษราภณ์ เคนบปุ ผา โรงพยาบาลพระศรมี หาโพธ์ิ จังหวัดอบุ ลราชธานี ดร.เอมอร แสงศริ ิ โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทย ดร.สุภาภรณ์ ศรีธัญรตั น์ ศูนยส์ ุขภาพจติ ท่ี 10 อุบลราชธานี ดร.นงลักษณ์ อนนั ตริยอาจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ดร.รงุ้ รังษี วบิ ลู ชยั สถาบันพระบรมราชชนก ดร.เพชรมณี วิริยะสืบพงศ์ สถาบนั พระบรมราชชนก ดร.นภชา สิงห์วีรธรรม สถาบันพระบรมราชชนก ดร.สมรภพ บรรหารกั ษ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ ดร.ปรางทิพย์ ทาเสนาะ เอลเทอร์ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา
อาจารย์ศุทธินี วฒั นกลู วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชยี งใหม่ ดร.สุรศกั ดิ์ สุนทร วิทยาลัยการสาธารณสขุ สิรินธร จงั หวดั สพุ รรณบุรี ดร.ดลนภา ไชยสมบตั ิ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี พะเยา ดร.วิไลวรรณ ปะธิเก คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ ดร.ณฐั ยา ศรที ะแกว้ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อาจารยจ์ รญู ศรี มหี นองหว้า สรรพสิทธปิ ระสงค์ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ดร.กลุ ธดิ า กลุ ประฑปี ญั ญา สรรพสทิ ธิประสงค์ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ดร.สภุ ารัตน์ พสิ ัยพันธ์ุ สรรพสทิ ธปิ ระสงค์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ดร.นุสรา ประเสรฐิ ศรี สรรพสิทธปิ ระสงค วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ดร.พชั รี ใจการณุ สรรพสทิ ธปิ ระสงค์
บทบรรณาธกิ าร “…ขอน้อมกราบพระบาทบชู าพอ่ พ่อเพยี รก่อชายมาจนกลา้ แข็ง พอ่ รกั ชายห่วงชายไม่แสดง พ่อคอยแจง้ ทิศทางใหส้ ร้างคน ชว่ งชวี ติ ที่ผ่านมาจนบดั น้ี เขา้ ใจดชี ายผิดพลาดดอื้ สบั สน เคยสรา้ งความย่งุ ยากใหก้ งั วล พอ่ ส้ทู นใหอ้ ภยั แกไ้ ขมา วันเวลาผ่านไปให้สานกึ ในส่วนลกึ ของพ่อท่ีปรารถนา ยากจะหาพอ่ ใครในโลกา ท่เี มตตารักลกู อยา่ งถกู ทาง จะอดกล้นั ขันติมีมานะ เสยี สละยุตธิ รรมทาทุกอย่าง จะซื่อสัตยจ์ รงิ ใจไมอ่ าพราง เดนิ สายกลางขม่ ใจให้นิ่มนวล บรรดาข้าฯ บรวิ ารจะสานไว้ แม้ยากไร้อมุ้ ชูสดุ สงวน จะเผอ่ื แผเ่ มตตาเท่าทค่ี วร เป็นขบวนแน่นมดั พฒั นา การศกึ ษาของชายในปีน้ี ก้าวหนา้ ดีผา่ นไดไ้ รป้ ญั หา ขอถวายทลู หม่อมพ่อท่ีรอมา โล่งอรุ าวนั เฉลมิ ฯ เพิ่มสูขเอยฯ” เพื่อความเป็นศิริมงคลของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ จึงขอน้อมนาพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระราชนิพนธ์คากลอน เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ 5 ธันวาคม 2515 และขอความกตัญญู และความเคารพใน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก รชั กาลที่ 10 แหง่ บรมราชจักรวี งศ์ ประจาปี 2562
วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ เป็นวารสาร ที่เผยแพร่ผลงานวิชาการทางสุขภาพและที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ รวมทั้งแลกเปล่ียนเรียนรู้ผลงานวิชาการ ทางสุขภาพของนักวิชาการ พยาบาล บุคลากรทางสุขภาพและทางการศึกษา รวมท้ังนักวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับ สขุ ภาพ 2560 เพื่อความกา้ วหน้าและพฒั นาทางวิชาการทางสขุ ภาพในประเทศไทย สาหรับกองบรรณาธิการ วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ได้คัดเลือกบทความวิจัยท่ีน่าสนในด้านต่าง ๆ รวม 6 เร่ือง สาหรับเสนอใน วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ปีที่ 3 ฉบับท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ดงั นี้ 1) บทบาทของพยาบาลชุมชนเพื่อการส่งเสรมิ พลังสุขภาพจติ ในผู้สูงอายุ ไทย 2) การพัฒนาภาวะผู้นาทางสุขภาพของนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาล บรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 3) รูปแบบการพัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิดสาหรับ มหาชนของสถาบันพระบรมราชชนก 4) ผลการใช้มาตรการบริหารจัดการเพ่ือการป้องกันการแพร่เช้ือ วัณโรคในโรงพยาบาล 5) การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนอิเลคโทรนิคเรื่องการตรวจร่างกายทารก แรกเกิดสาหรับนักศึกษาพยาบาลศาสตร์บัณฑิต และ 6) ผลของการกอดจากใจสู่ใจของอาจารย์ เพอื่ เสริมสร้างความมั่นใจในการขนึ้ ฝึกปฏิบัตงิ านบนหอผปู้ ่วยคร้ังแรกของนักศึกษาพยาบาล กองบรรณาธิการหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เน้ือหาสาระของบทความที่วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ได้นาเสนอไปน้ัน จะได้แลกเป ลี่ยนเรียนรู้ และเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านเพ่ือเปิดมุมมองแนวทางการพัฒนางานวิจัยทางสุขภาพของท่าน รวมท้ัง ช่วยส่งเสรมิ ป้องกัน รกั ษาและฟื้นฟภู าวะสขุ ภาพของประชาชนในประเทศไทยต่อไปในอนาคต กองบรรณาธกิ าร
ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) สารบัญ บทบาทของพยาบาลชุมชนเพอ่ื การสง่ เสริมพลังสุขภาพจิตในผู้สูงอายุไทย.......……1 Community nurses’ roles to promote resilience in Thai older people วิไลวรรณ ปะธเิ ก, ขนิษฐา วิศษิ ฏเ์ จริญ Wilaiwan Pathike, Khanitta Wisitcharoen การพฒั นาภาวะผนู้ าทางสุขภาพของนกั ศกึ ษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑติ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์………….........…………………..13 The Development of Health Leadership in Nursing Science Students, of Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong นภทั ร บุญเทียม, กมลชนก จันดสี าร, ไพรัช บญุ จรัส, ศิริวทิ ย์ หลิ่มโตประเสริฐ Napat Boontiam, Kamonchanog Chandeesan, Pairut Boonjarus, Siriwit Limtoprasert รปู แบบการพัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปดิ สาหรบั มหาชนของ สถาบันพระบรมราชชนก ……………........................................................………33 The Development model of Praborommarajchanok Institute’s Massive Open Online Course (PI-MOOC) นันทรัตน์ ศรีวชริ างกูร Nantarat Sriwachirangkoon
ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) สารบัญ ผลการใช้มาตรการบริหารจดั การเพือ่ การปอ้ งกนั การแพร่เช้ือวณั โรค ในโรงพยาบาล................................................................................................52 The Result of the Administrative Measures for the Tuberculosis Transmission of Prevention in Hospitals จุฑาพัฒน์ รตั นดลิ ก ณ ภเู ก็ต, รุง้ รงั ษี วิบูลชัย, เพชรมณี วิริยะสืบพงศ์ Juthapat Rattanadilok Na Bhuket, Rungrungsee Vibulchi, Petmanee Viriyasubephong การพัฒนาสอื่ การเรียนการสอนอเิ ลคโทรนคิ เร่ืองการตรวจรา่ งกายทารกแรกเกิด สาหรบั นักศกึ ษาพยาบาลศาสตร์บณั ฑติ …..….................................................….66 Development of Electronic Learning Materials Newborn Screening for Nursing Students ปิยะรัตน์ แสงบารุง, ธณัฏฐภรณ์ กลุ แสนเตา, ศักดิธชั ทิพยวฒั น์ Piyarat Sangbumrung, Thanathbhorn Koolsantao, Sakdituch Tippawat ผลของการกอดจากใจสใู่ จของอาจารย์เพื่อเสรมิ สรา้ งความมัน่ ใจ ในการข้นึ ฝกึ ปฏบิ ัตงิ านบนหอผูป้ ว่ ยครงั้ แรกของนักศกึ ษาพยาบาล…............……80 The Effects of Hug from Mind to Heart by Teacher to Promote Self- Confidence of the First Practice at Unit of Hospital among Nursing Students กุลธดิ า กุลประฑปี ัญญา Kunthida Kulprateepunya
บทบาทของพยาบาลชุมชนเพื่อการสง่ เสรมิ พลงั สุขภาพจติ ในผูส้ งู อายุไทย วิไลวรรณ ปะธเิ ก ปร.ด.1* ขนิษฐา วิศิษฏเ์ จรญิ ปร.ด.1 บทคดั ยอ่ ผูส้ ูงอายุไทยกาลงั เผชิญกบั ความเสื่อมถอยของร่างกาย โรคเร้ ือรงั รายไดท้ ี่ไม่ เพียงพอ การเปล่ียนแปลงบทบาททางสงั คม จากการสารวจพบวา่ ผูส้ งู อายุไทยมรี ะดบั พลงั สุขภาพจิตปานกลาง ซ่ึงหากไม่สามารถปรบั ตวั ต่อสถาการณเ์ หล่าน้ ีไดก้ ็จะทาให้ เกิดภาวะซึมเศรา้ ตามมา พลงั สุขภาพจิตเป็ นชุดของความสามารถในการปรบั ตวั ต่อ สถานการณ์ความยากลาบาก จึงเป็ นเคร่ืองมือสาคญั ที่จะช่วยใหผ้ ู้สูงอายุสามารถ ดาเนินชีวิตต่อไปได้ พยาบาลชุมชนถือเป็ นบุคคลสาคญั ที่มีความใกลช้ ิดกบั ชุมชนและ ผูส้ ูงอายุ บทความวิชาการน้ ีมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนความรูค้ วามเขา้ ใจและ แนวทางในการส่งเสริมพลังสุขภาพจิตแก่ผู้สูงอายุในชุมชน ท้ังน้ ีการส่งเสริมพลัง สุขภาพจิตในผูส้ ูงอายุน้ันจะตอ้ งคานึงถึงความเพียงพอของรายได้ การสนับสนุนทาง สังคม และการรบั รูภ้ าวะสุขภาพของผูส้ ูงอายุ รวมถึงพยาบาลชุมชนควรไดร้ ับการ พัฒนาคุณลักษณะเฉพาะ ได้แก่ การมีทัศนคติที่ดีต่อผู้สูงอายุ มีบุคคลิกภาพท่ี เหมาะสมกบั วฒั นธรรมของแต่ละพ้ ืนท่ี ใจเย็น อดทน และใส่ใจในการทางานอย่าง จริงจงั คาสาคญั : พลงั สุขภาพจิต, ผูส้ งู อายุไทย, บทบาทพยาบาลชุมชน 1 สาขาการพยาบาลชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ *Correspondence e-mail: [email protected] วนั ท่ีรบั (received) 29 เม.ย.2562 วนั ท่ีแกไ้ ขเสร็จ (revised) 7 พ.ค.2562 วนั ที่ตอบรบั (Accepted) 10 พ.ค.2562
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 2 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) Community nurses’ roles to promote resilience in Thai older people Wilaiwan Pathike Ph.D.1* Khanitta Wisitcharoen Ph.D.1 Abstract Thai older people are facing physical deterioration, chronic diseases, inadequate income and changes in their society’ s role. The survey addressed that they had a moderate level of resilience. Which if they are unable to adapt to these situations, it will be the cause of depression. Resilience is a set of capability to adapt despite difficulties. Therefore it is an important tool to assist the elderly to continue living. Community nurses attempt as key persons who are close to the community and their elderly. This article thus aims to serve the body of knowledge and understanding about elderly resilience. To promote resilience, community nurses require to concern on an elder’s income, their social support, and their health awareness. Furthermore, community nurses should expand themselves for specific characteristics, includes a positive attitude towards the elderly, cultural sensibility, be patient, and pay attention to work seriously. Keywords: resilience, thai elderly, community nurses’ roles 1 Department of Community Nursing, Faculty of Nursing, Srinakharinwirot University *Correspondence e-mail: [email protected]
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 3 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) บทนา จากการเปลี่ยนแปลงโครงสรา้ งประชากรท่ีพบว่าจานวนผูส้ ูงอายุมีอตั ราการ เพ่ิมข้ ึนอย่างรวดเร็ว ซึ่งประเทศไทยกาลงั อยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็ นสังคม ผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 25681 และจะมีจานวนประชากรผู้สูงอายุ เป็ นลาดับท่ีสองของอาเซียนรองจากประเทศที่พัฒนาแลว้ อย่างสิงคโปร์2 โดยคล่ืน ประชากรกลุ่มดงั กล่าวเป็ นการเคล่ือนตวั ที่เทียบเท่ากบั สึนามิของประชากรจากยุคเบ บ้ ีบูมท่ีประเทศไทยมีอัตราการเกิดสูง ประชากรกลุ่มดังกล่าวกาลังเขา้ สู่การเป็ น ประชากรวยั เกษียณอายุ ซ่ึงจะส่งผลกระทบต่อปัญหาดา้ นรายไดท้ ี่ไมเ่ พียงพอ รวมไป ถึงความเส่ือมถอยของรา่ งกาย การเปลี่ยนแปลงดา้ นจิตใจ และสถานภาพทางสงั คม ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดข้ ึนในช่วงวัยของการเป็ นผูส้ ูงอายุมีความ แตกต่างจากช่วงวยั อื่น โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งความเสื่อมถอยตามวยั ความเจ็บป่ วยดา้ น สุขภาพท่ีไม่เคยเกิดข้ ึนมาก่อน การสูญเสียบุคคลอันเป็ นท่ีรัก การสูญเสียบุคคล ใกล้ชิด รวมถึงประสบการณ์ท่ีเลวร้าย ความรู้สึกน้อยใจ การถูกทอดท้ ิง การทารุณกรรมทางพฤติกรรมและวาจา รวมไปถึงการเปลี่ยนผ่านของโครงสรา้ ง วฒั นธรรมการดูแลผูส้ ูงอายุ ซ่ึงในปัจจุบนั พบว่าลูกหลานท่ีถือเป็ นกาลงั สาคญั ในการ ดูแลผูส้ ูงอายุกาลงั เกิดการเปล่ียนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ผูส้ ูงอายุในชนบทที่เผชิญ กบั การยา้ ยถิ่นฐานของลกู หลาน ทาใหร้ ะดบั ความสมั พนั ธล์ ดลง มีระยะห่างเพ่ิมมาก ข้ นึ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผูส้ ูงอายุท้งั ในดา้ นร่างกาย จิตใจ และความผาสุกในการ ดาเนินชีวิต3-8 ซึ่งหากผูส้ ูงอายุไมส่ ามารถปรบั ตวั ต่อสถานการณท์ ่ีมีผลกระทบเชิงลบ เหล่าน้ ีได้ จะยงั ผลต่อการติดอยู่กบั ความรูส้ ึกที่เป็ นทุกข์ หดหู่ ส้ ินหวงั นาไปสู่ภาวะ ซึมเศรา้ และการฆา่ ตวั ตายในที่สุด ในขณะท่ีสังคมผู้สูงอายุในอนาคตมีแนวโน้มของบริบทที่แตกต่างไปจาก ปัจจุบนั โดยผูส้ ูงอายุในอนาคตจะมีอิสระในการพึ่งพาตนเอง9 จากเง่ือนไขทางสงั คม ที่แหล่งเก้ ือหนุนของสถาบนั ครอบครวั มีขอ้ จากดั อนั เป็ นผลสืบเนื่องมาจากอตั ราการ เกิดของประชากรตา่ รวมถึงการยา้ ยถ่ินฐานของบุตรหลานที่เป็ นประชากรวยั แรงงาน ผูส้ ูงอายุจึงมีความจาเป็ นอย่างย่ิงท่ีตอ้ งไดร้ ับการพัฒนาศักยภาพเพ่ือใหส้ ามารถ จัดการกบั สถานการณ์วิกฤตของชีวิต เช่น การอดทนต่อความโดดเดี่ยว อดทนต่อ สถานภาพทางการเงินท่ีเปลี่ยนแปลง รวมถึงความสามารถในการสรา้ งสมั พนั ธภาพ กบั แหลง่ สนับสนุนต่างๆ
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 4 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) การส่งเสริมและพฒั นาพลงั สุขภาพจิตในผูส้ ูงอายุถือเป็ นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ตอ้ งอาศยั ระยะเวลาท่ีเพียงพอต่อการสรา้ งความไวว้ างใจ พยาบาลชุมชนจึงถือเป็ น กลุ่มบุคคลากรดา้ นสุขภาพที่สาคญั ที่มคี วามไดเ้ ปรียบดา้ นความใกลช้ ิดกบั ชุมชนและ ผูส้ ูงอายุ และสิ่งท่ีสาคญั อีกประการหนึ่งคือพยาบาลชุมชนจาเป็ นตอ้ งมีความรูค้ วาม เขา้ ใจเก่ียวกบั พลงั สุขภาพจิตในผูส้ ูงอายุ เพ่ือใหเ้ กิดการส่งเสริมอยา่ งมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลต่อไป บทความวิชาการน้ ีจึงมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือสนับสนุนความรู้ ความเขา้ ใจและแนวทางในการส่งเสริมพลงั สุขภาพจิตแก่ผูส้ งู อายุในชุมชน ความหมายของพลงั สุขภาพจติ ในผูส้ ูงอายุ Resilience หรือในบทความน้ ีใช้ “พลังสุขภาพจิต” น้ัน ได้มีการใชค้ าใน ภาษาไทยอย่างหลากหลาย ไดแ้ ก่ พลังสุขภาพจิต ภูมิคุม้ กันทางใจ ความยืดหยุ่น ความสามารถในการยืนหยดั เผชิญวิกฤต และความเขม้ แข็งทางใจ Resilience เริ่มตน้ การศึกษาโดย Warner โดยเป็ นการศึกษาระยะยาวเพ่ือ ติดตามกลุ่มเด็กท่ีเติบโตมากบั สถานการณท์ ่ียากลาบากจนกระทงั่ เติบโตเป็ นผูใ้ หญ่ท่ี มคี ุณภาพ สามารถปรบั ตวั ต่อสถานการณว์ ิกฤตต่างๆ ที่เกิดข้ นึ ได1้ 0 จากผลการศึกษา ดังกล่าว Resilience จึงถูกนามาใชใ้ นความหมายของการเดง้ กลับ หรือ ‘bounce back’ สื่อถึงการเปรียบเทียบลกู บอลท่ีตกกระทบพ้ ืนแลว้ เดง้ กลบั ข้ ึนมา เปรียบไดก้ บั การเผชิญภาวะวิกฤติในบางช่วงของชีวิตแลว้ สามารถปรบั ตวั กลบั มาใชช้ ีวิตอยา่ งผาสุก ได้ 11-13 โดยที่สถานการณว์ ิกฤติ หรือ adversity ถือเป็ นปัจจยั สาคญั ท่ีกระตุน้ ใหเ้ กิด กระบวนการเกิดพลงั สุขภาพจิตในแต่ละบุคคล14 พลังสุขภาพจิตจึงเป็ นความสามารถของตัวบุคคลต่อการปรบั ตัวจากความ ยากลาบาก สถานการณ์วิกฤติ สถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน และสามารถดาเนินชีวิต ต่อไปไดโ้ ดยปกติสุข ไมจ่ มอยู่กบั ความทุกข์ หรืออีกนัยคือการพลิกวกิ ฤติใหเ้ ป็ นโอกาส ซึ่งมีการใหค้ วามหมายไว้ 3 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 1) ส่ิงท่ีเกิดข้ ึนเองในตวั บุคคล (Trait)15 2) เป็ นกระบวนการ (Process) ของการปรบั ตวั ซ่ึงสามารถเรียนรูไ้ ดต้ ลอดชีวิต16-17 สามารถนาไปสู่คุณภาพชีวิตของผูส้ ูงอายุได้ 18 และ 3) ความสามารถ (Ability) ซ่ึง เป็ นการนาคาอธิบายของส่ิงที่เกิดข้ ึนเองในตัวบุคคล (Trait) และกระบวนการ (Process) มารวมกนั และใหค้ วามหมายของพลงั สุขภาพจิตว่า เป็ นความสามารถท่ี ตวั บุคคลแสดงออกซ่ึงพฤติกรรมของการยอมรบั ต่อส่ิงท่ีเกิดข้ ึน มุง่ มนั่ ที่จะมีเป้าหมาย ชีวิตในอนาคต มีความเอ้ ืออาทรต่อบุคคลอื่น สามารถจดั การกบั อารมณ์ความรูส้ ึก
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 5 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ของตนเองได้ แกไ้ ขสถานการณว์ กิ ฤตท่ีเกิดข้ นึ ได้ และการมจี ิตวญิ ญาณที่เขม้ แข็ง โดย มีปัจจยั แวดลอ้ มเป็ นสิ่งกระตุน้ และสนับใหค้ วามสามารถดังกล่าวเกิดข้ ึน19-20 พลงั สุขภาพจิตในผูส้ ูงอายุจึงเป็ นคุณลกั ษณะของบุคคลเพ่ือปรบั ตวั ต่อการเปล่ียนแปลงซึ่ง อาจหมายถึงโรคเร้ ือรงั การเส่ือมถอยตามวยั การเปล่ียนแปลงทางสรีระและจิตสงั คม แลว้ สามารถฟ้ ื นคืนสสู่ ภาวะสมดุลได้ 21-22 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข อา้ งใน Phadungyam and Duvall21 ใหค้ วามหมายของพลงั สุขภาพจิตในประเด็นของกระบวนการปรบั ตัวและฟ้ ื นตวั เมื่อ ตอ้ งเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลาบากใน 3 องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ ฉันเป็ น (I am), ฉนั มี (I have) และฉนั สามารถ (I can) โดยมีรายละเอียด ดงั น้ ี ฉนั เป็ น (I am) หมายถึง ความเขม้ แข็งภายในตัว พฒั นาไดต้ ลอดเวลา เกิด จากการเรียนรูแ้ ละสะสมมาต้ังแต่อดีต ซึ่งจะแสดงออกมาในลกั ษณะของการเป็ น บุคคลที่เคารพตนเองและผูอ้ ่ืน เขา้ ใจความรสู้ ึกของผูอ้ ื่น รบั ผิดชอบต่อการกระทาของ ตนเอง ยอมรบั ผลท่ีเกิดข้ นึ มคี วามมนั่ ใจ และมองโลกในแง่ดี ฉนั มี (I have) หมายถึง การสนับสนุนท่ีชว่ ยในการส่งเสริมพลงั สุขภาพจิต เป็ นการเก้ ือหนุนของบุคคล ท้งั ภายในและภายนอกครอบครวั รวมถึงความสามารถ ในการเขา้ ถึงแหล่งสนับสนุนไดอ้ ยา่ งอิสระ และมคี วามมนั่ คงปลอดภยั ท้งั ในครอบครวั และสงั คม ฉนั สามารถ (I can) เป็ นทกั ษะความสามารถในการสรา้ งความสมั พนั ธ์ หรือ สัมพันธภาพระหว่างบุคคล การแก้ปั ญหาและการปรับตัวต่อสถานการณ์ ความสามารถในการคิดริเร่ิมแนวใหม่เม่ือพบว่าการกระทาแบบเดิมไมไ่ ดผ้ ล รวมถึง ความสามารถในการจดั การกบั พฤติกรรมของตนเองต่ออารมณห์ รือสิ่งกระตุน้ รอบตวั สถานการณข์ องพลงั สุขภาพจติ ในผสู้ ูงอายุไทย Parayat, Kangcha22 ทาการศึกษาผูส้ ูงอายุในชุมชนเมืองโดยใชแ้ บบประเมิน ของทศั นา ชูวรรธนะปกรณ์ ซ่ึงแปลมาจากแบบประเมินพลงั สุขภาพจิต (Resilience Scale) ของ Wagnlid and Young ในการประเมินพลังสุขภาพจิตภายใตแ้ นวคิดของ องคป์ ระกอบ 5 ดา้ น อนั ไดแ้ ก่ 1) การมีจิตใจที่สงบและมนั่ คง 2) การมีความเพียร และอดทน 3) การเช่ือมนั่ ในตนเอง 4) การรูส้ ึกมีคุณค่าในชีวิต และ 5) การที่ สามารถดารงอยู่ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยพบว่าผูส้ ูงอายุมีคะแนนเฉลี่ยพลังสุขภาพจิตใน ระดับปานกลาง และปัจจยั ที่ทานายค่าคะแนนของพลงั สุขภาพจิตมากที่สุดคือการ
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 6 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) สนับสนุนทางสังคม และรองลงมาเป็ นการรับรูภ้ าวะสุขภาพ ซึ่งสอดคลอ้ งกับการ สารวจ Resilience Quotient จานวน 5 องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ ความมุ่งหมายในชีวิต การมีมุมมองชีวิตทางบวก การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอ่ืน การเผชิญปัญหา และ การจัดการตนเองในการดาเนินชีวิต ในผู้สูงอายุภาคตะวันออกของไทยพบว่าค่า คะแนนเฉลี่ยโดยรวมของ Resilience Quotient อยู่ในระดับปานกลาง โดยมีคะแนน เฉลี่ยสูงสุดในองคป์ ระกอบดา้ นการจดั การตนเองในการดาเนินชีวิต และตา่ ที่สุดใน ดา้ นการมีมุมมองชีวิตทางบวก23 ท้ังน้ ี ยงั พบผลการศึกษาผูส้ ูงอายุในพ้ ืนที่จังหวัด นนทบุรีว่าพลังสุขภาพจิตมีความสัมพันธ์ทางบวกกับสัมพันธภาพ ในครอบครัว การเขา้ รว่ มกิจกรรมทางสงั คม และความพึงพอใจในชีวติ ของผูส้ ูงอายุอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติ24 ในขณะท่ีการประเมินระดับพลังสุขภาพจิตในผู้สูงอายุที่ไดร้ ับการรักษา โรคซึมเศรา้ พบว่าอยู่ในระดับตา่ และสัมพนั ธ์กับความส้ ินหวงั โดยท่ีปัจจัยดา้ นเพศ สถานภาพสมรส การเจ็บป่ วยเร้ ือรัง รายได้ของครอบครัวต่อเดือนน้ันไม่มี ความสัมพันธ์กับระดับพลังสุขภาพจิตของผู้ป่ วยซึมเศรา้ หากแต่ความสามารถ ในการรูค้ ิด และการสนับสนุนทางสงั คมสามารถส่งเสริมระดับของพลงั สุขภาพจิตใน ผูป้ ่ วยโรคซึมเศรา้ ได้ 25 จากการศึกษาเชิงคุณภาพเพื่อศึกษาการรบั รูเ้ กี่ยวพลงั สุขภาพจิตในผูส้ ูงอายุ ไทยท่ีอาศยั อยูใ่ นเขตชนบท พบวา่ ผูส้ ูงอายุใหค้ วามหมายของพลงั สุขภาพจิต หมายถึง ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ก ้า ว ต่ อ ไ ป เ มื่ อ ต้อ ง เ ผ ชิ ญ กั บ ส ถ า น ก า ร ณ์ ท่ี ย า ก ล า บ า ก ซ่ึงประกอบด้วยความสามารถ 5 ด้าน ได้แก่ 1) การทางานหาเล้ ียงชีพต่อไป 2) มีจิตใจท่ีเขม้ แข็งเพ่ือสูช้ ีวิตต่อไป 3) ยอมรับกับส่ิงท่ีเกิดข้ ึน (ปลง และทาใจ) 4) ระบายความรูส้ ึก (การพดู ระบาย และการรอ้ งไห)้ และ 5) การมีปฏิสมั พนั ธก์ บั บุคคลรอบขา้ ง และเช่ือมตัวเองเขา้ หาความเช่ือและค่านิยม ท้ังน้ ียังพบอีกว่า ส ถ า น ก า ร ณ์ ท่ี ย า ก ล า บ า ก ใ น ชี วิ ต ข อ ง ผู้สู ง อ า ยุ น้ั น มี ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง จ า ก วั ย อื่ น ซ่ึงแบ่งออกไดเ้ ป็ นสถานการณท์ ี่เกิดจากปัจจยั ภายในตวั ผูส้ ูงอายุ และปัจจยั ภายนอก ปัจจยั ภายในตัวผูส้ ูงอายุ ไดแ้ ก่ ความเสื่อมถอยของร่างกาย การไม่สามารถ เดิน มองเห็น และทาในส่ิงที่อยากทาได้ ความเจ็บปวดท่ีเกิดจากความเสื่อม โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในระบบกระดกู และขอ้ และการใชช้ ีวิตอยูก่ บั โรคเร้ ือรงั ปัจจัยภายนอก ไดแ้ ก่ ขาดผู้ดูแล รายไดไ้ ม่เพียงพอ และการเสียชีวิตของ บุคคลอนั เป็ นท่ีรกั 26-28
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 7 ปี ที่ 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) จากสถานการณ์การศึกษาในขา้ งตน้ การส่งเสริมและพฒั นาความสามารถ ในการมองชีวิตทางบวกในผูส้ ูงอายุ การรับรูภ้ าวะสุขภาพ และการสนับสนุนทาง สังคม รวมถึงการเขา้ ใจความหมายของพลังสุขภาพจิตในมุมมองของผู้สูงอายุ จึงถือเป็ นสี่ประเด็นสาคญั สาหรบั พยาบาลในชุมชนเพ่ือการส่งเสริมพลงั สุขภาพจิตใน ผูส้ งู อายุ บทบาทของพยาบาลชุมชนตอ่ การสง่ เสริมพลงั สุขภาพจิตในผสู้ ูงอายุ การพัฒนาและส่งเสริมพลังสุขภาพจิตในผูส้ ูงอายุมีความสาคญั และจาเป็ น อย่างยิ่งที่ควรจดั ใหม้ ีการจดั บริการเชิงรุกอย่างเป็ นรูปธรรม มีความเขา้ ใจในบริบท ที่ แตกต่าง และเขา้ ใจความหมายของพลงั สุขภาพจิตในผูส้ ูงอายุอยา่ งลึกซ้ ึง ประกอบ กับการมีนโยบายที่สามารถนาสู่การปฏิบัติได้ และต้องอาศัยบุคคลากรที่มี คุณลักษณะเฉพาะ ไดแ้ ก่ มีทัศนคติที่ดีต่อผูส้ ูงอายุ มีบุคคลิกภาพท่ีเหมาะสมกับ วฒั นธรรมของแต่ละพ้ ืนท่ี ใจเย็น อดทน และใส่ใจในการทางานอยา่ งจริงจงั การส่งเสริมผูส้ ูงอายุใหเ้ กิดความสามารถในการมีพลงั สุขภาพจิตเพื่อเผชิญ และกา้ วขา้ มสถานการณว์ กิ ฤติน้ัน พยาบาลควรคานึงถึงปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง ดงั ต่อไปน้ ี 1. ความเพียงพอของรายได้ ซ่ึงส่งผลต่อความเชื่อมนั่ ในตนเอง การรูส้ ึกมีคุณค่า ในชีวิต การดารงอยไู่ ดด้ ว้ ยตนเอง เน่ืองจากความเพียงพอของรายได้ โดยเฉพาะอยา่ ง ย่ิงในผูส้ ูงอายุตอนตน้ อายุ 60-69 ปี จะมีผลต่อความรูส้ ึกมีพลงั มีความสามารถใน การจัดการและการปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ท้ังยงั พบว่ามีความเพียงพอของ รายไดม้ ีความสาคญั อย่างมีนัยสาคัญต่อการสนับสนุนคุณภาพชีวิตท่ีดี การเขา้ ถึง แหล่งบริการสุขภาพที่ตอ้ งการ ความสามารถในการพ่ึงพาตนเอง และไมเ่ ป็ นภาระแก่ บุคคลอ่ืน 2. การสนับสนุนทางสังคม ไดแ้ ก่ การรับขอ้ มูลข่าวสาร คาแนะนา สิ่งของ เคร่ืองใช้ การช่วยเหลือทางอารมณ์ และการปกป้องดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก บุคคลท่ีมีความสาคัญต่อผูส้ ูงอายุ เช่น คนในครอบครัว เพ่ือนหรือเพื่อนร่วมงาน เครือข่ายทางสังคม ซึ่งถือเป็ นแหล่งสนับสนุนทางสังคมที่ช่วยในการจัดการกับ สถานการณข์ องการสญู เสีย ความเครียดท่ีรบกวนความผาสุก และความรสู้ ึกมีคุณค่า ในตนเอง 3. การรบั รูภ้ าวะสุขภาพ ซ่ึงเป็ นความคิด ความเช่ือ และความเขา้ ใจต่อสุขภาพ โดยรวมของตนเองภายใตค้ วามเส่ือมและความเปลี่ยนแปลงตามวยั ของผูส้ ูงอายุ
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 8 ปี ท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) การรบั รูภ้ าวะสุขภาพท่ีดีส่งผลใหผ้ ูส้ ูงอายุเชื่อมนั่ ว่าตนเองยงั คงมีความสามารถใน การปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ดว้ ยตนเองแมม้ ีภาวะเจ็บป่ วยหรือโรคเร้ ือรงั ซึ่งมีผลต่อพลงั สุขภาพจิตในดา้ นของความเชื่อมนั่ ในตนเอง และมีความเพียรพยายามในการดาเนิน ชีวติ ต่อไป22 Phadungyam and Duvall21 ได้เสนอข้ันตอนและวิธีการเพ่ือการฟ้ ื นฟูพลัง สุขภาพจิตในผูส้ ูงอายุไว้ 5 ขน้ั ตามลาดบั ไดแ้ ก่ 1. การประเมินการรับรูภ้ าวะสุขภาพและพลังสุขภาพจิต โดยเน้นการรับรูถ้ ึง คุณค่าและความหมายท่ีจะอยูต่ ่อไปในขณะที่การเสื่อมถอยตามวยั ปัญหาสุขภาพ และ วิกฤติ ไดเ้ กิดข้ ึนไปแลว้ โดยผูป้ ระเมินสามารถสังเกตไดจ้ ากความใส่ใจในการดูแล ตัวเองของผู้สูงอายุ ทัศคติต่อตนเองและสิ่งรอบตัว เรื่องราวท่ีพูดคุยท่ีสะท้อนถึง การมองตนเองของผู้สูงอายุ โดยใชเ้ ทคนิคการสื่อสารผ่านคาถามปลายเปิ ด เช่น ตอนน้ ีเป็ นอย่างไรบา้ ง เม่ือเป็ นอย่างน้ ีแลว้ รูส้ ึกอย่างไร สิ่งที่เราเคยทาแลว้ ประสบ ความสาเร็จในชีวิตที่ผ่านมามอี ะไรบา้ ง อะไรที่ทาใหเ้ ราสาเร็จ 2. การใหก้ าลงั ใจ เป็ นการใชค้ าพูดหรือการกระทาเพื่อใหเ้ กิดความผ่อนคลาย โดยเริ่มจากการคน้ หาศักยภาพของผูส้ ูงอายุแลว้ ช้ ีใหเ้ ห็น ศกั ยภาพน้ันตอ้ งเป็ นส่ิงท่ี ผูส้ ูงอายุเช่ือและสามารถพิสูจน์ไดว้ ่าเป็ นศกั ยภาพท่ีแทจ้ ริง รวมถึงการใชก้ ารส่ือสาร 4 วิธี ไดแ้ ก่ การเปิ ดโอกาสใหร้ ะบายความรูส้ ึก การแสดงความเขา้ ใจอย่างจริงใจ ผ่านการรบั ฟังอยา่ งลึกซ้ ึง เนน้ ศกั ยภาพท่ีเป็ นจริงของผูส้ งู อายุ และแสดงความชื่นชม 3. ส่งเสริมใหท้ ากิจกรรมในชีวิตประจาวนั อย่างต่อเน่ือง โดยตอ้ งช่วยเหลือให้ ผู้สูงอายุออกมาจากการอยู่กับตัวเองแลว้ เริ่มกิจกรรมต่างๆ ร่วมทากิจกรรมกับ ผูส้ ูงอายุ และคอยอยู่เพ่ือใหก้ าลงั ใจ ซ่ึงการทากิจกรรมสามารถเริ่มไดจ้ ากการปฏิบตั ิ กิจวตั รประจาวนั การออกกาลงั กาย การตรวจสุขภาพ การรบั การรกั ษา และการเขา้ สงั คมกบั ครอบครวั หรือกลุ่มเพื่อน 4. ส่งเสริมความรูส้ ึกมีคุณค่าในตนเอง ซ่ึงตอ้ งเร่ิมต้ังแต่การยอมรับในส่ิงที่ ผูส้ ูงอายุคิด รูส้ ึก กระทา โดยยึดผูส้ ูงอายุเป็ นศูนยก์ ลาง หลีกเลี่ยงการสื่อสารท่ีบนั่ ทอนศักด์ิศรี เอาใจใส่ในการรับฟังเรื่องราวดว้ ยความจริงใจและท่าทีท่ีเป็ นมิตร ให้ กาลงั ใจและชมเชยทนั ที 5. การตอกย้าความสามารถของผูส้ ูงอายุ โดยการทบทวนปัญหาที่ผ่านมาและ วิธีการท่ีเปลี่ยนผลกระทบทางลบเป็ นทางบวกไดส้ าเร็จ เปรียบเทียบกบั สถานการณ์ ปัจจุบัน ช้ ีใหเ้ ห็นประสิทธิผลของผลลัพธ์ท่ีเกิดจากความสาเร็จท่ีผ่านมาเหล่าน้ัน
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 9 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ซ่ึงหากท้งั 5 ข้นั ตอนน้ ีไมส่ ามารถแกไ้ ขสถานการณข์ องผูส้ ูงอายุไดส้ าเร็จใหย้ อ้ นกลบั ไปที่ขน้ั ตอนแรกและเริ่มใหมอ่ ีกคร้งั สรุป พลังสุขภาพจิตในผู้สูงอายุมีความแตกต่างจากคนวัยอื่น เน่ื องจาก คว ามย าก ล าบ า ก ใ น ชี วิ ตที่ ก ร ะ ตุ ้น ให ้เกิ ดพ ลัง สุ ข ภ าพ จิ ต น้ั น มี ค ว า ม เก่ี ย ว ข ้อ ง กับ ความเสื่อมดา้ นร่างกาย ความเจ็บป่ วยดว้ ยโรคเร้ ือรงั การเผชิญกบั เหตุการณค์ วาม สูญเสีย การเปลี่ยนแปลงบทบาทและสถานะทางสังคม รายได้ ความมีคุณค่าใน ตนเองรวมถึงความเปลี่ยนแปลงทางโครงสรา้ งประชากรและสังคม การขาดผูด้ ูแล พลงั สุขภาพจิตในผูส้ ูงอายุจึงควรไดร้ บั การส่งเสริมใหเ้ กิดข้ ึนเพ่ือใหผ้ ูส้ ูงอายุสามารถ กา้ วต่อไปและสามารถดาเนินชีวิตต่อไดอ้ ย่างผาสุกตามศกั ยภาพที่เหมาะสม รวมถึง พยาบาลชุมชนควรไดร้ ับการส่งเสริมใหม้ ีความรูค้ วามสามารถในการประเมิน ส่งเสริม ติดตาม และฟ้ ื นฟูพลงั สุขภาพจิตอย่างต่อเน่ือง และควรไดร้ บั การฝึกอบรม เพื่อสนับสนุนทกั ษะที่เป็ นคุณลกั ษณะเฉพาะของการดูแลและส่งเสริมพลงั สุขภาพจิต ในผูส้ ูงอายุดว้ ย เอกสารอา้ งองิ 1. Sopontammarak A. ปี 68 ไทยกา้ วสู่สงั คมผูส้ ูงอายุอย่างสมบรู ณ:์ มติชน ออนไลน์; 2557. 2. ศศิวิมล วรุณศิริ. อาเซียนกบั สงั คมผูส้ ูงอายุ: กรมประชาสมั พนั ธ์ [อินเตอรเ์ น็ต] 2558. [เขา้ ถึงเม่ือ 1 พ.ค. 2562]. เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=5102&filename=index 3. Knodel J, Kespichayawattana J, Saengtienchai C, Wiwatwanich S. How left behind are rural parents of migrant children? Evidence from Thailand. Ageing & Society 2010;30:811-41. 4. Knodel J, Saengtienchai C. Rural parents with urban children: Social and economic implications of migration for the rural elderly in Thailand. Population, Space and Place 2007;13:193-210.
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 10 ปี ท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) 5. Knodel J. The future of family suppoty for Thai elderly: Views of the populace. Population Studies Center University of Michigan: Institute for Social Research; 2012. 6. Knodel J, Chayovan N. Population ageing and the well-being of older persons in thailand: Past trends, current situation and future challenges. Bangkok: UNFPA Thailand and Asia and the Pacific Regional Office; 2008. 7. Apideckul T. Comparison of quality of life and mental health among elderly people in rural and suburban areas, Thailand. Southeast Asian Journal of Tropical Medicine and Public Health 2011;42:1282-92. 8. Suttajit S, Punpuing S, Jirapramukpitak T, Tangchonlatip K, Darawuttimaprakorn N, Stewart R, et al. Impairment, disability, social support and depression among older parents in rural Thailand. Psychological Medicine 2010;40:1711-21. 9. มนตรี ประเสริฐรุ่งเรือง, ดุษฎี อายุวฒั น์. การสรา้ งทางเลือกในการพ่ึงพา ตนเองอยา่ งมีคุณค่าของผูส้ ูงอายุรุ่นใหม.่ วารสารประชากร 2559;4:23- 45. 10.Werner EE. Risk, resilience, and recovery: Perspectives from the Kauai longitudinal study. Development and Psychopathology 1993;5:503- 15. 11.Dyer JG, McGuinness TM. Resilience: Analysis of the concept. Archives of Psychiatric Nursing. 1996;10:276-82. 12.Jacelon CS. The trait and process of resilience. Journal of Advanced Nursing1997;25:123-9. 13.Windle G. What is resilience? A review and concept analysis. Reviews in Clinical Gerontology 2011;21:152-69. 14.Earvolino-Ramirez M. Resilience: A concept analysis. Nursing Forum 2007;42:73-82. 15.Wagnild G, Collins J. Assessing resilience. Journal of Psychosocial Nursing & Mental Health Services 2009;47:28-33.
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 11 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) 16.Lavretsky H, Irwin MR. Resilience and aging. Aging Health 2007;3:309-23. 17.Rosowsky E. Challenge and resilience in old age. Generations 2009;33:100-2. 18.Hicks MM, Conner NE. Resilient ageing: A concept analysis. Journal of advanced nursing 2013:744-55. 19.Kessel GV. The ability of older people to overcome adversity: A review of the resilience concept. Geriatric Nursing 2013;34:122-7. 20.World Health Organisation. World report on ageing and health: World Health Organisation [Internet]. 2015 [cited 2016 Jan 11]. Available from: http://www.who.int/ageing/events/world-report-2015- launch/en/ 21.Phadungyam M, Duvall AC. Rehabilitation strategies for resilience quotient in the elderly. Journal of the royal Thai army nurses 2018;19:66-73. 22.Parayat C, Kangchai W, Somanusorn S. Predicitve factors of resilience among elderly Journal of faculty of nursing Burapha University 2016;24:97-106. 23.เพ็ญนภา กุลนภาดล, จุฑามาศ แหนจอน. การศึกษาและพฒั นาภูมคิ ุม้ กนั ทางใจวยั สูงอายุ โดยการบรู ณาการกระบวนการมีสว่ นร่วมของครอบครวั และ เครือขา่ ยประชาสงั คม. สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสุข: มหาวทิ ยาลยั บรู พา; 2558. 24.ฐานันทด์ า มุสิกสิริจิรกุล, บวั ทอง สวา่ งโสภากุล. ความยดื หยุน่ สมั พนั ธภาพ ในครอบครวั การเขา้ รว่ มกิจกรรมทางสงั คม และความพึงพอใจในชีวติ ของ ผูส้ งู อายุ ตาบลบางรกั พฒั นา อาเภอบางบวั ทอง จงั หวดั นนทบุรี. วารสาร มนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม 2559;35:75- 86. 25.อรุณลกั ษณ์ คงไพศาลโสภณ. ปัจจยั คดั สรรท่ีมีความสมั พนั ธก์ บั ความเขม้ แข็ง ทางใจของผูป้ ่ วยโรคซึมเศรา้ สูงอายุ. คณะพยาบาลศาสตร:์ จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ; 2559.
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 12 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) 26.Pathike W, O'Brien AP, Hunter S. An ethnographic study to understand the concept of rural Thai elderly resilience: rural elderyl and comminity nurses' perspectives. University of Newcastle Research Higher Degree Thesis: University of Newcastle; 2016. 27.Pathike W, O'Brien AP, Hunter S. Moving on from adversity: an understanding of resilience in rural Thai older people. Aging and Mental Health 2017;11:1-8. 28.Pathike W, O'Brien AP, Hunter S. World. Elderly resilience in Thailand: An Ethnographic study. Australian Nursing & Midwifery Journal 2015;22:21.
การพฒั นาภาวะผนู้ าทางสุขภาพของนกั ศกึ ษา หลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ นภทั ร บุญเทยี ม ปร.ด.1 กมลชนก จนั ดสี าร วท.ม.2 ไพรชั บุญจรสั วท.ม.3 ศริ ิวิทย์ หล่มิ โตประเสริฐ วท.ม.4 บทคดั ยอ่ การวิจยั คร้งั น้ ีเป็ นการวิจยั และพฒั นา (Research and development) โดยใช้ วิธีวิจัยแบบผสมผสาน(Mixed method research) มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษา องคป์ ระกอบของภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ศึกษาระดบั ภาวะผูน้ าทางสุขภาพ ของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพ สิทธิประสงค์ และพฒั นารปู แบบภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาล ศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ เคร่ืองมือท่ีใชใ้ น การวิจยั เป็ นแบบสอบถามและแบบสมั ภาษณท์ ี่ผ่านการตรวจสอบความเชื่อมัน่ ของ เคร่ืองมือไดค้ ่าสมั ประสิทธ์ิแอลฟ่ าของครอนบาคท่ี .95 วธิ ีวจิ ยั ประกอบดว้ ย 4 ระยะ คือ 1) ศึกษาสภาพการณ์และองค์ประกอบภาวะผู้นาทางสุขภาพของนักศึกษา พยาบาล 2) สรา้ งและพฒั นารูปแบบภาวะผูน้ าทางสุขภาพสาหรบั นักศึกษาพยาบาล 3) พฒั นาภาวะผูน้ าทางสุขภาพทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตร บัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ และประเมินผลการ พฒั นา 4) ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบจากการวิเคราะหค์ วามเป็ นไปไดข้ องการ 1 ภาควชิ าการพยาบาลอนามยั ชุมชน วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 2 กลุ่มงานการพยาบาลผปู้ ่ วยนอก โรงพยาบาลสรรพสิทธปิ ระสงค์ 3 มหาวิทยาลยั การจดั การและเทคโนโลยอี สี เทิรน์ , อุบลราชธานี 4 มหาวทิ ยาลยั การจดั การและเทคโนโลยอี สี เทิรน์ , อบุ ลราชธานี วนั ท่ีรบั (received) 20 เม.ย.2562 วนั ที่แกไ้ ขเสร็จ (revised) 30 เม.ย.2562 วนั ที่ตอบรบั (Accepted) 7 พ.ค.2562
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 14 ปี ที่ 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) พฒั นาภาวะผูน้ าทางสุขภาพทางสุขภาพของนักศึกษาพยาบาลโดยใชก้ ารสนทนากลุ่ม วิเคราะหข์ อ้ มลู ใชก้ ารวิเคราะห์ดว้ ยสถิติ รอ้ ยละ ค่าเฉลี่ย และการวิเคราะหข์ อ้ มูลเชิง เน้ ือหา ผลการวิจยั พบว่า รูปแบบของภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตร พยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ มีองคป์ ระกอบภาวะผูน้ าทางสุขภาพ 5 ดา้ น ประกอบดว้ ย 1) ภาวะผูน้ าดา้ นความรู้ (Mean = 4.84, S.D. = 0.50) 2) ภาวะผู้นาด้านบุคลิกภาพ (Mean= 4.58, S.D. = 0.73) 3) ภาวะผู้นาด้านคุณธรรม (Mean = 4.62, S.D. = 0.53) 4) ภาวะผูน้ าดา้ นการคานึงถึงความแตกต่างของบุคคล (Mean = 4.6, S.D. = 0.84) 5) ภาวะผู้นาด้านการกระตุน้ ปัญญา (Mean = 4.56, S.D. = 0.33) นักศึกษา หลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ มีภาวะผู้นาทางสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง (Mean = 3.42, S.D. = 1.13) ผลการพฒั นาภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ พบว่า รูปแบบที่พัฒนาข้ ึนใน ภาพรวมมีคุณภาพอยูใ่ นระดบั มาก มีความเป็ นไปได้ และสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ ในการเรียนการสอนวิชาปฏิบตั ิการพยาบาลครอบครวั และชุมชนได้ คาสาคญั : การพฒั นา, ภาวะผูน้ าทางสุขภาพ, นักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตร บณั ฑิต
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 15 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) The Development of Health Leadership in Nursing Science Students, of Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong Napat Boontiam Ph.D1 Kamonchanog Chandeesan M.S.2 Pairut Boonjarus M.S.3 Siriwit Limtoprasert M.S.4 Abstract This research was the research and development by used mixed method research process. The purpose of this research were to identify the components of health leadership in nursing science students of Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong. Identify the level of health leadership in nursing science students of Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong. And development the health leadership model in nursing science students of Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong. The research tools were questionnaires and interview forms that were examined reliability by cronbach's alpha coefficient at .95 .The research methodology composed of 4 phases as follow: Phase 1) study the situation and the components of the health leadership in nursing science students. Phase 2) Created and developed the health leadership model for nursing science students. Phase 3) Developed the health leadership in nursing science students of Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong and evaluate 1Community Health Nursing Department, Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong 2Out Patient Department, Sanpasithiprasong Hospital 3The Eastern University of Management and Technology 4The Eastern University of Management and Technology
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 16 ปี ท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) the development. Phase 4) Evaluated the effectiveness of the model from the feasibility analysis of development health leadership in nursing science students by used focus group discussion. The statistics to analyze the data were percentage, average and content analysis. The research findings were as follows : The health leadership model in nursing science students of Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong consisted of 5 health leadership components which were : 1) health leadership in knowledge part (Mean = 4.84, S.D. = 0.50), 2) health leadership in personality part (Mean = 4.58, S.D. = 0.73) 3) health leadership in moral part (Mean = 4.62, S.D. = 0.53), 4) health leadership in consideration for understanding individual differences part (Mean= 4.6, S.D. = 0.84), 5) health leadership in intellectual stimulation part (Mean = 4.56, S.D. = 0.33). The nursing science students of Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong were have health leadership in moderate level (Mean = 3.42, S.D. = 1.13). The results of development the health leadership in nursing science students of Boromarajonani College of Nursing Sanpasithiprasong found that the overall of the development model are high quality, possible and can be utilized Keywords: development, health leadership, nursing science students
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 17 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ท่มี าและความสาคญั ของปัญหา ความสาคญั ของภาวะผูน้ าของนักศึกษาพยาบาลในคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ของบณั ฑิต พบวา่ ประชาชนตอ้ งการใหพ้ ยาบาลวชิ าชีพ เป็ นผูใ้ หบ้ ริการในระดับปฐม ภูมิมากท่ีสุด1 และการศึกษาของ กอบกุล พนั ธเ์ จริญวรกุล และคณะ2 พบว่าบณั ฑิต สาขาพยาบาลศาสตรม์ ีทกั ษะพ้ ืนฐานดา้ นการสรา้ งเสริมสุขภาพท่ีควรปรบั ปรุงไดแ้ ก่ ทกั ษะการประสานงาน การมีภาวะผูน้ า และการตัดสินใจ สภาการพยาบาล6ระบุว่า การจัดการศึ กษาด้านการพยาบาลศาสตร์ของสถานศึ กษาระดับอุ ดมศึ กษาใน ประเทศไทย มีความจาเป็ นตอ้ งตระหนักถึงคุณภาพของนักศึกษา บุคลากร ตลอดจน มาตรฐานของหลกั สูตรสถานศึกษา เพราะสถานศึกษาระดบั อุดมศึกษาทาหน้าที่ใน การผลิตบุคลากรวิชาชีพสาขาต่างๆท่ีจะตอ้ งผลิตบณั ฑิตทางวิชาชีพท่ีมีสมรรถนะและ มคี ุณภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบราชธ านี สถาบันในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข เป็ นสถาบันผลิต บุคลากรดา้ นพยาบาลใหแ้ ก่สงั คม วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนีสรรพสิทธิประสงค์ ไดจ้ ดั หลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิตและไดจ้ ดั ทาการเรียนการสอนวิชาปฏิบตั ิการ พยาบาลครอบครวั และชุมชน 1 ตามหลักสูตรของสภาการพยาบาล ในนักศึกษา ช้ันปี ที่ 3 ซ่ึงลักษณะวิชาน้ ีจะตอ้ งใชท้ ักษะการสรา้ งเสริมสุขภาพในประชาชนทุก ช่วงวยั โดยยดึ หลกั การพยาบาลแบบองคร์ วม (Holistic care) วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ยังไม่สามารถพัฒนา นักศึกษาพยาบาลใหม้ ีภาวะผุน้ าได้ เพราะนักศึกษายงั ขาดองคป์ ระกอบ/รูปแบบจา ภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วทิ ยาลยั พยาบาล บรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ จึงจาเป็ นตอ้ งมีการพฒั นาสมรรถนะหลกั ท่ีสาคญั ของนักศึกษา คือ การมีภาวะผู้นาทางสุขภาพ การคิดอย่างเป็ นระบบ และมี วิจารณญาณ การใชท้ ักษะติดต่อส่ือสารกับบุคคล ครอบครัว กลุ่มคน และชุมชน ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ สามารถวิเคราะหป์ ัจจยั ท่ีส่งผลต่อสุขภาพประชาชน สามารถ วางแผนการพยาบาลและประยุกต์ใชภ้ ูมิปัญญาท้องถิ่นในการให้การพยาบาล ในชุมชนได้ บทบาทของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงคจ์ ึงตอ้ ง เน้นกระบวนการผลิตบณั ฑิตพยาบาลเพ่ือใหเ้ ป็ นพยาบาลวิชาชีพท่ีมีภาวะผูน้ าทาง สุขภาพ เพ่ือใหส้ ามารถใหบ้ ริการในหน่วยบริการปฐมภูมติ ลอดจนหน่วยบริการระดบั
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 18 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) อื่นๆ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ดงั น้ันผูว้ ิจยั จึงสนใจท่ีจะศึกษาการพฒั นาภาวะผูน้ าทาง สุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ เพื่อเป็ นแนวทางท่ีจะช่วยพัฒนานักศึกษาหลักสูตรพยาบาล- ศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ใหม้ ีภาวะผูน้ าทาง สุขภาพท่ีเหมาะสมกบั วิชาชีพ และวิทยาลยั สามารถนารูปแบบการพฒั นาภาวะผูน้ า ทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิตไปใชไ้ ดจ้ ริง ซ่ึงจะส่งผลต่อ คุณภาพการจัดการเรียนการสอนของสถาบัน และจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมและ ประเทศชาติในอนาคต วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั 1. เพื่อศึกษาองคป์ ระกอบของภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลักสูตร พยาบาลศาสตรบณั ฑิต วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 2. เพ่ือศึกษาระดับภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลักสูตรพยาบาล- ศาสตรบณั ฑิต วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 3. เพื่อพฒั นารูปแบบภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาล- ศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 19 ปี ท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) กรอบแนวคิดการวิจยั ศึกษาสภาพการณแ์ ละองคป์ ระกอบภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาพยาบาล สรา้ งและพฒั นา พฒั นาภาวะผูน้ าทาง ประเมินประสิทธิผล รูปแบบภาวะผูน้ าทาง สุขภาพของนักศึกษา ของรูปแบบจากการ สุขภาพสาหรบั หลกั สูตรพยาบาลศาสตร วเิ คราะหค์ วามเป็ นไป นักศึกษาพยาบาล บณั ฑิต ไดข้ องการพฒั นาภาวะ (สรา้ งแบบสอบถาม วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราช ผูน้ าทางสุขภาพทาง เพ่ือประเมนิ ภาวะผูน้ า ชนนี สรรพสิทธิประสงค์ สุขภาพของนักศึกษา ทางสุขภาพสาหรบั (การใชแ้ บบสอบถาม) พยาบาลโดยใชก้ าร นักศึกษาพยาบาล) สนทนากลุม่ ผลการพฒั นาภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาล ศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ วิธดี าเนินการวิจยั ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง ประชากรในการศึกษาคร้งั น้ ีคือ นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต ช้นั ปี ที่ 3 รุ่น 47 วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ที่ผ่านการฝึก ปฎิบตั ิในรายวิชาปฎิบตั ิการครอบครวั และชุมชน 1 ในทุก Rotation ของภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2561 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบมีเกณฑ์คัดเลือก ( Criterial inclusion) จานวน 71 คน เป็ นประชากรที่ศึกษา และคัดเลือกตัวแทนนักศึกษา จานวน 8 คน จาก 8 กลุ่ม เป็ นประชากรท่ีศึกษาโดยใชก้ ารสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) การพทิ กั ษส์ ทิ ธ์ิผใู้ หข้ อ้ มูล ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลคณะผูว้ ิจยั มีหนังสือช้ ิแจงต่ออาสาสมคั รใหไ้ ดร้ บั ทราบ และใหเ้ ซ็นช่ือใหค้ วามยินยอมว่าการเขา้ ร่วมการวิจยั คร้งั น้ ีเป็ นความสมคั รใจ สามารถยกเลิกการเขา้ ร่วมโครงการวิจยั น้ ีไดโ้ ดยไม่มีขอ้ ผูกมดั หากเปล่ียนใจท่ีจะไม่
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 20 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) เขา้ ร่วมในการวิจยั สามารถยกเลิก โดยไมต่ อ้ งแจง้ ใหค้ ณะผูว้ จิ ยั ทราบล่วงหนา้ การเขา้ ร่วมในการวิจยั น้ ีจะไมม่ ีความเสี่ยงใดๆ เกิดข้ ึน อาสาสมคั รไมจ่ าเป็ นตอ้ งตอบคาถาม ในขอ้ ท่ีรูส้ ึกไม่สบายใจท่ีจะตอบ ขอ้ มูลท้ังหมดจะถูกเก็บไว้ เป็ นความลับและจะ นาเสนอในภาพรวมเท่าน้ัน จะไม่มีการระบุชื่อหรือระบุขอ้ มูลส่วนตัวใดๆ ท่ีสามารถ ระบุตัวอาสาสมคั รได้ สาหรบั แบบสมั ภาษณ์และเทปบนั ทึกขอ้ มูลเสียงท้งั หมดจะถูก ทาลายหลงั จากการวจิ ยั น้ ีส้ ินสุดลง ขอ้ มลู ที่บนั ทึกไวใ้ นคอมพิวเตอรจ์ ะถูกเก็บรกั ษาไว้ เป็ นเวลา 5 ปี โดยมีรหัสลับในการเขา้ ถึงขอ้ มูล ไม่มีผู้ใดสามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลได้ นอกจากผูว้ จิ ยั นักสถิติ และท่ีปรึกษางานวจิ ยั เครือ่ งมือการวิจยั เครื่องมือที่ใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มูล เป็ นแบบถามภาะผูน้ าทางสุขภาพ ดา้ นความรู้ จานวน 4 ขอ้ ดา้ นบุคลิกภาพ จานวน 5 ขอ้ ดา้ นคุณธรรม จานวน 5 ขอ้ ดา้ นการคานึงถึงความแตกต่างของบุคคล จานวน 6 ขอ้ ดา้ นการกระตุน้ ปัญญา จานวน 10 ขอ้ รวม 30 และแบบสมั ภาษณท์ ี่ผูว้ จิ ยั สรา้ งข้ ึน มแี บบสอบถามปลายเปิ ด แ ละแ บบสอบถามแ บบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ( Rating scale) การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือใชก้ ารตรวจความเที่ยงตรงเชิงเน้ ือหา (Content validity) โดยนาแบบสอบถามใหผ้ ูท้ รงคุณวุฒิ 3 คน พิจารณาและนาผลที่ไดม้ าหาค่า ดชั นีความสอดคลอ้ ง (Index of Item-Objective Congruence : IOC) ไดค้ า่ IOC =.70 และไดป้ รบั ปรุงแกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะของผูเ้ ชี่ยวชาญแลว้ นาไปทดลองใช้ (Try out) กับนักศึกษากลุ่มที่มีลักษณะเหมือนกลับกลุ่มตัวอย่างจานวน 30 คน ท่ีมิใช่กลุ่ม ตัวอย่างในการวิจัย แลว้ นามาหาค่าความเช่ือมนั่ (Reliability) ของแบบสอบถาม โดยรวมท้งั ฉบบั โดยใชส้ ตู รการหาคา่ สมั ประสิทธ์ิแอลฟ่ าของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) ได้ค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟ่ าของครอนบาค = .95 สามารถนา แบบสอบถามไปเก็บขอ้ มลู กบั กลุ่มตวั อย่างจริงได้ วิธกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มูล 1. การเก็บขอ้ มูลโดยใชแ้ บบสอบถาม ซึ่งเป็ นขอ้ มูลเชิงปริมาณ ทีมผูว้ ิจัย ดาเนิ นการแจกแบบสอบถาม กับนั ก ศึ กษาแ ละเก็ บแบบส อบ ถามกลับด้วยต นเ อง โดยเก็บแบบสอบถามในวนั สรุปผลการฝึกปฏิบตั ิงานของนักศึกษาในแต่ละ Rotation ใหเ้ วลาทาแบบสอบถาม 30 นาที และเก็บแบบสอบถามกลบั คืนภายในวนั เดียว 2. การเก็บขอ้ มูลโดยการดาเนินการสนทนากลุ่ม ซึ่งเป็ นขอ้ มูลเชิงคุณภาพ ในคร้ังน้ ีผูว้ ิจัยเป็ นผู้ดาเนินการสัมภาษณ์ในกระบวนการสนทนากลุ่มดว้ ยตนเอง
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 21 ปี ที่ 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) เพ่ือใหส้ ามารถเก็บขอ้ มลู ไดค้ รอบคลุมประเด็นเน้ ือหาและแนวทางในการพฒั นาภาวะ ผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ช้นั ปี ท่ี 3 รุ่นที่ 47 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ โดยมีการสรา้ งมนุษยส์ มั พันธ์ ในการสนทนากลุ่ม ข้ันตอนคือ การแสดงท่าทีเป็ นมิตร พูดจาเป็ นกันเอง ย้ ิม แสดงความเอาใจใส่ในคาพูดของเขาตลอดเวลา ไม่แสดงท่าทีว่าดูถูกแลว้ ทาท่าทีว่า เขาไม่รูอ้ ะไร แลว้ จึงอธิบายวตั ถุประสงคข์ องการสนทนากลุ่มใหเ้ ป็ นท่ีเขา้ ใจ เพื่อให้ ผู้ร่วมสนทนากลุ่มมีความสบายใจ เต็มใจ และพอใจที่จะพูด ตลอดจนยินดีให้ ความร่วมมืออย่างเต็มใจเพื่อใหไ้ ดข้ อ้ มูลอย่างครบถว้ น วิธีการเก็บขอ้ มูลคือ ผูว้ ิจยั แจกคาถามแบบสมั ภาษณ์ใหผ้ ูร้ ่วมวิจยั อ่านทาความเขา้ ใจและสามารถเขียนบันทึก ขอ้ ความลงไปในขอ้ คาถามน้ันเพ่ือเป็ นการเตรียมตวั ก่อนใหส้ มั ภาษณ์ในการสนทนา กลุ่ม หลงั จากน้ัน ผูว้ จิ ยั จะเริ่มสมั ภาษณโ์ ดยถามคาถามท่ีใชใ้ นการสมั ภาษณใ์ หผ้ ูร้ ่วม วิจัยตอบทีละคน หลังจากน้ันใหร้ ่วมกันแสดงความคิดเห็นโดยการสนทนากลุ่ม ระหว่างการสนทนากลุ่ม ผู้วิจัยจะทาการบันทึกเสียงการสัมภาษณ์ มีผู้ช่วยวิจัย ทาหนา้ ที่จดบนั ทึกขอ้ มลู การสนทนาขณะสมั ภาษณไ์ วด้ ว้ ย การวิเคราะหข์ อ้ มูล เมื่อเก็บขอ้ มูลเสร็จแลว้ นาขอ้ มูลที่ไดม้ าทาการวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงปริมาณ โดยใชส้ ถิติรอ้ ยละ (Percentage) และค่าเฉลี่ย (Average) ขอ้ มลู เชิงคุณภาพใชว้ ิธีการ สงั เคราะหค์ วามสอดคลอ้ งเชิงเน้ ือหา (Content analysis) เพ่ือหาขอ้ สรุปในการวิจยั ผลการวิจยั ผ ล ก า ร วิ จัย ก า ร พัฒ น า ภ า ว ะ ผู้น า ท า ง สุ ข ภ า พ ข อ ง นั ก ศึ ก ษ า ห ลั ก สู ต ร พยาบาลศาสตรบัณฑิตวิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ พบว่า ภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วทิ ยาลยั พยาบาล บรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ มีองค์ประกอบภาวะผู้นาทางสุขภาพ 5 ดา้ น ประกอบดว้ ย 1) ภาวะผูน้ าดา้ นความรู้ (Mean = 4.84, S.D. = 0.50) 2) ภาวะผูน้ า ดา้ นบุคลิกภาพ (Mean= 4.58, S.D. = 0.73) 3) ภาวะผูน้ าดา้ นคุณธรรม (Mean= 4.62, S.D. = 0.53) 4) ภาวะผู้นาด้านการคานึงถึงความแตกต่างของบุคคล (Mean= 4.6, S.D. = 0.84) 5) ภาวะผูน้ าดา้ นการกระตุน้ ปัญญา (Mean= 4.56, S.D. = 0.33) และผลการศึกษาระดับภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตร พยาบาลศาสตรบณั ฑิตวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ พบว่า
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 22 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) นักศึกษาส่วนใหญ่ รอ้ ยละ63.16 มีภาวะผูน้ าทางสุขภาพในภาพรวมทุกดา้ นอยู่ใน ระดบั ปานกลาง Mean = 3.42, S.D. = 1.13) รองลงมาคือ มีภาวะผูน้ าทางสุขภาพ ในระดับมาก รอ้ ยละ 26.32 (Mean= 4.19, S.D. = 0.40) และมีภาวะผูน้ าทาง สุขภาพในระดับมากท่ีสุด รอ้ ยละ 10.52 (Mean = 4.77, S.D.=0.20) ตามลาดบั ผลการศึกษาการตรวจสอบความเป็ นไปไดข้ องการพฒั นาภาวะผูน้ าทางสุขภาพของ นักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต นักศึกษาส่วนใหญ่ มีความเห็นวา่ รูปแบบ ภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วทิ ยาลยั พยาบาล บรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ที่พัฒนาข้ ึนมีคุณภาพ มีความเป็ นไปได้ และ สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้อยู่ในระดับมาก (Mean = 4.33, S.D. = 0.68) และ พบว่าดา้ นท่ีมีคุณภาพ มีความเป็ นไปได้ และสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้ อยู่ใน ระดบั มากท่ีสุด มี 2 ดา้ น คือภาวะผูน้ าดา้ นบุคลิกภาพ (Mean = 4.58, S.D. = 0. 73) และภาวะผูน้ าดา้ นคานึงถึงความแตกต่างของบุคคล (Mean = 4.57, S.D. = 0.44) รองลงมาคือ ภาวะผูน้ าดา้ นความรู้ (Mean = 4.23, S.D.=0.50) ภาวะผูน้ า ดา้ นการกระตุน้ ปัญญา (Mean = 4.15, S.D. = 0.33) และภาวะผูน้ าดา้ นคุณธรรม (Mean = 4.12, S.D. = 0.53) มีคุณภาพ มีความเป็ นไปได้ และสามารถนาไปใช้ ประโยชน์ได้ อยใู่ นระดบั มาก ตามลาดบั การตรวจสอบความคิดเห็นต่อความเป็ นไปไดร้ ูปแบบภาวะผูน้ าทางสุขภาพ ของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพ สิทธิประสงค์ ดว้ ยการวิเคราะหเ์ น้ ือหา (Content analysis) ปรากฏผลคือ นักศึกษา หลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ไดใ้ หค้ วามเห็นเก่ียวกับการพัฒนาภาวะผู้นาทางสุขภาพของนักศึกษาหลักสูตร พยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ โดยให้ ความเห็นวา่ “การมีความรูบ้ างครงั้ ตอ้ งคิดใหน้ อกกรอบเพ่ ือใหส้ อดคลอ้ งกบั เหตกุ ารณก์ าร เปล่ ยี นแปลงของสงั คมโลก นักศึกษาหลกั สูตรพยาบาล ศาสตรบณั ฑติ ตอ้ งมีวสิ ยั ทัศน์ ตอ้ งมีแนวคิดแบบกา้ วหน้าท่ ีมุ่งวางแผนการพยาบาลบุคคลท่ ีโดดเด่นและแตกต่าง อยา่ งสรา้ งสรรค”์ (ผูใ้ หข้ อ้ มลู คนที่ 1, 14 กุมภาพนั ธ์ 2562)
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 23 ปี ที่ 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) “การใชค้ วามรใู้ นวางแผนสรา้ งเสรมิ สุขภาพประชาชน นอกจากนักศึกษาตอ้ ง มีความรูแ้ ลว้ การใหค้ วามรูท้ างสุขภาพตอ้ งเนน้ การมีส่วนรว่ มของ Stake Holder ทกุ คนไม่ว่าจะเป็ นบุคคลช่วงวยั ใดก็ตาม นักศึกษาควรมีการทบทวนแผนงานการให้ ความรูท้ างสุขภาพ เม่ ือมีการเปล่ ียนแปลงตามสภาพสงั คมระบบและบรบิ ทต่างๆท่ ีมี ผลกระทบสุขภาพ ตอ้ งพรอ้ มในการปรบั เปล่ ยี นวธิ ีการใหค้ วามรปู้ ระชาชนดว้ ย” (ผูใ้ หข้ อ้ มลู คนท่ี 2, 14 กุมภาพนั ธ์ 2562) “การวางแผนการใหค้ วามรูท้ างสุขภาพเป็นส่ ิงสาคญั ท่ ีนักศึกษาตอ้ งทาควบคู่ ไปการดูแลสุขภาพประชาชน โดยสรุปการวางแผนใหค้ วามรูท้ างสุขภาพประชาชน ตอ้ งมองไปในอนาคตวา่ เม่ ือนักศึกษฝึ กประสบการณเ์ สร็จแลว้ ประชาชนยงั จะใช้ ความรทู้ ่ ีนักศึกษาสอนแนะนาหรอื ไม่ ทาอยา่ งไรเขาจงึ จะยงั ตระหนักอยเู่ สมอ” (ผูใ้ หข้ อ้ มลู คนที่ 3, 14 กุมภาพนั ธ์ 2562) “นักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑติ ควรมีทักษะเชิงมนุษยสมั พันธ์ใน การส่ ือสาร ใหผ้ ูร้ บั สารมีความรูส้ ึกวา่ มีความมัน่ คง ไม่ถูกคกุ คามและใหเ้ ขารูส้ ึกวา่ ไดร้ บั การยอมรบั ในคณุ ค่าความเป็นมนุษย”์ (ผูใ้ หข้ อ้ มลู คนท่ี 4, 14 กุมภาพนั ธ์ 2562) “นักศึกษาตอ้ งสามารถควบคมุ อารมณไ์ ดใ้ นขณะส่ ือสาร ไมใ่ ชน้ า้ เสียงท่ ีแสดง ถงึ การคกุ คามหรอื ดูถกู ผฟู้ ัง ตอ้ งวางตวั วางบุคลิกแบบเป็นคนท่ ีควบคมุ อารมณไ์ ด้ ไม่ ต่ นื เตน้ ไมป่ ระหม่า ไมแ่ สดงออกใหผ้ ูร้ บั บรกิ ารรวู้ า่ ตนเองกาลงั ประหมา่ ” (ผูใ้ หข้ อ้ มลู คนท่ี 5, 14 กุมภาพนั ธ์ 2562) “นักศึกษาตอ้ งเคารพในการตดั สินใจของผูร้ บั บรกิ ารโดยไม่ถือวา่ ความคิดท่ ี แตกต่างคือเป็นคนไม่เขา้ พวกหรอื ฝ่ ายตรงขา้ ม เพราะถา้ ผูใ้ หบ้ รกิ ารคิดแบบน้ี แสดง วา่ ผใู้ หบ้ รกิ ารไมเ่ คารพในหลกั สิทธิมนุษยชน” (ผูใ้ หข้ อ้ มลู คนท่ี 6, 14 กุมภาพนั ธ์ 2562)
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 24 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) “ผูใ้ หบ้ รกิ ารท่ ีประสบความสาเรจ็ ส่วนใหญ่ใชห้ ลกั ของการการคานึงถึงความ แตกต่างของบุคคล รวมท้ังการเคารพในสิทธิส่วนบุคคลในการใหบ้ ริการอย่างมือ อาชีพ” (ผูใ้ หข้ อ้ มลู คนท่ี 7, 14 กุมภาพนั ธ์ 2562) “นักศึกษาควรยดึ หลกั ยกยอ่ งสง่ เสรมิ ประชาชนท่ ีมีพฤติกรรมสุขภาพท่ ีดีและ ตกั เตือน แนะนาประชาชนท่ ีมีพฤติกรรมสุขภาพท่ ีไม่ดอี ยา่ งตรงไปตรงมา จึงจะถือวา่ เป็นผูเ้ คารพในหลกั สิทธิมนุษยชน และคานึงถงึ ความแตกตา่ งของบุคคล” (ผูใ้ หข้ อ้ มลู คนที่ 8, 14 กุมภาพนั ธ์ 2562) การอภิปรายผล ผ ล ก า ร วิ จัย ก า ร พัฒ น า ภ า ว ะ ผู้น า ท า ง สุ ข ภ า พ ข อ ง นั ก ศึ ก ษ า ห ลั ก สู ต ร พยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ สามารถ อธิบายผลการศึกษาเป็ นประเด็นต่างๆ ดงั น้ ี วตั ถุประสงคข์ อ้ ที่ 1. เพ่ือศึกษาองคป์ ระกอบของภาวะผูน้ าทางสุขภาพของ นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบของภาวะผู้นาทางสุขภาพของ นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ มี 5 ดา้ น คือ 1) ภาวะผูน้ าดา้ นความรู้ ประกอบดว้ ยคุณลกั ษณะภาวะผูน้ าดา้ นความรู้ จานวน 4 คุณลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ตอ้ งเป็ นผูม้ ีความรูค้ วามเขา้ ใจในสาระสาคญั ของศาสตร์ ในการดูแลสุขภาพ และศาสตร์ทางวิชาชีพการพยาบาล ต้องเป็ นผู้มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การสรา้ งเสริมสุขภาพ ตอ้ งเป็ นผูม้ ีความรูค้ วามเขา้ ใจในการใช้ ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นเพื่อการสรา้ งเสริมสุขภาพ และตอ้ งเป็ นผูม้ ีความรูใ้ นการประเมิน ปัจจัยท่ีมีผลต่อสุขภาพ การวินิจฉัย วางแผนการสรา้ งเสริมสุขภาพบุคคลและ ครอบครวั ไดอ้ ย่างเหมาะสม อภิปรายผลไดว้ ่า นักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตร- บัณฑิต ท่ีมีภาวะผู้นาด้านความรู้ จะต้องเป็ นผู้ท่ีมีการแสดงออกอย่างเหมาะสม ในบทบาทผูน้ าความรทู้ างสุขภาพ (Role as Health Education Leadership) ส่ิงสาคญั คือจะต้องมีความรู้ในทางสุขภาพ เพื่อที่จะสามารถให้ความรู้ด้านสุขภาพ แก่ผูร้ บั บริการได้ และบทบาทท่ีสาคัญของของพยาบาลวิชาชีพในการดาเนินงาน
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 25 ปี ท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) สรา้ งเสริมสุขภาพคือ บทบาทการเป็ นผูใ้ หค้ วามรูด้ า้ นสุขภาพ ซ่ึงพยาบาลจาเป็ นตอ้ ง ใ ช้ค ว า ม รู้ห ลัก ก า ร ส ร้า ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ แ ล ะ ก า ร เ ส ริ ม ส ร้า ง พ ลัง อ า น า จ ในการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของบุคคล เรียกวา่ มีภาวะผูน้ าการเปล่ียนแปลง (Transformational Leadership) สอดคลอ้ งกับแนวคิดของ เรมวล นันท์ศุภวัฒน์4 ที่กล่าวไวว้ ่า ผูน้ าการเปล่ียนแปลง คือผูน้ าที่มีพฤติกรรมอนั มีอานาจและอิทธิพลต่อ ผูต้ าม ทาใหผ้ ูต้ ามเกิดความรูส้ ึกชื่นชม เล่ือมใส ไวว้ างใจ ใหก้ ารยอมรบั ในตวั ผูน้ า จนสง่ ผลใหเ้ กิดแรงจงู ใจที่จะพยายามและทามากกวา่ ส่ิงเคยทาปกติ และสอดคลอ้ งกบั ชูชยั ศุภวงศ์ และคณะ5 ซึ่งกล่าวถึงคุณลกั ษณะบุคลากรที่ปฏิบตั ิงานในโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตาบลว่า ตอ้ งเป็ นผูม้ ีความรูแ้ ละทักษะในการใหบ้ ริการผสมผสาน และทกั ษะเพ่ิมเติมเฉพาะดา้ น เพราะสมรรถนะของพยาบาลในหน่วยปฐมภูมิ ตอ้ งมี ความรูด้ า้ นการพยาบาลอนามัยชุมชน เพราะเป็ นศาสตร์สาขาการพยาบาลและ สาธารณสุข 2) ภาวะผู้นาด้านบุคลิกภาพ ประกอบด้วยคุณลักษณะภาวะผู้นาด้าน บุคลิกภาพ จานวน 5 คุณลักษณะ ไดแ้ ก่ ตอ้ งเป็ นผูม้ ีบุคลิกภาพน่าเช่ือถือในฐานะ บุคคลผูม้ ีความรูค้ วามสามารถในการดูแลสุขภาพ ตอ้ งเป็ นผูม้ ีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สามารถควบคุมอารมณ์ และโตแ้ ยง้ ดว้ ยเหตุผล ตอ้ งเป็ นผูแ้ สดงความกระตือรือรน้ และความเต็มใจในการใหบ้ ริการแก่ประชาชน ตอ้ งเป็ นผูท้ ่ีปฏิบตั ิตวั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ในการใหก้ ารดูแลสุขภาพแก่ประชาชนทุกกลุ่มอายุ และต้องเป็ นแบบอย่างท่ีดี ดา้ นการดูแลสุขภาพของตนเอง อภิปรายผลไดว้ ่า นักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตร บณั ฑิตท่ีมีภาวะผูน้ าดา้ นบุคลิกภาพ คือเป็ นผูม้ ีบุคลิกภาพของผูใ้ หบ้ ริการที่มีอิทธิพล ต่อผูร้ บั บริการ ประกอบดว้ ย การเป็ นผูม้ ีสุขภาพดี มีพฤติกรรมสุขภาพท่ีดี มีมนุษย สมั พนั ธด์ ี ปฏิบตั ิตวั และวางตวั ไดเ้ หมาะสมกบั บุคคล เวลา และสถานที่ สอดคลอ้ งกบั เรมวล นันทศ์ ุภวฒั น์4 ท่ีกล่าวว่า ผูน้ าที่มีพฤติกรรมอนั มีอานาจและอิทธิพลต่อผูต้ าม จะทาใหผ้ ู้ตามเกิดความรูส้ ึกชื่นชม เล่ือมใส ไวว้ างใจ ใหก้ ารยอมรับในตัวผู้นา จนสง่ ผลใหเ้ กิดแรงจงู ใจที่จะพยายามและทามากกวา่ สิ่งเคยทาปกติ และสอดคลอ้ งกบั สาเริง แหยงกระโทก และรุจิรา มงั คละศิริ6 ซ่ึงกล่าวไวว้ ่า พยาบาลในหน่วยปฐมภูมิ จะตอ้ งเป็ นผูท้ ่ีมีมนุษยสมั พนั ธท์ ี่ดีต่อทุกคน พูดและกระทาในสิ่งท่ีก่อใหเ้ กิดผลดี และ สอดคล้องกับ สถาบันพระบรมราชชนก7 ซ่ึงได้กาหนดสมรรถนะของผู้สาเร็จ การศึกษาจากวิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข ไวว้ ่า จะสามารถแสดงคุณลักษณะส่วนบุคคลที่จาเป็ นสาหรับผู้ประกอบวิชาชีพ
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 26 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) การพยาบาล มีภาวะผูน้ าและสามารถบริหารจดั การตนเองและงานท่ีรบั ผิดชอบได้ อยา่ งเหมาะสม 3) ภาวะผู้นาด้านคุณธรรม ประกอบด้วยคุณลักษ ณะภาวะผู้นา ดา้ นคุณธรรม จานวน 5 คุณลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ตอ้ งเป็ นผูม้ ีระเบียบวินัย ตอ้ งเป็ นผูม้ ี ความซื่อสตั ยต์ ่อตนเองและผูอ้ ื่น ตอ้ งเป็ นผูม้ คี วามรบั ผิดชอบต่อการกระทาของตนเอง ตอ้ งเป็ นผูม้ ีจรรยาบรรณวิชาชีพ และตอ้ งเป็ นผูเ้ คารพในคุณค่าและศกั ด์ิศรีความเป็ น มนุษย์ อภิปรายผลไดว้ ่า นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตท่ีมีภาวะผูน้ า ดา้ นคุณธรรม คือ ผูน้ าที่มีลกั ษณะส่วนบุคคลท่ีทาใหผ้ ูร้ บั บริการมีความรสู้ ึกวา่ เป็ นผูม้ ี คุณงามความดีท้งั ความประพฤติและจิตใจ เม่ือมารบั ริการดว้ ยแลว้ มีความสบายใจ รูส้ ึกอุ่นใจ รูส้ ึกวางใจ รูส้ ึกนับถือ รูส้ ึกศรัทธา สอดคลอ้ งกบั เรมวล นันท์ศุภวฒั น์4 ท่ีกล่าวว่า ผูน้ าที่มีพฤติกรรมอนั มีอานาจและอิทธิพลต่อผู้ตาม จะทาใหผ้ ูต้ ามเกิด ความรสู้ ึกชื่นชม เล่ือมใส ไวว้ างใจ ใหก้ ารยอมรบั ในตวั ผูน้ า จนส่งผลใหเ้ กิดแรงจูงใจ ที่จะพยายามและทามากกว่าสิ่งเคยทาปกติ และสอดคลอ้ งกบั พนิตนาฎ ชานาญเสือ และจีราภรณ์ ชื่นฉา่ 8 ไดท้ าการวิจยั เรื่อง ภาวะผูน้ าเชิงปฏิรูปของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนกในเครือข่ายภาคกลาง 2 ผลการวจิ ยั พบว่า ภาวะผูน้ าเชิงปฏิรูปของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลสังกัดสถาบัน พระบรมราชชนกในเครือข่ายภาคกลาง 2 มีองคป์ ระกอบของภาวะผูน้ า 4 ดา้ น คือ ดา้ นการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ดา้ นการสรา้ งแรงบนั ดาลใจ ดา้ นการคานึงถึง ความเป็ นปัจเจกบุคคล และดา้ นการกระตุน้ ทางปัญญา และสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ อารีย์ อ่องสว่าง และนิตยา นิลรตั น์9 ไดท้ าการวิจยั เร่ือง ภาวะผูน้ าการเปล่ียนแปลง และคุณลกั ษณะของผูต้ ามที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการดาเนินงานของโรงพยาบาล ส่งเสริมสุ ขภาพตาบลในจังหวัดนราธิ วาส ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้ นา การเปล่ียนแปลงและคุณลกั ษณะของผูต้ ามมีความสมั พนั ธก์ นั ทางบวกในระดับปาน กลางอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ.01 เนื่องจากผู้นาการเปลี่ยนแปลงมีแรง กระตุ้นมาจากปัจจัยที่เป็ นองค์ประกอบของภาวะผู้นา 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการ มีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ดา้ นการสรา้ งแรงบนั ดาลใจ ดา้ นดา้ นการกระตุน้ ทาง ปัญญา และดา้ นการคานึงถึงความเป็ นปัจเจกบุคคล 4) ภาวะผู้นาดา้ นการคานึงถึงความแตกต่างของบุคคล ประกอบด้วย คุณลักษณะภาวะผู้นาด้านการคานึ งถึงความแตกต่างของบุคคล จานวน 6 คุณลักษณะ ได้แก่ ตอ้ งเป็ นผู้ท่ียอมรับและเขา้ ใจในความแตกต่างของบุคคล
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 27 ปี ที่ 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ตอ้ งเป็ นผูต้ ระหนักและใหค้ วามสาคญั ในสิทธิสว่ นบุคคล ตอ้ งเป็ นผูส้ นับสนุน สง่ เสริม และพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพรายบุคคลอย่างเหมาะสม ต้องเป็ นผู้สามารถให้ คาปรึกษาดา้ นสุขภาพแก่ประชาชนโดยเปิ ดโอกาสใหบ้ ุคคลมีส่วนรว่ มในการตดั สินใจ ต้องเป็ นผู้คานึงถึงความเป็ นปัจเจกบุคคล โดยปฏิบัติและให้บริการสุขภาพต่อ ประชาชนแตกต่างกันตามความตอ้ งการและความสามารถของแต่ละบุคคล และ ต้องเป็ นผู้สามารถประเมินศักยภาพของบุคคลที่มารับบริการได้ และสามารถ ใหบ้ ริการสุขภาพไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ศกั ยภาพของบุคคล อภิปรายผลไดว้ า่ นักศึกษา หลักสูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิตที่มี ภาวะผูน้ าดา้ นการคานึงถึงความแตกต่างของ บุคคล ตอ้ งเป็ นผูท้ ี่เขา้ ใจถึงความแตกต่างของบุคคลท้งั ในดา้ นความรู้ ความสามารถ และศักยภาพของบุคคล ตลอดจนเขา้ ใจปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพ มีการเอาใจเขามาใส่ใจเรา สามารถวิเคราะห์ความสามารถและความตอ้ งการของ บุคคลได้ ซึ่งสอดคลอ้ งกบั องคก์ ารอนามยั โลก10 ที่กลา่ ววา่ กิจกรรมสรา้ งเสริมสุขภาพ ตอ้ งคานึงถึงความแตกต่างของบุคคล ความสนใจ ความรู้ ความสามารถของบุคคล เพื่อท่ีจะใหป้ ระชาชนเหล่าน้ันสามารถปรบั เปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อใหเ้ กิดการสรา้ งเสริม สุขภาพต่อไปได้ และสอดคลอ้ งกับ พนิตนาฎ ชานาญเสือ และจีราภรณ์ ชื่นฉา่ 8 ไดท้ าการวิจยั เร่ือง ภาวะผูน้ าเชิงปฏิรูปของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบันพระบรมราชชนกในเครือข่ายภาคกลาง 2 ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้นา เชิงปฏิรูปของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลสงั กัดสถาบันพระบรมราชชนก ในเครือขา่ ยภาคกลาง 2 มีองคป์ ระกอบของภาวะผูน้ า 4 ดา้ น คือ ดา้ นการมีอิทธิพล อย่างมีอุดมการณ์ ดา้ นการสรา้ งแรงบนั ดาลใจ ดา้ นการคานึงถึงความเป็ นปัจเจก บุคคล และดา้ นการกระตุน้ ทางปัญญา และสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ อารีย์ อ่องสวา่ ง และนิตยา นิลรตั น์9 ไดท้ าการวิจยั เร่ือง ภาวะผูน้ าการเปล่ียนแปลง และคุณลกั ษณะ ของผูต้ ามที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการดาเนินงานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตาบลในจังหวัดนราธิวาส ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้นาการเปล่ียนแปลงและ คุณลกั ษณะของผูต้ ามมีความสมั พนั ธก์ นั ทางบวกในระดับปานกลางอยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01 เนื่องจากผูน้ าการเปลี่ยนแปลงมีแรงกระตุน้ มาจากปัจจยั ที่เป็ น องค์ประกอบของภาวะผู้นา 4 ดา้ น ได้แก่ ด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ดา้ นการสรา้ งแรงบนั ดาลใจ ดา้ นดา้ นการกระตุน้ ทางปัญญา และดา้ นการคานึงถึง ความเป็ นปัจเจกบุคคล
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 28 ปี ท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) 5) ภาวะผูน้ าดา้ นการกระตุน้ ปัญญา ประกอบดว้ ยคุณลักษณะภาวะผูน้ า ดา้ นการกระตุน้ ปัญญา จานวน 10 คุณลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ตอ้ งเป็ นผูก้ ระตุน้ ใหป้ ระชาชน เขา้ ใจและตระหนักถึงปัญหาที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ตอ้ งเป็ นผูก้ ระตุน้ ใหป้ ระชาชน แสดงความคิดเห็น โดยไม่วิจารณ์ความคิดเขา ตอ้ งเป็ นผู้สนับสนุนและจูงใจให้ ประชาชนแสวงหาวิธีจดั การปัญหาสุขภาพของตนเองและบุคคลในครอบครวั โดยใช้ วิธีการที่หลากหลาย ตอ้ งเป็ นผูก้ ระตุน้ ใหป้ ระชาชนมีส่วนร่วมในการประเมินปัญหา และความตอ้ งการ ตลอดจนวางแผนและดาเนินการแกไ้ ขปัญหาสุขภาพดว้ ยตนเอง ตอ้ งเป็ นผูช้ ่วยใหป้ ระชาชนแต่ละคนเขา้ ถึงขอ้ มลู สุขภาพในดา้ นต่างๆใหม้ ากที่สุด ตอ้ ง เป็ นผูก้ ระตุน้ ใหป้ ระชาชนและชุมชนคิดคน้ แสวงหาวิธีการและนวตั กรรมการดูแล สุขภาพท่ีเหมาะสมกบั บุคคลทุกกลุ่มวยั ในชุมชน และตอ้ งเป็ นผูส้ นับสนุนใหป้ ระชาชน จดั ทาโครงการสรา้ งเสริมสุขภาพท่ีเหมาะสมตามความตอ้ งการของครอบครวั และ กลุ่มคนในชุมชน อภิปรายผลไดว้ ่า นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิตท่ีมี ภาวะผู้นาด้านการกระตุ้นปั ญญา ต้องเป็ นผู้ท่ีสามารถกระตุ้นผู้ตามให้เกิด ความตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบท่ีจะเกิดจากพฤติกรรมสุขภาพของบุคคลท้งั ใน ทางบวกและทางลบ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ตลอดจนสามารถเกิดปัญญาในการคิดและแกป้ ัญหาอย่างเป็ นระบบ สอดคลอ้ งกับ แนวคิดของ Bass3 ที่กล่าวไวว้ ่า ทฤษฎีผู้นาการเปลี่ยนแปลงมี 4 องค์ประกอบ คือ 1) ดา้ นการคานึงถึงความแตกต่างของบุคคล 2) ดา้ นการมีบารมี 3) ดา้ นกระตุน้ ปัญญา และ 4) ดา้ นการสรา้ งแรงบนั ดาลใจ และสอดคลอ้ งกบั ผลการวิจยั ของ พนิต นาฎ ชานาญเสือ และจีราภรณ์ ช่ืนฉา่ 8 ไดท้ าการวิจยั เร่ือง ภาวะผูน้ าเชิงปฏิรูปของ นักศึกษาพยาบาลวิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนกในเครือข่ายภาค กลาง 2 ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้นาเชิงปฏิรูปของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลัย พยาบาลสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนกในเครือข่ายภาคกลาง 2 มีองคป์ ระกอบของ ภาวะผูน้ า 4 ดา้ น คือ ดา้ นการมีอิทธิพลอยา่ งมีอุดมการณ์ ดา้ นการสรา้ งแรงบนั ดาล ใจ ดา้ นการคานึงถึงความเป็ นปัจเจกบุคคล และดา้ นการกระตุน้ ทางปัญญา และ สอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของ อารีย์ อ่องสว่าง และนิตยา นิลรตั น์9 ไดท้ าการวิจยั เรื่อง ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลง และคุณลักษณะของผู้ตามท่ีมีอิทธิพลต่อประสิทธิผล การดาเนินงานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลในจงั หวดั นราธิวาส ผลการวิจยั พบว่า ภาวะผู้นาการเปลี่ยนแปลงและคุณลักษณะของผู้ตามมีความสัมพันธ์กัน ทางบวกในระดับปานกลางอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 เนื่องจากผู้นา
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 29 ปี ท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) การเปล่ียนแปลงมีแรงกระตุน้ มาจากปัจจยั ที่เป็ นองคป์ ระกอบของภาวะผูน้ า 4 ดา้ น ได้แก่ ด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ ดา้ นการกระตุน้ ทางปัญญา และดา้ นการคานึงถึงความเป็ นปัจเจกบุคคล วตั ถุประสงคข์ อ้ ที่ 2. เพ่ือศึกษาระดับภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษา หลกั สูตรพยาบาล ศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ผลการวิจัย พบว่า นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาล บรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ มีภาวะผูน้ าทางสุขภาพในภาพรวมทุกดา้ นอยู่ใน ระดบั ปานกลาง (Mean = 3.42, S.D. = 1.13) อภิปรายผลไดว้ า่ นักศึกษาหลกั สูตร พยาบาลศาสตรบัณฑิต เป็ นผู้ที่กาลังศึกษาเพื่อที่จะจบออกมาเป็ นผู้ปฏิบัติงาน ดา้ นการพยาบาล ดังน้ันภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาก็จะเร่ิมจากมีภาวะผูน้ า ต้งั แต่ระดบั ตา่ ถึงระดบั ปานกลางและมีภาวะผูน้ าในระดบั สูงในนักศึกษาเป็ นบางคน ซึ่งแมก้ ระทงั่ บัณฑิตที่จบการศึกษาไปแลว้ บางคนก็ยงั มีภาวะผูน้ าทางสุขภาพที่ควร ปรับปรุงซึงเป็ นสิ่งที่สามารถพัฒนาไดจ้ ากการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนและ การฝึกอบรมต่างๆ ซึ่งสอดคลอ้ งกับ พนิตนาฎ ชานาญเสือ และจีราภรณ์ ชื่นฉา่ 8 ไดท้ าการวิจยั เรื่อง ภาวะผูน้ าเชิงปฏิรูปของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบันพระบรมราชชนกในเครือข่ายภาคกลาง 2 ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้นา เชิงปฏิรูปของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนกใน เครือข่ายภาคกลาง 2 มีองคป์ ระกอบของภาวะผูน้ า 4 ดา้ น คือ ดา้ นการมีอิทธิพล อย่างมีอุดมการณ์ ดา้ นการสรา้ งแรงบนั ดาลใจ ดา้ นการคานึงถึงความเป็ นปัจเจก บุคคล และดา้ นการกระตุน้ ทางปัญญา นักศึกษามีภาวะผูน้ าโดยรวมอยู่ในระดับสูง ผลการเปรียบเทียบภาวะผูน้ าเชิงปฏิรูปของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบันพระบรมราชชนกในเครือข่ายภาคกลาง 2 ไม่มีความแตกต่างกันระหว่าง ระดบั ช้นั ปี อยา่ งมีนัยสาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 วตั ถุประสงคข์ อ้ ที่ 3. เพื่อพฒั นารูปแบบภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษา หลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบที่พัฒนาข้ ึนในมีคุณภาพในระดับมาก (Mean = 4.33, S.D. = 0.68) มีความเป็ นไปได้ และสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้ และสามารถนา แนวทางน้ ีไปวางแผนการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาล ครอบครวั และชุมชน 1 เพ่ือใหน้ ักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต มีภาวะผูน้ า ทางสุขภาพ สอดคลอ้ งกบั สมรรถนะของรายวิชาและจะช่วยใหน้ ักศึกษาสามารถฝึ ก
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 30 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ปฏิบัติการพยาบาลในชุมชนไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงสอดคลอ้ งกับงานวิจัยของ พนิตนาฎ ชานาญเสือ และจีราภรณ์ ช่ืนฉา่ 8 ไดท้ าการวิจยั เรื่อง ภาวะผูน้ าเชิงปฏิรูป ของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนกในเครือข่าย ภาคกลาง 2 ผลการวิจยั พบว่า ภาวะผูน้ าเชิงปฏิรูปของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนกในเครือข่ายภาคกลาง 2 มีองคป์ ระกอบของ ภาวะผูน้ า 4 ดา้ น คือ ดา้ นการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ดา้ นการสรา้ งแรงบนั ดาล ใจ ดา้ นการคานึงถึงความเป็ นปัจเจกบุคคล และดา้ นการกระตุน้ ทางปัญญา นักศึกษา มีภาวะผู้นาโดยรวมอยู่ในระดับสูง ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นาเชิงปฏิรูปของ นักศึกษาพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลสังกัดสถาบันพระบรมราชชนกในเครือข่าย ภาคกลาง 2 ไม่มีความแตกต่างกันระหว่างระดับช้ันปี อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี ระดบั .05 การนาผลการวิจยั ไปใช/้ ขอ้ เสนอแนะ 1.ขอ้ เสนอแนะในการนาผลวิจยั ไปใช้ จ า ก ก า ร วิ จัย ก า ร พัฒ น า ภ า ว ะ ผู้น า ท า ง สุ ข ภ า พ ข อ ง นั ก ศึ ก ษ า ห ลั ก สู ต ร พยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ผูว้ ิจยั มขี อ้ เสนอแนะดงั น้ ี 1.การนารูปแบบการพัฒนาภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลักสูตร พยาบาลศาสตรบณั ฑิต วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ซ่ึงเป็ น การใชแ้ บบสอบถาม และการใชก้ ระบวนการสนทนากลุ่ม ในการประเมินภาวะผูน้ า ทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิตไปใชก้ บั นักศึกษาหลกั สูตร พยาบาลศาสตรบณั ฑิตรุ่นอื่นๆ ในรายวิชาอื่นๆที่เก่ียวขอ้ งกบั การปฏิบตั ิการพยาบาล เพ่ือเป็ นเคร่ืองมือกลางที่ใชใ้ นการพฒั นาภาวะผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สตู ร พยาบาลศาสตรบณั ฑิตในทุกชน้ั ปี 2. ขอ้ เสนอแนะในการทาวิจยั คร้งั ตอ่ ไป 2.1 ควรทาการศึกษาเพื่อประเมนิ ประสิทธิภาพของการใชแ้ บบประเมินภาวะ ผูน้ าทางสุขภาพของนักศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต ในนักศึกษาพยาบาล ทุกช้นั ปี ของวิทยาลยั เพ่ือเป็ นการประเมนิ และเปรียบเทียบประสิทธิภาพของเคร่ืองมือ
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 31 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) กิตตกิ รรมประกาศ ขอขอบพระคุณผู้เช่ียวชาญท้ัง 3 ท่าน คือ อาจารย์เพชรรัตน์ พิบาลวงศ์ อาจารย์ญาณี แสงสาย และอาจารย์กิตติยาพร จันทร์ชม ที่กรุณาตรวจสอบ ความถูกตอ้ งและความตรงตามเน้ ือหาของเคร่ืองมือวิจยั และใหข้ อ้ เสนอแนะที่เป็ น ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ก า ร พัฒ น า ป รับ ป รุ ง เ ค ร่ื อ ง มื อ จ น ท า ใ ห ้เ ค รื่ อ ง มื อ มี คุ ณ ภ า พ แ ล ะ มี ความเชื่อมนั่ ในการทดสอบจนเป็ นงานวจิ ยั พฒั นาท่ีสมบรู ณ์ยิ่งข้ ึน พรอ้ มท้งั ใหแ้ นวคิด ตลอดจนแนวทางในการศึกษาวิจยั และใหก้ าลงั ใจจนสาเร็จลุล่วงไปไดด้ ว้ ยดี ผูว้ ิจยั ขอขอบคุณนักศึกษาวิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ที่ใหค้ วามรว่ มมอื ใหข้ อ้ มลู ที่เป็ นประโยชน์ต่อการวจิ ยั คร้งั น้ ี สุดทา้ ยผูว้ ิจัยขอกราบขอบพระคุณ ผูอ้ านวยการวิทยาลยั พยาบาลบรมราช ชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ดร.ปัทมา ผ่องศิริ ท่ีสนับสนุนอุดทุนหนุนและส่งเสริม การทาวิจยั คร้งั น้ ี เอกสารอา้ งองิ 1. ทศั นา บุญทอง. ปฏิรูประบบบริการพยาบาลท่ีสอดคลอ้ งกบั ระบบบริการ สุขภาพไทยที่พึงประสงคใ์ นอนาคต. พิมพค์ รง้ั ท่ี 1. กรุงเทพฯ: ศิริยอดการ พิมพ;์ 2542. 2. กอบกุล พนั ธเ์ จริญวรกุล และคณะ, บรรณาธิการ. การพฒั นาหลกั สตู ร พยาบาลศาสตรบณั ฑิตเพื่อการสง่ เสริมสุขภาพ. การสมั มนาพยาบาลศาสตร์ ศึกษาแหง่ ชาติ ครง้ั ท่ี 3 : การพฒั นาการจดั การศึกษาหลกั สูตรพยาบาลศา สตรบณั ฑิต : เพื่อตอบสนองการปฏิรปู ระบบบริการสุขภาพไทย; 23-25 กรกฎาคม 2544; คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล; 2544. 3. Bass B M. Leadership and performance beyond expectation. New York: The Free Press; 1985. 4. เรมวล นันทศ์ ุภวฒั น์. ภาวะผูน้ าทางการพยาบาลในองคก์ าร. พิมพค์ รง้ั ที่ 1. เชียงใหม:่ นพบุรีการพิมพ;์ 2542. 5. ชูชยั ศุภวงศ,์ สมศกั ด์ิ ชุณหรศั ม์,ิ ลดั ดา ดาริการเลิศ, สุพตั รา ศรีวณิชชากร, เกษม เวชสุทรานนท.์ คู่มือการใหบ้ ริการของ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล. พิมพค์ ร้งั ท่ี 1. กรุงเทพฯ: ที ศิวพี; 2552.
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 32 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) 6. สาเริง แหยงกระโทก และสุจิรา มงั คละศิริ. ศูนยส์ ุขภาพชุมชน : หนทางสู่ ระบบบริการที่พึงประสงค.์ พิมพค์ ร้งั ท่ี 1. กรุงเทพฯ: แสงโชคมาเก็ตต้ ิง; 2544. 7. สถาบนั พระบรมราชชนก สานักงานปลดั กระทรวง กระทรวงสาธารณสุข. หลกั สูตรพยาบาลศาสตรบณั ฑิต [อินเตอรเ์ น็ต]. 2545 [เขา้ ถึงเมื่อ 4 มี.ค. 2561]. เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://www.pi.ac.th/ cours/01_1_0course.php 8. พนิตนาฎ ชานาญเสือ และจีราภรณ์ ช่ืนฉา่ . ภาวะผูน้ าเชิงปฏิรปู ของนักศึกษา พยาบาลวิทยาลยั พยาบาลสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนกในเครือขา่ ยภาค กลาง 2. วารสารวทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา 2558;21: 75-87. 9. อารีย์ ออ่ งสวา่ ง และนิตยา นิลรตั น์. ภาวะผูน้ าการเปลี่ยนแปลง และ คุณลกั ษณะของผูต้ ามที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการดาเนินงานของ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล ในจงั หวดั นราธิวาส. วารสารเครือขา่ ย วิทยาลยั พยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้ 2561;5:272-87. 10. World Health Organization (WHO). Ottawa charter for health promotion first international conference on health promotion Ottawa, 21 November 1986 [Internet]. 2012 [cited 2018 Oct 11]. Available from: http//www.who.int/hpr/NPH/docs/Ottawa_charter_hp.pdf
รูปแบบการพฒั นาระบบการเรียนการสอนออนไลนแ์ บบเปิ ด สาหรบั มหาชนของสถาบนั พระบรมราชชนก นนั ทรตั น์ ศรีวชิรางกูร* บทคดั ยอ่ การวิจยั คร้งั น้ ีใชว้ ิธีการวิจยั และพฒั นา มีวตั ถุประสงคแ์ ละวิธีดาเนินการวิจยั 3 ระยะ คือ ระยะที่1 เพื่อศึกษาสภาพการดาเนินงาน ปัญหา ความตอ้ งการ ใชร้ ะบบ การเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดสาหรบั มหาชนของสถาบนั พระบรมราชชนก โดย วิธีการสารวจขอ้ มลู จากแบบสอบถามสภาพการดาเนินงาน ปัญหาและความตอ้ งการ กลุ่มตวั อย่าง ไดแ้ ก่ ผูบ้ ริหารสารสนเทศ อาจารยผ์ ูส้ อนและผูด้ ูแลระบบสารสนเทศ วิทยาลยั ในสงั กดั จานวน 39 วิทยาลยั ระยะท่ี2 เพื่อพฒั นารูปแบบการพฒั นาระบบ การเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดสาหรบั มหาชนของสถาบนั พระบรมราชชนกโดย วิธีการสนทนากลุ่ม (Focus group)และจากการประชุม กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผูเ้ ชี่ยวชาญดา้ นการจดั การเรียนการสอนออนไลน์ จานวน12 ท่าน และระยะท่ี3 เพ่ือ ประเมนิ รบั รองความเหมาะสมของรูปแบบ โดยใชแ้ บบประเมินรบั รองความเหมาะสม ของรูปแบบ โดยผูท้ รงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และความเช่ียวชาญดา้ นการจดั การ เรียนการสอนออนไลน์ จานวน 5ท่าน วิเคราะหข์ อ้ มูลโดยใชก้ ารวิเคราะห์เน้ ือหา ค่าสถิติรอ้ ยละ คา่ เฉล่ียเลขคณิต และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการศึกษาสภาพการดาเนินงานด้านการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลของสถาบันพระบรมราชชนกโดยรวมอยู่ในระดับมาก (Mean = 3.59, S.D.= 0.84) ปั ญหาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลภาพรวมอยู่ในระดับมาก (Mean = 3.57, S.D.= 0.88) และความตอ้ งการด้านการใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทลั ภาพ รวมอยู่ในระดับมาก(Mean = 3.62, S.D.= 0.86) 2) ผลการพัฒนารูปแบบ ประกอบดว้ ย 7 องคป์ ระกอบหลกั คือ การบริหารระบบและการใหบ้ ริการ การบริหาร จดั การ การออกแบบ การพฒั นา การนาไปใช้ การสอน และผลการเรียนรู้ และมี 20 องคป์ ระกอบยอ่ ย * สถาบนั พระบรมราชชนก สานักงานปลดั กระทรวงสาธารณสุข วนั ที่รบั (received) 24 เม.ย.2562 วนั ที่แกไ้ ขเสร็จ (revised) 1 พ.ค.2562 วนั ที่ตอบรบั (Accepted) 7 พ.ค.2562
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 34 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) 3) ผลการประเมินรบั รองรูปแบบโดยผูท้ รงคุณวุฒิ เห็นว่ารูปแบบมีความสอดคลอ้ ง และเหมาะสมในการนาไปใช้ ในระดบั มากที่สุด (Mean = 4.67, S.D.= 0.47) คาสาคญั : รูปแบบ,การเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดสาหรบั มหาชน, สถาบนั พระบรมราชชนก
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 35 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) The Development model of Praborommarajchanok Institute’s Massive Open Online Course (PI-MOOC) Nantarat Sriwachirangkoon RN.Msc* Abstract The purposes and method had 3 stages of research. The first stage was to study operational conditions, the problems digital learning and need of using online learning of Praboromarajchanok Institute. The samples consisted of 39 participants, including chief information officers, lecturers and information system administrators in nursing colleges under the Praboromarajchanok Institute. The second stage wasto develop model of Praboromarajchanok Institute’s Massive Open Online Course (PI-MOOC) by using focus group. The samples consisted of 12 participants, including12 experts with experience and expertise who possessed knowledge or experiences designing online learning and teaching. The third was to assess the PI-MOOC. The samples consisted of five participants, including 5 higher educators who managed online learning analysis in online teaching and learning selected by purposive sampling. The data were analyzed by content analysis, frequency, percentage, mean and standard deviation. The results found three parts. The first one was the overall mean of the operational conditions of using online learning resources of Praboromarajchanok Institute at high level (Mean = 3.59, S.D. = 0.84). The overall mean of the problems digital learning of Praboromarajchanok Institute was high level (Mean = 3.57, S.D. = 0.88). The overall mean of the need of using online learning resources was high level (Mean = 3.62, S.D. = 0.86). The second one was the model of PI-MOOC that was developed and composed of seven components: infrastructure and support system, course management, course design, course development, course implementation, course * Praboromarajchanok Institute Office of the Permanent Secretary
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 36 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) instructional and course evaluation including 20 sub-components. The third one was the result of the evaluation by higher education, who managed online learning analysis, at high level (Mean = 4.67, S.D. = 0.47) Keyword: online learning resources, massive open online course, MOOC, Praboromarajchanok institute
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 37 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ท่ีมาและความสาคญั ของปัญหา สถาบันพระบรมราชชนก เป็ นองค์กรท่ีดาเนินภารกิจผลิตและพัฒนา บุคลากร มีความมุ่งมนั่ ในการพัฒนาวิทยาลัยในสังกัดใหเ้ ป็ นองค์กรสมรรถนะสูง ในระดบั สากล (High Performance Organization : HPO) เป็ นหน่วยงานกลางท่ีกาหนด นโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการผลิตและพัฒนาบุคลากร ปั จจุบันสถาบัน พระบรมราชชนกกาลังเตรียมความพรอ้ มรองรบั การเป็ นสถาบนั อุดมศึกษาเฉพาะ ทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีภารกิจหน้าท่ีใน การผลิตและพฒั นากาลงั คนดา้ นสุขภาพของประเทศ โดยตอ้ งมีการบรู ณาการกบั ภาคี เครือขา่ ยทุกภาคส่วนที่เก่ียวขอ้ งในการเสริมสรา้ งศกั ยภาพคน ซึ่งมุ่งเน้นอนาคตไว้ 5 ป ร ะ เ ด็ น คื อ 1) Rule and regulation 2) Organization reform 3) Education management reform 4) Network collaboration 5) Good governance2 โดยกลยุทธ์ สาคญั ที่จะนาองคก์ รไปสเู่ ป้าหมายท่ีวางไวค้ ือ พฒั นาการเรียนรโู้ ดยผ่านกระบวนการ เรียนรู้เพื่อการเปล่ียนแปลงและสหสาขาวิชาชีพ ( Transformative & inter- professional education) ซ่ึงจาเป็ นต้องมีการพัฒนาระบบการจัดการขอ้ มูลและ เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการบริหารจดั การองคก์ รและการจดั การศึกษา/การพฒั นา บุคลากร อีกท้งั ยงั ตอ้ งเสริมสรา้ งความเขม้ แข็งเครือข่ายความร่วมมือดา้ นการผลิต และพฒั นาบุคลากรดา้ นสุขภาพ กบั องค์กรต่างๆการนารูปแบบการเรียนการสอน ออนไลน์ มาใชใ้ นการพฒั นาบุคลากร และนักศึกษา เพื่อใหเ้ กิดการเรียนรูต้ ลอดชีวิต และลดความเหลื่อมล้า ทางการศึกษา จะเป็ นการสรา้ งฐานองคค์ วามรู้ และเป็ นการ แบ่งปันทรพั ยากรการเรียนรูร้ ่วมกบั ภาคีเครือข่ายทางการศึกษา พฒั นาไปสู่การเป็ น สถาบนั อุดมศึกษาเฉพาะทางในสงั กดั กระทรวงสาธารณสุข เป็ นกลไกหน่ึงท่ีจะสรา้ ง ความเขม้ แข็งใหก้ บั สถาบนั พระบรมราชชนก ปัจจุบนั มีหลักสูตร จานวน 12 หลักสูตร สาขาพยาบาลศาสตร์ และสาขา สหเวชศาสตร์ รวมถึงหลกั สูตรต่างๆดา้ นการพฒั นาบุคลากร เช่น หลกั สูตรผูบ้ ริหาร ระดบั กลางและระดบั ตน้ เป็ นตน้ ซึ่งพบวา่ ปัจจุบนั มีรูปแบบการจดั การเรียนการสอน ท่ีหลากหลาย เช่น การส่งเสริมทักษะนักศึกษาโดยใชก้ ระบวนการคิดชุมชนแห่ง การเรียนรูท้ างวิชาชีพ (Professional learning community) การจดั การเรียนรูแ้ บบใช้ ปัญหาเป็ นฐาน (Problem-based learning) มีการพฒั นาส่ือการเรียนการสอนและ รูปแบบบทเรียนออนไลน์ (e-learning & Web based learning) เป็ นตน้ ซ่ึงรูปแบบ
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 38 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) การจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน มีขอ้ จากัดของการเขา้ ถึงและจานวนผู้เรียน รวมท้ังต้นทุนค่าใช้จ่ายในการ จัดการเรียนการสอนและการจัดหาครูผู้สอน ที่มศี กั ยภาพ การเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดมหาชน (Massive Open Online Course: MOOC) เป็ นการนาเทคโนโลยีและวิธีการเรียนการสอนสมยั ใหม่มาผสมผสานกับ การเรียนรู้หลักสูตรต่างๆ ทางออนไลน์ที่เข้าถึงผู้เรียนจานวนมากผ่านทาง หน้าเว็บไซต์และเป็ นการใหบ้ ริการฟรี โดยมีหลักสูตร มีระยะเวลาเปิ ดปิ ด เหมือน หอ้ งเรียนปกติ มกี ารกาหนดหวั ขอ้ ยอ่ ยในรายวชิ า มกี ารวดั และประเมินผล มกี ารบา้ น และกิจกรรมใหผ้ ู้เรียนไดท้ างานกลุ่ม อีกท้ังสามารถใหผ้ ูเ้ รียนเทียบหลักสูตรกับ สถาบนั อุดมศึกษาอ่ืน หรือใชอ้ า้ งอิงในการสมคั รงานไดอ้ ีกดว้ ย1 รูปแบบการเรียน การสอนออนไลน์ดังกล่าว ทาใหเ้ กิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต นักเรียน นักศึกษา ทัว่ ประเทศสามารถเขา้ เรียนในระบบท้ังในช้ันเรียนและนอกเวลาเรียนได้ทุกท่ี ทุกเวลาในดา้ นผูส้ อนสามารถคดั เลือกผลงานสรา้ งสรรคแ์ บบดิจิทัลเขา้ ลงทะเบียน เพื่อใหน้ ักเรียนใชง้ านไดอ้ ย่างเป็ นระบบรวมท้งั ไดร้ บั ทราบถึงความนิยมของบทเรียน ที่สรา้ งข้ ึน สามารถติดตามความกา้ วหน้าของการเรียน รวมท้ังสามารถใชข้ อ้ มูล เก่ียวกับคุณภาพของส่ือสาระออนไลน์ของครูผูส้ อน เพื่อใชป้ ระกอบการพิจารณา ความดีความชอบไดโ้ ดยการวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน อีกท้ังช่วยลด ความเหลื่อมล้าของคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนที่ดอ้ ยโอกาส รูปแบบการเรียน การสอนออนไลน์แบบเปิ ดมหาชน (MOOC) น้ันจะสรา้ งประสบการณก์ ารเรียนรูแ้ บบ เฉพาะบุคคลที่เหมือนกับการเรียนตัวต่อตัวมากข้ ึน โดยใชเ้ ทคโนโลยีทางด้าน การวิเคราะห์ข้อมูลเข้ามาช่วย หากวิทยาลัยมีการเปิ ดระบบการเรียนรู้แบบ MOOC โดยสรา้ งรายวิชาและออกแบบการประเมินผลที่ชัดเจน เท่ียงตรงสอดคลอ้ งกับ ความตอ้ งการของวิทยาลยั 3 จากการทบทวนวรรณกรรมเก่ียวกบั การเรียนการสอนออนไลน์ระบบเปิ ด แบบ MOOC พบว่า ในต่างประเทศน้ันมีการมีการพฒั นาร่วมกบั รายวิชาเรียน ซึ่งมี จุดเด่นในการเขา้ ถึง ไม่มีค่าใชจ้ ่าย การมีปฏิสัมพันธ์กับผูเ้ รียน และมีเสรีภาพใน การเรียน นักเรียนมีสิทธ์ิที่จะเลือกเรียนได้ตามใจชอบเท่าที่ตัวเองอยากเรียน ผลการศึกษาพบวา่ ผูเ้ รียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนและความคุม้ ค่าของรายวิชาอยู่ ในระดับมาก3 ส่วนในสถาบนั การศึกษาของประเทศไทย ไดม้ ีการพัฒนารายวิชา ในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ระบบเปิ ด ภายใต้โครงการ Thai MOOC
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 39 ปี ท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ซ่ึงปัจจุบนั พบวา่ มีรายวิชามากกว่า 150 วิชา โดยมหาวิทยาลยั ที่เป็ นแม่ข่ายท้ังหมด 9 แห่ง9 แต่พบว่ามีวิชาที่เป็ นด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพเพียง 4 รายวิชาจาก มหาวิทยาลัยมหิดล9เท่าน้ัน และพบว่ายังไม่มีรายวิชาใดที่พัฒนาโดยวิทยาลัย ในสงั กดั ของสถาบนั พระบรมราชชนก ผูว้ ิจยั จึงเล็งเห็นความสาคญั ของปัญหาดงั กล่าว จึงไดท้ าการศึกษาและพัฒนารูปแบบการพัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ แบบเปิ ดสาหรับมหาชนของสถาบันพระบรมราชชนกข้ ึนเพ่ือใชเ้ ป็ นแนวทางใน การพัฒนาวิทยาลัยในสังกัดทัว่ ประเทศ ใหเ้ กิดการแบ่งปันทรัพยากรการเรียนรู้ ระหวา่ งวทิ ยาลยั ในสงั กดั ที่มคี วามเช่ียวชาญในแต่ละสาขาต่อไป วตั ถุประสงคข์ องการวิจยั 1.เพื่อศึกษาสภาพการดาเนินงานปัญหา ความตอ้ งการใชร้ ะบบการเรียน การสอนออนไลน์แบบเปิ ดสาหรบั มหาชนของสถาบนั พระบรมราชชนก 2.เพื่อพฒั นารูปแบบการพัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ด สาหรบั มหาชนของสถาบนั พระบรมราชชนก 3.เพ่ือประเมินรบั รองความเหมาะสมของรูปแบบการพฒั นาระบบการเรียน การสอนออนไลน์แบบเปิ ดสาหรบั มหาชนของสถาบนั พระบรมราชชนก กรอบแนวคิดการวิจยั การวิจัยคร้ังน้ ี ใช้กรอบแนวคิดสาคัญ ประกอบด้วย แนวคิดของระบบ การเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดมหาชน3,6 แนวคิดการใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทลั เพื่อ การศึกษา6-7 และ กรอบนโยบายสาคัญ 3 นโยบายหลัก คือ นโยบายการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทย4 แผนอุดมศึกษาระยะยาว15 ปี พ.ศ.2551- 25655 และนโยบายสถาบันอุดมศึกษาท่ีมีสมรรถนะสูงดา้ นการผลิตและพัฒนา กาลงั คนสุขภาพของประเทศ2 นิยามศพั ทใ์ นการการวิจยั ระบบการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดสาหรับมหาชน (MOOC) หมายถึง รูปแบบของการจดั การเรียนการสอนออนไลน์ในระบบเปิ ดโดยการนาเอา เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต และวิธีการเรียนการสอนมา ผสมผสาน ผูเ้ รียนจานวนมากสามารถเขา้ ถึงได้ โดยผ่านชอ่ งทางออนไลน์
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 40 ปี ที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม-เมษายน 2562) สถาบนั พระบรมราชชนก หมายถึง หน่วยงานที่ทาหน้าท่ีผลิตและพฒั นา กาลงั คนดา้ นสุขภาพ สงั กดั กระทรวงสาธารณสุขในปี พ.ศ. 2562 สถาบนั อยูร่ ะหวา่ ง การเตรียมความพร้อมเพ่ือรองรับการเป็ นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางด้าน วิทยาศาสตรส์ ุขภาพ ในสงั กดั กระทรวงสาธารณสุข มวี ทิ ยาลยั ในสงั กดั จานวน 39 แห่ง รูปแบบการพัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดสาหรับ มหาชนของสถาบนั พระบรมราชชนก (PI-MOOC) หมายถึง แนวทางหรือข้นั ตอน การปฏิบตั ิที่วางไวเ้ พื่อเป็ นตน้ แบบของการจดั การเรียนการสอนแบบ MOOC สาหรบั วิทยาลยั ในสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนก นาไปไชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม วิธีดาเนินการวิจยั ระยะท่ี 1 การศึกษาสภาพการดาเนินงาน ปัญหา ความตอ้ งการ ศึกษา เอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวข้อง จากน้ันสร้างเครื่องมือแบบสอบถามสภาพ การดาเนินงาน ปัญหา และความตอ้ งการดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทลั เพ่ือการเรียนรู้ ของสถาบนั พระบรมราชชนก และสารวจแบบสอบถาม วิเคราะหข์ อ้ มลู สรุปผล ระยะที่ 2 พฒั นารูปแบบ ผูว้ จิ ยั คดั เลือกแหล่งขอ้ มลู เกี่ยวกบั การพฒั นาระบบ การเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดมหาชน จากเอกสารและงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งของ สถานศึกษาและหน่วยงานอ่ืน จานวนท้งั ส้ ิน 4 แหล่งขอ้ มลู ประกอบดว้ ย 1) รูปแบบ การจัดการศึกษาออนไลน์ระบบเปิ ดแบบ MOOC ของต่างประเทศ 2) การศึกษา รูปแบบ MOOC ของอุดมศึกษาไทย 3) แนวทางการดาเนินงานพัฒนาคุณภาพ การศึกษาทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 4) มาตรฐานและแนวปฏิบัติ การเรียนการสอน MOOC นาขอ้ มลู ท้งั 4 แหล่ง สงั เคราะหข์ อ้ มูลที่เกี่ยวขอ้ ง โดยสรา้ ง แบบสังเคราะห์ข้อมูล (Table analysis) และจาแนกองค์ประกอบของแต่ละ แหล่งขอ้ มูล เปรียบเทียบองค์ประกอบส่วนท่ีเหมือนกันและต่างกัน จนได้(ร่าง) รูปแบบการพฒั นาระบบการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดมหาชนของสถาบันพระ บรมราชชนก นา(ร่าง)รูปแบบใหอ้ าจารยท์ ี่ปรึกษาพิจารณา เสนอแนะ และปรบั ปรุง แกไ้ ข จากน้ันทาการสนทนากลุ่ม (Focus group) ประชุมโดยมีผูเ้ ชี่ยวชาญ จานวน 12 ท่าน เพื่อแสดงความคิดเห็นต่อ(รา่ ง)รปู แบบที่พฒั นาข้ ึน
วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 41 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ระยะที่ 3 การประเมินรบั รองความเหมาะสมของรูปแบบ นา(ร่าง)รูปแบบ ที่ปรบั ปรุงแกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะจากอาจารยท์ ี่ปรึกษาและ จากการสงั เคราะหข์ อ้ มูลจาการสนทนากลุ่มในระยะท่ี 2 จาแนกตามองค์ประกอบ หลักและองค์ประกอบย่อย จากน้ันสรา้ งแบบประเมินรับรองความเหมาะสมของ รูปแบบ สาหรบั ใหผ้ ูท้ รงคุณวุฒิ จานวน 5 ท่านทาการประเมินความเหมาะสมต่อ การนาไปใชแ้ ละรบั รองรูปแบบ ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง ระยะท่ี 1ประชากร คือ บุคลากรวทิ ยาลยั ในสงั กดั สถาบนั พระบรมราชชนก จานวน 39 แห่ง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสารสนเทศ อาจารย์ผู้สอน ที่มี ประสบการณด์ า้ นการจดั การเรียนการสอนออนไลน์และผูด้ ูแลระบบสารสนเทศ ระยะที่ 2 ประชากร คือ ผูเ้ ช่ียวชาญในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ จากสถาบันอุดมศึกษาท้ังภาครฐั และเอกชน ซ่ึงมีเกณฑใ์ นการคัดกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้เ ชี่ ย ว ช า ญ ท่ี มี ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ด้า น ก า ร จัด ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น อ อ น ไ ล น์ ในระดับอุดมศึกษา หรือนักวิชาการ อาจารยผ์ ู้สอน ที่มีประสบการณ์ท่ีใชว้ ิธีการ จดั การเรียนการสอนบนเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ตหรือเครือข่ายสงั คมออนไลน์ โดยมี ประสบการณท์ างาน ไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี จานวน 12 ท่าน ระยะท่ี 3 ประชากร คือ ผูท้ รงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ดา้ นการจดั การเรียนการสอนออนไลน์ จากสถาบนั อุดมศึกษาท้งั ภาครฐั และเอกชน ซ่ึงมีเกณฑใ์ นการคดั กลุ่มตวั อย่าง คือ ผูท้ รงคุณวุฒิ ซ่ึงเป็ นผูท้ ี่มีความรู้ ประสบการณ์ และความเช่ียวชาญดา้ นการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ในระดับอุดมศึกษา ท่ีมีประสบการณท์ างานมากกวา่ 10 ปี จานวน 5 ท่าน เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั ระยะที่ 1 ประกอบดว้ ยแบบสอบถาม 2 ชุด คือ ชุดท่ี1 แบบสอบถามสภาพ การดาเนินงานและปัญหาการใชร้ ะบบการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดสาหรบั มหาชน และ ชุดท่ี 2 แบบสอบถามความตอ้ งการใชร้ ะบบการเรียนการสอนออนไลน์ แบบเปิ ดสาหรบั มหาชน เป็ นขอ้ คาถามปลายปิ ด จานวน 42 ขอ้ ลกั ษณะของแบบวดั เป็ นแบบประเมินค่า 5 ระดบั คือ 5 = มากท่ีสุด 4 = มาก 3 = ปานกลาง 2 = นอ้ ย และ 1= นอ้ ยท่ีสุด ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบ 6 ดา้ น คือ ดา้ นฮารด์ แวร์ (Hardware) ดา้ นซอฟต์แวร์ (Software) ดา้ นฐานขอ้ มูล (Database) ดา้ นเครือข่าย (Network) ดา้ นกระบวนการ (Procedure) ดา้ นบุคลากร (People)
วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 42 ปี ท่ี 3 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม-เมษายน 2562) ระยะที่ 2 แบบวิเคราะห์ สังเคราะห์ความคิดเห็นของผูเ้ ช่ียวชาญ เพ่ือให้ ผูเ้ ชี่ยวชาญไดพ้ ิจารณาองคป์ ระกอบหลกั และองคป์ ระกอบยอ่ ยของรปู แบบ ระยะที่ 3 แบบประเมินรบั รองความเหมาะสมของรูปแบบการพฒั นาระบบ การเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดสาหรบั มหาชน จานวน 7 ขอ้ ลกั ษณะของแบบ วดั เป็ นแบบประเมินค่า 5 ระดบั ไดแ้ ก่ 5 = มากที่สุด 4 = มาก 3 = ปานกลาง 2 = น้อย 1 = น้อยท่ีสุด และส่วนท่ี 2 จานวน 2 ขอ้ เป็ นคาถามปลายเปิ ดเกี่ยวกับการ แสดงความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะ การพิทกั ษส์ ิทธ์ิกล่มุ ตวั อยา่ ง การวิจยั น้ ีไดผ้ ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจยั ในมนุษยข์ องวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จงั หวดั ชลบุรี เลขท่ี 03/62 ลงวนั ท่ี 2 ตุลาคม 2561 การตรวจสอบคณุ ภาพของเครือ่ งมือ การตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือโดยการ หาความตรงตามเน้ ือหา (Content validity) ของเคร่ืองมือท่ีใชเ้ ก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยผูท้ รงคุณวุฒิ 3 ท่าน ประกอบดว้ ย อาจารยด์ า้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ 2 ท่าน อาจารยด์ า้ นการจัดการเรียนการสอน ออนไลน์ 1 ท่าน และหลังการตรวจสอบผู้วิจัยปรับแกไ้ ขตามขอ้ เสนอแนะของ ผูท้ รงคุณวุฒิและนาเคร่ืองมือที่ไดม้ าคานวณ หาค่าดชั นีความสอดคลอ้ งของเน้ ือหา เท่ากับ0.85 และนาเคร่ืองมือไปหาความเชื่อมัน่ ของแบบสอบถามโดย นา แบบสอบถามที่สรา้ งข้ นึ ไปทดลองกบั กลุ่มตวั อยา่ งจานวน 10 แหง่ หาคา่ ความเช่ือมนั่ ของแบบสอบถามหาความสอดคลอ้ งภายในเน้ ือหาโดยวธิ ีสมั ประสิทธ์ิอลั ฟ่ าของครอน บารค์ (Cronbach’s alpha coefficient)ไดค้ ่าความเชื่อมนั่ เท่ากบั 0.95 วิธกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มูล ระยะที่ 1 ผูว้ ิจยั เก็บขอ้ มูล ในช่วงเดือน ตุลาคม 2561 โดยใหก้ ลุ่มตัวอย่าง ตอบแบบสอบถามในรูปแบบออนไลน์โดยใช้ Google Form Scan ผ่าน QR code ไดร้ บั ขอ้ มลู คืนมา จานวน 37 ชุด คิดเป็ นรอ้ ยละ 94.87 ระยะท่ี 2 ผู้วิจัยนาผลการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลจากระยะที่ 2 สรา้ งรูปแบบการพฒั นาระบบการเรียนการสอนออนไลน์แบบเปิ ดมหาชนของสถาบนั พระบรมราชชนก โดยจาแนกตามองค์ประกอบหลักและองคป์ ระกอบย่อย และให้ อาจารย์ท่ีปรึกษาใหข้ อ้ เสนอแนะเพ่ือปรับปรุงแกไ้ ข จานวน 3 คร้ัง ในช่วงเดือน พฤศจิกายน 2562จากน้ันจัดการประชุมกลุ่มย่อยเพ่ือระดมสมอง 1 คร้ัง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112